หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
kosit
Joined: อังคาร เม.ย. 20, 2010 2:26 pm
21
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - kosit
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
รวบรวม ผลกระทบกับหุ้นในตลาดในกรณี 19 พค วันเผาเมือง
เพิ่มเติม มี cpall อีก 1สาขา เสียหายประมาณ 5 ล้าน แผนที่ระบุ 12 จุด ที่"เสื้อแดง"ก่อจลาจลเผาทั่วกรุง โฆษกกทม.แถลง"เสื้อแดง"ก่อจลาจลเผา12จุด ทั่วกรุง รถดับเพลิงเข้าไม่ได้เจอสกัด ประสานศอฉ.จัดเจ้าหน้าที่คุ้มกัน นายถนอม อ่อนเกตุพล โฆษกกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวเมื่อเย็นวันที่ 19 พฤษภาคมว่า หลังแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ประกาศยุติการชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ และเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมได้กระจายก่อเหตุรุนแรงทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเบื้องต้นได้รับรายงานว่ามีการลอบวางเพลิงรวม 12 จุด ซึ่งบางแห่งสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว แต่บางแห่งยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้เพราะถูกกลุ่มผู้ชุมนุมสกัดกั้น ซึ่งจะประสานให้ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) จัดเจ้าหน้าที่คุ้มกัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่กองบรรเทาสาธาณภัยสามารถเข้าพื้นที่เพื่อปฏิบัติงานได้ โดยจุดที่ถูกลอบวางเพลิง ประกอบด้วย 1.สยามพารากอน และสยามสแควร์ 2.โรงแรม เซ็นทารา 3.ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 4.อาคารแห่งหนึ่งย่าน บ่อนไก่ 5.ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกรุงไทย สาขาอโศก 6.ป.ป.ส.และ ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น 7.ธนาคารกรุงเทพ และสาขาธนาคารออมสิน สาขาดินแดง 8.อาคารมาลีนนท์ 9.ธนาคารกรุงเทพ และห้างโลตัส พระราม 4 10.การ ไฟฟ้านครหลวง สาขาคลองเตย 11.ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และ 12.ธนาคาร กรุงเทพ สาขาอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1274272812&grpid=02&catid=01
โดย
kosit
พฤหัสฯ. พ.ค. 20, 2010 8:10 am
0
0
รวบรวม ผลกระทบกับหุ้นในตลาดในกรณี 19 พค วันเผาเมือง
ตู้เอทีเอ็ม ตู้ละล้านกว่า ถึง 2 ล้าน ปาระเบิดเพลิงแบงก์กรุงเทพ-เอทีเอ็มกสิกรไทย เมื่อเวลา 22.15 วันที่ 19 พ.ค. เกิดเหตุวัยรุ่นซ้อยท้ายรถจยย. 3 คัน ก่อเหตุปาระเบิดเพลิงเข้าใส่ธนาครกรุงเทพสาขาสำโรง ทำให้เกิดเพลิงไหม้เล็กน้อย ขณะนั้นมีเจ้าหน้าที่สายตรวจของ สภ.สำโรงเหนือผ่านมาแล้วและขี่รถจยย.ไล่ติดตามจนสามารถควบคุมตัววัยรุ่นมา 1 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน ห่างกันเพียง 15 นาที กลุ่มวัยรุ่น ซ้อนท้ายรถจยย.มาด้วยกัน 2 คัน ใช้ก้อนหินขวางเข้าใส่ร้านเซเว่นฯตั้งอยู่ปากซอยวัดบางด้วน พร้อมทั้งใช้ระเบิดเพลิงปาใส่ตู้เอทีเอ็มธนาครกสิกรไทย ที่ตั้งอยู่หน้าร้านจนเกิดเพลิงไหม้ แต่โชคดีชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงได้ช่วยกันดับเพลิงได้ก่อน http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=627&contentID=66898
โดย
kosit
พฤหัสฯ. พ.ค. 20, 2010 8:07 am
0
0
รวบรวม ผลกระทบกับหุ้นในตลาดในกรณี 19 พค วันเผาเมือง
เผยเซ็นทรัลเวิล์ด ซื้อประกันภัยคุ้มครองจากการก่อการร้าย-ภัยจลาจล วงเงิน100ล้านเหรียญ จากเหตุการณ์การวางเพลิง เซ็นทรัลเวิล์ด จนเกิดความเสียหายอย่างหนัก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ( 17 เมษายน) นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหาร โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา เปิดเผยว่า ทางผู้บริหารโรงแรมเครือเซ็นทรัล และห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ตัดสินใจที่จะซื้อประกันภัยความคุ้มครองจากการก่อการร้ายและภัยจลาจล เพื่อคุ้มครองโรงแรมและห้างสรรพสินค้าทุกแห่งทั่วประเทศ จากเดิมที่คุ้มครองเฉพาะสาขาภาคใต้เท่านั้น ซึ่งได้ทำหนังสือเพื่อเสนอทำประกันภัยไปแล้ว ในอัตราเบี้ยประกันภัย 0.17% ของวงเงินความคุ้มครองทั้งหมด วงเงินประกัน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ นายรณชิต กล่าวด้วยว่า การทำประกันครั้งนี้ เพื่อให้คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากการจลาจล การประท้วง การก่อการร้าย และธุรกิจหยุดชะงักจากเหตุการณ์ต่างๆ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปกติตึกอาคารขนาดใหญ่ และกรณีที่มีทุนประกันมูลค่าสูงในหลักหลายร้อยล้านบาทหรือพันล้านบาทขึ้นไป บริษัทประกันมักจะรับเสี่ยงภัยไว้ส่วนหนึ่ง และส่วนที่เหลือจะต้องส่งต่อการรับประกันภัยไปยังบริษัทผู้รับประกันภัยต่อ ในต่างประเทศ ผู้บริหารระดับเครือเซ็นทรัลเปิดเผย"มติชนออนไลน์" เมื่อเวลา 20.20 น วันที่ 19 พฤษภาคมว่า ขณะนี้ห้างเซ็นทรัลเวิล์ด ยังคงมีไฟลุกไหม้อยู่เท่าที่ทราบทุกชั้นเสียหายเกือบทั้งหมดเพราะหลังจากที่ เจ้าหน้าที่ของห้างเข้าไปดับไฟ ก็มีคนเข้าไปวางเพลิงใหม่โดยที่ทางเจ้าหน้าที่ทหารยังไม่สามารถเข้าไปใน บริเวณสี่แยกราชประสงค์ได้ เนื่องจากมีคนคอยซุ่มยิงอยู่ "จากความเสียหาย คาดว่า ต้องปิดกิจการนานหลายเดือนหรืออาจนานเป็นปี ตอนนี้คณะผู้บริหารเครียดมาก"ผู้บริหารระดับสูงของเครือเซ็นทรัล กล่าว http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1274284685&grpid=03&catid=05
โดย
kosit
พฤหัสฯ. พ.ค. 20, 2010 8:04 am
0
0
รวบรวม ผลกระทบกับหุ้นในตลาดในกรณี 19 พค วันเผาเมือง
เพิ่มเติม bigc โดนเผาไปหนึ่งสาขา ที่ราชดำริ งบลงทุนสาขาหนึ่่ง หลักร้อยล้าน
โดย
kosit
พฤหัสฯ. พ.ค. 20, 2010 7:56 am
0
0
รวบรวม ผลกระทบกับหุ้นในตลาดในกรณี 19 พค วันเผาเมือง
ส่วนที่เป็นห้างสรรพสินค้า ,อาคาร,โรงแรม และอื่นๆ ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิล์ด , ห้างสรรพสินค้าเซ็นเตอร์วัน ,โรงแรมเซนทราแกรนด์ ,โรงแรมแกรนไดมอน พันทิพย์ , การไฟฟ้านครหลวง สาขาคลองเตย , อาคารมาลีนนท์ , อาคารตลาดหลักทรัพย์ , อาคารมหาทุนพลาซ่า เพลินจิต ,อาคารไม่มีชื่อข้างสำนักงาน ป . ป . ส .,ร้านสะดวกซื้อ ตรงข้ามสำนักงาน ป . ป . ส ., ร้านขายทอง บริเวณถนนพหลโยธิน ซอย 1 , ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือพระนคร อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และล่าสุด ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ราชดำริ ไฟกำลังลุกไหม้ ทำให้เจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยากลำบาก
โดย
kosit
พฤหัสฯ. พ.ค. 20, 2010 7:55 am
0
0
รวบรวม ผลกระทบกับหุ้นในตลาดในกรณี 19 พค วันเผาเมือง
เพิ่มเติม ธนาคารที่โดนกระทบ ธนาคารพาณิชย์ 5 ธนาคาร 17 สาขา ธนาคารกรุงเทพ 10 สาขา ,ธนาคารกรุงไทย 2 สาขา, ธนาคารออมสิน 1 สาขา, ธนาคารกสิกรไทย 2 สาขา และธนาคารนครหลวงไทย 2 จุด http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/business/20100520/116604/%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A1.%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%8932%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%94.html
โดย
kosit
พฤหัสฯ. พ.ค. 20, 2010 7:54 am
0
0
รวบรวม ผลกระทบกับหุ้นในตลาดในกรณี 19 พค วันเผาเมือง
เพิ่มเติา กองทุน มิลลเลียนแนร์ MIPF ที่เป็น เจ้าของตึก ที่อยู่ของ BEC น่าจะโดนกระทบมาก
โดย
kosit
พฤหัสฯ. พ.ค. 20, 2010 7:52 am
0
0
ถามความเสี่ยงการลงทุน กับ irpc
ได้มาจาก เอกสารประกอบ งบ 31 มีคน 53 ความคิดเห็นส่วนตัว 1. โอกาสอยากมาก ที่ประชัยจะเข้าถือหุ้น เพราะมีคดีติดตัวที่ต้องจ่ายอีก 8000 ล้าน และ ทรัพย์สินอย่าง tpipl ก็มีมูลค่า 16000 ล้านกว่า ในตลาด ดังนั้น ต้องกู้เงินจำนวนมากเพื่อเข้าซื้อ 2. โอกาสที่จะทำนิคมอุตสาหกรรม ตอนนี้ เป็นเรื่องยากมาก เพราะการเมืองไม่นิ่ง นักลงทุน ยังไม่อยากลงทุน แถมยังมีคู่แข่งคือ เวียดนาม แต่อาจพัฒนาพื้นที่ใกล้เคียงบริษัท เพื่อเปิด บริษัทที่เกี่ยวข้องกัน 3. ประสิทธิภาพของโรงงานได้ดีสุดประมาณ 80 % ขณะนี้ ก่อนหน้าประมาณ 50 % ซึ่งต้องมีการปรับปรุงอีกเล็กน้อย คงมีการวางยากัน ก่อนเปลี่ยนผู้ถือหุ้น กำลังการผลิตน่าจะเพิ่มขึ้น อีก 10-15 เปอร์เซ็นต์
โดย
kosit
เสาร์ พ.ค. 01, 2010 11:50 am
0
0
ถามความเสี่ยงการลงทุน กับ irpc
(9) คดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ – คดีดำหมายเลขที่ กค. 238/2546 บรรษัทการเงินระหว่างประเทศได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และบริษัท เลียวไพรัตนวิสาหกิจ จำกัด โดยเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ศาลได้มีหมายเรียกให้บริษัทเข้าเป็นจำเลยร่วมในคดีระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสองในฐานะผู้ค้ำประกันหนี้ของบริษัทที่มีต่อโจทก์ บริษัทยื่นคำให้การว่าได้ชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการให้แก่โจทก์จนครบถ้วนแล้ว จึงไม่มีหนี้สินใดๆ ที่จำเลยทั้งสองในฐานะผู้ค้ำประกันจะต้องชดใช้ให้โจทก์แทนบริษัท เป็นเหตุให้จำเลยทั้งสองไม่มีสิทธิไล่เบี้ยใดๆ กับบริษัทได้ตามฟ้อง ผลการพิจารณาตัดสิน: ศาลนัดให้ทั้ง 3 ฝ่ายไกล่เกลี่ยยอมความ ขณะนี้อยู่ระหว่างส่งร่างสัญญายอมและการถอนฟ้องทั้ง 3 ฝ่าย (10) คดีพิพาทเรื่องที่ดิน คดีที่เรือเอก นคร สาครเสถียร ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกรณีละเมิดเกี่ยวกับที่ดิน โดยอ้างว่าบริษัทปิดกั้นทางสาธารณะและรุกล้ำที่ดิน ทำให้เจ้าหนี้ไม่สามารถพัฒนาที่ดินได้ โดยมีทุนทรัพย์ประมาณ 821 ล้านบาท โดยศาลได้มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีชั่วคราวตามพรบ.ล้มละลายมาตรา 90/12(4) และเจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อสำนักฟื้นฟูกิจการ เพื่อขอรับชำระหนี้ตามฟ้อง ผลการพิจารณาตัดสิน: คดีอยู่ระหว่างการสอบสวนพยานฝ่ายลูกหนี้ผู้คัดค้านต่อในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 (11) คดีค่าเสียหายจากการบอกเลิกสัญญาขายโอเลฟินส์กับบริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) (ปัจจุบันบริษัทนี้ควบรวมกับบริษัท ปิโตรเคมีแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) มาเป็นบริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด (มหาชน)) คดีความกับบริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการผิดสัญญาขายโอเลฟินส์ คดีได้สิ้นสุดแล้วเมื่อ พ.ศ. 2537 แต่บริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) ยื่นฟ้องบริษัทเรื่องค่าเสียหายจากการบอกเลิกสัญญาขาย โอเลฟินส์ โดยเจ้าหนี้ยื่นขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จำนวน 4,461.26 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา MOR+2% คดีเสร็จการไต่สวนคำขอรับชำระหนี้แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งให้ได้รับชำระหนี้จำนวน 347.81 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยอัตรา MOR+2% ของเงินต้น 324.13 ล้านบาท บริษัทและเจ้าหนี้ได้ยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งดังกล่าวต่อศาลล้มละลายกลาง คดีได้มีการสืบพยานเสร็จแล้ว ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2547 ให้แก้ไขคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ โดยให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการลูกหนี้ในมูลค่าเสียหายเพิ่มเติมเป็นค่าเสียหายจากการผิดสัญญาขายโอเลฟินส์นับจากวันบอกเลิกสัญญาถึงวันสิ้นสุดสัญญาเป็นเงิน 259.82 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยอัตรา MOR+2% ของเงินต้นดังกล่าวนับแต่วันที่ผู้บริหารแผนบอกเลิกสัญญาวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 จนกว่าจะได้รับชำระเสร็จสิ้นจากลูกหนี้ คำขออื่นให้ยกฟ้องนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผลการพิจารณาตัดสิน: ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา (12) คดีแรงงาน - คดีดำหมายเลขที่ 3851-61/2548, 5804/2548 และคดีแดงหมายเลขที่ 7129-39/2548 นายชัยยุทธ์ ลิมลาวัลย์และพวกเป็นโจทก์ฟ้องบริษัทเรียกค่าสินจ้าง ค่าชดเชย ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมและอื่นๆ โดยเรียกค่าเสียหายเป็นเงินประมาณ 122 ล้านบาท ผลการพิจารณาตัดสิน: เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2549 ศาลมีคำพิพากษาให้บริษัทจ่ายค่าชดเชย ค่าสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่โจทก์และพวกเป็นเงินจำนวนประมาณ 3 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 อย่างไรก็ตาม โจทก์อุทธรณ์และปัจจุบันคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
โดย
kosit
เสาร์ พ.ค. 01, 2010 11:38 am
0
0
ถามความเสี่ยงการลงทุน กับ irpc
(6) คดีหมิ่นประมาท คดีหมิ่นประมาทอาญา - คดีดำหมายเลขที่ อ.2848 /2550 นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ฟ้องบริษัทกับพวกรวม 20 คน ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญาและพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 ผลการพิจารณาตัดสิน: ศาลพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ปัจจุบันคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โดยในชั้นอุทธรณ์นี้โจทก์มีการถอนฟ้องจำเลยบางคน จำเลยที่เหลือจึงมีจำนวน 18 คน ศาลอุทธรณ์นัดฟังคำสั่งศาลเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ.2553 และศาลยังไม่ได้นัดฟังคำสั่งศาลครั้งถัดไป คดีหมิ่นประมาทแพ่ง - คดีดำหมายเลขที่ 3595/2550 นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เป็นโจทก์ฟ้องบริษัทกับพวกรวม 20 คน ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยอ้างว่า มีข้อความทำให้เกิดความเสียหาย ทั้งนี้ข้อความดังกล่าวระบุถึงสัญญาเช่าอาคารทีพีไอทาวเวอร์เป็นระยะเวลา 90 ปี โดยจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าและเงินกินเปล่าเป็นจำนวนเงิน 956 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทอยู่ในภาวะขาดสภาพคล่องและเป็นหนี้จำนวนมาก และบริษัทต้องหยุดพักการชำระหนี้เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2540 รวมถึงคดีเกี่ยวกับการให้เงินกู้ยืม โดยผู้บริหารของบริษัทในขณะนั้นให้เงินกู้ยืมแก่บริษัทที่เกี่ยวข้อง 3 แห่ง คือ 1) บริษัท พรชัยวิสาหกิจ จำกัด 2) บริษัท ทีพีไอ อีโออีจี จำกัด และ 3) บริษัท ทีพีไอ โฮลดิ้ง จำกัด ทั้งนี้ข้อกล่าวหาในคำฟ้องทั้งสองคดีนั้นเป็นเรื่องที่ปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐรายสัปดาห์ โดยนายประชัยได้ฟ้องข้อหาละเมิดและให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 100,000 ล้านบาท ผลการพิจารณาตัดสิน: ปัจจุบันคดีอยู่ในระหว่างชั้นไต่สวนมูลฟ้องของศาลแพ่ง โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาคือคดีดำหมายเลขที่ อ. 2848/2550 ในการวินิจฉัยคดีส่วนแพ่งจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎในคดีส่วนอาญา ซึ่งปัจจุบันคดีส่วนอาญาอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ (7) คดีเช่าอาคารซันทาวเวอร์ - คดีดำหมายเลขที่ อ. 3544/2550 นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เป็นโจทก์ฟ้องกรรมการบริษัทรวม 17 คน ในข้อหาเป็นกรรมการบริษัทมหาชนจำกัดที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ร่วมกันกระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ และร่วมกันกระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่เป็นกรรมการบริษัทมหาชนจำกัดแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ โดยการย้ายสำนักงานของบริษัทเมื่อปี พ.ศ. 2549 จากอาคารทีพีไอทาวเวอร์มาเป็นอาคารซันทาวเวอร์ว่าผิดต่อพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 โดยคุณประชัยอ้างว่าไม่มีเหตุผลและความจำเป็น ที่จะต้องย้าย ทั้งนี้เหตุผลการย้ายสำนักงานของบริษัทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ผลการพิจารณาตัดสิน: ศาลพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2551 ปัจจุบันคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โดยในชั้นอุทธรณ์นี้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยบางคน จำเลยที่เหลือจึงมีจำนวน 13 คน (8) คดีแรงงาน - คดีดำหมายเลขที่ รย. 258-259/2550 นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และนางอรพิน เลี่ยวไพรัตน์ เป็นโจทก์ฟ้องบริษัทเรียกค่าสินจ้าง ค่าชดเชย ค่าเสียหายจาก การเลิกจ้างไม่เป็นธรรมและอื่นๆ โดยนายประชัยเรียกเป็นเงินประมาณ 1,344 ล้านบาท และนางอรพินเรียกเป็นเงินประมาณ 694 ล้านบาท ผลการพิจารณาตัดสิน: เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ศาลจังหวัดระยองมีคำพิพากษาให้บริษัทจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่โจทก์ทั้งสองตามอัตราที่บริษัทเห็นว่าถูกต้อง โดยบริษัทได้จ่ายชำระเงินจำนวน 7.6 ล้านบาทให้กับโจทก์ทั้งสองแล้วเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2551 อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคดีอยู่ในระหว่าง การอุทธรณ์โดยฝ่ายโจทก์
โดย
kosit
เสาร์ พ.ค. 01, 2010 11:35 am
0
0
ถามความเสี่ยงการลงทุน กับ irpc
(5) คดีเงินให้กู้ยืมกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเลี่ยวไพรัตน์ (ต่อ) ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้บริษัททั้ง 3 แห่งฟื้นฟูกิจการด้วยเหตุที่มีหนี้สูงกว่าทรัพย์สิน อย่างไรก็ตาม ในชั้นลงคะแนนเสียงเลือกผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการนั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีมติว่าหนี้ดังกล่าวไม่มีอยู่จริงและไม่ให้ลงคะแนนเสียง เพราะการออกหุ้นเพิ่มทุนสูงกว่ามูลค่าหุ้นจะต้องมีหนังสือบริคณห์สนธิให้อำนาจไว้ และจะต้องชำระส่วนเกินมูลค่าหุ้นในคราวแรกที่ชำระเงินค่าหุ้น อีกทั้งผู้บริหารของทั้งสองฝ่ายซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันย่อมเจรจาตกลงกันได้อยู่แล้ว ในชั้นพิจารณาเลือกผู้ทำแผนนั้น บริษัท เลียวไพรัตนวิสาหกิจ จำกัด ยื่นคำคัดค้านการตั้งบริษัท แอ็ดว๊านซ์แพลนเนอร์ จำกัด เป็นผู้ทำแผนตามที่บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เสนอ ต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้นัดประชุมเจ้าหนี้ เพื่อกำหนดสิทธิออกเสียงเลือกผู้ทำแผนครั้งที่สอง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็มีคำสั่งยืนยันตามคำสั่งเดิมที่เคยมีคำสั่งในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรก โดยในชั้นพิจารณาเลือกผู้ทำแผนในชั้นศาล ศาลได้มีคำสั่งยกเลิกคำสั่งที่ให้ฟื้นฟูกิจการของบริษัททั้ง 3 แห่ง ต่อมาเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2551 บริษัทลูกหนี้ทั้ง 3 ราย ได้แก่ 1) บริษัท พรชัยวิสาหกิจ จำกัด 2) บริษัท ทีพีไอ อีโออีจี จำกัด และ 3) บริษัท ทีพีไอ โฮลดิ้ง จำกัด ได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการตนเองต่อศาลล้มละลายกลาง โดยอ้างมูลหนี้เดิมจำนวน 12,000 ล้านบาทที่บริษัท เลียวไพรัตนวิสาหกิจ จำกัดนำมายื่นขอฟื้นฟูกิจการและบริษัทได้คัดค้านว่าหนี้ดังกล่าว ไม่มีอยู่จริง ผลการพิจารณาตัดสิน: 1. คดีที่บริษัทได้ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความทั้งสามเรื่องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้นั้น เนื่องจาก ศาลมีคำสั่งให้งดพิจารณาคดีไว้ ทางบริษัทจึงยื่นอุทธรณ์ข้อกฎหมายต่อศาลฎีกา ขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา 2. คำสั่งของศาลล้มละลายกลางที่อนุญาตให้ฟื้นฟูกิจการนั้นบริษัทได้อุทธรณ์ไปยังศาลฎีกา ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่าง การพิจารณาของศาลฎีกา 3. คดีที่บริษัท เลียวไพรัตนวิสาหกิจ จำกัด ร้องขอฟื้นฟูกิจการบริษัททั้งสาม ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งยกเลิก คำสั่งฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 4. คดีที่บริษัทลูกหนี้ทั้ง 3 รายได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการตนเองต่อศาลล้มละลายกลาง ปัจจุบันคดีของบริษัท ทีพีไอ โฮลดิ้ง จำกัดและบริษัท พรชัยวิสาหกิจ จำกัด อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลล้มละลายกลาง ส่วนคดีของบริษัท บริษัท ทีพีไอ อีโออีจี จำกัด ศาลได้มีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการลูกหนี้เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 โดยปัจจุบันคดีอยู่ในระหว่างการเลือกผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ
โดย
kosit
เสาร์ พ.ค. 01, 2010 11:31 am
0
0
ถามความเสี่ยงการลงทุน กับ irpc
(5) คดีเงินให้กู้ยืมกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเลี่ยวไพรัตน์ ในช่วงปี พ.ศ. 2540 ถึง พ.ศ. 2543 บริษัทโดยผู้บริหารขณะนั้นให้เงินกู้ยืมแก่บริษัทที่เกี่ยวข้องกันสามแห่ง โดยไม่มีหลักประกัน เป็นจำนวนเงินต้นรวมดอกเบี้ย (ในช่วงที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทวงถาม) ประมาณ 8,000 ล้านบาท คือ 1) บริษัท พรชัยวิสาหกิจ จำกัด 2) บริษัท ทีพีไอ อีโออีจี จำกัด และ 3) บริษัท ทีพีไอ โฮลดิ้ง จำกัด โดยบริษัททั้ง 3 รายดังกล่าวมีคุณประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และพี่น้องเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น และบริษัทอยู่ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีคำสั่งให้บริษัททั้ง 3 รายชำระเงิน ซึ่งบริษัททั้งสามรายได้ร้องขอต่อศาลให้เพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ แต่ศาลได้จำหน่ายคดีโดยให้เหตุผลว่าบริษัทกำลังจะออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ ต่อมาบริษัทได้ดำเนินการทวงหนี้ แต่บริษัททั้งสามรายไม่มีทรัพย์สินเพียงพอที่จะชำระหนี้ บริษัทจึงได้ดำเนินการฟ้องล้มละลาย บริษัททั้ง 3 แห่งดังกล่าวได้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท เลียวไพรัตนวิสาหกิจ จำกัด ซึ่งมีกลุ่มเลี่ยวไพรัตน์เป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้นเป็นจำนวน 3 ล้านหุ้น ในราคา 5,500 บาทต่อหุ้น ในขณะที่หุ้นดังกล่าวมีราคามูลค่าที่ตราไว้ 100 บาทต่อหุ้น และมูลค่าทางบัญชี 121 บาทต่อหุ้น ซึ่งทำให้บริษัท เลียวไพรัตนวิสาหกิจ จำกัด อ้างในเวลาต่อมาว่าบริษัททั้ง 3 แห่งเป็นหนี้รวม 12,000 ล้านบาท และได้ร้องขอฟื้นฟูกิจการในฐานะเจ้าหนี้ของบริษัททั้งสามต่อศาลล้มละลายกลาง และฟ้องให้บริษัททั้ง 3 รายชำระหนี้ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้และได้ขอยอมความกันภายใน 2 วัน โดยบริษัท เลียวไพรัตนวิสาหกิจ จำกัด เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
โดย
kosit
เสาร์ พ.ค. 01, 2010 11:30 am
0
0
ถามความเสี่ยงการลงทุน กับ irpc
คดีคัดค้านการประมูลขายหุ้นบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) - คดีแดงหมายเลขที่ ฟ. 8/2543 ตอนที่ 33 คดีที่ผู้บริหารของลูกหนี้ได้ยื่นคำร้องคัดค้านการประมูลขายหุ้นบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) จำนวน 250 ล้านหุ้นให้แก่เจ้าหนี้ (บริษัท) ทั้งนี้การดำเนินการของบริษัทดังกล่าวเป็นการปฏิบัติตามแผนฟื้นฟูกิจการที่อนุมัติโดยศาลล้มละลายกลางและศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้อง ผู้บริหารของลูกหนี้อุทธรณ์คำสั่งศาลล้มละลายกลาง ศาลฎีกา รับอุทธรณ์แล้ว และผู้บริหารแผนยื่นคำแก้อุทธรณ์แล้ว ผลการพิจารณาตัดสิน: ปัจจุบันคดีอยู่ในระหว่างรอการพิจารณาคำสั่งของศาลฎีกา
โดย
kosit
เสาร์ พ.ค. 01, 2010 11:30 am
0
0
ถามความเสี่ยงการลงทุน กับ irpc
(2) คดีความเกี่ยวกับการฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ - คดีดำหมายเลขที่ พก. 5/2550 กลุ่มผู้บริหารชุดเดิมได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลาง ขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2549 โดยอ้างว่าการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผลการพิจารณาตัดสิน: ศาลล้มละลายกลางพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2551 โดยโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ขณะนี้คดีจึงอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา (3) คดีความเกี่ยวกับการฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทย่อย - คดีดำหมายเลขที่ 6711-15/2549 กลุ่มผู้บริหารชุดเดิมฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทย่อย 5 แห่ง ได้แก่ 1) บริษัท น้ำมัน ไออาร์พีซี จำกัด 2) บริษัทไออาร์พีซี โพลีออล จำกัด 3) บริษัท อุตสาหกรรมโพลียูรีเทนไทย จำกัด 4) บริษัท ไทย เอ บี เอส จำกัด และ 5) บริษัท ไออาร์พีซี พลังงาน จำกัด และเรียกค่าเสียหายจากคณะกรรมการบริษัท บริษัทละ 80 ล้านบาทรวม 400 ล้านบาท ปัจจุบันคดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลล้มละลายกลางตามคำสั่งประธานศาลฎีกาวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 โดยได้เปลี่ยนหมายเลขคดีเป็นคดีดำหมายเลขที่ สฟ. 65-69/2551 ผลการพิจารณาตัดสิน: เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ศาลล้มละลายกลางได้นัดฟังคำสั่ง โดยศาลได้ปรึกษาคดีกับอธิบดีผู้พิพากษา ศาลล้มละลายกลางแล้วเห็นว่าข้อเท็จจริงไม่ยุติ ไม่อาจมีคำสั่งได้ จึงกำหนดนัดพร้อมในวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553 และปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการสืบพยานทางศาลล้มละลายกลาง
โดย
kosit
เสาร์ พ.ค. 01, 2010 11:29 am
0
0
ถามความเสี่ยงการลงทุน กับ irpc
ข้อพิพาททางกฎหมายที่สำคัญ ณ วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553 บริษัทมีข้อพิพาททางกฎหมายที่สำคัญซึ่งผลของคดียังไม่สิ้นสุดมีรายละเอียดดังนี้ (1) คดีความฟ้องขอให้เพิกถอนหรือยกเลิกสัญญาขายหุ้นในส่วนทุนเดิมและส่วนทุนใหม่ – คดีแดงหมายเลขที่ ฟ. 8/2548 ตอนที่ 10/5 ตอนที่ 28 และตอนที่ 34 คดีที่กลุ่มผู้บริหารชุดเดิมได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลล้มละลายกลางเพิกถอนหรือยกเลิกสัญญาขายหุ้นในส่วนทุนเดิม และส่วนทุนใหม่ และกลุ่มผู้บริหารชุดเดิมและผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัทอีก 4 ราย ได้ยื่นคำร้องขอให้มีการขายส่วนทุน ตามแผนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม โดยศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าว กลุ่มผู้บริหารชุดเดิมจึงยื่นอุทธรณ์เพื่อคัดค้านคำสั่งศาลล้มละลายกลางนี้เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2548 และผู้บริหารชุดใหม่ได้ยื่นแก้อุทธรณ์เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ผลการพิจารณาตัดสิน: ปัจจุบันในส่วนของคดีความฟ้องขอให้เพิกถอนหรือยกเลิกสัญญาขายหุ้นในส่วนทุนเดิม คือ ฟ. 8/2548 ตอนที่ 28 อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ส่วนคดีความฟ้องขอให้เพิกถอนหรือยกเลิกสัญญาขายหุ้นในส่วนทุนใหม่ คือ ฟ. 8/2548 ตอนที่ 10/5 ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ตามคำสั่งศาลล้มละลายกลางโดยเห็นว่าสัญญาซื้อขายหุ้นในส่วนทุนเดิมสอดคล้องไม่ขัดต่อข้อกำหนดของแผน การอุทธรณ์ของผู้บริหารเดิมฟังไม่ขึ้นและคำสั่งของศาลล้มละลายกลางมีความเห็นชอบแล้ว และคดีฟ้องขอให้เพิกถอนหรือยกเลิกสัญญาขายหุ้นในส่วนทุนใหม่ตอนที่ 34 ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2551 โดยเห็นว่าการที่ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลาง ในประเด็นผู้บริหารแผนดำเนินการจัดหาผู้ร่วมลงทุนและทำข้อตกลงขายหุ้นส่วนทุนตามแผนโดยชอบหรือไม่เป็นการดำเนินกระบวนการพิจารณาซ้ำ ต้องห้าม กรณีนี้จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่นของผู้ร้องทั้งสอง
โดย
kosit
เสาร์ พ.ค. 01, 2010 11:27 am
0
0
Re: ขอความคิดเห็น เกี่ยวกัย se-ed pb it hmpro ครับ
ตอนนี้ ผมมีหุ้น ทั้ง 4 ตัว se-ed pb it hmpro ได้กำไรพอสมควร ประมาณ 30 % ไม่รวมปันผล 1. ในการลงทุนแบบ vi จำเป็นไหมที่ต้องล็อกกำไร โดยขายไปบางส่วน แล้วนำเงินนั้นมาลงทุนอีก 2. ถ้าจะขายบางตัวออก ควรจะขายตัวไหนออก และวิธีคิดผลตอบแทน คิดที่ราคาหุ้นที่ถือหรือเปล่า หรือ คิดราคาปัจจุบัน 3. วิธีคิดผลตอบแทน มันมีหลายตัว น้าๆ ใช้วิธีคิดผลตอบแทนด้วยวิธีไหนบ้าง ช่วยชี้แนะหน่อยครับ ตอนนี้สับสนมาก เพราะไม่ได้ติดตามหุ้นมาประมาณ 1 ปี งง กับสถานะการเศรษฐกิจตอนนี้ ขอบคุณมากครับสำหรับความคิดเห็น
โดย
kosit
ศุกร์ เม.ย. 30, 2010 2:39 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
kosit
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
อังคาร เม.ย. 20, 2010 2:26 pm
ใช้งานล่าสุด:
เสาร์ ก.ค. 28, 2012 4:16 am
โพสต์ทั้งหมด:
21 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.00 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว