หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
aosmosis
Joined: ศุกร์ พ.ค. 21, 2010 4:52 pm
290
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - aosmosis
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: สัมมนาฟรี "เกาะติดหุ้นเด่นรับเทรนด์เมกะไอซีที"
รบกวนพี่ๆ อัพเดท สาระที่ได้ หน่อยนะครับ ขอบคุณครับ
โดย
aosmosis
เสาร์ ส.ค. 20, 2011 8:03 am
0
0
Re: JAS !!!!! 4บาท เดือนหน้าจะมีให้เห็นไหมคับ พี่ๆiv
วอลุ่มมันหายไปแล้ว คงต้องรอก่อน พักเหนื่อยบ้าง ลากตั้งแต่ไม่ถึงบาท จนมาเกือน 4 บาท ผมเคยซื้อที่ 0.77 มาวันนี้ยังเสียดายไม่หาย .... ของนอกกาย ได้กำไรดีกว่าขาดทุน ดีกว่าหลอกตัวเองว่า VI
โดย
aosmosis
ศุกร์ พ.ค. 06, 2011 10:20 pm
0
0
Re: แม่ทัพสุมาอี้ Research : Growth ปะทะ Value
การทำ Index แบบนี้ ถือเป็นการจูงใจ ขอย้ำนะครับว่าเหมือน จูงใจ ให้ เพื่อน นลท. ท่านอื่นๆ ซื้อตามหรือไม่ ทำไมถึงพูดเช่นนั้น ก็เพราะ เพื่อนผมที่เข้ามาอ่าน มันซื้อตามเลย บางตัว แล้วนี่คนอื่นๆหล่ะครับ เพราะผมเห็นหลายคน มักจะเข้ามาโพส ว่า "ลงหุ้นตัวไหนดี" แสดงว่า ไม่ได้คิดเอง กำลังมองหาจากคนอื่นๆ 2 คมนะครับ หากเจตนาแค่ต้องการเปรียบเทียบ เติบโต กับ คุณค่า ลองหาแนวทางอื่นดู ท่าจะดีกว่านะครับ
โดย
aosmosis
อังคาร ม.ค. 18, 2011 11:17 pm
0
0
Re: ไม่ทราบว่าผมควรเริ่มต้นหุ้นตัวเเรกอย่างไรดีครับ...
ผมได้ศึกษาเเนวทางของ vi มาพอสมควรเเล้วตั้งเเต่ เดือนตุลาคมที่ผ่านมาก็ค่อยๆพยายามเก็บความรู้มาเรื่อยๆ หาหนังสือหรือบทความดีๆมาอ่าน ของ buffet lynch ดร.นิเวศน์บ้าง เเละตาม blog หรือ webboard บ้าง เเต่ยังสงสัยอยู่ที่ว่าไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นหุ้นตัวเเรกอย่างไรดี เพราะเวลาจะเริ่มเราก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากจุดไหน เปิด file ของ พี่ครรชิตเเล้ว ไล่เรียง p/e เปิด access ดูว่าบริษัทไหนเติบโตต่อเนื่องกันบ้าง กำไรต่อเนื่องบ้าง ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะวิเคราะห์ตัวไหนดี เเละวิเคราะห์โดยใช้หลักอะไรก่อนเพราะว่ากลัววิเคราะห์ผิดตัวเเล้วจะเสียเวลา(คิดเเบบนี้ถูกมั้ยหว่า เพราะวิเคราะห์ตัวนึงก็นานใช่ย่อย เดาเอาเพราะอ่านหนังสือเเกะเงื่อนงบการเงินนานมาก) ก็เลยอยากให้พี่ๆช่วยเเชร์ประสบการณ์หุ้นตัวเเรกที่เลือกซื้อให้หน่อยว่ามีหลักการอย่างไรบ้างครับ ขอบคุณมากครับ เม.ย.53 ผมทำงานแถวนิคมอุตฯโรจนะ วันนึง ผมรู้สึกกระหายน้ำ อยากหาน้ำดื่มเย็นๆ จึงลงมาซื้อ ระหว่างทางไปมินิมาร์ท พบว่า รถที่จอด ในแมนชั่น ที่ผมอยู่ มีป้ายแดงเยอะพอควร (เกิน 10 คัน) ก็คิดว่า ไมคนมันเห่อรถใหม่จัง มิ.ย.53 เมื่อช่วง 1H53 ทางบริษัทผม (โรงงานอ่ะแหละครับ) จ่ายโบนัสครึ่งปี พี่ๆน้องๆที่ทำงาน ก็ออกรถใหม่กันมา จึงเก็บความสงสัย เลยมาถามน้องๆ พนง ที่ โรงงานว่า มีใคร มีแฟนทำงานในโรงงานพวก รถยนต์บ้าง น้องเค้าก็บอกว่า แฟนของเค้า ต้องโดนบังคับ ทำ OT ตลอด เค้าบอกว่า order มันมาเยอะมาก ... ก.ค.53 ก็เท่านี้แหละครับ ผมก็เลย รับ หุ้นรถยนต์ จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ยังถืออยู่ เพราะข่าวที่ออกมาสนันสนุนว่า อุตฯรถยนต์ บูมอย่างนั้นอย่างนี้ ผมอาจโชคดีที่แถวๆนี้ มีโรงงานและโรงงานในเครือเกี่ยวกับรถยนต์เยอะ กำลังจะบอกว่า มองรอบๆตัวเรา ก็เห็นข้อมูลหุ้นบางกลุ่มได้แล้วครับ
โดย
aosmosis
พฤหัสฯ. ม.ค. 06, 2011 8:09 pm
0
0
Re: ตั้งเป้าหมา่ย retire ที่อายุเท่าไหร่ และ พอร์ตใหญ่แค่ไหน
เวป VI ต้องอวดรวย ด้วยมูลค่าพอร์ต ด้วยหรอ อย่างนั้น อยากอวด มูลค่า พอร์ตหวยใต้ดินจัง แค่ 15 วันเอง .... อย่าตั้งกระทู้แล้วทำให้เหมือนสินธรเลย มีจุดประสงค์อะไรที่เป็นประโยชน์หรือเปล่า ในการตั้งกระทู้ขึ้นมา กระทู้อยู่ในหมวด Value Investing แท้ๆ พอร์ตใหญ่หรือเล็ก ไม่สำคัญหรอกครับ หากใช้ความคิด ความรู้ ตีแตกหุ้นด้วยเงินแค่ 10,000 จนกลายเป็น 20,000 หรือ 30,000 คนอย่างนี้ ผมยกย่องมากกว่า พอร์ตมูลค่าสูง ไม่รู้เป็นทุนตั้งเท่าไหร่ กำไรแค่เท่าไหร่ เพื่อนผม ทุน 9.8 แสน ทำได้แค่ 2หมื่น มาบอกว่า ลงทุนหุ้น ได้ 1 ล้าน.... สุดแท้แต่จะคิด ไม่ต้องไปอยากรู้ของคนอื่นหรอกครับ อายุ 60 อายุ 70 บางท่าน ยังไม่ Retire เลย คนหนุ่มสาว ขี้เกียจหน่อยก็บอกว่า 40มั้ง 45มั้ง อยาก ฑำะรพำ
โดย
aosmosis
จันทร์ ธ.ค. 06, 2010 4:38 pm
0
0
>>>มีใคร สรุป งานเทคนิคการลงทุนหุ้นห่านทองคำ ได้บ้า
3 นักวิเคราะห์ 1 เซียนหุ้นปันผล แนะวิธีหาหุ้นลงทุนหวังผลกำไรได้ทั้งระยะกลางและระยะยาว [/color] เทพ รุ่งธนาภิรมย์ ผู้ เชี่ยวชาญด้านการลงทุนหุ้นปันผลที่ประสบความสำเร็จมายาวนานเกือบ 30 ปี เขาเป็นผู้เขียนหนังสือขายดี กลยุทธ์หุ้นห่านทองคำ ที่โด่งดัง ห่านทองคำในความหมายของเทพ จริงๆ แล้วไม่ใช่เป็นหุ้นเพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงทรัพย์สินที่สามารถทำให้เกิดรายได้ที่ "สม่ำเสมอ" อย่างเช่น การฝากเงินกินดอกเบี้ย การลงทุนสร้างอพาร์ตเมนต์เก็บค่าเช่า ฯลฯ เพียงแต่สถานการณ์ปัจจุบันทำให้การลงทุนในทรัพย์สินประเภทอื่นไม่ให้ผลตอบ แทนเท่าที่ควร เทพ ยกวิธีการเลือกหุ้นที่จะลงทุนว่ายึดหลัก 3 ข้อตามแนวทางของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ คือ หนึ่ง. เป็นธุรกิจที่มีอนาคตและเข้าใจมัน สอง. ผู้บริหารมีคุณธรรม และมีฝีมือ และ สาม. ราคาต้องมีเหตุผล สิ่งสำคัญบริษัทนั้น ต้องมี "แวลูครีเอชั่น" หรือคุณค่าในตัวเองต้องจำไว้เสมอว่าหุ้นไม่ใช่กระดาษที่ซื้อมาขายไปแต่ต้อง มีสิ่งพิเศษอยู่ในตัวบริษัท ตัวอย่างเช่นสินค้าที่จำหน่ายเป็นที่ต้องการของตลาดหรือไม่ ถ้าต้องสำรองด้อยค่าสินทรัพย์เรื่อยๆ แบบนี้ไม่ดี ลูกหนี้การค้าเรียกเก็บได้หมดหรือไม่ ตรงนี้สามารถดูได้ที่รายงานประจำปี สิ่ง ที่จะสร้างมูลค่าให้กับบริษัทได้อย่างมหาศาลคือทรัพย์สินที่ไม่มีตัวตนหรือ แบรนด์ ซึ่งเป็นค่าความนิยมทางเศรษฐกิจแม้จะลงในบัญชีไม่ได้แต่ทำให้บริษัทสามารถ แข่งขันได้ระยะยาว “ผมยังไม่ได้แตะราคาหุ้นเลยด้วยซ้ำอยากให้มาดูที่ คุณภาพของบริษัทที่เราเป็นเจ้าของดีกว่า ราคาหุ้นเป็นสิ่งที่คนภายนอกมอง ไม่ใช่ผู้ถือหุ้น” เทพ ยกตัวอย่างหุ้น 5 ตัวหลักในพอร์ต (จริงๆ มีมากกว่านั้น) ถือมานานหลายปีและมีต้นทุนต่ำคือ น้ำมันพืชไทย (TVO) ล่ำสูง (LST) เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) และอินโดรามา โพลีเมอร์ส (IRP) ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) ทั้งหมดนี้ราคาหุ้นตกลงเกิน 60% ทั้งหมดในช่วงที่เกิดวิกฤติซับไพร์ม แต่สุดท้ายก็กลับมาได้ทั้งหมดและราคาหุ้นยังสูงกว่าเดิมอีกด้วย ราคา หุ้น TVO ที่เขาซื้อมีต้นทุน 11 บาท ราคาตอนนี้ปรับขึ้นกว่า 200% หุ้น IVL มีต้นทุน 3.12 บาท ตอนนี้มีกำไรกว่า 600% สองบริษัทนี้เลือกลงทุนจากเหตุผลที่ว่า TVO มีสินทรัพย์ที่ดีคือตัวโรงงานและสินค้ามีแบรนด์ติดตลาด ส่วน IVL มี ROE ที่สูงมากและมีกระแสเงินสดที่ดี "ตอนนั้นผมก็ใจหายเหมือนกันแต่นึก ถึงบัฟเฟตต์ที่บอกว่าให้ถือหุ้น(ดี)ไปนานๆ เลยตั้งตัวกลับมาได้ เสียดายอย่างเดียวว่าตอนนั้นเงินสดมีไม่พอซื้อเพิ่ม เพราะหุ้น 5 ตัวดังกล่าวราคาต่ำกว่า Book Value หมดเลย" กวี ชูกิจเกษม ผู้ ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย แนะวิธีเลือกหุ้นลงทุนระยะยาวที่อาจจะต้องถือไปตลอดชีวิตมีหลัก 9 ข้อ 1. เลือกบริษัทที่ทำธุรกิจผูกขาดหรือมีมาร์เกตแชร์อันดับหนึ่ง 2. มีสถานะการเงินแข็งแกร่งมีหนี้สินน้อยมาก 3. กำไรต่อหุ้นหลายปีย้อนหลังนิ่งหรือเพิ่มขึ้นตลอด 4. ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ถ้าทำหลายอย่างจะโฟกัสยาก 5. มีผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) สูงที่สุดในอุตสาหกรรม 6. มีอำนาจในการปรับราคาขายกับลูกค้าในระดับสูง ดูได้ที่อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ในระดับสูงคงที่ 7. บริษัทที่ไม่จำเป็นต้องลงทุนเยอะหรือเพิ่มทุนบ่อยๆ ในอนาคตแต่ยอดขายโตทุกปี 8. ผู้บริหารจะต้องมีความสามารถ และ 9. ผู้บริหารต้องมีธรรมาภิบาล “สิ่งที่หุ้นห่านทองคำจะต้องมี คือ แบรนด์ที่แข็งแกร่งให้คนกลับมาซื้อหรือใช้บริการต่อเนื่อง แม้จะเกิดวิกฤติจะกลับมาได้เสมอ” ที่ สำคัญนักลงทุนควรหาหุ้นที่จ่ายปันผลดีๆ ติดพอร์ต หรือ หุ้น Super Dividend ตัวอย่างเช่น หุ้นมาม่า (TF) สมัยก่อนราคาเพียง 10 บาท จ่ายปันผลหุ้นละ 1 บาท หรือ ผลตอบแทน 10% ปัจจุบันราคา 1,150 บาท ปันผล 10 บาท แต่คิดเป็นผลตอบแทนแค่ 1% แบบนี้ถือว่าเราได้ผลตอบแทนเป็น 100% ในต้นทุนที่เท่าเดิม ถ้าถือโดยไม่ขาย รวมถึงหุ้นโรงพยาบาลรามคำแหง (RAM) หุ้นฟาร์มเฮ้าส์ (PB) หุ้นซอสภูเขาทอง (SAUCE) หุ้นโรงแรมโอเรียลเต็ล (OHTL) ก็อยู่ในข่ายนี้ ถ้าเราเจอหุ้นที่คาดว่าจะเป็นแบบนี้ต้องถือยาวจนตลอดชีวิต ด้านสอง นักวิเคราะห์ชั้นนำ มองว่า จะหาหุ้นลงทุนหวังกำไรระยะกลางตอนนี้ อย่าดูที่ SET Index เพราะยังมีหุ้นหลายตัวที่แนวโน้มเติบโต แต่ราคาหุ้นยังไม่สนองตอบ แนะหุ้นบางตัว “หมดเวลา” ของมันไปแล้ว วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการ บริหารสายงานวิจัย บล.ทรีนีตี้ แนะนำหุ้นที่ควรลงทุนในภาวะปัจจุบันขอให้เป็นบริษัทที่สามารถผ่านวิกฤติ เศรษฐกิจทั้งสองครั้งมาได้แสดงถึงความสามารถของผู้บริหาร ปัจจุบันมีอยู่ 15 บริษัท เช่น BBL KBANK SCC หรือหุ้นขนาดกลางอย่าง BGH ก็มีการเติบโตจากการซื้อกิจการ รวมถึง DCC ที่มีเงินสดเยอะ และมีมาร์เกตแชร์สูงถึง 60% นอกจากนี้ ยังต้องมี ROE ในระดับสูง โดยปกติจะเกิดขึ้นจาก 3 ปัจจัย คือ หนึ่ง. ใช้หนี้สินมาต่อยอดกำไรหรือ Leverage แบบนี้ "อันตราย" สอง. มาจากกำไรสุทธิที่สูงก็ยังไม่แน่นอนเพราะอาจจะมาจากซื้อวัสดุต้นทุนต่ำมาขาย ก็ได้ ถ้าจะให้แข็งแกร่งและมั่นคงต้องแบบที่ สาม. เป็นบริษัทที่มีอัตราหมุนเวียนของสินทรัพย์ที่เร็ว หรือนำเงินไปต่อเงินได้ดี เช่น PS SCC และ AP นอกจากนี้ ราคาต้องสมเหตุผลและมีโอกาสเติบโตในอนาคต อย่างหุ้น GLOW จะมีการเติบโตรวดเร็วในอีก 3 ปีข้างหน้าจากกำลังการผลิตที่สูงขึ้นและมีรายได้สม่ำเสมอรวมถึง Dividend Yield ก็อยู่ที่ 5-6% หุ้น ADVANC ก็กำลังเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ถ้ามี 3จี และค่าพี/อียังไม่สูงด้วย ส่วน หุ้นที่ไม่ควรลงทุนและต้องระมัดระวังให้มากคือ "หุ้นตัวเล็ก" ที่ผลดำเนินการไม่ดี แต่ราคาขึ้นมาสูงแล้ว อย่างหุ้น TRUE แม้จะรับข่าวประมูล 3จี แต่ยังติดปัญหาหนี้สินที่เยอะอยู่รวมถึงต้องหาพันธมิตรมาช่วยประมูล 3จีและอาจจะต้องนำทรูมูฟเข้าตลาดหุ้น ดูแล้วปัจจัยลบเยอะกว่าข่าวดี รวม ถึงหุ้นตัวใหญ่ที่ราคาลงมาเยอะแต่ดูแล้วยัง Under Perform อย่างหุ้นโรงกลั่นและปิโตรเคมี เช่น PTTAR IRPC TOP ปีนี้ผลประกอบการไม่โดดเด่นถ้ายังไม่มีแนะว่า "อย่าเพิ่งเข้า" ดีกว่า “หุ้นที่ขึ้นแบบไม่มีเหตุผลสุดท้ายเมื่อไม่มีข่าวดีมารองรับราคาหุ้นจะร่วงแน่นอนขอให้ระวังดีๆ” พิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ อำนวยการฝ่ายอาวุโส บล.ธนชาต ให้น้ำหนักไปที่หุ้นกลุ่มพลังงานขนาดใหญ่ที่ไม่ใช่โรงกลั่นและปิโตรเคมี เช่น PTT PTTEP BANPU ที่ยังมีอัพไซด์เหลือให้ลงทุนได้ ส่วนหุ้น SCC จะถึงเวลา "เก็บเกี่ยว" ในปี 2554 และธุรกิจซีเมนต์รวมถึงกระดาษน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ราคาหุ้นตอนนี้ยังห่างจากราคาเป้าหมาย 340 บาทมากแถมปีหน้ามีลุ้นจ่ายปันผลมากขึ้นด้วย ส่วนหุ้นธนาคารพาณิชย์ปี หน้าถ้าเศรษฐกิจฟื้นตัวเต็มที่ ธนาคารที่มีพอร์ตสินเชื่อรายย่อยกับเอสเอ็มอีสัดส่วนที่สูงก็จะได้เปรียบ เช่น KBANK ส่วนหุ้น BAY ดูแล้วยัง Under Perform เทียบกับการตั้งสำรองที่เกือบครบแล้วและมีพอร์ตรายย่อยถึง 50% BBL ยังมีสภาพคล่องสูงแต่อาจจะมาช้าหน่อยเพราะสินเชื่อบริษัทขนาดใหญ่น่าจะกลับ มาในอีก 18 เดือน ส่วน TMB มองว่าถึงจุดเทิร์นอะราวด์จริง แต่ราคาตอนนี้คิดว่า "ไปเร็วเกินไป" หุ้น AOT ก็ยัง Under Perform ส่วน THAI แม้จะขึ้นมาเยอะแต่ถ้าการท่องเที่ยวกลับมาก็จะฟื้นเร็วแถมต้นทุนดำเนินงานก็ ลดลงอย่างมาก ส่วน PS และ LPN ยังมีอัพไซด์และมีสตอรี่เติบโตที่ดีต่อเนื่อง BANPU และ TUF ก็น่าสนใจเพราะไปซื้อกิจการในต่างประเทศรองรับการเติบโตในอนาคต ส่วน หุ้นที่ไม่ควรลงทุนให้ดูเป็นรายกลุ่มอย่างกลุ่มค้าปลีก ยานยนต์ และเกษตร ตอนนี้วิ่งขึ้นไปเทรดที่ระดับสูงสุดแล้ว หุ้นกลุ่มที่ยังมีอัพไซด์เช่นพลังงานยังเทรดที่ค่ากลางอยู่ รวมถึงโรงพยาบาล สื่อสาร อสังหาริมทรัพย์ และขนส่ง พวกนี้ยังพอมีช่องทำกำไรได้แต่ขอให้เลือกเป็นรายตัวดีกว่า ....................................... โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
โดย
aosmosis
อาทิตย์ ก.ย. 05, 2010 9:03 pm
0
0
จิบเบียร์คิว2 ศุกร์ที่ 3 กย. 6โมงเย็น สโมสรทหารบก(กระทู้สาม)
งานนี้ต้องขอขอบคุณคุณฮงมากๆเลยนะครับที่เสียสละเวลามาบรรยายความรู้ให้หลายๆคนฟังกัน ผมได้ Idea มากมายเลย และรู้ได้เลยว่าทำไมผมถึงขายหมูประจำ ได้รู้วิธีการดูคร่าวๆว่าหุ้นตัวไหนแกร่ง คือที่ผ่านมาผมทำตรงข้ามกับคุณฮงประจำเลยตอนหุ้นตก 555 ยังไงจะลองนำวิธีการของคุณฮงไปใช้ดู ผมว่าผลตอบแทนน่าจะดีขึ้นแน่ๆ แต่ก็แอบดีใจว่าถือหุ้นตัวเดียวกับคุณฮง และถืออีก 2 ตัวที่อยู่ใน watch list ของคุณฮง ยังไงก็ขอขอบคุณคุณฮงมากๆนะครับ ถ้ามันเป็นวิธี แนวทางการปฏิบัติ ที่เป็นประโยชน์ ที่ถูกต้อง ที่เหมาะสม รบกวนผู้รู้ บรรยาย สักหน่อยได้ไหมครับ คนที่มีโอกาสไปก็โอเค แต่คนที่สนใจ และไม่มีโอกาสไปก็เยอะ ....... รบกวนด้วยครับ เพราะเห็นหลายกระทู้แนวๆนี้ มีแต่คำว่า ขอบคุณ 4-5 หน้า คราวนี้ขอ เนื้อหาที่ไป จิบเบียร์ เย็นๆ ซักหน้านะครับ ขอบคุณครับ
โดย
aosmosis
เสาร์ ก.ย. 04, 2010 3:12 pm
0
0
Re: My House
ไม่รู้จักใครเลยไปได้ไหมครับ หุหุ 55+ ผมว่า มีคนคิดอย่างคุณเยอะครับ ไปเถอะครับ ลองไปดู ว่าสังคม VI เค้าเป็นอย่างไร มันเป็นการกระจุกสมองของคนที่มี ความรู้มาแชร์ ความคิด วิธีคิด แนวทาง ต่างๆ บางที ก็ขอเค้ามา ตัว สองตัว............ ไม่มีใครห้ามหรอกครับ
โดย
aosmosis
เสาร์ ก.ย. 04, 2010 1:11 pm
0
0
กลับจากงานจิบเบียร์ ที่สโมสรทหารบก
การไปงาน แบบนี้ ไม่มีการพูดถึง รายตัวหุ้นเลยหรอครับ อืม..... น่าคิด
โดย
aosmosis
เสาร์ ก.ย. 04, 2010 10:40 am
0
0
อินโดฯเรียกค่าเสียหายปตท.สผ.7หมื่นล้านบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิด ตลาดเมื่อวานนี้ (2 ก.ย.) ปรับขึ้นหลังข้อมูลที่อยุ่อาศัยออกมาดี หนุนดาวโจนส์บวก 50.63 จุด น้ำมันไนเม็กซ์พุ่ง 1.10 ดอลล์ ด้านราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ ส่งมอบเดือนตุลาคม ปรับขึ้น 1.10 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ 75.02 ดอลลาร์/บาร์เรล และน้ำมันเบรนท์ ตลาดลอนดอน ปรับขึ้น 58 เซนต์ ปิดตลาด 76.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
โดย
aosmosis
ศุกร์ ก.ย. 03, 2010 8:06 am
0
0
>>>มีใคร สรุป งานเทคนิคการลงทุนหุ้นห่านทองคำ ได้บ้า
จับจังหวะลงทุน เลือกหุ้นไตรมาส 3 การ ดีดตัวของหุ้นขนาดกลางและเล็ก สวนทางหุ้นขนาดใหญ่ที่ซึมตัว หลังจากมีการไหลออกของเงินทุนบางส่วนออกไปชำระคืนหนี้ในกลุ่มสหภาพยุโรป และซื้อหุ้น IPO ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 4 ปี ที่จีน คิดเป็นมูลค่า 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดเดือนกรกฎาคม ทำให้นักลงทุนหลายคนเริ่มกังวลว่า หุ้นไทยจะมีการปรับฐานแล้วหรือบางคนก็สงสัยว่า ควรขายหุ้นทำกำไรออกไปก่อนแล้วค่อยซื้อกลับดีหรือไม่ แต่ก็มีอีกหลายรายเหมือนกันที่ยังคิดไม่ออกว่า จะซื้อหุ้นอะไรเก็บเข้าพอร์ตดี เพื่อหาคำตอบในประเด็นเหล่านี้ กองบรรณาธิการ M&W จึงเชิญนักวิเคราะห์จาก 3 สถาบัน ประกอบด้วยคุณ เทอดศักดิ์ ทวีธีระธรม หรือ “คุณเทอด” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซียพลัส (ASP) คุณสุกิจ อุดมศิริกุล หรือ “หนุ่มป๋อง” ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนลูกค้าบุคคล บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) ขึ้นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับคุณวชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย หรือ “คุณแอ๊ะ” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ (TNITY) ผ่านเวทีสัมมนา หัวข้อ “ จับจังหวะลงทุน เลือกหุ้นไตรมาส 3” โดยมอบหมายให้คุณเนาวรัตน์ เจริญประพิณ พิธีกรจาก Money Channel รับหน้าที่ผู้ดำเนินงานสัมมนา “มองหุ้นไตรมาส 3 อย่างไรคะ” เนาวรัตน์ ยิงคำถามเปิดงาน หุ้นไตรมาส 3 แกว่งรายวัน ไร้ Fund Flow คำ ตอบจากนักวิเคราะห์จากทั้ง 3 ค่าย ออกมาตรงกันว่า หุ้นไทยไตรมาส 3 น่าจะอยู่ในลักษณะแกว่งตามกรอบ (Trading Range) ในลักษณะเดียวกับที่เกิดตลอดเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งดัชนีจะขึ้นหรือลงตามแรงซื้อแรงขายของนักลงทุนกลุ่มต่างๆ ในประเทศ ทั้งกองทุนรวม พอร์ตโบรกเกอร์ และนักลงทุนรายย่อย เพราะไม่มีปัจจัยบวกช่วยขับเคลื่อนตลาด ทำให้ไม่มีการไหลเข้าของเม็ดเงินใหม่ๆ จากต่างประเทศ (Fund Flow ) “เมื่อ ดูสถิติ Fund Flow ตลาดหุ้นตั้งแต่ปี 2538 เรื่อยมา จะพบว่า กรอบการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย มักจะอยู่ที่ระดับ PER ประมาณ 12 เท่า แต่หากมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ ก็อาจปรับเพิ่มเป็น 14 เท่าได้ ซึ่งเมื่อพิจารณาจากภาวะปัจจุบัน ตลาดน่าจะแกว่งตัวในกรอบระหว่าง 780-820 จุด ยกเว้นมีปัจจัยบวกใหม่ๆ ผลักดันให้มีเงินไหลเข้า ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ดัชนีมีโอกาสไต่ระดับไปถึง 880 จุด ในทางกลับกัน หากมีปัจจัยลบใหม่ๆ เกิดขึ้น อาจเห็นดัชนีปรับฐานลงเช่นกัน แต่คงไม่รุนแรงจนดัชนีหลุด 754 จุด” คุณเทอดศักดิ์ ให้ความมั่นใจ “ต้องยอมรับว่า ตลาดหุ้นไตรมาส 3 อยู่ในภาวะอึดอัด เนื่องจากไม่มี story ขับเคลื่อน ขาดปัจจัยบวกหนุน แม้แต่ข่าวดีเรื่องการส่งออกดีที่เกิดขึ้นตลอดไตรมาส 2 ก็จะเริ่มหมดไป เพราะการฟื้นตัวภาคอุตสาหกรรมเริ่มชะลอตัวตามการลดลงของสินค้าคงคลัง และคำสั่งซื้อใหม่ๆ ขณะที่การจับจ่ายใช้สอยเพื่ออุปโภคบริโภคในประเทศเริ่มซึมตัว ส่งผลให้ไม่มีเม็ดเงินใหม่ไหลเข้ามา อย่างไรก็ดี การที่มีแรงซื้อจากนักลงทุนในประเทศ จึงทำให้หุ้นปรับตัวขึ้นบ้าง แต่ก็อยู่ในลักษณะ Sideway” สุกิจ ชี้ให้เห็นภาพ “Fund Flow ที่ไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียตั้งแต่ต้นปี มีแนวโน้มจะไหลออกได้อีกในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่มีการชำระคืนหนี้ในกลุ่มสหภาพยุโรปประจำปี เช่นเดียวกับที่ไหลออกมาแล้วครั้งหนึ่งในเดือนกรกฎาคม ประกอบกับตลาดยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกคอยฉุดผลดำเนิน งานบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่อีก โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับราคาโภคภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน โรงกลั่น ปิโตรเคมี เหล็ก หรือเรือ มีแนวโน้มกำไรไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ไม่สดใสเหมือนไตรมาสแรก หุ้นไทยจึงไปต่อไปไม่ได้” คุณแอ๊ะ ให้เหตุผล อย่างไรก็ตาม เธอยังมีความมั่นใจว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไตรมาสสุดท้ายน่าจะสดใสขึ้น เพราะผลดำเนินงานหุ้นที่เกี่ยวข้องกับราคาโภคภัณฑ์น่าจะฟื้นตัวจากที่ย่ำแย่ สุด (Bottom Out) ในไตรมาส 3 ไปแล้ว ทำให้มีแรงซื้อหุ้นนำตลาดนี้กลุ่มนี้กลับมาอีกครั้ง หนุนให้ตลาดสดใสขึ้น โดยทุกฝ่ายน่าจะเห็นดัชนีไต่ขึ้นไปทดสอบ 900 จุด ในต้นปีหน้า เมื่อปัจจัยลบที่รุมเร้าตลาดหุ้นตลอดปีนี้ค่อยๆ ผ่อนคลายลงไป การที่คุณแอ๊ะเปิดประเด็นให้ว่า หุ้นกลุ่มนำตลาดไม่สดใส ทำให้ผู้ดำเนินงานสัมมนาได้โอกาสซักถามถึงกลยุทธ์ลงทุนหุ้นทันที “นัก ลงทุนควรลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี เหล็ก เรือเทกอง แล้วหันไปเพิ่มน้ำหนักในหุ้นกลุ่มอาหาร เกษตร ยานยนต์ บันเทิง หรือเลือกหุ้นที่มีความปลอดภัย โดยเฉพาะหุ้นปันผล อย่างหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ค้าปลีก หรือสื่อสารแทน” นักวิเคราะห์สาวจาก TNITY ให้แนวคิด ที่ เป็นเช่นนี้ก็เพราะรายงานดัชนีภาคอุตสาหกรรม (PMI) ของประเทศสำคัญหลายแห่งอ่อนแอลง กลายเป็นปัจจัยกดดันราคาโภคภัณฑ์แทบทุกประเภท ทั้งน้ำมัน ปิโตรเคมี เหล็ก ค่าระวางเรือ และยิ่งดัชนี Oil Forward Curve บ่งชี้ว่าราคาน้ำมันยังไม่ใช่ขาขึ้น ทำให้มีการคาดหมายกันว่า ราคาน้ำมันครึ่งหลังปีนี้มีแนวโน้มชะลอตัวจากระดับเฉลี่ยในครึ่งปีแรก ที่บาร์เรลละ 77 ดอลลาร์สหรัฐฯ เหลือไม่เกินบาร์เรลละ 75 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีความเป็นไปได้ด้วยว่า ทุกฝ่ายจะเห็นการอ่อนตัวในไตรมาส 3 ทันที ด้าน นักวิเคราะห์หนุ่มใหญ่จาก ASP บอกว่า แม้ตลาดหุ้นจะไม่มี Fund Flow ใหม่ แต่โอกาสเห็นดัชนีปรับฐานก็มีอย่างจำกัด หรือมี downsize น้อย เพราะเมื่อได้ศึกษาข้อมูลการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ จะพบว่า นักลงทุนต่างชาติไม่น่าขายหุ้นออกมาอีก เนื่องจากหุ้นที่เก็บในพอร์ตปัจจุบันมีต้นทุนสูง การขายจะทำให้ขาดทุนมาก ดังนั้น ในระหว่างรอเม็ดเงินใหม่ไหลเข้า นักลงทุนควรทยอยซื้อสะสม เน้นไปที่หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภคในประเทศ (Domestic Plays) เช่น หุ้นพัฒนาที่อยู่อาศัย รับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง ธนาคารพาณิชย์ จะดีกว่า ส่วนนักวิเคราะห์รูปหล่อ ที่เพิ่งย้ายค่ายจาก SCRI ไปอยู่ที่ SCBS มองว่า การที่ตลาดข่าวดีหนุนทำให้นักลงทุนต่างชาติรอจังหวะลงทุนโดยหันมาพักเงินใน ตราสารหนี้และทองคำแทน ดังนั้น ทิศทางตลาดหุ้นในช่วงนี้จึงแกว่งตัวแคบๆ ตามเม็ดเงินในประเทศ ที่เคลื่อนย้ายสลับไปมารายวัน และรายกลุ่ม ส่งผลให้นักลงทุนจำเป็นต้องเลือกลงทุนรายตัว (Selective Buy) “การ ลงทุนหุ้นไตรมาส 3 จะต้องเลือกเป็นรายตัว ดูฐานะทางการเงินประกอบการตัดสินใจ และรอจังหวะในการซื้อ เพราะตลาดยังมีความผันผวนอยู่เหมือนเดิม แม้จะไม่มีเงินใหม่เข้าก็ตาม” สุกิจ สรุปสั้นๆ ปิดท้าย จากนั้น วงสัมมนาหันมาพูดคุยกันถึงหุ้นเด่นที่ลงทุนแล้วนักลงทุนน่าจะสบายใจกันต่อ โผหุ้นสบายใจ SCBS AOT ADVANC CENTEL CPALL GFPT KBANK KTB MINT หนุ่ม ป๋อง นักกลยุทธ์น้องใหม่ค่าย SCBS แนะหุ้น 4 กลุ่ม ได้แก่ หุ้นธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก สื่อสารและท่องเที่ยว เพราะหุ้นเหล่านี้มีความผันผวนน้อยกว่าตลาด ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนลงทุนได้อย่างสบายใจ “หุ้นกลุ่มธนาคารยังคงมี ศักยภาพในการทำกำไรดีต่อเนื่อง ทั้งจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ และรายได้ดอกเบี้ยที่ขยายตัวตามการเติบโตของสินเชื่อ รวมถึงส่วนต่างดอกเบี้ยรับ (NIM) ที่มีแนวโน้มปรับขึ้นตามทิศทางดอกเบี้ยในประเทศ ส่วนหุ้นกลุ่มค้าปลีก ธุรกิจสามารถทำกำไรเติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้สามารถจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ ในอัตราสูงกว่าเงินเฟ้อ ขณะที่หุ้นกลุ่มสื่อสาร มี story เรื่องการเปิดประมูลใบอนุญาต 3G เป็นตัวกระตุ้น ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะมีผลดีต่อผู้ประกอบการรายเดิมทุกราย เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานจะลดลง ส่งผลให้กำไรปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หนุนให้ราคาหุ้นมี upside จากราคาปัจจุบันซึ่งยังไม่สะท้อนข่าวเรื่อง 3G แต่อย่างใด สำหรับหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจอีกครั้ง ทำให้มีโอกาสทำกำไรจากราคาหุ้นซึ่งปรับฐานค่อนข้างแรงในช่วงก่อนหน้านี้” หนุ่มป๋อง ขมวดประเด็น ซึ่งเมื่อให้เลือกหุ้นเด่นจาก 4 กลุ่มนี้ เขาเลือก AOT ADVANC CENTEL CPALL GFPT KBANK KTB และ MINT โผหุ้นสบายใจ TNITY ADVANC CPF GFPT GLOW MAJOR ROJNA TVO ด้าน นักวิเคราะห์สาวจาก TNITY ชี้ว่า การที่หุ้นนำตลาด โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ ขาดปัจจัยบวกสนับสนุนการปรับขึ้นของราคาหุ้นอย่างชัดเจน ดังนั้น การลงทุนจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับหุ้นที่มีความปลอดภัยสูง (Safety net) ได้แก่ CPF ADVANC TVO GLOW โดย CPF และ ADVANC ถือเป็นหุ้นที่มีการเติบโตของกำไร และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ขณะที่ราคาหุ้นยังมี Upside ไม่ต่ำกว่า 10% “ตัว CPF ไม่น่าจะไม่หยุดเติบโต ทั้งธุรกิจ Feed ธุรกิจ Farm และธุรกิจ Food และยิ่งบริษัทประกาศขยายสัดส่วนการการส่งออกเพิ่มจากปัจจุบัน 25% เป็น 50% โดยอาศัยแบรนด์ CP Fresh Mart ซึ่งประสบความสำเร็จในประเทศได้แล้ว ทำให้น่าจะเห็นอัตราเติบโตของกำไรปีนี้ไม่ต่ำกว่า 30% ต่อเนื่องจากปีก่อนที่กำไรพุ่งถึง 3 เท่าตัว โดย TNITY ให้ราคาเหมาะสมที่ 25.25 บาท อิงตามค่า PER 12.5 เท่าในปีหน้า ส่วน ADVANC นอกจากการลงทุนจะหวังเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 6% ได้แล้ว ยังมี upside จากข่าวการประมูลใบอนุญาต 3G ได้อีก โดยหากการประมูลเกิดขึ้นจริง จะมีผลให้ราคาหุ้นสามารถปรับขึ้นได้อีก 12-25% แต่หากการประมูลถูกเลื่อนออกไป บริษัทก็มีแผนจ่ายปันผลพิเศษเพิ่มเติมอีก” คุณแอ๊ะ อธิบาย ขณะที่ TVO และ GLOW ถือเป็นหุ้นที่ราคาถูก แต่สามารถให้ผลตอบแทนสูง เมื่อประเมินราคาจากมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (P/BV - Price per book value) และวัดผลตอบแทนจากอัตราส่วนผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE - Return on equity) “เพราะ TVO สามารถเพิ่มกำลังการผลิตเป็นวันละ 6,000 ตันได้ตั้งแต่ครึ่งหลังปีนี้เป็นต้นไป ทำให้ประเมินได้ว่า บริษัทน่าจะมีกำไรเฉลี่ยไตรมาสละ 500 ล้านบาท ซึ่งมีผลให้สามารถจ่ายปันผลได้เพิ่มขึ้น เฉลี่ยทั้งปีไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 1.50 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทน 7.5% สำหรับ GLOW คาดว่า กำไรสุทธิปี 2553-2555 จะโตเฉลี่ยปีละ 27% จากการขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีก 55% จาก 2,118 MWeq ในปีนี้ เป็น 3,275 MWeq ในอีก 2 ปีข้างหน้า และหากนับรวมผลตอบแทนจากโครงการ Gheco-One ที่บริษัทถือหุ้น 65% จะเริ่มออกดอกออกผลปลายปีหน้าเป็นต้นไป ทำให้ราคาเหมาะสมขยับเป็น 46 บาท อิงจาก EV/EBITDA 10 เท่าใน 12 เดือนข้างหน้า ขณะที่เงินปันผลไม่น่าต่ำกว่า 5%” วชิราลักษณ์ สรุปประเด็น เธอยัง ทิ้งท้ายหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีมากอีกตัวหนึ่ง คือ TPIPL แต่เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวนี้ยังไม่แข็งแกร่งนัก จึงแนะนำแค่ “เก็งกำไร“ (Trading) โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 14 บาท คุณแอ๊ะยังแนะ ให้จับตาหุ้น MAJOR และ ROJNA ด้วย เพราะกำไรมีแนวโน้มเติบโตสูงมาก อย่าง MAJOR กำไรโตจากทั้งภาพยนตร์ที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โฆษณาที่ฟื้นตัวขึ้น และกำไรพิเศษอีก 150 ล้านบาท จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ ในไตรมาส 3 แถมยังมีกำไรจากมูลค่าเงินลงทุนในบริษัทลูก โดยเฉพาะ SF ที่โตขึ้นมาก เช่นเดียวกับ ROJNA ที่กำไรมีแนวโน้มเติบโตสวนทางปัจจัยลบที่รุมเร้าเข้ามา เมื่อรายได้จากยอดขายที่ดิน และยอดขายไฟฟ้าภายในนิคมอุตสาหกรรม เป็นไปตามเป้าหมาย แม้จะมีสถานการณ์การเมืองปะทุขึ้นมา ส่วนธุรกิจคอนโดมีเนียมที่บริษัทแตกแขนงออกไปก็เดินหน้าด้วยดี โดยเฉพาะโครงการในจีน แม้จะเผชิญมาตรการคุมเข้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ต้นปี และ ยิ่งบริษัทหันมารุกตลาดคอนโดมีเนียมในประเทศ ประเดิมโครงการแรกที่รัตนาธิเบศร์ ในไตรมาส 3 นี้ และมีแผนจะทยอยเปิดโครงการใหม่อีกหลายเฟส ทำให้มูลค่าเหมาะสมใน 12 เดือนข้างหน้า ขยับเพิ่มเป็น14 บาท เมื่ออิงจากระดับ PER 12 เท่า โผหุ้นสบายใจ ASP KBANK LH PS SAT SPALI STANLY STEC TASCO สำหรับ คุณเทอดประเดิมโผหุ้นเด็ดด้วยหุ้นกลุ่มพัฒนาที่ดินที่เขามีความถนัดมากที่ สุด โดยให้เหตุผลว่า เป็นหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานมากกว่าหุ้นกลุ่มอื่นๆ พิจารณาได้จากระดับราคาหุ้นทั้งกลุ่ม (Property Sector Index) ที่ระดับราคาปัจจุบันอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงปี 2531 สวนทางตัวเลขงบการเงินที่มีความแข็งแกร่งขึ้นมาก ไม่ว่าจะดูจากงบกำไรขาดทุน หรืองบกระแสเงินสด (Cashfow) ที่พลิกกลับมาเป็นบวกในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาระดับราคาหุ้นช่วง 1 ปีล่าสุด จะพบด้วยว่า ก่อนราคาหุ้นจะเริ่มดีดตัวในช่วง 1-2 เดือนนี้ Property Sector Index มีการปรับฐานนานกว่า 8 เดือน สะท้อนให้เห็นว่า ราคาหุ้นได้แตะจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ดังนั้น ตั้งแต่ครึ่งปีหลังเป็นต้นไป น่าจะเห็นราคาหุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ค่อยๆ ปรับขึ้น โดยเฉพาะหุ้น PS และ SPALI ซึ่งมี Presale และ Backlog สูงที่สุดในกลุ่ม เพราะแนวโน้มกำไรจะเติบโตอย่างเด่นชัด ในครึ่งปีหลัง แต่สำหรับนักลงทุนที่ชอบลงทุนระยะยาว ควรเลือก LH เพราะแนวโน้มกำไรจะเติบโตชัดเจนในปีหน้า ถัดจากนั้น เขาลงรายละเอียดหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างทันที โดยอธิบายว่า มีสัญญาณบวกจากการลงทุนภาครัฐ และภาคเอกชน หนุนให้การรับงานใหม่ และ Backlog ของกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง มีโอกาสสร้าง New High ในปีนี้ โดยงานภาครัฐ มีโครงการถนนไร้ฝุ่น และรถไฟฟ้าเป็นตัวนำ ประเดิมด้วยโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ต่อด้วยสายสีน้ำเงิน และรอจ่อคิวในสายสีแดง ขณะที่งบไทยเข้มแข็งน่าจะเบิกจ่ายมากขึ้น ขณะ เดียวกัน กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างเองก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไรดีขึ้น เนื่องจากการส่งมอบงานที่มีกำไรขั้นต้น (Margin) ต่ำหมดลง ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า ผลดำเนินงานของ 7 บริษัทที่ฝ่ายวิจัย ASP ศึกษา จะพลิกจากขาดทุนเป็นกำไร 1.5 พันล้านบาท ในปีนี้ หนุนให้ราคาหุ้นฟื้นตัว (Outperform) ได้ โดยเฉพาะ STEC ซี่งมี Backlog ค่อนข้างมาก ทำให้การรับรู้รายได้จะเริ่มเติบโตก้าวกระโดดตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป “ผล ของโครงการภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการถนนไร้ฝุ่น ยังส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง อย่าง TASCO ตามมาด้วย เพราะการเดินหน้าโรงกลั่นยางมะตอยในมาเลเซีย ได้ช่วยสนับสนุนยอดส่งออกเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทได้นำเข้าน้ำมันดิบเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบของโรงกลั่นแล้ว 3.8 ล้านบาร์เรล จากเป้าหมายทั้งปี 6.0 ล้านบาร์เรล จึงทำให้โรงกลั่นถึงจุดคุ้มทุนตั้งแต่ไตรมาสแรกแล้ว ดังนั้น TASCO น่าจะทำกำไรทั้งปีได้ถึง 811 ล้านบาท หรือเติบโตจากปีก่อน 64% ทำให้ประเมินราคาเหมาะสมได้ 47.82 บาท เมื่อใช้ PER 10 เท่า” นักวิเคราะห์จาก ASP พูดเสริม ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะเขาเสนอแนะให้นักลงทุนกระจายพอร์ตการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มยานยนต์ เพิ่มเติมอีกด้วย “หุ้น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ และยานยนต์ เป็นอีก 2 กลุ่มที่สามารถเพิ่มน้ำหนักการลงทุนได้ โดยหุ้นธนาคารพาณิชย์มีจุดเด่นเรื่องสินเชื่อมีแนวโน้มเติบโตสูง รับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ นำโดย KBANK ซึ่งมีสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อกลุ่ม SMEs และรายย่อยถึง 65% ของสินเชื่อรวม บวกด้วยกำไรจากมูลค่าเงินลงทุนในเมืองไทยประกันชีวิต ช่วยผลักดันการเติบโตกำไร รองลงไปเป็น TCAP ซึ่งกำไรโดดเด่นที่สุดในกลุ่มธนาคารขนาดเล็ก เพราะธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์มีแนวโน้มเติบโตสูงมากในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ส่วนกลุ่มยานยนต์มีการฟื้นตัวอย่างเด่นชัดแล้ว ทำให้ผลดำเนินงานไตรมาสแรกพลิกจากขาดทุนเป็นกำไรได้แล้ว ทำให้ประเมินได้ว่า 7 บริษัทที่ฝ่ายวิจัย ASP ศึกษา จะทำกำไรได้ 1.6 พันล้านบาท หลังจากปีก่อนขาดทุนรวมกัน 439 ล้านบาท โดยมี SAT และ STANLY เป็น Top pick ของกลุ่ม” คุณเทอดทิ้งท้าย แนวคิดลงทุนโภคภัณฑ์ ทองคำ และอนุพันธ์ วง เสวนายังได้ฝากแนวคิดในการลงทุน SET50 Index Futures และสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงทองคำทิ้งท้ายด้วย ประเดิมด้วยการลงทุนใน SET50 Index Futures ระหว่างเดือนสิงหาคม และเดือนกันยายน ซึ่งฝ่ายวิจัย ASP แนะให้นักลงทุนเริ่มเปิด Long หลังจากดัชนียืนได้บริเวณแนวรับ ซึ่งคงจะต้องพิจารณาตามภาวะตลาดกันต่อไป แต่หากดัชนีผ่าน 583 จุดได้ ค่อยเปิด Long เพิ่ม แล้วถือยาวเพื่อลุ้นดัชนีแตะ 607 จุด ฝ่าย วิเคราะห์หลักทรัพย์ TNITY ประเมินว่า หากมอง 12 เดือนขึ้นไป หรือมองระยะยาว ราคาน้ำมัน และทองคำยังคงดีอยู่ แต่ในระยะสั้นไม่ถึง 12 เดือน ราคาน่าจะแกว่งตามกรอบ (Trading Range) เท่านั้น จึงแนะนำให้ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวเท่านั้น ขณะที่ถ่านหิน มีแนวโน้มชะลอตัวเช่นกัน แต่ไม่รุนแรงเท่าน้ำมัน และปิโตรเคมี โดยราคาอ้างอิง Barlow Jonker น่าจะแกว่งตัวในกรอบ 80-90 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในครึ่งปีหลัง หลังจากครึ่งปีแรกราคาเฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 97.62 ดอลลาร์สหรัฐฯ พุ่งขึ้นจากปีก่อน 15% เพราะจีนยังเป็นผู้บริโภครายใหญ่อยู่ ทำให้ถ่านหินเป็นโภคภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง เป็นรองแค่ทองคำเท่านั้น
โดย
aosmosis
ศุกร์ ก.ย. 03, 2010 7:34 am
0
0
>>>มีใคร สรุป งานเทคนิคการลงทุนหุ้นห่านทองคำ ได้บ้า
ก็ถ้าเป็นกระทู้ศูนย์รวม การเสด็งความคิดเห็น การวิเคราะห์ ผมว่า ก็น่าจะยังคงอยู่ คงมีคนเข้ามาร่วมจอยความคิดกันมากขึ้น ส่วนข้อมูลการสัมนา หากมีการอัพเดท เรื่อยๆ ผมว่า น่าจะเป็นประโยชน์กับ นลท ตจว ไม่น้อย ที่ไม่สามารถเดินทางเข้ามารับฟังใน กทม ได้
โดย
aosmosis
ศุกร์ ก.ย. 03, 2010 7:29 am
0
0
อินโดฯเรียกค่าเสียหายปตท.สผ.7หมื่นล้านบ.
ข่าวร้ายทั้งทีทำไมลงแค่นี้เอง ค่าความเสียหายประเมินต่อหุ้น 10 กว่าบาท ราคาหุ้น ลดลงจาก 153 ลงมา 140 กว่าบาท ราคาที่เห็นบนกระดาน น่าจะสะท้อนปัญหาแล้ว ต่อจากนี้ ก็คงอยู่แถว 140 กว่าบาท จนกว่าจะเห็น ความชัดเจน ยิ่งมีราคาน้ำมัน ที่อาจจะสูงขึ้น ช่วงสิ้นปี แต่ไม่รู้ว่า สิ้นปีนี้หรือไม่ เพราะ ศก.โลกยังเปราะ สหรัฐก็อ่อนปวกเปียก แถมยังเจอสภาวะโลกร้อน อากาศจะเย็นมากๆ เหมือนที่เคยรึป่าว ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ พฐ. คงไม่ใช่หุ้นปั่นแน่ๆ แต่คงห้าม นลท ที่จะแห่เทขายของดี คงไม่ได้ คงต้องรอราคาขึ้นมาประมาณ 150 คงจะแห่เข้ามา เป็นพรวน...
โดย
aosmosis
ศุกร์ ก.ย. 03, 2010 7:23 am
0
0
อินโดฯเรียกค่าเสียหายปตท.สผ.7หมื่นล้านบ.
อย่าเอาข่าวมาลงเชียร์เพื่อต้องการกระตุ้นหรือสร้างกระแส VI ต้องวิเคราะห์ สิครับ ไม่ใช่เอาข่าวมากวนๆ แกว่งๆ อย่างนี้ น้ำขุ่นหมด อยากถามว่า หากแถวๆ บางแสน พบคราบน้ำมัน ฟ้อง สผ ได้มั้ยครับ อย่างนี้ก็ฟ้องกันทั่ว อินโดก็เหมือนกัน หลักฐานยังไม่ชัด มันไม่หนักหนา เหมือน BP หรอกครับ ปริมาณน้ำมันที่รั่ว ก็เทียบกันไม่ได้เลย อยากให้ลอง เอาข่าว และหลักฐานที่มี มาวิเคราะห์ดีกว่า ผมว่าที่ราคาขนาดนี้ ใครขาย แต่ก็คงมีคนแอบซื้อไว้ เหมือนคราวไฟไหม้แท่นขุด .. รู้สึกเดี๋ยวนี้ ไม่ค่อยมี หัวข้อ วิเคราะห์ จากเพื่อนๆ VI มีแต่ สรุปราคาประจำวัน สรุปข่าวรายวัน
โดย
aosmosis
ศุกร์ ก.ย. 03, 2010 12:15 am
0
0
>>>มีใคร สรุป งานเทคนิคการลงทุนหุ้นห่านทองคำ ได้บ้า
ผมลองแจ้งไปทาง มันนี่ แล้วครับ คืบหน้าอย่างไร จะมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
โดย
aosmosis
อาทิตย์ ส.ค. 29, 2010 2:26 pm
0
0
เพื่อนๆคิดว่าหุ้นอสังหาแพงไปหรือยังครับ
ก็ไม่แพงหนิครับ spali ก็ 7.xx เอง PS ก็ 16.xx เอง ต่อให้มีข่าวร้ายๆอะไร ทุนในพอร์ตผม ก็คงไม่ร้ายตามไปแน่นอน เพราะผม หนาวๆร้อนๆ มาแล้ว ช่วง เม.ย. 55+
โดย
aosmosis
เสาร์ ส.ค. 28, 2010 7:45 pm
0
0
>>>มีใคร สรุป งานเทคนิคการลงทุนหุ้นห่านทองคำ ได้บ้า
ขอบคุณครับ เท่าที่ทราบ มีการกล่าวถึง TVO, LST, .... ไม่อยากรู้แค่หุ้นครับ แต่อยากรู้ว่า ทำไมถึงเป็นหุ้นตัวนี้ ที่มาที่ไปของแนวทางการคิดว่า หุ้นกลุ่มไหน แนวโน้มดี มีจุดเด่น จุดด้อย ยังไง เราจะได้รู้จักหลักการคิด ตอนนี้ก็พยายามเลือกหุ้น PB ไม่สูงมาก แต่ให้ ROE สูงๆ เน้นที่กำลังมีแนวโน้มดีในอนาคต ท่านใดสามารถสรุปเนื้อหาในงาน จากที่ได้ไปฟังบ้าง รบกวนด้วยครับ
โดย
aosmosis
เสาร์ ส.ค. 28, 2010 3:32 pm
0
0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
พอจะมีใคร สรุป งาน เทคนิคการลงทุนหุ้นห่านทองคำ บ้างครับ ที่จัดที่เอสพนาด เห็นว่า เน้นเกี่ยวกับการลงทุนระยะยาว เน้นเงินปันผล และอิสระทางการเงินจากเงินปันผล .. อยากทราบรายละเอียดครับ .. อยู่ ตจว ไม่มีโอกาสจริงๆ ขอบคุณครับ
โดย
aosmosis
อังคาร ส.ค. 24, 2010 9:14 pm
0
0
ฟัง ดร.นิเวศน์ และพี่ web ในวันเสาร์ที่21สค จองกันเลยนะครั
เนื่องจากอยู่ ตจว. เดินทางลำบากครับ มีใครไปฟังมาบ้าง รบกวนช่วยบรรยายเป็นบทความ หรือเนื้อหายังไงก็ได้ครับ อยากฟังอยากอ่าน เหมือนที่เคยมีเพื่อนๆท่านอื่นๆ เคยเอามาให้อ่านกัน ขอบคุณครับ
โดย
aosmosis
อาทิตย์ ส.ค. 22, 2010 12:51 pm
0
0
ผมรบกวนขอข้อมูล EPS16yearครับ
พี่ครรชิต ผมขอ EPS16YEAR ด้วยครับ ขอบคุณครับ
[email protected]
โดย
aosmosis
ศุกร์ พ.ค. 21, 2010 4:57 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
Verified User
ชื่อล็อกอิน:
aosmosis
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
ศุกร์ พ.ค. 21, 2010 4:52 pm
ใช้งานล่าสุด:
พุธ เม.ย. 29, 2020 10:20 am
โพสต์ทั้งหมด:
290 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.02% จากโพสทั้งหมด / 0.05 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว