Re: DVD งาน 10 ปี Thai VI สั่งซื้อได้แล้ววันนี้ ++วันสุดท้าย Gobkung จำนวน 1 ชุดครับ / 550.05 บาท / KBANK โอนวันที่ 22 ก.ย. 56 เวลา 17.39 น. ส่ง นาย พงศกร เอื้อชวาลวงศ์ 200 ถ.โพศรี ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี 41000 โดย Gobkung อาทิตย์ ก.ย. 22, 2013 8:27 pm

Re: ขอเชิญร่วมแสดงมุทิตาจิต แด่ ดร.นิเวศน์ 60 ปี ผ่านช่องทาง ขอให้อาจารย์นิเวศสุขภาพร่างกายแข็งแรงนะครับ ขอให้ครอบครัวของอาจารย์มีแต่ความสุขสงบร่มเย็น ผมเองจากมนุษย์เงินเดือนธรรมดาที่ไม่มีความรู้เรื่องการลงทุนอะไรเลยมาถึงวันนี้ได้เพราะเรียนรู้จากงานเขียนของอาจารย์นิเวศครับ ดีใจมากที่มีโอกาสเจอตัวจริงของอาจารย์ที่ผมเคารพตอนที่ผมไปเป็นวิทยากรงานสังสรรค์ของสมาคมครับ ขอขอบพระคุณอาจารย์จากใจครับ -/\- โดย Gobkung เสาร์ ส.ค. 17, 2013 12:06 am

Re: ดี-เกิน-ไป/คนขายของ ขอบคุณครับ :D โดย Gobkung จันทร์ ก.พ. 18, 2013 9:24 pm

Re: ขอความรู้ในการดูพื้นฐาน และการดูหุ้นเติบโต ผมเคยเขียนเนื้อหาเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นเติบโตเอาไว้ คุณ bigzaa หรือผู้ที่สนใจเรื่องนี้ลองอ่านดูนะครับ :) :) :) http://pongsakorne.blogspot.com/2012/08/growth-stock.html ขอบคุณครับ โดย Gobkung เสาร์ ธ.ค. 22, 2012 10:29 am

Re: Presentation งานสังสรรค์ 3Q12 ที่เสวยริมน้ำ ขอบคุณพี่คนขายของมากๆครับ :bow: :bow: :bow: โดย Gobkung จันทร์ พ.ย. 26, 2012 10:47 am

Re: Growth stock ดีจริงหรือ? เห็นหัวข้อ Growth stock เลยแอบเข้ามาอ่าน :oops: :oops: ผมคิดว่าการลงทุนคงแล้วแต่ความชอบ ความถนัดของแต่ละคนน่ะครับ ถ้าสำหรับผม Growth stock ดีแน่นอนครับ (แต่ต้องซื้อที่ราคาเหมาะสม มี MOS นะครับ) โดย Gobkung จันทร์ ก.ย. 03, 2012 9:05 pm

Re: การลงทุนใน Growth stock และจิตวิทยาการลงทุน ผมไปงานสังสรรค์ครั้งแรก แทบไม่รู้จักใครเลยครับ ขอบคุณพี่ธันวาและทีมงานทุกท่านมากที่ให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเอง ขอโทษเพื่อนๆนักลงทุนหลายท่านด้วยที่ต้องรีบกลับ ผมเชื่อว่าหลายท่านตั้งใจมางานนี้เพื่อฟังผม...บางคนมาครั้งแรก บางคนจองไม่ทันก็พยายามจะสมัครสมาชิกเพื่อให้ได้สิทธิ์จองรอบ 2 เพื่อมาฟังการบรรยายครั้งนี้ ด้วยความที่พูดคุยทางเนตผมจะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร...ดังนั้นหลายท่านเห็นหน้าผมใน blog แต่ผมไม่เคยเห็นใครเลย ถ้ามีโอกาสหน้าเข้ามาทักทายได้เลยนะครับ แม้ว่าจะผมจะนั่งโต๊ะ VIP ผมก็ไม่ได้เป็นคนถือตัวอะไรครับ ผมคิดว่าผมเป็นเพียงนักลงทุนธรรมดาคนนึงเท่านั้น มาเพื่อให้ความรู้ในการลงทุน มาเพื่อแชร์สิ่งที่รู้ ไม่ได้มาเพื่อบอกว่าตัวเองเก่งหรือพอร์ตใหญ่อะไร ...เพราะใจผมไม่เคยคิดเช่นนั้นเลยครับ ขอบคุณทีมงานทุกท่านและขอบคุณเพื่อนนักลงทุนที่ตั้งใจมางานนี้ครับ หวังว่าจะได้ประโยชน์จากการบรรยายเรื่องหุ้นเติบโตนะครับ ขอบคุณครับ โดย Gobkung จันทร์ ส.ค. 27, 2012 9:00 pm

Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ ทำได้แน่นอนครับ ผมลงทุนตอนอายุเกือบ 30 ปีเหมือนกันครับ ขอเป็นกำลังใจให้ ยิ่งถ้าเรารู้ว่าเราจะลงทุนไปเพื่ออะไร? มีเป้าหมายในการนำผลตอบแทนไปทำประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่น เช่น การช่วยเหลือสังคม การดูแลพ่อแม่ ฯลฯ เราจะมีกำลังใจและไม่ท้อแท้ง่ายๆ การเดินทางไกลพลังใจเป็นเรื่องสำคัญครับ ขอให้พัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยและมีความสุขกับกับการสร้างเหตุที่ดี (ออมเงิน นำเงินมาลงทุน พัฒนาฝีมือการลงทุน พัฒนาจิตใจ ฯลฯ) แล้วผลที่ดีจะตามมาเองครับ :) :) :) โดย Gobkung ศุกร์ ธ.ค. 02, 2011 10:27 am

Re: Michael Burry ขอบคุณสำหรับบทความครับ โดย Gobkung ศุกร์ ก.ย. 30, 2011 6:46 pm

Re: "หรูหรา" ในวิกฤต ขอบคุณพี่คนขายของครับ :bow: :bow: จะลองนำไอเดียไปต่อยอดศึกษาเพิ่มเติมนะครับ โดย Gobkung เสาร์ ก.ย. 17, 2011 8:48 pm

Re: VI สายดำ/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ขอบคุณครับ โดย Gobkung เสาร์ ก.ย. 10, 2011 5:46 pm

Re: สิ่งที่ผมเรียนรู้จากการอยู่ในตลาดหุ้นมา 8 ปี ขอบคุณมากครับ :bow: :bow: โดย Gobkung เสาร์ ก.ย. 03, 2011 4:25 pm

Re: สิ่งที่ผมเรียนรู้จากการอยู่ในตลาดหุ้นมา 8 ปี ขอบคุณมากครับ :bow: :bow: โดย Gobkung เสาร์ ก.ย. 03, 2011 4:25 pm

Re: ลงทุนแบบ ปีเตอร์ ลินซ์ ขอบคุณครับ :bow: :bow: :bow: โดย Gobkung จันทร์ ส.ค. 22, 2011 8:14 pm

Re: ชมรมหมอ VI สวัสดีครับคุณหมอ2BOK มาขอวิชาหน่อยครับ คาถาลงทุน BuVaPiCaMos ประกอบด้วยอะไรบ้างและตามอ่านในกระทู้ไหนได้บ้างครับ(คุ้นๆว่าคุณหมอเคยเขียนไว้) :D สวัสดีครับ คุณหมอ torpongpak ยินดีที่ได้รู้จักครับ แต่ไม่บังอาจให้วิชาหรอกครับ ความรู้ผมยังไม่ถึงขั้นนั้น ถือว่าแชร์ไอเดียกันนะครับ หัวใจของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่ถูกใจผม คือ BuVaPiCaMos รายละเอียดส่วนใหญ่อยู่ในหนังสือกุญแจห้าดอกของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่พี่พรชัยเคยแปลไว้ครับ โดยสรุปเป็นการรวบยอดหลักการลงทุนของเกรแฮมและบัฟเฟท์ ซึ่งเน้นให้พิจารณา 5 ปัจจัยต่อไปนี้ ก่อนการซื้อหุ้นแต่ละตัว Bu = business model เราต้องเข้าใจสภาพโดยรวมของกลุ่มอุตสาหกรรมที่สนใจ (top down approach) และพิจารณาปัจจัยเชิงคุณภาพของหุ้นที่สนใจ (bottom up app) โดยดูจาก 5 forces model, SWOT analysis และกลยุทธ์ของบริษัท เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นบริษัทที่มี DCA , มี demand trend ขาขึ้น, มี snow ball effect และมี downside risks น้อย ต้องมีผู้บริหารที่ซื่อสัตย์และมีความสามารถ และสุดท้ายคือต้องคิดและทำแบบการมีส่วนร่วมในกิจการ แบบที่พี่มุขแนะนำแนวคิดในการลงทุนซื้อหุ้นร้านเพชรและนักร้อง Va = valuation เราสามารถประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของบริษัท ได้จากการพิจารณามูลค่าสินทรัพย์ (reproductive cost of assets), ศักยภาพการทำกำไร (earning power value or franchise), การอาศัย comparison-based tools (เช่น P/E, P/B, EV/sale, EV/EBIDA) รวมถึงการคำนวณ DCF Pi = Price เมื่อได้บริษัทที่ถูกใจและคำนวณมูลค่าที่เหมาะสมได้แล้ว ขั้นต่อไปคือ การซื้อในจังหวะที่เหมาะสม โดยซื้อตอนตีสี่ (ตามคำแนะนำของเสี่ยยักษ์) ซึ่งเป็นช่วงที่ indy ต่างๆเริ่มบอกถึงแนวโน้มการกลับตัว อย่าไปซื้อของแพงในขณะที่ทุกคนกำลังแย่งกันซื้อ นอกจากมั่นใจว่าราคายัง undervalue มากๆ Ca = catalysts เลือกบริษัทที่มีตัวเร่งให้มีการเติบโตของกำไรในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า Mos = margin of safety สุดท้ายคือกฎข้อที่สำคัญที่สุดของบัฟเฟทท์ คือ อย่าขาดทุน โดยการซื้อในราคาที่มี MOS ซึ่งพิจารณาได้สองด้าน คือ 1. ซื้อในราคาที่ยัง undervalue มากๆ เมื่อเทียบกับมูลค่าที่คำนวณได้ 2. ซื้อตอนที่มีการลดราคามากๆ ในช่วง panic sell ยอดเยี่ยมเลยครับพี่หมอ 2BOK :bow: :bow: :bow: เข้ามาขอรับความรู้ครับผม ^^ โดย Gobkung จันทร์ ส.ค. 22, 2011 8:06 pm

Re: เพื่อนๆว่า"GAME"ไหนคล้ายกับการลงทุนในตลาดหุ้นบ้างครับ? กลยุทธ์และแนวทางของคุณหมอก๊อบสุดยอดมากครับ :bow: :bow: :bow: ขอบคุณที่เอามาแชร์กันครับ ผมสังเกตมานานแล้วว่าถึงแม้จะใช้หลักการเดียวกันเช่นลงทุนแบบ VI เหมือนกัน แต่เหล่ายอดฝีมือเขาจะมีวิธีการเป็นของตัวเองกันเสมอเลย ส่วนตัวผมยังต้องเรียนรู้พัฒนาอีกเยอะเลยครับ :) ยินดีที่ได้พูดคุยกับคุณหมอมากครับ :) ผมเข้ามาลงทุนได้ 3 ปีกว่า ๆ ตอนเริ่มลงทุนอายุ 27 ปีครับ ดูเหมือนผม คุณหมอก๊อบและคุณหมอ torpongpak น่าเป็นเป็นคนรุ่นเดียวกันครับ :) ยินดีที่ได้รู้จักครับ ยินดีที่ได้รู้จักคุณ peacedev เช่นกันครับ :) :) ผมเองยังต้องเรียนรู้และพัฒนาตนเองอีกเยอะเช่นกันครับ :) ผมว่าการคุณ peacedev ถ่อมตนทั้งๆที่ความสามารถสูงและพัฒนาตนเองตลอดเวลา จะทำให้คุณ peacedev เก่งขึ้นไปเรื่อยๆ และหลุดพ้นไปจาก Overconfidence Bias ที่คนส่วนใหญ่มีกัน กลายเป็น confidence ความมั่นใจจากการทำผลงานที่ดี การพัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่องและไม่ประมาทครับ บทความใน blog ของคุณ peacedev น่าสนใจมากเลยครับ แต่เห็นหยุดเขียนไป ผมเชียร์ให้กลับมาเขียนต่อนะครับ (อยากอ่าน...แหะๆ) สักวันจะขอให้คุณ peacedev สอนเล่น poker :D :D โดย Gobkung พฤหัสฯ. ส.ค. 18, 2011 7:45 pm

Re: เพื่อนๆว่า"GAME"ไหนคล้ายกับการลงทุนในตลาดหุ้นบ้างครับ? เข้ามาฟังเลทเชอร์พี่หมอ Gobkung :-D ขอบคุณครับ สวัสดีครับพี่หมอ Gobkung โดยส่วนตัวผมก็ชอบเล่นหมากล้อมและหมากรุกเหมือนกันครับ :) รู้สึกได้ว่ากลยุทธ์ของเกมกระดานที่ต้องเล่นกับคนอื่นนี่นำมาประยุกต์กับการลงทุนได้ดีอย่างยิ่งเลย โดยเฉพาะพวกสุภาษิตหมากล้อมนี่ผมนำเอามาใช้หลายอย่างเลยครับ เคยแอบเข้าไปดู blog ของพี่หมอแล้วครับเจ๋งดีครับ เคยเห็นพี่หมอโพสไว้ในกระทู้หนึ่งเล่าถึงผลตอบแทนจากการลงทุนด้วยเงินหลักแสนกลายเป็น 8 หลักภายในระยะเวลาแค่ 2 ปี ยิ่งทำให้ผมรู้สึกทึ่งเข้าไปใหญ่ เลยอยากถือโอกาสนี้ถามพี่หมอถึงกลยุทธ์วิธีคิดหรือแนวทางปฎิบัติ ว่าอะไรที่ทำให้พี่หมอสามารถสร้างผลตอบแทนกว่า 10 เท่า ในเวลาเพียง 2 ปี หากไม่เป็นการรบกวนเกินไป ขอพี่หมอช่วยชี้แนะด้วยครับ :bow: :bow: :bow: ขอโทษเจ้าของกระทู้ที่ทำกระทู้รกนะครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องกระทู้รกครับ ผมต้องขอบคุณ คุณpacedaveมากกว่าที่มาให้ความรู้เรื่องPoker เป็นเกมส์ที่เจ๋งมากครับ เเละสามารถพัฒนาศักยภาพในการลงทุนได้ ไม่เเพ้กับการเล่นหมากล้อม ส่วนเรื่องการสร้างผลตอบเเทน10เด้งของคุณหมอGobkung ผมขอขอบคุณเช่นกันกับเเนวคิดดีๆ เดี๋ยวจะลองตามไปอ่านหาความรู้เพิ่มในBlogครับ :D ผมคิดว่าคุณหมอGobkungคงรุ่นใกล้ๆกับผมเเน่นอน ทั้งการเรียนเเพทย์(ผมเข้าเเพทย์รหัสนักศึกษาขึ้นต้นด้วย40) เเละการลงทุนในตลาดหุ้น ผมเริ่มลงทุนตอนอายุ28ปี ลงทุนมาราว2ปีกว่าเช่นกันครับ ผมรหัสขึ้นต้น 42 ครับ คุณหมอ torpongpak เป็นรุ่นพี่ผมน่ะครับ (แต่อายุน่าจะพอๆกัน) ผมเข้าเรียนแพทย์ตอนจบ ม.6 ครับ :D :D โดย Gobkung พฤหัสฯ. ส.ค. 18, 2011 7:31 pm

Re: เพื่อนๆว่า"GAME"ไหนคล้ายกับการลงทุนในตลาดหุ้นบ้างครับ? สวัสดีครับพี่หมอ Gobkung โดยส่วนตัวผมก็ชอบเล่นหมากล้อมและหมากรุกเหมือนกันครับ :) รู้สึกได้ว่ากลยุทธ์ของเกมกระดานที่ต้องเล่นกับคนอื่นนี่นำมาประยุกต์กับการลงทุนได้ดีอย่างยิ่งเลย โดยเฉพาะพวกสุภาษิตหมากล้อมนี่ผมนำเอามาใช้หลายอย่างเลยครับ เคยแอบเข้าไปดู blog ของพี่หมอแล้วครับเจ๋งดีครับ เคยเห็นพี่หมอโพสไว้ในกระทู้หนึ่งเล่าถึงผลตอบแทนจากการลงทุนด้วยเงินหลักแสนกลายเป็น 8 หลักภายในระยะเวลาแค่ 2 ปี ยิ่งทำให้ผมรู้สึกทึ่งเข้าไปใหญ่ เลยอยากถือโอกาสนี้ถามพี่หมอถึงกลยุทธ์วิธีคิดหรือแนวทางปฎิบัติ ว่าอะไรที่ทำให้พี่หมอสามารถสร้างผลตอบแทนกว่า 10 เท่า ในเวลาเพียง 2 ปี หากไม่เป็นการรบกวนเกินไป ขอพี่หมอช่วยชี้แนะด้วยครับ :bow: :bow: :bow: ขอโทษเจ้าของกระทู้ที่ทำกระทู้รกนะครับ คุณ peacedev อายุน้อยกว่าผมเหรอเนี่ย? สุดยอด O_O :bow: :bow: คนเก่งๆของเวป ThaiVI อายุน้อยๆกันทั้งนั้นเลยนะครับ ^^ สงสัยผมเริ่มต้นศึกษาและลงทุนในหุ้นตอนอายุ 28 จะช้าเกินไปซะแล้ว ที่ขนาดพอร์ตโตเป็น 10 เท่า ไม่ใช่ว่าผลตอบแทนของผม 1000 เปอร์เซ็นต์ใน 2 ปีกว่านะครับ เพราะมีการนำเงินออมของผมอันเก่าที่ครอบครัวเก็บไว้ในพันธบัตรก่อนที่ผมจะมาเรียนต่อและเงินออมของใหม่จากการทำงานหลังจากลงทุนในหุ้นไปแล้ว รวมถึงปันผลจากหุ้นที่ได้เข้าไป reinvest ตลอดเวลาเลยครับ (เงินสดผมน้อยมากครับ) แชร์กลยุทธ์ในการลงทุนของผมนะครับ 1.เพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุน (ทำน้อยแต่ได้ผลมาก) - ผมเองเข้าตลาดหุ้น โดยไม่มีอาจารย์คอยชี้แนะ ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือค้นหาหลักการลงทุนที่เหมาะสมกับตนเองและลองผิดลองถูกให้มากที่สุด โชคดีที่มีผู้ใหญ่ที่ผมเคารพท่านนึงแนะนำให้ไปอ่านหนังสือของปู่ Buffet และผมก็ใช้หลักการลงทุนแนว VI มาตลอด แต่จะเน้น growth stock เป็นหลักครับ เคยลองใช้การดูกราฟเหมือนกันครับแต่รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะกับตัวเองเท่าไร - โดยเราจะเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุนได้ดังนี้ 1.1 เข้าใจนิสัย เข้าใจตนเอง เลือกแนวทางการลงทุนที่เหมาะสมกับตนเอง 1.2 ใช้เวลาว่างอ่านหนังสือการลงทุน ศึกษาจากนักลงทุนระดับโลก ทั้งในด้านความสำเร็จและความผิดพลาด 1.3 ทดลองนำแนวคิดไปใช้ในการลงทุนจริง โดยหุ้นแต่ละตัวที่ซื้อต้องบอกตัวเองได้ว่าซื้อเพราะอะไร? มีการวิเคราะห์ลงในสมุดอย่างละเอียดทั้งข้อมูลเชิงคุณภาพ ข้อมูลเชิงปริมาณและการคิด intrinsic value รวมถึงแผนการรับมือเมื่อเกิดเหตุการณ์ A B C (ทั้งดีและร้าย) เพื่อมอง upside และ downside เป็นต้นครับ และจะได้รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ด้วยครับ 1.4 ทดสอบสมมุติฐานทุกครั้งว่า สิ่งที่เราคิดนั้นถูกต้องหรือไม่? ได้กำไรเพราะอะไร ขาดทุนเพราะอะไร? ไม่หลงตนแม้แต่น้อยเพียงเพราะได้กำไรครับ ไม่ฟูมฟายโวยวายเพียงเพราะขาดทุนครับ สิ่งที่ได้เรียนรู้สำคัญกว่ามาก ต้องเก่งขึ้นทุกสนามรบครับ 1.5 เมื่อผ่านการทดสอบหลายๆครั้งเข้า ให้สรุปเป็น concept การลงทุนของตนเอง ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร เพราะนิสัยคนเรายังไม่เหมือนกันเลย และพยายามที่จะพัฒนาให้ดีขึ้นตามกระบวนการนี้ไปอีก 1.6 ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์พื้นฐานธุรกิจระยะยาว เพราะยิ่งเราศึกษาความรู้เราจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามอุตสาหกรรมที่เราศึกษา รวมถึงมองให้ทะลุทั้ง supply chain ของระบบอุตสาหกรรมนั้นๆ เช่น ถ้าศึกษาหุ้นเกี่ยวกับ smart phone เพราะเราเห็นคนเริ่มใช้เยอะ ก็ดูให้ทะลุตั้งแต่ ผู้ผลิตชิ้นส่วน ผู้ผลิตโทรศัพท์ ผู้ขายหรือร้านค้าปลีก ผู้ให้บริการเครือข่าย ผู้บริการบนโทรศัพท์มือถือ ร้านค้าบนอินเตอร์เนต การโฆษณาบนอินเตอร์เนตมือถือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องรวมถึงพฤติกรรมมนุษย์ในสังคมที่เปลี่ยนไปครับ (เพื่อเพิ่ม circle of competence อย่างเป็นระบบ) ส่วนการติดตามข่าวสารระยะสั้น เป็นอดีต เป็นผลที่เกิดขึ้นไปแล้วและตลาดมักจะรับข่าวไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ควรทำคือ การฝึกวิเคราะห์ผลกระทบของข่าวสารเหล่านี้ว่าจะเกิดผลอะไรตามมาระบบเศรษฐกิจ ใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์ การรวมรวมและฝึกวิเคราะห์ผลกระทบจะทำให้เราได้องค์ความรู้ใหม่ของผลกระทบมากกว่าจะคอยตามข่าวแล้วบอกว่า “รู้งี้” น่ะครับ ไม่มีประโยชน์เลย ผมชอบเห็นมือใหม่มอง Top gainer แล้วคอยแต่บอกว่าตนเองโชคร้ายตกรถอีกแล้วๆ ซึ่งผมว่าเป็นการเสียเวลาเปล่ามากๆ เอาเวลาไปพัฒนาฝีมือดีกว่าครับ 1.7 มีหุ้นที่ศึกษามากพอที่จะเลือกตัวที่ risk/reward น่าลงทุนที่สุด มี expected profit สูงสุด เพราะถ้าเราศึกษาแค่ตัวเดียวเราจะไม่มีตัวเลือกอื่น และการศึกษาหลายๆตัว...องค์ความรู้ในอุตสาหกรรมต่างๆยิ่งเพิ่มครับ 1.8 นำการบ้านที่ทำแล้วไปให้คนเก่งๆ comment เพื่อดูมุมมองคนอื่น (คนที่ผมเคยบอก – รุ่นน้องหมอที่ตอนนี้เรียน MBA ที่ Harvard U ครับ ตอนนี้ผมยังต้องส่งการบ้านอยู่เลย) มองให้ใหญ่ มองให้ไกล สร้างองค์ความรู้ที่ดีเราจะนำไปปรับใช้ได้ตลอดชีวิตครับ ที่สำคัญคือ ห้ามขาดทุนเด็ดขาด ต้องมองความเสี่ยง, Downside รวมถึงแผนรับมือเสมอครับ มีนักลงทุนชั้นเซียนคนนึงบอกว่าผมตกผลึกทางความคิดได้อย่างรวดเร็ว ผมเข้าใจว่าเป็นเพราะผมรู้จักนิสัยและความถนัดของตนเอง รวมถึงเรียนรู้ตามกระบวนการข้างต้นและพัฒนาตนเองอยู่เสมอครับ (ปล. ผมเปิดสอนการลงทุนฟรีให้กับมือใหม่ด้วย เลยได้พูดหลักการลงทุนซ้ำแล้วซ้ำอีก) แต่ผมว่าผมยังไม่ตกผลึกหรอกครับ ยังต้องพัฒนาอีกเยอะมากๆๆๆ 2. เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้เวลา การที่ผมต้องทำงานประจำและเรียนไปด้วย เวลาในการศึกษาข้อมูลจะน้อยกว่านักลงทุน Full time มากๆครับ ดังนั้นผมต้องช่วงชิงเวลาให้ได้มากที่สุดในการฝึกฝน (ไม่ใช่เวลาในการเฝ้าหน้าจอนะครับ) ใช้เวลาว่างทำงานพิเศษ โดยผมทำเพื่อเพิ่มเงินออมและนำเข้ามาลงทุน ผมเลือกงานที่มีเวลาว่างมากๆ อาจจะไม่ต้องเงินเยอะ ทำแล้วมีเวลาอ่านหนังสือการลงทุนและมีเวลาอ่านหนังสือเรียน โดยตอนนั้นผมทำที่รพ.เอกชนเกรด A แถวสีลมนี่เองครับ แล้วยังได้เรียนรู้จักงานในรพ.เอกชน การใช้ภาษาอังกฤษ รุ่นพี่และเพื่อนร่วมงานก็ดีมากๆเลยครับ เวลาที่ผู้ป่วยมา ER ก็ดูแลอย่างเต็มที่ ทำสลับๆกันไป ถ้าทำงานพิเศษโดยคิดถึงแต่เรื่องเงินอย่างเดียว โดยที่ไม่คิดจะทำประโยชน์ให้ผู้อื่นหรือศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเลย(ทั้งในอาชีพที่ทำอยู่และการลงทุน) เวลาที่เสียไปจะมีค่าเท่ากับค่าจ้างเท่านั้นเองครับ และใช้เวลาศึกษาแก่นของการดูพื้นฐานมากกว่าจะมาตามว่าใครถือตัวไหนอยู่, หุ้นตัวไหนกำลังฮิต, หุ้นตัวไหนมีข่าวอะไร ผมว่าพวกนี้เป็นของชั่วคราว ต้องคอยตามคนอื่นไปเรื่อยๆ 3. เพิ่มประสิทธิภาพในการออม เวลาได้เงินมาผมจะเอาเข้าบัญชี ซึ่งบัญชีนี้จะเป็นบัญชีเพื่อการลงทุน จะไม่การถอนมาใช้เด็ดขาด มีแต่จะฝากเพิ่ม โดยผมกำหนดเงินที่พอใช้ในแต่ละเดือน เงินส่วนเกินจะฝากเข้าบัญชีนี้หมด ตามหลัก Pay yourself first กลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพ ผมก็นำมาจากแนวคิดหนึ่งของการวางหมากล้อมนะครับ แชร์กลยุทธ์ในการเปลี่ยนหลักต่อไปนะครับ 1. การเพิ่มเงินออมจากการเพิ่มวุฒิในการทำงาน เมื่อผมเรียนจบคงได้เงินเดือนมากกว่าที่เป็นอยู่จะทำให้ออมได้มากขึ้นลงทุนได้มากขึ้น 2. การใช้ other people money อาจะมีการบริหารพอร์ตให้กับคนใกล้ชิดที่ไว้ใจและเข้าใจแนวทางการลงทุนระยะยาว เช่น พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิท ที่มีเงินสดเหลือ โดยรับผิดชอบการขาดทุนให้ทั้งหมดและขอส่วนแบ่งกำไรบ้าง ไม่มีค่าบริหาร เพื่อเพิ่มผลตอบแทนพอร์ตจากเงินของเราอย่างเดียว รวมถึง”อาจจะ”ใช้มาร์จิ้น ถ้าเกิดวิกฤตรอบหน้าครับ (แต่ในช่วงนี้ไม่ใช้แน่นอนครับ) 3. การขยาย circle of competent ออกไป เช่น การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ครับ รวมถึงการเรียนต่อด้านธุรกิจ เช่น MBA เพิ่มเติมครับ อีกอย่างคือเรื่องแรงบันดาลใจครับ ต้องรู้ว่าเราอยากเก่ง อยากพอร์ตใหญ่ไปเพื่ออะไร? (ตอนนั้นผมวางแผนจะแต่งงานสร้างครอบครัวกะแฟนเก่า ปัจจุบันเราเลิกกันไปแล้ว เคยคิดจะเลิกเล่นหุ้นด้วยแต่ที่ลงทุนต่อเพราะชอบการลงทุน) เพราะเราต้องเหนื่อยกว่าคนทั่วๆไปที่ทำงานประจำอย่างเดียวและเวลาว่างพักผ่อนชิวๆ รวมถึงใช้เงินซื้อของที่อยากได้โดยไม่ต้องรอ (ปัจจุบันผมก็ยังไม่มีรถเลยครับ โหนแต่รถไฟฟ้า) เขียนซะยาวเลย ยินดีที่ได้พูดคุยกับคุณ peacedev นะครับ (ผมชอบคุยกับคนเก่งๆ 555) ปล. คุณหมอ torpongpak (จขกท.) ผมก็ชอบเล่น CM (ชื่อเมื่อก่อน) แต่ติดมากจนเริ่มเสียการเรียนเลยเลิกไปครับ นั่งปั้นตั้งแต่ทีม division 3 ไปเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกแชมป์ยูโรเปี้ยนกันเลยทีเดียว แต่ชีวิตจริงผมเน่าสนิทครับ ผมนี่เด็กติดเกมส์ตัวจริงเลยครับ :oops: :oops: :oops: โดย Gobkung พุธ ส.ค. 17, 2011 7:32 pm

Re: เพื่อนๆว่า"GAME"ไหนคล้ายกับการลงทุนในตลาดหุ้นบ้างครับ? Poker :8) Poker เหมือนตีเเตกอะไรประมาณนี้รึเปล่าครับ มันคล้ายกับการเล่นหุ้นยังไงครับ?(เล่นไพ่เป็นเเค่ อีเเก่กินนำ้, กับSlave) :B โป๊กเกอร์กับการลงทุน Texas Holdem poker หรือเกมไพ่เท็กซัส เป็นเกมไพ่โป๊กเกอร์รูปแบบหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีจุดที่น่าสังเกตุอย่างหนึ่งเกี่ยวกับไพ่เท็กซัสก็คือ เกมนี้ รวมถึงโป๊กเกอร์ในรูปแบบต่าง ๆ นั้นเป็นที่นิยมของบรรดาผู้จัดการกองทุนที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศเป็นอย่างมาก กองทุนเฮดจ์ฟันด์หลาย ๆ แห่งใช้เกมโป๊กเกอร์อันนี้ในการฝึกฝนเทรดเดอร์เพื่อให้นำทักษะเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในการลงทุนจริง เฮดจ์ฟันด์บางแห่งใช้ทักษะการเล่นโป๊กเกอร์เป็นคุณสมบัติหนึ่งในการคัดบุคลากรเข้าทำงาน โดยส่วนตัวผมเองก็คิดว่าเกมโป๊กเกอร์โดยเฉพาะไพ่เท็กซัสนั้นมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับการลงทุนไม่น้อย เราลองมาไล่กันดูเป็นข้อ ๆ ถึงลักษณะร่วมของไพ่เท็กซัสและการลงทุนดูครับ 1. ผู้เล่นต้องเข้าใจกฎพื้นฐานของเกม: นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับทุก ๆ เกม หากผู้เล่นไม่รู้ว่าไพ่ในมือเป็นไพ่ที่ดีก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้เต็มที่ ในการลงทุนนั้น หากไม่ศึกษาในสิ่งที่เราลงทุนให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อน ก็ยากนักที่จะประสบความสำเร็จ 2. เมื่อใดที่คุณนำอารมณ์มาใช้ในเกม เมื่อนั้นคุณก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม: มีอยู่ครั้งหนึ่งที่มีโอกาสได้เห็นผู้เล่นท่านหนึ่งที่มีฝีไม้ลายมีที่ดีมาก เขาค่อย ๆ สะสมกำไรทีละนิด ๆ จนเป็นกอบเป็นกำขึ้นมา แต่พอเจอกับตาที่แพ้หนัก ๆ เข้าหน่อย รูปแบบการเล่นก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว ผมเห็นเขาเริ่มลงหนัก ๆ ในแต่ละตา ๆ แล้วก็แพ้เป็นส่วนใหญ่ เบี้ย(Chip)ที่เขาค่อย ๆ สะสมมาหลายสิบตานั้นหายไปในเพียงไม่กี่ตาสั้น ๆ แล้วเขาก็จากโต๊ะไป ในเกมการลงทุนก็เช่นกัน เมื่อใดที่คุณนำอารมณ์มาใช้ ยิ่งมากเท่าใดความเป็นเหตุเป็นผลก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น มันจะชักนำให้คุณทำเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลได้ตลอดเวลา 3. ทุกคนคิดว่าตัวเองเก่ง: ในวงไพ่นั้นผู้เล่นมักคิดว่าตัวเองเก่ง หรือ มีดวงกันทุกคน เกมโป๊กเกอร์เป็น Zero sum game คือผู้เล่นแต่ละคนต่างพยายามจะกินเงินของคนอื่น ไม่มีใครคิดจะเอาเงินมาแจกคนอื่นฟรี ๆ แน่ ๆ ดังนั้นผู้ที่เข้ามาเล่นส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มั่นใจในฝีมือกันทั้งนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนจะเก่งเท่า ๆ กันไม่ได้ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วในระยะยาว ต้องไม่มีใครได้กำไรจากเกมนี้ไป เพราะเข้ามาเล่นด้วยโอกาสที่เท่าเทียมกัน แต่ในความเป็นจริงเรามักจะเห็นผู้เล่นบางคนที่มักเสียเงินมากกว่าได้เงิน และ มีบางคนที่มักจะได้เงินมากกว่าเสียเงิน ทั้งยังรวยเอา ๆ เรื่อย ๆ เรื่องนี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เศรษฐีนักลงทุนเคยกล่าวไว้ว่า ในวงไพ่หากเล่นไปสักพักแล้วคุณยังไม่รู้ว่าใครคือหมู คุณนั่นแหละที่เป็นหมู ให้หยุดเล่นเสีย ในเกมการเงินการลงทุนก็เช่นกัน แม้ว่าการลงทุนจะมีลักษณะที่เป็น Positive sum อยู่ก็ตาม แต่ในกรณีส่วนมากมักจะกลายเป็น Zero sum game ให้เห็นอยู่บ่อย ๆ ผู้ที่เข้ามาลงทุนทุกคนเชื่อมั่นในตัวเองกันทั้งนั้น คงไม่มีใครที่คิดว่าจะให้คนอื่นมากินเงินลงทุนของตนไปฟรี ๆ ต่างก็หวังกำไรจากการลงทุนกันทั้งสิ้น หากคุณพบว่าลงทุนไปสักระยะแล้ว ตนเองยังขาดทุนมากกว่ากำไร หรือ มักแพ้ตลาดอยู่เสมอ ๆ ก็ควรที่จะออกมาสักพัก แล้ว คิดทบทวนเพื่อปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของตนเองเสียใหม่ 4. การบริหารหน้าตัก: จัดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดในการเล่นโป๊กเกอร์ เพราะถ้าคุณทุ่มจนหมดตัว (ALL In) แล้วแพ้หรือเสียหายหนักคุณจะไม่มีทุนรอนไว้สำหรับแก้มือในตาต่อ ๆ ไป ในทางตรงข้ามหากคุณมีโอกาสที่ดีกว่าคู่แข่งคนอื่น ๆ แต่คุณเลือก bet น้อยเกินไปก็ทำให้เสียโอกาสในการทำกำไร ผมเคยเห็นผู้เล่นหลายคนที่เคยมีเบี้ยกันเป็นหลักล้าน แต่พวกเขารักษาไว้ไม่ได้ ต้องหมดตัวกันอยู่หลายคน และหนทางที่จะสะสมเบี้ยใหม่จากหลักพันหรือหลักหมื่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย กับการลงทุนก็เช่นเดียวกัน 5. การจัดการความเสี่ยง: ข้อนี้ใกล้เคียงและเกี่ยวข้องกับการบริหารหน้าตัก ผู้เล่นโป๊กเกอร์ที่ดีควรรู้ว่าเมื่อใดควรสู้ และ เมื่อใดที่ควรถอย ผู้เล่นบางคนมีนิสัยที่ชอบเกทับ(ที่มากเกินพอดี) บางคนก็ชอบเสี่ยงเกินจริง บางคนทนรอจนถึงตาที่ตนเองได้ไพ่ที่ดีไม่ได้ เลยทำการเล่นที่สุ่มเสี่ยงมากเกินไป จนทำให้เสียเงินมากมายไปกับการเสี่ยงที่ไม่จำเป็น ผู้เล่นบางคนกล้าได้กล้าเสียใช้วิธีเล่นที่เสี่ยงมาก เดิมพันหนัก ๆ ได้กำไรทีละมาก ๆ กลายเป็นดาวจรัสภายในระยะเวลาอันสั้น แต่คงไม่มีประโยชน์อะไรหากพวกเขาต้องเสียมันไปในเวลาไม่นาน เช่นเดียวกับการลงทุนนักลงทุนที่ดีควรประเมินความเสี่ยงอย่างเป็นกลางและเลือกลงทุนตามความเหมาะสม 6. ไพ่ที่ดีที่สุดในมือ ไม่ได้แปลว่าชนะ: เช่นเดียวกันไพ่แย่ ๆ ในมือก็ไม่ได้แปลว่าแพ้ ในเกมไพ่เท็กซัส ผู้เล่นจะได้รับไพ่ 2 ใบมาไว้ในมือ เพื่อนำมารวมกับไพ่กองกลางอีก 5 ใบซึ่งจะค่อย ๆ เปิดทีหลัง หลายคนพอได้ไพ่สูง หรือ ไพ่คู่ก็จัดการเกหมดหน้าตักเลย อย่างไรก็ดีแม้ว่าคุณจะมี Ace(A) ในมือทั้งสองใบ มันเป็นความจริงที่คุณได้เปรียบผู้เล่นคนอื่น ๆ แต่ถ้าหากประมาท ความได้เปรียบนั้นอาจสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงได้ เพราะแม้แต่ คู่ Ace ยังแพ้ 2 คู่ ของไพ่ต่ำ หรือไพ่ตองเลขต่ำ ๆ ได้ ซึ่งการเล่นไพ่กับผู้เล่นหลาย ๆ คนนั้น โอกาสที่คนอื่นจะมีไพ่ที่ดีกว่าไพ่คู่นั้นมีอยู่ไม่น้อย ในการลงทุนนั้นถึงแม้ปัจจัยทุกอย่างนั้นจะดูดีมากมายเพียงใด แต่การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง อาจมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เราคาดไม่ถึงเกิดขึ้นได้เสมอ สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด อย่าโทษซวย โทษตัวเอง: ทั้งเกมโป๊กเกอร์ และ เกมการเงินการลงทุน เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความไม่แน่นอน คำว่า”ดวง”อาจเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องบ้างแต่ไม่ทั้งหมดสิ่งที่สำคัญกว่านั้นขึ้นอยู่กับการจัดการบริหารมากกว่า หากคุณพบว่าเกิดความล้มเหลวหรือผิดพลาดขึ้นมาให้สงสัยในการจัดการบริหารของตัวเองเอาไว้ก่อน เกมโป๊กเกอร์ โดยเฉพาะ Texas hold’em เป็นเกมที่อาศัยทักษะในหลาย ๆ ด้าน อาทิเช่น ทั้งคณิตศาสตร์, ตรรกศาสตร์, จิตวิทยา, การประเมินสถานการณ์ ,การบริหารเงิน ฯลฯ ซึ่งทักษะสำคัญเหล่านี้คล้ายคลึงกับทักษะที่จำเป็น ในการลงทุน อย่างไรก็ดี ผมคิดว่า การทำคะแนนจากเกมไพ่โป๊กเกอร์นั้นยังยากกว่าการทำคะแนนจากการลงทุนมาก เพราะโป๊กเกอร์เป็น Zero Sum Game ที่ผู้เล่นทุกคนต้องเข้าช่วงชิงเงินของผู้เล่นคนอื่น ๆ เมื่อคุณเข้าเล่นในเกมที่ใช้เบี้ยน้อย ๆ เกมจะยังมีความง่ายอยู่เพราะผู้เล่นส่วนใหญ่เป็นมือใหม่ และถ้าหากเบี้ยในมือของคุณเยอะขึ้นจนต้องขยับขึ้นไปเล่นในโต๊ะที่ต้องใช้เงินเดิมพันเยอะขึ้นเกมจะทวีความยากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคุณจะต้องเจอกับผู้เล่นที่เก่งและเชี่ยวในประสบการณ์ยิ่งขึ้น และ แน่นอนไม่มีใครคิดจะเอาเบี้ยมาแจกกันฟรี ทุกคนมีเป้าหมายในการแย่งชิงเบี้ยในมือคนอื่นทั้่งสิ้น แต่สำหรับการลงทุนนั้นในระยะยาวยังมีสภาพที่เป็น Positive Sum กล่าวคือ สามารถสร้างผลประโยชน์ร่วมกันให้กับผู้เล่นทุกฝ่ายได้ ปล. เกมที่ผมเข้าไปฝึกฝนทักษะจากไพ่เท็กซัสนั้นเป็นเพียงเกมออนไลน์ธรรมดา ๆ เท่านั้นเองครับ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเงินจริง ๆ ข้อมูลเพิ่มเติม: http://www.marketfolly.com/2009/11/hedge-fund-managers-poker-texas-holdem.html http://money.cnn.com/2006/08/11/news/newsmakers/hedgefund_poker/index.htm http://www.businessinsider.com/hedge-fund-manager-gold-daniel-shak http://www.andr3w321.com/career-advice-from-a-hedge-fund-manager/ ที่มา : http://peacedev.wordpress.com/2011/04/27/%e0%b9%82%e0%b8%9b%e0%b9%8a%e0%b8%81%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a5%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8%99/ สุดยอดครับคุณ peacedev :bow: :bow: :bow: โดยส่วนตัวผมคิดว่าหมากรุกกับหมากล้อมครับ (ผมได้เขียนไว้ใน blog แล้วครับ) ผมชอบเล่นหมากล้อมนะครับ ..ลงทุนและเดินหมากไปยังพื้นที่ที่มีศักยภาพในการขยายพื้นที่(เติบโต)ได้ครับ :) โดย Gobkung อังคาร ส.ค. 16, 2011 10:31 pm

Re: ชมรมหมอ VI ช่วงนี้พอร์ตเขียวปิ๊ดปี๋เลย :D มิเสียแรง ทำการบ้าน :mrgreen: ยินดีกับพี่หมอพอลด้วยครับ คุณ ก๊อบ ก็เป็นหมอเหรอครับ ?? :shock: ทำไมหมอลงทุนกันเก่งทุกคนเลยอ่ะ ... ผมเป็นจิตแพทย์เด็กน่ะครับ :D :D :D งั้นถามหมอGobKung เรื่องลูกคนเล็กหน่อยได้มั้ยครับ ถ้าสะดวกนะครับ :D ได้ครับ ด้วยความยินดีเลยครับ :D :D :D โดย Gobkung อังคาร ส.ค. 09, 2011 10:08 pm

Re: เทคนิคการจีบสาว ของเพื่อนๆ พี่ๆ ใน thaivi เป็นยังไงบ้างค ต้องลงทุนในตัวเองก่อนครับ เพื่อให้เราได้เป็นผู้ชายที่สาวๆต้องการ เริ่มจากจิตใจ - เพิ่มความเชื่อมั่นในตนเอง มี self esteemที่ดี มีเป้าหมายในชีวิต ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจากข้างใน ภายนอก - ทำรูปร่างหน้าตาให้ดูดีขึ้น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่งตัวให้เข้าท่าหน่อย เพิ่มโอกาส - ออกไปเจอผู้คนให้มากขึ้น ทำกิจกรรมต่างๆ เข้างานสังคม ทักษะการสื่อสาร - ยิงมุขบ้างอะไรบ้าง หัดสบตาคนที่เราคุยด้วย ปล. สุดท้ายแล้วต่อให้เราดีแค่ไหน...ถ้าไม่เจอคนที่ใช่คนที่ชอบก็จบข่าว --> โสดเหมือนเดิมครับ T_T แป่ววววว โดย Gobkung ศุกร์ ส.ค. 05, 2011 8:44 pm

Re: ชาว VI ถ้าไม่มีแฟน ไม่มีครอบครัว จะทำอะไรกันครับ ช่วงมีแฟนก็อยากเป็นโสด ช่วงเป็นโสดก็อยากมีแฟน ... >_<" คงต้องให้เพื่อนๆแถวนี้ช่วยแนะนำให้แล้วล่ะ เผื่อจะเพิ่มโอกาสขึ้นมาบ้าง อิอิ โดย Gobkung ศุกร์ ส.ค. 05, 2011 8:33 pm

Re: ชมรมหมอ VI ช่วงนี้พอร์ตเขียวปิ๊ดปี๋เลย :D มิเสียแรง ทำการบ้าน :mrgreen: ยินดีกับพี่หมอพอลด้วยครับ คุณ ก๊อบ ก็เป็นหมอเหรอครับ ?? :shock: ทำไมหมอลงทุนกันเก่งทุกคนเลยอ่ะ ... ผมเป็นจิตแพทย์เด็กน่ะครับ :D :D :D โดย Gobkung ศุกร์ ส.ค. 05, 2011 8:29 pm

Re: ชมรมหมอ VI ช่วงนี้พอร์ตเขียวปิ๊ดปี๋เลย มิเสียแรง ทำการบ้าน ยินดีด้วยนะครับ ^^ โดย Gobkung ศุกร์ ส.ค. 05, 2011 8:06 am

Re: 10 ล้านบาทแรกในชีวิต (ลอกจาก Post คุณ Skyforever) ขอบคุณ คุณ Li’8N คุณ poonpoon7 คุณ pornchal คุณ chatchaivi มากนะครับ ยินดีกับความก้าวหน้าบนเส้นทางการลงทุนของทุกท่านเช่นกันครับ :bow: :bow: :bow: คุณ WorriedInvestor ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ ถ้าตั้งใจฝึกฝนและพัฒนาตนเองอยู่เสมอย่อมประสบความสำเร็จได้แน่นอนครับ :D :D :D ยินดีกับคุณ MarcoPolo ด้วยครับ ผลงาน 1 ล้านเหรียญตอนอายุ 35 นับว่ายอดเยี่ยมมากครับ ผมเห็นด้วยมากๆเลย คนธรรมดาที่รู้จักเก็บออมและลงทุนอย่างฉลาด มีวินัยก็สามารถประสบความสำเร็จทางการเงินได้ครับ :D :D :D คุณ kobponpr พอร์ตน่าปัจจุบันจะยืนอยู่ใกล้ผมในช่วงต้นปี54 แน่เลยครับ เหลืออีกอึดใจเดียวพยายามเข้านะครับ :D :D :D คุณ kyoza คุณ porzilla ค่อยๆไปทีละขั้นเหมือนบันได ก้าวไปทีละก้าวเดี๋ยวก็ถึงเองครับ เป็นกำลังใจให้ครับ :D :D :D คุณ CheNz ยินดีแชร์เรื่องราวตนเองครับ :) :) :) ก่อนอื่นต้องขอโทษด้วยครับ ผมสื่อสารไม่ดีเอง ปี 52 ผมทยอยเพิ่มทุนเข้าไปเรื่อยจากเงินออมจากการทำงานด้วยครับ (ช่วงนั้นทำงานนอกเวลาหนักขึ้นมาก) ปี 53 พอทางบ้านเห็นว่าผลตอบแทนผมเป็นบวก (>100 เปอร์เซ็นต์) พ่อแม่ท่านเลยคืนเงินเก็บที่ผมทำงาน 3 ปีก่อนหน้านี้ (ทั้งหมด 1 ล้านบาท) ได้รวมพอร์ตเดิมและลงทุนต่อในปีที่ 2 ครับ สรุปว่าต้นทุนของผมประมาณ 2 ล้านบาทครับ ใช่ครับ 2 ปีกว่าผลตอบแทนได้หลายเด้งเลยครับ รายละเอียดประสบการณ์ผมเขียนไว้ใน blog ในเรื่องแนวทางการลงทุนของผมทั้ง 3 ตอนแล้วครับ ขอแชร์เพิ่มเติมจากใน blog เรื่องประสบการณ์เกี่ยวกับเวป Thaivi นะครับ หลังจากที่ผมขาดทุนอย่างหนัก เมื่อตลาดลงไป 400 จุดในต้นเดือน มี.ค. ผมก็ได้อ่านหนังสือการลงทุนแนว value investment ทั้งตีแตกและ Buffetology แล้วลอง search มั่วๆ ก็มาเจอเวป Thaivi ซึ่งตอนนั้นยังไม่บูมและคนมากขนาดนี้ ผมได้อ่านกระทู้ที่แนะนำให้มือใหม่ทุกคนต้องอ่านเลยครับ เป็นกระทู้ห้องคุณค่า 1.กระทู้ตระแกรงร่อนหุ้น ของพี่วิบูลย์ 2.กระทู้ปรับพอร์ตของพี่ลูกอีสาน ทั้ง 2 กระทู้นี้ให้ความรู้อย่างมากมายเลย สำหรับคนที่หัวกลวงไม่รู้อะไรเลยอย่างผม(ในตอนนั้น) และเคยมีประสบการณ์ซื้อตามเซียน ผมซื้อ ILINK ตอนปลายปี 52 เพราะเห็นพี่ Naris ถืออยู่ พอมาดูอีกทีพี่เค้าโพสว่าขายไปนานแล้ว ตอนนั้นใจมันเหมือนไร้หลักยึดเลยครับ แล้วผมจะทำยังงัยต่อไป (ราคาไม่ได้ลงเยอะนะครับ แล้วไม่กี่เดือนต่อมาราคาก็ขึ้นไปมาก แต่ผมขายไปนานแล้วครับ) (ขอโทษพี่ Naris ที่อ้างถึงชื่อพี่นะครับ เวลาเจอโพสความเห็นปัจจัยพื้นฐานของพี่จะอ่านอยู่เสมอเพราะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาความคิดมากๆครับ) ก็เลยตัดสินใจว่าต่อไปจะคิดเองศึกษาเอง รับผิดชอบการตัดสินใจตนเอง และอ่านหนังสือการลงทุนทุกเล่มที่มี อ่านรายงานประจำปี อ่าน 56-1 ดูการซื้อขายของผู้บริหาร ทำ excel งบการเงิน เรียกว่าตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนซื้อหุ้น และไม่สนใจเลยว่าใครจะสนใจหรือถือหุ้นตัวนี้อยู่บ้าง ไม่ถามใคร ไม่ลอกหุ้นใคร (จริงเพื่อนเรื่องการลงทุนของผมก็น้อยมากอยู่แล้วเลยไม่รู้จะไปลอกใคร) ลงอย่างที่คิดจะถูกเขียนลงสมุดให้เห็นภาพที่ชัดเจน หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยได้เข้า Thaivi อีกเลย และได้ไปอ่านหนังสือของคุณสุมาอี้และปีเตอร์ ลินส์ ก็พบว่าการลงทุนในหุ้นเติบโตเข้าได้กับความถนัดที่มีอยู่เดิมของผม คือ การสังเกตวิธีชีวิตผู้คนที่เปลี่ยนไป โครงสร้างประชากร ผลกระทบต่อ supply chain พฤติกรรมมนุษย์ พฤติกรรมผู้บริโภคและนักลงทุน การศึกษาจิตใจตนเอง รู้เท่าทันอารมณ์เพื่อรู้เท่าทันอคติ ตามเทคโนโลยีและผลกระทบ pickup หุ้น แบบ top down approach และใช้กลยุทธ์ลงทุนระยะยาวมีเวลาทำงานประจำอย่างเต็มที่ ไม่ต้องคอยมาเฝ้าหน้าจอ หุ้นขึ้นลงก็ไม่ได้ทำให้เราหวั่นไหว ใครซื้อใครขายก็ไม่ได้ทำให้ใจเรากระเพื่อม เพราะเราวางแผนและบริหารความเสี่ยงไว้หมดแล้ว หลังจากนั้นพอเข้ามาดูห้องร้อยคนร้อยหุ้นในหุ้นที่ตนเองถือ ก็พบว่านักลงทุนเพิ่มมากขึ้นมากจริงๆ การคุยแบบวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานน้อยลง ส่วนใหญ่จะเป็นการเกาะตามเซียนซื้อตามเซียน มีหุ้นตามกระแส ซื้อดัก opportunity ซื้อดัก company visit รู้สึกจะมีดราม่าในบางห้องด้วยนะครับ ตอนหลังผมเลยแทบไม่ได้เข้า Thavi อีกเลยครับ ใจจริงอยากไปงานจิบเบียร์กับเขาบ้าง เพราะช่วงนี้เริ่มว่าง (เพื่อไปคุยเรื่องการลงทุนนะครับไม่ได้ไปขอหุ้นใครหรือลอกหุ้นใคร) แต่สังคมใหญ่เกินไปเลยตัดสินใจว่า ไม่เป็นไรหรอกยังงัยก็ลงทุนคนเดียวมาตลอดอยู่แล้ว ไม่ได้หมายความว่าลอกหุ้น หรือซื้อตามเซียนไม่ดีนะครับ เพียงแต่เป็นวิธีที่ไม่เหมาะกับผมอย่างมากเท่านั้นเองครับ ผมตั้งใจว่าจะพัฒนาตนเองไปเรื่อยๆ ช่วงที่ไม่ค่อยได้เข้าเวป ก็มีรุ่นน้องคณะเดียวกัน ที่คุยกันทาง FB (ปัจจุบันเธอเรียน MBA Harvard U ที่ Boston เป็นนักลงทุนที่เก่งมากคนนึง ไม่ได้เล่นเวป Thaivi) คอยเป็น supervisor ในการอ่านบทวิเคราะห์ที่ผมเขียน และ Feed back กลับมา น้องเค้ากับผมถือหุ้นไม่เหมือนกันเลย ต่างคนต่างมีความคิดเป็นของตนเอง และประสบความสำเร็จทั้งคู่ นี่เส้นทางของผม(คร่าวๆ) ผมตั้งใจว่าจะพัฒนาคนเองต่อไป เพราะน้องเค้าบอกว่ายิ่งพอร์ตใหญ่ยิ่งมีการลงทุนสนุกๆท้าทายรออยู่อีกมาก ผมเล่นหุ้นเหมือนเกมส์พัฒนาตนเองครับ พัฒนาการวิเคราะห์สังคม วิถีชีวิต พฤติกรรมผู้บริโภค ทิศทางของระบบเศรษฐกิจโลก การพัฒนาจิตใจให้คมขึ้น นิ่งขึ้น เยือกเย็น มีสติ เรื่องเงินเป็นเพียงเรื่องรองครับ เห็นหลายคนลงทุนเพราะอยากสบาย ไม่ต้องทำอะไรก็มีเงินใช้ นั่นก็เป็นแนวคิดนึงนะครับ แต่สำหรับผมตั้งใจว่าจะทำงานช่วยเหลือผู้คนไปตลอดชีวิต การมีเงินทำให้เราช่วยคนได้มากขึ้น และเงินเหล่านี้ตายไปก็เอาไปไม่ได้ เงินจะทำประโยชน์ก็ต่อเมื่อมันไปสู่มือผู้ที่ต้องการครับ นอกจากมีเงินยังต้องมีความสามารถในด้านต่างๆอีกด้วยครับถึงจะเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดีขึ้นได้ เป้าหมายทางการเงินในช่วงเดินทางก็เป็นเพียงหลักกิโลที่บอกว่าเรามาถึงจุดไหนแล้ว ไม่ใช่ความสำเร็จในชีวิต สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การจะนำเงินเหล่านั้นหรือความรู้ในการลงทุนไปช่วยเหลือคนอื่นได้อย่างไร ทำให้ครอบครัวมีความสุขและสร้างสังคมที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนได้อย่างไรมากกว่าครับ ผมชอบที่คุณ Accidental Hero ทำมากเลยครับ ขออนุโมทนานะครับ สุดยอดมาก ผมเองบริจาคยังไม่มากขนาดนั้น ปล. ผมเข้าเวป 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ถ้าโพสถามผมอาจจะไม่ได้ตอบเร็วนะครับ (บางทีอาจจะไม่ได้เข้ากระทู้นั้นอีกเลย) แต่คิดว่าจะแวะเวียนมากระทู้นี้เรื่อยๆครับ ขอบคุณครับ โดย Gobkung ศุกร์ ส.ค. 05, 2011 7:41 am

Re: 10 ล้านบาทแรกในชีวิต (ลอกจาก Post คุณ Skyforever) ทำได้แล้วครับ พอร์ตหุ้นเข้า 8 หลักแล้วครับ เย้ๆ :D :D :D เป้าหมาย 10 ล้าน เป็น milestone ที่มีความหมายกับผม เพราะตอนเริ่มลงทุนใหม่ๆ (ปี 52) เคยคุยกับเพื่อนแล้วผมบอกว่า ... จะมีพอร์ตเกิน 10 ล้านใน 2-3 ปี (ตอนนั้นพอร์ตผมหลักแสน) เพื่อนก็ทำหน้าไม่เชื่อแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร (เพราะผมเรียนไปทำงานไป เงินเดือนก็น้อย และมีอุปสรรคต่างๆมากมาย ไม่มีความรู้ ไม่มีคนสอน ทางบ้านคัดค้าน เงินเก็บ 3 ปีก็เอามาลงทุนไม่ได้ ทั้งหมดถือว่าเป็นโจทย์ที่ยากมากๆ ไปบอกใครเรื่องเป้าหมายก็คงไม่ใครเชื่อครับ) ... ดีใจมากๆที่ทำให้เป็นจริงได้ :D :D :D จากนี้ขอมุ่งสู่พอร์ต 9 หลักครับ ยังงัยก็ตามพอร์ตขนาดไหนผลตอบแทนเท่าไร...ก็ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่เราได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองจากการลงทุนครับ ปล. ตลาดขึ้นยิ่งมีความเสี่ยง ควรระมัดระวังในการลงทุนอย่างมากครับ โดย Gobkung พฤหัสฯ. ส.ค. 04, 2011 9:19 am

Re: เครือข่ายการลงทุน 1. จบป.ตรี คณะแพทย์ศาสตร์ (ตรงข้ามสวนลุมฯ) 2. ปัจจุบันเรียนต่อเฉพาะด้านจิตเวชเด็ก ตอนนี้อยู่ปี 4 ครับ 3. สิ่งที่ชอบ...อ่านการ์ตูน, เล่นโกะ, เล่น piano, ลงทุนในหุ้นและอสังหาฯ, สอนผู้สนใจทั้งด้านการดูแลเด็กและการลงทุน ตอนนี้กำลังสนุกกับการเขียน blog อยู่ครับ อิอิ :D :D :D โดย Gobkung เสาร์ ก.ค. 16, 2011 8:42 am

Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง ครึ่งปีผลตอบแทน +15% ครับ ปีนี้ผมทำผิดพลาดเยอะมาก ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะครับ :) :) :) โดย Gobkung เสาร์ ก.ค. 16, 2011 8:25 am

Re: นอนไม่หลับ เป็นโรคจิตไหม นอนไม่หลับไม่ใช่โรคจิตครับ เป็นเรื่องของความวิตกกังวลมากกว่า (Initial insomnia - Anxiety) สร้างสุขอนามัยที่ดีในการนอนเดี๋ยวก็ดีเองครับ ถ้าไม่ไหวจริงๆการใช้ยานอนหลับเป็นบางครั้งก็ช่วยได้ แต่แก้ที่สาเหตุคือลดความกังวลดีกว่าครับ โดย Gobkung อาทิตย์ พ.ค. 22, 2011 11:21 pm

Re: [ไดอารี่] "90 วัน..กับเป้าหมายที่มากกว่าคำว่าลดน้ำหนัก ภ เอาใจช่วยคุณ pak นะครับ ผมเองพยายามลดน้ำหนักอย่างจริงจังอยู่หลังจากที่น้ำหนักทำ new high มาตลอด >_<" (ตั้งใจลด 10 กก.) เอาชนะใจตัวเองให้ได้ครับ :) :) :) โดย Gobkung อาทิตย์ พ.ค. 22, 2011 11:16 pm

Re: แนะนำหนังสือ พฤติกรรมพยากรณ์ (Predictably Irrational) เขว (SWAY) เป็นหนังสืออีกเล่มที่ผมชอบมากเลยครับ เห็นว่าทางสำนักพิมพ์กำลังแปล The Upside of irrationality ที่เป็นภาค 2 ของพฤติกรรมพยากรณ์ด้วยนะครับ โดย Gobkung อาทิตย์ พ.ค. 22, 2011 11:05 pm

Re: เปิดเรียน Business Strategy Analysis รอบ 2 วันที่ 27-28 สนใจสมัครเรียนด้วยคนครับ [email protected] ครับ (ผมส่งเมลไปแล้วนะครับ) ขอบคุณครับ โดย Gobkung พฤหัสฯ. พ.ค. 19, 2011 12:29 pm

Re: ชมรมหมอ VI และผองเพื่อน เข้ามาฝากตัวกับพี่ๆน้องๆหมอด้วยครับ ...เพิ่งรู้ว่ามีห้องนี้อยู่ :oops: :oops: :oops: ยินดีต้อนรับครับ :welcome: ถ้าเป็นหมอหรือวิชาชีพแพทย์ แนะนำตัวให้รู้จักกันหน่อยนะครับ :D ขอบคุณครับพี่หมอ Paul VI :bow: :bow: ผมเป็น resident จิตเวชเด็กปี 3 ที่จุฬาฯครับ ลงทุนในหุ้นมาได้ 2 ปีนิดๆแล้วครับ (ช่วงต้นปี 52) ยังมือใหม่อยู่เลยครับ คิดเองเล่นเองคนเดียว เมื่อก่อนตอนเริ่มหัดเล่นใหม่ๆจะเข้ามาอ่านใน Thaivi บ้างแต่ก็เลิกไปตอนปีต้น 53 เพราะเริ่มหาหุ้นเองได้แล้ว รวมถึงตอนนั้นรู้สึกคนหลากหลายขึ้น โพสเรื่องราคาเยอะไม่ค่อยคุยพื้นฐาน เชียร์หุ้นแบบไม่มีที่มาที่ไป ดราม่าเยอะ และผมไม่อยากจะเกิด Bias จากความเห็นของคนในบอร์ด ส่วนใหญ่ผมจะเข้ามาดูในห้องร้อยคนร้อยหุ้นว่า...คนอื่นๆคิดอย่างไรกันบ้างในหุ้นที่ผมถืออยู่น่ะครับ ผมจะชอบเข้าไปอ่านบล๊อกของคุณสุมาอี้น่ะครับ รู้สึกว่าแนวทางเข้ากับผมได้ดีกว่า... ยังงัยขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกๆคนด้วยนะครับ อยากมีเพื่อนที่คุยเรื่องหุ้นได้บ้างน่ะครับ :D :D :D โดย Gobkung พุธ พ.ค. 18, 2011 1:01 pm

Re: ชมรมหมอ VI และผองเพื่อน เข้ามาฝากตัวกับพี่ๆน้องๆหมอด้วยครับ ...เพิ่งรู้ว่ามีห้องนี้อยู่ :oops: :oops: :oops: โดย Gobkung อังคาร พ.ค. 17, 2011 10:51 pm

Re: เผย เทคนิคการหาหุ้น 10 เด้ง!!! ขอบคุณครับ ชอบมากๆ โดย Gobkung อังคาร พ.ค. 17, 2011 10:31 pm

สรุปสัมนาเรือ่ง Megatrend และกลยุทธ์หุ้น ครับ ขอบคุณครับ  :bow:  :bow: โดย Gobkung อาทิตย์ ก.ย. 19, 2010 12:25 pm

มีใครอยากเรียน fundflow analysis บ้าง วันนี้ผมโอนเงินให้แล้วนะครับ  รายละเอียดในpmครับ โดย Gobkung ศุกร์ พ.ค. 07, 2010 2:29 pm

มีใครอยากเรียน fundflow analysis บ้าง ขอจอง 1 ที่ ขอบคุณครับ โดย Gobkung พฤหัสฯ. พ.ค. 06, 2010 8:26 am

งานวิจัย เปรียบเทียบผลตอบแทน VI กับค่าเฉลี่ยตลาดหลักทรัพย์ มาลงชื่อว่า... ตอบแล้วครับ โดย Gobkung อังคาร ธ.ค. 08, 2009 10:22 pm