Re: แจก EPS16YEAR (งบดุล,ราคา,19ปี,Ratio ต่างๆ,แบบเครดิตภาษี สวัสดีครับ ผมหายไปหลายปี กลับมาขอรบกวนด้วยครับ [email protected] ขอบคุณมากครับ :D โดย sirivajj พฤหัสฯ. พ.ค. 17, 2012 10:20 am

จะขายหุ้นเมื่อไหร่ดีครับ เมื่อภรรยาที่เคารพสั่ง ครับ :oops: โดย sirivajj อังคาร ก.พ. 05, 2008 8:39 pm

แจก EPS16YEAR (งบดุล ย้อน 19 ปี,ราคา,Ratio,แบบเครดิตภาษี) สวัสดีครับ คุณครรชิต ขอด้วยคนครับ [email protected] ขอบคุณมากครับ โดย sirivajj พุธ พ.ย. 21, 2007 10:12 pm

ทำใจหุ้นไทยซึมถึง พ.ย. วงการฟันธงรอรับที่ 850-820 จุด เปิดห้องข่าว สิครับ จะได้รู้ว่าเป็นแค่ข่าว อาจไม่ใช่ข้อเท็จจริง ถ้าเปิดอีกห้อง เดี๊ยวเขาก็รู้สิครับว่า วงการที่มาฟันธงน่ะ เป็นวงการมารยา เอ้ย ไม่ใช่ เป็นวงการบันเทิง อะ ครับ :lol: โดย sirivajj พุธ ต.ค. 24, 2007 5:42 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย sirivajj พฤหัสฯ. ก.ย. 20, 2007 11:03 am

อะไรเกิดขึ้นกับ PHA ? เข้ามาเพราะอยากรู้เหมือนกัน อาการเหมือนก่อนจะมีข่าวปันผลเลยครับ ประมาณว่าจู่ๆก็วิ่งหน้าตั้ง สงสัยคนที่ซื้อเหมือนกันว่าไปได้แรงบันดาลใจอะไรมา :evil: โดย sirivajj จันทร์ ก.ย. 17, 2007 4:18 pm

เงินปันผลที่ไม่ได้รับเครดิตภาษี เนื่องจาก ?????? สอบถามหน่อยครับถ้าไม่ได้ทำงาน จึงไม่ได้เสียภาษีแล้วเราจะขอเครดิตภาษีได้มั้ยครับ อยากรู้จริงๆ ได้ครับ คนที่รายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี หรือภาษีจากรายได้ปรกติเท่ากับ 0 ก็สามารถขอเครดิตภาษี ได้ ซึ่งสรรพากรจะจ่ายเงินคืนให้ ครับ :D โดย sirivajj พฤหัสฯ. ส.ค. 30, 2007 4:44 pm

ทำไมถึงเลือกลงทุนในหุ้นกันครับ ตอบตรงๆ เลย เบื่อและไม่อยากเป็นลูกจ้าง แต่ไม่มีปัญญาทำธุรกิจเอง :oops: โดย sirivajj พุธ ส.ค. 22, 2007 4:19 pm

แจก EPS16YEAR (งบดุล ย้อน 19 ปี,ราคา,Ratio,แบบเครดิตภาษี) ได้รับแล้ว ขอบคุณมากครับ อย่างไรก็ดี  มีข้อต้องแก้ไข หรือ ตรวจสอบดังนี้ คือ กำไรใน Q1-Q3 ของ PL ควรจะเป็น  0.16 - 0.15 - 0.09 ครับ Version ที่ผมได้จะเป็นราคาปิด 17/08/07 ครับ Cheerrrrrrrrrr :D โดย sirivajj จันทร์ ส.ค. 20, 2007 10:52 am

แจก EPS16YEAR (งบดุล ย้อน 19 ปี,ราคา,Ratio,แบบเครดิตภาษี) ขอรบกวน คุณครรชิต ด้วยครับ [email protected] ขอบคุณมากครับ โดย sirivajj เสาร์ ส.ค. 18, 2007 12:04 am

รีบาวน์ทำไม ? ไม่ต้องรีบาวน์. ผมรู้สึกเหมือนว่า รีบาวน์ แปลว่า ยังจะมีได้อีก น่ะครับ :roll: โดย sirivajj ศุกร์ ส.ค. 17, 2007 4:24 pm

ชาวVIทั้งหลาย คุณได้ขายหุ้นออกไปช่วง panic นี้บ้างป่าวครับ ขายตัวที่ผลประกอบการไม่ดีออกไป ซื้อตัวที่คิดว่า พอมีอนาคตเข้ามาแทนครับ :roll: โดย sirivajj ศุกร์ ส.ค. 17, 2007 10:54 am

จะดีไหม ถ้าตลาดหุ้น เปิดทั้งวันทั้งคืน ผมว่า แค่เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย ก็น่าจะพอแล้ว โดย sirivajj พุธ ส.ค. 15, 2007 4:31 pm

หุ้นตัวไหนผลประกอบการออกมาผิดคาดกันบ้างครับ SEAFCO ครับ ผมไม่มีตัวนี้  แต่ก็ดูดูมันอยู่ เพราะเห็นนักวิเคราะห์เชียร์กันเหลือกัน ผู้บริหารก็ให้ข่าวประเภทรับงานไว้ รายได้น่าจะดีเหลือหลาย :? ตอนประกาศไตรมาส เปิดดูปุ๊บ โอ้โห  มันช่างผิดคาดอะไรขนาดนี้ :shock: โดย sirivajj พุธ ส.ค. 15, 2007 11:12 am

รบกวนพี่ครรชิตและท่านอื่นที่พอจะมีข้อมูลครับ :shock: ยังเหลือรอดอยู่อีก 1 แต่ผมว่า ที่จริง WG สอบตกไปนิดเดียว นะครับ อืม ต้องติดตามตอนต่อไป :?: โดย sirivajj พุธ ส.ค. 15, 2007 10:59 am

WG เลขที่ออก... อืม ข่าวล่ามาไวจังครับ :shock: โดย sirivajj อังคาร ส.ค. 14, 2007 5:35 pm

WG มี offer ตั้ง 4แสนหุ้นเชียว ผมเดาเอานะ WG น่าจะมีผลประกอบการดีขึ้น จากการสังเกตุตัวที่มี offer ค้างไว้เยอะๆ นี่ผมประกอบการดี ขึ้นมากทุกตัวเลย แต่ขอย้ำว่าเดาล้วนๆ ขอให้เป็นได้ดังที่เดาเอาไว้ครับ ผมมักน้อย แต่ก็อยากเห็น WG ที่ 5x.xx เสียที น่าจะอีกไม่นานนะครับ :twisted: อย่างนี้ เรียกว่า ไม่ค่อยโลภเท่าไหร่  ใช่ไหมครับ  อิ อิ โดย sirivajj ศุกร์ ส.ค. 10, 2007 11:01 am

ไม่มีหัวข้อ โดย sirivajj ศุกร์ ส.ค. 10, 2007 10:49 am

ไม่มีหัวข้อ โดย sirivajj พฤหัสฯ. ส.ค. 09, 2007 10:15 am

ขอชื่นชม คุณพี่ chartchai madman เยี่ยมมากครับ นับถือ นับถือ :D โดย sirivajj ศุกร์ ส.ค. 03, 2007 9:38 pm

ผู้บริหารปฏิบัติธรรม ทำให้หุ้นน่าศรัทธามากขึ้นหรือไม่ สำหรับผม  อาจทำให้น่าศรัทธา แต่ราคาหุ้นที่เราพิจารณาจะซื้อ - ขาย ไม่เกี่ยวครับ โดย sirivajj พฤหัสฯ. ส.ค. 02, 2007 12:01 pm

คิดย่างไรกับ 3 วันแดงเดือด วู้ววว รถถอยมารับแล้ว แต่ ....... แต่ ........ แต่ดันทับเท้าเสียนี่ เจ็บอย่างนี้ จะขึ้นรถอีกไหวไหมนี่ :twisted: โดย sirivajj พฤหัสฯ. ส.ค. 02, 2007 11:40 am

ทำอย่างไรให้ลืมราคาทุนที่ซื้อมาดีครับ ลองหาหนังสือ Temple Boxing ของคุณคลายเครียด มาอ่านสิครับ จำได้ว่า ให้แนวทางว่า ถ้าผลประกอบการดีขึ้น หรือลดลง มากหรือน้อย แล้วราคาปรับตัวขึ้น  ไม่ปรับตัวขึ้น หรือลดลง ควรจะทำอย่างไร :) โดย sirivajj พุธ ส.ค. 01, 2007 9:29 pm

พี่ๆเพื่อนๆทั้งหลายรอผลประกอบการณ์ตัวใหนบ้างครับ CAWOW ครับ อยากรู้ว่า ผลออกมาจะเป็นแบบ Wow เย้ เย้ เย้ เย้ หรือ Wow กูแย่ กูแย่ :lovl: โดย sirivajj จันทร์ ก.ค. 30, 2007 7:16 pm

SE-ED/APRINT/B2S ผมประทับใจ B2S และแวะเข้าไปเดินดูบ่อยกว่า SE-ED นะครับ อย่างไรก็ดี ถ้าถามว่า อุดหนุนหรือเปล่า ตอบตามตรงว่า ค่อนข้างน้อยทั้ง 2 ร้าน เพราะหนังสือที่อยากได้ หรือเรื่องที่ผมสนใจ มักไม่อยู่ที่ในร้านทั้ง 2 และหรือถ้ามีบางครั้งก็อาจแพงกว่าที่ kino เสียอีก ผมชอบที่จะซื้อหนังสือในงานสัปดาห์หนังสือมากกว่า โดยซื้อกับที่สำนักพิมพ์เลย ครับ :shock: โดย sirivajj อาทิตย์ ก.ค. 29, 2007 7:32 pm

คิดยังไงกับเหตุการณ์วันนี้ ใครเข้าซื้อมั่งครับ อืม พอร์ตของผมคงเพราะไม่ได้ขึ้นอะไรกับเขาที่ผ่านมา วันนี้ ก็เลยได้รับผลกระทบน้อยมาก และตัวที่ตั้งใจจะซื้อ ก็ลงน้อยมากเช่นกัน ก็คงจะ Wait & See ต่อไป :wink: โดย sirivajj ศุกร์ ก.ค. 27, 2007 4:11 pm

คุณมีหุ้นที่ไม่ ตอบสนองต่อ ภาวะกระทิง เลยบ้างไหมครับ ผมด้วยครับ นิ่งสนิท ไร้การเคลื่อนไหว มีแต่แรงกระเพื่อม เล็กๆ :oops: โดย sirivajj พุธ ก.ค. 25, 2007 7:45 pm

บริษัทไหนบางมีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ? ผมว่า คำถามนี้น่าสนใจดีนะครับ คือ อยากเสนอมุมมองในคำตอบที่ว่า คำตอบน่าจะขึ้นอยู่กับคำว่า บริษัทฯ ให้บริการอะไรด้วย ถ้า BECL ให้บริการทางด่วน คำตอบก็อาจจะเป็นอย่างที่มีเพื่อนๆ บางท่านตอบมา โดยมีตำนวนคู่แข่งและส่วนแบ่งตลาดเป็นแบบหนึ่ง แต่ถ้าคำตอบว่า BECL ให้บริการความสะดวกในการเดินทางล่ะก็ คู่แข่งที่อาจจะมีเพิ่มขึ้น ที่ผมนึกเล่นได้ คือ รถไฟฟ้ารอบเมืองสายต่างๆ ที่หากก่อสร้างเพิ่มแล้วเสร็จ อาจจะเข้ามามีส่วนให้การใช้บริการ BECL ลดลงก็ได้ อย่างไรก็ดี อันนี้ ก็เพียงแค่นำเสนอมุมมองเพิ่มเติมจากคำตอบ ที่เพื่อนๆ ช่วยเสนอกันมาแล้วนะครับ Cheeerrrrr :) โดย sirivajj จันทร์ ก.ค. 23, 2007 5:23 pm

วิเคราะห์ ATC ATO ATO/ATC ต่างกับ offer ที่ ceiling และขายที่ floor นิดเดียวเองครับ ต่างกันนิดเดียว แต่เวลา match นี่ ATO/ATC มัน Priority สูงกว่านี่ครับ เมื่อตลาดตั้งกฏมาอย่างนี้ เข้าใจว่า คนซื้อ/ขาย ก็ว่า กันไปตามกติกาที่มีแหละครับ จริงๆ แล้ว ATO/ATC มันก็เอื้อประโยชน์ให้กับคนที่อยู่หน้าจอคอม มากกว่า พวกที่ดูทางโทรทัศน์ หรือติดตามข้อมูลแบบ Off-line (ไม่รู้ยังมีประเภทนี้อีก มากน้อยหรือเปล่านะครับ) :roll: โดย sirivajj ศุกร์ ก.ค. 20, 2007 7:21 pm

ถามเรื่องหุ้นที่ถูก delist อย่าง โรงแรมราชดำริ (RHC) 1. ถ้ายังมีอยู่ ตอนนี้ก็ต้องถือหุ้นที่อยู่นอกตลาดแล้วครับ 2. หุ้นจะอยู่ในพอร์ตตลอดไปหรือไม่ ผมว่า น่าจะขึ้นอยู่กับระบบของแต่ละโบร์ค (ไม่แน่ใจ) แต่เคยเห็นพอร์ตของบางคนยังมีหุ้น CMIC อยู่เลย ซึ่งแน่นอนเราทำอะไรกับมันไม่ได้ ลองถามกับมาร์สิครับ 3. ถามมาร์ดู แต่ไม่น่าจะได้ 4. ถ้าไม่อยู่ในพอร์ต ผมก็เดาว่า หากบริษัท เป็นนายทะเบียนหุ้นเอง เขาก็น่าจะยกเลิกใบหุ้นเก่าแล้วจัดส่งใบหุ้นใหม่ให้กับผู้ถือหุ้นตามรายชื่อ สุดท้าย ณ วันที่หุ้นออกจากตลาด 5. ไม่ทราบ แต่คิดว่า น่าจะได้รับเป็นเช็คและหนังสือรับรอง หัก ณที่จ่าย จาก บริษัท มากกว่า 6. รายงานประจำปีและการประชุม จะต้องมี ตาม กม.และระเบียบข้อบังคับ บริษัท ของกระทรวงพาณิชย์ ครับ 7. หาผู้ซื้อและตกลงราคา จากนั้น ก็นำใบหุ้นมาเซ็นต์ โอนหุ้นพร้อมแนบหลักฐาน เช่น สำเนาบัตรประชาชนของผู้ขาย ให้ผู้รับกรรมสิทธิ์ (ผู้ซื้อ) คนใหม่ ครับ ทั้งหมดนี้ ตามที่ผมเข้าใจนะครับ กรุณาตรวจสอบกับมาร์ ผู้รู้ หรือ บริษัท ดูอีกครั้ง โดย sirivajj พุธ ก.ค. 11, 2007 11:30 pm

นักลงทุนแนว vi มีโอกาสหมดมุข ไม๊ ผมก็หามุขไม่เจอมานานแล้วเหมือนกัน แล้วก็บ่อยๆ ครั้ง มุขที่คิดว่า เจอ ดั้นกลายเป็น มุขกระบือ เสียอีก :roll: โดย sirivajj ศุกร์ มิ.ย. 29, 2007 8:13 pm

จะครึ่งปีแล้ว พอร์ตโตเท่าไรกันแล้ว หมู่เฮา VI จริงๆ ไม่อยากแตกแถว แต่มันไม่กำไรแค่เพียงเม็ดสิว ก็เลยต้องขอปี้บด้วยคน :oops: โดย sirivajj อังคาร มิ.ย. 26, 2007 5:41 pm

Re: นักลงทุน VI จะซื้อหุ้นแบบนี้ไหมครับ หุ้นอยู่ในอุตสาหกรรมที่ไม่ค่อยรู้มาก แต่รู้แน่ๆว่าผู้บริหารดีมากจากความสัมพันธ์ส่วนตัว และก็รู้ว่ากำไรดีขึ้นแน่ๆจากความสัมพันธ์ส่วนตัว โดยทีผู้บริหารนั้นไม่ซื้อขายหุ้น และไม่รู้ว่าเราซื้อขายหุ้น p/b 0.6 ผมคงไม่ซื้อครับ เพราะเหมือนไม่รู้อะไรเลย นอกจาก เขาบอกว่า " .............  " ยอมรับว่า ไม่สามารถเข้าใจ และปรับตัวกับสถานการณ์ ที่ตัวเองไม่เข้าใจได้อย่างเหมาะสม ครับ โดย sirivajj พุธ มิ.ย. 20, 2007 7:22 pm

บทเรียนความผิดพลาด ไอ้ตัวที่มันดีดีน่ะ ตอนมันนิ่งๆ ไม่กล้าเก็บครับ ประมาณว่า เก็บนิด เก็บหน่อย พอมันขยับแล้วไม่ตาม ทีนี้ มันบินหายไปเลย ส่วนไอ้พวกที่ มั่นใจมาก เก็บเยอะหน่อย มันมักจะขึ้นนิด ขึ้นหน่อย จากนั้น มันร่วงแบบนับไม่ทันเลย อันนี้เป็นความผิดพลาดที่ผมชื่นชอบมากเลย (ทำประจำ ไม่ยอมเข็ด) :oops: โดย sirivajj พุธ มิ.ย. 20, 2007 6:59 pm

SET วิ่งแต่ port เรานิ่งจัง เหมือนผมเยยยยยย คนอื่นเขาวิ่งโครมคราม ของเรานิ่งสนิท :oops: โดย sirivajj พุธ มิ.ย. 20, 2007 6:26 pm

ขอคุยเรื่อง Margin of Safety หน่อยครับ ถ้าต้องเลือก ผมคงให้น้ำหนักและเลือก Margin of Safety ที่จะได้จาก Earning และ Growth ในอนาคตมากกว่าแหละครับ และถ้าจะได้จะต้องเสีย Margin of Safety ที่ต้องไปเลือกหุ้นราคาแพง ก็อย่าให้มันมากหรือเสียเปรียบจนเกินไป ประมาณว่า หุ้น 2 ตัวทำกำไรต่อหุ้นเท่ากันที่ 20 บาท ถ้าให้ซื้อตัวแรกได้ที่ราคา 100 บาท (PE 5) แต่เพื่อได้ Earning Growth สูงขึ้นจาก 5% เป็น 15% แล้ว ต้องไปซื้อที่ราคา 300 บาท (PE15) นี่ มันยังไง ยังไง อยู่นะครับ ถ้าให้ซื้อได้ที่ราคา 140 - 160 ก็ว่าไปอย่าง :?: โดย sirivajj อังคาร มิ.ย. 19, 2007 6:28 pm

ค่า PEG น้อยกว่า 1 แต่ PE สูงจะดีกว่า แก้ไขครับ ส่วนที่ครบ 5 ปี แล้วที่ PE ของหุ้นทั้ง 3 จะยังคงเป็น 15-10-5 ให้เราไปขายต่อนั้น เป็นสมมติฐานที่กำหนดขึ้นเพิ่มเติมครับ โดย sirivajj อังคาร มิ.ย. 19, 2007 6:13 pm

ค่า PEG น้อยกว่า 1 แต่ PE สูงจะดีกว่า ผมรู้สึกทะแม่ง พิกลเหมือนกันตอนตอบกระทู้นี้ เหมือนกับต้องตอบคำถามลวง แต่มาคิดดู ผมว่า ความเห็นที่แตกต่างกันก็คงอยู่ที่ สมมติฐานของแต่ละคนต่อหุ้นทั้ง 3 นั่นมากกว่า ผมคิดว่า คนที่เลือกหุ้น PE ต่ำ ก็เพื่อให้ได้ซื้อหุ้นที่ราคาถูกอย่างน้อยก็วันที่ซื้อล่ะ โดยหวังว่า บริษัทจะทำกำไรแบบเติบโตไปเรื่อยๆ ส่วนคนที่เลือกหุ้น PE Growth สูง ก็เพื่อหวังว่า อนาคตจะสามารถทำกำไรได้ จากฐานกำไรของ หุ้นที่ทำได้ โดยยังมีคนซื้อที่ PE แพงเหมือนวันที่เลือก สำหรับหุ้น PE 5 โดยมีสมมติฐาน ถ้า PE Growth = 5 และ Dividend Payout ratio = 100% คงหมายความว่า ภายใน 5 ปี จะได้คืนทุนแน่นอน (กำไรของปีที่ 1-5 รวมกัน = 348.11) ส่วนหุ้นที่ PE 15 PE Growth = 15 DP = 100% ก็คงต้องรอไป 13 -14 ปีล่ะ (กำไรของปีที่ 1-5 รวมกัน ได้เพียง 155.07 หรือ 50%ของเงินลงทุน 300 บาท) ส่วนที่ครบ 5 ปี แล้วที่ PE ของหุ้นทั้ง 3 จะยังคงเป็น 15-10-5 นั้น เป็นสมมติฐานที่กำหนดขึ้น อันที่จริง ผมว่า ใครๆ ก็อยากได้หุ้นที่อนาคต PE Growth สูงๆ ทั้งนั้น เพียงแต่ว่า ถ้าต้องไปซื้อมันแพงมากก็ต้องพิจารณาโอกาสที่ growth จะโตสม่ำเสมอและสูง เหมือนตอนที่ไปซื้อมันแพงๆ ด้วย :roll: โดย sirivajj อังคาร มิ.ย. 19, 2007 6:04 pm

Re: ค่า PEG น้อยกว่า 1 แต่ PE สูงจะดีกว่า [quote="suirya"]หุ้นไหนให้ผลตอบแทนเมื่อถือไว้ 5 ปี 1. หุ้นที่ PE 15 โดย sirivajj จันทร์ มิ.ย. 18, 2007 10:36 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย sirivajj จันทร์ มิ.ย. 18, 2007 9:40 pm

pha ควบรวม เมืองไทย ปันผลพิเศษ 50 บาท ต่อหุ้น มีอยู่แค่นี้ดดดด ถือมานานแสนนาน ขอร่วมขบวนกับเขาด้วยแล้วกัน :D โดย sirivajj จันทร์ มิ.ย. 18, 2007 4:23 pm

การลงทุนแนวVI(ที่ถูกต้อง) เป็นแบบใหนครับ ไม่ได้มาป่วน แต่มันตรงกับคำถามพอดี เอาแค่ขำ ขำ นะครับ หมาแพนดี้ หมีแพนด้า หมีแพนด้า หมี หมี แพนด้า โอ้ตัวฉันอยากเป็น VI ทำอย่างไรจะเป็น VI ได้ ช่วยบอกทีนะ พี่ฉัตรชัย ทำยังไง ผมต้องทำ ยังงายยยยย เป็น VI ทำไมยากนัก อยากรู้จักความหมายให้ได้ ดู PE PB หรือไง ดูอะไร ฉันต้องดูอารายยยย หมาแพนดี้ หมีแพนด้า หมีแพนด้า หมี หมี แพนด้า คุณมนตรี และคุณวิบูลย์ นักลงทุน สมองสดใส ค้าขายหุ้นมีแต่กำไร ด้วยเพราะได้ เลือกแต่หุ้นที่ดี อีกหลายท่าน ก็ล้วน VI มีเท่าไหร่ เขาใส่เต็มที่ หุ้นของท่านล้วนพื้นฐานดี ซื้อแบบนี้ มีแต่กำไร หมาแพนดี้ หมีแพนด้า หมีแพนด้า หมี หมี แพนด้า โดย sirivajj ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 9:17 pm

ถามเรื่อง สูตรของเคลลี่ Kelly Formula ใครมีเวลาลองอ่านต้นฉบับดูครับ คงจะได้คำตอบ http://www.racing.saratoga.ny.us/kelly.pdf ต้นฉบับยอดเยี่ยมมากครับ อ่านปุ๊บติดเลย .......... ......... ติดศัพท์ :oops: โดย sirivajj เสาร์ มิ.ย. 02, 2007 9:49 pm

ขอถามคุณ chatchai เรื่องผู้บริหาร OGC pm ดีกว่าครับ อืม ......... สงสัยผมรู้แค่สิว สิว นิ้ดเดียว  ไม่น่ามาตอบ แฮะ   :oops: โดย sirivajj ศุกร์ มิ.ย. 01, 2007 9:01 pm

ขอถามคุณ chatchai เรื่องผู้บริหาร OGC ผมว่า ฐานะและผลประกอบการของ OGC ยังไม่พื้นตัวดี นะครับ EPS 03 = 8.75 EPS 04 = 8.51 EPS 05 = 8.65 EPS 06 = 6.58 ในส่วนของผู้ถือหุ้นของ บริษัทฯ ก็ได้รวมการตีราคาที่ดินเพิ่มไปแล้วถึง 254 ล้านในปี 05 เช่นกันในงบปี 06 ตามหมายเหตุประกอบงบ ข้อ 11. รายการสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น 98 ล้านบาทนั้น ได้รวม 10 ล้านบาท ที่เป็นตราสารอนุพันธ์ไว้ ซึ่งในวันประชุม ผู้ถือหุ้น มีผู้ถามขึ้นแล้ว ผมจับประเด็นเท่าที่จำได้ว่า มันเป็นเพียงรายการบัญชี ที่ต้อง Book ไว้ คล้ายๆ กับ บ.จะมีกำไรเนื่องจากได้ไปซื้อ forward เงินที่จะใช้ชำระหนี้ที่จะถึงชำระในอนาคต ฟังๆ แล้วคล้ายๆ กับว่า เป็นกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ในอนาคตที่เอามา Book ไว้ในปีนี้ ประมาณนั้น   ยังไงก็ลองดูด้วยนะครับ ปล. ผิด ตก ยกเว้น โปรดพิจารณา :roll: โดย sirivajj ศุกร์ มิ.ย. 01, 2007 8:26 pm

ถามเรื่อง สูตรของเคลลี่ Kelly Formula ขอแก้ไข ข้อความผิดด้วยครับ [quote="sirivajj"]ตัวอย่าง โดย sirivajj ศุกร์ มิ.ย. 01, 2007 8:01 pm

ถามเรื่อง สูตรของเคลลี่ Kelly Formula กับมาดูผลสรุปของค่า F ของหุ้นทั้ง 4 อีกครั้งนะครับ หุ้น ก.  = .33 หุ้น ข.  = .1875 หุ้น ค.  = .50 หุ้น ง.  = .175 ค่า F ของหุ้น ง. ทำไมมันต่ำสุดล่ะครับ ทั้งๆ ที่มันแทบจะไม่แตกต่าง แถมยังดีกว่าหุ้น ค. ด้วยซ้ำ :?:   :?:   :?:   :?:   ผมไม่อยากสรุปว่า มีอะไรผิดในสูตร ดังกล่าว แต่อยากจะเข้าใจว่า ผมเองอาจเข้าใจอะไรผิด หรือมองข้ามอะไรไปหรือเปล่า ถึงตอนนี้ ก็เลยมาฝากถามเพื่อนๆ ที่อาจมีมุมมอง หรือความเห็นอื่นๆ ช่วยแนะนำด้วยครับ ขอบคุณนะครับ  ประมาณว่า มันคาใจ อยู่น่ะครับ :roll:   :roll: โดย sirivajj ศุกร์ มิ.ย. 01, 2007 7:59 pm

ถามเรื่อง สูตรของเคลลี่ Kelly Formula โดยผมขอยกตัวอย่างเพิ่ม ดังมีข้อมูล เป็น หุ้น ค. มีโอกาสที่จะขึ้น 70% และถ้าขึ้นจะให้ผลตอบแทน 15% ส่วนโอกาสที่จะลงมี 30% และถ้าลงก็จะลงไปเพียง 10% Edge ของหุ้น ค. = ( .70 * 15 ) - ( .30* 10 ) = 7.5 Odds ของหุ้น ค. = 15 ดังนั้น ค่า F = 7.5 / 15 = .50 หรือเราควรลงทุนซื้อหุ้น ค. 50% ของพอร์ตของเรา ตัวอย่าง  หุ้น ง. มีโอกาสจะขึ้น 10% และให้ผลตอบแทน 80% กับ มีโอกาส 60% ที่จะกำไร 15% ส่วนโอกาสที่จะลงมี 30% และถ้าลงก็จะขาดทุน10% Edge ของหุ้น ง. = ( .10 * 80 ) + (.60* 15) - ( .30* 20 ) = 14 Odds ของหุ้น ง. = 80 ดังนั้น ค่า F = 14 / 80 = .175 หรือเราควรลงทุนซื้อหุ้น ง. 18% ของพอร์ตของเรา โดย sirivajj ศุกร์ มิ.ย. 01, 2007 7:50 pm

ถามเรื่อง สูตรของเคลลี่ Kelly Formula จริงๆ บทความก็ได้ ข้อเตือนใจหรือข้อควรระวัง ในเรื่องความถูกต้องที่จะน้อยลง เนื่องจาก โอกาสที่เราอาจจะผิดพลาดใน - การกำหนดความน่าจะเป็น ที่อาจจะผิด หรือ - การคาดการณ์ผลตอบแทนที่จะไม่ตรงกับความเป็นจริง ดังนั้น บทความก็ได้แนะนำการประยุกต์ไปใช้ให้ปลอดภัยพอเป็นแนวทางไว้ด้วย จบบทความดังกล่าว ตรงนี้ แต่ผมมีประเด็นที่สงสัย คาใจ ที่จะมาถาม ผู้ที่สันทัด หรือเข้าใจในบทความนี้  ดังนี้ ครับ ........ โดย sirivajj ศุกร์ มิ.ย. 01, 2007 7:44 pm

ถามเรื่อง สูตรของเคลลี่ Kelly Formula ตัวอย่าง  หุ้น ก. มีโอกาสที่จะขึ้น 60% และถ้าขึ้นจะให้ผลตอบแทน 15% ส่วนโอกาสที่จะลงมี 40% และถ้าลงก็จะลงไปเพียง 10% Edge ของหุ้น ก. = ( .60 * 15 ) - ( .40* 10 ) = 5 Odds ของหุ้น ก. = 15 ดังนั้น ค่า F = 5 / 15 = .33 หรือเราควรลงทุนซื้อหุ้น ก. 33% ของพอร์ตของเรา ตัวอย่าง  หุ้น ข. มีโอกาสจะขึ้น 20% และให้ผลตอบแทน 80% กับ มีโอกาส 50% ที่จะกำไร 10% ส่วนโอกาสที่จะลงมี 30% และถ้าลงก็จะขาดทุน20% Edge ของหุ้น ก. = ( .20 * 80 ) + (.50* 10) - ( .30* 20 ) = 15 Odds ของหุ้น ก. = 80 ดังนั้น ค่า F = 15 / 80 = .1875 หรือเราควรลงทุนซื้อหุ้น ข. 18% ของพอร์ตของเรา โดย sirivajj ศุกร์ มิ.ย. 01, 2007 7:37 pm