หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
อ่องอ๋า
อีหนูตีแตก
Joined: อังคาร ก.พ. 16, 2010 11:11 pm
174
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - อ่องอ๋า
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
เรื่องเหนือธรรมชาติของพุทธศาสนา
[quote="chatchai"]ถ้าเราทำความดี
โดย
อ่องอ๋า
จันทร์ ก.ค. 26, 2010 3:58 pm
0
0
เรื่องเหนือธรรมชาติของพุทธศาสนา
เรื่องเหนือธรรมชาติแท้จริงเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ฝึกจิตที่มี "ของเก่า" อยู่ค่ะ ข้อดีคือ ทำให้ผู้ที่สามารถรับรู้เรื่องเหล่านั้นมั่นใจได้ว่า คำสอนทางพระพุทธศาสนานั้นถูกต้องเป็นจริง ข้อเสียคือ ทำให้เกิดความยึดติด หรือเข้าใจผิดว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นแก่นของพระพุทธศาสนา หากอยากรู้ก็ต้องทำด้วยตนเองค่ะ เพราะจะเชื่อได้ที่สุด คุณ Ning_Nong อาจจะลองหัดเจริญกรรมฐานหรือบวชอย่างเพื่อนท่านนั้นก็ได้ค่ะ ฟังเขาไม่เท่าเราเห็นเอง จากที่เคยคุย ๆ กับกัลยาณมิตรที่เจริญกรรมฐานอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่ก็มีประสบการณ์ "แปลก ๆ" กันมาทั้งนั้นค่ะ
โดย
อ่องอ๋า
จันทร์ ก.ค. 26, 2010 1:48 pm
0
0
แนะนำนิยายกำลังภายในสนุกๆให้หน่อยครับ
เพิ่งอ่านมังกรคู่สู้สิบทิศของหวงอี้จบไป แค่เริ่ม 50 หน้าแรกก็วางไม่ลงแล้วค่ะ แหล่งซื้อก็มีทั่วไปนะ ตามร้านหนังสือ ที่เห็นก็มีเดอะมอลล์งามวงศ์วาน จะมีซุ้มหนังสือนิยายกำลังภายในโดยเฉพาะ อยู่ชั้นเดียวกับร้านหนังสือนายอินทร์กับเครื่องเขียน ลด 10 เปอร์เซ็นด้วยค่ะ ถ้าของหวงอี้จะเป็นสำนวนรุ่นใหม่ รวดเร็วกระชับฉับไว ไม่เยิ่นเย้อ ถ้าชอบพรรณาโวหารก็จะรู้สึกว่าแกแต่งห้วนไปหน่อย เนื้อหาจะอิงประวัติศาสตร์จีนเสียส่วนใหญ่ แต่ถ้าของกิมย้งก็เน้นพรรณนามากหน่อย คนใจร้อนอาจง่วงได้ แต่เขาก็เป็นผู้เริ่มมิติใหม่ของวงการนิยายกำลังภายใจ ของโกวเล้งยังไม่เคยอ่าน นี่รุ่นบุกเบิก
โดย
อ่องอ๋า
ศุกร์ ก.ค. 23, 2010 12:01 pm
0
0
อยากทราบว่า Login เพื่อนๆ มีที่มากันอย่างไรบ้างครับ
... ขอสารภาพว่าอันที่จิงผมเองก็ติดใจชื่อ "อ่องอ๋า" มานานมากๆ แล้วครับ - -" อะฮ่า...ไหน ๆ ก็ติดใจแล้ว แถมให้อีกนิด (แสดงถึงความว่างเหลือเกินในชีวิตหนู) อันซึ่งคำว่าอ่องอ๋า มาจากภาษาจีนแปลว่าทารก(ทาริกา)น้อย ดังที่ได้บอกมาแล้ว แต่ที่มาของภาษาจีนอีกทีก็คือ มันเป็นการเลียนเสียงร้องไห้ของเด็กทารก ลองพูด อ่องอ๋า ๆ ๆ ๆ นั่นไง เด็กกำลังร้องไห้อยู่ ด้วยความที่หนูเป็นคนสุดท้องน้องเล็ก อาม่าก็เรียกว่าอ่องอ๋า จนติดปาก คนอื่น ๆ ในบ้านก็เรียกอ่องอ๋ากันหมด ดังนั้นจะว่าเป็นชื่อเล่นเสียทีเดียวก็ไม่ใช่ แต่เป็นคำที่ถูกเรียกจนกลายเป็นชื่อขึ้นมาค่ะ สมัยอนุบาล เพื่อนอนุบาลด้วยกันเรียกไม่ค่อยถูก เรียก บ่องอ๋า บ้าง อ๋องอ๋า บ้าง สารพัด เพื่อป้องกันความวิบัติของชื่อจะไปไกลกู่ไม่กลับ หลัง ๆ ก็บอกว่าชื่อ อ๋า เฉย ๆ ค่ะ
โดย
อ่องอ๋า
พุธ ก.ค. 14, 2010 5:57 pm
0
0
มังกรไฟไม่เรียนหนังสือ
ไม่รู้ผมคิดมากไปหรือเปล่า แต่ทุกครั้งที่อ่านให้ลูกฟัง ต้องสอนตามทุกทีว่า การเอาตัวรอดโดยการโกหกหลอกลวงเป็นเรื่องไม่ดีนะลูก ส่วนตัวคิดว่าประเด็นนี้สำคัญกว่าเรื่องการไม่ได้เรียนหนังสือแล้วเอาตัวไม่รอด อย่างที่คุณจิกต้องการบอก อีกอย่างคือหนังสือราคาแพงมากพอๆกับของแพรวเลย เป็นการแสดงว่าคิดถึง(ต้นทุน)ตัวเองมากกว่าคิดถึงคนอ่าน ในกรณีนี้ก็สอนลูกเหมือนกันค่ะ เพราะสอนย้ำเรื่องศีลอยู่ทุกวัน ลูกก็บอกเหมือนกันว่า พวกลิงโกหกมังกรนี่นา เราจึงต้องสอนในแง่ที่ว่า คนโกหกหลอกลวง หรือเอารัดเอาเปรียบมีอยู่เต็มไปหมดเป็นปกติของโลก หากเราไม่มีความรู้ก็จะกลายเป็นเหยื่อ เราทำดีนั้นดีแล้ว แต่คนชั่วเขาไม่กลัวคนดีหรอก เขากลัวคนรู้ทัน(ไม่อยากจะบอกว่ากลัวคนชั่วกว่า) ส่วนกรณีมังกรนั้นมังกรเป็นฝ่ายไปรุกรานผู้อื่นที่ไม่มีทางสู้ก่อน ดังนั้นถ้าจะสืบสาวจริง ๆ มังกรก็ผิดมากกว่า ที่ยกมาเป็นสิ่งที่ดิฉันสอนลูก ถือว่าแบ่งปันประสบการณ์กันค่ะ เรื่องราคาก็แพงเกินไปจริง ๆ ค่ะ คิดว่าเพื่อความคุ้มจะตกทอดหนังสือไปให้หลาน ๆ อีก
โดย
อ่องอ๋า
อังคาร ก.ค. 13, 2010 11:56 am
0
0
อยากทราบว่า Login เพื่อนๆ มีที่มากันอย่างไรบ้างครับ
พระเจ้า...!!! รอกระทู้นี้มานานมาก อ่องอ๋า คือชื่อเล่นจริง ๆ ของหนูเอง มาจากภาษาจีน แปลว่า ทารก(ทาริกา)น้อย เพราะชื่อนี้ทำให้อายุ ๓๑ แล้วยังคิดว่าตัวเองเด็ก แทนตัวว่า "หนู" อยู่ตลอดเลยค่ะ :wink: เมื่อประมาณ ๗ ปีก่อนตอนสมัครสมาชิกเว็บนี้ครั้งแรกก็ใช้ชื่อนี้เหมือนกัน แต่เป็นภาษาอังกฤษ "ongarr"
โดย
อ่องอ๋า
จันทร์ ก.ค. 12, 2010 6:21 pm
0
0
อาจารย์มนตรี กับคุณพรรณ จะมีเปิดคอร์สอีกหรือเปล่าครับ
ขอเรียนด้วยค่ะ :D
โดย
อ่องอ๋า
พุธ มิ.ย. 23, 2010 4:26 pm
0
0
DVD สัมมนา TVI#2 เปิดรับโอนเงินเพื่อซื้อสินค้าได้แล้วนะครับ
จอง ๑ ชุดค่ะ :)
โดย
อ่องอ๋า
จันทร์ มิ.ย. 21, 2010 1:53 pm
0
0
มีเงินพันล้านจะเอาไปทำอะไรกันเอ่ย
๘๐๐ ล้าน ทำบุญ ๒๐๐ ล้าน ซื้อหุ้น :D มีไว ๆ ก็ดีนะคะ จะได้รู้ว่าทำได้จริง ๆ อย่างที่ตั้งใจไว้หรือเปล่า
โดย
อ่องอ๋า
พุธ มิ.ย. 16, 2010 4:49 pm
0
0
คูโบต้า มีหุ้นเจ้าตัวนี้รึป่าวครับ ?
ถามคำถามเดียวกับสามีหนูเลย รอคำตอบ :D
โดย
อ่องอ๋า
อังคาร มิ.ย. 15, 2010 12:55 pm
0
0
หุ้นตัวแรกในการลงทุนคือตัวไหนครับ
ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น KBANK ตอนนั้นราคายัง 60 ปลาย ๆ อยู่เลย
โดย
อ่องอ๋า
ศุกร์ มิ.ย. 11, 2010 5:25 pm
0
0
เก็บตกจากพระอาจารย์
ในที่สุดก็อดรนทนไม่ได้ เมื่อต้นเดือนจึงไปกราบเรียนถามหลวงพ่อจนได้ค่ะ ...................... ถาม : สติ สมาธิ สัมปชัญญะ นี่มันคืออะไรคะ? ตอบ : สติกับสัมปชัญญะเป็นของคู่กัน ส่วนสมาธิเป็นกำลังของใจ ที่เกิดจากการที่ความรู้สึกทั้งหมดรวมแน่วแน่อยู่จุดใดจุดหนึ่ง สตินึกได้ว่าจะทำอะไร สัมปชัญญะรู้อยู่ว่าตอนนี้ทำอะไร ถาม : ก็คือ มีสมาธิจะต้องมีสติด้วยหรือคะ? ตอบ : ถ้าหากสมาธิดี สติและสัมปชัญญะก็จะดีไปด้วย ถาม : แล้วคนที่เป็นพระโสดาบันเขาจะมีสติทั้งหลับทั้งตื่นหรือเปล่า ตอบ : เขาเป็นอัตโนมัติ ถาม : ก็แสดงว่าในฝันก็ไม่ผิดศีล ตอบ : ต้องไปถามพระโสดาบัน
โดย
อ่องอ๋า
ศุกร์ มิ.ย. 11, 2010 5:23 pm
0
0
ธรรมะ ธรรมชาติ
[quote="เด็กใหม่ไฟแรง พี่ RONNAPUM ครับ แล้วถ้าเราหาหนทางที่จะไม่ต้องให้มีกิเสศ ไม่ดีกว่าหรือครับ อาทิเช่น ให้กองทุนรวมบริหารแทน หรือ หาหุ้นที่ไม่ต้องติดตามใกล้ชิด หรือ...................................????? ผมมาลองคิดดู พระภิกษุ สายวัดป่า ท่านจะสละบ้าน ไปอยู่วัด เพื่อปฏิบัติ จะได้ไม่มีเรื่องโลกเข้ามาให้ใจวุ่นวาย ............. เคยได้ฟังมาจากพระอาจารย์ที่นับถือมากที่สุดท่านหนึ่ง ท่านบอกว่า หากเราใกล้เรื่องทางโลกมากเกินไป เรื่องทางธรรมเราก็จะยากมากขึ้น .............. รอฟังพี่ๆนะครับ ข้างล่างนี้ อีหนูตีแตก อ่องอ๋าเขาเขียนไว้ พอตอบได้ส่วนนึง พอกลับมาจะลงทุนอีกครั้ง ก็เริ่มมองโลกและตลาดหุ้นเปลี่ยนไป หากจะกลับไปเล่นหุ้นแบบเดิม ใจมันจะโดนความโลภครอบงำทุกวัน วันละหลายชั่วโมง เงินที่ได้มาก็เป็นการจ้องจะได้จากคนอื่น เพราะมันไม่ได้เกิดจากการเติบโตของกิจการ แล้วมันจะมาจากไหนนอกจากเปลี่ยนมือกันเฉย ๆ [/quote]โอ๊ะ ! :shock: เพิ่งเห็นว่าโดนพาดคอ เอ๊ย..! พาดพิง หนูยอมรับเลยค่ะ ว่าหลังจากกลับมาดูหุ้นเพื่อการลงทุนอีกครั้ง ลองอยู่นิ่ง ๆ แล้วดูตัวเอง พบว่าสมาธิคลาย กำลังใจตกค่ะ แสดงให้เห็นว่า ความโลภมันคอยคุกคามอยู่ตลอดจริง ๆ แต่จะขอยกตัวอย่างของพระโสดาบันหลายองค์ที่ท่านก็ยังคงมีกิจการงานอยู่ ท่านก็สามารถทำงานนั้น ๆ ไปด้วยได้ หลายท่านก็เป็นเศรษฐี เช่น พระนางวิสาขามหาอุบาสิกา ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นต้น ท่านเหล่านั้นยังคงหาเงิน และยังคงมีความโลภค่ะ แต่ไม่มากเท่าปุถุชน หนูเลยสรุปเอาจากความเข้าใจว่า หากจะปฏิบัติโดยลงทุนในตลาดหุ้น ก็ต้องทำเหมือนการทำธุรกิจ คือมองหาการเติบโตของธุรกิจในบริษัทหรือหุ้นที่เราซื้อเป็นหลัก แต่ต้องระมัดระวังให้จงหนัก สำรวมอินทรีย์อยู่เสมอ อย่าให้มันโลภออกนอกลู่นอกทาง ท้ายที่สุดหนูก็กะว่าจะ เลือกหุ้นตัวดี ๆ ซัก ๔-๕ ตัว ใส่เงินไปเรื่อย ๆ ดูสภาพกิจการบ้าง ไม่บ่อยนัก แล้วผลจะเป็นอย่างไรก็อย่างนั้น อันนี้หนูคิดเองนะคะ เพราะเห็นว่าจะทำให้เรากันตัวเองจากความโลภในระดับหนึ่ง เกรงว่าถ้าทำมากกว่านี้ เงินที่ได้มาจะไม่คุ้มกับที่เราเสียไป แต่ถ้าหากเราหวังจะได้ผลเป็นพระอริยเจ้าเบื้องสูงระดับพระอนาคามีขึ้นไป และหวังการลงทุนได้ดอกผลด้วย มันก็เหมือนกับทางขนานที่ไม่มีวันจะบรรจบกันได้ค่ะ เพราะท่านเหล่านั้น ไม่ค่อยมีความอยากจะอยู่บนโลกกันแล้ว ยกเว้นแต่ว่าเป็นการลงทุนก่อนที่ท่านจะได้มรรคผล นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผิดถูกอย่างไร ขอคำแนะนำจากเพื่อน ๆ พี่ ๆ ด้วยค่ะ :oops: :o
โดย
อ่องอ๋า
พฤหัสฯ. มิ.ย. 10, 2010 1:55 pm
0
0
สอบถามเรื่องไป oppday
ถ้าไม่มีคนขายตัวอยู่แถวนั้นก็ไปลำบากน่าดูนะคะ :lol:
โดย
อ่องอ๋า
อังคาร มิ.ย. 08, 2010 8:52 am
0
0
เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๕ มิย ๒๕๕๓) ภาค ความสุขของดร.นิเวศน์
30 แล้วค่ะ แปะเลยแปะเลย รออยู่ :8)
โดย
อ่องอ๋า
อาทิตย์ มิ.ย. 06, 2010 2:40 pm
0
0
สรุปงานจิบเบียร์ ที่ดิเอ็ม 4/6/10มาแร้วครับ
สาธุ ขอให้ผลบุญที่พี่แชมป์นำความรู้จดมาเผื่อแผ่คนแถวนี้ ส่งผลให้พอร์ตของพี่เจริญรุ่งเรืองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันค่ะ ขอบพระคณมากค่ะ :D
โดย
อ่องอ๋า
เสาร์ มิ.ย. 05, 2010 10:37 am
0
0
อาทิตย์ที่แล้ว เก็บอะไร กันบ้างครับ
เก็บตังค์อย่างเดียวค่ะ :D
โดย
อ่องอ๋า
อังคาร มิ.ย. 01, 2010 6:28 pm
0
0
เอาอีกแล้ว พี่กิมเอง...
