หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
Willpower
Joined: พฤหัสฯ. ม.ค. 27, 2005 9:12 am
87
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - Willpower
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
สถิติ ตั๋วเงินคลัง
ผมทำงานเกี่ยวข้องกับด้านนั้นอยู่หนะ แต่ไม่ใช่แบ็งหนะ เออตั๋วเงินคลัง จะมีเริ่มต้นแค่ปี 2542 มากสุดหนะ เพราะก่อนหน้านี้เราไม่มีเคยมีการออกตั๋วเงินคลังมาก่อนหนะ ผมมีแค่ยอดคงค้างตั๋วแต่อัตราตั๋วผมไม่มีหนะ ถ้าไง ในเว็บไซต์ของแบ็งเขาจะมีเบอร์ผู้จัดทำข้อมูลอยู่ โทรถามได้ ไม่ต้องห่วงคนแบ็ง ใจดี ไม่หวงข้อมูล ไม่ค่อยมีถามว่าจะเอาไปทำอะไร มาจากไหน เหมือน....บางที่... :8) ลองดูหละกัน
โดย
Willpower
เสาร์ ม.ค. 24, 2009 7:50 pm
0
0
The one more coming bomb 4 SET(Very soon).
Khun David Could you expected the time that those situations will happen?
โดย
Willpower
อังคาร ม.ค. 23, 2007 1:04 pm
0
0
สุวรรณภูมิ ... ยังไม่ทันข้ามวันก็เดี้ยงแล้ว
คุณเจง ขอแสดงความยินดีด้วย KTC
โดย
Willpower
ศุกร์ ก.ย. 29, 2006 1:07 pm
0
0
มีบริษัทไหนไปลงทุนเวียตนามมั้งครับ
L&E
โดย
Willpower
พฤหัสฯ. ส.ค. 17, 2006 5:11 pm
0
0
มีsmmที่1.82ถือยาวดีไหม
สุดยอด ตัวนี้
โดย
Willpower
พุธ ก.ค. 12, 2006 12:56 pm
0
0
หนี้ประเทศ....จริงเหรอ
ขอเสริมนิดหนึ่งนะครับ คำว่าหนี้สาธารณะในความหมายของทาง สบน. เขาเนี้ยจะหมายถึง 3 กลุ่มคือหนี้ รัฐบาลกู้ตรง รัฐวิสาหกิจกู้ และ กองทุนฟื้นฟู การใช้คำหนี้สาธารณะเนี้ยก็เพื่อหมายความจะมีการนำเงินภาษีซึ่งเป็นเงินสาธารณะมาจ่าย ๆ หรือ มีแนวโน้มว่าจะนำมาจ่าย โดยหนี้รัฐบาลกู้ตรง ก็รัฐกู้รัฐจ่าย บางครั้ง ก็จะมีแบบรัฐกู้ให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อ ด้วย ส่วนหนี้รัฐวิสาหกิจอันนี้นับรัฐวิสาหกิจกู้ทั้งหมดไม่ว่าผลการดำเนินงานจะเป็นอย่างไร เช่น ปตท การไฟฟ้า การบินไทย พวกนี้เขามีเงินจ่ายเองได้ แต่การนับเข้าไปรวมเป็นหนี้สาธารณะก็เพื่อ Conservative ในความหมายกว้าง แต่ไม่ใช่จะนำเงินภาษีไปจ่ายทั้งหมด แต่ พวก การรถไฟ ขสมก นี่อีกเรื่องหนึ่งนะ อิอิ ส่วนหนี้กองทุนฟื้นฟู นี่ก็ตั้งแต่วิกฤตล้ม แบ็งชาติจ่ายต้น คลังจ่ายดอก ระดับหนี้สาธารณะที่กำหนด ไว้ ร้อยละ 50 นั้นขึ้นกับความเหมาะสมของแต่ละประเทศ http://www.cia.gov/cia/publications/factbook/fields/2186.html อย่าง ญี่ปุ่น เป็น 100 ยังเฉย ๆ แล้วแต่ความหมายในการนับรวมและจัดชั้น การจะหารรายคนอาจจะผิดความหมายเพราะจริง ๆ แล้ว คนที่เสียภาษีในจำนวนมากกว่าจะมีสัดส่วนในเงินที่จ่ายหนี้รัฐบาลมากกว่า :D
โดย
Willpower
พฤหัสฯ. มิ.ย. 29, 2006 1:31 pm
0
0
Twin deficit ในเชิง Macroeconomic มีข้อดีข้อเสียอย่างไรครับ?
ข้อดี ถ้าจำเป็นต้องนำเข้าเพราะเราไม่มีก็นำเข้าครับ เพื่อพัฒนาประเทศ ข้อเสีย เอาเข้ามาก็ใช้คืนไง
โดย
Willpower
พุธ มิ.ย. 28, 2006 12:58 pm
0
0
Twin deficit ในเชิง Macroeconomic มีข้อดีข้อเสียอย่างไรครับ?
อธิบายได้ตามที่คุณ ayethebing ว่านั่นแหละครับ ขอเสริมนิดว่า มันก็คือขาดดุลคู่ ขาดดุลทั้งเดินสะพัดและการคลังนั่นครับ รัฐบาลมีเงินไม่พอก็กู้เงินออมในประเทศ แต่ไม่พอก็กู้นอก ถ้ากู้จำนวนมากทำให้ BOP ติดลบ นั่นเอง
โดย
Willpower
พุธ มิ.ย. 28, 2006 12:57 pm
0
0
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
คุณ เจง อืม 18 หรือน่าสนแหะ ราคาใกล้กับ ESOP เลย ดีเหมือนกัน margin เยอะดี
โดย
Willpower
พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 3:59 pm
0
0
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
คุณ jeng ขอนอกเรื่องหน่อยนะครับ ktc รอสักเท่าไหร่ดี
โดย
Willpower
พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 1:02 pm
0
0
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
:D ส่วนตัวแล้วผมว่าอย่าคาดเดากับค่าเงินดีกว่าครับ เพราะตัว ธปท. ยังไม่มีการประมาณการไว้เลย เพราะ factor มันเยอะมาก :D
โดย
Willpower
ศุกร์ พ.ค. 19, 2006 12:33 pm
0
0
ขอวางพวงรีด ไว้อาลัยแด่ SMM
ต้องเรียกว่าอาจารย์ครับตัวนี้ ทำให้หวนนึกถึงธุรกิจหนังสือหลายเจ้าที่หายหน้าหายตาไป เช่น ดวงกมล ดอกหญ้า ตะวันออก พวกนี้เล่นแร่แปรธาตุโดยการฝากขายตามร้านแล้ว รับคืนหนะคับ
โดย
Willpower
พฤหัสฯ. พ.ค. 18, 2006 4:42 pm
0
0
SPPT เป็นยังไงครับพี่ๆ
อืม เท่าที่อ่านนี่เหมือน จะขาย 2 เครื่องแล้วหนะครับในรอบไตรมาส 2 หรือ 3 เครื่องละ 60 ล้าน ซื้อไว้ใช้ที่บ้านก็ท่าจะดีคับ อิอิ แล้วก็ทาง sppt จะซับพอร์ตให้หนะคับ แต่การทำ business ของเจ้านี้ ก็ต้องยอมรับ ดีเดือด พอสมควร นัยว่าชอบรับจ้างผลิตพวกนวัตกรรมใหม่ ๆ หนะครับ อีกเรื่องคือ อะลูมิเนียม ข้อดีของ sppt ผู้บริหารใบ้มาอย่างไง ก็เป็นอย่างนั้น ไม่ค่อยมีเพี้ยนเท่าไหร่ ทำให้เดาไม่ยาก ไม่เหมือนบางค่าย พูดอย่างทำอีกอย่าง เลือดสาดทุกที แต่ส่วน PE ที่ยังต่ำอยู่นี่เพราะว่าเป็นบริษัทเล็กอยู่หนะคับต้องรอขาใหญ่ช่วงส่งเสริมให้ market cap โตกว่านี้ เท่าที่ทราบมาแต่ไม่ยืนยัน ถ้าดูในงบตัวนี้จะมีรายได้จากการขายเศษซากด้วย เพราะในโรงงาน HD จะมีของเสียชนิดหนึ่งซึ่งจะสามารถเอามาทำน้ำมันได้ และสามารถขายเศษทิ้งด้วย ส่วนการสร้างโรงงาน ช่วงนี้เป็นการเปลี่ยนเครื่องจักร และเป็น low season หนะครับ ไตรมาส 3 จะ ไฮเพราะซื้อคอนซูเมอร์ ตอนปลายปีหนะคับ โรงงานใหม่จะย้ายเพื่อขอ BOI หนะคับ ในระยะ 1 ปีตัวนี้น่าจจะไปได้ เพราะเทคโนโลยีไม่น่าเปลี่ยนหนะคับ
โดย
Willpower
พุธ พ.ค. 17, 2006 5:12 pm
0
0
ขอวางพวงรีด ไว้อาลัยแด่ SMM
ตัวนี้คืออาจารย์ ครับ เลือดสาด ตัดขา รักษาชีวิตเรียบร้อยแล้วครับ :D
โดย
Willpower
พุธ พ.ค. 17, 2006 11:35 am
0
0
SPPT เป็นยังไงครับพี่ๆ
ขอเสนอว่าเป็นหุ้นพลังงานทางเลือกคับ
โดย
Willpower
พุธ พ.ค. 17, 2006 11:30 am
0
0
หุ้นกลุ่มสหพัฒน์
เห็นด้วยกับคุณสุมาอี้ครับ เรื่อง สหพัฒน์ไม่ค่อยแคเรื่องหุ้นตัวเอง มักจะให้สัมภาษณ์บ่อยครั้งว่า คนในบริษัททำงานกันแทบตายแต่นักลงทุนเอามาเก็งกำไร แบบไม่ต้องทำอะไร ในอีกแง่ก็ต้องเข้าใจสหพัฒน์ด้วยว่าเป็นบริษัทที่เน้นทางด้านการตลาดเพราะเป็นสินค้า consume งบโฆษณาหรือ งบลงทุนในเรื่องบางอย่างแล้วสูญที่ดูแล้วฟุ่มเฟือยสำหรับ ผู้ถือหุ้น มีความจำเป็นมากสำหรับสหพัฒน์ เพราะเท่าที่เคยฟังการให้สัมภาษณ์ (รายการICON) สินค้าออกมา 10 อย่างขายได้ 1 อย่างก็ถือว่าดีแล้ว ที่ทำแล้วเจ็งเยอะมาก ถ้าเวลามีผู้ถือหุ้นมามีบทบาทมาก ก็จะคงเถียงกันไม่จบ เพราะเรื่องทางการตลาดไม่ทำดูก็จะไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ แต่กรณีของพวก altria gillett พวกนี้หุ้นก็ขึ้นได้อืม .... ชักงง
โดย
Willpower
พฤหัสฯ. พ.ค. 11, 2006 10:41 am
0
0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
งานนี้เรียกว่า หุ้นพื้นฐานแบบเกร็งกำไร เร้าใจสุด ๆ ตั้งแต่ติดตัวนี้ ได้ข้อคิดมาเยอะเลยครับ :D
โดย
Willpower
พุธ พ.ค. 10, 2006 5:32 pm
0
0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
อืม ผมก็สังเกตเหมือนคุณ riname เรื่องเมืองไทยประกันชีวิติ ของท่าน Powder ตัวนี้เรียกว่าต้องมีสมาธิมาก ๆ สำหรับตัวนี้ คุณ thawatt ผมก็ดูสาขาของ SMM แล้วก็พบว่าเริ่มเปลี่ยนแปลงร้านบางส่วน เริ่มมีหนังสืออ่านเล่นน้อยลง เน้นการ์ตูนเพิ่มขึ้น คือเน้นหนังสือบันเทิง หนังสือวิชาการเริ่มลดลงเยอะแล้ว แล้วการรับรู้รายได้ของค่ายนี้มักมีรูปแบบแปลก ตามที่ท่านได้สังเกตไว้จริง เรียกว่าถ้าจะลากแบบมีเนื้อหาก็เอาการรับรู้รายได้มากระจุกที่เดือนเดียวอะไรประมาณนั้น
โดย
Willpower
พุธ พ.ค. 10, 2006 5:30 pm
0
0
oishi ไป36 ได้ไง
เออขอท่านผู้รู้หน่อย ครับ ผมอ่านในงบของ อร่อย (Oishi) แล้วสังสัยว่าธุรกิจอาหารทำไม ยอด 1700 ล้านแล้ว กำไรมันแค่ 50 เอง
โดย
Willpower
พุธ พ.ค. 10, 2006 5:16 pm
0
0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
สรุปได้ประมาณที่ทุกท่านวิเคราะห์เช่นกันครับ เรียกว่า หุ้นที่หาความจริงไม่ได้ เรียกว่า ไม่รู้ว่ามันควรจะราคาเท่าไหร่ดี วัดด้วยเจ้ามือจริง ๆ ถามว่ามันดี มันก็อาจจะดี ถามว่ามันไม่ดี มันก็ไม่ดี งง...
โดย
Willpower
เสาร์ พ.ค. 06, 2006 9:34 am
0
0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
เอทุกท่าน ที่วิเคราะห์ smm เขา.....เริ่มแล้ว จริง.. ไม่จริง.. อืม ไม่รู้แต่ติดอยู่ดี :shock:
โดย
Willpower
พฤหัสฯ. พ.ค. 04, 2006 5:18 pm
0
0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โอ้ว ราคาทำไมมันเตี้ยลง เตี้ยลงทุกวันหนะ เนี่ย ทั้งทีพยามดูที่ผลประกอบการ นะเนี่ย
โดย
Willpower
พุธ พ.ค. 03, 2006 12:44 pm
0
0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
ผมรอแค่ 2 ไตรมาสนี้แค่นั้นแหละครับ อิอิ เพราะรอการ์ตูนที่ยอดขายเพิ่มขึ้นนี่คงใช้เวลานานเกินไป
โดย
Willpower
พุธ พ.ค. 03, 2006 8:53 am
0
0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
ขอบคุณ thawatt มากครับที่ช่วยวิเคราะห์ ผมก็คาดว่าต้องดูไตรมาส 1 ก่อน ถ้าเป็นอย่างเขาว่าควรจะได้อย่างน้อย 180-200 ล้าน เพราะให้ถือว่า การ์ตูน ยอดขายไม่เปลี่ยนมาก เรื่อง book smile นี้เป็นของ 7 ครับเพียงแต่หนังสือที่ smm จะมีมากใน book smile ส่วน book friend คือร้านขายการ์ตูนหนะครับของ smm แต่เขาขายของทุกเครือครับ 1. ผมคิดว่า หนังสือการ์ตูนดูจากสภาพตลาดรวมก็ขยายตัวทุกปี แต่การขายผ่านเอเย่นต์หรือ ร้านค้าจะเป็นลักษณะฝากขายถ้าขายไม่หมดก็ต้องรับคืนมา ทำให้กระแสเงินสด มันแย่หนะ ส่วนนิตยสารราคาจะเหลือศูนย์ ถ้าเล่มใหม่ออก โหดหวะ 2. หนังสือพ็อกเก็ตบุ๊ค ก็เช่นกัน ถ้าเล่าไหนขายได้ระเบิด แบบ แดจังกึม เทพมาร โดยธุรกิจหนังสือแล้ว ยิ่งพิมพ์มากต้นทุนจะยิ่งถูก เพราะหนังสือ เล่มแรกคือเล่มที่แพงที่สุด เพราะค่า plate หลายคนเคยสั่งพิมพ์หนังสือก็คงจะนึกภาพออก เพราะอย่าง แฮรี่พอร์ตเตอร์ ก็ทำให้ นานมีจากกำลังแย่เป็น รวย หรือ หนังสือหมอดูไพ่ยิปซีของ ขุนทอง ก็ทำให้บ้าน ณวรรณกรรม อยู่รอดมาแล้ว แต่ถ้าไม่ดัง ซักเล่ม ก็อีกเรื่อง นะ
โดย
Willpower
อังคาร พ.ค. 02, 2006 8:42 am
0
0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
ไม่ทราบว่ามีใครไป ประชุมผู้ถือหุ้นบ้างครับช่วยเล่าให้ฟังหน่อย จะเป็นพระคุณมากครับ :oops:
โดย
Willpower
จันทร์ พ.ค. 01, 2006 12:34 pm
0
0
มาเชียร์ ktc ครับ
คุณ Jeng ขอร่วมแทงด้วยคน
โดย
Willpower
เสาร์ เม.ย. 29, 2006 5:05 pm
0
0
มีความเห็นอย่างไรบ้างครับกับการกระทำของกระทรวงการคลังเช่นนี้
อืมม ขอบคุณครับคุณลูกอิสาน
โดย
Willpower
เสาร์ เม.ย. 29, 2006 5:05 pm
0
0
เรามาระดมสมอง ช่วยกลุ่มส่งออกกันหน่อยครับ
โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่า กรณีที่บริษัทยายสินค้าเป็นดอลล่าห์และซื้อวัตถุดิบเป็นดอลล่าห์ ก็คงจะต้องจากสัดส่วนของการนำเข้าในการผลิต ซึ่งอาจจะตีความได้ว่า กลุ่มนำเข้าน่าจะได้ประโยชน์ ก็ได้ แต่ก็ขึ้นอีกแหละว่า นำเข้าจากประเทศอะไร ถ้าเขานำเข้าจากประเทศที่เงินแข็งขึ้นเหมือนกัน ก็สรุปว่าถึงดอลล่าห์จะอ่อน ก็จะมีผลไม่มาก รวมทั้งต้องพิจารณาจาก GDP ของประเทศที่เราส่งออกด้วย เพราะประเทศที่เราส่งออก สมมุติว่าเศรษฐกิจมันบูม คนมีตังค์มากขึ้น ของแพงขึ้นก็ ยังมีแรงซื้อ หรือในอีกกรณี ถ้าประเทศที่เขาซื้อของเรา เกิดมี CPI เพิ่มขึ้นมากทั้งที่ค่าเงินไม่แข็ง ก็ทำให้อำนาจซื้อเขาลดเช่นกัน ซึ่งบางครั้งอัตราแลกเปลี่ยน จึงมีการคิดแบบ REER คือ Real Effective Exchange Rate คือ ดูการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินเทียบกับเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ด้วย ทำให้พอดู ๆ ไปแล้วก็ทำให้คิดได้ว่าไม่ต้องกังวลเพราะการเดาค่าเงินเป็นเรื่องยากว่ามันจะแข็งหรืออ่อน ปัจจัยมันเยอะมาก ซึ่งบริษัทที่รอดพ้นได้ต้องมีการบริหารความเสี่ยงด้านเงินตราต่างประเทศที่ดีมากกว่า โดยไม่เก็งกำไรมากเกินไป
โดย
Willpower
เสาร์ เม.ย. 29, 2006 4:56 pm
0
0
ตั๋วเงินคงคลังแสนล้าน
คุณ จีนี่ อยู่หรือเปล่า :lol: ช่วยหน่อย :D
โดย
Willpower
พุธ พ.ย. 30, 2005 1:42 pm
0
0
ประเทศไทยจะรอดได้ไง ดูหนี้สาธารณะดิ
คุณเจง นอนนึกมาเมื่อคืนได้ความว่า ในส่วนผมว่าฐานะการคลังอยู่ในระดับปานกลางมากกว่า 8) ปกติเราใช้ดอก+เงินต้น ร้อยละ 15 ของเงินงบประมาณ เงินเดือน ร้อยละ 30 และมีรูมในการลงทุนประมาณ ร้อยละ 25-30 ถ้ารายได้รัฐมันบีบลงจนกระแทกกรอบล่างเงินเดือนหรือค่าใช้หนี้และค่าใช้จ่ายประจำ อันนี้แหละปัญหาเพราะรัฐต้องก่อหนี้เพิ่มทันที เหตุที่เขาใช้อัตราส่วนหนี้ต่อจีดีพี มาจากนักวิชาการไอเอ็มเอฟ (เนื่องไอเอ็มเอฟเป็นนักให้กู้)เขาไป solve สมการหา fiscal Sustainabilities หรือความยั่งยืนทางการคลัง ซะยืดยาวจนได้มาว่า ประเทศชาติจะอยู่ได้หรือใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ต้องอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่มี Growth เร็วกว่าการgrowth ของหนี้ ปกติ จีดีพีไม่ควรต่ำกว่าร้อยละ 3 หรือติดลบ ไม่งั้นหนี้มันจะโตเร็วกว่า อัตราแลกเปลี่ยนบาทยิ่งแข็งหนี้จะลดโดยอัตโมนัติ :shock: จริง ๆ มันมีปัจจัยอื่นมากกว่านั้น พวกกลุ่ม ภาระผูกพัน สถาบันการเงินของรัฐหรืออะไรอีกมากมาย:?:
โดย
Willpower
อังคาร พ.ย. 22, 2005 9:35 am
0
0
ประเทศไทยจะรอดได้ไง ดูหนี้สาธารณะดิ
คือ ทุกประเทศส่วนใหญ่ คือ มีทั้งกู้แล้วให้กู้ในเวลาเดียวกันหนะครับ
โดย
Willpower
จันทร์ พ.ย. 21, 2005 4:44 pm
0
0
ประเทศไทยจะรอดได้ไง ดูหนี้สาธารณะดิ
เรียนทุกท่านขณะนี้ มีธนาคารแลนด์แอนเฮ้าส์เพื่อรายย่อย จำกัดมหาชน แล้วจ้า คุณเจง 1. ปกติ ประเทศทุกประเทศที่เป็นสมาชิก IMF หรือ WorldBank ADB ในแต่ละปีเราส่งเงินไปลงขันกับเขาหนะครับหรือแล้วแต่เขาเรียกเก็บ แล้วประเทศที่เป็นสมาชิกก็จะสามารถกู้ได้ และเราไม่เป็นสมาชิก เราก็จะกู้ไม่ได้ หรือเช่น การออกพันธบัตร อันนี้ก็กู้เงินจากประชาชนหรือนักลงทุนหนะครับสมมุติว่าออกพันธบัตรแล้วให้เอาไปทุนให้กู้ต่อ ก็ทำให้ยังมีเงินให้กู้ได้เรื่อย ๆ หนะครับ มันหมุนรอบ หรือเวียนเทียน ซึ่งปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้นอีกส่วนนี้อาจจะอธิบายได้โดยเรื่อง Multiplyer ของปริมาณเงินตามหลักเศรษฐศาสตร์การเงิน อันนี้ผมคงอธิบายไม่ชัดหนะครับเพราะ อ่านแล้วก็งง ๆ แต่หาอ่านได้ตามตำราเศรษฐศาสตร์มหภาคด้านการเงินทั่วไป คล้ายกับว่าธนาคารให้เรากู้ 1000 ล้าน ปกติเราก็คงไม่เบิกหมดมาฝังตุ่ม ถูกไหมครับ เราก็ฝากธนาคารมันอยู่ดี ดังนั้นธนาคารต้องกันสำรองไว้ส่วนหนึ่งแต่เงินสดบางส่วนที่เราไม่ถอนเขาก็ต้องไปฝากไว้ธนาคารอืน เงินจึงเพิ่มขึ้นในระบบหนะครับ คุณดิงด่าง ก็พึ่งอ่านมาเหมือนกันว่า Friedman บอกว่าบางครั้งจีดีพีเยอะอาจไม่ทำให้คนรู้สึกรวยขึ้นเพราะคนเราจะรู้สึกรวยขึ้นบางครั้งเราเปรียบเทียบกับคนข้างเราแล้วเขาจนกว่าหนะ คล้าย เบียร์เชียร์มีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ บ้างชีวิตจะรู้สึกดีขึ้นเยอะ
โดย
Willpower
จันทร์ พ.ย. 21, 2005 4:42 pm
0
0
ประเทศไทยจะรอดได้ไง ดูหนี้สาธารณะดิ
อืม คุณ Genie เป็นลูกศิษย์อาจารย์อู้ นี่เองผมคงไม่ขอตอบเพิ่มอะไรมาก แต่ขอเสริมคือเหตุที่กำหนดหนี้สาธารณะไม่เกินร้อยละ 50 คือจริงในทางปฏิบัติเราจะไม่รู้แน่ชัดว่าหนี้สาธารณะของประเทศควรอยู่ที่ระดับใดจะสังเกตได้ว่าแต่ละประเทศมีระดับหนี้ที่แตกต่างกันมาก แต่เหตุที่กำหนดให้ไม่เกินก็เพื่อที่รัฐบาลจะได้ไม่ก่อหนี้มากเกินไปหรือใช้เงินเกินตัวนั่นเองเพราะก่อนหน้านี้หนี้สาธาณะสูงสุดที่ประมาณร้อยละ 60 หนะครับ ส่วนอัตราส่วนภาระหนี้ต่องบประมาณคือ การจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยเรากำหนดให้ไม่เกินร้อยละ 15 ก็เพราะเราอยากให้ประเทศเหลือเงินส่วนหนึ่งไว้พัฒนาประเทศ ในแต่ละปี ไม่งั้นก็วัน ๆ เอาแต่ใช้หนี้หมดเป็นวิธีการแบบญี่ปุ่น คำถามของคุณ waverider ส่วนหนี้สาธาณะเพิ่มแต่หนี้เราไม่เพิ่ม เอแล้วมันยังไง อันนี้คือพูดง่ายคือ รัฐบาลต้องเอาเงินภาษีของเราท่าน ๆ ไปใช้หนี้ แทนที่จะมาสร้างรถไฟฟ้าหรือถนน ไม่นับการสูญเสียระหว่างทางหนะครับ :evil: อิอิ ก็เหมือน ตอนนี้เราควรที่จะได้รถไฟฟ้าหรือ สาธารณูปโภค หรือ เรียนฟรี แต่กลับไม่ได้หนะครับ เพราะเราต้องไปใช้หนี้ ภาษีที่เราจ่ายไม่ได้ย้อนกลับมาพัฒนาให้เราดีขึ้นแต่ต้องไปใช้หนี้หนะครับ หรือจ่ายดอกหนะครับ บางส่วนเราจ่ายหนี้เพิ่มมากเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจเพราะอัตราแลกเปลี่ยนหนะครับ หนี้สาธาณะต่อจีดีพี ควรจะต่ำ ยิ่งต่ำยิ่งดีจะได้มีเงินไปพัฒนาประเทศหนะครับ Free Cash flow อะไรประมาณนั้น เขาจึงเรียกเป็น หนี้สาธารณะเพราะทุกคนต้องจ่าย แบบผ่านภาษีหนะครับ และทุกคนในคนไทยก็จ่ายภาษีทุกคน เพราะ แบบถ้าคนรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ยังไงต้องเสียภาษี vat จากการซื้อสินค้าอยู่ดี นอกจากอยู่บนเขาอันนี้ก็ไม่แน่หนะ :D แต่ถ้าซื้อยาสีฟันหรือสบู่ก็เสียทันทีหนะครับพวกนี้เป็นภาษีทางอ้อม มันแอบแฝงและกินเงียบหนะครับ ส่วนคุณ ดกดิ๊งด่าง เรื่องการกระจายความเจริญนี่เห็นด้วยจริง ๆ เรื่องจีดีพี นี่ก็บอกไม่ได้ว่ามันจะทำให้รวยขึ้นหรือเปล่าหรือมีผลต่อสังคมหรือไม่ เป็นเรื่องที่พวกฝรั่งเท่าที่ท่านมันก็เถียงกันอยู่ บางพวกก็ต้องปั๋มแต่บางพวกบอกไม่จำเป็น แต่เหตุรัฐบาลปั๊มจีดีพีส่วนหนึ่งคือจะได้รายได้เพิ่มขึ้นหนะครับ เพราะปกติการประมาณการรายได้จากภาษีรัฐบาลเราจะใช้ ค่าตัวหนึ่งคือ Buoyancy ratios คือ ถ้า จีดีพี growth 1 ภาษีน่าจะเพิ่ม 1 โดยปกติตามข้อมูลในอดีตจะเพิ่มประมาณ 1.1-1.8 ถ้าจีดีพีเพิ่ม ภาษีก็เพิ่ม ทำให้อัตราส่วนหนี้ต่อ จีดีพี ลด ทั้งที่หนี้ไม่ได้ลด :D แต่มีรูมในการใช้หนี้เพิ่มขึ้นด้วย :roll: เหตุที่ภาษีมันมาลิ๊งกับจีดีพี ก็เนื่องจากภาษีรายได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มจะมีความเชื่อมโยงกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจสูง(จีดีพี) ก็มีกิจกรรมมาก ก็มีการซื้อ ๆ ขาย กันเยอะ ทำให้ได้ vat รายได้บริษัทเพิ่ม ได้ coporate Tax เพิ่ม บริษัทแจกโบนัส ภาษีบุคคลธรรมดาเพิ่ม เป็นลำดับหนะครับ
โดย
Willpower
จันทร์ พ.ย. 21, 2005 1:24 pm
0
0
ประเทศไทยจะรอดได้ไง ดูหนี้สาธารณะดิ
ส่วน เจ้าหนี้พวก IMF ADB Worldbank JBIC ชอบให้เรากู้หรือแย่งกันให้กู้ เพราะรัฐ มันอำนาจในการเก็บภาษีและรัฐไม่มีคำว่าเจ๊ง แต่แย่ ก็ไม่แน่หนะ :D ส่วนการกู้รัฐบาลจะกู้ได้เงื่อนไขดีกว่าเอกชน ดอกถูกกว่า เทอมก็ยาวกว่า พวก JBIC มันให้เรากู้ตั้ง 30 ปีหนะ แต่อย่างไรก็ตามถ้าจะได้ดี หนี้มันควรลดไปเรื่อย ๆ หนะเซฟกว่ากันเยอะ :D
โดย
Willpower
พฤหัสฯ. พ.ย. 17, 2005 12:56 pm
0
0
ประเทศไทยจะรอดได้ไง ดูหนี้สาธารณะดิ
ไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์นะครับแต่ขอตอบเนื่องจากพัวพันและทำงานกับเรื่องพวกนี้อยู่การ Debt/GDP นี่จะเปรียบเทียบกับ Private Sector ค่อนข้างยากครับ ญี่ปุ่นมี Debt/GDP เป็นร้อยละร้อยลองดูข้อมูลด้านล่างนะครับ http://www.cia.gov/cia/publications/factbook/fields/2186.html ปกติเงินกู้นี่รัฐบาลจะกู้จาก พวก JBIC Worldbank หรือไม่ก็ ADB เป็นส่วนใหญ่พวกนี้ถ้าดอก ร้อยละ 1 อย่าง JBIC จะเป็น Supplyer Contract เวลากู้เราจะกู้เยอะมาก การกู้ในประเทศมากเกินไปจะเกิด Crowding out effect หรือเรียกว่าแย่งเงินจากภาคเอกชนทำให้ดอกเบี้ยในประเทศสูง เหตุที่เราใช้ Debt/GDP อันนี้ก็เพราะนักวิชาการ IMF อยากดูว่าเราจ่ายเงินกู้เขาได้หรือเปล่า หนี้สาธารณะที่เราเห็นอยู่เป็นหนี้สาธารณะในความหมายกว้างคือรวม หนี้ที่รัฐไม่ได้ค้ำประกันด้วย พูดง่าย ๆ คือนับการค้ำประกันด้วย เหตุที่ต้องนับหนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำที่รัฐวิสาหกิจเป็นคนกู้ก็เนื่องจากถ้า รัฐวิสาหกิจไม่ปัญญาใช้ รัฐบาลก็ต้องใช้ให้อยู่ดี สัดส่วนของ Debt/GDP ลดลงจากร้อยละ 60 กว่ามาเหลือร้อยละ 45 มีแนวโน้มลดลง แต่อย่างไรก็ตาม อาจจะเป็นเพราะ จีดีพี มันโต สัดส่วนหนี้โตช้ากว่า นั่นเอง เป็นเหตุให้รัฐบาลต้องปั๊ม จีดีพี เพราะ เศรษฐกิจยิ่งโต รายได้จากภาษียิ่งเพิ่ม ทำให้มี รูมพอที่จะใช้หนี้ได้ไวขึ้นและนำเงินส่วนเหลือมาใช้เอง GDP เป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจแต่ถ้ากิจกรรมมากภาษีมาก รายได้มาก นั่นเอง ถูกผิดขออภัย ฟัง ๆมาเป็นแบบนี้ละครับ [/img]
โดย
Willpower
พฤหัสฯ. พ.ย. 17, 2005 12:52 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Willpower
พฤหัสฯ. ก.ย. 29, 2005 9:44 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Willpower
พุธ ก.ย. 07, 2005 1:21 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Willpower
ศุกร์ ก.ย. 02, 2005 12:44 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Willpower
ศุกร์ ก.ย. 02, 2005 12:41 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Willpower
พฤหัสฯ. ก.ย. 01, 2005 12:58 pm
0
0
ใครคิดว่าทุนน้อย เลยหาหุ้นที่มี story จะได้กำไรเร็วๆ....
คุณ สุมาอี้ :wink: ส่วนใหญ่ผมใช้ดูจากตามหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ bizweek หนะ ผมก็ไล่ ดูปัจจัยพื้นฐาน เทคนิคดู แล้ว พิจารณาพอเข้า ก็อาจจะโยนเหรียญดูประกอบหนะ ถ้าดูต้องดูเป็นตัว ๆ หนะแต่เท่าที่ดูแล้ว น้ำมันคิดว่าคงอีกไม่นานหนะ แต่บางตัวก็ดูไม่เข้าท่าหนะ ทายผิดบ้างก็มี เพราะไม่ใช่ว่าดาวมันเข้าแล้วจะเกิดผลหนะ ต้องมีเวลาทำมุมมันนิดหน่อย พอดูคร่าว ๆ แต่ปกติดาวอังคารมันจะหมายถึง การรบราฆ่าฟัน อารมณ์ไม่แน่นอน ขี้หงุดหงิด รุนแรง ขวานผ่าซาก อิอิ :D ส่วนวิธีการจับปลาผมว่าแล้วแต่ความสามารถของแต่ละคนมากกว่า เหมือนกับประชาธิปไตยของไทย กับ คอมมิวนิส ของจีน ประมาณนั้นเลยท่าน :D 55
โดย
Willpower
พฤหัสฯ. ก.ย. 01, 2005 9:27 am
0
0
ใครคิดว่าทุนน้อย เลยหาหุ้นที่มี story จะได้กำไรเร็วๆ....
ไม่ได้เล่น VI หนะครับแต่เล่นแบบ Astro investor ในความคิดของผม ถ้าสัญญาณหรือ Story รายวัน ไม่ควรจะเล่นครับเพราะ แค่คีย์ยังซื้อขายยังไม่ทันเลย แต่เห็นด้วยแบบสุด ๆ ว่า ขนาดของพอร์ตมีผลให้เรากำหนดวิธีการเล่นครับ
โดย
Willpower
ศุกร์ ส.ค. 26, 2005 10:07 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Willpower
พุธ ส.ค. 24, 2005 1:59 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Willpower
พุธ ส.ค. 24, 2005 1:57 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Willpower
พุธ ส.ค. 24, 2005 1:52 pm
0
0
ทั้งลดความเสี่ยงและกระจายความเสี่ยง
คุณ ฉัตรชัย ผมเห็นด้วยกับคุณ CK กล่าวไว้ คุณวิบูลย์เคยแนะนำหนังสือเรื่อง จิตวิทยาการลงทุน นอฟซิงเกอร์ได้บอกว่า ถ้าจำไม่ผิดคือ การวัดความเสี่ยงจริง ๆ ต้องดูความผันผวนของมัน เราควรจะเลือกหุ้นที่ผันผวนน้อยถ้าให้ผลตอบแทนเท่ากัน ความเสี่ยงความตามทฤษฎีแล้วจะหมายถึงสิ่งที่ไม่เป็นตามความคาดหมาย ปกติจะดูเพียง ผลด้านลบ ด้านบวกไม่ค่อยมีใครดู เช่น หุ้น ราคา 30 เราคาดว่าผลตอบแทนจะอยู่ 10 % แล้วสินปี ถ้าได้ 10% แสดงว่าหุ้นตัวนี้ไม่มีความเสี่ยง หรือแม้แต่หุ้นที่คาดหวังที่ ได้ 200% แล้วก็ได้ตามคาดเสมอก็ถือว่าไม่มีความเสี่ยง ถ้าต่ำกว่าเราก็ว่าเสียง แต่ถ้าสูงกว่าเราก็ว่าไม่เสี่ยง เพราะฉะนั้นความเสี่ยงจะดูมักจะดูดาวน์ไซด์เท่านั้น ดังนั้นเมื่อวัดแบบนี้ ผลตอบแทนของพันธบัตรโอกาสที่เป็นไปตามคาดมีสูงจึงเสี่ยงต่ำ แต่หุ้นอาจจะไม่เป็นตามคาดจึงเสี่ยงสูง แต่หุ้นบางตัวมีค่าผันผวนน้อยเช่น ICC จึงมีความเสี่ยงต่ำกว่าตราสารหนี้บางชนิดซะอีก กรณีการซื้อหุ้นตัวเดียวแสดงว่า พอร์ตของคุณฉัตรชัยผลตอบแทนจะขึ้นกับหุ้นตัวเดียวแต่สำหรับความเสี่ยงแล้วต้องดูที่ ราคา WG เป็นหลักครับว่ามีความผันผวนสูงไหม ซื้อวันนี้แล้วต่างจากพรุ่งนี้ไหม ถ้าราคาเหวี่ยงมาก ก็แสดงว่าเสี่ยงมาก เช่นกันถ้าเราซื้อหลายตัวจะถือว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงหรือไม่ นอฟซิงเกอร์บอกว่าต้องดู เบต้าเป็นหลักว่าไม่มีแนวโน้มไปทางเดียวกันหรือไม่ เช่นหุ้น ก กับหุ้น ข ธุรกิจก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย แต่สหสัมพันธ์ไปในทางเดียวกัน อย่างนี้ก็ไม่ถือว่ากระจายความเสี่ยงในทางทฤษฏีครับ การเลือกหุ้นต้องให้ ค่ามันออฟเซ็ทกัน ถึงจะลดความผันผวนหรือความเสี่ยงนั่นเอง ดังนั้นการที่ WG มีหลายกิจการแสดงว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงของกิจการแต่พอร์ตรวมของบริษัทจะกลายมาเป็นค่าความเสี่ยงรวม 1 ตัวในพอร์ตของคุณฉัตรชัยดังนั้นความผันผวนจะไปทางเดียวกับ WG ทั้งหมด แต่นี่พูดถึงเพียงความเสี่ยงจากราคานะครับไม่ได้พูดถึง ด้านกฏหมาย ผู้บริหารซึ่งการซื้อหลายตัวจะช่วยได้ อาจจะ ขออภัยที่ตอบทางทฤษฎีนะครับเพราะความเป็นจริงจะมีอารมณ์มาเกี่ยวด้วย
โดย
Willpower
พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2005 12:00 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Willpower
พุธ มิ.ย. 29, 2005 1:41 pm
0
0
ระหว่างบัปเฟ่ต์ กับ ปีเตอร์ลิ้นซ์
สงสัยคุณปรัญชาอ่าน สิบเด้งที่ ดร. นิเวศน์ แปลแน่ ผมก็อ่านเล่มนี้เหมือนกัน ข้อดีของ ปีเตอร์ ที่เขียนคือเขาบอกถึงข้อผิดพลาดของตัวเองไว้ด้วย อาจารย์เวลาบรรยายที่ต่าง ๆ ก็ยกบางส่วนจากที่ปีเตอร์เขียนไว้ด้วยว่า การตัดสินใจผิดเป็นเรื่องธรรมดามากต้องเกิดกับทุกคน แต่ต้องแทงตัวที่ถูกหนัก ๆ และมาก ๆ เท่านั้นหนะเพื่อให้ส่วนที่ได้ไปกลบส่วนที่เสีย
โดย
Willpower
พฤหัสฯ. มิ.ย. 23, 2005 9:07 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Willpower
จันทร์ มิ.ย. 20, 2005 12:28 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Willpower
พฤหัสฯ. มิ.ย. 16, 2005 1:39 pm
0
0
85 โพสต์
of 2
ต่อไป
Verified User
ชื่อล็อกอิน:
Willpower
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พฤหัสฯ. ม.ค. 27, 2005 9:12 am
ใช้งานล่าสุด:
อังคาร ม.ค. 23, 2007 1:04 pm
โพสต์ทั้งหมด:
87 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.01 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว