หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
sanpat91
Joined: อังคาร ก.ค. 13, 2010 10:10 pm
1723
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - sanpat91
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
เมื่อย้อนกลับไปมองตัวเองตอนเข้าตลาดใหม่ๆ ขนาดพอร์ตที่เล็กมาก ปันผลที่น้อยนิด ทำให้เมื่อมองกลับมาวันนี้ผมมักจะมีความภูมิใจในตัวเองที่มีความสามารถทำให้ขนาดพอร์ตโตได้เท่าทุกวันนี้ ถึงแม้มันจะเล็กกว่าของใครอีกหลายคน แต่ผมก็ภูมิใจที่มันเกิดขึ้นมาได้จากตัวของผมเอง หรือใครอาจจะบอกว่าช่วงนี้ตลาดดี ใครซื้อตัวไหนก็ขึ้นหมด ผมเชื่อก็อย่างนั้นครับ แต่ตั้งแต่ลงทุนมา 5ปี ผมยังไม่เคยแพ้ตลาดเลยเหมือนกัน ไมล์บินตอนนี้ผมอาจจะน้อย เพราะผ่านวิกฤต ใหญ่มาแค่ครั้งเดียวแต่ผมก็ไม่เคยหยุดความฝันของผม ผมเชื่อว่าผมทำได้ และแน่นอน ความฝันของผมก็ไม่ใช่แค่100 หรือ1000 หรือ 10000 แน่นอนครับ เ ใครอยากจะหยุดตรงไหน ก็ตามสบายครับ จะชงจะเชื่อ ในหลักการอะไรก็แล้วแต่ครับ เพราะมันขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่สำหรับผม ผมเชื่อในตัวเอง ผมเชื่อในศักยภาพของตัวเอง ผมจะไม่ยอมหยุด แค่วันนี้หรือพรุ่งนี้ เพราะผมเชื่อว่า คนเราเกิดมาแค่ครั้งดียว ทำแล้วต้องทำให้สุดครับ The past 5 year is exceptional !!!!! it does not occur very often. Dividend is real. Market value is illusion.
โดย
sanpat91
พุธ ส.ค. 14, 2013 9:32 pm
0
4
Re: Competitive Advancetage --> ADVANC, DTAC, TRUE
กองทุน อินฟรา และ การลดพาร์ คือคำตอบ ของการวางแผนจ่ายปันผล ในปีหน้า ครับ และ ย้ำว่า กำไรที่ออกมาจาก true online กับ true vision จะออกมาให้เห็นอย่างผิดหูผิดตา อย่างไม่น่าเชื่อ และพอถึงจุดนั้น นักลงทุนก็ อ๋อ เข้าใจเกมเลย และภาพต่างๆจะเปลี่ยนไป จากหน้ามือเป็นหลังมือ
โดย
sanpat91
อาทิตย์ ส.ค. 04, 2013 7:53 am
0
1
Re: Competitive Advancetage --> ADVANC, DTAC, TRUE
ปิดงบปีนี้ หรืออย่างช้าปีหน้า TRUE จะจ่ายปันผลแล้วครับ กำไรใน TrueOnline TrueVision จะออกมาให้เห็นอย่างน่าประหลาดใจ เมื่อบริษัทสามารถจ่ายปันผลได้
โดย
sanpat91
เสาร์ ก.ค. 13, 2013 6:04 pm
0
0
Re: ==การซื้อ Makro ของ CPall ที่ อจ.นิเวศน์ บอกว่าซื้อไว้เห
ตราบใดที่ยังมีกระแสเงินสดพอที่จะจ่ายดอกเบี้ย ก็ยังดูไม่น่ากลัวอะไรเท่าไร หากมีปัญหาอะไรจริงๆ คนอย่างระดับเจ้าสัวคงหาวิธีการอะไรสักอย่างออกมาแน่ๆ ผมนึกถึง True นะครับ หนี้ออกจะเยอะ ยังดิ้นพลิกแพลง งัดกระบวนท่าออกมาโลดแล่นอยู่ในยุทธภพได้อยู่เลย ^^ But it made TRUE to face lots of problems over the past 10 years. and TRUE still has not come out from the hole yet. It's all about interest rates and currency exchanges...
โดย
sanpat91
ศุกร์ เม.ย. 26, 2013 9:57 pm
0
1
Re: Market Cap Value Comparison between IT SIS SYNEX JMART
ความคิดเห้นต่อ SIS หมายเหตุ งบการเงินของ Qool คือการ นำงบรวม มาหักลบ กับงบการเงินเฉพาะกิจการ หากเรามองรายได้ขายสินค้า ของ Qool ในงวด Q3 นั้น มีค่าเท่ากับ 514 ล้านบาท ถ้าเราเข้าไปดูในหมายเหตุ 13 น่ะครับ ต้นทุนสินค้าขายของ Qool นั้น เกิดจาก 1) การขายสินค้าในคงคลังเดิม 314.345 ล้านบาท 2) การซื้อสินค้าใหม่แล้วขายออกไป 147.535 ล้านบาท 3) เกิดจากการตั้งค่าเผื่อล้าสมัย 227.284 ล้านบาท ครับ ทีนี้ เรามาดู ยอดสินค้าคงคลังตอนสิ้น Q2 น่ะครับ ย้อนกลับไปดูงบเก่าได้ สินค้าคงเหลือ 1210.433 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเอา ค่าสินค้าคงเหลือ ในสิ้น Q2 นี้ ไปหัก ยอดขายสินค้าใน Q3 ที่ 314.345 ล้านบาท และ ยอดการตั้งค่าเผื่อ 227.284 ล้านบาท เราก็จะได้ ยอดสินค้าสุทธิล่าสุดใน Q3 คือ 668.804 ล้านบาท ตามที่คุณ Arwut กล่าวไว้ด้านบน ดังนั้นโดยสรุป มหายความว่า ในงวด Q3 ที่ผ่านมานั้น ยอดขายของ Qool ที่ 514 ล้านบาท เกิดจากการขายสินค้าคงคลังเดิมถึง 314.345 บาท หรือคิดสัดส่วน 61% ของยาดขายทั้งหมด (แทบไม่ได้สั่งซื้อเข้ามาใหม่แล้ว เร่งล้างสต๊อกเต็มที่) ดังนั้น ยอดตั้งค่าเผื่อใน Qool ที่ 227.284 ล้านบาทนั้น ตั้งจาก สินค้าคงเหลือ จำนวน (1210.433-314.345) = 896.088 ล้านบาท ที่ยังไม่ได้ขายออกไปใน Q3 หรือคิดเป็นสัดส่วนการตั้งค่าเผื่อ 25% ครับ การตั้งค่าเผื่อนี้ เกิดจากการที่ขายสินค้าไม่ทันก่อนปิดงบการเงินเท่านั้น จริงๆแล้ว Q2 ที่ล้างสินค้าไปเยอะนั้น เพื่อให้มันสะท้อนผลขาดทุนจริงๆ ผู้บริหารพยายามเต็มที่แล้วในการที่จะไม่ให้เกิดการตั้งค่าเผื่อในปริมาณมากที่อาจจะไม่สะท้อนการขาดทุนจริง (เพราะใน Q2 มันก็จะมีสินค้าคงคลังที่ถึงรอบการตั้งค่าเผื่อของมันเช่นกัน) ดังนั้น ยอดสินค้าคงคลังที่ขายไม่ทันแล้วถูกตั้งค่าเผื่อ ขึ้นอยู่กับ ยอดขายในงาน Mobile Expo เป็นสำคัญ ว่าจริงๆแล้วจะขาดทุนเพียงเท่าไร (น่าเสียดายที่งานจัดต้นเดือนตุลาคม ไม่งั้น งบการเงินใน Q3 จะเห็นภาพที่ชัดกว่านี้มากๆๆ) ทีนี้ยอดสินค้าคงเหลือ 668 ล้านบาท ใน Qool นั้น ถ้า Q4 สามารถขายออกไปได้ เหมือนอย่างที่ เกิดใน Q3 ก็ถือว่าผลกระทบต่องบการเงิน ก็เริ่มน้อยลงไปแล้ว เมื่อเทียบกับ ยอดสินค้าคงเหลือ 1,200 ล้านบาทใน Q2 ผมจึงเห็นด้วยกับคุณ Arwut ว่า ผลกระทบของสินค้าคงคลังที่มีปัญหา แล้วจะมากระทบงบการเงินน้อยลงไปมากแล้ว ประกอบกับ หากดูความสามารถในการทำกำไรของ SIS จากสินค้าที่ไม่มีปัญหา สามารถทำกำไร ได้ถึง 80-100 ล้านบาท ทั้งๆที่อยู่ใน ไตรมาสที่ตลาด IT ซบเซา นั่นหมายความว่า Long-term Value ของ SIS สามารถผลิตกำไรได้ในระดับ 320-400 ล้านบาทต่อปีได้ (อย่าลืมว่าปีหน้ามีโตเล็กน้อยจาก Tax ที่ลดลงด้วยในขณะที่ต้นทุนแรงงานขึ้นแล้วในกทมในปีนี้) แล้วยิ่งถ้ามองว่า Q3 ยอดขาย IT ซบเซาอย่างรุนแรงไม่มีใครซื้อ เพราะรอ Win8 แต่ SIS สามารถทำกำไรได้เกินกว่า 80 ล้านบาท นั่นหมายความว่า ถึงแม้หาก Win8 ไม่ได้กระตุ้นตลาด IT มากมาย แต่อย่างน้อยก็จะส่งผลดีให้ SIS ได้กำไรได้ดีกว่า กำไรที่เกิดขึ้นใน Q3 2012 ลองพิจารณา กันดูครับ นึกถึงเวลาทำธุรกิจเป็นเจ้าของกิจการ สินค้าอะไรมีปัญหาก็ต้องยอมเฉือนทิ้ง เอาให้จบกันไป เหมือนคนเป็นมะเร็ง ตัดเนื้อร้ายทิ้งออกไป ขาดทุนเท่าไรก็คือการขาดทุนให้ปัญหาจบ เปรียบเทียบ ก็ไม่ต่างจาก Sunk costs ของการลงทุนซื้อเครื่องจักร ที่มันผ่านไปแล้ว แต่ในเมื่อในเวลาที่สินค้าบางชิ้นมีปัญหา แต่ SIS ก็ยังสามารถสร้างกำไรจากสินค้าอื่นได้อย่างปกติ ความสามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมแทบจะไม่ลดลง ก็น่าติดตามน่ะครับ หลับตาสักพัก เปิดตามาอีกที 6 เดือนมาดูกันใหม่ ก็ช่วยลดความผิดพลาดจากการตัดสินใจได้
โดย
sanpat91
อังคาร พ.ย. 13, 2012 7:46 pm
0
4
Re: คิดอย่างไรถ้าจะต่อต้านไม่ให้มีการจัด analyst meeting ก่อ
This question is the same as asking people not to use the Bloomberg Terminal! If retail investors want to have rapid and valuable information, you need to pay for it. You need to measure the costs and benefits from paying for such superior information. It is normal. Again, it is the same as those investors who pay 500 baht a year for ThaiVI.
โดย
sanpat91
จันทร์ พ.ย. 05, 2012 8:23 pm
0
0
Re: จาก 1 ล้านเป็น 500 ล้าน ผมทำอย่างไร? โดย กิติชัย เตชะงาม
ผมว่าสไตล์การลงทุนของเขา ยาวมากถึงขนาดยาวกว่านักลงทุนพื้นฐานในนี้หลายๆคน เขาถือไม่ต่ำกว่า2-3 ปี แถมถือแบบคนประกอบธุรกิจ นั่นก็ไม่ต่างจากการถือเพราะพื้นฐานน่ะครับ
โดย
sanpat91
เสาร์ พ.ย. 03, 2012 6:30 pm
0
1
Re: Market Cap Value Comparison between IT SIS SYNEX JMART
งาน mobile expo ตอนต้นเดือน ตค 2555 ไปเดินดู. คนก็ไม่มาก. เปิด โซน c ไม่เต็ม. โซนเอ ก็ไม่เปิดด้วย Tablet จาก จีนราคาประมาณ 3-4 พันบาทเพียบ ขาดดี ส่วน ซัมซุงมาแบบใหญ่ คือ เหมือนเป็นสปอนซ์ของงาน คือซื้อแล้วของแถมเพียบ :) ตอนนี้ คนรอบข้างท่าน โดยเฉพาะเด็กรบเร้าให้ท่านซื้อ tablet or notebook or pc ละ ;) From K.Sorawut's comment at Synex room. สำหรับท่านที่กลัวว่า notebook จะถูก tablet กลืนทั้งหมดครับ ควรซื้อ Notebook หรือว่า iPad ดี? http://www.iphonemod.net/buy-notebook-or-ipad.html จะเห็นได้ว่า Windows 8 + Touchscreen Notebook (หลายตัวถอดจอได้เหมือน tablet) ทำให้เริ่มสูสีกับค่าย iOS, Android ขึ้นมาครับ แต่ต้องรอเวลาให้นักพัฒนาสร้าง app สำหรับ Windows 8 หน่อย ในขณะที่ iOS, Android ถ้าจะให้ทำได้ทุกอย่างที่ Windows 8 + Notebook ทำได้ เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมากครับ ผมคิดว่าที่กระแส tablet ช่วงหลังแรงกว่า notebook มากเพราะมีความเป็น fashion และ performace ยังไม่ถึงจุดที่เรียกว่าเหลือเฟื้อเหมือน notebook คืออาจจะมีคนที่ซื้อ tablet ใหม่ทุกปี เพราะอยากได้หน้าตาใหม่ spec เพิ่ม ในขณะที่ notebook ซื้อมาใช้จนพัง ซึ่งอาจจะกินเวลา 3 ปีขึ้นไป ฉะนั้นในระยะยาว notebook ไม่ถูกกลืนแน่นอนครับ แต่กระแส tablet น่าจะค่อยๆถูกดึงกลับมาจาก touchscreen notebook ที่บางเบา battery ยาวนาน หรือถอดจอได้เหมือน tablet ครับ )
โดย
sanpat91
พุธ ต.ค. 31, 2012 5:46 pm
0
0
Re: Market Cap Value Comparison between IT SIS SYNEX JMART
ลิงค์ตามนี้ครับ ด้านบนลิงค์ไม่สมบูรณ์ ขออภัย http://www.dcs-digital.com/moneychannel/program.php?listid=5
โดย
sanpat91
เสาร์ ต.ค. 27, 2012 7:43 am
0
0
Re: Market Cap Value Comparison between IT SIS SYNEX JMART
เดินสำรวจกระแสได้ที่พันธ์ทิพ พลาซ่า เปิดตัวปลายเดือนคนซื้อมีกำลังเงินในการจ่าย แต่ผู้บริโภคก็รอทิ้งช่วงในการออกผลิตภัณฑ์เพื่อให้มีความเสถียรแลกระแสการใช้งานหรือสาวก เกิดขึ้น. ถ้ากระแสไม่เกิดก็จะเงียบเหมือนตอนเปิด MS windows Vista แล MS Windows 7 จนกระทั่ง MS งัดมาตราการงด Downgrade ลงเป็น MS windows xp คนถึงซื้อตัวใหม่ :) ลองพิจารณา MoS กันครับ เป็นการสัมภาษณ์เรื่อง การเติบโตจาก 3G มีคนเอามาโพสไว้ที่ห้อง SIS อาจจะสามารถช่วยในการมองอนาคตของ SYNEX JMART และ IT ได้ แล้วลองพิจารณา มูลค่าเหมาะสมสำหรับปีหน้าครับ Hard Topic on 25 Oct 2012 มีพี่มนตรี และ คุณสมชัยมาออกรายการ http://www.moneychannel.co.th/0Live_0/p ... p?listid=5
โดย
sanpat91
เสาร์ ต.ค. 27, 2012 7:42 am
0
0
Re: Market Cap Value Comparison between IT SIS SYNEX JMART
ผมถึงบอกว่าตลาดเราเล็กมาก ดิสตี้ในตลาดตอนนี้มีหลายเจ้ามากนะครับ แต่ที่เห็นสินค้าวางขายจริงๆมีแค่synnex com7 dcomเท่านั้น ส่วนsis ingram_micro strekผมแทบไม่เห็น และในบอร์ดoczก็ไม่มีใครแนะนำให้ใช้นอกเหนือจากsynnex com7 dcom ฉนั้นคนที่จะโตได้เยอะๆมีแต่ต้องกินแชร์คนอื่นเท่านั้น ส่วนประเด็นที่บอกว่ามีหลายecosystem ออกwindows/google os/apple os/linuxใหม่แล้วตลาดจะโต ผมว่าไม่จริง เพราะcomputer componentสามารถลงosได้ทุกค่าย ขอแค่ผ่านrequirementและมีdriver ไม่เชื่อลองเทียบสเปคmcbookกับnotebookทั่วไปดูครับ เหมือนกันทุกอย่างต่างที่osเท่านั้น หรืออย่างน้อยคงเคยเห็นคนซื้อmcbookแต่ใช้windowsนะครับ เป็นอะไรที่ตลกมาก This is because K.Anubist is talking about computer components. SIS does not have a large market share in this market. SIS has larger marker shares than Synex in the market with complete ready-to-use devices. However, due to the changing trend that "complete PCs/laptops" tend to be as cheap as "assembled PCs/laptops" and due to the changing trend of moving into the touchscreen devices, the market of computer components is expected to be shrinking over time. Many ecosystems with comparable popularity create aggressive competition in the market to attract consumers into its own ecosystem. No monopoly... The growth of revenues tends to come from a big upgrading of softward and hardward devices among consumers and corporate in the market.
โดย
sanpat91
ศุกร์ ต.ค. 19, 2012 12:05 am
0
5
Re: Market Cap Value Comparison between IT SIS SYNEX JMART
I just make a comment in SIS room, and I feel that my comment can fit very well in the discussion in this topic. Please have a look at my comment below. What about the future picture of the IT business? When someone said that the IT industry has changed, I think it changes from one main monopoly platform of Microsoft into three main platforms (iOS, Win8, and Android). Each of these ecosystems can produce similar levels of productivity and efficiency to users. When looking at characteristics of devices, we are now moving toward the touch era. The mainstream of new devices in the market. This touch technology is no longer limited to only tablets and smartphones. We are now going to see more and more devices utilizing this feature, such as desktops with touchscreen, hybrid ultrabooks and so on. All of these devices will be based on Win8 Pro, not Win RT. Therefore, when saying about the IT industry, we now have to include desktops, laptops, tablets, smartphones, smartTV and other devices to come. These products will be distributed within the main distributors in Thailand. This is not to mention the growth of revenue from selling products to corporate. Many companies will have to change desktops, laptops, working flows and softwares to comply with the new era of touchscreen. When we look at the growth of SIS's revenue, we need to include a consideration on the expansion of new devices in SIS's portfolio. Now SIS has just started distributing smartTV. and if there is any new products come out, SIS will just include those products into its portfolio. Don't forget that SIS is the first mover in smartphone business. This indicate that SIS is more flexible to the changing trend than SYNEX. With regard to the concerns about DE and working cap, it depends on how aggressive SIS will be. As long as the increase in debts is appropriately associated with larger inventories and with good margin products, it is rational for SIS to use more debts to expand the business. The current high debts are associated with current large inventories. And when you see at Q2 results, debts in the smartphone business have largely reduced due to a large reduction in inventory. Therefore, the debt concern is not a serious issue. It will come to normal when inventory days are normal. There is also a planned business strategy for SIS to reduce the reliance on debts for expansion. This is why we see SIS pay low payout ratios for many years (35-40%). This is to accumulate cash within the company over time. In the next 3-5 years, SIS has a plan to increase cash in its balance sheet such that the long-term NPM will be improved. If you look at the long-term growth, SIS and SYNEX are now moving to expand their business into Myanmar, Cambodia, Loas, and Viatnam. Both of these companies have already had some transactions with these countries. They are now considering whether to establish a joint venture with the local businessman. Therefore, in the next 3 years, we will see SIS and SYNEX as the main distributors in these countries by having Thailand as the main hub of distribution. Moreover, if you look at the e-commerce business, the only players who have capability to do this business is SIS or SYNEX at low costs. It is not retail shops. This is because e-commerce business does not need a shop. You distribute products directly from your storage place into the hands of customers. What about Virtualization and IT services? SIS is now expanding its business into this area. It may take 3-4 quarters before revenues and profits from this area will be material in the company's balance sheet. Hope that my comment would help you when making investment decisions.
โดย
sanpat91
พฤหัสฯ. ต.ค. 18, 2012 8:16 pm
0
8
Re: กระทู้สนทนา แลกเปลี่ยน รวบรวมข้อมูล และ แนวทางเกี่ยวกับ
ก.ล.ต.สั่งปรับอัถวุฒิ ไผ่ไชยและปฏิญญา พิทยานุภากรจำนวน 20.63 ล้านฐานสร้างราคาหุ้น TWZ คณะกรรมการเปรียบเทียบมีคำสั่งเปรียบเทียบปรับนายอัถวุฒิ ไผ่ไชย และนายปฏิญญา พิทยานุภากร กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัททีดับบลิวแซด คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) (TWZ) เป็นจำนวนเงินรวม 20,635,579.57 บาท สืบเนื่องจาก ก.ล.ต. ได้รับเรื่องจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ว่าตรวจสอบพบสภาพการซื้อ ขายหุ้น TWZ ที่ผิดปกติอันเนื่องมาจากการซื้อขายของบุคคลกลุ่มหนึ่ง และจากการตรวจสอบของ ก.ล.ต. พบว่าในช่วงเวลาดังต่อไปนี้ 1.วันที่ 28 กันยายน ถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2550 2. วันที่ 28 เมษายน ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2551 และ3.วันที่ 23 มิถุนายน ถึงวันที่ 24 มิถุนายน 2551 นายอัถวุฒิ และนายปฏิญญา ได้ร่วมกันซื้อขายหุ้น TWZ ในลักษณะผลักดันราคาให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้วทยอยขายทำกำไร และส่งคำสั่งซื้อขายจับคู่กันเองในลักษณะอำพรางเพื่อให้บุคคลทั่วไปหลงผิด เกี่ยวกับปริมาณและราคาซื้อขายหุ้น TWZ รวมทั้งซื้อขายในลักษณะต่อเนื่องทำให้การซื้อขายหุ้น TWZ ผิดไปจากสภาพปกติของตลาดเพื่อชักจูงใจให้บุคคลทั่วไปเข้าทำการซื้อขายหุ้น ดังกล่าว การกระทำของบุคคลทั้งสองเข้าข่ายเป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนมาตรา 243 (1) 243 (2) และมาตรา 244 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 คณะกรรมการเปรียบเทียบจึงได้เปรียบเทียบปรับนายอัถวุฒิ และนายปฏิญญา เป็นเงิน 16,071,788.32 บาท และ 4,563,791.25 บาท ตามลำดับ กรณีตัวอย่างครับ พวกเราเห็นว่ามันคล้ายกันมั้ย ตามกฎหมายแล้ว กลต จะมีอำนาจสั่งปรับ 2 เท่า ของกำไรที่ได้นะครับ จากคดีปั่นหุ้น
โดย
sanpat91
พฤหัสฯ. ก.พ. 17, 2011 5:54 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
sanpat91
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
อังคาร ก.ค. 13, 2010 10:10 pm
ใช้งานล่าสุด:
อาทิตย์ มิ.ย. 20, 2021 9:06 pm
โพสต์ทั้งหมด:
1723 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.09% จากโพสทั้งหมด / 0.32 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว