หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
Anti-Aircraft
อย่ายอมแพ้
Joined: พุธ ก.ย. 09, 2009 9:45 am
807
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - Anti-Aircraft
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: เทคนิคการจีบสาว ของเพื่อนๆ พี่ๆ ใน thaivi เป็นยังไงบ้างค
สาวที่ผ่านเกณฑ์ที่ผมว่า คือ...สาวหม้ายวัยทอง อายุ 50+ (ทำงานมาตั้งขนาดนี้แล้วมีบ้านมีรถแน่นอน) มีลูกติด(ปันผลฟรีโดยไม่ต้องเสียแรง :mrgreen:) ทำงานมาแล้วไม่ต่ำกว่า 25 ปี(ต่อให้โดนไล่ออกก็มีบำนาญ) เมียรวยช่วยเราได้สินะครับ เหอะๆๆ
โดย
Anti-Aircraft
ศุกร์ ก.ค. 22, 2011 1:02 am
0
0
Re: เทคนิคการจีบสาว ของเพื่อนๆ พี่ๆ ใน thaivi เป็นยังไงบ้างค
ผมชอบจีบสาวที่ยังไม่มีคนสนใจครับ แล้วรอให้มูลค่าเธอสูงขึ้นครับ http://img38.imagefra.me/i57i/skohfant/3llb_0ca_ubt52.jpg (เทียบให้เห็นภาพครับ ป่าวโรคจิตนะ ^^)
โดย
Anti-Aircraft
อังคาร ก.ค. 19, 2011 12:07 am
0
0
Re: ฝันร้ายแบบไหน ที่คุณฝันซ้ำๆคะ
ผมฝันว่ามีชายคนนี้มาตามฆ่าอยู่บ่อยๆ ครับ เป็นความกลัวฝังใจในวัยเด็ก เอิ๊กๆๆ http://img37.imagefra.me/i57i/skohfant/yd27_ed6_ubt52.jpg ส่วนฝันเรื่องโพลีเพล็กซ์นี่ผมไม่เคยจิงๆ ครับ ^^"
โดย
Anti-Aircraft
อังคาร ก.ค. 19, 2011 12:01 am
0
0
Re: แนะนำหนังสือวิเคราะห์งบกระแสเงินสดหน่อยคร้าบ
ฉลาดรู้ทางการเงิน Financial Intelligent http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=15&t=37780
โดย
Anti-Aircraft
ศุกร์ ก.ค. 15, 2011 11:28 pm
0
0
Re: LIFO-FIFO กับประโยชน์จากภาวะเงินเฟ้อ !?
การใช้ FIFO ในช่วงเงินเฟ้อสูงขึ้น จะทำให้กำไรทางบัญชีสูงขึ้น บ.จะเสียภาษีมากขึ้น รายละเอียด http://www.ismed.or.th/SME2/src/upload/knowledge/117142614145d28b5dc6be7.pdf การใช้ LIFO ในช่วงเงินเฟ้อสูงขึ้น จะทำให้กำไรทางบัญชีลดลง บ.จะเสียภาษีน้อยลง รายละเอียด http://www.ismed.or.th/SME2/src/upload/knowledge/117142582345d28a1fd7661.pdf
โดย
Anti-Aircraft
พุธ มิ.ย. 29, 2011 1:06 am
0
0
Re: สอบถามการหาค่า ROE ครับ
ดูได้จากคู่มือครับผม http://www.set.or.th/th/market/files/SET_Formula_Glossary.pdf
โดย
Anti-Aircraft
จันทร์ มิ.ย. 27, 2011 12:13 pm
0
0
Re: ภาษาหุ้น-ภาษาไทย
etc. = เป็นต้น มั้งครับ :(
โดย
Anti-Aircraft
พฤหัสฯ. มี.ค. 17, 2011 2:28 pm
0
0
Re: ใน TVI มีพี่ sales engineer บ้างไหมครับรบกวนถามหน่อยคับ
ถ้าไม่มีประสบการณ์ด้าน sale ให้ดูที่ระบบการฝึกอบรมเป็นหลักครับ จำเอาไว้ว่าแฮมเบอร์เกอร์ของแมคโดนัลด์นั้นไม่ได้อร่อยที่สุด แต่มัน ขายดีที่สุด ขอให้โชคดีครับ
โดย
Anti-Aircraft
อังคาร มี.ค. 15, 2011 11:13 am
0
0
Re: ทำบุญไม่รู้ตัว
บริจาคเลือดทุก 3 เดือนไม่เคยขาด พอได้ไหมครับ การทำบุญ ให้ทาน มีวิธีเยอะแยะครับ ลองคิดนอกกรอบดู :D ผมว่าบางทีเราไทำอะไรดีๆ ที่รู้สึกว่าได้ทำบุญ เอามาแบ่งปันกันบ้างก็ดีนะครับ จะได้เป็นแนวทางให้คนอื่นๆ ด้วย บางท่านอาจจะบอกว่าเรื่องพวกนี้ต้องปิดทองหลังพระ ไม่ต้องเอามาอวดกัน แต่หากการแบ่งปันเรื่องดีๆ ต่อกัน มันทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้น ก็น่าจะ OKนะครับ
โดย
Anti-Aircraft
พฤหัสฯ. ก.พ. 17, 2011 2:40 pm
0
0
Re: ใน settrade แสดงค่าต่างๆคำนวนจากอะไรครับ เช่นกำไรต่อหุ้น
การคำนวณค่าต่างๆ ดูที่นี่ครับ SET Manual Guides รอเท่าทุนแล้วขาย เอาเงินมาเก็บไว้ก่อน คิดว่าพอจะเป็นไปได้แค่ไหนครับ - -* การซื้อหุ้นแต่ละครั้งนั้น เราเอาเงินไปให้คนแปลกหน้าบริหารนะครับ ลองคิดเล่นๆ ว่าจู่ๆ มีบุรุษลึกลับมาเคาะประตูบ้าน บอกว่าจะขอเงินคุณไปลงทุน รับรองให้ผลตอบแทนดี คุณจะเชื่อเขาทันทีเลยเหรอ (ถ้า ok ก็บอกผมด้วยนะครับว่าบ้านอยู่ไหน :lovl: ) ต่อให้เป็นเงินแค่ 1 พันบาท ผมว่าคุณก็คงไม่ให้หรอกครับ อย่างน้อยก็ต้องศึกษาแผนธุรกิจ ความคุ้มค่า และความน่าเชื่อถือซักนิดนึงก่อน ไม่ทราบว่าที่ผมสื่อไปจะเข้าใจหรือเปล่า แต่ตลาดหุ้นมันเป็นสถานที่แบบนั้นครับ
โดย
Anti-Aircraft
พฤหัสฯ. ก.พ. 17, 2011 12:04 pm
0
0
Re: เซ็กส์ ความรัก ลั่นทม
ผมสงสัยมานานแล้วว่าเวลาอะมีบาแบ่งตัว มันเป็นรูปแบบไหน A -> B+C ตัวเก่าตายไป ได้ตัวใหม่ 2 ตัว A -> A+B ตัวเก่ายังอยู่ ได้ตัวใหม่เพิ่มอีกตัว A -> A+A ทั้ง 2 ตัวก็คือตัวเดิม ไม่มีตัวใหม่ ผมเคยคิดเล่นๆ อยู่เสมอว่าถ้าผมแบ่งตัวได้ ทั้ง 2 ตัวที่ออกมาจะเป็นตัวผมหรือไม่ ผมจะเป็นคนใดคนหนึ่ง เป็นทั้ง 2 คน หรือไม่เป็นคนไหนเลย สมการแบ่งตัวโลกแตก 55+ เอ ผมมาลองนึกอีกที ถ้าใช้หลักพุทธ จริงๆ มันก็มีอีกรูปแบบหนึ่งที่เป็นไปไำด้คือ ตัวเราที่คิดว่าเราเป็นเป็นเพียงการรวมตัวของ ธาตุทั้ง 4 ถ้าแบ่งแยกออกจากกันเสีย ก็ไม่ใช่ตัวเราอีก ตัวเราเป็นตัวเราในเพียงสภาวะที่ธาตุทั้ง 4 อยู่รวมกันเป็นรูปแบบหนึ่งเท่านั้น หากแบ่งแยก หรือเปลี่ยนรูปแบบ ก็ไม่ใช่ตัวเราอีก ถ้าย้อนกลับไปหาเหตุได้ อาจเป็นเพราะตัวเราไม่มีมาตั้งแต่ต้นแล้ว เป็นเพียงสิ่งสมมติเท่านั้น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
โดย
Anti-Aircraft
ศุกร์ ก.พ. 04, 2011 1:37 pm
0
0
Re: เซ็กส์ ความรัก ลั่นทม
ผมสงสัยมานานแล้วว่าเวลาอะมีบาแบ่งตัว มันเป็นรูปแบบไหน A -> B+C ตัวเก่าตายไป ได้ตัวใหม่ 2 ตัว A -> A+B ตัวเก่ายังอยู่ ได้ตัวใหม่เพิ่มอีกตัว A -> A+A ทั้ง 2 ตัวก็คือตัวเดิม ไม่มีตัวใหม่ ผมเคยคิดเล่นๆ อยู่เสมอว่าถ้าผมแบ่งตัวได้ ทั้ง 2 ตัวที่ออกมาจะเป็นตัวผมหรือไม่ ผมจะเป็นคนใดคนหนึ่ง เป็นทั้ง 2 คน หรือไม่เป็นคนไหนเลย สมการแบ่งตัวโลกแตก 55+
โดย
Anti-Aircraft
ศุกร์ ก.พ. 04, 2011 11:54 am
0
0
Re: ชวนเล่นเกมส์จีบสาวครับ
โห เด็กๆ สมัยนี้ (ไอเดีย) แจ่มมากเลยครับ ดูแล้วนั่งยิ้มเลย
โดย
Anti-Aircraft
ศุกร์ ก.พ. 04, 2011 11:45 am
0
0
Re: ถามเกี่ยวกับ .400 จากหนังสือ แก่นแท้ของบัฟเฟตต์
การ์ตูนวัยรุ่นญี่ปุ่นนี่ถ้าตัวเอกไม่ได้มีพลังพิเศษ จะมักอยากไปโคชิเอ็งกันทั้งนั้นครับ ขนาดโนบิตะยังไปตีเบสบอลกับไจแอนท์เลย :lovl:
โดย
Anti-Aircraft
ศุกร์ ก.พ. 04, 2011 11:35 am
0
0
Re: กระแสe-bookและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
4.หนังสือมันพลิกกลับหน้าไปมาได้ง่ายกว่าในกรณีที่เราต้องการย้อนกลับไปดู รูป กราฟ หรือข้อความในหน้าก่อน ๆ เพื่อเทียบกะหน้าปัจจุบันที่เราอ่าน ถ้า Ebook OK ในเรื่องนี้ล่ะก็ หนังสืออะไรที่มี E-book ผมคงไม่ซื้อหนังสือกระดาษอ่านแน่ๆ ครับ พอดีเป็นคอนิยายสืบสวน การพลิกกลับไปดูเงื่อนงำต่างๆ กลับไปกลับมาจำ้เป็นมากครับ สำหรับการอ่านนิยายแนวนี้ :lol:
โดย
Anti-Aircraft
ศุกร์ ก.พ. 04, 2011 11:24 am
0
0
Re: ชมรมทหารปวดๆ
จายเย็นๆ ผู้หมวด ผมก็แวะมาดูเหมือนกันนะ แต่ชมรมพ่อครัวเค้ามีสูตรทำอาหาร ผมก็เลยแวะเข้าไป ก๊อปสูตร แต่ของผู้หมวด มีแต่ สูตรการรบ อ่ะ :mrgreen: คนนี้แหละ แพทย์สนาม :lovl:
โดย
Anti-Aircraft
ศุกร์ ม.ค. 28, 2011 2:08 am
0
0
Re: WACC จำเป็นกับการวิเคราะห์มากแค่ไหนครับ??
WACC คือ ต้นทุนทางการเงินครับ หรือก็คือผลตอบแทนที่คุ้มกับความเสี่ยงและค่าเสียโอกาสในการลงทุนใดๆ เสี่ยงมาก ก็ต้องคาดหวังผลตอบแทนสูง ต้นทุนก็สูง เสี่ยงน้อย ก็ต้องคาดหวังผลตอบมากไม่ได้ ต้นทุนก็ต่ำ ตัวอย่าง ความคาดหวัง vs ความเสี่ยง ก็เช่น ถ้าใครใช้ให้ผมกระโดดบันจี้จัมพ์ ปีนหน้าผา นอนป่าช้า สู้กับแพนด้าด้วยมือเปล่าแล้วให้เงิน 1000 ล้าน ผมคงทำ แต่ถ้าให้ผม 100 เดียว คงต้องคิดดูก่อน WACC จำเป็นกับการวิเคราะห์ไหม? ถ้าไม่ได้ทำ DCF ก็ไม่จำเป็น (แต่เข้าใจไว้ก็ดี เพราะการวิเคราะห์ PE ก็เป็นอีกรูปการประเมินต้นทุนทางการเงินแบบคร่าวๆ เช่นกัน) อะไรทำให้เสี่ยง ตามทฤษฏีก็คือ หนี้สิน อัตราดอกเบี้ย ความผันผวนของราคาหุ้น(Beta) ความเสี่ยงของตลาด(Market Risk Premium) ผลก็เลยเกิดเป็นสูตรคำนวณ WACC ตามหนังสือ แต่ต้องยอมรับว่านักลงทุนบางกลุ่มก็ไม่ได้ให้ความเชื่อถือ WACC ตามทฤษฎีเท่าใดนัก เพราะแท้จริงแล้วความเสี่ยงมีปัจจัยเชิงคุณภาพเป็นส่วนประกอบด้วยค่อนข้างมาก และนักลงทุน VI จำนวนมากเชื่อว่า ความผันผวนไม่ใช่ความเสี่ยง แต่ความไม่รู้ต่างหากคือความเสี่ยง พวกเขาจึงประมาณการ WACC ขึ้นเอง โดยประมาณความเสี่ยงจาก ความแข็งแกร่งของบริษัท สินค้าขายดีแค่ไหน โอกาสเติบโตเป็นยังไง อำนาจต่อรองดีไหม การแข่งขันในอุตสาหกรรมรุนแรงมากน้อยแค่ไหน ในกรณีที่ทำ DCF เราใช้ WACC เป็นตัวหาร ถ้า WACC เยอะ หมายถึงธุรกิจมีความเสี่ยงสูง มูลค่าที่วัดได้ก็น้อย ถ้า WACC น้อย หมายถึงธุรกิจมีความเสี่ยงต่ำ มูลค่าที่วัดได้ก็มาก แต่ที่จริงค่า WACC ที่ต่างกันนิดเดียวก็ให้ผลการวัดมูลค่าที่ต่างกันมาก (ไม่เชื่อลองทำดู) ฉะนั้นแม้จะวัดมูลค่าด้วยวิธีเทพๆ อย่าง DCF การมีส่วนเผื่อความปลอดภัยมากๆ ก็ยังคงจำเป็นโคตรๆ อยู่ดี TIP : หลายคนไม่รู้ว่าค่า WACC สามารถโทรถาม IR ของบริษัทนั้นๆ ได้ แต่เราจะเชื่อถือคำตอบของเขาหรือไม่ก็ต้องตัดสินใจเอาเอง
โดย
Anti-Aircraft
ศุกร์ ม.ค. 28, 2011 2:03 am
0
0
Re: รุ้งพาด น้ำท่วม ลมหนาว
"ตลาดหุ้นก็เหมือนหมอฟัน หลอกอยู่นั่น!!! ไม่เจ็บ ไม่เจ็บ" :lovl: :lovl: :lovl:
โดย
Anti-Aircraft
พฤหัสฯ. ม.ค. 27, 2011 10:44 am
0
0
Re: ไม่รู้ว่าจะตั้งไว้หมวดไหน รบกวนถามเกี่ยวกับสมัครงาน
งานที่ส่งเสริมการลงทุนแบบร่วมหุ้นทำธุรกิจที่สุด ก็ต้องทำธุรกิจเองน่ะแหละเจ๋งสุด ลองหาทางฮุบกิจการที่บ้านมาบริหารเองดูสิครับ ถ้าไม่อยู่ในตลาดก็เอาเข้าตลาดซะ แล้วเอาหุ้นจองมาแจกเพื่อนๆ นักลงทุน ดีไหม :mrgreen:
โดย
Anti-Aircraft
พฤหัสฯ. ม.ค. 27, 2011 1:41 am
0
0
Re: ไอสไตน์ นี้เขาเล่นหุ้นรึเปล่าครับ แล้วเขาชนะตลาดได้เปล่า
เห็นมีท่าน เซอร์ ไอแชค นิวตัน ด้วย ผมก็เลยอยากถามว่า ไอสไตน์เขาเล่นหุ้นด้วยรึเปล่าครับ ถ้าจำไม่ผิด ทั่นนี้จะเจ๊งนะครับ :lovl: หนังสืออ่านๆ ไปเถอะครับ ตอนผมอ่านรอบแรกไม่รู้เรื่องหรอก อ่านซ้ำซัก 2-3 รอบก็เข้าใจเอง บางเล่มอ่าน 2-3 รอบแล้วก็ยังไม่เข้าใจ ไปอ่านเล่มอื่นก่อนแล้วกลับมาอ่านใหม่ดันเข้าใจก็มี ดันโดนี่สนุกมากนะครับ นอกจากจะเผยสุดยอดเคล็ดลับทำเงินแล้วยังสร้างแรงบันดาลใจได้ดีมากด้วย แนะนำๆ :B
โดย
Anti-Aircraft
พฤหัสฯ. ม.ค. 27, 2011 1:27 am
0
0
Re: ค่า FCF
ขอความรู้ครับ ค่าFCFถ้าหาจากสูตรในหนังสือ FCF = EBIT(1-T)+DA-CAPEX-CWC 1 ถ้าเราหาแค่ปี2552ปีเดียวแล้วมาคำนวนหามูลค่าหู้นจะได้มั๊ยครับ ไม่ได้ครับ ต้องใช้ข้อมูลในอนาคต ยกเว้นเรามั่นใจว่าอนาคตมันจะเหมือนเดิมแน่ๆ ก็ใช้ได้ 2 ถ้าค่า capex และ cwc สูงมากๆ จนทำให้ค่า FCF ติดลบ จะคิดต่ออย่างไร ปกติบริษัทที่มีกำไร ไม่มีทางที่ FCF จะติดลบไปได้ตลอด วันนึงมันจะต้องเป็นบวก เราจะต้องหาให้ได้ว่าวันนั้นมันจะมาเมื่อไร โดยปกติมูลค่าบริษัทจะคิดจาก กระแสเงินสดช่วงเติบโต + กระแสเงินสดช่วงอิ่มตัว(terminal value) - หนี้สุทธิ 3 ถ้า EBIT(1-T)+DA คือ operating cash flow และ CAPEX+CWC คือ investing cash flow แก้ไขๆ operating cash flow = EBIT(1-T)+DA-CWC+รายการอื่นที่มิใช่เงินสด investing cash flow = CAPEX+เงินลงทุนอื่น ทำไมเราไม่ใช้ สูตร FCF = operating cash flow - investing cash flow โดยใช้ข้อมูลจากงบกระแสเงินสดที่รวบรวมอยู่แล้วครับ เวลาบริษัทให้ข่าวเรื่องคาดการณ์ผลการดำเนินงาน มักจะได้เป้าเป็นตัวเลขยอดขาย ต้นทุน margin การคิด FCF จาก EBIT จึงง่ายกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสูตรมันก็เป็นแค่ค่าประมาณ อย่าไปยึดติด การมองอดีตทำให้เรารู้โครงสร้างการเงินคร่าวๆ ได้ครับ แต่ไม่อาจใช้ข้อมูลในอดีตทำนายอนาคตได้ ประโยชน์ของการมองอดีต เช่น รู้ว่าค่าเสื่อมแต่ละปีประมาณกี่ % ของสินทรัพย์ดำเนินงาน รู้ว่า CWC เติบโตในอัตราใกล้เคียงกับยอดขายหรือไม่ รู้ว่าปกติเสียภาษีเท่าไร ถ้าเราหาตัวเลขต้นทุนไม่ได้ เราอาจใช้อัตรา gross margin ไว้ประมาณ EBIT จากยอดขายได้ และถ้าเราหาแม้กระทั่งตัวเลขประมาณการยอดขายไม่ได้ก็อาจประมาณให้มันเติบโตเท่าในอดีดก็ได้ แต่อย่าลืมว่าการคิด DCF ตัวเลขคลาดเคลื่อนนิดเดียว มูลค่าจะออกมาแตกต่างกันมหาศาล (โดยเฉพาะตัวเลขต้นทุนทางการเงิน) จะทำ DCF ทั้งทีควรหาข้อมูลให้ได้มากที่สุดครับ
โดย
Anti-Aircraft
อังคาร ม.ค. 25, 2011 10:49 pm
0
0
Re: บริษัทที่ผลประกอบการดีหรือไม่ดี จะไปกระทบกับราคาหุ้นโดยต
รบกวนถามครับ สงสัยมานาน ว่าอย่างบริษัทที่ผลประกอบการดี ราคาหุ้นจะปรับขึ้นตามกิจการที่มีผลกำไรหรือไม่ ตามทฤษฎี ก็เป็นอย่างนั้นครับ และในช่วงใด (หลังจากประกาศปันผลหรือแสดงบัญชีอะไรอย่างนั้นรึเปล่าครับ) ตามทฤษฎีแล้ว ไม่อาจทำนายได้ และไม่ควรจะไปทำนายด้วยครับว่าราคาจะเข้าสู่มูลค่าเมื่อไร (ความเห็นส่วนตัวคือ ถ้าตลาดปกติก็ 6 เดือน - 1 ปี) เพราะปกติเห็นบอกหุ้นพื้นฐานดี ต้องดูนู่นนี่ แต่ที่เห็นชัดคือหุ้นขึ้นลงก็เกิดจากการซื้อขายในตลาด เลยอยากทราบจริงๆครับว่าถ้าไม่เกี่ยวกับการซื้อขายในตลาดเลย มันจะกระทบกับราคายังไง ก็เงินปันผลไงครับ ลองคิดตามตัวอย่างดูนะครับ ตัวอย่างจ้า ถ้าหุ้นตัวนึงราคา 100 บาท ปันผล 20 บาท เป็นคุณจะอยากได้ไหมครับ ? สำหรับผมน่ะอยากได้โคตรๆ เพราะดอกเบี้ยเงินฝากมันแค่ 1-2% การลงทุนที่ได้ผลตอบแทน 20% ใครจะไม่อยากได้ แต่ถ้ามันปันผลหนักขนาดนั้นใครจะขายครับ เก็บไว้กินปันผลเองย่อมดีกว่า จริงไหม ? ถ้าผมอยากซื้อก็ต้องให้ราคาที่ดีจึงจะซื้อได้ ผมอยากได้ คนอื่นก็ต้องอยากได้ ก็แย่งกัน bid พอได้ราคาขายดีๆ คนขายก็ต้องเริ่มอยากทำกำไร ก็ทะยอยขาย ราคามันก็ขึ้น จริงไหมครับ? แล้วมันจะขึ้นไปถึงเท่าไร? หุ้นที่ปันผล 20 บาท ถ้าซื้อที่ 100 บาท จะได้ผลตอบแทน 20% ถ้าซื้อที่ 200 บาท จะได้ผลตอบแทน 10% ถ้าซื้อที่ 400 บาท จะได้ผลตอบแทน 5% ถ้าซื้อที่ 2000 บาท จะได้ผลตอบแทน 1% พอผลตอบแทนเริ่มน้อย คนก็ไม่ค่อยอยากได้ ราคามันก็จะอยู่แถวๆ นี้ไม่ไปไหน ณ จุดนั้นก็คือมูลค่าที่แท้จริง การขึ้นลงของราคาหุ้นมีปัจจัยอะไรบ้าง ลองอ่านตามนี้ครับ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ 555
โดย
Anti-Aircraft
อังคาร ม.ค. 25, 2011 10:12 pm
0
0
Re: เราขาดทุน หรือได้กำไร ได้อย่างไร?
ผมตีความว่าคุณ Paradaji น่าจะหมายถึง หุ้นมันขึ้นหรือลงเพราะอะไรนะครับ เลยไปนั่งค้นบทความเก่าๆ มาให้ (ว่างดีเนอะ :lovl: ) คุณ naris คิดว่าแนวทาง Funds Flow เหมาะกับตลาดหุ้นไทยไหมครับ ปีที่แล้วหุ้นถูกแต่ Funds Flow ไหลออกต่อเนื่อง คุณ naris มีความเห็นอย่างไรครับ พี่ไม่อาจไปวิเคราะห์ฟันธงกับสิ่งที่พี่ไม่รู้จริงได้ แต่ก่อนหน้านี้โดยส่วนตัวพี่เคยไปศึกษาเรียนรู้ทางด้านกราฟและแนวฟันโฟลว์พอคร่าวๆ แต่สุดท้ายพี่เลือกเอาแนวพื้นฐานเพราะแนวคำสอนของพระองค์...............โดยพี่ได้ยึดหลักคำสอนของพระพุทธองค์ที่ทรงสอนเรื่อง"อิทัปปัจยตา" หรือคือ "ความที่สิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี" หรือแปลเป็นภาษาบ้านๆคือ "มีผลเพราะมีเหตุ" พี่เลยคิดว่า ถ้าพี่หาต้นเหตุของการลงทุนเจอจริงๆ ผลที่ได้ย่อมมาจากเหตุที่พี่สร้างไว้แน่นอน ขอยกตัวอย่างนิดหนึ่งนะครับ เช่นคุณหมอตรวจไข้ เจอคนปวดหัว ปวดตัวและแสบหลังอยู่บ่อยๆ และสอบถามบางอย่างเพิ่มเติม ก็อาจจะรู้ทันทีว่าคนนี้เป็นโรคอะไร......เพราะคุณหมอรู้เหตุที่เกิด............แต่ผมไปเจอแม่ค้าท่านหนึ่งที่ไม่รู้สาเหตุนี้ รู้แค่ว่า เขาปวดหัวและปวดตัว เลยกินยาแก้ปวด(อาจจะพาราหรือทัมใจ)เพื่อระงับอาการนั้นๆ........นั่นคือการมองแต่ผล.....ไม่ได้หาเหตุที่แท้จริง..........สรุปมาวันหนึ่ง......คนๆนี้อาเจียรเป็นเลือด.........เพราะกระเพาะเขาทะลุครับ...........เพราะต้นเหตุที่เขาปวดหัว ปวดเมื่อยตัวและแสบหลัง เกิดมาจากเขาเป็นโรคกระเพาะ แต่เขากลับไปกระตุ้นโรคนั้นๆที่ปลายเหตุ............. พี่ว่าคนเล่นหุ้นในตลาดบางคนก็เหมือนๆกับแม่ค้าท่านนี้คือ............แก้แต่ปลายเหตุ.......แต่เขายังหาเหตุไม่เจอเลยครับ พี่ขอเอาไอ้ที่พี่เคยเขียนที่มาที่ไป เหตุและผล ของ การเคลื่อนไหวราคาหุ้น ที่พี่เอาไว้อธิบายให้กับตนเองและบอกเพื่อนๆ มาแชร์ให้ดูนะครับ.......... จากที่พี่มองว่า ราคาหุ้นตามกราฟ คือ ผล(สมมุติให้คือA)ที่เป็นผลเพราะมันผ่านไปแล้วจึงเป็นกราฟได้ และกฏของแนวทางนี้คือ มีกรอบแนวต้าน-แนวรับ และกรอบทิศทางทีมันเคยเป็น ส่วนถ้ามันนอกกรอบที่มันเคยเป็น เช่นถ้ามันขึ้นทะลุแนวต้านแล้ว....ควรซื้อตาม หรือถ้ามันลงทะลุแนวรับแล้ว....ควรขายตามเช่นกัน เมื่อนายตลาดหรือเจ้ามือคิดเหมือนกันว่ามันต้องเป็นแบบนั้น.........สุดท้าย.....มันก็เป็นให้ดู......แต่จริงๆนั่นมันคือผล......แล้วต้นเหตุหล่ะคืออะไร............. ต้นเหตุของA. พี่คิดว่าคือการเคลื่อนไหวของกระแสเงินสดที่ไหลเข้ามาซื้อและขายพร้อมๆกัน........สำหรับจุด ณ.ราคาและเวลานั้นๆ เสมือนหนูเรมมิ่ง......(พี่สมมุติให้เป็นB).......และพี่ยังแบ่งเส้นทางนี้ออกเป็นสามสายดังนี้ สายBแรก......เป็นโชคดีที่ตลาดเมืองไทยเป็นตลาดเกรดสอง ทำให้เราพอจะมองออกทิศทางของเงินที่จะไหลเข้าจากพ่อบุญทุ่มตัวจริงคือชาวต่างชาติ.....ถ้าใคร "เดา"โดยมีข้อมูลที่คิดว่าใช่ ว่าเขาจะขนย้ายเงินเข้ามา ก็ซื้อตาม และถ้ามีสัญญาณว่าเขาจะออกของ ก็ขายตาม......แต่การจะเข้าหรือออกของฝรั่งและกองทุนก็ยังคือผลเพราะมีเหตุบางอย่างทำให้เขามาซื้อ....แล้วเหตุตัวจริงที่ทำให้เขาซื้อหล่ะคืออะไร.......... สายBที่สอง......เป็นสายของทางเจ้ามือปั่นหุ้นที่ทุ่มเงินเข้ามาพร้อมกับปล่อยข่าวเพื่อที่จะให้มีแรงโมเมนตั้มที่ชนะแนวต้านได้.............สายนี้ถ้าใครรู้ข่าวต้นตอก่อน ก็รวยไป ใครเข้ามาทีหลังก็เยี่ยมเที่ยวยอดดอยเป็นประจำ.........อันตรายจริงๆ...........แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่ทำให้เขาติดดอยในระยะยาวได้ แสดงว่าBสองก็ยังเป็นผลที่เกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราว.........แล้วถ้างั้นเหตุตัวจริงหล่ะคืออะไร............ สายBที่สาม......เป็นสายของทางหุ้นทั่วไปที่ขึ้นหรือลงโดยไม่มีเจ้ามือใหญ่ๆเป็นตัวชี้นำ แต่เป็นรายย่อยๆที่คิดพร้อมกัน ซื้อพร้อมกัน เหมือนหนูเรมมิ่งที่ไปไหนไปด้วยกัน........หุ้นพวกนี้ส่วนมากสองกลุ่มแรกไม่ชอบเข้า........เพราะสภาพคล่องน้อยเต็มการเข้าหรือออก..........แต่บางครั้งก็ทำให้หลายท่านไปยืนบนดอยค้างฟ้าได้ แต่อาจจะยืนเป็นการชั่วคราวหรือถาวรได้เหมือนกัน.........แสดงว่าBสามก็ยังเป็นผลที่เกิดขึ้นชั่วคราว....แล้วเหตุที่พาเขาลงดอย.......คืออะไร พี่ให้ต้นเหตุของทั้งสามสายคือตัวC แล้วตัวCที่พี่ว่าคืออะไร.................อะไรเป็นตัวที่จะกำหนดราคาหุ้นให้ขึ้นหรือลงได้..................ติ๊ก..ต่อก..ติ๊ก..ต่อก เดี๋ยวมาพิมพ์ต่อ......ลองทายกันดูนะครับ ถูกต้องนะคร้าบ..........(สำหรับคนถายถูก) :P Cคือข่าวหรือความเชื่อที่เขาคิดว่ามันจะเป็น. .....เช่น เชื่อว่างบqหน้าปีหน้าจะดีสุดๆอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน.....อินไซด์ดักราคาก่อนงบออก............ราคาหุ้นเลยขึ้นก่อนงบบ่อยครั้ง....(คุ้นไหม) หรือเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกและเมืองไทยปีหน้าจะฟื้นแล้วโว้ย..ฝรั่งก็เชื่อว่า ทางเอเชียจะฟื้นแล้วววววววววว.ผลตอบแทนดีแน่นอน...(แต่เราคิดกันว่า ตอนนี้แย่ยังไม่เห็นฟื้นเลยวะ.แล้วทำไม่หุ้นขึ้นเอาขึ้นเอาวะ).....แล้วถ้ามันฟื้นจริง เพราะคิดว่าจะฟื้น.....เลยยอมใช้เงินกันทั่วโลก.....มันก็ฟื้นจริง.....ไอ้เราก็บอกฝรั่งมันเก่งหว่ะ......มันรู้ได้ไงว่าจะฟื้นวะ 555 หรือเชื่อว่า เขาบอกมาว่า10บาท วันนี้3.5เอง โหอัพไซด์อีกเพียบ.....รีบเข้าเหอ เดี๊ยวตกรถ.......ถ้ามันไปก็ไปเพราะข่าวที่พวกคุณเชื่อกันนั้นแหละ......เหมือนหุ้นมีชีวิตจาก50สตางค์ไป5บาทภายใน1ปี :shock: :ep: หุ้น10เด้งภายในปี ใครไม่อยากได้ ใครเข้ามาแล้วกำไรก็เอาไปคุยต่อ คนที่ฟังพอเห็นราคาไปต่อก็เข้าไปซื้อ ก็กำไรอีกนั่แหล่ะ เพราะมันขึ้นต่อ.ตอนนั้นข่าวสาระพัดที่จะปล่อย เพื่อให้ราคาหุ้นมันขึ้น. (หุ้นนี่มันเล่นง่ายเจรงๆ.) แต่ถ้าในทำนองกลับกันหล่ะ.ลองหุ้นตัวนั้นไม่มีใครเชื่อน้ำยาเจ้ามือ...มีแต่คนมองในแง่ลบ...มีคนทะยอยขายตลอด ไม่มีคนมารับช่วย....สักวันเจ้ามือก็จมหุ้นตายได้เหมือนกัน อยากปล่อยก็ปล่อยไม่ออก.....ยิ่งถ้ามีเจ้าหรือเสือหลายตัวอยู่ถ้ำเดียวกัน.........ขาขึ้นช่วยกันลากช่วยกันรับสร้างข่าว............แต่พอตลาดรวมไม่ดี.......มีข่าวลือว่าพี่ใหญ่ของหนูเรมมิ่งจะพาไปตาย....โห...ก็แย่งกันขายเกือบนับฟลอร์ไม่ทัน...... แย่งกันทิ้งหุ้นเหมือนมันไม่มีชีวิต จากหุ้นมีชีวิตที่เคยอยู่ 5บาท ก็เหลือ 5สตางค์ ภายในเดือนเดียว :vm: เฮ้อ.....ถ้าใครหนีไม่ทันนี่ร้องเพลงอะไรไม่รู้ดี..............แต่พี่ว่าไอ้ข่าวหรือความเชื่อมันก็ยังคือผลอีกนั่นแหละ.............. แล้วเหตุหล่ะมันคืออะไร...........พี่ให้เป็นตัวD แล้วกัน ตัวDคือเหตุของตัวC ตัวD พี่ให้มันเป็นพื้นฐานของกิจการในระยะยาว เช่น ข่าวว่าเจ้าจะลากหุ้นตัวนี้ ไป10บาท งบก็พยายามทำให้ดูดีแล้ว ข่าวก็พยายามปล่อยแล้ว แต่ลากไม่ถึงเพราะแรงเทขายเยอะ พอถึงจุดๆหนึ่ง...จะแต่งก็แต่งไม่ได้แล้ว.....พื้นฐานของหุ้นมันโผล่มาให้เห็นแล้ว ราคาหุ้นตัวนั้นๆมันก็จะสะท้อนออกมาเองว่า มันควรอยู่ที่เท่าไหร่ หรือหุ้นบางตัวถูกฟันโฟลว์พัดลงจาก5บาทกว่าไปสองบาทกว่าภายใน3เดือน แต่งบออกมาดีเยี่ยม3ไตรมาสซ้อน ก็ดันไปให้เขาอยู่ที่6บาทได้อย่างน่าภาคภูมิใจว่า.....ตูชนะฟันโฟลว์เฟ้ย...รู้ไหมตัวไหนเอ่ย :P พี่ขอสรุปก่อนที่จะมีคนงงมากกว่านี้เป็นผังนะครับว่า พื้นฐานของกิจการ ส่งผล เกิดความเชื่อและข่าว(D ----------->C) ความเชื่อและข่าว ส่งผล เกิดแรงของเงินไหลเข้าหรือออก(C------------->B) แรงของเงินไหลเข้าหรือออก ส่งผลให้เกิด กราฟ(B-------------->A) สรุปว่า ราคาระยะสั้นตามข่าว ราคาระยะยาวตามผลกำไร คร้าบท่าน :P ปล.ส่วนพื้นฐานของกิจการถ้าเราให้เป็นผล เหตุของพื้นฐานนั้นมาจากมากมายหลายส่วน ของกิจการ ถ้าใครมองออกคนนั้นก็รวย เหมือน วอเรน และอาจารย์นิเวศน์ ครับ ปล.ที่สอง หุ้นบางตัวมีคนพยายามสร้างจากCหรือBที่ส่งผลไปหาA แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในระยะยาวนั้นราคาหุ้นจะวิ่งหาเหตุคือDเสมอครับ ที่มา: กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ
โดย
Anti-Aircraft
เสาร์ ม.ค. 22, 2011 12:15 pm
0
0
Re: MAI STOCK FOCUS เล่มใหม่ซิงๆ
ขอบคุณครับ :cheers:
โดย
Anti-Aircraft
เสาร์ ม.ค. 22, 2011 9:28 am
0
0
Re: ร่วมประมูลภาพวาดสีน้ำรายได้มอบให้กองทุนยาเพื่อผู้ติดเชื้
รู้สึกว่าถ้าบริจาคจะนำไปลดหย่อนภาษีได้ด้วยหรือเปล่าครับ แบบว่าจะประมูลแข่งคงไม่มีปัญญา เท่าที่อ่านดู รู้สึกจะลดหย่อนได้นะครับ ยิ่งเสีย ภาษี 37% อย่างคุณนพพรนี่เหมาะสมอย่างยิ่งครับ :B พอดีผมได้ไปเรียนภาพวาดสีน้ำ อาจารย์และผู้เข้าเรียนรุ่นแรกๆ ได้จัดงานประมูลภาพสีน้ำ เลยอยากจะชวนพี่ๆ เพื่อนๆ แป่งปันความเอื้ออาทรต่อสังคม ด้วยการสั่งจองหรือเข้าร่วมประมูลภาพวาดสีน้ำ จากศิลปินที่พร้อมใจกันมาโชว์ฝีมือวาดภาพสีน้ำอันงดงาม รายได้มอบให้กองทุนยาเพื่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี HIVNAT http://www.hivnat.org/hivart/#panel-2 :D มีผลงานของพี่ด้วยป่าวครับ
โดย
Anti-Aircraft
ศุกร์ ม.ค. 21, 2011 1:08 pm
0
0
Re: กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์. .... หาอ่าน รายงานประจำปีหรือ
:oops: ... มีแต่ชื่อ ... ไม่มีเอกสาร กรณีนี้โทรติดต่อต้นสังกัดเลยแล้วกันครับ http://www.sci-asset.com/index.asp
โดย
Anti-Aircraft
ศุกร์ ม.ค. 21, 2011 12:58 pm
0
0
Re: กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์. .... หาอ่าน รายงานประจำปีหรือ
ตัวไหนเหรอครับที่ไม่เจอ บอกได้ป่าว (เ้ค้าไม่ตัดหน้าหรอก :lovl: )
โดย
Anti-Aircraft
พฤหัสฯ. ม.ค. 20, 2011 11:07 pm
0
0
Re: อยากทราบเรื่องการใช้สิทธิ์แปลง warrant ครับ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=20&t=45581
โดย
Anti-Aircraft
พฤหัสฯ. ม.ค. 20, 2011 9:10 pm
0
0
Re: กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์. .... หาอ่าน รายงานประจำปีหรือ
ปกติก็มีนี่ครับ http://img40.imagefra.me/i51k/skohfant/x11b_220_ubt52.jpg ตัวไหนไม่มีมาดูที่นี่ก็ได้ครับ ระบบเผยแพร่ข้อมูลหนังสือชี้ชวนและรายงานกองทุนรวม
โดย
Anti-Aircraft
พฤหัสฯ. ม.ค. 20, 2011 9:06 pm
0
0
Re: ผมจะหาค่า Risk-Premium ได้ที่ไหนครับ
เว็บในหนังสือครับ Country Default Spreads and Risk Premiums เว็บไซต์นั้นปกติจะมีการเปลี่ยนแปลง address อยู่เป็นประจำครับ โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่ปรากฏในหนังสือซึ่งเขียนมาหลายปีแล้วนี่แทบจะหาไม่เจอกันเลยทีเดียว (ไม่ว่าจะเป็นหมวดไหนก็ตาม) แต่ถ้าลอง search Google ว่า thailand risk premium จะได้เว็บนี้อันดับ 1 เลยครับ วิธีนี้สามารถใช้เป็นแนวทางในการค้นคว้าต่อไปได้ครับ :B
โดย
Anti-Aircraft
พฤหัสฯ. ม.ค. 20, 2011 8:44 pm
0
0
Re: ถามเรื่องงบการเงินหน่อยครับ
ไม่ค่อยเข้าใจคำถาม แต่ผมเชื่อว่าคำตอบอยู่ในนี้ครับ คลังกระทู้คุณค่า » งบกระแสเงินสดสามารถบอกวงจรชีวิตของบริษัท
โดย
Anti-Aircraft
พฤหัสฯ. ม.ค. 20, 2011 8:29 pm
0
0
Re: ใครใจดีช่วยสอนหน่อยครับว่างบการเงินแต่ละรายการบอกอะไร
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=15&t=37780 รายละเอียดในส่วน "ข้อมูลงบการเงิน" ส่วนใหญ่อยู่ในเล่มนี้ครับ สู้ๆ ครับ :B
โดย
Anti-Aircraft
พฤหัสฯ. ม.ค. 20, 2011 8:18 pm
0
0
Re: ขออนุญาตแจ้งข่าวครับ
ยินดีด้วยครับ ผู้หมวด ข้าราชการตัวอย่างจริงๆ
โดย
Anti-Aircraft
พุธ ม.ค. 19, 2011 6:24 pm
0
0
Re: วันนี้ผมขายหุ้นตัวแรกในชีวิตครับ
คุณ Warantact แกเป็นสาวกเกรแฮมน่ะครับ ผมเคยลองใช้หลักเกรแฮมบ้างบางโอกาส ทั้งๆที่ดูก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร แต่ผลคือเจ็บตัวครับ :cry: ยังไงช่วยแชร์หน่อยสิครับว่าตอนเลือกตัวนี้นอกจากหลัก net-net แล้วมีเคล็ดลับอะไรอีกหรือเปล่าครับ :oops:
โดย
Anti-Aircraft
อังคาร ม.ค. 18, 2011 10:42 pm
0
0
Re: อยากทราบเรื่องการใช้สิทธิ์แปลง warrant ครับ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=20&t=45581
โดย
Anti-Aircraft
อังคาร ม.ค. 18, 2011 10:45 am
0
0
Re: ชมรมสิงห์อมควัน
ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์หน่อยนะครับ สมัยเด็กๆ ครอบครัวผมมีอยู่กัน 6 คนคือ พ่อ แม่ ผม พี่สาว และตากับยาย โดยคุณตาของผมเป็นคนที่สูบบุหรี่จัดมาก วันละ 2 ซองนี่เรียกได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจากพ่อแม่ผมเป็นครูและทำงานทั้ง 2 คน คุณตาจึงเป็นคนเลี้ยงผมมาตั้งแต่ยังเล็ก และผมก็ดันเป็นเด็กเปรตที่มีนิสัยชอบเล่นควันบุหรี่มากๆ เวลาตาพ่นควันผมก็ชอบกระโดดคว้าควันบุหรี่เล่น ทำให้สมัยเด็กผมต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นด้วยอาการไอเรื้อรัง ร่างกายอ่อนแอ และเหนื่อยหอบง่าย ตอนนั้นผมอายุประมาณ 3 ขวบ อยู่มาวันหนึ่งคุณตาผมก็เลิกบุหรี่เด็ดขาดชนิดหักดิบอย่างกระทันหัน (โดยตาผมได้หันมานัดยานัตถุ์แทน และผมเป็นคนไปซื้อยานัตถ์ให้ตาที่ร้านขายยาเป็นประจำ) อาจเป็นเพราะช่วงนั้นเริ่มมีการประชาสัมพันธ์เรื่องโทษของบุหรี่จากสื่อต่างๆ ทำให้ตารู้ว่าโรคของผมเป็นเพราะบุหรี่ ผมไม่รู้หรอกว่าตาทำได้ยังไง ยากไหม ทรมานไหม และทนได้ยังไง ผมได้ทราบเรื่องนี้จากแม่ตอนที่มีอายุพอสมควร จึงรู้ว่าตารักและทำเพื่อผมมากมายขนาดไหน ตอนผมอยู่ ม. 3 ย่างเข้า ม.4 ตาผมก็เสียชีวิตลงอย่างสงบที่บ้านตอนอายุ 91 ปี ตาสิ้นลมหายใจระหว่างที่ผมกำลังสวดมนต์ให้ทั้งน้ำตา ห้อมล้อมไปด้วยครอบครัวพร้อมหน้า ทั้งพ่อ แม่ ผม และพี่สาว ทั้งหมดคือเหตุผลที่ทำให้ผมไม่เคยสูบและแม้แต่คิดจะแตะต้องบุหรี่เลยจนกระทั่งทุกวันนี้ ปล. ผมแอบนัดยายี่ห้อเดียวกับที่ตาเคยใช้บ้างตอนไปเที่ยวกับเพื่อน เพื่อนๆ ผมทุกคนเข้าใจเรื่องนี้ และบางคนก็ขอลองบ้าง ทั้งที่เพื่อนๆ ผมก็สูบบุหรี่กันทุกคน ข้อมูลเพิ่มเติม ยานัตถุ์ (อังกฤษ: snuff, dry nasal tobacco) คือ ยาผงที่ใช้สำหรับเป่าเข้าทางจมูก อาจใช้เพื่อรักษาโรคหรือไม่ก็ได้ ตัวยาอาจประกอบด้วยส่วนผสมหลายอย่างอาทิ ยาสูบ สเปียร์มินต์ อบเชย เมนทอล การบูร การใช้ยานัตถุ์อาจจัดเป็นการสูบยาชนิดหนึ่งที่ไม่ต้องใช้ควันไฟ วิธีใช้ใช้โดยนำผงยานัตถุ์บรรจุลงไปในท่อเหล็กรูปตัวยู ใส่ปลายท่อด้านหนึ่งเข้ารูจมูกแล้วใช้ปากเป่าปลายท่ออีกด้านหนึ่ง เพื่อให้ตัวยาฟุ้งกระจายเข้าไปในโพรงจมูก (เรียกว่า การนัตถุ์) ผู้ที่ใช้ยานัตถุ์จะรู้สึกเคลิบเคลิ้มเหมือนได้สูบบุหรี่ ในประเทศไทย ยานัตถุ์ใช้กันมากในกลุ่มผู้สูงอายุ และยี่ห้อของยานัตถุ์ที่เป็นที่รู้จัก คือ ยานัตถุ์หมอชิต ยานัตถุ์หมอมี เป็นต้น ข้อมูลจากวิกิพีเดีย หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ :lovl:
โดย
Anti-Aircraft
ศุกร์ ม.ค. 14, 2011 2:54 pm
0
0
Re: ถามเรื่องการหามูลค่าที่แท้จริงหน่อยครับ
สั่งทางเน็ตเอาครับ เร็วดี http://dekisugi.net/books ระหว่างรอหนังสือก็อ่านกระทู้นี้เล่นๆ ไปก่อน :lovl: http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=35&t=1250
โดย
Anti-Aircraft
ศุกร์ ม.ค. 14, 2011 12:34 pm
0
0
Re: ห้องที่รวมกระทู้หายไปไหนหรือครับ??
ถ้าหมายถึง คลังกระทู้คุณค่า ต้อง login ถึงจะมองเห็นครับ
โดย
Anti-Aircraft
พฤหัสฯ. ม.ค. 13, 2011 11:02 pm
0
0
Re: ขอชื่อ-นามสกุลผู้ที่จองvisit synex ด้วยค่ะ
pm ไปแล้วครับ ขอบคุณครับ
โดย
Anti-Aircraft
พฤหัสฯ. ม.ค. 13, 2011 10:42 pm
0
0
Re: 10 ล้านบาทแรกในชีวิต (ลอกจาก Post คุณ Skyforever)
เห็นด้วยกับพี่ตี่อย่างยิ่งครับ ชีวิตคนเราต้องเดินทางตลอดเวลา เป้าหมาย 10 ล้านบาท ควรแล้วหรือ ที่จะเป็นเป้าหมายหลักของชีวิต เวลาคุณประสบความสำเร็จ คุณและคนรอบข้างจะชื่นชนชมมันได้นานแค่ไหนครับ ตอนผมสอบได้ที่ 1 ตอนประถมครั้งแรก พ่อแม่ก็ดีใจใหญ่ ขออะไรก็ได้ พอได้บ่อยเข้าก็ไม่สำคัญอีกต่อไป หลังจากนั้นพอได้ที่ 1 ก็แค่เสมอตัว ถ้าพลาดโดนด่าเละ ผมก็เลยไม่อยากได้ที่ 1 อีกต่อไป ตอนเรียนจบมหาลัยก็ดีใจ จะได้เลิกเรียนสักที ได้งานดีๆ ชีวิตจะได้มีอิสระเสรี ทำอะไรได้ตามใจ แล้วก็พบว่าชีวิตมนุษย์เงินเดือนมันติดคุกยิ่งกว่าตอนเรียนอีก ทำดีเสมอตัว ทำไม่ดี หรือทำดีเกินหน้าที่ก็โดนด่า ต้องทำตัวเหมือนหุ่นยนต์ ต้องคิด ต้องพูด ต้องทำ เหมือนคนอื่น ไม่งั้นจะมีปัญหากับที่ทำงาน ผมจึงไม่อยากทำงานในบริษัทดีๆ อีกต่อไป (แต่คนอื่นอาจไม่เป็นแบบผมนะ) พอมาเล่นหุ้น วิธีการได้ แนวทางถูก ได้กำไรหน่อยก็ดีใจ ตอนได้เงินแสนแรกจากหุ้นดีใจแทบตาย จากนั้นก็เข้าสเต็ปเดิมๆ ถ้ากำไรดีก็ไม่มีใครว่าอะไร ถ้าขาดทุนมาก็คงโดนทางบ้านยำเละ ผมจึงไม่สนใจว่าจะได้กำไรหรือขาดทุนเท่าไรอีกต่อไป ผมยังไม่มีเงิน 10 ล้าน ผมรู้ว่าผมหาได้แน่ แต่ไม่สนหรอกว่าจะได้มันมาเมื่อไร ตอนนี้ผมสนใจแต่ว่าโลกการลงทุนทำให้ผมมีเพื่อนร่วมทางดีๆ ที่คอยร่วมแบ่งปันความคิด ชีวิต และกำลังใจ เพื่อนที่ไม่สนใจว่าพอร์ตผมจะมีขนาดเท่าไร มีตำแหน่งอะไร หรือเป็นลูกน้องใคร เรามีเวลาทั้งชีวิตในการเดินทาง หากการเดินทางของคุณเปี่ยมไปด้วยความทุกข์ จุดหมายจะมีประโยชน์อะไร หากการเดินทางของคุณเปี่ยมไปด้วยความสุข แม้ต้องอยู่ตรงข้ามกับโลกทั้งใบ จะต้องไปแคร์อะไร
โดย
Anti-Aircraft
พฤหัสฯ. ม.ค. 13, 2011 1:14 pm
0
9
Re: เพลง รู้อะไร ไม่สู้ รู้งี้
ช่างไพเราะและเปี่ยมไปด้วยสัจธรรม :cheers:
โดย
Anti-Aircraft
พฤหัสฯ. ม.ค. 13, 2011 11:16 am
0
0
Re: วันนี้ผมขายหุ้นตัวแรกในชีวิตครับ
ไม่สน ไม่มี แต่คราวหน้าจะซื้อตัวไหน pm มาบอกผมด้วย :lovl:
โดย
Anti-Aircraft
อังคาร ม.ค. 11, 2011 11:07 pm
0
0
Re: มาตั้งจิตอธิษฐานเริ่มทำสิ่งดีๆ ในปีสุดท้ายบนโลกนี้กันเถอ
ถ้าเป็นปีสุดท้ายก่อนโลกจะเเตกจริงๆละก็.... ขอไปกอดคนที่เรารักก่อนได้ปะ ? :D :D :D ระวังหนามนะครับ :B
โดย
Anti-Aircraft
อังคาร ม.ค. 11, 2011 11:05 pm
0
0
Re: Wacoal ธุรกิจน่าสนไหมคับ
มีแบบสรุปให้ดู http://www.set.or.th/set/factsheet.do?symbol=wacoal&language=th&country=TH ไม่ทราบว่าถ้าผมจะดูข้อมูลของบริษัทอื่นแบบลิงค์นี้ ผมต้องเข้าไปตรงไหนครับ พยายามหาใน SET แล้วแต่ไปไม่ถูก http://img40.imagefra.me/i51b/skohfant/j5bc_1cc_ubt52.jpg ตามนี้ครับ
โดย
Anti-Aircraft
อังคาร ม.ค. 11, 2011 10:59 pm
0
0
Re: อยากทราบความหมาย การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแ
ช่วงนั้นผมคงอ่านนิยายมากไปหน่อย อ่านเรื่อง The godfather ฉบับแปลของ ว.เมืองลุง เจ้าพ่อตัวเอกในเรื่องพูดว่า the revenge is the meal best eaten cold แปลเป็นไทยประมาณว่าการแก้แค้นคืออาหาร ที่อร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว ที่ไปที่มาก็คือครอบครัวเจ้าพ่อตัวเอกในเรื่องโดนเจ้าพ่อกลุ่มอื่นๆรวมหัว กันกำจัด ตัวเจ้าพ่อเองถูกยิงบาดเจ็บ ต่อมาลูกชายคนโตตัวแทนตระกูลก็ถูกยิงตาย เหลือแต่ลูกชายคนเล็กที่ศัตรูเห็นว่าไม่น่าจะมีพิษภัยเท่าไหร่ ตระกูลของเจ้าพ่อต้องอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวเรื่อยมา แต่ภายใต้สถานการณ์อย่างนั้นศัตรูไม่รู้ว่าเจ้าพ่อกับลูกชายคนเล็กกำลังคิด การใหญ่ เฝ้ารอวันที่ศัตรูประมาทที่สุด เมื่อวันนั้นมาถึง(วันที่ตัวเจ้าพ่อเพิ่งตายไปไม่นาน)ลูกชายคนเล็กก็จัดการ ล้างแค้นแบบเด็ดขาด ภายในเวลาไม่ถึง 24 ชม.ทุกสิ่งทุกอย่างก็พลิกหน้ามือเป็นหลังเท้า นี่ก็เป็นที่ไปที่มาของคำพูดข้างต้นครับ เหมือนเรากินอาหารก็ควรปล่อยให้เย็นดีเสียก่อน ไม่ลวกปากลวกท้อง ส่วนผมเอามาแปลงจากการล้างแค้นเป็นการลง ทุน เพราะบางสถานการณ์ก็คล้ายๆกัน บางครั้งการลงทุนเหมือนเราต่อสู้เพียงลำพังกับตลาดที่มองข้ามหุ้นเราไป หลายครั้งมีเสียงหัวเราะเย้ยหยันว่าเล่นหุ้นแบบ vi จะไปไหวเร้อ กินแต่ปันผลจะไปรวยได้ไง เราต้องทนกับคำพูดเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เมื่อถึงวันนึงจะเป็นจุดเปลี่ยน วันที่มหัศจรรย์การทบต้นเริ่มส่งผล และวันนั้นจะเป็นวันของเรา วันที่พอร์ตของเราชนะแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด มีอิสระภาพทางการเงิน ไม่จนอีกต่อไปครับ ผมก็ติดใจเหมือนคุณ verapongzz แหละครับ เลยจดนิยามเก็บไว้ด้วย อยู่ในหน้าไหนซักหน้าของกระทู้ปรับพอร์ตของคุณลูกอิสานในคลังกระทู้คุณค่าน่ะครับ ขออนุญาตยกมาแปะที่นี่นะครับ ด้วยความเคารพครับ
โดย
Anti-Aircraft
อังคาร ม.ค. 11, 2011 2:16 pm
0
0
Re: มาตั้งจิตอธิษฐานเริ่มทำสิ่งดีๆ ในปีสุดท้ายบนโลกนี้กันเถอ
ขอนำพรปีใหม่ของคุณเด็กเลี้ยงแกะมาลงไว้ที่นี่นะครับ เป็นของขวัญปีใหม่ที่วิเศษมาก ของขวัญจากกาลเวลา ลองจินตนาการว่ามีธนาคารแห่งหนึ่งเข้าบัญชีให้คุณทุกเช้า เป็นเงิน 86,400 บาท ไม่มีการยกยอดคงเหลือไปวันรุ่งขึ้น ทุกตอนเย็นจะลบยอดคงเหลือทั้งหมดที่คุณไม่ได้ใช้ระหว่างวัน คุณจะทำอย่างไร ? แน่นอนที่สุดคุณต้องถอนมาใช้ทุกบาททุกสตางค์ ใช่ไหม!!! เราทุกคนมีธนาคารอย่างนั้นเหมือนกัน ธนาคารแห่งนี้ชื่อว่า “เวลา“ มันเข้าบัญชีให้คุณ 86,400 วินาที ทุกคืนมันจะถูกล้างบัญชีถือว่าขาดทุน ตามจำนวนที่คุณพลาดโอกาสที่จะลงทุนในสิ่งดี ๆ มันไม่สะสมยอดคงเหลือ ไม่ให้เบิกเกินบัญชี ในแต่ละวันจะเปิดบัญชีใหม่ให้คุณ ทุกค่ำคืนจะลบยอดคงเหลือของทั้งวันออกหมด ถ้าคุณเสียโอกาสที่จะใช้ประโยชน์ในระหว่างวัน ผลขาดทุนเป็นของคุณ ไม่สามารถถอยหลังกลับไปได้ ไม่มีการถอนของ “วันพรุ่งนี้“ มาใช้ได้ คุณต้องมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันด้วยยอดเงินฝากของวันนี้ ให้ ลงทุนจากเงินฝากเหล่านี้เพื่อได้ผลตอบแทนมาสูงสุด ไม่ว่าจะเป็น เพื่อสุขภาพ ความสุข และความสำเร็จ! นาฬิกากำลังเดิน ทำวันนี้ให้ดีที่สุด จะรู้ถึงคุณค่าของเวลา หนึ่งปี ... ให้ไปถามนักเรียนที่สอบตกต้องซ้ำชั้น จะรู้ถึงคุณค่าของเวลา หนึ่งเดือน ... ให้ไปถามคุณแม่ที่คลอดลูกก่อนกำหนด จะรู้ถึงคุณค่าของเวลา หนึ่งสัปดาห์ ... ให้ไปถามนักเขียนหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ จะรู้ถึงคุณค่าของเวลา หนึ่งชั่วโมง ... ให้ไปถามคนรักที่กำลังรอคอยตามนัดหมาย จะรู้ถึงคุณค่าของเวลา หนึ่งนาที ... ให้ไปถามคนที่เพิ่งพลาดขบวนรถไฟ จะรู้ถึงคุณค่าของเวลา หนึ่งวินาที ... ให้ไปถามคนที่เพิ่งรอดหวุดหวิดจากอุบัติเหตุ จะรู้ถึงคุณค่าของเวลา เสี้ยววินาที ... ให้ไปถามคนที่เพิ่งชนะได้รางวัลเหรียญทองโอลิมปิค ทำทุกขณะที่คุณมีให้มีคุณค่า! และทำให้มีคุณค่ามากขึ้นไปอีกเพราะคุณใช้มันร่วมกับคนพิเศษบางคน ให้พิเศษเพียงพอที่จะใช้เวลาของคุณ และจำไว้เสมอว่าเวลาไม่คอยใครแม้สักคนเดียว เมื่อวานเป็นอดีต พรุ่งนี้ยังยากที่จะอธิบาย วันนี้เป็นของขวัญ นั่นไงทำไมมันถึงถูกเรียกว่า “Present“ วันนี้ทำสิ่งที่ได้อธิษฐานไว้กันหรือยังเอ่ย (พูดกับตัวเองครับ) :D
โดย
Anti-Aircraft
จันทร์ ม.ค. 10, 2011 9:58 pm
0
0
Re: ขอน้อมรับคำสอน เตือน แนะนำ จากพี่ๆที่เดินทางสายนี้มาก่อน
ผู้หญิงดีๆ ที่อาจจะไม่สวย ที่อาจจะที่น่าเบื่อ ที่อาจจะซื้อไม่ได้ด้วยเงิน ที่อาจจะเป็นคนดี ที่อาจจะรักเรา ทำไมไม่จีบกันล่ะครับ เคยโดนผู้หญิงที่คิดว่าดีทิ้งเพราะเงินเหมือนกัน แต่ไม่มีประโยชน์ที่จะโทษคนอื่น ซื้อหุ้นซักตัววิเคราะห์แทบตาย กำไร ดูธรรมาภิบาล ดูผู้บริหาร ดูงบ ไปประชุม รักใครสักคนดันเป็นรักแรกพบ ยังไงๆ อยู่นะ เหรียญมีสองด้าน สะท้อนอีกมุมนะครับ 555+ :lovl:
โดย
Anti-Aircraft
อาทิตย์ ม.ค. 09, 2011 9:39 pm
0
0
Re: company visit synex 17/1/54 เวลา 9.00-12.00 น.
1 ที่ครับผม ขอบคุณครับ
โดย
Anti-Aircraft
ศุกร์ ม.ค. 07, 2011 11:39 pm
0
0
Re: ร่วมด้วยช่วยวิเคราะห์ #กลยุทธ์การเลือกหุ้นในปีหน้า@@
เท่าที่เคยอ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างดอกเบี้ยกับภาวะเศรษฐกิจตามความเข้าใจของผม (ซึ่งอาจจะมั่ว) 1. มองจากภาครัฐ เศรษฐกิจแย่ -> อยากกระตุ้นเศรษฐกิจก็ต้องเพิ่มกำลังซื้อ -> ก็ต้องกระตุ้นให้ธนาคารปล่อยกู้ -> ก็ต้องมีนโยบายลดดอกเบี้ย -> เงินมากำลังก็ซื้อมา -> ค้าขายก็ง่าย -> เศรษฐกิจก็เริ่มดี -> พอมากไปก็กลัวจะเป็นฟองสบู่ (ประชาชนใช้จ่ายเงินกันเพลิน จนไม่มีปัญญาใช้หนี้) -> เลยอยากให้ปล่อยกู้น้อยลง -> ก็ต้องมีนโยบายขึ้นดอกเบี้ย -> เศรษฐกิจก็ชะลอตัว 2. มองจากมุมมองธนาคาร พอความมั่นใจในสภาพเศรษฐกิจเริ่มมา -> ธนาคารก็มั่นใจที่จะปล่อยสินเชื่อ -> อยากปล่อยมากๆ -> ก็ต้องดึงดูดด้วยดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำ -> ก็ต้องอนุมัติง่าย -> เงินในระบบก็มีมาก -> กำลังซื้อก็เพิ่ม -> พอเริ่มปล่อยกู้เยอะไป -> ก็เริ่มกลัวเก็บหนี้ไม่ได้ -> ก็ต้องขึ้นดอกเบี้ย -> ก็ต้องอนุมัติยากขึ้น -> กำลังซื้อก็ต้องลด -> เศรษฐกิจก็ต้องชะลอตัว ถ้าวงจรดำเนินไปด้วยดีอย่างสมดุล เศรษฐกิจก็จะโตสลับกับชะลอตัวไปเรื่อยๆ ถ้าเสียสมดุลก็จะเป็นฟองสบู่ พอมันแตกก็จะเป็น crisis จริงๆ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าการวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจนั้นมีสัญญาณอะไรที่ควรดูบ้าง ใครพอรู้ก็มาช่วยแชร์หน่อยนะครับ
โดย
Anti-Aircraft
พุธ ม.ค. 05, 2011 10:36 am
0
0
Re: ชีวิตคือการเดินทาง
:bow: :bow: :bow: ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆ ครับ
โดย
Anti-Aircraft
อังคาร ม.ค. 04, 2011 2:04 pm
0
0
718 โพสต์
of 15
ต่อไป
ต่อไป
ชื่อล็อกอิน:
Anti-Aircraft
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ที่อยู่:
ทุกความทรงจำที่สดใส
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พุธ ก.ย. 09, 2009 9:45 am
ใช้งานล่าสุด:
จันทร์ มี.ค. 09, 2015 8:31 am
โพสต์ทั้งหมด:
807 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.04% จากโพสทั้งหมด / 0.15 ข้อความต่อวัน)
ลายเซ็นต์
อย่ายอมแพ้
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว