Re: สอบถามหน่อยครับการจองหุ้น IPO 1. การจองในระเบียบบอกว่า จองขั้นต่ำ 100 หุ้น และเป็นทวีคูณของ 100 หุ้น แต่ผมได้สิทธิ์การจองแบบมีเศษ เช่น 125 หุ้น ตรงนี้ผมควรจะกรอกจำนวนหุ้น ยังไงดี 100/125/200 ? ถามมาร์เกตติ้งของคุณครับ ว่าจองเกินสิทธิ์ได้มั้ย ถ้าได้ก็กรอกไป 200 เลยครับ 2. ในเอกสารบอกแต่ระเบียบการจอง หลักฐานต่างๆ วันเวลาการจอง วิธีการชำระค่าหุ้น แต่ไม่บอกว่ายื่นเอกสารกาำรจองหุ้นและหลักฐานการชำระเงินที่ไหน โดยส่วนใหญ่แล้ว ต้องไปยื่นที่ไหนเหรอครับ ส่ง Fax ได้ไหม หาในเอกสารเต็มที่ละ ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ให้ติดต่อสอบถามเลย ยื่นผ่านมาร์เกตติ้งของคุณนั้นแหละครับแต่ต้องภายในระยะเวลาที่กำหนดนะครับ 3. จากภาพที่แนบมา เข้าใจว่าหลังจากได้หุ้นแล้วจะให้จัดการอย่างไรกับหุ้นใช่ไหมครับ แล้วตัวเลือกแต่ละข้อมันคืออะไรบ้างครับ แล้วผมควรจะเลือกข้อไหน (ผมใช้โบรคของทิสโก้อยู่นะครับ) ช่องแรกคือ ให้นำหุ้นเข้าพอร์ทในโบรกเกอร์นั้นเลย ช่องสองคือ ให้ฝากหุ้นไว้ทีศูนย์รับฝากหลักทรัพย์(ไม่ได้เป็นใบหุ้นมานะครับ) ช่องสามคือ ให้ออกเป็นใบหุ้นมาให้ครับ โดยปกติแล้ว คนที่ต้องตามเอกสารให้ควรเป็นมาร์เกตติ้งของคุณเองนะครับ เพราะเป็นผลประโยชน์ของลูกค้า ถ้ามาร์ไม่ใส่ใจขนาดโบ้ยให้ไปยื่นเอกสารเองแบบนี้ ผมว่าเปลี่ยนมาร์ไม่ก็เปลี่ยนโบรกเถอะครับ โดย tharm พุธ ม.ค. 23, 2013 10:41 am

Re: ลงทะเบียนเรียนวิชาทฤษฎีเกม กับ Stanford ฟรี ลงไปแล้วครับ ขอบคุณที่แนะนำครับ โดย tharm พุธ มี.ค. 21, 2012 3:06 pm

Re: DTAC ปันผลเยอะขนาดนี้หมายความว่าอย่างไร เทเลนอร์ก็คงเหมือนเทมาเซ็กคือ เขาจะดูดเงินจากบริษัทเพื่อเอาทุนคืน พอดูดจนครบก็เท่ากับได้dtacมาฟรีๆ หมดความเสี่ยง ทีนี้จะทําอะไรก็ได้ ขายต่อถูกๆหรือถือดูดปันผลไปเรื่อยๆ dtacจะมีอนาคตหรือไม่เขาก็ไม่เดือดร้อน ธุรกิจที่มี barrier แข็งขนาดนี้ รายได้+กำไรขนาดนี้ ถ้าคุณเป็นเจ้าของ จะยอมปล่อยไปง่ายๆเหรอครับ? โดย tharm ศุกร์ ธ.ค. 16, 2011 10:49 am

Re: DTAC ปันผลเยอะขนาดนี้หมายความว่าอย่างไร การเก็บเงินสด หรือกั๊กกำไรสะสมไว้จนล้นบริษัทผมว่าไม่เป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้นหรอกครับ เว้นแต่ว่าบริษัทสามารถนำไปต่อยอดให้มันงอกเงยได้ดีกว่าปันผลออกมาก็ว่ากันไป ส่วนการกู้มาจ่ายนั้น ถ้ากู้มาอย่างเหมาะสมนี่เป็นผลดีต่อบริษัทมากกว่านะครับ อย่างน้อยดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเงินกู้ก็แบ่งเบาภาระภาษีที่บริษัทต้องเสียได้ครับ โดย tharm ศุกร์ ธ.ค. 16, 2011 10:37 am

Re: SAP และ กลยุทธ์ขาลงของตลาด ขอถามความเห็นหน่อยนะครับ ขอแชร์นะครับ การขายชอร์ทมี2กรณีใหญ่ๆนะครับ SAP นี่คือ short against port = ขายหุ้นตัวเอง แล้วซื้อคืนไม่ว่าราคาจะขึ้นหรือลงก็ตาม แต่ถ้าการยืมหุ้นคนอื่นมาขาย แล้วซื้อคืนนี่ คือการ short sell นะครับ ผมมองว่า SAP เป็นการเดาตลาดอะครับ อันนี้ผมมองว่าการจะใช้เทคนิคนี้ เหมาะกับนักลงทุนสายเทคนิคมากกว่าครับ ส่วน short sell นั้น ผมมองว่ามันก้ำกึ่งระหว่างสาย VI กับ เทคนิคนะครับ ขอพูดถึงกรณี VI อย่างเดียวละกัน ถ้าคุณเจอบริษัทนึงคุณอ่านงบแล้วรู้สึกแปลกๆ คุณสืบแล้วรู้ได้ว่า บริษัทนี้แต่งงบ และผู้บริหารกำลังจะกอบโกยแล้วชิ่ง คุณมองว่า ราคาขณะนี้ over value แน่นอน VI คงไม่ซื้อหุ้นนี้ การมี short sell เป็นการเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนครับ ว่าจะอยู่เฉยๆ หรือshort sell หุ้นแย่ๆที่ราคาเกินพื้นฐานไปมากเพื่อให้ราคาไปอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นครับ โดย tharm จันทร์ ต.ค. 10, 2011 12:25 pm

Re: หุ้นของบัฟเฟตไม่เคยจ่ายปันผลแล้ว VI จะกินอะไรอยากรู้อย่า ขุดขึ้นมาให้อ่าน แนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่ผมเคยสงสัยเมื่อสามปีที่แล้ว เข้าใจว่าบางท่านโดยเฉพาะหน้าใหม่อาจสงสัยเหมือนผมเมื่อก่อน หวังว่าคงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ หน้าใหม่ครับ ในมุมมองของผม คนที่ลงทุนในหุ้นเบิร์กไชร์คงคาดหวังผลกำไร แต่ไม่ได้คาดหวังเรื่องกระแสเงินสดอะครับ โดย tharm จันทร์ ต.ค. 10, 2011 12:15 pm

Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ ผมมองว่าพื้นฐานเปลี่ยนครับ คงขายไปก่อน รอดูความชัดเจนเรื่องคนที่มาแทนจ๊อบแล้วค่อยตัดสินใจอีกทีครับ โดย tharm พฤหัสฯ. ต.ค. 06, 2011 11:04 am

Re: เฮีย มนตรี เตือนว่า ตลาดหุ้นอย่ามัวหาแพะ Short Sell แล้วทำไมตลาดหุ้นใหญ่ๆในยุโรปอาทิตย์ที่แล้วมาพอหุ้นตกหนักๆเค้าถึงสั่งห้ามช๊อตเซลล่ะครับ. ผมคิดว่าโบรคไม่ควรเห็นแก่รายได้คอมมิชั่นเล็กๆน้อยๆแล้วมาเห็นด้วยกับการทุบหุ้นหาประโยชน์ของคนบางกลุ่ม. จำปีต้มยำกุ้งได้มะครับ หุ้นไม่ได้ตกหนักเพราะเจ้าของหุ้นอยากขายนะแต่เค้าโดนโบรคจับขาย ทีนี้ถ้าคุณเล่นช๊อตขายกันซะจนราคาหุ้นตกหนักๆ แรงขายที่มาจากฟอซเซลก็จะตามมา สุดท้ายคุณก็ได้หุ้นคืนในราคาต่ำๆ คนเจ๊งก็คือลูกค้ามาจิ้นของคุณนั่นแหละ. ถ้าคุณจะให้ผมเห็นด้วยกับช๊อตเซล ผมก็อยากให้ยกเลิกระบบจับขายสิครับ ใครถือหุ้นแล้วยังสามารถจ่ายดอกเบี้ยได้ตามปกติ ต่อให้ค่า ไอเอ็มไม่ถึง25 คุณก็อย่าไปจับขาย ขอแชร์มุมมองผมทีละประเด็นนะครับ 1. ตลาดที่แบนชอร์ทเซลมีแค่ ฝรั่งเศส เบลเยียม อิตาลี่ สเปนเท่านั้นเอง ในกรีซและตุรกีเป็นการแบนชั่วคราว ส่วนสหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย แจ้งว่ายังไม่เห็นความจำเป็นในการแบน เยอรมันเองก็บอกว่า น่าจะให้แบนเฉพาะ naked short-sell เท่านั้นครับ 2.การที่คุณใช้มาร์จิ้นเล่นนั้น คุณควรจะรับความเสี่ยงเรื่องการโดนฟอร์ซเซลได้อยู่แล้วครับ ไม่ใช่โดนฟอร์ซแล้วมาโทษพวกชอร์ทเซล 3.ถ้าไม่มีการฟอร์ซเซล แล้วถ้าเงินหลักประกันติดลบ คุณแน่ใจได้ยังไงว่าลูกค้าจะไม่เบี้ยวหนี้ครับ? แหล่งที่มาครับ http://www.nytimes.com/2011/08/12/business/global/europe-considers-ban-on-short-selling.html http://www.reuters.com/article/2011/08/12/us-europe-banks-idUSTRE77A3QJ20110812 โดย tharm พุธ ต.ค. 05, 2011 4:17 pm

Re: ระหว่างชนะตลาดแต่ขาดทุน กับแพ้ตลาดกับกำไร อยากได้แบบไหน มันไม่มีหรอกครับ ที่ชนะตลาดแล้วขาดทุน คนชนะ ไม่มีทางขาดทุน คนแพ้สิครับ ถึงจะขาดทุน คนแพ้ตลาด ก้คือ คนที่ได้รับผลตอบแทนต่ำกว่าตลาด มันจะไปกำไรได้ยังไง งง ถ้าชนะตลาดก้คือ ผลตอบแทนทั้งปี ชนะผลตอบแทนตลาด เค้าถึงเรียกชนะตลาด คนที่มองบิดเบือน จากความจริงไปมาก เหมือนจะบอกว่า พระอาทิตย์ขึ้นทิศตะวันตกก้ได้ มันไม่มีเรื่องเหนือธรรมชาติหรอกครับ :?: :?: :?: :?: ชนะตลาดแล้วขาดทุนคือ ช่วงนั้นตลาดอาจจะให้ผลตอบแทนติดลบซํก 10% แต่เราลบแค่ 8% ถือว่าชนะตลาด แต่ก็ขาดทุนไป 8% ครับ ในทางกลับกัน ถ้าแพ้ตลาดแต่กำไรเช่น ช่วงนั้นตลาดอาจให้ผลตอบแทน 10% แต่เราทำได้แค่ 8% ก็ถือว่าแพ้ตลาด แต่ยังกำไรอยู่ 8% เป็นต้นครับ เป็นผมยังไงก็ขอกอดกำไรไว้ก่อนละกันนะครับ แพ้หรือชนะใครผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ :D โดย tharm พุธ ก.ย. 28, 2011 4:22 pm

Re: อยากให้ช่วยทำกระทู้ vote - ว่าควรห้ามการ short sell หรือ โหดดีครับ :P โดย tharm พุธ ก.ย. 28, 2011 3:06 pm

Re: อยากให้ช่วยทำกระทู้ vote - ว่าควรห้ามการ short sell หรือ กิมเอ็งให้ 12 เปอเซ็นต์ครับ ค่าธรรมเนียมการช๊อต กิมเอ็งให้ได้มากขนาดนั้นจริงเหรอครับ :shock: แบบนี้แสดงว่าต้นทุนของคนที่ยืมหุ้นไป short ก็น่าจะมากกว่า 12% ต่อปี แล้วจะมีคนอยากยืมหุ้นมา short ด้วยต้นทุนขนาดนี้ด้วยเหรอครับ ผมสงสัยจริงๆ โดย tharm พุธ ก.ย. 28, 2011 2:40 pm

Re: อยากให้ช่วยทำกระทู้ vote - ว่าควรห้ามการ short sell หรือ ผมกลับมองว่าการ short sell เป็นสิ่งที่เพิ่มผลตอบแทนให้กับนักลงทุนนะครับ การที่หุ้น โดน short sell อาจส่งผลต่อราคาในระยะสั้นเท่านั้นเองครับ ถ้าบริษัทนั้นยังดีอยู่และยังดีต่อไปเรื่อยๆ ราคามันโดนบิดเบือนไม่ได้ตลอดหรอกครับ อย่าลืมนะครับว่าผู้ที่ให้คนอื่นยืมหุ้นไป short จะได้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยด้วย เห็นมั้ยครับว่า แต่เดิม ผลตอบแทนจากหุ้นของนักลงทุนจะมีแค่ ปันผลและ capital gain แต่คราวนี้จะมีส่วนของดอกเบี้ยจากการให้คนอื่นยืมหุ้นไป short ด้วย ซึ่งปกติเรตน่าจะอยู่ราวๆ3%นิดหน่อยแล้วแต่โบรกครับ :D โดย tharm พุธ ก.ย. 28, 2011 11:44 am

Re: รณรงค์ช่วยกันกด "-1" ในห้องร้อยคนร้อยหุ้น ผมเสนอว่า ถ้าโดนกดถึง -5 เมื่อไหร่โพสนั้นอาจจะเปลี่ยนสีเป็นสีแดง ก่อนแต่ยังไม่ต้องซ่อนอะครับ แล้วพอลบไปถึงซัก 10 ค่อยซ่อน โดย tharm พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2011 1:58 pm

Re: หุ้นถูกมองว่าเป็น asset class ที่เสี่ยงสูงมากอยู่ top ti แต่ในระยะยาวกลับถูก prove แล้วว่าให้ผลตอบแทนดีกว่าทุกอย่าง เพราะอะไร ถึงถูกมองว่าเสี่ยงอยู่?? มันขัดกัน ในเวลาแบบนี้ กองทุนต้องลดน้ำหนัก asset class ที่ถูกมองว่าเสี่ยง การไหลออกของเงินจากตลาดหุ้นเรื่องธรรมดา กองทุนคือเงินนำ ส่วนย่อยนั้นคือเงินตาม ย่อยส่วนมากคิดเองไม่เป็น สรุปว่าย่อย panic ตาม ไม่มีอะไรมากหรือน้อยกว่านั้น จบ. ฉนั้นหุ้นไม่ว่าของประเทศอะไรก็ถูกขายเพราะถูกมองจากมุม asset class ซึ่งผมคิดว่าหลงประเด็น ไม่ได้ isolate ความเสี่ยงออกมาตามพื้นฐานที่เป็นแต่มันก็เป็นแบบนี้ คิดยังไงกันครับ การที่ผลตอบแทนในระยะยาวของหุ้นสูงกว่าไม่ได้แปลว่าไม่เสี่ยงนะครับ โดย tharm พฤหัสฯ. ก.ย. 15, 2011 10:51 am

Re: IVL13CC ขอบคุณมากครับ แล้วโบรกเกอร์ต่างๆ ที่เปิดซื้อขายพวก DW มีโอกาสเจ๊งเหมือน cds หรือไม่ครับ เพราะหาก โบรกเกอร์รับไว้เอง พวกเรานักลงทุนก็มีความเสี่ยง เพราะซื้อขายหุ้น กับโบรกเกอร์นะครับ สิ่งที่ผู้ลงทุนควรจะทราบก็คือ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะไม่ดูแลในเรื่องการใช้สิทธิหรือการผิดชำระเงินสดของผู้ออก DW รวมทั้งการประกันว่าผู้ออกจะปฏิบัติตามเงื่อนไขของ DW หรือไม่ ดังนั้นผู้ลงทุนใน DW จะต้องศึกษาเลือกลงทุนกับ DW ที่ผู้ออกมีการบริหารความเสี่ยงที่ดี และมีความน่าเชื่อถือทางการเงินในระดับที่สูง มีโอกาสครับ ผมขอ quote จากที่พี่ reiter มาแชร์ไว้ในห้อง kgi มาให้อ่านนะครับ ขออนุญาติแปลภาษานักการเงินของพี่ picatos มาเป็นภาษาชาวบ้านร้านตลาดนะครับ ปกติการออก DW ตัวบล. ต้องมีการซื้อหุ้นแม่เพื่อ hedge ไว้ด้วย ยิ่งหุ้นแม่วิ่งเข้าใกล้ราคาราคาเดิมพันเท่าไร บล.ก็ยิ่งต้องซื้อหุ้นแม่ใน % ที่มากขึ้น ผมสมมติว่า KGI ออก dw ของ PS มา และตั้งราคาเดิมพันไว้ที่ 25 บาท ( dw ชุดแรก บล.สามารถออก ราคาเดิมพันได้แพงๆ กินพรีเมียมได้เยอะๆ เพราะรายย่อยยังรู้ไม่ค่อยทัน ) สมมติต่อว่าวันแรกราคาในกระดานของ PS อยู่ที่ 20 บาท ณ ราคานี้บล. อาจจะต้องซื้อหุ้นแม่ในสัดส่วนสัก 20% ของจำนวน dw ทั้งหมด เพื่อ hedge ความเสี่ยง ต่อมาสมมติืว่า PS วิ่งไป 22, 23, 24 บาท บล.ก็อาจต้องซื้อแม่เพิ่มขึ้นเป็น 30%, 50%, 80% จนถึง 100% เมื่อหุ้นแม่วิ่งถึงราคาเดิมพัน ( อันที่จริงราคาไปเท่าไร เค้าจะถือกี่ % มันมีสูตรคำนวณนะครับ อยากทราบรายละเอียดวิธีคำนวณ ต้องถามนักการเงินอย่างพี่ picatos เอาแล้วล่ะครับ อันนี้เกินความรู้ความสามารถของผมแล้ว ) ในทำนองตรงข้าม ถ้าหุ้นแม่วิ่งลงไป 19, 18, 17 บล. ก็จะอาจลดสัดส่วนของการถือหุ้นแม่ลงเป็น 15%, 10% ลงไปเรื่อยๆ จนถึงจุดๆนึง ที่บล.จะไม่ถือหุ้นแม่อีกเลย เพราะถือว่าราคาในกระดานต่ำมากจนไม่ต้องกลัวว่าใครจะเอา dw มาแปลงแล้ว จึงไม่จำเป็นต้อง Hedge อีก จะเห็นได้ว่าไม่ว่าหุ้นแม่จะวิ่งขึ้นหรือวิ่งลง โอกาสที่บล.จะขาดทุนก็จะน้อย เพราะถ้าหุ้นแม่วิ่งเกินราคาเดิมพัน บล.ก็จะ hedge หุ้นแม่ เต็ม 100% อยู่แล้ว ( บล.จะกำไรหุ้นแม่แทน เพราะซื้อถัวมาตั้งแต่ต้นทุน 20 บาท แต่ไปจ่ายให้รายย่อยในส่วนต่างตั้งแต่ 25 บาทขึ้นไป ) ส่วนในกรณีที่หุ้นลง บล.จะขาดทุนเล็กน้อยจากหุ้นแม่ ( ที่ซื้อมา hedge ในสัดส่วนน้อยๆ แต่แรก ) แต่จะกำไรเต็มๆจาก dw ที่กลายเป็นกระดาษเปล่า แต่อย่างไรก้ตามคงพูดไม่ได้เต็มปากว่าโอกาสขาดทุนของบล.เป็น 0 เนื่องจากกรณีที่หุ้นแม่แกว่งมากๆๆๆ บล.ก็อาจจะขาดทุนได้เช่นกัน ผมขอยกตัวอย่าง PS เช่นเดิม สมมติว่า KGI ตั้งราคาเดิมพันไว้ที่ 25 และราคาในกระดานของ PS อยู่ที่ 20 บาท ณ ราคานี้บล. อาจจะต้องซื้อหุ้นแม่ในสัดส่วนสัก 20% ของจำนวน dw ทั้งหมด ต่อมาสมมติืว่า PS วิ่งไป 24 บาท บล.ก็อาจต้องซื้อแม่เพิ่มขึ้นเป็น 80% แต่หลังจากนั้น PS วิ่งลงมา 20 บาทใหม่ ทำให้บล. ต้องคัตลอสหุ้นแม่ เพื่อลดสัดส่วนการถือครองลงเหลือ 20% เหมือนเดิม สมมติอีกว่าตลาดผันผวนมาก หลังจากลงมา 20 หุ้นแม่วิ่งกลับไป 24 บาทใหม่ ทางบล.ก็จำเป็นต้องมาซื้อหุ้นแม่คืน เพื่อเพิ่มอัตราส่วนการถือครองเป็น 80% ใหม่ ถ้าตลาดผันผวนอีก หุ้นแม่ลงมา 20 เป็นรอบที่สาม บล.ก็ต้องคัตลอสเป็นรอบที่สอง จะเห็นได้กว่ากรณีที่ตลาดผันผวนมากๆ เช่นนี้ บล.จะซื้อแพง ขายถูกตลอด เมื่อรวมรายได้จากการขาย dw แล้ว ก็อาจจะยังขาดทุนก็ได้ แต่อย่างไรก็ดี pattern การขึ้นลงของราคาของหุ้นแม่ที่ kgi ออกมา 7 ตัวแรกนั้น ราคาค่อนข้างมี"เทรนด์" พอสมควร ผมคิดว่าไม่ได้ผันผวนขึ้นๆลงๆหนักๆ จนทำให้บล.ขาดทุนครับ โดย tharm พุธ ก.ย. 14, 2011 9:40 am

Re: IVL13CC อืม พอจะสรุปสั้นได้หรือเปล่าครับ ว่า มันคืออะไร IVL13CC สรุปสั้นๆว่า มันคือ call optionซึ่งควรจะเทรดในตลาดtfex แต่จับมาเปลี่ยนชื่อ เพื่อให้มาเทรดในกระดานหุ้นเอาไว้หลอกกินตังเม่าได้ครับ โดย tharm พุธ ก.ย. 14, 2011 9:29 am

Re: ผลิตภัณฑ์กระดาษ SCG แกร่งจริง หรือ แค่เก่งในบ้าน เรื่องราคากระดาษไม่มีข้อมูลเปรียบเทียบราคาขายในประเทศเหล่านั้นกับราคาที่เขามาขายในประเทศเราเป็นยังไง แต่ราคาขายกระดาษ SCG สูงกว่าของนำเข้าแน่ๆ จึงต้องขอแต้มต่อ จากรัฐบาล ผมเห็น SCG พยายามให้หน่วยงานรัฐออกกฏหมายเอื้อธุรกิจตัวเองในผลิตภัณฑ์อื่น เช่น กระเบื้องหลังคาลอนคู่ พยายามผลักดันให้ออกกฎหมายห้ามมีแร่ใยหินเป็นส่วนผสม ทั้งๆที่ การระเหิดของสารใยหิน ไม่มีผลกระทบกับผู้อยู่อาศัยเลย เพราะจะระเหิดขึ้นบน กับ ใต้ฝ้าเพดาน แต่สาเหตุจริงน่าจะเกิดการทำราคากระเบื้องตราช้างสู้ผู้เล่นรายอื่นไม่ได้ จึงหันมาโหทเล่นเรื่องใยหิน ปัจจุบัน ตราช้างลอนคู่ 51 บาท ตราเพชร 37 บาท ยี่ห้ออื่น ไม่เกิน 40 บาท ผมว่าผู้บริโภคไม่ว่ากระดาษ หรือ อะไรก็แล้วแต่ มีสิทธิที่จะเข้าถึงวัตถุดิบราคาถูกนะ ผมเห็นด้วยว่าผู้บริโภคมีสิทธิเข้าถึงวัตถุดิบราคาถูกครับ แต่ผมก็มองว่า คนผลิตก็ควรจะมีสิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยในการทำงานเช่นกันครับ การใช้ใยหิน อาจไม่อันตรายต่อผู้บริโภค แต่คนงานที่ผลิตนี่ เสี่ยงอันตรายมากๆเลยนะครับ โดย tharm จันทร์ ส.ค. 29, 2011 11:40 am

Re: มีดอยทองมั้ยครับ??? เข้าใจแล้วครับ เห็นด้วยครับ :D :D :D ระยะเวลา 31 ปี(จาก 1980-2011) ทองโตจาก 650 -> 1745 usd เงินโตตามเงินเฟ้อจาก 650->2358 usd แต่ละอย่างคิดเป็นกี่โต%กันครับ (แบบทบต้นทบดอก) กรณีทอง n=31 pv=650 fv=1745 จะได้ผลตอบแทนทบต้น 3.2369% ต่อปี กรณีเงินเฟ้อ n=31 pv=650 fv=2358 จะได้ว่าอัตราเงินเฟ้อที่ใช้คือ 4.2444% ต่อปีครับ โดย tharm จันทร์ ส.ค. 15, 2011 1:55 pm

Re: มีดอยทองมั้ยครับ??? งงครับ ท่านซุนเซ็ก จากรูป ที่ท่าน ให้มา ปี 1980 ขึ้นไปเกือบ 2400 ดอลล่า ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ราคาทอง 1700 ดอลล่ากว่าๆ ในเมืองไทย ก็ 25000 บาทแล้วนะครับ ซึ่งผมลองเทียบคร่าวๆ - ปัจจุบัน ทอง 1,7xx USD/OZs และ ค่าเงินบาท 29.xx Baht/USD ซึ่ง ทอง1บาท ราคา 25,xxx Baht - ปี 1980 ทอง 2,3xx USD/OZs และ ค่าเงินบาท น่าจะ fix ที่ 25 Baht/USD (มั้ง) ซึ่งมันจะราคามากกว่า 25,xxx Baht อีกนะครับ เท่าที่ผมถามผู้สูงอายุหลายๆท่านดูแล้ว ทองไ่ม่น่าเคยถึง 2 หมื่นบาท เลยด้วยซ้ำในอดีต ผมเลยไปเช็คมาจากโปรแกรม 3000xtra ย้อนหลังดู ราคาทองมันจะได้ดังรูปนะครับ peak สุดประมาณ 650 USD/OZs ในปี 1980 ซึ่ง การนำรูป inflation adjusted อาจจะทำให้หลายท่าน งง ได้นะครับ ว่า ยอดดอยสูงสุดคือปี 1980 ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ใช่นะครับ ผมว่ากราฟ inflation-adjusted gold price มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ ราคาทองที่ปรับเมื่อมองเทียบกับเงินเฟ้อ มัน แพงกว่า ราคาทองที่ซื้อ-ขายจริงๆ มากไม่ใช่หรือครับ ถึงมองว่าจะซื้อแพงในตอนนั้น แต่ปัจจุบันมูลค่ามันไปถึงไหนแล้วครับเมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายจริง คนที่ซื้อทองตอนนั้นน่าจะรวยขึ้นหลายเท่าไม่ใช่ว่ายังขาดทุนอยู่นะครับ ก็เหมือนซื้อหุ้นแพงPEสูงๆ แต่มันบริษัทมันเติบโตได้อีกมาก ได้มากกว่าความแพงของมัน พอเวลาผ่านไป มองย้อนกลับไป ราคาที่ซื้อตอนนั้นมันก็ไม่แพงหรอกครับ ถือว่าแพงนะครับ เพราะตอนนั้นถ้าซื้อทองไว้ 1 ozs โดยจ่ายเงินไป 650 usd มูลค่าในปัจจุบันจะอยู่ราวๆ 1745 usd(ผมอิงราคา ณ ตอนนี้นะครับ) แต่ถ้าคุณไม่ได้ซื้อทอง เงิน650 usd ในตอนนั้นถ้าได้ผลตอบแทนเท่ากับเงินเฟ้อทบต้นไปทุกปี มูลค่าในปัจจุบันจะเท่ากับ 2358 usd ครับ เห็นมั้ยครับว่าถ้าซื้อทอง ณ ตอนนั้นแล้วถือมาถึงตอนนี้จะแพ้เงินเฟ้อนะครับ นี่คือสาเหตุที่เวลาเราเปรียบเทียบ เราต้องทำการปรับอัตราเงินเฟ้อไปด้วยเพื่อจะได้เทียบกันได้ไงครับ โดย tharm จันทร์ ส.ค. 15, 2011 11:57 am

Re: EPS16YEAR เริ่มต้นอับเดทงบดุล Q4 31/12/10 ขอด้วยครับ [email protected] ขอบคุณครับ โดย tharm พุธ ม.ค. 19, 2011 11:41 am