หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
woody
Impossible is Nothing
Joined: เสาร์ ก.พ. 19, 2005 11:04 pm
3763
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - woody
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: ใครที่ท้อมาดู port ของเซียนช่วงวิกฤติดีกว่า
ผมเสียดายประโยคปิดท้าย อ่านแล้ว แทบจะเลิกเรียนรู้เพิ่มเติมจากตำราไหนๆ เลย เพราะหนังสือฝรั่งเขียนมาจากสภาพแวดล้อมแบบฝรั่งทั้งนั้น หรือดร.นิเวศน์ก็มีคนเดียวเท่านั้น คนทั่วไปแทบเลิกจะเรียนรู้วิธีการอ.นิเวศน์กับหลักวิธีคิดของ Buffett เลย ถ้าตรรกะแบบนี้ไปต่อไม่ได้ละครับ ผมหยุดครับ ผมหยุดเขียนต่อจากช่องนี้ละกัน ถือว่าผมแสดงมุมมองผมครบในนี้แล้ว ผมขอความอนุเคราะห์การ quote ให้เต็มประโยคนิดนึงครับ น่าจะได้ตรรกะครบ วัตถุประสงค์ของผมคือ เป็นสิ่งดีที่เราจะเรียนรู้วิธีการของคนที่ประสบความสำเร็จ แต่ก็อย่าลืมว่าปัจจัยสภาพแวดล้อมมันต่างกัน เพราะ Warren Buffet มีคนเดียวเท่านั้น... ผมตั้งใจสือให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีที่จะเรียนรู้ แต่อย่าลืมดูเรื่องปัจจัยสภาพแวดล้อม หมายถึงเรียนรู้เอามาประยุกต์ จะทำอะไรก็ขอให้ศึกษาเนื้อในให้ดีจริงๆ เปรียบเทียบส่วนเหมือนและต่างให้เข้าใจดีๆ ก่อน
โดย
woody
พุธ ต.ค. 05, 2011 11:13 am
0
1
Re: ใครที่ท้อมาดู port ของเซียนช่วงวิกฤติดีกว่า
เมื่อตอน 07-08 คิดว่าที่เป็นแบบนี้ เพราะถ้าปู่หนักใจตาลีตาเหลือกทิ้ง coke, well fargo, หรือ american express ขายไม่ได้ราคาดีแน่ และการกลับมา ก็ไม่น่ายิ่งใหญ่เท่าทุกวันนี้แน่…แต่ port ใหญ่หรือเล็ก ผมว่าเป็นประเด็นรอง (อาจเป็นเหตุบ้าง ว่าตอนเทขายอาจทำตลาดตื่น ขาย lot หลังได้กำไรน้อยลง) ขออภัยครับ เผอิญผมอ่านข้อความด้านบนแล้วติดใจคำว่าขายไม่ได้ราคาดีแน่ อ้อ แล้วการกลับมาที่ยิ่งใหญ่นี่เพราะอะไรเป็นหลักเดี๋ยวอดใจรอตามอ่านบทความข้างล่างนิดนึงครับ แต่เราได้อะไรจากบทเรียน ของวิธีการของ Buffett ข้างต้น ที่ได้ผลมาตลอด ตั้งแต่ no name? มันก็เรื่องเดียวกับที่ Lynch ก็พูดไว้เหมือนกัน เพิ่งผ่าตาไปหยกๆ ข้างบน "ซื้อบริษัท ไม่ใช่ซื้อหุ้น จะเห็นว่าแม้ต้นทุนของ Buffett ต่ำมาก ในไทยก็คล้าย port อ.นิเวศน์ ที่มี CPALL กับ HMPRO เป็นตัวชูโรง แต่ก็จะเห็น ว่ากำไรหายวับไปกับตามหาศาลเหมือนกัน 75-49 หมื่นล้าน = 26หมื่นล้านดอลล่าร์ (ยังไม่ได้คูณ 30 เพื่อเทียบเงินไทย) แล้วกลุ่มหุ้นตัวเอกที่เลือกมาดีแล้วมีน้ำหนัก % สูงๆ ของพอร์ต ก็ไม่ได้มีการเทขายหรือรินขายออกมาบ้าง เพื่อเก็งตลาดมารอรับต่ำ เพราะนั้นไม่ใช่วิธีการหลักที่ 2 ท่านนี้ใช้อยู่ " ตัดตอนส่วนหนึ่งมาจากบทความจาก Seeking Alpha ครับ http://seekingalpha.com/article/190312-the-many-myths-of-warren-buffett ” But Buffett wasn’t just buying Coca-Cola (KO) and Geico as many have been led to believe. Buffett was placing some (short-term AND long-term) complex bets in derivatives markets, options markets, and bond markets. The myth that Buffett is a pure value investor is just that. And it has been fed to the public hook line and sinker by people who entirely fail to understand Buffett’s genius, but benefit from an investing public that continues to pour money into the “hold and hope” myth. Berkshire has grown into one of the most complex financial businesses in the world. The investment portfolio he has become famous for is the equivalent of just about 25% of Berkshire’s market cap. His most famous holdings (Coke, American Express (AXP) and Washington Post (WPO)) account for roughly 10% of the total market cap. Interestingly, two of Buffett’s most famous investments weren’t traditional value picks at all, but distressed plays. His original investments in American Express and Geico occurred when both companies were teetering on the edge of insolvency. These deals are more akin to what many modern day distressed debt hedge fund managers do – NOT what Bill Miller and other “value” players do. Make no mistake – this folksy frugal regular old chum is a killer businessman. Just look at the deal he struck with Goldman Sachs (GS) and GE (GE) in 2008. He practically stepped on their throats, demanded high yielding preferreds and the results speak for themselves. Of course, the deal was described by Buffett (all smiles of course) as a long-term value play. Right. If this same move had been achieved by a distressed debt hedge fund (which is a role Berkshire often plays) reporters would have described the fund manager as a thief who was attacking two great American corporations while they were down.” ล่าสุด Warren เข้าลงทุนใน BoA แต่ลองมาดูรายละเอียดที่คุณปู่ตกลงนะครับ “Under the terms of the deal, Berkshire will buy $5 billion of preferred stock that pay a 6 percent annual dividend, and receive warrants for 700 million shares that it can exercise over the next 10 years. Bank of America has the option to buy back the preferred shares at any time for a 5 percent premium.” ถ้าหาดีลแบบนี้ตอนวิกฤติได้ก็น่าสนครับ ถ้าจะขาย เพราะคุณว่าเก็งตลาดได้ แล้วคุณเอาชนะได้ คล้ายชอร์ตเซลล์ กลายๆ คือขายแล้วได้ราคาต่ำกว่าเดิมได้หุ้นเพิ่ม ไม่มีใครว่าคุณครับ เป็นความสามารถของคุณ ถ้าแน่ใจ ลงมือได้เลย ตรงส่วนนี้ ผมว่าเราไม่กล่าวถึงดีไหมครับ อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ไม่ได้เกี่ยวกับข้อความที่เราโพสท์กันด้านบนแต่อย่างใด ส่วนกรณีของ ดร. นิเวศน์ท่าน เมื่อเร็วๆ นี้ได้ให้สัมภาษณ์ว่า "พอร์ตส่วนตัวของผมตอนนี้ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้ซื้อเพิ่มเพราะราคาหุ้นยังไม่จูงใจและก็ไม่ได้ขายออก(เพราะหุ้นที่ถือ อยู่ต้นทุนต่ำ) ช่วงนี้คิดว่าทั้งหุ้นตัวเล็กและหุ้นตัวใหญ่มีโอกาสถูกขายได้อีก ช่วงนี้จึงอยากให้ชะลอการลงทุนไว้ก่อน" ก็ถ้าทุนต่ำเหมือน ดร. ก็จะแบ่งส่วนนึงไว้ถือก็ได้ครับ แต่ที่ผมเอามานั่งเปรียบเทียบให้เห็น เพราะดูเหมือนจะมีคนแห่เทขายกันตอนนี้ เพราะสติแตกกระเจิงกันเยอะ ทำใจกันไม่ได้ เพราะไปเปรียบเทียบกับกำไรที่ไำด้ตอนขาขึ้น เห็นในหลายกระทู้ บางคนกำลังชั่งใจว่าจะกด "sell" ดีหรือไม่ รอมานานจนทนไม่ไหว บางคนลงมือไปแล้วเมื่อวันสองวันที่ผ่านมา มาเทขายเอาตอนตลาดถึงเลข 8 ตอนนี้ ต่อไปอาจถึงขั้นเข็ดเลิกลงทุนใตลาดหุ้นไปตลอดชีวิตเลยก็มี (ไม่กลับมาเล่า เพราะ "คนตายพูดไม่ได้") ทั้งที่ตอนตลาดขาขึ้น เคยมั่นใจสุดๆ ว่าทำดีแล้ว แต่ความเป็นจริง การขาดทุนของบางคน ก็มันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ถ้ากลับมาดูหลักการ ที่มีตัวอย่างจริง แค่ตอนนี้ตลาดมองราคาต่ำ เพราะ P ต่ำลง เพราะคนหนีออกจากการสนใจลงทุนในหุ้นชั่วคราว เนื่องจากตกใจตามฝรั่ง กลัวตามภูมิภาค PE, PBV เลยต่ำลง แต่ว่ามูลค่า E กับ BV กิจการยังไม่ทรุดลง ถ้าเลือกทุกตัวแน่ใจว่าเลือกดีแล้ว ตลาดกลับมาก็ยังจะมีหุ้นบริษัทเดิมอยู่ บริษัทไม่ได้โดนกรีกเบี้ยวหนี้ไปด้วย ตามหลัก Behavioural Investing อัตราส่วนความรู้สึกระหว่าตอนขาดทุนกับกำไร risk/reward ต่างกันประมาณ 2.5-3 เท่าครับ ฉะนั้นไม่แปลก ที่จะทำใจกันไม่ได้ อีกอย่างถ้าขาดทุน 33% กว่าจะกลับมาได้นี่ต้องหามาถึงราวๆ 50% เลยนะครับ ถึงจะกลับไปได้ ดังนั้นถ้าจะขายบ้างลดความกดดัน ลดความเสี่ยงก็น่าจะเป็นการดีถ้าทำให้เราไม่เสียศูนย์ ส่วนเรื่อง PE, PBV จริงๆ ข้อดีของมันคือการเอาไว้ดูว่าหุ้นนั้นๆ ถูกหรือแพง แต่ประโยชน์อีกอย่างนึงที่ลืมกันไม่ได้คือเรื่องของการนำไปเปรียบเทียบกับทางเลือกอื่นๆ หุ้นตกตามภูมิภาคเพราะว่าคนมีทางเลือกที่ risk/reward มันคุ้มกว่า จะบอกเป็น absolute อย่างเดียวผมว่าก็ไม่ควรมั้งครับ วัตถุประสงค์ของผม....เลยอยากให้เอาคนที่ทำสำเร็จมาตลอดชีวิตเป็นตัวอย่าง ถ้าเลือกกิจการดีแล้ว ใครใจร้อน จะไำด้ใจเย็นรอการกลับมา วัตถุประสงค์ของผมคือ เป็นสิ่งดีที่เราจะเรียนรู้วิธีการของคนที่ประสบความสำเร็จ แต่ก็อย่าลืมว่าปัจจัยสภาพแวดล้อมมันต่างกัน เพราะ Warren Buffet มีคนเดียวเท่านั้น...
โดย
woody
พุธ ต.ค. 05, 2011 10:24 am
0
2
Re: ใครที่ท้อมาดู port ของเซียนช่วงวิกฤติดีกว่า
ปู่ Buffet ถ้าขายแบบแตกตื่นนี่ก็คงขายไม่ได้ราคา แต่......พอร์ตเราใหญ่ขนาดปู่ buffet เลยหรือครับ?
โดย
woody
พุธ ต.ค. 05, 2011 12:20 am
0
2
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
เรียนพี่ Nevercry.boy ได้ติดตาม comment ของพี่มาตั้งแต่โพสท์แรกใน TVI จนถึง โพสท์ในวันนี้ ต้องขอขอบคุณมากที่ร่วมแชร์สิ่งดีๆ ต่างๆ มากมายให้กับ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ อย่างบริสุทธิ์ใจ ทำให้พวกเราได้พัฒนาต่อยอดกันไปมาก ขอให้พี่โชคดีกับแนวทางใหม่ที่เริ่มรู้สึกว่าใช่มากกว่าเดิม แล้วหวังว่าจะเห็นพี่กลับมาให้ความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับพวกเราต่อไปนะครับ ปล. ก่อนที่จะจากไปในวันนี้ ผมหวังว่าพี่จะไม่ว่าอะไร ถ้าผมขอร่วมแสดงความคิดเห็นถึงส่วนหนึ่งของบทความที่พี่ได้กรุณาเขียนไว้ด้านบน ดังนี้ “บัดซบเอ๊ย” ผมเองก็อยากนะครับในเวลาที่หุ้นตกคือผมน่าจะมีเงินสดซัก 80% และมีหุ้น 20% หรือเทพสุด ๆ คือมีเงินสด 100% ไปเร๊ยยยย เท่าที่ผมอ่าน How to make money in stocks คุณ O' Neil เค้าบอกว่าควรจะต้องปฏิบัติตามให้ครบทุกข้อของ CANSLIM มิเช่นนั้น มันก็จะใช้ไม่ได้ผล ทั้งนี้ มีส่วนเพิ่มที่ระบุไว้ชัดเจนว่าการ Cut loss ควรจะกระทำเมื่อประสบกับการขาดทุน 7 หรือ 8% ด้วย ฉะนั้นผมเชื่อว่าถ้าเราสามารถฝึกฝนปฏิบัติตามได้ ปัญหาที่บอกว่าตอนหุ้นตกแล้วน่าจะมีเงินสดเหลือบ้างก็ไม่น่าจะรุนแรงมากครับ จะว่าไปถึงตอนนี้อาจจะต้องมีเงินสดเหลือเิกินครึ่งแล้วก็เป็นได้ครับ
โดย
woody
พฤหัสฯ. ก.ย. 29, 2011 9:53 am
0
5
Re: case study bigc ผลประกอบการณ์ดีต่อเนื่อง ราคาลงตลอด
สรุปได้ว่า ผลประกอบการมันก็ไม่เกี่ยวกับราคาเสมอไป....
โดย
woody
พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2011 1:35 pm
0
6
Re: เราสามารถเล่นหุ้น ตปท. แบบ VI ได้หรือไม่ครับ?
รบกวนถามท่านผู้รู้ครับ เราสามารถซื้อแล้วถือเป็นเวลาข้ามนาน ๆ ได้หรือไม่ครับ? ผมไม่แน่ใจว่าถ้าเราซื้อแล้วไม่ขาย จะมี ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ รึเปล่าที่ไม่เหมือนหุ้นไทย อีกคำถามครับ ปัจจุบันมีแค่ ไอร่ากับฟิลลิป ที่ให้บริการใช่มั๊ยครับ? ซื้อแล้วถือนานๆ ได้ไหม ได้ครับ ไม่มีข้อจำกัดอะไร....แต่แม้ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร ก็มีความเสี่ยงในเรื่องค่าเงินที่ต้องระวัง ส่วนโบรคที่ให้บริการ KT-ZMICO ก็มีให้บริการครับ
โดย
woody
อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 12:38 pm
0
0
Re: พี่ๆเพื่อนๆใช้indictorตัวไหนสำคัญในการชี้นำU.S economyคร
ผมใช้ DJIA ไม่ก็ S&P-500 ครับ
โดย
woody
พุธ ก.ย. 14, 2011 1:33 pm
0
0
Re: ยกสุดท้าย GREECE ปะทะ THAILAND
ปัญหากรีซ ถ้าออกจาก EU ได้เมื่อไร ก็จะเริ่มเห็นแสงสว่างทางอุโมงค์ ขอคำอธิบายได้ไหมครับพี่ฉัตร คือผมมองว่ายังไงก็ต้องมีการอุ้มกรีซอยู่ดี คงไม่ปล่อยให้กรีซล้มไปได้ง่ายๆเพราะเจ้าหนี้คือยุโรป ผมมองไม่ทะลุเหมือนพี่อ่ะครับ เลยอยากได้คำอธิบายเป็นความรู้ครับ ผมเห็นว่าการที่กรีซยังใช้เงินสกุล Euro อยู่ทำให้ รัฐบาล ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซง ค่าเงินได้ เพราะเป็นสกุลเงินรวม แต่ถ้าหากกรีซใช้เงินสกุลตัวเอง ภาครัฐฯ ก็สามารถลดค่าเงินตนเอง (เหมือนลดราคาสินค้า) เพื่อที่จะได้ส่งออกมากขึ้น หรือ ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศมากขึ้น เพื่อนำเงินกลับเข้าประเทศมากขึ้น เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ แก้ไข เพิ่มเติม Greece's main industries are tourism, shipping , industrial products, food and tobacco processing, textiles, chemicals, metal products, mining and petroleum. Link. http://en.wikipedia.org/wiki/Economy_of_Greece ครับ คงไม่ฟื้นง่ายๆ หรือเปล่าครับ จากข้อมูลดังกล่าว?
โดย
woody
พุธ ก.ย. 14, 2011 1:32 pm
0
0
Re: ยกสุดท้าย GREECE ปะทะ THAILAND
ปัญหากรีซ ถ้าออกจาก EU ได้เมื่อไร ก็จะเริ่มเห็นแสงสว่างทางอุโมงค์ ขอคำอธิบายได้ไหมครับพี่ฉัตร คือผมมองว่ายังไงก็ต้องมีการอุ้มกรีซอยู่ดี คงไม่ปล่อยให้กรีซล้มไปได้ง่ายๆเพราะเจ้าหนี้คือยุโรป ผมมองไม่ทะลุเหมือนพี่อ่ะครับ เลยอยากได้คำอธิบายเป็นความรู้ครับ ผมเห็นว่าการที่กรีซยังใช้เงินสกุล Euro อยู่ทำให้ รัฐบาล ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซง ค่าเงินได้ เพราะเป็นสกุลเงินรวม แต่ถ้าหากกรีซใช้เงินสกุลตัวเอง ภาครัฐฯ ก็สามารถลดค่าเงินตนเอง (เหมือนลดราคาสินค้า) เพื่อที่จะได้ส่งออกมาขึ้น เอาเงิน นำเงินกลับเข้าประเทศมากขึ้น เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ Greece มีอะไรส่งออกหรือครับ?
โดย
woody
พุธ ก.ย. 14, 2011 12:32 pm
0
0
Re: บัฟเฟต์ พูด "หุ้นยิ่งลง ผมยิ่งซื้อ"
ขอบคุณที่นำมาลงให้นะครับ ทีนี้ลองมาอ่านตัวเต็มกันบ้าง แล้วลองมาพิจารณาดูว่าสภาพแวดล้อมของเรากับ Buffet มีที่เหมือนและต่างกันอย่างไรบ้าง แล้วค่อยนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับตัวเองอีกทีครับ http://finance.fortune.cnn.com/2011/08/11/warren-buffett-buy-stocks/
โดย
woody
ศุกร์ ส.ค. 12, 2011 3:03 pm
0
5
Re: มีใครสังเกตบ้าง แนวคิด value investment ในบ้าน tvi เรา..
ถ้าคุณหมอนิวเห็นว่าคนๆ นั้นไม่เหมาะสมที่จะทำงานเป็น Mod อีก ก็ Discredit ช่วงเลือกตั้งได้เต็มที่เลยครับ เพื่อไม่ให้คนๆ นั้นได้กลับมามีอำนาจอีก... คงไม่ต้องถึงขั้นนั้นมั้งครับ คุยกันด้วยเหตุผล ใช้หลักฐานดีกว่าครับ ใช้คำว่า discredit แล้วดูน่ากลัวกันจัง การเมืองยิ่งมาคุกันอยู่ ^^
โดย
woody
จันทร์ พ.ค. 16, 2011 11:14 pm
0
0
Re: VI กับการใช้ Margin
ส่วนเรื่องการจัดการเงินกู้ ผมคงไม่สามารถให้ความเห็นได้ครับ เพราะจากบริบทต่างๆ ที่ผ่านมาทำใ้ห้ผมเข้าใจว่าเวบบอร์ดแห่งนี้ไม่ส่งเสริมเนื้อหาด้าน money management และคิดว่าเนื้อหาดังกล่าวเป็นอันตรายต่อบอร์ดการลงทุนเ้น้นคุณค่าแห่งนี้ ฉะนั้นผมต้องใส่ Assumptions ว่าที่แห่งนี้จะเน้นเรื่องของ Stock Selection อย่างเดียวครับ น่าสนใจมากครับ พี่woody เรื่อง money management ความหมายของพี่ woody คืออะไรครับ ผมก็คิดอยู่นะครับ เรื่องการ cut loss เพื่อรักษาเงินต้น สรุปผมว่ามันเป็น style ของแต่ละคนนะ ส่วนตัวผม ก็เจ็บมากจากการ cut loss ไม่เป็นในช่วง sub prime ทำให้ capital หายไปพอสมควร พอมาย้อนมองดูแล้ว ก็อย่างว่า รู้งี้...รู้งี้...รู้งี้...555 ผมเลยเริ่มมาศึกษา หาหนังสืออ่านมากขึ้น และพยายามสร้างวินัยในรักษาเงินต้นมากขึ้น ไม่เจอกับตัวเองไม่รู้หรอกครับ...555 แต่บางคนใน web นี้ ผมถือว่า อึดมากๆ มีหลายคนที่ผมรู้จักด้วยครับ ขึ้นยังงัย ลงยังงัย ก็ยังไม่ขาย ไม่ว่าจะช่วง subprime หรือไม่ แต่จะขาย เมื่อราคาเกินพื้นฐานมามาก และก็ประสบความสำเร็จด้วย ผ่านช่วง subprime แบบไม่เจ็บตัว หรือเจ็บตัวแบบพอรับได้ ผมว่าอย่างคนพรรณอึดเหล่านี้ ก็ใช้ money management อีกแบบนึง (ซึ่งผมทำไม่ได้แน่นอน) ประมาณลงทุนกับบริษัท เป็นการให้ บลจ.เหล่านั้น manage money ของเราไปเรื่อยๆ สุดท้ายผมว่ามันก็อยู่ที่ style ของแต่ละคนครับ การย้ำทำในสิ่งที่ประสบความสำเร็จนั้นถูกต้องแล้วครับ หากคิดว่าต้องมีการปรับปรุงแก้ไข ก็ศึกษาเพิ่มเติม ปรับ style ที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด ผมว่าพี่กระทิงแดงคงทราบแล้วหล่ะครับว่ามันคืออะไร ผมก็เรียนมาด้วยบทเรียนราคาแพงเช่นกัน ถึงแม้จะไม่ได้มาจากเหตุการณ์ subprime ส่วนเรื่องนิยามของผมก็ตามที่โพสท์ครับ ไม่สามารถให้ความเห็นได้ ณ ที่นี้ครับเพราะเกรงว่าจะผิดกฎ หวังว่าจะเข้าใจผมนะครับ :P
โดย
woody
พุธ ก.พ. 16, 2011 11:44 am
0
0
Re: VI กับการใช้ Margin
รีบกันขนาดนั้นเลยหรือครับ? ถ้าบอกว่าไม่มีเงินเหลือ ก็คงต้องไปดูว่าบริหารเงินสดผิดพลาดหรือเปล่า ถ้าบอกว่าอยากได้กำไรเยอะๆ เร็วๆ ก็ต้องไปถามตัวเองต่อว่านี่คือวิถีของ vi ใช่หรือไม่ อันนี้ผมขอแชร์ความคิดของผมแบบนี้นะครับ ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าจริงๆแล้ววิธีแบบนี้เค้าเรียกว่า vi หรือเปล่า ผมคิดว่าการใช้ margin ไม่ได้เป็นการโลภหรือรีบเร่งอะไร เพราะในการลงทุนของผมเทียบกันได้กับการทำธุรกิจอันหนึ่ง ซึ่งธุรกิจโดยทั่วไป ไม่ว่าจะธุรกิจ SME หรือธุรกิจขนาดใหญ่ ก็ล้วนกู้เงินมาลงทุนด้วยกันทั้งนั้น จริงๆแล้วธุรกิจดังกล่าวถ้าจะเทียบความเสี่ยงกันแล้วผมคิดว่าเค้าเสี่ยงมากกว่าผมอีก เพราะถ้าหากว่าเราลงทุนไปแล้ว เกิดการผิดพลาด เราสามารถขายหุ้น รับผลขาดทุนนั้นได้เนื่องจากตลาดมันมีสภาพคล่อง แต่ในขณะที่ถ้าเราทำธุรกิจทั่วไป การจะขายสินทรัพย์ออกมาให้ได้เงินโดยเร็วนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ ด้วยเหตุผลอย่างที่ว่า คนอื่นๆเสี่ยงกว่าผมเยอะ ทำไมผมจะรับความเสี่ยงแบบนี้ไม่ได้หล่ะครับ อีกอย่างนึง ดอกเบี้ยที่ทางบริษัทหลักทรัพย์คิด ก็ถูกอย่างไม่น่าเชื่อ ก็อยู่ที่ 5% เท่านั้น (สำหรับของผมเอง) เทียบกับธุรกิจจริงที่เค้ากู้กันแล้ว ดอกของผมถูกกว่าเยอะครับ ทีนี้การที่จะกู้เงินมาลงทุน ก็จะต้องมีวิธีในการจัดการกะเงินกู้ของเราให้มากกว่าที่เราใช้เงินเย็นมาลงทุนด้วยอีกนิดหน่อย กลาวคือ เราต้อง limit ว่าเราจะกู้ไม่เกินเท่าไหร่ แล้วจะต้องรู้ว่า จุดที่จะโดน call โดน force มันอยู่ที่จุดไหน ดังตารางที่ผมโพสให้ดูณ ความคิดเห็นก่อน ก็น่าจะพอบอกได้ว่าถ้าเราใช้ margin ในจำนวนที่พอสมควร เช่นใช้ซัก 35% ของ E โอกาสที่จะถูก call นี่ยากมาก กรอบการลงทุนของผม เป็นแบบระยะยาวนะครับ ไม่ใช่การซื้อๆขายๆ คิดว่าถ้าเรามองกรอบการลงทุนไม่เหมือนกัน อาจจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการสื่อก็ได้ 1. ส่วนตัวผมคง ไม่เรียกว่า vi ครับ 2. เรื่องการใช้ margin ผมไม่ได้ถือว่าเป็นการโลภครับ แต่ผมว่ารีบแน่ๆ ส่วนเรื่องธุรกิจที่กู้นั้น ผมว่าที่เค้ากู้ได้เพราะส่วนใหญ่ต้องมีหลักประกันที่มันคงครับถึงแม้จะ liquidate ยากกว่าหลักทรัพย์ ซึ่งระหว่างราคาที่ดินกับหุ้นก็คงจะรู้กันดีกว่าอะไรมีความผันผวนมากกว่ากัน เพิ่มเติมคือ บางครั้ง Broker สามารถตัดวงเงินที่จะปล่อย margin แก้หุ้นตัวนั้นๆ ได้อย่างรวดเร็วทำให้เราต้องรีบเอาเงินไปเติม ฉะนั้นจะเอาไปเทียบกันตรงๆ คงไม่ได้ แต่ถ้าอยากจะได้เป็น Framework ใหญ่ๆ ก็พอได้แต่ต้องมี Caution ตัวใหญ่ไว้เตือนเสมอๆ ส่วนเรื่องการจัดการเงินกู้ ผมคงไม่สามารถให้ความเห็นได้ครับ เพราะจากบริบทต่างๆ ที่ผ่านมาทำใ้ห้ผมเข้าใจว่าเวบบอร์ดแห่งนี้ไม่ส่งเสริมเนื้อหาด้าน money management และคิดว่าเนื้อหาดังกล่าวเป็นอันตรายต่อบอร์ดการลงทุนเ้น้นคุณค่าแห่งนี้ ฉะนั้นผมต้องใส่ Assumptions ว่าที่แห่งนี้จะเน้นเรื่องของ Stock Selection อย่างเดียวครับ ส่วนกรอบการลงทุนระยะยาว หรือสั้นนั้น ผมเข้าใจครับที่คุณ newbie_12 ต้องการสื่อครับ แต่ผมว่าประเด็นนี้นั้นแล้วแต่ตัวบุคคลครับ ไม่มีใครมีสิทธิ์กำหนดว่าระยะเวลาใดคือยาว และเวลาใดคือสั้นครับ ยิ่งไปกว่านั้นหลายต่อหลายครั้งผมเห็นคนที่อ้างว่าลงทุนแบบระยะยาวซื้อขายบ่อยกว่าคนที่ลงทุนระยะกลางด้วยซ้ำไปครับ
โดย
woody
พุธ ก.พ. 16, 2011 11:04 am
0
0
Re: VI กับการใช้ Margin
ไม่น่าจะเกี่ยวกับรีบหรือไม่รีบ แต่ถ้าใช้ไม่เยอะมาก โอกาศโดน call หรือ force ก็น้อยจริงๆนะครับ ผมก็ใช้ margin ผ่าน subprime มาแบบสบายๆ ก็ถ้าไม่รีบ ทำไมถึงต้องใช้หรือครับ? ก็ลงทุนแบบไม่ต้องใช้ก็ได้ไม่ใช่หรือครับ อีกอย่างเรื่อง subprime ครั้งที่ผ่านมานี่มันตีกลับแบบตัววีครับ แต่ถ้าครั้งหน้าไม่ใช่หล่ะจะทำอย่างไร? ไม่ได้มีอะไรเป็นตัวการันตีว่าวิกฤติคราวหน้าจะจบช้าหรือเร็วครับ อีกอย่าง มันคงต้องดู wealth และ cashflow ประกอบด้วยครับว่าเหมาะขนาดไหน ปล. เก่งครับ ที่ผ่าน subprime พร้อม margin มาได้แบบสบายๆ
โดย
woody
พุธ ก.พ. 16, 2011 9:32 am
0
0
Re: VI กับการใช้ Margin
รีบกันขนาดนั้นเลยหรือครับ? ถ้าบอกว่าไม่มีเงินเหลือ ก็คงต้องไปดูว่าบริหารเงินสดผิดพลาดหรือเปล่า ถ้าบอกว่าอยากได้กำไรเยอะๆ เร็วๆ ก็ต้องไปถามตัวเองต่อว่านี่คือวิถีของ vi ใช่หรือไม่
โดย
woody
พุธ ก.พ. 16, 2011 12:13 am
0
0
Re: คำถาม Money Management ตกลง valid หรือไม่ใน web นี้ครับ
ผมคิดว่าไม่ valid นะ :mrgreen:
โดย
woody
อังคาร ก.พ. 15, 2011 8:36 pm
0
0
Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?
ถ้าไม่พอแล้วเราควรจะทำอย่างไรหรือครับพี่ densin ปล่อยไปตามหลัก Caveat Emptor? ส่วนเรื่อง blog ไม่ใช่ community .... พี่ densin อยากจะได้เชิง interactive ใช่ไหมครับ? ถ้าเจอแล้วเดี๋ยวผมจะมาบอกนะครับ ขอเวลานิดนึง ^^ ผมไม่ได้อยากได้วิธีไหนเป็นพิเศษ แต่คุณก็บอกแล้วว่าคนเลิกเตือน แต่ยังมีคนยังทำอยู๋จนถึงทุกวันนี้ แสดงว่าไม่พอ blogหมายถึงเจ้าของเวบเป็นคนตั้งเรื่อง สิทธิเหนือคนอื่นในการใส่content คนอื่นได้แต่comment ส่วนcommunityต้องมีการเท่าเทียมในการใช้ทรัพยากรพอสมควร ในการแลกเปลี่ยนความเห็น อะไรประมาณนั้น ครับ รู้ว่าไม่พอ แต่ถ้าไม่มี solutions ผมก็คิดว่าคงเป็นอย่างที่พี่ densin กังวลอยู่ต่อไปครับ ส่วนเรื่อง community ผมขอเสนออีกทางเลือกครับพี่ densin ลอง twitter ดูไหมครับ?
โดย
woody
อังคาร ก.พ. 15, 2011 2:45 pm
0
0
Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?
ผมว่ามีคนออกมาเตือนนะครับ แต่สิ่งที่ได้รับจากการเตือนแต่ละครั้งทำให้หลายๆท่าน ก็คงไม่อยากเืตือนต่อไปมากกว่า พี่ densin คิดว่าอย่างไรบ้างครับ? ส่วนเรื่องเวบแนวอื่นที่น่าสนใจ ผมขออนุญาตแนะนำพี่ densin ไปที่เวบนี้ครับ http://mangmaoclub.com/ มีครบทั้ง Method Mind และ Money Management ทั้งนี้ ถึง Method ระหว่าง Fundamental กับ Technical จะต่างกัน ผมว่าอีกสองส่วนก็สำคัญไม่แพ้กันครับ วิธีการบ่มสมาชิกใหม่ของสมัยก่อนกับสมัยนี้มันต่างกันมาก คุณwoodyอยู่มานานน่าจะสังเกตุได้ ไม่ว่าวิธีหาหุ้น การวิเคราะห์ การพยายามให้เพื่อนๆซื้อตามเร็วๆ ไม่แน่ใจว่าการเตือนมีอยู่ในระดับไหน แต่ที่แน่ๆไม่พอ ส่วนเรื่อง mangmaoclub เป็นแนวเวบblogการลงทุน ไม่ใช่แนวcommunity ครับ แต่ผมก็เข้าบ่อยๆนะ ถ้าไม่พอแล้วเราควรจะทำอย่างไรหรือครับพี่ densin ปล่อยไปตามหลัก Caveat Emptor? ส่วนเรื่อง blog ไม่ใช่ community .... พี่ densin อยากจะได้เชิง interactive ใช่ไหมครับ? ถ้าเจอแล้วเดี๋ยวผมจะมาบอกนะครับ ขอเวลานิดนึง ^^
โดย
woody
อังคาร ก.พ. 15, 2011 2:18 pm
0
0
Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?
เรื่องโพสกันทุกวันพยายามให้หุ้นตัวเองactive เป็นสิ่งที่thaiviยุคหลังๆหลงผิดจริงๆ เป็นการหาปัจจัยพื้นฐานระยะสั้น หลายครั่งสั้นกว่าพวกเก็งกำไรซะอีก ไม่มีใครออกมาเตือน เมื่่อถืงเวลาก็ต้องรับกรรมไป เรื่องแนวอื่นผมไม่ได้รังเกียจ แต่แปลกใจที่ทำไมไม่มีใครคิดจะทำเวบดีๆสำหรับแนวอื่นๆบ้าง เผื่อผมจะไปเกาะเป็นแมงเม่าแนวอื่นๆบ้าง ผมว่ามีคนออกมาเตือนนะครับ แต่สิ่งที่ได้รับจากการเตือนแต่ละครั้งทำให้หลายๆท่าน ก็คงไม่อยากเืตือนต่อไปมากกว่า พี่ densin คิดว่าอย่างไรบ้างครับ? ส่วนเรื่องเวบแนวอื่นที่น่าสนใจ ผมขออนุญาตแนะนำพี่ densin ไปที่เวบนี้ครับ http://mangmaoclub.com/ มีครบทั้ง Method Mind และ Money Management ทั้งนี้ ถึง Method ระหว่าง Fundamental กับ Technical จะต่างกัน ผมว่าอีกสองส่วนก็สำคัญไม่แพ้กันครับ
โดย
woody
อังคาร ก.พ. 15, 2011 2:08 pm
0
0
Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?
ขอเพิ่มอีกข้อว่า ท่านชอบซื้อของใช้ ในราคาส่วนลดหรือราคาพรีเมี่ยม ......,..ถ้าท่านแย้งว่านั่นของใช้ เอาใหม่ก็ได้ สมมุติว่าท่านจะซื้อห้องแถวให้คนอื่นเช่า มีคนเช่าค่อนข้างชัวร์ในราคา20000ต่อห้อง และขึ้นค่าห้องเช่าทุกปีปีละ10เปอร์เซนต์ วันนี้มีคนขายให้ท่านห้องละ2.4ล้าน ผลตอบแทนได้10% ผ่านไป1ปี เกิดวิกฤต ค่าเช่าลดลงเหลือ 18000 ตึกข้างๆกันมีคนอยากขาย ขายในราคา2.0 ท่านจะซื้อตึกข้างๆเพิ่มหรืออยู่เฉยๆหรือติดป้ายขายห้องในราคา2ล้านตามเขา สวัสดีครับพี่ naris ไม่ได้เห็นพี่โพสท์บ่อยๆ เหมือนเคย หวังว่าพี่ยังคงสุขภาพแข็งแรงดีเช่นเคยนะครับ :D อ่านตัวอย่างตรรกะของพี่ naris ด้านบนแล้ว ผมก็คงตอบว่าซื้อตึกข้างๆ เพิ่มแน่นอนครับ ...แต่........ ผมเกิดข้อสงสัยในใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยกับตัวอย่างสถานการณ์ข้างต้นครับ และขอเรียนปรึกษาพี่ naris ดังนี้ครับ 1. Money Management ผมว่าเหตุการณ์ที่ยกมา ยังไม่ได้ใส่ Assumption เรื่องของเงินสดที่มีอยู่ในมือ เกิดมีนักลงทุนใหม่ๆ ที่สนใจในแนว vi และเข้าใจผิดว่าเราจะสามารถหาเงินสดมาซื้อตึกข้างๆ ได้ตลอดเวลา ผมเกรงว่าคำตอบที่จะต้องซื้อตึกข้างๆ นั้นอาจจะไม่ได้เป็นคำตอบที่ควรเลือกเสมอไปเสียแล้วหรือเปล่าครับ 2. ปัจจัยเสี่ยง เราจะทราบได้อย่างไรครับว่า วิกฤติมันจะเกิดเพียงแค่ปีเดียว ถ้าปีถัดไปวิกฤติยังคงต่อเนื่องค่าเช่าลดลงต่อไปอีก หรือคนเช่าไม่สามารถจ่ายค่าเช่าให้เราได้แล้ว ที่คิดว่าเป็นไปได้ก็เพราะตอนแรกโจทย์บอกว่าค่าเช่า 20K ค่อนข้างชัวร์ แต่ปีถัดไปมันดันลดเหลือ 18K เสียนี่ มากไปกว่านั้นถ้าวิกฤติมันนานพอที่จะฉุดดึงราคาตึกทั้งแถบลงมาเหลือเพียง 1.4M พี่ว่าจะเป็นการดีหรือไม่ถ้าเราขายตึกของเราไปก่อนตอน 2M 3. โอกาสและต้นทุนเสียโอกาส เหตุการณ์ที่ยกตัวอย่างด้านบนดู เหมือนว่าจะเป็นระบบปิดเกินไป อาจไม่ตรงกับสภาพโลกแห่งความเป็นจริงนักในแง่ที่ว่าเรามีสิทธิ์เลือกตึกแห่งนี้เพียงแห่งเดียวเท่านั้นหรือเปล่าครับ เกิดสมมติว่าด้วยวิกฤติที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความผันผวนในตลาดจนทำให้คนเริ่มใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลขายตึกอีกแห่งหนึ่งที่มี location ที่ดีกว่า มีศักยภาพมากกว่าในราคาที่เท่ากัน หรือถูกกว่า จะเป็นการดีหรือไม่ถ้าเราตั้งขายตึกของเราแล้วไปซื้อตึกนั้น ด้วยหลักการเดียวกัน หุ้นในตลาดมีมากกว่าห้าร้อยตัว หลายต่อหลายครั้งหุ้นที่ตกไม่ใช่หุ้นที่เราถือครองเพียงตัวเดียวแต่อาจจะมีหุ้นดีๆ อื่นๆ ที่ตกมากกว่าก็เป็นได้ ที่คิดสถานการณ์แบบนี้ออกเพราะเคยเห็นจากชีวิตการลงทุนของพี่ๆ vi ที่ผมนับถือหลายคนซึ่งก็ไม่เคยปฏิเสธการ switch หุ้นเมื่อเห็นว่าหุ้นอีกตัวหนึ่ง undervalue มากกว่า เช่นกันครับ ท้ายนี้ก็ขอขอบคุณพี่ naris อีกครั้งที่ช่วยเสียสละเวลามาแบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ดีๆ ให้กับ น้องๆ อย่างเสมอมาครับ สวัสดีครับwoody ไม่ได้คุยกันนานมากแล้วนะครับ พี่คิดว่าการเคลื่อนไหวของเรื่องราวต่างๆในโลกเริ่มมาจากแนวคิดทั้งสิ้น แนวคิดทุกๆอย่างไม่มีถูกหรือผิดทั้งหมด ทุกๆแนวคิดจะมีจุดอ่อนและจุดแข็งในตัวของมันเอง เสมือนหยิบด้ามพล้าก็ต้องติดตัวพล้าฉันใดฉันนั้น การยกตัวอย่างมันต้องเป็นระบบปิด เพราะเราไม่สามารถใส่แฟกเตอร์ต่างๆได้ครบถ้วน แต่ยังไงเราก็ยังต้องมีตุ๊กตาไว้เป็นสิ่งที่สมมุติเพื่อการศึกษาและทำความเข้าใจในเรื่องนั้นๆ ในกรณีนี้น้องเขาถามหลักการทางการลงทุนในเวป thaivi.org ซึ่งเป็นเวปที่ส่งเสริมการลงทุนโดยดูจากพื้นฐานของกิจการ ไม่ใช่เวปที่สอนดูฟันโฟลว์หรือเวปแนวเทคนิค(ซึ่งถ้าในเวปประเภทนั้น ถ้าพี่เข้าไปตอบก็คงจะตอบอีกรูปแบบอย่างแน่นอน) และถ้าถามถึงนิสัยส่วนตัวของพี่เอง พี่ก็ชอบอะไรที่มีเหตุมีผล ความรู้พี่สามารถแกะได้ ไม่ซับซ้อน และที่ผ่านชีวิตค้าขายมาตั้งแต่ ม.2 รับซื้อมะม่วงจากชาวบ้าน ไปขายตลาดมหานาค ประสบการณ์ธุรกิจกว่า2โหลปี ชีวิตได้ผ่านการทำธุรกิจมาหลายรูปแบบ ผ่านมาทั้งความสำเร็จและล้มเหลว เลยคิดว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาพอมีประโยชน์ในการมองหุ้นในเชิงหุ้นส่วนธุรกิจ มุมมองของพี่จึงคิดว่าวิธีที่เหมาะสมและน่าจะดีที่สุดของพี่ คือการมองหุ้นในเชิงการลงทุน ไม่ใช่มองในเชิงการไหลของเม็ดเงิน หรือเชิงเทคนิค ผมเข้าใจนะเริ่มต้นมันก็ขึ้นกับพื้นฐาน แต่มันก็ต้องมีสมมุติฐานและองค์ประกอบอื่นในการเอาตัวรอดหรือในการเพิ่มโอกาสหรือศักยภาพในการบริหารจัดการ woodyเค้าไม่ได้พูดถึงfund flowหรือแนวเทคนิคอะไรเลยนะ ตอนวิกฤติต้มยำกุ้ง คุณตันเคยขายตึกแถวเพื่อมาแก้วิกฤติ ผ่านมา10กว่าปีไปซื้อคืนยังได้ราคาเดิม เคสนี้เห็นชัดๆเลยครับ เวลาที่เกิดวิกฤติขึ้นมา ถ้าบริหารเงินไม่ดี เอาแต่เก็บทรัพย์สินที่ด้อยค่าหรือตกต่ำ ถ้ายังดันทุรังไปซื้อเพิ่มเพราะคิดว่ามันถูก ผมว่าเจ๊งนะ จะว่าไปเคสนี้ช่วงต้มยำกุ้งนี่เห็นชัดมาก มันมี2เคสคือ 1.คนที่จำเป็นต้องขายขาดทุน คือสินทรัพย์ราคาเท่าไหร่ ก็จำเป็นต้องขายเพราะสภาพคล่องหรือหนี้สิน 2.คนที่มาซื้อเก็บจากคนที่ขาดทุนนั่นแหละ จะเรียกว่าตาถึงก็ได้ แต่ถามว่าคนที่1 ผิดไม๊ ผมว่าไม่ผิดนะ ถ้าไม่ขายวันนั้น ผมว่าอาจจะแย่นะ ส่วนคนที่2 ก็มีทั้งซื้อถูกไปขายแพงได้ กับ ซื้อถูกไปขายถูกเท่าเดิม เช่นคนซื้อตึกคุณตัน ผมว่าถ้าให้ชัดก็ต้องบอกว่าคนบริหารเงินคุณอย่างไร ถ้าหุ้นตกมาเยอะๆแล้ว คุณจำเป็นต้องขายไม๊ ถ้าไม่ขาย คุณคิดว่าคุณเสียโอกาสไม๊ ถ้ามีลู่ทางที่ดีกว่า ถาจะซื้อเพิ่ม คุณมั่นใจแค่ไหนว่าสิ่งที่จะเอาเพิ่มดีพอ ขอบคุณพี่นันที่ช่วยมาขยายความหมายของคำถามครับ ผมคงจะสื่อความหมายผ่านตัวอักษรไม่ดีเอง ได้ตัวสีแดงที่พี่ช่วยกำกับไว้้ข้างหน้าทำให้ภาพของคำถามชัดเจนขึ้นอีกเยอะมากครับ
โดย
woody
อังคาร ก.พ. 15, 2011 9:50 am
0
0
Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?
ผมเชื่อว่า... ความสามารถที่แท้จริงของบัฟเฟต ไม่ใช่ความสามารถในการเลือกหุ้น หรือการซื้อขายหุ้น แต่เป็นความสามารถในการปฎิเสธโอกาสในการลงทุนที่เขาไม่เข้าใจมากกว่าครับ... :D ขอเสริมนิดนึงได้ไหมครับว่านอกจากที่พี่ picatos กล่าวแล้ว ความสามารถอีกส่วนหนึ่งของ Buffet คือ เค้ามีเงินที่พร้อมจะซื้อได้ตลอดเวลา อืม... ผมว่าที่เค้ามีเงินเหลือนี่น่าจะเป็นช่วงหลังๆ มากกว่านะครับ น่าจะเป็นสภาวะมากกว่าความสามารถ อย่าในช่วงแรกๆ ที่พอร์ตเค้ายังเล็กอยู่ก็ไม่น่าจะมีเงินเหลือเยอะแบบนี้ มาเยอะตอนได้ float จากเบี้ยประกัน แล้วหาหุ้นที่น่าสนใจลงไม่ได้ เอาให้ชัวร์ถามพี่ WEB ดีกว่า ได้ครับพี่ picatos ^^
โดย
woody
จันทร์ ก.พ. 14, 2011 9:17 pm
0
0
Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?
ผมเชื่อว่า... ความสามารถที่แท้จริงของบัฟเฟต ไม่ใช่ความสามารถในการเลือกหุ้น หรือการซื้อขายหุ้น แต่เป็นความสามารถในการปฎิเสธโอกาสในการลงทุนที่เขาไม่เข้าใจมากกว่าครับ... :D ขอเสริมนิดนึงได้ไหมครับว่านอกจากที่พี่ picatos กล่าวแล้ว ความสามารถอีกส่วนหนึ่งของ Buffet คือ เค้ามีเงินที่พร้อมจะซื้อได้ตลอดเวลา
โดย
woody
จันทร์ ก.พ. 14, 2011 9:01 pm
0
0
Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?
บทสรุปในใจของผมเมื่อสามวันก่อนที่โพสท์กระทู้นี้ สัมฤทธิ์ผลแล้วครับ สามารถดึงคนที่คิดต่าง มือเก่า ที่ไม่ค่อยโพสท์ มาเพิ่มtrafficให้ thaivi.org ได้เป็นผลสำเร็จ ขอบคุณทุกท่านสำหรับความคิดเห็นและการกลับเข้ามาเวป thaivi.org อีกครั้งครับ :mrgreen: ไม่ทราบว่าพี่ naris อยากให้เป็นแบบ recurring หรือเปล่าครับ ?
โดย
woody
จันทร์ ก.พ. 14, 2011 8:43 pm
0
0
Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?
โอ้ว... โชคดีจังได้ผ่านมาอ่านความเห็นของพี่ mprandy... ช่วงที่ผ่านมา ผมได้ยินได้ทราบ กลยุทธ์ แนวทางการลงทุนของพี่หมอที่เปลี่ยนไป แทบจะเป็นตรงกันข้ามกับที่ผมเคยรู้มา... ผมก็แปลกใจว่าทำไมแนวคิดคนเราถึงเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้... ขอบคุณครับ... :bow: :bow: :bow: ผมก็เป็นอีกคนนึงที่ติดตามผลงานของพี่ mprandy มาตลอด ผมมีความเห็นว่าแนวทางของพี่หมอไม่ได้เปลี่ยนแบบตรงกันข้ามแต่อย่างใดเลยครับ แต่หมือนกับการได้ต่อยอดซึ่งเกิดจากทัศนคติที่ดีที่ไม่เคยปิดรับสิ่งใหม่ๆ มากกว่า
โดย
woody
จันทร์ ก.พ. 14, 2011 5:18 pm
0
0
Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?
ในกรณีนี้น้องเขาถามหลักการทางการลงทุนในเวป thaivi.org ซึ่งเป็นเวปที่ส่งเสริมการลงทุนโดยดูจากพื้นฐานของกิจการ ไม่ใช่เวปที่สอนดูฟันโฟลว์หรือเวปแนวเทคนิค(ซึ่งถ้าในเวปประเภทนั้น ถ้าพี่เข้าไปตอบก็คงจะตอบอีกรูปแบบอย่างแน่นอน) พี่เลยจำเอามาเป็นสิ่งเตือนพี่อยู่บ่อยๆ ว่าจงสอนคนที่เขามีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว ไม่ใช่ล้นแก้วหรือคว่ำแก้วไม่ยอมรับครับ เลยเป็นสาเหตุที่ไม่ค่อยโพสท์ครับ น้องwoody ไม่ได้คุยกันนานแต่ผมก็ติดตามผลงานของพี่ naris เสมอมาครับ ได้ฟังประสบการณ์ชีวิตพี่ naris แล้วผมเลิกไม่แปลกใจเลยครับว่าการลงทุนในหุ้นโดยอาศัยพื้นฐานนั้น เหมาะกับพี่มากจริงๆ เพราะเสมือนว่าได้รับการขัดเกลาและอยู่ในสายเลือดพี่ naris ไปเรียบร้อยแล้ว คำตอบที่พี่ naris ให้มาทำให้ผมทราบแล้วครับว่าการลงทุนแบบการลงทุนในกิจการคืออะไร ส่วนเรื่องน้ำเต็มแก้วครึ่งแก้วนี่ ผมได้ยินเป็นประจำจากพี่ mprandy เหมือนกันครับ Great minds think alike จริงๆ
โดย
woody
เสาร์ ก.พ. 12, 2011 11:06 pm
0
0
Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?
ขอเพิ่มอีกข้อว่า ท่านชอบซื้อของใช้ ในราคาส่วนลดหรือราคาพรีเมี่ยม ......,..ถ้าท่านแย้งว่านั่นของใช้ เอาใหม่ก็ได้ สมมุติว่าท่านจะซื้อห้องแถวให้คนอื่นเช่า มีคนเช่าค่อนข้างชัวร์ในราคา20000ต่อห้อง และขึ้นค่าห้องเช่าทุกปีปีละ10เปอร์เซนต์ วันนี้มีคนขายให้ท่านห้องละ2.4ล้าน ผลตอบแทนได้10% ผ่านไป1ปี เกิดวิกฤต ค่าเช่าลดลงเหลือ 18000 ตึกข้างๆกันมีคนอยากขาย ขายในราคา2.0 ท่านจะซื้อตึกข้างๆเพิ่มหรืออยู่เฉยๆหรือติดป้ายขายห้องในราคา2ล้านตามเขา สวัสดีครับพี่ naris ไม่ได้เห็นพี่โพสท์บ่อยๆ เหมือนเคย หวังว่าพี่ยังคงสุขภาพแข็งแรงดีเช่นเคยนะครับ :D อ่านตัวอย่างตรรกะของพี่ naris ด้านบนแล้ว ผมก็คงตอบว่าซื้อตึกข้างๆ เพิ่มแน่นอนครับ ...แต่........ ผมเกิดข้อสงสัยในใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยกับตัวอย่างสถานการณ์ข้างต้นครับ และขอเรียนปรึกษาพี่ naris ดังนี้ครับ 1. ผมว่าเหตุการณ์ที่ยกมา ยังไม่ได้ใส่ Assumption เรื่องของเงินสดที่มีอยู่ในมือ เกิดมีนักลงทุนใหม่ๆ ที่สนใจในแนว vi และเข้าใจผิดว่าเราจะสามารถหาเงินสดมาซื้อตึกข้างๆ ได้ตลอดเวลา ผมเกรงว่าคำตอบที่จะต้องซื้อตึกข้างๆ นั้นอาจจะไม่ได้เป็นคำตอบที่ควรเลือกเสมอไปเสียแล้วหรือเปล่าครับ 2. เราจะทราบได้อย่างไรครับว่า วิกฤติมันจะเกิดเพียงแค่ปีเดียว ถ้าปีถัดไปวิกฤติยังคงต่อเนื่องค่าเช่าลดลงต่อไปอีก หรือคนเช่าไม่สามารถจ่ายค่าเช่าให้เราได้แล้ว ที่คิดว่าเป็นไปได้ก็เพราะตอนแรกโจทย์บอกว่าค่าเช่า 20K ค่อนข้างชัวร์ แต่ปีถัดไปมันดันลดเหลือ 18K เสียนี่ มากไปกว่านั้นถ้าวิกฤติมันนานพอที่จะฉุดดึงราคาตึกทั้งแถบลงมาเหลือเพียง 1.4M พี่ว่าจะเป็นการดีหรือไม่ถ้าเราขายตึกของเราไปก่อนตอน 2M 3. เหตุการณ์ที่ยกตัวอย่างด้านบนดู เหมือนว่าจะเป็นระบบปิดเกินไป อาจไม่ตรงกับสภาพโลกแห่งความเป็นจริงนักในแง่ที่ว่าเรามีสิทธิ์เลือกตึกแห่งนี้เพียงแห่งเดียวเท่านั้นหรือเปล่าครับ เกิดสมมติว่าด้วยวิกฤติที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความผันผวนในตลาดจนทำให้คนเริ่มใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลขายตึกอีกแห่งหนึ่งที่มี location ที่ดีกว่า มีศักยภาพมากกว่าในราคาที่เท่ากัน หรือถูกกว่า จะเป็นการดีหรือไม่ถ้าเราตั้งขายตึกของเราแล้วไปซื้อตึกนั้น ด้วยหลักการเดียวกัน หุ้นในตลาดมีมากกว่าห้าร้อยตัว หลายต่อหลายครั้งหุ้นที่ตกไม่ใช่หุ้นที่เราถือครองเพียงตัวเดียวแต่อาจจะมีหุ้นดีๆ อื่นๆ ที่ตกมากกว่าก็เป็นได้ ที่คิดสถานการณ์แบบนี้ออกเพราะเคยเห็นจากชีวิตการลงทุนของพี่ๆ vi ที่ผมนับถือหลายคนซึ่งก็ไม่เคยปฏิเสธการ switch หุ้นเมื่อเห็นว่าหุ้นอีกตัวหนึ่ง undervalue มากกว่า เช่นกันครับ ท้ายนี้ก็ขอขอบคุณพี่ naris อีกครั้งที่ช่วยเสียสละเวลามาแบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ดีๆ ให้กับ น้องๆ อย่างเสมอมาครับ
โดย
woody
เสาร์ ก.พ. 12, 2011 3:56 pm
0
0
Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?
@thaloengsak ผมทำใจได้ถึงระดับนึงตามที่ยอมรับได้ครับ มากกว่านั้นผมทำไม่ได้ครับ ^^ ซื้อแพง ขายถูก เลิกเล่นหุ้นเถอะครับ http://images.temppic.com/12-02-2011/images_vertis/1297477867_0.42319900.jpg นักเก็งกำไร ^^^ ขยับ ทุกการเคลื่อนไหวของราคา แต่นักลงทุนเขานิ่ง ขยับเมื่อกิจการเคลื่อนไหวครับ พี่ dome@perth ครับ นิยามนักเก็งกำไรของพี่คืออะไรหรือครับ หมายถึงคนที่ขยับทุกการเคลื่อนไหวของราคาอย่างนั้นหรือเปล่าครับ? ถ้าใช่ผมขออนุญาตแลกเปลี่ยนประสบการณ์ส่วนตัว ที่เคยได้พบปะกับ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ หลายคนที่เค้ายอมรับว่าเค้าเป็นนักเก็งกำไรซักเล็กน้อยนะครับ เค้าไม่เคยบอกผมว่าเค้าจำเป็นต้องขยับทุกการเคลื่อนไหวของราคาเพราะทุกครั้งที่เค้าซื้อเค้าจะต้องมีการคิด Risk/Reward ของเค้าแล้วว่าเป็นเท่าใดผ่านระบบที่ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เค้าจะต้องรู้ว่า upside ของเค้า เทียบกับ downside คุ้มค่าหรือมี value พอหรือไม่ จะขยับก็ต่อเมื่อระบบของเค้าบอกว่าให้ขยับเท่านั้น ครับ อีกเรื่องนึงครับพี่ dome@perth ผมว่ากิจการเคลื่อนไหวตลอดเวลาครับ เพราะกิจการนั้นแท้จริงแล้วมีทรัพยากรมนุษย์เป็นแกนกลางสำคัญ และคนก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลวัตรตลอดเวลาซึ่งแน่นอนมันจะส่งผลย้อนกลับไปที่ตัวกิจการด้วย แต่จะมากหรือน้อยก็คงต้องรอ trigger point ที่สำคัญที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงด้วยครับ พื้นฐานหรือความเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้เกิดเพียงชั่วช้ามคืนเหมือนราคาหุ้นที่บางวันอยู่ดีๆ ก็โดนไล่หรือทุบลงมา แต่มันค่อยๆ สะสมวันละเล็กละน้อยครับจนใหญ่พอเป็น snowball effect หล่ะครับ
โดย
woody
เสาร์ ก.พ. 12, 2011 2:57 pm
0
0
Re: กระทู้สนทนา แลกเปลี่ยน รวบรวมข้อมูล และ แนวทางเกี่ยวกับ
ผมก็เสียหายจากการกระทำที่ไร้จริยธรรมเช่นนี้ของผู้บริหารและการไม่ควบคุมกฎของ กตล. และ ตลท. ทีได้รับข้อมูลแล้วไม่เผยแพร่ให้ทราบครับ ทำเช่นนี้แล้วต่อไปจะเชื่อมั่นในตลาดได้อย่างไร จะดำเนินการอย่างไร ผมช่วยเต็มที่เลยครับ ตามข้อมูลที่ผมมีอยู่ตอนนี้ เข้าใจว่าหน่วยงานที่ดูแลและกำกับเรื่องนี้อยู่คือสำนักงาน ก.ล.ต. ครับ http://www.sec.or.th/securities_issuance/Content_0000000169.jsp?categoryID=CAT0000066
โดย
woody
เสาร์ ก.พ. 12, 2011 2:21 pm
0
0
Re: กระทู้สนทนา แลกเปลี่ยน รวบรวมข้อมูล และ แนวทางเกี่ยวกับ
ตอนนั้นเค้าได้มาจาก sumitomo ที่กี่บาทครับ 3.8 Baht I think http://www.ryt9.com/s/iq10/874520
โดย
woody
เสาร์ ก.พ. 12, 2011 1:51 am
0
0
Re: ถ้าจะเป็น VI จะต้องเรียนรู้วิธีการ cut loss ไหมครับ?
คิดว่าถ้าใช้แนวทาง vi แล้วการวิเคราะห์จะมีความถูกต้อง 100% หรือจะไม่ผิดเลยหรือไม่ครับ? อีกอย่างคือ การเลือกหุ้นแบบ vi แต่ต้องถามว่าใจนี่ vi ด้วยขนาดไหนครับ? และท้ายที่สุดคิดว่าการเป็น vi คือการเลือกหุ้นอย่างเดียวหรือเปล่าครับ?
โดย
woody
อังคาร ก.พ. 01, 2011 10:15 am
0
0
Re: ไม่เข้าใจ ดัชนีขึ้นมากขนาดนี้ หุ้นพื้นฐานดีๆ อนาคตดีๆไม่
[quote="croyoty"]โลกไม่ยุติธรรมเลย สรุปการลงทุนให้ได้มากเกาะกระแสฟันโฟวดีกว่า การดื้อด้านจะเป็น VIๆๆ ถือตัวพื้นฐานดีอนาคตใช้ได้ ตัวเล็ก ฝรั่งไม่รู้จักไม่ซื้อ รายย่อยนักเก็งกำไร เดย์เทรด ก็ไปเล่นตัวใหญ่หมด แล้วมันจะได้ประโยชน์อะไรบ้างเล่า ที่มัวแต่บ้าบอถือแต่ตัวเล็กพื้นฐานดีหรืออนาคตดี
โดย
woody
พฤหัสฯ. ต.ค. 14, 2010 9:12 am
0
0
การลงทุนมีความเสี่ยว...
"เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ ให้หายเหนื่อยล้า สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สังคมทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ " "No one can make you feel inferior without your permission." --Eleanor Roosevelt
โดย
woody
พฤหัสฯ. ก.ย. 16, 2010 9:06 am
0
0
การลงทุนมีความเสี่ยว...
ควรเปลี่ยนชื่อกระทู้ เพราะอะไรหรือครับ :?:
โดย
woody
พฤหัสฯ. ก.ย. 16, 2010 12:24 am
0
0
การลงทุนมีความเสี่ยว...
สาวกอ่านแล้วฮามาก ชอบมากฮาฟฟฟ :lovl: :lovl: ได้มีโอกาสเจอรถอยู่คันนึง ไม่ยอมติดสติกเกอร์ซะที สงสัยกลัวโดนทุบ "รถน้องคันนี้ พี่สเต๊ปปี้ให้มา" :lovl: เห็นรถคันนี้แล้วเหมือนกันครับ สวยมาก แต่ได้ข่าวว่าพี่เค้ากำลังจะถอยรถอีกคันเพื่อเอา iPod ให้ภรรยานะครับ :mrgreen:
โดย
woody
พุธ ก.ย. 15, 2010 2:57 pm
0
0
เบื่องานจะลาออกมาลงทุนหุ้นคุณค่าแต่กลัว....
ผมคิดว่าลองจินตนการว่าตัวเองลงทุนอยู่ในปี 2008 นะครับ แล้วถ้าไม่ทำงานประจำเราจะสามารถเลี้ยงตัวเองได้หรือเปล่า อืมมม ผมว่า 2008 ก็อาจจะดีเกินไป ถ้าเป็นปี 1997 แล้วหลังจากนั้นหุ้นก็นิ่งๆ อีกซักพัก เราจะเลี้ยงตัวเองได้หรือไม่จากสภาวะตลาดหุ้นย่ำแย่เรื้อรัง
โดย
woody
ศุกร์ ส.ค. 20, 2010 12:12 am
0
0
Re: ตาราง OPP DAY ใหม่ออกแล้วครับ
ตามลิงค์นี้ http://www.set.or.th/th/company/oppday/files/OppDay_Q1_53_Esplanard.pdf ปัญหาคือ ผมไม่เคยไปห้องสมุดมารวยที่ว่านี้ครับ อยู่ตรงไหนเอ่ย ศูนย์การค้า Esplanade รัชดาครับ ถ้าไปด้วย MRT ก็ขึ้นตรงสถานีศูนย์วัฒนธรรมครับ อยู่ชั้นสามนะครับ ถ้าจำไม่ผิด
โดย
woody
อังคาร พ.ค. 25, 2010 12:50 am
0
0
Re: ฟุตบอลโลกกกกกก
[quote="ก้อนหิน"][quote="woody"][quote="ก้อนหิน"]ฟุตบอลโลกจะมาถึงแล้วนะครับ เชียร์ทีมไหนกับบ้างเอ่ย ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าจะเชียร์ทีมไหนดี
โดย
woody
เสาร์ พ.ค. 22, 2010 1:24 am
0
0
แมตซ์ไหนที่คุณว่า "สุดยอดที่สุด" ?
One Night in Istanbul ว๊า มันจะมีแค่คืนเดียวแล้วไม่มีอีกเลยหรือครับ ฮิฮิ :twisted:
โดย
woody
ศุกร์ พ.ค. 21, 2010 11:13 pm
0
0
มาเล่นเทนนิสกันเถอะ
[quote="Joga Bonito"]มาเล่นกัน ที่คอร์ต จุฬาได้นะครับ ผมตีทุกวัน อังคาร กับ พฤหัส ตอนเย็น กับ เสาร์ เช้าครับ ที่นี่มี 10 คอร์ต ไม่มีการจอง ต้องไปถึง ถ้าว่างก็ลงได้เลย ถ้าไม่ว่าง ก็ไปหาอะไรกิน สวนหลวงก่อน แล้วกลับมาตี คุณ Picklife สนใจ สมัครมั้ยครับ เดี๋ยวติดต่อให้ไปเรียน คอร์ส พื้นฐานก่อน
โดย
woody
ศุกร์ พ.ค. 21, 2010 11:12 pm
0
0
Re: ฟุตบอลโลกกกกกก
[quote="ก้อนหิน"]ฟุตบอลโลกจะมาถึงแล้วนะครับ เชียร์ทีมไหนกับบ้างเอ่ย ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าจะเชียร์ทีมไหนดี
โดย
woody
ศุกร์ พ.ค. 21, 2010 11:11 pm
0
0
บริษัทจดทะเบียนที่ได้ผลกระทบจากการชุมนุม
MIPF
โดย
woody
พฤหัสฯ. พ.ค. 20, 2010 9:02 pm
0
0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
เห็นมี SCNYL กับ BLA แล้ว..... แล้วของKBANKมีไหมครับ???? มีเมืองไทยประกันชีวิต แต่ไม่เข้าตลาดฯ ครับ
โดย
woody
พฤหัสฯ. ม.ค. 28, 2010 9:27 am
0
0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
ผมว่าข่าวข้างต้นนี่หัวข้อ misleading นะครับ เป็นบริษัทมหาชนไม่จำเป็นว่าจะต้องเข้าจะทะเบียนเป็น listed company ซักหน่อย
โดย
woody
จันทร์ ม.ค. 18, 2010 2:26 pm
0
0
Re: คิดเห็นยังไง!!! กับคนที่ชอบเปลียน login ใหม่ๆไปเรื่อยๆ
เนื่องจากช่วงนี้เห็นมีหลายคนที่เปลียนชื่อ login ใหม่แล้วมา post ใน thaivi เหมือนเดิม โดยที่ไม่บอกว่าอดีตคือใคร คิดว่าเขามีเจตนาอะไร แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างครับ :roll: Substance over form ครับ ผมว่าเราควรจะดูเนื้อหาการโพสท์มากกว่า :D
โดย
woody
จันทร์ ม.ค. 18, 2010 2:24 pm
0
0
Bias หมายความว่า ความลำเอียง
คงเหมือนหนังเรื่อง 21 ละครับที่พระเอกใช้ความน่าจะเป็นในการเลือกประตู3 บาน เค้าเชื่อในหลักสภิติและความน่าจะเป็นมากกว่าความรู้สึกตัวเอง พูดง่ายแต่ทำยาก-_- ขอเปลี่ยนประตูครับ :D
โดย
woody
อังคาร ม.ค. 12, 2010 1:37 am
0
0
เดอะแบงค์เกอร์ยก"กรณ์"รมว.คลังโลกและเอเซียปี2010
ผมเห็นปัญหาสังคมเป็นด้านหลักครับ (1) ผมมองว่าการเล่นหวยเป็นการเล่นการพนัน ซึ่งเป็นหนึ่งในอบายมุข 6 ซึ่งคือทางแห่งความเสื่อม แล้วเราจะส่งเสริมการเล่นหวยไปทำไมกัน (2) การทำหวย on-line จะทำให้การเล่นหวยมีมากขึ้น ไม่ได้เท่าเดิมที่เป็นการเปลี่ยนจากใต้ดินมาเป็นบนดิน เพราะการซื้อหวยจะทำได้ง่ายขึ้น จำนวนคนเล่นจะมากขึ้น นี่เป็นข้อมูลจากการวิจัย (ตามที่นายกอ้าง) ประเด็นที่พี่ Anunta กล่าวถึงคือพี่พิจารณาปัญหาด้านสังคมเป็นหลักกล่าวคือ การมีหวย on-line จะทำให้มีการเล่นหวยมากขึ้นจากข้อมูลวิจัยของนายกฯ ซึ่งหวยถือว่าเป็นการพนัน หนึ่งในอบายมุข 6 ซึ่งเป็นเหตุแห่งความเสื่อม แต่โดยส่วนตัวแล้วผมขอนำเรื่องของเศรษฐศาสตร์เข้ามาพิจารณาด้วยครับเพราะผมถือว่าศาสตร์ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของวิชาสังคม ข้อมูลจาก Wikipedia นิยามของคำว่าเศรษฐศาสตร์นั้นเป็นดังนี้ครับ “Economics is the social science that studies the production, distribution, and consumption of goods and services.” หรือถ้าจะใช้ความจำตอนที่เราเรียนกันชั้นมัธยมเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นก็ยังถูกสอนในวิชาสังคมด้วยเลยครับ ทั้งนี้ผมขอแจกแจงความเห็นส่วนตัวเป็นข้อๆ ดังนี้นะครับ 1. ผมอยากให้มีการเอาข้อมูลวิจัยฯ ดังกล่าวมาเผยแพร่พร้อมกับการประกาศดังกล่าวด้วยเลย จะได้ศึกษาถึงวิธีการการทำวิจัยตลอดจนผลการศึกษาอย่างโปร่งใส แล้วเรื่องการที่พบเห็นข้อมูลคนเล่นหวยมากขึ้นหลังจากการที่มีหวย on-line นี่มันเป็นเพราะเมื่อทำเป็นระบบแล้วมันสามารถฉายแสงไปสู่บริเวณแต่ก่อนที่ดำมืดหรือไม่ ดังที่ผมเชื่อเสมอมาว่า “ไม่เห็นไม่ได้แปลว่าไม่มี” Invisible hand ตามทางเศรษฐศาสตร์ก็น่าจะเข้ากับความเชื่อแบบนี้นะครับ 2. ถ้าหวยถือว่าเป็นการพนันซึ่งเป็นอบายมุขอย่างหนึ่งตามที่ท่านนายกฯ ได้กล่าวไว้ มันทำให้ผมเกิดคำถามถัดมาครับคือเหตุใดท่านนายกฯ ไม่ได้จัดการยกเลิกเรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาลไปด้วยในคราวนี้เลยเพราะถือว่าเป็นโอกาสอันดีแล้วในการหยิบยกเรื่องดังกล่าวมาพิจารณา รวมทั้งเรื่องสุรา และบุหรี่ เพราะถือว่าเป็นของมึนเมา ท่านนายกฯ เคยกล่าวว่าถ้าเรื่องของสิ่งเสพย์ติดเป็นสิ่งผิดกฎหมายทำไมเราจะต้องทำสิ่งที่ผิดให้ถูกกฎหมาย (คำตอบของผมสำหรับกรณนี้ก็คือ รัฐบาลทุกชุดทุกสมัยรวมถึงชุดที่ท่านเป็นหัวหน้าคณะก็ทำให้เห็นอยู่แล้วต่างหาก) สิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยอย่างมากคือการปฏิบัติตนแบบสองมาตรฐานครับ ผลกระทบต่อสังคมในเรื่องดังกล่าวผมก็ว่ามีนะครับ มันทำให้เยาวชนและคนในประเทศเอาเป็นว่าส่วนหนึ่งละกันเรียนรู้ถึงปรากฏการณ์ดังกล่าวและอาจมีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตในอนาคตครับ 3. ผมไม่เห็นด้วยกับวิธีการตกผลึกทางความคิดของท่านนายกฯ ปล่อยให้มีการดำเนินการมาจนผ่านทุกวาระแล้ว มาหักคอกันง่ายๆ เช่นนี้ ผมเห็นว่าท่านจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่นค่าประชาพิจารณ์ รวมถึงค่าปรับด้วยตนเองถ้าเกิดเหตุการณ์ต้องจ่าย โดยไม่ควรมาแตะต้องภาษีของประชาชนด้วยประการทั้งปวง เนื่องจากถือว่าเป็นการปฏิบัติงานที่บกพร่องอย่างชัดเจน 4. เรื่องดังกล่าวผมว่ามันสะท้อนถึงแนวทางการบริหารงานของรัฐบาลด้วยนะครับ นักธุรกิจต่างชาติที่เค้าอยากจะมาทำธุรกิจกับประเทศไทยนั้นจะเหลือความเชื่อมั่นมากน้อยเพียงใด ใช่อยู่เราสามารถจะตอบไปได้ว่าหวยถือว่าเป็นธุรกิจที่ประเทศไทยเราถือว่าเป็นอบายมุขจะต้องได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ แต่ใน Context ของชาวต่างชาตินั้นเค้าถือว่าเป็นเรื่องปกติครับ อีกอย่างเค้าจะถามกลับมาด้วยว่าแล้วสิ่งที่มีอยู่ทั้งสลากกินแบ่ง สุรา และอื่นๆ นี่คิดว่าอย่างไร ครับสำหรับผมเศรษฐศาสตร์ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของด้านสังคมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงครับ 5. ถ้าจะดูกรณีการซื้อขายหวยในตลาดในแง่เศรษฐศาสตร์แล้วผมว่าเป็นกรณีที่น่าสนใจที่เราจะเข้าใจถึงเรื่องของอุปสงค์และอุปทานได้อย่างดีครับ ราคาขายปลีกของสลากกินแบ่งรัฐบาลในปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร และคิดว่ามันเกิดจากเหตุใด ส่วนตัวผมมีความคิดว่ามันเกิดจากความไร้ประสิทธิภาพของตลาดครับ เคยมีโอกาสถามพ่อค้าแม่ค้าสลากว่าทำไมราคาถึงแพงจัง พวกเขาก็ตอบว่ารับมาแพง ว่าแต่ราคาที่แพงขึ้นนี่มันมาจากไหนกันหล่ะครับทั้งๆ ที่สลากที่ออกจากกองสลากมาก็ราคาเท่ากันหมด จริงๆ ผมว่าราคาที่ถูกพิมพ์ไว้บนหน้าสลาก ณ ปัจจุบันไม่ควรจะต้องเสียค่าหมึกพิมพ์นะครับปล่อยให้ว่างไว้แล้วให้ผู้ขายนั้นเขียนราคากันได้เองตามสภาวะตลาดเลยพอจบงวดแล้วเราก็ขอบริจาคสลากมาดูว่าผู้บริโภคยินดีจ่ายกันเท่าไหร่แล้วมากำหนดราคาใหม่ตามความคิด Price discrimination นะครับ
โดย
woody
อาทิตย์ ม.ค. 10, 2010 1:44 pm
0
0
เดอะแบงค์เกอร์ยก"กรณ์"รมว.คลังโลกและเอเซียปี2010
[quote="Anunta"]นโยบายหวยต้องคิดรอบด้านสิครับ อย่ามองแต่เงินด้านเดียว
โดย
woody
ศุกร์ ม.ค. 08, 2010 10:20 am
0
0
ปีนี้ theme อะไรจะมาครับ
facebook Twitter
โดย
woody
อังคาร ม.ค. 05, 2010 4:07 pm
0
0
ปีนี้ theme อะไรจะมาครับ
เเป็กไปเเล้ว มาร์คไม่ปลื้ม สงครามไม่จบ อย่าพึ่งนับศพทหาร...สนุกดีครับ งานนี้ หล่อหลักลอยเลือนลาก อุ๊บส์
โดย
woody
อังคาร ม.ค. 05, 2010 4:03 pm
0
0
ปีนี้ theme อะไรจะมาครับ
หวยออนไลน์ครับ
โดย
woody
อังคาร ม.ค. 05, 2010 10:57 am
0
0
2341 โพสต์
of 47
ต่อไป
ต่อไป
ชื่อล็อกอิน:
woody
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
เสาร์ ก.พ. 19, 2005 11:04 pm
ใช้งานล่าสุด:
อังคาร มี.ค. 26, 2013 6:26 pm
โพสต์ทั้งหมด:
3763 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.20% จากโพสทั้งหมด / 0.51 ข้อความต่อวัน)
ลายเซ็นต์
Impossible is Nothing
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว