Re: ใครๆก็อยากเป็นนักลงทุนแบบ vi (จริงหรือ) ตอบตรงๆ ผมไม่ได้อยากเป็น VI แต่อยากอยู่ร่วมกับ VI ในสังคมการลงทุน ^^ :oops: ฟังดูแปลกแต่จะบอกว่าผมยังไม่เข้าใจแก่นแท้ของ VI แล้วจะเป็นได้อย่างไร? :wall: และหวังว่าคงไม่ใช่ "ซื้อถูกขายแพง" :ohno: โดย pholsuwa จันทร์ พ.ค. 16, 2011 11:33 pm

Re: บุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจ สำหรับนักลงทุน 1. Hongvalue :juju: ผู้ที่ทำให้ผมรู้สึกว่า เด็กสมัยนี้ไม่ธรรมดา และความสำเร็จต้องอาศัยความพยายาม ไม่ใช่ฟลุ๊ค! 2. Billy Bremner :shock: นักฟุตบอลตัวแสบของ Leeds ที่สไตล์การเล่นเทคนิคทั้งบู้และบุ๋น 3. ลูก :P ที่ทำให้ผมมองอนาคตเพื่อเขา.... แค่นี้ ผมก็มีความสุขในการพัฒนาตัวเองละ :8) โดย pholsuwa จันทร์ พ.ค. 16, 2011 11:18 pm

Re: โลกในมุมมองของ Value Investor - 14 พฤษภาคม 54 เซเลปคิดผิดคงมีบ้าง ใครบ้างไม่เคย? แต่ถ้าเซเลปจงใจผิด สับขาหลอก CI เนี่ยตายหยั่งเขียดนะครับ กว่าจะรู้ตัวกระทู้คงเงียบไปแล้ว.... ขอบคุณบทความดีๆ ที่คอยเตือนกันครับ :D โดย pholsuwa เสาร์ พ.ค. 14, 2011 10:01 pm

Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้ โทษทีฮะ ผมสับสนระหว่างหุ้นปั่นกับหุ้นไม่ปั่น มันต่างกันยังไงฮะ? :?: ราคามันก็ขึ้นเหมือนกัน(คนซื้อเยอะๆหุ้นก็ขึ้น) มีคนถือสัดส่วนเยอะกว่าคนอื่นเหมือนกัน (รายใหญ่) แล้วพี่ๆแยกมันออกมายังไงฮะ?? ที่ผมสังเกตหุ้นไม่มีพื้นฐาน ประเมินกำไรไม่ได้ งบติดลบ ตัวเล็กๆ ชอบโดนเรียกว่าปั่น (เค้าว่ากันไว้) แล้วหุ้นที่มีพื้นฐานรองรับ มีข้อมูลรองรับ มีคนคิดกำไรให้ มีความเชื่อว่าจะไปเท่าไหร่ ตัวจะใหญ่จะเล็กก็ได้ แล้วผมก็ไปลอกมา ก็ปั่นได้รึเปล่าฮะ? ง่ายกว่ารึป่าวฮะ? สรุปว่า JAS เป็นหุ้นแบบไหนกันฮะ? ที่พอคิดออกตอนนี้มีแต่ "หุ้นขึ้นกับหุ้นลง" หุ้นขึ้นเหมือนได้ตังค์มีข่าวดี หุ้นลงขายไม่ทัน เจ็บตัว มีแต่ข่าวร้าย :wall: เง้อๆๆๆ โดย pholsuwa เสาร์ พ.ค. 07, 2011 7:47 am

Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้ จะกี่ตัวก็เหมือนกันครับ ถ้าไม่รู้จักป้องกันตนเอง .... กรุณาคาดเข็มขัดก่อนการลงทุนทุกครั้ง! :D สู้ต่อไปครับ เป็นกำลังใจให้ครับ :man: โดย pholsuwa ศุกร์ พ.ค. 06, 2011 8:48 pm

Re: คุณ ih ครับ ภาคล่าสุด สดๆร้อนๆ ส่งตรงครับ ขอบคุณมากครับ :B โดย pholsuwa อังคาร เม.ย. 26, 2011 10:58 pm

Re: ขอชื่นชมทีมงาน tvi สำหรับงานเฮฮา ผมไปงานเป็นครั้งที่สาม ในบรรดาสามครั้งผมชอบครั้งนี้ที่สุด ครั้งแรกที่ไปผมจำได้ว่ามีเซียนที่ผมเคารพท่านนึงอยากให้ไปฟังเรื่องที่เขาจะแชร์ ผมเลยลุยเดี่ยวwalkinไปงาน ผมไปถึงก่อนก็ไม่รู้จักกับใคร งงๆใน Agenda (ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเลย :? ) ถามพี่ข้างๆ แกบอกว่ากินข้าวก่อน วงไหนคนเยอะให้ไปมุงตามเค้า :shock: แล้วเดี๋ยวดร.จะพูดถึงหุ้นแต่ละตัวในมุมมองของท่าน แค่นั้นเอง ครั้งที่สองก็แปลกดีจัดกลางวัน ผบ.ไม่ติดใจเหมือนครั้งแรก แต่ครั้งนี้ผมว่ามันพิเศษมากกว่าเดิม มีตารางเวลาและกิจกรรมชัดเจน (แบบดูก็รู้ว่าเตรียมมาอย่างดี) มีกิจกรรมให้มีส่วนร่วม มีพี่นักลงทุนมาแชร์ประสบการณ์ (พี่หมอ reiter พี่ picastos) เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากไหนสำหรับมือใหม่อย่างผม :D แล้วก็มุมมองหุ้นรายตัว จาก ดร. พี่หมอสามัญชน พี่ blueblood ซึ่งอาจจะอยากหน่อยในเวลานี้ ^^ ดูจากงานแล้วผมว่าทางทีมงานคงจะเหนื่อยไม่น้อย "งานออกมาดีอย่างนี้เหนื่อยกาย แต่ไม่เหนื่อยใจแน่นอน" ขอเป็นกำลังใจให้ครับ โดย pholsuwa อาทิตย์ มี.ค. 13, 2011 10:46 am

Re: เหตุและผล ตอนสมัยเป็นนักลงทุนใหม่ๆ ผมมักจะเข้ามาเว็บแทบทุกวัน ได้ความรู้ ได้มิตรภาพ ที่สำคัญได้เงิน ^^ ปัจจุบันลดการอ่านเหลือ อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง (แต่ช่วงนี้อ่านบ่อยหน่อยเพราะติดละคร)  ผมลงทุนมาประมาณ 7-8 ปี ในโลกการลงทุนของผมช่วงปีแรกเป็นช่วงที่มีความสุขในการลงทุนน้อยที่สุด แต่ 4 ปีหลักเป็นช่วงที่มีความสุขที่สุด อยากจะแบ่งปันความไม่รู้ของผมให้เพื่อนนักลงทุนรุ่นใหม่ได้ฟัง ผมอาจจะโชคดีที่เริ่มต้นชีวิตการลงทุนด้วยหลักการลงทุนที่ถูกต้อง แต่วิธีการถูกไหมผมไม่รู้ @-@  ปัจจุบันหลักการลงทุนผมยังเหมือนเดิม วิธีการเปลี่ยนไป(ถูกไหมไม่รู้) แต่ความสุขมากมาย เราลองมองไปรอบๆตัวเรานะครับ ในโลกของการลงทุนมีส่ิงต่างให้เรียนรู้มากมาย "การคัดเลือกหุ้น" เป็นเพียงส่วนเล็กๆ(แต่สำคัญ) แต่ยังมีอีกหลายส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันเช่น "การบริหารความเสี่ยง" "การกระจายการถือครองสินทรัพย์" "การไหลเวียนของเงินในระบบ" "สมการเชิงเส้น" ฯลฯ  ตัวอย่างง่ายๆ เช่น หลายๆ คนมักคิดว่า หุ้นตกดีซิจะได้ซื้อหุ้นถูก พื้นฐานไม่เปลี่ยนจะได้ซื้อหุ้นถูก เวลาหุ้นลง ซื้อเฉลี่ยขาลงตลอด คุณชนะ 99 ครั้งใน 100 ครั้ง แต่ครั้งเดียวที่แพ้ เราอาจจะต้องเริ่มต้นที่ 0 หรือติดลบ มันคุ้มไหม อย่าทำตัวเป็นวัวหนุ่มเห็นเสือ แล้วคิดว่าเป็นแมวตัวใหญ่ หารู้ไม่แมวตัวใหญ่ตัวนั้นมันกินเราได้ทั้งตัว ทุกวิธีการต้องมีข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกัน เป็นได้ไหมครับ ที่จะหยิบข้อดี ข้อเสียของแต่ละวิธีมาศึกษา ปรับให้เข้ากับตัวเองให้มากที่สุด  เรารู้แต่การคัดเลือกหุ้น ส่วนต่างความปลอดภัย แค่นี้พอแล้วหรือครับ?? อย่าหลอกตัวเองนะครับ มองด้วยใจที่เป็นกลาง แล้วถ้าตัวเองว่าเราพร้อมแค่ไหนที่จะเอาเงินที่หามาหยาดเหงื่อมาจ่ายในตลาดหุ้น??? เราลงทุนไม่ใช่เพื่อผลตอบแทนที่เป็นเม็ดเงินอย่างเดียวนะคับ ความสุขในการลงทุนก็สำคัญไม่แพ้กัน  สุดท้ายพื้นฐานคืออะไรใครรู้บ้าง??? ขอบคุณครับ ผมพอจะทราบว่าพี่ต้องการจะสื่ออะไร :D ผมเองโชคดีที่เริ่มเล่นก็มีรุ่นพี่สอนใน limit losse ตั้งแต่แรก ผมไม่เก่งที่จะหามูลค่าหุ้นแต่ละตัวเหมือนคนอื่นๆ ผมอาศัยการลอกหุ้นในใต้เงื่อนไขปกป้องเหตุการ์ณไม่คาดฝัน ผมเลยไม่เคยเจ็บแบบถอดใจและทำผลกำไรได้ตามเป้า Stock selection, Money management, Emotion เป็นส่วนสำคัญในการลงทุน แต่มือใหม่ทั่วไปมักจะให้ความสำคัญกับ Stock selection มากเป็นพิเศษจนลืมตัวอื่นไป Stock Selection ผมใช้พื้นฐาน (ลอกเค้า) กับทางเทคนิค (เบรก) หากผ่านสองตัวยิ่งสวย Money Management ผมแบ่งลงทุนหุ้นไม่เกินห้าตัวที่ดีที่สุดอย่างละเท่าๆกัน ทุกเดือนจะมาดูว่าตัวไหนแย่ก็จะเอาออกแล้วใส่ตัวไหม่เข้ามา หรือลงน้ำหนักกับตัวดีที่สุดมากขึ้นตามความเหมาะสม Emotion ผมจะไม่ขายไม่สนใจราคารายวัน หากมันยังไม่ไปเป้าที่ต้องการ คำนวณจาก MOS แต่ผมจะทิ้งทันทีหากหุ้นลงถึงจุดที่ผมวางแผนรองรับไว้ (ห้ามขาดทุนในกรณีทำกำไรไปแล้ว หรือ -7%จากจุดซื้อ) เพราะผมไม่เก่งเหมือนลุงบัฟเฟตหรือเซียนในเวปนี้ "ผมมีความสุขที่เงินที่ลงทุนไปไม่ได้ลดลงอย่างมีนัยยะ มีแต่จะเพิ่มขึ้นอย่างคาดไม่ถึง โดยใช้เวลาเท่าที่จำเป็น(นอกเวลางานประจำ)" ป.ล. ผมไม่สังกัดค่ายนะครับ ค่อนข้างเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆในโลกการลงทุน กราฟก็ดูได้ หุ้นก็ลอกเป็น คนเชียร์ผมก็ซื้อ :wink: โดย pholsuwa อังคาร ก.พ. 15, 2011 9:54 am

Re: เหตุและผล รู้อะไรไม่สู้รู้งี้ รู้งี้ซื้อมากกว่านี้ รู้งี้ไม่ซื้อดีกว่า คำว่า "รู้งี้" หมายถึงอะไร รู้ว่าหุ้นจะขึ้นหรือจะลง หรือ รู้ถึงเหตุที่ทำให้หุ้นขึ้นลงครับ หลายๆ ท่านต้องบอกว่าถ้ารู้ผลได้ก่อนก็ดีสิ แต่ในหลักความเป็นจริงแล้ว "เหตุต้องเกิดก่อนผล" คนที่ "เล่นหุ้น" มักจะตั้งคำถามว่าทำไมวันนี้หุ้นถึงตก แล้วก็จะมีคนที่พยามหาเหตุนานาประการมาสนับสนุนผลที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ เกิดเหตุยิงกันที่ชายแดน นายกขายไข่เป็นกิโล หรือแม้กระทั่งภรรยานายกตด ยังเป็นเหตุได้ แต่ที่ผมต้องการจะสื่อคือ ทำไมคนส่วนมากมักจะกังวลกับเหตุที่ได้เกิดขึ้นแล้ว แทนที่จะหาทางออกกับผลในปัจจุบัน (เตรียมแผนรับมือกับเหตุที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยังไม่เกิดเหตุ) แน่นอนครับ ไม่มีใครสามารถความการณ์เหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ทุกๆ เหตุการณ์ แต่ถ้าเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเกิดเราจะทำยังไง??? ใช่ครับ ผมพูดถึง "ทางออกฉุกเฉิน" ผมคงบอกไม่ได้ว่า ทางออกฉุกเฉิน ของแต่ละท่านอยู่ตรงไหน แต่ผมมีทางออกฉุกเฉินของผม ท่านละครับเคยมองหา ทางออกฉุกเฉิน ไหมครับ ในตลาดหุ้นมีหุ้นมากมาย มีระยะเวลาลงทุนอีกยาวนาน (ผมไม่คิดว่าตลาดหุ้นจะปิดก่อนผมตาย) ไม่จำเป็นต้องเอาเงินเราไปเสี่ยงกับสิ่งที่เราไม่รู้ เอาเงินไปเสี่ยงกับอะไรที่มันเทาๆ ลองมองด้วยใจที่เป็นกลาง มองอย่างคนไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นคุณจะทำอย่างไร อย่าอมทุกข์(หุ้น) จนลืมเหตุผลหลักของการลงทุนนะครับ เราต้องการ "กำไร" ไม่ได้ต้องการคำชมว่าเป็น VI เป็นคนที่ทนถือหุ้นได้นาน คุยกันเล่นๆสนุกสนานนะครับ :D :D ขอบคุณครับพี่ .... :D โดย pholsuwa จันทร์ ก.พ. 14, 2011 11:18 pm

Re: รวมหุ้น..ที่ทำให้VIต้องช้ำใจ หุ้นลงขายไม่ทัน หุ้นขึ้นขายไปแล้ว..... มันจิ๊ดครับ โดย pholsuwa เสาร์ ก.พ. 12, 2011 10:53 pm

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ? พอดีไม่ทำใจครับ แต่ทำตามกฏ :D กฏข้อ 1 ห้ามขาดทุน กฏข้อ 2 ให้ย้อนไปดูกฏข้อที่ 1 เลยไม่มีขาดทุนให้กลุ้มใจครับ.... เกินไปกว่านั้นคงจะขายก่อนเท่าที่ทำใจได้ครับ ไม่ชอบกินเก๊กฮวยแก้เก๊กซิม :8) โดย pholsuwa เสาร์ ก.พ. 12, 2011 10:47 pm

Re: งานเฮฮาประสาวีไอ Q1/54 ตอน แพ้ศึก อย่าแพ้สงคราม (12มีค) จอง 1 ที่ครับ :D โดย pholsuwa เสาร์ ก.พ. 12, 2011 12:09 am

!!! เมื่อหุ้น VI กลายเป็นหุ้นปั่น ทำอย่างไร !!! เมื่อหุ้นVIกลายเป็นหุ้นปั่นทำไง? ผมว่าก็ดีใจซิครับ555+ เพราะเราก็ประหยัดเวลา แทนที่จะรอ1ปีแล้วราคาแสดงมูลค่า กลับโดนดันให้เห็นมูลค่าในเวลาเพียง1เดือน แต่จุดที่สำคัญคือ 1.มีสติเสมอ ถ้าหุ้นขึ้นไปแล้วUpsideเปลี่ยน จุดนั้นมีตัวไหนน่าสนใจกว่าหรือปล่าว? 2.อย่าโลภ จากที่ถือ20%แต่เห็นวิ่งไปไว Upsideน้อยลงเรื่อยๆ ตามหลักviควรปล่อย แต่กลับทำตรงกันข้ามคือซื้อเพิ่มเรื่อยๆ สุดท้ายโดนทุบลงมา แทนที่จะได้กำไรกลายเป็นขาดทุน เพราะความโลภ ขาดสติ หลุดจากหลักvi ซึ่ง!!!ไม่ได้บอกว่าเล่นเทรนไม่ดีนะครับ อย่างเซียนคนหนึ่งเป็นviเล่นตามเทรน ยิ่งขึ้นยิ่งตาม แต่เขาเข้าเพิ่มเพราะเทรน เขาก็ออกเพราะเทรน พอหมดเทรนเขาก็โยนไม้เดียวจบ ถ้าเป็นแบบนี้มุมมองผมมองว่าOKมากๆ แต่หลายคน(รวมทั้งผม:wall:) กลับเข้าเพิ่มเพราะเทรน แต่กลับไม่ออกเพราะเทรน ดังนั้นจากกำไรกลายเป็นขาดทุนจึงไม่แปลกครับ 3.อย่าลืมเป้าหมาย หลายคยที่ผมเห็นเข้าหุ้นด้วยvi หวัง1ปีกำไร50% แต่หุ้นที่ซื้อกลับโดนฉายแสง ดันขึ้นไป+40%ในเดือนเดียว แต่ไม่ขายเพราะไม่ชอบเทรดเยอะ พอร่วงมาเหลือ+20%ก็โอธครวญต่างๆนาๆ แต่ลืมไปว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นในเดือนเดียว เดือนเดียวคุณกำไร20%ไม่พอหรือ? เป้าหมายแรกคุณมองว่า50%ใน1ปี อันนี้มา20%ใน1เดือนแล้ว ผมว่ามันsuccessมากๆแล้วนะครับ ซึ่งเดาว่าคนโอธครวญมากๆที่สุดคือกลุ่มที่2 คือซื้อเพิ่มตลอดเพราะความโลภ ดังนั้นสรุป หุ้นviจะกลายเป็นหุ้นปั่นหรือไม่ปั่นไม่ใช่สาระสำคัญ แต่สาระสำคัญอยู่ที่คุณมีสติ ปล่อยให้ความโลภครอบงำแค่ไหน ถ้ามีสติใจจดจ่ออยู๋แต่กับUpsideที่เปลี่ยนแปลงตามราคาหุ้น ผมว่ายังไงก็ชนะครับ มองกว่าการที่หุ้นเราหุ้นปั่นมีแต่ข้อดีราคาไปไวมากๆแต่มันจะแฝงมาด้วยบททดสอบจิตใจซึ่งถ้าผ่านบททดสอบได้ การที่หุ้นเราเป็นหุ้นปั่นนั่นคือโอกาสทองชัดๆ หรือถ้าดีหน่อยคุณเป็นนักลงทุนแบบทั้งviทั้งTAทั้งFunflow ในคนเดียวกัน การที่หุ้นเราถูกฉายแสงนี่ยิ่งเป็นมหาโอกาสมากๆเลยด้วยซ้ำ.... +1 ครับ ผมว่าดีซะอีก จากที่ต้องรอนานเป็นปีๆ ก็ทำให้ราคาไปไวกว่าที่คิด upside เหลือน้อย ก็ออกไปหาตัวใหม่ ลดเวลาถือซะอีก หลังๆผมเห็นว่าการปั่นหุ้นVI ให้ผลดีกว่าหุ้นตัวเล็กๆทั่วไป จนไม่รู้ว่าใครจะเอาประโยชน์จากตรงนี้ไปทำรึเปล่า?เพราะเจ้ามือเข้ามาอ่านได้หนิ หรือใครแถวนี้จะตั้งตัวเป็นเจ้า อิอิ โดย pholsuwa ศุกร์ พ.ย. 19, 2010 8:40 pm

จิบเบียร์ Q3/53 (เสาร์ 27 พย 2553) เวลา 11-15.00 น. จอง 1 ที่ครับ โดย pholsuwa อังคาร พ.ย. 16, 2010 12:27 pm