ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 และ 3 ปี ณ วันที่ 11 พ.ย. 52 เห็นเข้าใกล็ฤดูซื้อ LTF แล้ว เลยเอาผลตอบแทนล่าสุดมาฝากกันครับ ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี (แนะนำให้ดูตัวนี้ครับ) http://fundmanagertalk.com/forum/fund/thai-LTF-fund-performance-3y/ NGCG ยังคงรั้งจ่าฝูง ขณะที่ MAXDIVLTF แซงจากที่ 4 ขึ้นมาเป็นที่ 2 ครับ ---------------------------------------------------------------------------------- ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี http://fundmanagertalk.com/forum/fund/thai-ltf-fund-performance-1-year/ Manulife from #7 >> #2 AYF from #15 >> #5 พยายาม post ตาราง กะแปะรูป jpeg แล้วแต่ทำไม่ได้ครับ รบกวนให้ดูใน link นะครับ โดย FundTalk ศุกร์ พ.ย. 13, 2009 3:37 pm

ผู้ใช้ twitter เกี่ยวกับเรื่อง เศรษฐกิจ ลงทุน ที่น่าสนใจ ผมมีเพิ่มครับ http://twitter.com/SETWizard Equity/Derivatives Analyst - MBA Program student @ NIDA Business School คนนี้ผมเพิ่ง add ไม่นาน tweet ได้ลึก และมันส์ดีครับ http://twitter.com/scbsonline Internet Trading: Technology and Knowledge to Maximize Investor Profits และก็ของผมเองครับ @FundTalk มาเป็นเพื่อนกันครับ http://twitter.com/FundTalk Thai fund manager. Twitting investment/economics view & twitter/blogger tips. Visit me at http://fundmanagertalk.com , blog + webboard for Thai investors. โดย FundTalk อาทิตย์ ต.ค. 04, 2009 7:50 pm

ผลตอบแทน LTF ย้อนหลัง 1 ปีและ 3 ปีครับ ผมจะลองไปแกะพอร์ตของกลุ่มที่ได้อันดับบน ๆ ดูครับ ว่ามีถือหุ้นอะไรอยู่บ้าง คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ที่ forum นี้ครับ แล้วจะนำข้อมูลมาแสดงในโอกาสหน้านะครับ โดย FundTalk อาทิตย์ ต.ค. 04, 2009 3:29 pm

ผลตอบแทน LTF ย้อนหลัง 1 ปีและ 3 ปีครับ งานนี้ต้องซูฮกพี่ ING ครับ ครอง Double Champ ทั้งรุ่นอายุ 1 ปี และ 3 ปี โดย FundTalk อาทิตย์ ต.ค. 04, 2009 3:28 pm

ผลตอบแทน LTF ย้อนหลัง 1 ปีและ 3 ปีครับ สำหรับเพื่อน ๆ ที่คิดจะซื้อกองทุน LTF ผมแนะนำให้เน้นที่ผลตอบแทนการลงทุน 3 ปีเป็นหลักครับ เพราะถ้าดูในระยะเวลาแค่ 1 ปี บางครั้ง Style การจัดการของแต่ละที่อาจจะดีเวลาเป็นขาลง หรือขาขึ้นครับ การลงทุนในหุ้นควรเป็นการลงทุนระยะยาวกว่า 1 ปีครับ ซึ่งผมมองว่า 3 - 5 ปีกำลังพอดีครับ โดย FundTalk อาทิตย์ ต.ค. 04, 2009 3:28 pm

ผลตอบแทน LTF ย้อนหลัง 1 ปีและ 3 ปีครับ ส่วนอันนี้เป็นผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีครับ (ผลตอบแทน 5 ปียังไม่มีนะครับเพราะกองทุน LTF ยังมีมาไม่ครบ 5 ปี) Rank Fund Name Return MAI TRI 48.50 SET100 TRI 20.17 SET50 TRI 21.21 SET TRI 19.34 1 ING Thai Good Corporate Governance Long Term Equity Fund (INGCG-LTF) 45.82 2 MFC VALUE LONG TERM EQUITY FUND (MV-LTF) 35.26 3 The Krung Thai Long-Term Equity Fund (KTLF) 34.26 4 Max Dividend Long Term Equity Fund (MAXDIVLTF) 31.30 5 Asset Plus Long-Term Equity Fund (ASP-LTF) 31.13 6 NASSET BIG CAP LONG TERM EQUITY FUND (BIGCAPLTF) 27.91 7 MFC ACTIVITY LONG TERM EQUITY FUND (MA-LTF) 27.69 8 K Equity 70:30 LTF (K70LTF) 26.37 9 NASSET LONG TERM EQUITY DIVIDEND FUND (LTFD) 25.48 10 ING Thai Big Cap Dividend Long Term Equity Fund (BIGCAP-DLTF) 24.59 โดย FundTalk อาทิตย์ ต.ค. 04, 2009 3:27 pm

ผู้ใช้ twitter เกี่ยวกับเรื่อง เศรษฐกิจ ลงทุน ที่น่าสนใจ ดูเพิ่มเติมแบบเต็ม ๆ ได้ที่ http://bit.ly/aSfYe โดย FundTalk จันทร์ ก.ย. 21, 2009 4:38 pm

ผู้ใช้ twitter เกี่ยวกับเรื่อง เศรษฐกิจ ลงทุน ที่น่าสนใจ ใครมี twitter เกี่ยวกับเศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน account ไหนน่าสนใจ แนะนำกันมาได้เลยครับ โดย FundTalk จันทร์ ก.ย. 21, 2009 4:36 pm

ผู้ใช้ twitter เกี่ยวกับเรื่อง เศรษฐกิจ ลงทุน ที่น่าสนใจ อันนี้ได้มาจาก คุณ Humphrey นิตยสาร The Economist = http://twitter.com/TheEconomist สำนักข่าว Reuters = http://twitter.com/reuters คุณกรณ์, รมต คลัง http://twitter.com/KornDemocrat เนชั่นธุรกิจ   http://twitter.com/nation_business โดย FundTalk จันทร์ ก.ย. 21, 2009 4:35 pm

ผู้ใช้ twitter เกี่ยวกับเรื่อง เศรษฐกิจ ลงทุน ที่น่าสนใจ Wallstree Journal = @WSJ หนังสือพิมพ์การเงินที่มีผู้อ่านมากที่สุดเล่มหนึ่งของโลก กรุงเทพธุรกิจ = @ktnews หนังสือพิมพ์ธุรกิจชั้นนำของไทย Thailand investment = @thaivest เวบไซต์ http://www.thaivest.com Pacific Investment Management = @PIMCO PIMCO คือ Fund Manager ตราสารหนี้ทีใหญ่ที่สุดของโลก นำโดย Bill Gross, Mohammed El Erian CME Group = @CMEGroup Future & Option Trading ที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ Chicago Board of Trade + NYMEX Exchange + Chicago Mercantile Exchange World Economic Forum = @davos Official Twitter account of the World Economic Forum, known for the Annual Meeting in Davos-Klosters, Switzerland ดูเพิ่มเติมแบบเต็ม ๆ ได้ที่ http://bit.ly/aSfYe โดย FundTalk จันทร์ ก.ย. 21, 2009 4:34 pm

FundTalk - เมื่อ ศจ. Joseph Stiglitz เตือนไทยให้ระวังเงินร้ สำหรับเพื่อน ๆ ทีสนใจอยากเห็นรูปคุณ Stiglitz และ Chart USLIBOR และ Chart FED Balance Shee t รวมถึงบทความเรื่องการลงทุนใน หุ้น กองทุน พันธบัตร และวิเคราะห์เศรษฐกิจ สามารถติดตามได้ใน http://fundmanagertalk.com และหากอยากติดตามเรื่องลงทุนแบบทันสถานการณ์ มา follow กันได้ที่ http://twitter.com/fundtalk โดย FundTalk อาทิตย์ ก.ย. 20, 2009 10:26 am

FundTalk - เมื่อ ศจ. Joseph Stiglitz เตือนไทยให้ระวังเงินร้ ผมเชื่อว่าเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์หลาย ๆ มองว่าอาจเกิดขึ้น ในปี 2553 มีโอกาสสูงที่ธนาคารกลางหลาย ๆ แห่งทั่วโลกโดยเฉพาะ FED ที่จะทยอยดึงสภาพคล่องที่ปล่อยไปในระบบกลับคืน ซึ่งผมหวังว่ากระบวนการนั้นจะเป็นไปอย่างช้า ๆ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดทุนของบ้านเราอย่างมีนัยสำคัญ แต่เราอยู่บนตลาดที่การคาดการณ์ของนักลงทุนมีผลต่อราคา อาจเป็นไปได้ที่มีการเก็งถึงสภาพคล่องที่ลดลง และทำให้เกิดความผันผวนของกระแสเงินได้เช่นกัน สรุปแล้วคือ หากเราลงทุนในสิ่งที่มีความผันผวน สิ่งที่เราควรทำคือติดตามปัจจัยต่าง ๆ ที่มีนัยสำคัญต่อราคานั่นเอง ในโลกของการลงทุน “ยิ่งรู้มากกว่า ก็ยิ่งได้เปรียบ” สวัสดีครับ โดย FundTalk อาทิตย์ ก.ย. 20, 2009 10:25 am

FundTalk - เมื่อ ศจ. Joseph Stiglitz เตือนไทยให้ระวังเงินร้ 2. ขนาดงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED Balance Sheet) หาก FED เริ่มลดขนาดของสินทรัพย์ที่ถือครองเมื่อใด ย่อมหมายถึงการดูดสภาพคล่องออกจากระบบ โดยปัจจุบันขนาดสินทรัพย์ที่ FED ถือครองคือประมาณ 2 ล้านล้านเหรียญ ดังที่ระบุไว้ข้างต้น(ดู http://www.federalreserve.gov/monetarypolicy/bst_recenttrends_accessible.htm ) โดย FundTalk อาทิตย์ ก.ย. 20, 2009 10:24 am

FundTalk - เมื่อ ศจ. Joseph Stiglitz เตือนไทยให้ระวังเงินร้ ปัจจัยที่ควรจับตามอง เมื่อเงินที่ไหลเข้า ตลาดทุนส่วนหนึ่งมาจากเงินที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลประเทศ ต่าง ๆ เมื่อวิกฤตได้ผ่านพ้นไปย่อมเป็นไปได้ที่เงินเหล่านั้นจะต้องไหลกลับไปสู่ แหล่งที่มา เช่นในกรณีของสหรัฐฯ ที่เริ่มมีการวางแผนของการดึงเงินที่อัดฉีดเข้าสู่ระบบกลับคืนสู่ทางการไป บ้างแล้ว (Exit Strategy) ดังนั้นสิ่งที่นักลงทุนไทยควรให้ความสำคัญก็คือ สภาพคล่องของตลาดเงินโลก ซึ่งจะมีผลต่อตลาดหุ้น และตลาดพันธบัตรของไทยไม่มากก็น้อย อย่างแน่นอน ผมแนะนำให้ติดตามปัจจัยหลัก ๆ ดังนี้ อัตราดอกเบี้ย London Interbank Offer Rate อายุ 6 เดือน (6-month LIBOR) ซึ่งเป็น indicator สำคัญที่สะท้อนถึงสภาพคล่องของตลาดการเงินของโลก ปัจจบันอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์คือ 0.675% ณ วันที่ 15 กันยายน 2552 หากอัตราดอกเบี้ยตัวนี้ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อใด ย่อมหมายถึงสภาพคล่องที่ลดลง (ดู http://www.economagic.com/libor.htm#US ) โดย FundTalk อาทิตย์ ก.ย. 20, 2009 10:24 am

FundTalk - เมื่อ ศจ. Joseph Stiglitz เตือนไทยให้ระวังเงินร้ ที่มาของเงินร้อน สหรัฐอเมริกาได้อัดฉีดเงิน เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านการใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำ และการขยายงบดุลของธนาคารกลาง (FED) อย่างต่อเนื่อง โดยสหรัฐฯ ได้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย (Fed Fund Rate) ลงไปสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์คือ 0 – 0.25% ตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2551 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน รวมถึง FED ที่ได้เข้าซื้อสินทรัพย์ทางการเงินทำให้สินทรัพย์ของ FED เพิ่มขึ้นจากระดับประมาณ 8 แสนล้านเหรียญในปี 2551 มาเป็น 2 ล้านล้านเหรียญในปัจจุบัน (มีเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นในระบบคิดเป็นเงินไทยประมาณ 68 ล้านล้านบาท มากกว่า GDP ของประเทศไทยประมาณ 7 เท่า) โดยเงินที่อัดฉีดเข้ามาส่วนใหญ่จะผ่านมาที่สถาบันการเงินในสหรัฐฯ ด้วยเป้าประสงค์ให้เกิดการปล่อยกู้ในสหรัฐฯ เพื่อฟื้นเศรษฐกิจให้พ้นจากภาวะถดถอย และประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ ก็ได้ดำเนินนโยบายอัดฉีดสภาพคล่องในลักษณะเดียวกันซึ่งก่อให้เกิดสภาพคล่อง จำนวนมากในระบบการเงินของโลก สิ่งที่เกิดขึ้นคือเงินจำนวนมหาศาล เหล่านั้นกลับไม่ได้นำไปสู่การปล่อยกู้ในสหรัฐฯเป็นหลัก แต่กลับไหลไปสู่ภูมิภาคที่เศรษฐกิจมีการเจริญเติบโตที่ดีกว่า ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือภูมิภาคเอเชีย โดยเงินส่วนใหญ่เข้ามาลงทุนผ่านสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องเช่น หุ้น และพันธบัตร (นับแต่ต้นปีมีเงินจากต่างประเทศไหลเข้าตลาดหุ้นไทยประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท – แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเงินดังกล่าวมาจากสหรัฐฯ ทั้งหมด) โดย FundTalk อาทิตย์ ก.ย. 20, 2009 10:23 am

ไม่มีหัวข้อ โดย FundTalk อาทิตย์ ก.ย. 20, 2009 10:17 am

ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีของกองทุน LTF ไทยครับ ส่วนใหญ่ Fund Manager ก็ Beat index ได้ครับ โดยแชมป์คือ ING ให้ผลตอบแทน 41% เมื่อเทียบกับตลาดที่ให้ผลตอบแทนรวมปันผล 15% โดย FundTalk ศุกร์ ก.ย. 18, 2009 10:35 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย FundTalk ศุกร์ ก.ย. 18, 2009 9:36 am

ลงทุนหุ้นด้วย Mosaic Theory Good Point คับ คุณ Alastor  :8) โดย FundTalk พฤหัสฯ. ก.ย. 17, 2009 11:31 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย FundTalk พฤหัสฯ. ก.ย. 17, 2009 11:29 pm

เสริมความรู้เรื่อง การลงทุนแบบคุณค่า ด้วย twitter เพื่อน ๆ คนไหน ที่เล่น twitter อยู่แล้วถ้ามี ใครที่ twit เรื่องการลงทุนน่าสนใจช่วย share กันบ้างนะครับ (ดู twitterer ที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ http://fundmanagertalk.com/forum/net/twitter-investment-economic/ หรือถ้าคนไหนอ่านกระทู้นี้แล้วตัดสินใจเปิด twitter account ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยนะครับ โดย FundTalk พฤหัสฯ. ก.ย. 17, 2009 11:18 pm

เสริมความรู้เรื่อง การลงทุนแบบคุณค่า ด้วย twitter สำหรับท่านที่ลองเล่น twitter มือใหม่ ผมขอ share บุคคลและหน่วยงานที่ผมติดตาม โดยคุณสามารถใส่ชื่อย่อเพื่อติดตามได้ในกล่อง Search ครับ : คุณอภิสิทธ์ = @PM_Abhisit, คุณทักษิณ = @Thaksinlive, คุณสุทธิชัย = @suthichai, คุณกรณ์ = @KornDemocrat, Barack Obama = @BarackObama, The Economist = @TheEconomist, TIME Magazine = @TIME, Pacific Investment Management Company = @PIMCO, World Economic Forum = @Davos ในขณะเดียวกันผมก็ใช้เวลาว่างในการ Share มุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจ และการลงทุนด้วยเช่นกันโดยหวังว่าจะเกิดประโยชน์กับผู้ที่สนใจเรื่อง การลงทุน โดยติดตามได้ที่ http://twitter.com/FundTalk เข้าใจ/แลกเปลี่ยนเรื่อง ลงทุน ใน หุ้น กองทุน พันธบัตร และวิเคราะห์เศรษฐกิจ ได้ที่ http://fundmanagertalk.com สวัสดีครับ[/url] โดย FundTalk พฤหัสฯ. ก.ย. 17, 2009 10:54 pm

เสริมความรู้เรื่อง การลงทุนแบบคุณค่า ด้วย twitter เคยมีครั้งหนึ่งที่ผมประทับใจกับการใช้ twitter มาก มาจากการที่ผมได้ลองเสนอท่านรัฐมนตรีคลังผ่านทาง twitter ให้ลองศึกษานโยบาย Cash for Clunkers ที่สหรัฐฯ ใช้ในการแก้ปัญหาในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ และคุณกรณ์ก็ได้ twit กลับ มาว่าได้ลองดูแล้ว และพบมีข้อดี รวมถึงข้อเสียหลายประการ ที่ประทับใจคือ มันคงเป็นไปได้ยากมากที่ผมจะได้สื่อสารกับรัฐมนตรีหากไม่มีเจ้าเครื่องมือ ตัวนี้ และก็ต้องขอขอบคุณ คุณกรณ์ ด้วยที่สละเวลามาใส่ใจกับความเห็นของผม โดย FundTalk พฤหัสฯ. ก.ย. 17, 2009 10:50 pm

เสริมความรู้เรื่อง การลงทุนแบบคุณค่า ด้วย twitter :arrow: Where Life and Investment Intersect  :arrow: ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่านข่าวโดยผ่านโทรศัพท์มือถือทุกวันเวลานั่งรถไฟฟ้า ซึ่งโดยปรกติผมจะอ่านข่าวจากเวบไซต์ของ CNBC, Bloomberg, ESPN แต่ต้องยอมรับว่านับแต่เริ่มใช้งานเจ้า twitter ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พฤติกรรมของผมเปลี่ยนไปโดยเปิดหน้า twitter ของตัวเองเป็นอันดับแรก เพราะผมจะได้พบกับสรุปข้อมูลที่ผมสนใจไม่ว่าจะเป็นข่าวด้านเศรษฐกิจ และข่าวทั่วโลกจากสำนักข่าวที่ผมเลือก follow, เรื่องเศรษฐกิจไทยจากคุณกรณ์, เรื่องการเมืองจากคุณสุทธิชัย, เรื่องกีฬาฟุตบอลจาก Premier League, รวมไปถึงเรื่องต่าง ๆ ของเพื่อนสนิทที่ผมติดตาม เรียกได้ว่าเป็นที่ ๆ ทำให้เรื่องที่ผมสนใจทั้งเรื่องงาน เรื่องงานอดิเรก และเรื่องส่วนตัวมารวมอยู่ในที่เดียวกัน โดย FundTalk พฤหัสฯ. ก.ย. 17, 2009 10:50 pm

เสริมความรู้เรื่อง การลงทุนแบบคุณค่า ด้วย twitter จากมุมมองของผม ผู้ใช้ HI5 และ Facebook ส่วนใหญ่จะใช้งานในลักษณะของการแบ่งปันเรื่องส่วนตัว ระหว่างเพื่อน, ญาติ, และคนรู้จักกันเป็นหลัก ขณะที่ twitter ซึ่งเป็นประเด็นที่เราจะมาเล่ารายละเอียดในวันนี้ จะเป็นการแบ่งปันข้อมูลในลักษณะ Public communication นั่นคือการแบ่งปันเรื่องที่น่าสนใจให้กับสาธารณะ โดยผู้ที่ใช้ twitter จะสามารถแบ่งปันข้อมูลได้ครั้งละไม่เกิน 140 ตัวอักษร ซึ่งผมมองว่าเป็นข้อดี เพราะทำให้การสื่อสารกระชับ ไม่เยิ่นเย้อ สำหรับความน่าสนใจของ twitter ที่กำลังมาแรงในชั่วโมงนี้ ผมมองว่ามาจากผู้ใช้งาน (user) ที่มีความน่าสนใจ และกระโดดลงมาเล่นพร้อม ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น คุณอภิสิทธิ์, คุณทักษิณ, Barack Obama, คุณสุทธิชัย, คุณกรณ์ หรือหน่วยงานต่าง ๆ เช่น CNN, The Economist, Chicago Board of Trade ฯลฯ อีกมากมาย เพียงคุณเลือกติดตาม (Follow) บุคคลและหน่วยงานเหล่านั้น คุณก็จะได้รับการ update ข้อมูลข่าวสาร ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวจากท่านเหล่านั้นได้ตลอดเวลา โดย FundTalk พฤหัสฯ. ก.ย. 17, 2009 10:49 pm

ลงทุนหุ้นด้วย Mosaic Theory Alastor wrote: FundTalk wrote: ข้อมูลที่ยังไม่เป็นสาธารณะแต่ไม่ใช่ข้อมูลภายในองค์กร (non-material non-public information) ห้ามใช้ข้อมูลภายในที่เป็นความลับ (Inside Information) ไม่งั้นอาจจะได้ไปกินข้าวแดงในตะรางนะครับ   ในทางปฏิบัติ มีคนเคยโดนจับด้วยหรือครับ? ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด กรณี TPIPL น่าจะนับเป็นคดีอาญาเกี่ยวกับประเด็น insider ครับ โดย FundTalk พฤหัสฯ. ก.ย. 17, 2009 10:39 pm

การวิเคราะห์ตัวเลขเศรษฐกิจ เพื่อกำหนดกลยุทธ์การลงทุน Before Fact การ กำหนดกลยุทธ์การลงทุน ก่อนที่ตัวเลขจะประกาศ หากเราทำการวิเคราะห์ก่อนหน้าที่แบงค์ชาติจะปรับประมาณการ และเชื่อว่าจะมีการปรับประมาณการแบบ Positive Surprise เราก็ควรจะปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น ลดสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ก่อนที่จะถึงวันที่แบงค์ชาติจะประกาศประมาณ การตัวเลขเศรษฐกิจ (เวลาเศรษฐกิจดี เงินเฟ้อสูงราคาหุ้นจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนราคาตราสารหนี้จะปรับลดลง) After Fact หลัง จากตัวเลขการคาดการเศรษฐกิจของแบงค์ชาติประกาศ ตลาดก็จะปรับตัวไปตามการคาดการณ์นั้น หาก ผู้จัดการกองทุน มีมุมมองที่ต่างจากแบงค์ชาติ ยกตัวอย่างเช่น หาก ผู้จัดการกองทุน มองว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะโตเพียง 2% นั่นคือเชื่อว่าในอนาคตจะมีการลดประมาณการ GDP เราก็ควรจะปรับลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้น และเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ โดยสรุป การกำหนดกลยุทธ์ การลงทุน เพื่อชนะตลาด ต้องทำเมื่อนักลงทุน คิดแตกต่างจากสิ่งที่ตลาดคิด (Our view against consensus) ดังนั้นสิ่งที่นักลงทุนควรมีคือมีมุมมองของตัวเอง เพื่อนำไปเทียบกับสิ่งที่ตลาดคิด แล้วนำไปสู่การกำหนดกลยุทธ์การลงทุน นั่นเอง โดย FundTalk พฤหัสฯ. ก.ย. 10, 2009 11:38 pm

การวิเคราะห์ตัวเลขเศรษฐกิจ เพื่อกำหนดกลยุทธ์การลงทุน Your view against Market Consensus ในการกำหนดกลยุทธ์การลงทุนของ ผู้จัดการกองทุน สิ่งสำคัญไม่ใช่เพียงการติดตามการประกาศของตัวเลขเศรษฐกิจ หากแต่เป็นการมีมุมมอง (Market View) ที่แตกต่างจากสิ่งที่นักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่เชื่อ (Market Consensus) ซึ่งสิ่งที่นักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่เชื่อก็มักจะเป็นตัวเลขจากแหล่งที่น่า เชื่อถือเช่นแบงค์ชาติ หรือสภาพัฒน์ดังที่แนะนำให้ท่านติดตามนั่นเอง ขอ ยกเป็นตัวอย่างครับ ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม แบงค์ชาติได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อในปี 2010 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยปรับตัวเลข GDP growth ปีหน้าจากเฉลี่ย 2.5% เป็น 4.0% และปรับตัวเลขเงินเฟ้อจากเฉลี่ย 2.0% เป็น 4.5% ซึ่งการปรับเพิ่มประมาณการครั้งเดียว 1.5 – 2.5% ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญมาก (ถ้าดูย้อนหลังในอดีตจะเห็นว่าการปรับประมาณการแต่ละครั้งโดยเฉลี่ยจะปรับน้อยกว่านี้) โดย FundTalk พฤหัสฯ. ก.ย. 10, 2009 11:38 pm

การวิเคราะห์ตัวเลขเศรษฐกิจ เพื่อกำหนดกลยุทธ์การลงทุน 3. ตัวเลขอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ โดย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (http://www.nesdb.go.th/ >>> เลือก “ข้อมูลเศรษฐกิจและสังคม” >>> เลือก “บัญชีประชาชาติ” >>> เลือก “Quarterly Gross Domestic Product”) โดยตัวเลข GDP จะประกาศหลังจากสิ้นไตรมาสประมาณ 2 เดือน เช่น ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2/52 ปีนี้จะประกาศประมาณช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2552 นี้ โดยรายงานฉบับนี้จะลงลึกในรายละเอียดทั้งหมดของอัตราการเจริญเติบโตเศรษฐกิจ ในไตรมาสที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีอีกหลายตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ที่ประกาศจากหน่วยงานรัฐครับ เช่น ตัวเลขเงินเฟ้อ และตัวเลขการส่งออก / นำเข้า ที่ประกาศโดยกระทรวงพาณิชย์ (http://www.mof.go.th/), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ประกาศโดย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (http://www.thaiechamber.com/) เป็นต้น โดย FundTalk พฤหัสฯ. ก.ย. 10, 2009 11:37 pm

การวิเคราะห์ตัวเลขเศรษฐกิจ เพื่อกำหนดกลยุทธ์การลงทุน 2. รายงานแนวโน้มเงินเฟ้อ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (http://www.bot.or.th/ >>> เลือก “ภาวะเศรษฐกิจ” >>> เลือก “รายงานแนวโน้มเงินเฟ้อ”) รายงานนี้มีประโยชน์มากครับ เพราะจะมีรายละเอียดเชิงลึกของทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ รวมถึงประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจในปีข้างหน้า ทั้งตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวม และแต่ละภาคส่วน โดยรายงานนี้จะเผยแพร่เป็นรายไตรมาส ในเดือน มกราคม, เมษายน, กรกฎาคม, และตุลาคม ของทุกปีครับ โดย FundTalk พฤหัสฯ. ก.ย. 10, 2009 11:37 pm

การวิเคราะห์ตัวเลขเศรษฐกิจ เพื่อกำหนดกลยุทธ์การลงทุน ตัวเลขเศรษฐกิจหาจากไหน หลาย ท่านอาจคิดว่าต้องเป็นนักลงทุนสถาบัน จึงจะมีโอกาสเข้าถึงข้อมูลได้มากกว่านักลงทุนรายย่อย ซึ่งไม่จริงทีเดียวสำหรับตัวเลขเศรษฐกิจครับ เพราะตัวเลขเศรษฐกิจไทยส่วนใหญ่จะมีที่มาจากหน่วยงานราชการ ซึ่งสมัยนี้มักจะนำเสนอผ่านเวบไซต์ โดยผู้ลงทุนทุกประเภทสามารถเข้าถึงได้พร้อมกัน และได้รับข้อมูลที่เหมือนกัน สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจไทยหลัก ๆ ที่น่าติดตาม ผมคิดว่ามีดังนี้ครับ 1. รายงานเศรษฐกิจและการเงินรายเดือน โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (http://www.bot.or.th/ >>> เลือก “ภาวะเศรษฐกิจ”) โดยรายงานนี้จะเผยแพร่เป็นรายเดือน ทุก ๆ วันทำการสุดท้ายของเดือน โดยครอบคลุมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ เช่น ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม, อัตราการใช้กำลังการผลิต, เครื่องชี้การอุปโภคบริโภคของภาคเอกชน, เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชน, อัตราเงินเฟ้อ, ภาคส่งออก-นำเข้า ฯลฯ โดย FundTalk พฤหัสฯ. ก.ย. 10, 2009 11:36 pm

ลงทุนหุ้นด้วย Mosaic Theory เทคนิคคือ การดูว่าปัจจัยที่คุณคิดว่าสำคัญนั้น ตลาดได้ “รับรู้” ไปแล้วหรือยัง วิธีการตรวจสอบ คือ อ่านจากหนังสือพิมพ์ หรือบทวิเคราะห์ (Research) ครับ หากปัจจัยที่ว่ามีลงในหนังสือพิมพ์ หรือบทวิเคราะห์ไปแล้ว โดยมากราคาหุ้นก็จะปรับตัวตามปัจจัยนั้น ๆ ไปแล้ว ปัจจัยที่วิเคราะห์หามาได้ก็จะไม่มีประโยชน์มากนัก แต่ถ้ายังไม่เป็นปัจจัยที่รับรู้ในวงกว้างก็จะเป็นโอกาสที่ดีในการที่จะใช้ ปัจจัยนั้นในการตัดสินใจซื้อ หรือขายหุ้น โดยสรุปก็คือ ถ้ายิ่งรู้มากกว่าคนอื่น ก็ยิ่งได้เปรียบครับ ถ้าคุณอยากจะเจอหุ้น Home Run อย่างที่ผมเล่า ก็ต้องขยันทำการบ้านให้เยอะ ๆ ครับ โดย FundTalk พฤหัสฯ. ก.ย. 10, 2009 10:59 pm

ลงทุนหุ้นด้วย Mosaic Theory เทคนิคเลือกซื้อหุ้นรายตัวด้วย Mosaic Theory ผมชอบวิธีการตามหลักของ Mosaic Theory ครับ (ท่านที่สอบ CFA หรือ CISA จะคุ้นเคยกับทฤษฎีนี้) ซึ่งคือการรวบรวมข้อมูลทั้งที่เปิดเผยต่อสาธารณะ และข้อมูลที่ยังไม่เป็นสาธารณะแต่ไม่ใช่ข้อมูลภายในองค์กร (non-material non-public information) ห้ามใช้ข้อมูลภายในที่เป็นความลับ (Inside Information) ไม่งั้นอาจจะได้ไปกินข้าวแดงในตะรางนะครับ เคล็ดลับคือต้องขยันหาข้อมูลให้ได้เยอะ ๆ สังเกตจากทุกสิ่งอย่างรอบตัว จากนั้นก็จำแนกและวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่เพื่อหา “ปัจจัย” ที่คิดว่ามีนัยสำคัญต่อผลประกอบการบริษัทและราคาหุ้น โดย FundTalk พฤหัสฯ. ก.ย. 10, 2009 10:59 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย FundTalk เสาร์ ส.ค. 29, 2009 2:42 pm

มือใหม่ อยากเล่นหุ้น ไม่รู้จะเริ่มยังไง..คลิกที่นี่ครับ นอกจากการลงทุนในหุ้น ยังควรหาความรู้เรื่องการลงทุนด้านอื่นด้วยนะครับ เช่น กองทุน พันธบัตร หุ้นกู้ ลอง http://fundmanagertalk.com ครับ โดย FundTalk เสาร์ ส.ค. 29, 2009 2:39 pm