ตกลงกินเองใช้ได้ยังครับ เมื่อวานผมโอนเงินเข้าไปทาง e-banking ซึ่งปกติยอดเงินในพอร์ทมันจะขึ้นให้แทบจะทันที แต่ผมรอจนวันนี้มันยังไม่ขึ้นให้เลยครับ ทั้งๆที่ในรายงานชำระเงินก็มียอดขึ้นให้แล้ว แต่ในพอร์ทกลับไม่มี กะจะรอดูวันจันทร์อีกที วันจันทร์น่าจะขึ้นค่ะ เคยโอนช่วงดึก ๆ ของวันศุกร์มั้งหรือเสาร์ก็จำไม่ได้ ยอดจะไปขึ้นช่วงเช้าของวันทำการค่ะ :)
โดย
อ่องอ๋า
เสาร์ พ.ค. 29, 2010 11:04 am
0
0
ลองมาตอบคำถามที่ทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองช่างรู้น้อยเหลือเกิน!
ตกลงหมีน้ำคือจุลินทรีย์ใช่ไหมคะ :?
โดย
อ่องอ๋า
เสาร์ พ.ค. 29, 2010 10:59 am
0
0
เก็บตกจากพระอาจารย์
แต่ก็เป็นความจริงที่ว่ามันจะมีความใฝ่ฝันใหม่ ๆ งอกออกมาเรื่อย แต่ก่อนก็ฝันว่าจะชาตินี้จะใช้หนี้หมดไหม พอหนี้หมดจริง ๆ ก็ขอเงินเก็บสัก ๑๐ ล้านเหอะ แล้วก็ ๔๐ ดีกว่า เผื่อตายลูกจะได้มีใช้ ตอนนี้หนักกว่า ขอมีเงินใช้โดยไม่ต้องทำงาน ๕๕๕: เดี๋ยวมีท่านอื่นเข้าใจผิด คือเงินเก็บหนูยังไม่ถึง ๑๐ ล้านนะคะ ยังไม่ใกล้ด้วย เพิ่งจะใช้หนี้หมดเอง แต่กิเลสมันวิ่งเร็วกว่าที่ทำได้ค่ะ :oops:
โดย
อ่องอ๋า
ศุกร์ พ.ค. 28, 2010 12:42 pm
0
0
บริษัทไหนที่ทำเกี่ยวกับผลไม้บ้างครับ
malee :)
โดย
อ่องอ๋า
ศุกร์ พ.ค. 28, 2010 12:35 pm
0
0
เก็บตกจากพระอาจารย์
[quote="por_jai"][quote="อ่องอ๋า"]เมื่อคืนก่อนฝันว่าเข้าวัดบวชชีเรียบร้อย
โดย
อ่องอ๋า
ศุกร์ พ.ค. 28, 2010 12:27 pm
0
0
เก็บตกจากพระอาจารย์
ถาม : การที่เรายึดมั่นในธรรม ยึดมั่นในการปฏิบัติ ยึดไปยึดมากลายเป็นสักกายทิฐิและมานะ ซึ่งตรงนี้เป็นเพราะเราไปคิดว่า ธรรมนั้น หรืออารมณ์การปฏิบัตินั้นเป็นของเราหรือเปล่าคะ ? ตอบ : ใช่เลย ถาม : ทีนี้ก็เลยกลายเป็นว่า ไม่ว่าเราจะเข้าถึงธรรม ถึงอารมณ์ในตัวไหน ก็ต้องมีการพิจารณาลงที่ว่า ไม่มีตัวตน ไม่มีการยึดมั่นถือมั่น ? ตอบ : ท้ายสุดก็ต้องคลายการยึดมั่นถือมั่นไป แม้กระทั่งในธรรมที่ปฏิบัติได้ ก็สักแต่เป็นดีชั่วเท่านั้น ขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา ในเมื่อไปถึงตรงจุดนั้น ดีก็ไม่เกาะ ชั่วก็ไม่เกาะแล้ว ทำดีเพราะรู้ว่าดี ละชั่วเพราะรู้ว่าชั่ว ถาม : อย่างเวลาเราอยู่ในอารมณ์กรรมฐานกองใด ณ เวลานั้น ทีนี้พอเราคลายออกมาเพื่อมารับรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือเพื่อออกมาปฏิสัมพันธ์ หรือเพื่อออกมาทำงานใดงานหนึ่ง พอเราเห็นว่างานนั้นเสร็จแล้ว เราก็กลับไปอยู่ตรงอารมณ์เดิมของเรา ถึงจะเป็นสมถะก็จริง แต่หนูมองว่าเป็นปัญญาด้วย เพราะเรารู้ว่า ถ้าปล่อยให้อยู่กับตรงนั้นนาน ๆ แล้ว จะมีการปรุงแต่งต่อไป ตอบ : เป็นโลกียปัญญา เพราะต้องอาศัยกำลังสมถะในการช่วยป้องกัน ถ้าหากว่าเป็นโลกุตรปัญญา ในส่วนของปัญญาจริง ๆ ก็คือ เห็นแล้วปล่อยวางได้ แต่ว่าเราจำเป็นต้องทำอย่างนั้นไว้ก่อน ไม่เช่นนั้นจะไม่ปลอดภัย
โดย
อ่องอ๋า
ศุกร์ พ.ค. 28, 2010 11:10 am
0
0
เก็บตกจากพระอาจารย์
ระงับนิวรณ์ ถาม : ถ้าเราติดอยู่ในนิวรณ์เบื้องต้น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ทำอย่างไรจะเบรกให้ชะงัดเลยคะ ? ตอบ : อันดับแรก สมาธิต้องทรงตัวจริง ๆ ถ้าหากสมาธิทรงตัว ยิ่งได้ระดับฌานสี่ ก็ยิ่งเบรกได้อยู่หมัดเลย ถาม : ถ้าหากยังฟุ้งอยู่ละคะ ? ตอบ : ถ้าหากว่ายังฟุ้งอยู่ โอกาสเบรกไม่มีหรอกจ้ะ เขาลากเราไปทุกที ถาม : ไม่อยากถลำลึกค่ะ ตอบ : รีบ ๆ ไปฝึกสมาธิ ให้เป็นอัปปนาสมาธิตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป แล้วอย่าให้หลุด ก็จะเบรกได้ แต่ถ้าจะเอามั่นคง ต้องเป็นฌานสี่แบบคล่องตัว ถ้าเราได้ฌานสี่แบบคล่องตัวนี่เป็นพื้นฐานของพระอนาคามีเลย ถ้าขึ้นถึงอนาคามีเมื่อไรก็ไม่ต้องเบรกแล้ว เลิกกันไปเลย ถาม : ยากค่ะ ตอบ : ไม่ยากหรอก ลองดู ขอให้ทำจริง ๆ เถอะ ให้นึกว่า ขนาดชั่วเรายังชั่วมาด้วยความตั้งอกตั้งใจ แล้วถ้าเราลองดีด้วยความตั้งอกตั้งใจดูบ้าง เคยตั้งใจชั่วมาแล้วก็ตั้งใจดีบ้าง
โดย
อ่องอ๋า
ศุกร์ พ.ค. 28, 2010 11:07 am
0
0
เก็บตกจากพระอาจารย์
ประโยคเตือนใจ :8) ขอบพระคุณที่ยกมาเตือนคนเขียนอีกรอบค่ะ ๕๕๕ ของแบบนี้ต้องเตือนตัวเองบ่อย ๆ จริง ๆ ได้ลองย้อนกลับไปดู vdo บรรดารุ่นพี่ทั้งหลายในมันนี่ทอล์ค ก็พบว่าแต่ละท่านมีแนวทางต่างกันไป แม้อ่านตำราเล่มเดียวกัน แต่เวลาปฏิบัติจริงก็ไม่เหมือนกัน หนูก็ได้แต่เลือกทางที่ทำให้ตัวเอง กลัวน้อยสุด โลบน้อยสุด แต่ผลตอบแทนไม่ต้องน้อยสุดก็ได้ :lol:
โดย
อ่องอ๋า
ศุกร์ พ.ค. 28, 2010 11:01 am
0
0
ถามเกี่ยวกับการจับคู่ราคาหุ้นหน่อยครับ
เมื่อกี๊รีบอ่านเพราะจะออกจากบ้าน เลยเข้าใจคำถามผิดไปค่ะ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ อายจัง :oops: สำหรับคำถาม อันนี้เป็นโพสต์เก่า ๆ ค่ะ ระหว่างรอท่านอื่นมาตอบ ลองอ่านดูแล้วกันค่ะ http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:TrfypalA3wcJ:www.thaivi.com/webboard/archive.php/o_t__t_20365__%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C.html+%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B5+bid+%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87&cd=2&hl=th&ct=clnk&gl=th
โดย
อ่องอ๋า
พุธ พ.ค. 26, 2010 8:12 pm
0
0
ถามเกี่ยวกับการจับคู่ราคาหุ้นหน่อยครับ
ตั้งเป็นราคา 18.6 หรือ ATC คะ
โดย
อ่องอ๋า
พุธ พ.ค. 26, 2010 6:10 pm
0
0
ถามเกี่ยวกับการจับคู่ราคาหุ้นหน่อยครับ
ลองไปเช็คข่าวก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ มีแต่เลื่อนปรับปรุงสาขาลาดพร้าวกับไม่เก็บค่าเช่าร้านค้า :? รอผู้ชำนาญการแล้วกันค่ะ
โดย
อ่องอ๋า
พุธ พ.ค. 26, 2010 6:06 pm
0
0
ถามเกี่ยวกับการจับคู่ราคาหุ้นหน่อยครับ
โดดขึ้นมาจริง ๆ ด้วย แต่ bid offer ตอนจบก็ 9-9.1 ปกติ เฮงจริง ๆ เลยคุณ
โดย
อ่องอ๋า
พุธ พ.ค. 26, 2010 5:59 pm
0
0
แมลงสาป!!! ปีศาจร้ายในบ้านคุณ!!!
ส่วนตัวหนูเอง ฝันว่ากินแมลงสาบอยู่บ่อยครั้ง แต่ละครั้ง รู้สึกว่ามันอร่อยเสียด้วยสิ :vm:
โดย
อ่องอ๋า
พุธ พ.ค. 26, 2010 5:44 pm
0
0
ถามเกี่ยวกับการจับคู่ราคาหุ้นหน่อยครับ
โมทนาสาธุ หากรู้สึกตะขิดตะขวงใจก็ขอแนะนำให้เอา profit ส่วนเกินไปทำบุญค่ะ จะได้เป็นการต่อบุญไปในตัว :o
โดย
อ่องอ๋า
พุธ พ.ค. 26, 2010 5:43 pm
0
0
แมลงสาป!!! ปีศาจร้ายในบ้านคุณ!!!
สมัยเด็ก ๆ พี่สาวหนูเอง มีอยู่ครั้งหนึ่งอีเอานมที่แช่เย็นในตู้เย็นออกมา นมที่ว่ามาเป็นขวดค่ะ เจาะฟรอยแล้วก็มีหลอดเสียบคาอยู่ คือกินค้างเอาไว้ พออีเอาออกมาจากตู้เย็น ด้วยความกระหายน้ำจัด ก็ดูดโลด แต่ก็พบว่ามีอะไรบางอย่างไหลตามหลอดปนมากับนม ลักษณะนิ่ม ๆ เละ ๆ อีก็นึกว่ามันเป็นฟองของนม ที่เวลาต้มแล้วปล่อยให้เย็นจะมีแผ่นบาง ๆ ขึ้นมาปิดผิวหน้า แต่ว่า นมนี่ไม่ได้ต้มนี่นา เลยลองถุยออกมาดู มันคือกาจั๊วะน้อยนอนเละอยู่ :shock: เลยไม่รู้จะสงสารใครดี
โดย
อ่องอ๋า
พุธ พ.ค. 26, 2010 5:38 pm
0
0
แมลงสาป!!! ปีศาจร้ายในบ้านคุณ!!!
หรือแตกแยก(แยกไปคนละชั้น) แต่ไม่ตีกัน :lol:
โดย
อ่องอ๋า
พุธ พ.ค. 26, 2010 10:02 am
0
0
เก็บตกจากพระอาจารย์
เมื่อคืนก่อนฝันว่าเข้าวัดบวชชีเรียบร้อย :8) ได้แต่หวังว่า ถ้าถึงวันนั้นจริง ๆ ปันผลจะเยอะพอให้กินใช้+ทำบุญ จะได้ไม่เดือดร้อนวัดจนเกินไป
โดย
อ่องอ๋า
อังคาร พ.ค. 25, 2010 6:04 pm
0
0
เก็บตกจากพระอาจารย์
พระอาจารย์บอกว่า "คนเราถ้าไม่กลัวตายเสียอย่าง ก็ไม่มีอะไรให้เรากลัวแล้ว"
โดย
อ่องอ๋า
อังคาร พ.ค. 25, 2010 6:02 pm
0
0
มีใครเคยไม่ได้ปันผลไหมคะ
ขอบคุณค่ะ
โดย
อ่องอ๋า
อังคาร พ.ค. 25, 2010 5:34 pm
0
0
เก็บตกจากพระอาจารย์
ขอบคุณค่ะคุณ saichon สำหรับบทความดี ๆ จริง ๆ พื้นนิสัยเดิมเลยนี่พี่จะใจทมิฬหินชาติ เรื่อง "ช่างมัน" นี่เลยทำได้สบาย ๆ ถ้าไม่ติดว่าเกี่ยวกับบุพการีนี่พี่คงไม่ซีเรียสตั้งแต่ต้นแล้ว :o
โดย
อ่องอ๋า
อังคาร พ.ค. 25, 2010 4:56 pm
0
0
ธรรมะ ธรรมชาติ
ขอบคุณคุณ saichon ค่ะ ชอบข้อ ๖ เพราะหนูทำอยู่ :D
โดย
อ่องอ๋า
อังคาร พ.ค. 25, 2010 4:50 pm
0
0
แมลงสาป!!! ปีศาจร้ายในบ้านคุณ!!!
แต่เขาว่ากันว่าถ้ามีตุ๊กแกติดไว้ในบ้านสักครอบครัวนึงแมลงสาปจะหายไปหมดนะครับ มิน่าที่โกดังบ้านผมไม่มีแมลงสาปสักตัว มีแต่ตุ๊กแก (สยองพอๆกัน 55+) ไม่รู้เอาตุ๊กแกจับโยนลงไปในท่อ มันจะโดนแมลงสาปกินหรือมันจะกินแมลงสาป มีตะขาบมีหนูอีก อี๋ สามีกลัวตุ๊กแก หนูกลัวแมลงสาบ สงสัยต้องเป่ายิ้งฉุบกัน
โดย
อ่องอ๋า
อังคาร พ.ค. 25, 2010 1:47 pm
0
0
อยากสอบถามเรื่องงบการเงินครับ
เคยเรียนมาอาจารย์ให้ดูงบรวมเป็นหลัก จะได้ไม่ไขว้เขวไปกับธุรกรรมระหว่างบ.แม่กับบ.ลูกค่ะ จะได้ไม่โดนหลอกนั่นเอง
โดย
อ่องอ๋า
อังคาร พ.ค. 25, 2010 1:41 pm
0
0
ธรรมะ ธรรมชาติ
เกิดสติจึงเกิดสมาธิ สมาธินั้นหลวงพ่อเทศน์เคล็ดไว้ให้จำให้ฝึกไว้ชัดเจน ความสุขทำให้เกิดสมาธิ อะไรที่ทำให้เราสุข จะทำให้เราเกิดสมาธิ ฟังเพลงที่ชอบ อ่านหนังสือที่ชอบ คนหลับยากแต่ยอมตื่นมานั่งเชียร์บอลดึกๆดื่นๆไม่ง่วงเหงาหาวนอน ตอนดูถ้ามีใครไปถ่ายวีดีโอมาดู จะเห็นว่าคนกลุ่มนี้ระหว่างดูบอลมีสมาธิสูงมาก เรื่องนี้ผมอธิบายไม่ได้ชัด เคยแต่ฟังหลวงพ่อว่าพระสายวัดป่า ล้วนมีสมาธิสูง เป็นระดับอัปนาสมาธิที่คงอยู่ได้ครั้งละนานๆ สมาธิระดับนี้เป็นสมาธิคนรวย ตรงข้ามกับผมโดยสิ้นเชิง ที่น่าสังเกตุอีกอย่างของชาวบ้านร้านถิ่นทั่วไป ถ้าเราไปถามดูว่าเขานิยามคำว่าภาวนานั้นเป็นอย่างไร เกือบทั้งหมดจะบอกว่า ก็ต้องนั่งสมาธิสิ...ฮ่า...ผมเองก็เพิ่งรู้ว่าไม่จริงหรอก นั่งสมาธิเป็นแค่ซับเซทนึงเท่านั้น พี่ป้อมตอบยาวเลยค่ะ มาเป็นซีรี่ส์ ขอบคุณนะคะ แต่ที่ชาวบ้านบอกก็ไม่ผิดนะคะ คือคนทั่ว ๆ ไปส่วนใหญ่ก็จะเริ่มจากการนั่งสมาธิก่อน พอเริ่มมีความชำนาญพอสมควรก็จะขยับไปทรงสมาธิทั้งวันให้ได้เท่ากับตอนนั่ง แล้วจากนั้นก็ขยับไปทรงอารมณ์ให้ได้หลับกับตื่นรู้ตัวมีสติเท่ากัน ถ้าเขาอยู่ระดับเริ่มต้น เขาก็ต้องตอบอย่างนั้นค่ะ โดยส่วนตัวผมไม่สนิทกับพี่เขาครับ พอดีพี่เขาเป็นคนเจียงใหม่เจ้า :D ส่วนเรื่องปฏิบัติสมาธิ ผมก็ทำตามวิธีของผมเองครับคือจับความรู้สีกเองว่านี่แหละคือสมาธิ เหมือนกับเราเข้าสมาธิครับอธิบายไม่ถูกเหมือนกันก็คือเหมือนปล่อยจิตให้ว่างแล้วก็ให้มีสติรับรู้ทั้งในและนอกครับจนเกิดสมาธิ ผมไ่ม่ได้ภาวนาพุทโธหรืออะไรเลยครับ ของผมถ้าแบบมีภาวนาเหมือนสมัยก่อนผมจะไม่เกิดสมาธิมันไปติดอยู่ตรงที่คำภาวนาครับ ผมก็ไปปรึกษาหลวงพี่ทุกครั้งที่มีโอกาสครับแต่ช่วงนี้ยังไม่ได้เข้าไปเลย จะขอเบอร์โทรศัพท์ก็ลืมทุกที ส่วนตัวผมตอนนี้ยังมีอาการเกิดขึ้นเยอะครับ หลวงพี่ก็บอกว่าให้ดูเฉยๆ ที่มีนี่แปลว่าจิตเราเกิดสมาธิระดับหนึ่งแล้ว แล้วท่านก็นั่งฌาณท่านบอกจิตผมเที่ยงดิ่งเป็นเส้นตรง แต่ยังขาดการฝึกเป็นขั้นๆ ส่วนทำถึงขั้นไหนผมไม่รู้เหมือนกันครับ เพราะหลวงพี่บอกชาตินี้ผมยังไม่มีอาจารย์ ตอนนี้ให้ทำแบบนี้ไปก่อน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีอาจารย์ไม่มีอาจารย์คืออะไร หลวงพี่ท่านบอกของผมแบบเก่าเก็บมันมีขึ้นมาเอง ให้ทำไปเรื่อยๆแล้วมีอะไรให้มาหา ที่ผมไปหาหลวงพี่ท่านบ่อยๆเพราะผมก็กลัวหลงเหมือนกันครับ แต่ท่านบอกถ้าทำสมาธิก็ไม่มีทางหลง นอกจากเราไม่มีสมาธิแล้วคิดขึ้นมาเองแบบนั้นเรียกว่าบ้า 55+
โดย
อ่องอ๋า
อังคาร พ.ค. 25, 2010 1:21 pm
0
0
กิมเอ็ง ส่งข้อมูลซื้อขายทาง internet ไม่ได้เลย !!
ยังใช้ไม่ได้เลยค่ะ อะไรกันนี่
โดย
อ่องอ๋า
อังคาร พ.ค. 25, 2010 12:06 pm
0
0
ธรรมะ ธรรมชาติ
[quote="sakana_sushi"]ผมฟังมาจากพี่ Richy ที่เขียนหนังสือเรื่องแก้กรรม นะครับ สมัยก่อนผมก็งงเหมือนกันครับว่าคำว่า ทำสมาธินี่คืออะไร เพราะสมัยก่อนผมทำสมาธิ ผมจะใช้กำหนดลมหายใจทำมาหลายปีครับตั้งแต่ป4 แต่พอเ้ข้ามหาลัยผมก็เลิกทำ แล้วเพิ่งมาเริ่มทำจริงๆจังเมื่อปลายปีที่แล้วเองครับ ประกอบกับที่ได้เริ่มทำใหม่เพราะฟังพี่ Richy ผมอยากรู้ครับว่าเขาเป็นพวกหลอกเอาเงินหรือเปล่า พอฟังดูเขาก็ไม่ได้อหลอกเอาเงิน แล้วความคิดที่เขาเสนอก็ไม่ได้ทำให้คนงมงาย ให้คนไปปฏิบัติเอาเอง ส่วนรายละเอียดพี่เขามีเว็บครับ ต้องลองเอาไฟล์ mp3 ไปดูแล้วพิจารณาดูนะครับว่าจะเชื่อหรืออะไรส่วนไหน (pm มาได้ครับ) ชื่อเว็บ แต่คุณ อ่องอ๋าน่าจะรู้จักพี่เขาบ้างแล้ว :D ว่าไปซะยาวแล้ว ก็มาเข้าเรื่องดีกว่า เรื่อง สมาธิ เท่าที่ผมเข้าใจนะครับ คือเราต้องแยกให้ออกว่าสมาธิคืออะไร
โดย
อ่องอ๋า
จันทร์ พ.ค. 24, 2010 7:42 pm
0
0
เก็บตกจากพระอาจารย์
อืมม... ถ้าเราพยายามเต็มที่แล้วได้แค่ไหนก็คงต้องตามนั้นแล้วมั้งครับ :D ช่วงใหม่ ๆ ก็ทำใจไม่ได้ คือเราเห็นว่าทางนี้ดี อยากให้่ท่านเข้ามา พอไม่สำเร็จแล้วรู้สึกเหมือนไม่ได้ทดแทนพระคุณท่านค่ะ
โดย
อ่องอ๋า
จันทร์ พ.ค. 24, 2010 7:03 pm
0
0
เก็บตกจากพระอาจารย์
ไปค้นเจอหลวงพ่อเทศน์ช่วงเจริญกรรมฐานค่ะ ยาวหน่อยนะคะ ................... อริยสัจ เรื่องอริยสัจเป็นเรื่องที่สำคัญมาก สมัยพุทธกาลนั้น บรรดาศาสดาลัทธิต่าง ๆ มีเป็นจำนวนมาก แต่ธรรมะของเขาทั้งหลายเหล่านั้นเน้นอยู่ ๒ อย่าง คือ ถ้าเป็นพวกนัตถิกทิฏฐิ เชื่อว่าตายแล้วสูญ จะเน้นการกอบโกยความสุขใส่ตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ กลายเป็นติดในด้านของกามสุขัลลิกานุโยค ก็คือเอาความสบายมากจนเกินไป ส่วนพวกที่เป็นสัสสตทิฏฐิ เชื่อว่าตายแล้วยังเกิดต่ออีก พวกนี้พยายามที่จะบำเพ็ญเพียรเพื่อที่ตนเองจะได้ไปสู่โมกษะ คือความหลุดพ้นของเขา แต่จริงๆแล้วส่วนใหญ่ก็จะไปติดอยู่แค่พรหม เพราะเขาเน้นเรื่องฌาณสมาบัติมากจนเกินไป กลายเป็นอัตตกิลมถานุโยค ทรมานตนจนเกินเหตุ พอพระพุทธเจ้าท่านค้นพบมัชฌิมาปฏิปทา คือ ทางสายกลาง และอริยสัจ ๔ ก็นำมาเผยแพร่ บรรดาท่านที่ไปถึงทางตันแล้วไปต่อไม่ได้เป็นจำนวนมาก ก็หันมาปฏิบัติตามหลักของพระพุทธศาสนา ได้มรรคได้ผลเป็นจำนวนมหาศาล พระพุทธศาสนาในยุคนั้นจึงได้เจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเรื่องของอริยสัจ ก็คือ ความจริง ๔ อย่าง ประกอบไปด้วย ทุกข์ สิ่งที่ต้องทน สมุทัย สาเหตุที่ทุกข์เกิด นิโรธ การดับทุกข์ มรรคคือปฏิปทาที่จะก้าวไปถึงความดับทุกข์ ขอทบทวนอีกครั้งหนึ่งว่าเกี่ยวกับอริยสัจนี้ งานแรกก็คือ เราต้องกำหนดรู้ พิจารณาให้เห็นให้ชัดเจน รู้ว่านี่คือทุกข์ นี่คือสาเหตุของการเกิดทุกข์ นี่คือทุกข์ดับลง นี่คือการปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ งานต่อไปของเราก็คือว่า เมื่อรู้ละเอียดอย่างนั้นแล้ว ก็ต้องกำหนดใจให้ได้ว่า ทุกข์ เป็นสิ่งที่ต้องกำหนดรู้ รู้เฉยๆ ไม่ใช่ไปแบกไว้ สมุทัย คือ สาเหตุของการเกิดทุกข์ เป็นสิ่งที่ควรละ ถ้าเราไม่สร้างเหตุ ทุกข์ก็ไม่เกิด นิโรธ ทุกข์นั้นดับลง จะเข้าถึงตรงจุดนี้ได้ ก็แปลว่าเราต้องขวนขวายดิ้นรนอย่างเต็มที่เพื่อจะได้เข้าถึงตัวดับทุกข์เพราะว่าเราไม่สร้างสมุทัยแล้ว มรรค คือปฏิปทาแห่งการเข้าสู่การดับทุกข์นั้น ต้องทำให้มากไว้ ในเมื่อเรารู้แจ้งว่าทุกข์ดับลงอย่างไร เราก็ต้องเร่งขวนขวายปฏิบัติในมรรคทั้ง ๘ ซึ่งย่อลงคือ ศีล สมาธิ ปัญญา เมื่อทำได้ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ก็ยังต้องพิจารณาต่อไปว่าได้จริงหรือไม่? ต้องพิจารณาว่านี่ทุกข์เราได้กำหนดรู้แล้ว รู้ชัดเจนแล้ว นี่คือสมุทัยเราได้ละแล้ว ไม่แตะต้องแล้ว ไม่ยุ่งกับมันแล้ว นี่คือนิโรธ เราได้ทำให้แจ้งซึ่งอารมณ์ของการดับทุกข์นั้นแล้ว ไม่แตะต้องกับมันอีกแล้ว นี่คือมรรคปฏิปทาที่ทำให้เราเข้าถึงความดับทุกข์ เราได้เจริญให้มากไว้แล้ว เรื่องของอริยสัจ เมื่อเราปฏิบัติดังนี้ ควรทบทวนอยู่บ่อยๆ การทบทวนบ่อยๆแปลว่า ทุกอิริยาบทของเรา ไม่ว่าจะเป็นอิริยาบทใหญ่ ๔ ก็คือ ยืน เดิน นั่ง นอน หรืออิริยาบทย่อยอีก ๒๒ ตั้งแต่เหยียดเข้า คู้ออก กิน ดื่ม เคลื่อนไหว ฯลฯ อิริยาบทต่างๆนี้ เราต้องกำหนดรู้อยู่เสมอ ถ้าหากกำหนดรู้ทุกข์ ก็ให้เห็นว่าทุกอิริยาบทที่เราเคลื่อนไหวมันเต็มไปด้วยความทุกข์ ถ้าเราไม่เคลื่อนไหว อยู่นิ่งๆ ไม่นานมันก็ทนไม่ได้ เราต้องมีการเคลื่อนไหว ก็กำหนดรู้ทุกข์ในลักษณะนี้ ในเมื่อรู้แล้วว่ามันเป็นทุกข์ ก็ตัดความปรารถนาที่อยากมีอยากได้ในมันเสีย สาเหตุของทุกข์ก็จะไม่เกิด อีกอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าหากเราพิจารณาเห็นทุกข์อย่างเดียว อารมณ์ใจบางคนไม่รับ คือ รู้สึกว่ามันเศร้าหมองเป็นเพราะปัญญามันยังไม่ถึง ถ้าหากปัญญาถึง... การเห็นทุกข์มันจะรู้สึกว่าดี เพราะว่าเป็นสิ่งที่เห็นได้ยากมาก ไม่ว่าจะทุ่มเทความพยายามเท่าไร ซื้อหามามันก็ไม่ได้ แต่ว่า ณ ปัจจุบันเราเห็นทุกข์ได้มันจะเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าปัญญาไม่ถึง...จะรู้สึกว่ามันเศร้าหมองเหมือนกับแบกทุกข์อยู่ตลอดเวลา รอบข้างเป็นสิ่งที่เต็มไปด้วยความทุกข์ เราก็มาพิจารณากำหนดสติแทน สติ การกำหนดสติก็คือ การเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการเหยีดแขน คู้แขน ก้าวเท้าซ้าย ก้าวเท้าขวา หยิบจับทำอะไรก็ตาม ให้กำหนดสติรู้ตามอาการมัน รู้ตามอาการนะไม่ใช่รู้ร่างกาย ถ้ารู้ร่างกายเมื่อไรมันยังเป็นตัวกู ของกู แต่ถ้ารู้ตามอาการ เช่น เหยียดมือไปข้างหน้า เราไม่ได้รู้ถึงมือแต่รู้ว่ามันกำลังเคลื่อนไหว ก้าวเท้าไปข้างหน้าไม่ได้รู้ว่ามันเป็นเท้าแต่รู้ว่ามันเคลื่อนไหว ถ้าหากว่าเรากำหนดจับอาการนั้นอย่างเดียว ตัวตนเราเขามันจะไม่มี ร่างกายนี้สักแต่ว่าเป็นรูปและก็เป็นนาม ส่วนที่เป็นรูปก็คือส่วนที่สามารถมองเห็นได้ ในส่วนที่เป็นนามก็คือความรู้สึก ความจำ ความนึกคิดปรุงแต่ง มันมองไม่เห็น ในเมื่อร่างกายมันแต่ว่าเป็นรูป เป็นนาม การปรุงการแต่ง เพื่อเป็นต้วตนเรา เป็นเขาเป็นหญิงเป็นชาย เป็นสัตว์...มันไม่มี ตัวรักโลภโกรธหลง มันกินเราไม่ได้ เพราะฉะนั้นทุกเวลาที่เราทำงาน ถ้าสามารถกำหนดใจให้รู้ถึงอิริยาบทการเคลื่อนไหวของมันอยู่ มันจะเป็นอิริยาบทและสัมปชัญญะในมหาสติปัฏฐาน ในเมื่อสักแต่ว่ารู้ ตาก็สักแต่ว่าเห็น หูก็สักแต่ว่าได้ยิน จมูกก็สักแต่ว่าได้กลิ่น ลิ้นก็สักแต่ว่าได้รส กายก็สักแต่ว่าสัมผัส ในเมื่อเป็นอย่างนั้นความเป็นคน เป็นสัตว์มันก็ไม่มี ความเป็นหญิงเป็นชายไม่มี ในเมื่อจิตไม่ปรุงแต่งรักโลภโกรธหลงมันก็เกิดขึ้นไม่ได้ รักโลภโกรธหลงจริง ๆ มันอยู่กับร่างกายนี้ ตราบใดที่ยังมีร่างกายอยู่ตราบนั้นรักโลภโกรธหลงมันก็มี แต่คราวนี้ถ้าจิตไม่ปรุงแต่ง มันไปต่อไม่ได้ ไม่สามารถจะงอกงามได้ นานๆไปโอกาสเกิดไม่มี มันก็จะฝ่อเฉา จะตายของมันไปเอง ดังนั้นในเรื่องของอริยสัจ เราจะต้องพิจารณาเห็นทุกข์เป็นปกติ ถ้าไม่สามารถพิจารณาเห็นทุกข์ได้ ก็ให้พิจารณาอาการของร่างกายแทน งานของเราเอาแค่น้อยๆแต่ว่าได้ผลมาก คือทำน้อยแล้วได้ผลตอบแทนสูง ถ้าราเห็นทุกข์เราก็ไม่อยากจะเกิด หรือไม่ก็ถ้าหากเราเห็นอิริยาบทการเคลื่อนไหวของร่างกาย จิตใจของเราก็หยุดการปรุงแต่ง ถ้าหยุดการปรุงแต่งมันจะเข้าถึงการดับตัวนิโรธเอง เราก็จะได้รู้ว่านิโรธเราทำให้แจ้งแล้ว เพราะว่าจิตมันขาดการปรุงแต่ง ถ้าหากว่าสติสมาธิปัญญาของเราจดจ่ออยู่เฉพาะหน้า อยู่กับการเคลื่อนไหว ดื่มกินคิดพูดทำอะไรก็ตามให้มีสติอยู่ มันก็สักแต่ว่าประคองร่างกายนี้ไว้เท่านั้น ถึงเวลาหมดอายุขัยของมัน ก็ต่างคนต่างไป มันไม่ใช่เรา เราไม่ใช่มัน ต่างคนต่างอยู่ ถ้าเราไม่ไปยึดไปปรุงแต่งมัน ร่างกายก็สักแต่เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่เราอาศัยอยู่ เหมือนกับรถยนตร์คันหนึ่งที่เราขับไปตามจุดหมายของเรา ถึงเวลาเปิดประตูได้ก็ทิ้งรถไป ดังนั้นในเรื่องของอริยสัจเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ถ้าเราไม่เห็นทุกข์ มันจะไม่เบื่อ ในเมื่อเราไม่เบื่อ มันก็จะไม่ขวนขวายในการที่จะหนีมัน ดังนั้นว่าให้ทุกคนพยายามมองตรงจุดนี้เอาไว้ ส่วนไหนที่เป็นจุดอ่อนของเรา เราก็แก้ไข บางท่านทรงฌาณเร็วเกิน จะทำการงานก็ลำบาก เราก็ต้องหัดให้เข้าออกให้คล่องตัวไว้ ไม่ใช่มีแต่วสีภาคในการเข้า มันต้องมีวสี คือชำนาญในการออกด้วย สำหรับท่านอื่นๆในเรื่องของสมาธิ พยายามทำให้มันทรงตัวให้มากไว้เพราะว่า ปัญหาต่างๆเกี่ยวกับการปฏิบัติ คำตอบทั้งหมดอยู่ตรงสมาธิ ยกเว้นการปฏิบัติขั้นสุดท้ายที่จะต้องใช้ปัญญาในการรู้แจ้ง มันก็ยังอาศัยสมาธิหนุนเสริมอยู่ เพราะฉะนั้นเรื่องของสมาธิถ้ากำหนดอยู่ จิตมันจะอยู่เฉพาะหน้า มันไม่ไปในอดีต ไม่ไปในอนาคต ในเมื่อจดจ่ออยู่เฉพาะหน้าโอกาสที่จะหลุดพ้นมันก็มี แต่ถ้าไปปรุงแต่งในอดีตในอนาคตเมื่อไหร่ มันก็ไปยึดไปติด คือ ไม่ยินดีกับมันก็จะยินร้ายกับมัน ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือเป็นอนาคตก็ตาม จิตที่เราส่งออกมันเท่ากับสร้างความทุกข์ให้แก่ตัวเอง เรื่องของอริยสัจจริงๆแล้วอยู่รอบตัวเรา เห็นได้อยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ว่าเราเองถ้าหากไม่ตั้งใจพิจารณาไม่พยายามดูให้มันเห็นชัดเจน มันก็อาจจะทิ้งของที่ดีที่สุดไปเฉยๆ เหมือนกับสมัยพุทธกาลก่อนที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ อริยสัจก็คงอยู่ของมันอย่างนั้น เพียงแต่ว่าบรรดาคณาจารย์ต่างๆเขาไม่พยายามที่จะกำหนดรู้ตรงจุดนี้ จะเรียกว่าพยายามก็ได้ แต่ว่าพยายามในทางที่ผิดก็เลยก้าวไม่ถึงจุดสุดท้ายเสียที พระพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมีมาสี่อสงไขยกับแสนมหากัปเป็นอย่างน้อย กว่าจะตรัสรู้เห็นอริยสัจได้ เราเองเมื่อก้าวมาถึงจุดนี้แล้วพยายามเห็นให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เมื่อเห็นว่ามากที่สุดแล้ว มันจะเบื่อหน่ายคลายกำหนัด หมดความที่อยากจะเกิดอีก ในเมื่อหมดความที่อยากจะเกิดมันก็ขวนขวายเพื่อที่จะหลุดพ้น วันนี้ฝากไว้แค่ว่าเรื่องของอริยสัจอย่างหนึ่ง ถ้าพิจารณาเห็นทุกข์ได้ไม่ตลอด ก็ให้พิจารณาอิริยาบทในเรื่องที่เราทำการทำงาน ในเรื่องที่เราเคลื่อนไหวแทน พยายามดูให้มากเห็นให้มาก โดยเฉพาะเมื่อเห็นแล้วให้จิตมันยอมรับ ถ้าจิตมันไม่ยอมรับ มันสักแต่ว่าเห็นมันก็ไม่มีโอกาสเอามาใช้งานได้ มันกลายเป็นว่าเห็นแค่สมบัติเศรษฐีไม่มีโอกาสเอามาใช้งานเสียที ต้องใช้งานได้จึงจะนับว่าใช้ได้
โดย
อ่องอ๋า
จันทร์ พ.ค. 24, 2010 7:00 pm
0
0
ธรรมะ ธรรมชาติ
ที่คิดอย่างนั้นก็เพราะลองนึกไปถึงตอนปฏิบัติใหม่ ๆ ค่ะ ก็จะไล่มาเรื่อย ขณิก อุปจาร แล้วก็ฌาน แล้วก็อยากรู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ตรงไหน ถึงฌานหรือเปล่า ฌานอะไร ก็กางตำราดู ก็มานั่งแกะ วิตก วิจารณ์ ปีติ สุข เอกคัตา ฯลฯ พยายามนึกทำความเข้าใจแต่ละตัว พอรู้แล้วก็ผ่าน ผ่านไป ๔ เดือน มีคนถาม วิตก วิจารณ์ คืออะไร ตอบไม่ได้ค่ะ ลืม แต่ถามว่ายังปฏิบัติอยู่ไหม ปฏิบัติอยู่ ยังผ่านมันอยู่ไหม ยังผ่านอยู่ แต่มานั่งอธิบายปรากฏว่าบอกไม่ได้นึกไม่ออกค่ะ อีกอย่างหนึ่งที่หนูเห็นว่าเป็นข้อเสียก็คือ มันจะทำให้เราไปกังวลกับมันเกินไป ยิ่งหากเกิดขึ้นขณะกำลังทำสมาธิ ก็จะทำให้เราฟุ้งซ่านไปเสียอีก ทำเป็นพูดไป อีกเดี๋ยวก็มีเรื่องมาถามอีก หนูเป็นคนขี้ถามค่ะ ถามได้ทั้งวัน ๕๕๕ รอตอบด้วยนะคะ
โดย
อ่องอ๋า
จันทร์ พ.ค. 24, 2010 6:31 pm
0
0
รวมสุดยอดความรู้รอบตัว!!! มีค่าให้น่าจดจำเป็นอย่างยิ่งงงงงง
แมงสาบ โดนตัดหัวแล้วไม่ตาย แต่ถ้าทิ้งไว้1-2อาทิตย์ค่อยตาย แต่ตายเพราะอดอาหารนะครับ 555+ อันนี้อ่านจากเมลล์ใครทดลองมาแล้วบอกบ้างนะครับ อิอิ ลูกพี่ลูกน้องเคยเล่าให้ฟัง โดนแมลงสาบกัดแขน เขาสะบัดแขนแรง ๆ ปรากฏว่าตัวแมลงสาบก็กระเด็นไป เหลือแต่หัวกับไส้ติดอยู่ที่แขน อี๋
โดย
อ่องอ๋า
จันทร์ พ.ค. 24, 2010 6:17 pm
0
0
ธรรมะ ธรรมชาติ
ผมไปค้นมาจากเว็บนึง เขาบอกว่า สติ แปลว่า การระลึกได้ สัมปชัญญะ แปลว่าการรู้ตัว สัมปชัญญะ หมายถึงความรู้ตัวทั่วพร้อม เป็นธรรมที่มีอุปการะ คู่กับสติ เป็นธรรมที่เอื้อกับสติ เห็นนิยามที่คุณ sakana_sushi ยกมา ตอนนี้เลยเริ่มมีความคิดขึ้นมาแล้วค่ะ ว่าไม่ต้องไปรู้มันดีกว่า ปฏิบัติไปก็พอค่ะ ๕๕๕๕๕ แต่ต้องขอบคุณคุณ sakana_sushi มากค่ะพี่อุตส่าห์พยายามอธิบาย อย่างน้อยตอนนี้หนูก็เข้าใจคำว่าสติมากขึ้นแล้ว
โดย
อ่องอ๋า
จันทร์ พ.ค. 24, 2010 6:01 pm
0
0
ธรรมะ ธรรมชาติ
คุณ sakana_sushi เป็นทหารหรือคะ นึกว่าถามเพราะสงสัยเฉย ๆ ถ้าเคยเป็นทหารแล้วกังวลก็สบายใจได้ค่ะ ครูบาอาจารย์สายหนูเป็นทหารก่อนจะบวชเป็นพระหลายองค์เลยค่ะ เคยฆ่าคนมาด้วย(ตอนเป็นทหาร) แต่พอบวชท่านก็เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบค่ะ เรื่องได้มรรคผลสามารถทำให้เกิดขึ้นได้อยู่ค่ะ สรุปว่าฆราวาสเริ่มต้นใหม่ได้เสมอถ้าไม่ได้ทำกรรมหนัก(อนันตริยกรรม) ได้เปรียบพระก็ตรงนี้
โดย
อ่องอ๋า
จันทร์ พ.ค. 24, 2010 5:44 pm
0
0
ธรรมะ ธรรมชาติ
แล้วสัมปชัญญะล่ะคะ ยังไม่จบ ๕๕๕
โดย
อ่องอ๋า
จันทร์ พ.ค. 24, 2010 5:39 pm
0
0
165 โพสต์
of 4
ต่อไป
ชื่อล็อกอิน:
อ่องอ๋า
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
อังคาร ก.พ. 16, 2010 11:11 pm
ใช้งานล่าสุด:
ศุกร์ พ.ค. 23, 2014 5:08 pm
โพสต์ทั้งหมด:
174 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.01% จากโพสทั้งหมด / 0.03 ข้อความต่อวัน)
ลายเซ็นต์
อีหนูตีแตก
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว