หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
kriangsak76
Joined: ศุกร์ ส.ค. 28, 2009 8:10 pm
271
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - kriangsak76
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: อิสรภาพทางการเงิน และ อิสรภาพทางการงาน
ขอมีส่วนร่วมด้วยคนครับ (หลังจากพิมพ์เสร็จ มันยาวมากครับ เฮ้อ มีอะไรผิดพลาด ก็ขออภัยไว้ก่อนเลยนะครับ อ่านเองก็ยังมึนๆ :D ) อ้อ ออกตัวก่อนครับว่า ผมยังทำงานอยู่ และผมก็ไม่ใช่คนรวยด้วยครับ ผมเข้าใจว่า พี่อาเหลียง กำลังชวนให้คิดว่า ระหว่าง คนรวย กับ คนที่มีอิสรภาพทางการเงินและการงาน แตกต่างกันอย่างไร แล้วแผนอนาคตของเราๆท่านๆ ควรจะวางไว้เช่นไร (นอกจากมองมาที่ตัวเองแล้ว ก็มองไปที่สังคมด้วย) แต่พี่อาเหลียง กล่าวมา มีหลายประเด็นจังเลยครับ ผมอยากจะลองขมวดปมมาซักกะหน่อย ถ้าผมเข้าใจอะไรผิดไป ก็ขอโทษไว้ก่อนครับ ๑ ความแตกต่างของคนรวยกับคนที่มีอิสรภาพฯ ก่อนอื่น ความต่างของคนรวย กับคนที่มีอิสรภาพฯ อยู่ที่ระดับของรายได้ ดร.นิเวศน์ เคยให้นิยามเล่นๆ ในคลิปเก่าๆว่า คนรวยคือมีเงินซัก 20 ล้าน (ผมว่าปัจจุบัน ถือว่าน้อยไป แค่พอมีเหลือใช้ น่าจะถูกต้องกว่า เพราะต้องสร้างปันผลจากเงิน 20 ล้าน ก็ถือว่า ได้ไม่มากมายนัก ถ้าหากเราคิดที่จะมีชีวิตระดับ 5 ดาว) เศรษฐี คือมีเงินซัก 100 ล้าน (ผมว่าอันนี้ เรียกว่าคนรวยน่าจะดีกว่านะครับ สามารถมีชีวิตระดับ 5 ดาวได้แล้ว) [และยังมีระดับที่สูงกว่าเศรษฐี คือ เศรษฐีใหญ่(๔๐๐ ล้าน) มหาเศรษฐี (๑๐๐๐ล้าน) เจ้าสัว( ๑๐๐๐๐ ล้าน)] ไม่ว่าจะเป็นใคร คนส่วนใหญ่(ขอเน้นว่าส่วนใหญ่) คงอยู่ภายใต้กฏของ Maslow น่ะครับ (ข้างล่าง ก๊อปในเน็ตมาครับ) ขั้นที่ 1 ความต้องการทางกาย (Physiological Needs) คือความต้องการปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต ขั้นที่ 2 ความต้องการความ มั่นคงปลอดภัย (Safety and Security Needs) คือความต้องการที่จะมีชีวิต ที่มั่นคง ปลอดภัย ขั้นที่ 3 ความต้องการความรักและการเป็นที่ยอมรับของกลุ่ม (Love and Belonging Needs) มนุษย์เมื่อเข้า ไปอยู่ในกลุ่มใดก็ต้องการให้ตนเป็นที่รักและยอมรับในกลุ่มที่ตนอยู่ ขั้นที่ 4 ความต้องการได้ รับการยกย่องจากผู้อื่น (Self -Esteem Needs) เป็นความต้องการในลำดับต่อมา ซึ่งความต้องการในชั้นนี้ถ้าได้รับจะก่อให้เกิดความภาคภูมิใจใจตนเอง ขึ้นที่ 5 ความต้องการในการเข้าใจและรู้จักตนเอง (Self-Actualization Needs) เป็นความต้องการชั้นสูง ของมนุษย์ ซึ่งน้อยคนที่จะประสบได้ถึงขั้นนี้ คนที่มีอิสรภาพทางการเงินและการงาน: การที่มีอิสรภาพทางการเงินและการงาน ผมคิดว่า เป็นเพียงขั้นที่ 1 และ 2 เท่านั้นครับ แต่ระดับการยึดติดกับขั้นที่ 1 และ 2 นั้น ยังพอมีอยู่บ้าง ขึ้นกับระดับความมั่งคั่งทางการเงินของแต่ละคน ถ้ามีระดับเพียงแค่ เหลือกินเหลือใช้เพียงเล็กน้อย (รับมากกว่าจ่ายเล็กน้อย) นั่นก็อาจจะไม่สามารถสรุปได้ว่า มีอิสรภาพทางการเงินอย่างเด็ดขาด หากเกิดเหตุอันไม่คาดคิด เราก็อาจจะกลับไปสู่การที่ต้องทำงานเพื่อเงินอีก น่าจะสะท้อนถึงประเด็นเรื่อง ความสม่ำเสมอ ของพี่อาเหลียงได้มั๊งครับ คือ ต้องมีอิสรภาพ พร้อมทั้งต้องรองรับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น อุบัติเหตุ ผ่าตัดใหญ่ ต้องรักษาตัวใน รพ นานๆ (อันนี้ ไม่รู้ว่า พี่อาเหลียงจะสื่อว่า คนเราควรต้องทำประกันไหม๊น้า) ดังนั้น เราจึงควรเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้ด้วย เช่น ครอบครัวหนึ่งๆ มีรายจ่ายซัก 100,000 บาทต่อเดือน ก็ควรจะต้องมี passive income ซักเท่าตัวคือ 200,000 แบบนี้ ถ้ามีระดับนี้ น่าจะมี buffer ในส่วนการป้องกันความเสี่ยงได้แล้ว แต่การเป็นคนที่มีอิสรภาพฯ เป็นสภาวะทิ้งตัว(เริ่มต้นหรือก้าวแรก)ของการเป็นคนรวยในที่สุดครับ :D :D คนรวย : เนื่องจากคนรวยนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องขั้นที่ 1 และ 2 ดังนั้น ตัวเลขในพอร์ตนั้น ในธนาคาร มันไม่มีความสำคัญกับคนรวยเลย ประเด็นคือ ถ้ารวยแล้ว คนรวยจะมีชีวิตอย่างไรมากกว่า จะทำอะไรบ้าง ซึ่งสุดแล้วแต่ความต้องการของแต่ละบุคคล ดังนั้น บ้างอาจจะเป็นครูสอนหนังสือ เป็นคนจิตสาธารณะ เป็นนักสังคมสงเคราะห์ เป็นนักท่องเที่ยว เดินทางฯ อะไรก็ตามที่เค้าอยากทำ (ซึ่งตรงนี้ เป็นความเหมือนกันระหว่างคนรวยกับคนที่มีอิสรภาพฯ) แต่ถ้าคนรวยต้องการเพิ่มตัวเลขในพอร์ต นั่นอาจจะหมายถึง มันเป็นเกม มากกว่า แต่คนรวยจะก้าวไปสู่ขั้นที่ 3-5 ได้หรือไม่นั้น อยู่ที่แต่ละตัวบุคคลแล้วครับ ๒ คุณค่าของตัวเอง ประเด็นนี้ ผมว่า มันสะท้อนถึง การที่คนภายนอกจะมองคนที่เป็นนักลงทุนอาชีพอย่างไรมั๊งครับ เพราะการที่เราไม่ได้ประกอบอาชีพอันเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม หรือไม่ได้เป็นอาชีพที่คนส่วนใหญ่รู้จัก ก็ทำให้เหมือนถูกตำหนิจากคนภายนอกที่มองเข้ามาอย่างอ้อมๆ (ไม่แน่ใจว่าพี่อาเหลียงจะสื่อแบบนี้ไหม๊นะ) ดังนั้น ไม่ว่าคนรวยหรือคนที่มีอิสรภาพฯ มักจะมองหางานทำ เพื่อให้สังคมยอมรับคุณค่าของตน (ขั้นที่ 3และ 4) โดยมักจะเป็นงานที่รัก งานที่สนุก เพื่อจะได้มีคำตอบให้กับสังคม (คนรวยกับคนที่มีอิสรภาพ ผมว่า มีจำนวนน้อยมากนะครับ ไม่น่าจะใช้กฏ 80:20 ได้เลยด้วยซ้ำ 0.1% ก็น่าจะน้อยไป ดังนั้น คน 999 คน คงไม่เข้าใจ คน 1 คนที่ไม่ต้องทำงาน) แต่ถ้าคนรวยมาทำงานแล้ว เช่น เปิดโรงงาน ตั้งบริษัท เราต้องรับผิดชอบกับลูกน้องของเรา เราต้องดิ้นรนหางานมาป้อน เพื่อจะได้มีเงินมาจ่ายลูกน้อง นี่คงเป็นภาระผูกผันและผูกติดกับเรา (ปมที่พี่อาเหลียงเอ่ยถึง) แม้ว่า งานที่เราทำนั้น เป็นสิ่งที่เราชอบ แต่ก็เป็นภาระและความรับผิดชอบของเราในเวลาเดียวกัน ดังนั้น การสร้างคุณค่าในตัวเอง บางครั้งก็ต้องแลกมาด้วยน้ำตา (อจ ไพบูลย์ ก็ยังคงทำงานสอนหนังสือ ผมว่า ตรงนี้ เป็นทางออกของการสร้างคุณค่าในตัวเอง คือ ยังคงทำงานประจำเพื่อมีคุณประโยชน์ต่อส่วนรวมครับ แล้วก็ไม่สร้างปมที่ทำให้เรากลับไปอยู่ในจุดที่ลำบากกายหรือลำบากใจครับ) ๓ งานล้นคน ถ้ามีคนมั่งคั่งมากเกินไป งานล้นคน (มีงานแต่ไม่มีคนมาทำงาน) อย่างที่พี่อาเหลียงพูดไว้ สังคมก็จะเดินไปไม่ได้ เพราะว่า กิจการต่างๆ ก็ต้องใช้คนทำงาน สร้างรายได้ในบริษัท เมื่อคนทำงานลดน้อยลง บริษัทก็หารายได้ได้ลดลงเช่นกัน พูดง่ายๆ คนจำนวนน้อย ทำมาหาได้เพื่อคนส่วนใหญ่ (เหมือนประเทศสังคมผู้สูงวัย เช่นญี่ปุ่น อเมริกา) ถ้าคนทำงานมีน้อยเกินไป ประเทศก็อยู่ไม่ได้ นึกถึงว่า ในบ้านมีแต่คนแก่ 4-5 คน ทำงานโดยคนหนุ่มสาวเพียง 2 คนดูครับ สภาวะแบบนี้ เหนื่อยครับ ประเทศไทยนั้น คร่าวๆ อีกสิบกว่าปี (เดาๆ เอาซักปี 2570 ก็แล้วกันครับ) ไทยก็จะเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้วนะครับ แต่ถ้าเราเลิกทำงานตอนที่เรามีแรงทำงานอยู่ เวลาก็จะย่นลงมาไวกว่าที่เอ่ยไว้นะครับ ดังนั้น แม้ว่า เราจะมีอิสรภาพแล้ว ทางออกของสังคม ของประเทศก็คือ เราควรต้องทำงานต่อไป (ดร.นิเวศน์ ยังเคยพูดว่า คนหนุ่มสาว ควรที่จะทำงานตามความรู้ความสามารถของตน ที่ได้ร่ำเรียนมา) ไม่งั้น เราจะก็จะเสียบุคลากรของประเทศที่เก่ง มีความสามารถ แต่ไม่อยากทำงาน แต่ถ้างานล้นคนจริงๆ ทางออกก็คือ การนำเข้าแรงงานครับ ไม่ว่าจะเป็นแรงงานระดับล่าง ระดับหัวกะทิก็ตาม เช่น อเมริกา ออสเตรเลีย เปิดโอกาสคนเก่ง เข้าไปทำงานในส่วนที่ตลาดแรงงานของเค้าขาดแคลนครับ ไทยเอง ก็คงต้องเป็นแบบนั้น
โดย
kriangsak76
อังคาร พ.ค. 22, 2012 12:22 am
0
1
Re: หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว ชีวิตเป็นอย่างไรกันบ้างคร
@พี่ Appendix ผมกำลังรอพี่ Appendix มาเฉลยให้ผมฟังอยู่เลยครับ ต้องให้คนที่ผ่านจุดนั้นมาแล้วเฉลยให้ฟังถึงจะเข้าใจจริงๆครับ @พี่ Chinn อย่างที่พี่ chinn บอก ตอนนี้ ผมคงอยู่ใน stage 1 อยู่ แต่คิดว่าอาจจะข้าม stage 2 ไปครับ เพราะรู้ว่าพื้นฐานและแนวคิดของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ตามปัจจัยของประสบการณ์ที่คนๆ นั้นได้รับมา ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้คนเค้าเข้าใจในแบบเรา แล้วเราก็คงไม่สามารถเข้าใจความคิดเค้า คงได้แต่ให้ข้อมูล แล้วให้เค้าสังเคราะห์ข้อมูลด้วยตนเองเท่านั้น สุดท้ายก็หวังว่า เค้าก็น่าจะค้นพบแนวทางของตนเองในที่สุด ส่วน stage 3 นั้นคงต้องรอเวลากันซักหน่อยครับ @พี่ wyn ถ้าได้บวชยาวๆได้อย่างพี่ wyn ว่าไว้ ก็คงดีไม่น้อยครับ แต่คงต้องรออีกเป็นปีๆ @พี่ ichbinpao ขอบคุณครับ สำหรับคำแนะนำครับ แล้วจะลองปฏิบัติดูครับ พี่ว่ายังไม่ถึงจุดนั้น ยังไงๆ ผมขอให้พี่ถึงไวๆนะครับ แล้วเราจะเห็นโลกในมุมที่แตกต่างออกไปครับ
โดย
kriangsak76
พุธ มี.ค. 28, 2012 12:41 am
0
0
Re: ตั้งเป้าหมา่ย retire ที่อายุเท่าไหร่ และ พอร์ตใหญ่แค่ไหน
ปล บังเอิญ ผมเป็นคนโสดที่สมถะซักหน่อยครับ ในตอนนี้ เป้าหมายเลยเอาเพียงแค่ว่า 50,000 บาทต่อเดือน ก็เพียงพอแล้วสำหรับคนโสด (ถ้าแต่งงาน ก็คงต้องอัพเป็น 100,000 บาทต่อเดือน) ส่วนตัวขนาดของพอร์ต คงไม่สำคัญน่ะครับ เพราะ เอาปันผลมาเลี้ยงชีพมากกว่า โสดและสมถะ ใช้ตั้ง 5 หมื่นต่อเดือนเลยหรอ :B :B :B แวะมาแซวครับ ผมก็โสดใช้ 1 หมื่นก็เหลือๆละ ขนาดจีบสาว เที่ยวไปด้วยนะ :B :B :B แฮะๆๆ ผมมีไว้สำหรับเผื่อเหลือเผื่อขาดครับ ยังไงๆ เหลือก็ดีกว่าขาดน่ะครับ :D ตอนนี้ เป้าหมายผมขยับไปอีกแล้วครับ ด้วยการโตของมันเอง ใช้ re-investment ไปเรื่อยๆครับ
โดย
kriangsak76
อังคาร มี.ค. 27, 2012 8:27 pm
0
0
Re: หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว ชีวิตเป็นอย่างไรกันบ้างคร
เห็นพี่ๆ เข้าประเด็นธรรมะกัน ได้อ่านแล้วก็ทราบได้ว่าพี่ๆก็เคยปฏิบัติกันมาแล้วด้วยน่ะครับ :D :D :D ส่วนตัวผมเองได้เพียงเปลือกๆเท่านั้นครับ ใจผมก็อยากจะไปศึกษาและปฏิบัติด้วยตัวเองซักครั้ง รอโอกาสที่เหมาะสมครับ คาดว่าจะเป็นปลายปีนี้ น่าจะหาเวลาได้ครับ ผมก็เลยเอาเวบ เสียงธรรม มาฝากครับ http://www.fungdham.com/sound/sound.html เผื่อพี่ๆ เพื่อนๆ ท่านใดสนใจใฝ่ศึกษาครับ อย่างที่พี่คลายเครียดกล่าวไว้ เมื่อเรามีอิสรภาพฯแล้ว เราก็ใช้ชีวิตทางกายได้สะดวกสบายขึ้นตาม MOS แต่ทางใจนั้น สุดท้าย ความสุขความทุกข์ก็ยังเหมือนเดิม มนุษย์เราก็คงต้องแบ่งเวลามาศึกษาธรรมะ คงไม่ถึงระดับหลุดพ้นจากบ่วงกรรมหรือวัฎสังสารได้ แต่ทำให้จิตใจเราดีขึ้น ผ่องใสขึ้น น่าจะดีเพียงพอแล้วสำหรับผมครับ
โดย
kriangsak76
อังคาร มี.ค. 27, 2012 4:01 pm
0
0
Re: ตั้งเป้าหมา่ย retire ที่อายุเท่าไหร่ และ พอร์ตใหญ่แค่ไหน
Time Flies จริงๆครับ กระทู้นี้ 3 ปีแล้วหรือนี่ :D ขอแสดงความยินดี และ ดีใจกับเพื่อนๆที่ประสบความสำเร็จ และได้หลุดออกจากงานประจำที่ต้องทำมา ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ยังไม่ถึงเป้าหมายนั้น และยังต้องทำงานเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย และ เก็บเงินลงทุนอยู่ ให้ประสบความสำเร็จในวันหนึง สำหรับผม เป้าหมายการรีไทร์จากงานประจำของผมใกล้เข้ามาแล้วครับ ปีหน้า มิถุนายน ก็หวังว่าจะเป็นนายตัวเอง พอร์ตใหญ่เท่าไหร่นั่นหรือ?...เงินปันผลน่าจะพอเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง อยู่อย่างพอเพียงครับ จะเอาเวลาที่เหลือไปทำอะไร....เอ...ปกติก็ไม่ค่อยจะมีเลาเหลือนะ มีอะไรที่ยังไม่ได้ทำเยอะแยะไปหมด :D ปีหน้าตอนรีไทร์งานประจำจะแวะเข้ามาบอกกล่าวอีกทีนะครับ โชคดีร่ำรวยทุกคน คร๊าบบบบ หลังจากretireแล้ว มาเล่าน้องๆบ้างนะครับว่า ชีวิตเป็นอย่างไร เวลาที่เหลือทำอะไรมั่ง :D รอฟังจากพี่โดมอีกคนครับ
โดย
kriangsak76
จันทร์ มี.ค. 26, 2012 6:07 pm
0
0
Re: หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว ชีวิตเป็นอย่างไรกันบ้างคร
ก็มีความสะดวกสบายทางร่างกาย จากอำนาจซื้อของเงิน มากขึ้น แต่ว่า สุขทุกข์ก็ยังคงมีเหมือนเดิม เพราะเงินมันมีความสำคัญที่สุด สำหรับคนที่อยู่ใต้โลกย์ ไปถึงแค่ระดับ ความต้องการ ความสะดวกสบายทางร่างกายของแต่ละคนครับ เกินกว่านั้น เงินไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดแล้วครับ ถ้าใช่ ป๋าบัฟเฟต์ก็ต้องทีความสุขมากกว่าผมเป็นล้านๆเท่า ขอบคุณครับพี่คลายเครียด ผมชอบประโยคของพี่คลายเครียดมากครับ สุขทุกข์ก็ยังคงมีเหมือนเดิม แล้วคนเรามีอำนาจซื้อมากขึ้นตามปริมาณเงินที่มีจริงๆ ดังนั้น คนเราคงต้องแบ่งการบริหารเงิน กายและจิตเลยครับ
โดย
kriangsak76
จันทร์ มี.ค. 26, 2012 1:01 pm
0
0
Re: หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว ชีวิตเป็นอย่างไรกันบ้างคร
คุณช่วยนิยามอิสระภาพทางการเงินของคุณให้ผมฟังก่อน ในความหมายของผมนั้น หมายถึงการที่มีผลตอบแทนจากเงินปันผลเพียงพอสำหรับการใช้ในการดำรงชีพครับ โดยที่เราจะทำงานหรือไม่ทำการก็ได้ครับ รวมถึงมีส่วนเกินจากการใช้ด้วยเพื่อรองรับความเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น อุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วย ถ้าเจอเคสใหญ่ๆ ก็เป็นล้านได้เหมือนกันครับ (เราสามารถป้องกันหรือลดความเสี่ยงได้ด้วยการทำประกัน) อิสรภาพฯ นั้น ในนิยามของผมตอนนี้ อาจจะหมายถึงค่าใช้จ่ายเท่านั้นน่ะครับ อาจจะไม่ได้รวมถึง การได้ทำงานที่ตนเองชอบ หรือทำในสิ่งที่อยากทำ เพราะตอนนี้ ยังติดเงื่อนไขของการชดใช้ระยะเวลา แต่ถ้ามองว่าการลงทุนเป็นอาชีพ ก็คือผมทำงานอยู่เช่นกันครับ โดยอาชีพนักลงทุนก็ยังมีเวลาเยอะมากอยู่ดี แล้วถ้าถามผมว่า อาชีพนักลงทุนนั้นเป็นอาชีพที่ชอบหรือไม่ ในตอนนี้ ผมก็อาจจะตอบว่าการลงทุนเป็นอาชีพหรือครื่องมือตัวนึง ที่เลี้ยงดูเราได้โดยไม่ได้รักอาชีพนี้มากนักน่ะครับ ผมพอจะขยายความให้พี่ Appendix เข้าใจนิยามของผมได้ดีขึ้นหรือเปล่าครับ หรือถ้ายังไม่ตรงประเด็นตรงไหน แนะนำ/สั่งสอนได้เต็มที่ครับ
โดย
kriangsak76
จันทร์ มี.ค. 26, 2012 12:54 pm
0
3
Re: แจ้งข่าว มารดา ของ ดร.นิเวศน์ เสียชีวิต ครับ
ขอแสดงความเสียใจกับ ดร.นิเวศน์และครอบครัวด้วยครับ
โดย
kriangsak76
จันทร์ มี.ค. 26, 2012 9:39 am
0
0
Re: ตั้งเป้าหมา่ย retire ที่อายุเท่าไหร่ และ พอร์ตใหญ่แค่ไหน
ผมอยากจะขอสอบถามพี่ๆ ที่มีอิสรภาพทางการเงินเรียบร้อยแล้ว (โดยเฉพาะคนที่โสด แต่พี่ที่มีครอบครัวก็ช่วยแนะนำได้ครับ) ซักนิดน่ะครับ หลังจากมีอิสรภาพฯ แล้ว สภาวะจิตใจ ปลอดโปร่ง และมองโลกสดใสมากน้อยเพียงใดครับ แล้วมีพี่คนใดบ้างไหม๊ ที่มีอิสรภาพฯ แล้ว แต่ปรากฏว่า อิสรภาพทางใจ กลับยังไม่พบน่ะครับ คือ ผมเจอสภาวะที่ว่า เรามีเวลามากมายเหลือเกิน อาจจะมากเกินไปจนเราไม่รู้จะเอาเวลาเหล่านั้นไปทำอะไร พี่ๆบางท่านอาจจะมีสิ่งที่อยากทำมากมาย (โดยเฉพาะพี่ๆที่มีครอบครัว มีลูก) แต่สำหรับคนโสดนั้น กลายเป็นว่า เวลามีเหลือเกินจำเป็น แล้วพี่ๆ มีการบริหาร/การจัดการเวลากันอย่างไรบ้างครับ (อย่าแนะนำว่า หาแฟน/ภรรยานะครับ :D :D :D เพราะข้อนี้ กำลังหาอยู่ครับ) ปล บังเอิญ ผมเป็นคนโสดที่สมถะซักหน่อยครับ ในตอนนี้ เป้าหมายเลยเอาเพียงแค่ว่า 50,000 บาทต่อเดือน ก็เพียงพอแล้วสำหรับคนโสด (ถ้าแต่งงาน ก็คงต้องอัพเป็น 100,000 บาทต่อเดือน) ส่วนตัวขนาดของพอร์ต คงไม่สำคัญน่ะครับ เพราะ เอาปันผลมาเลี้ยงชีพมากกว่า
โดย
kriangsak76
จันทร์ มี.ค. 26, 2012 12:25 am
0
1
Re: MONEY TALK Videos
:bow:
โดย
kriangsak76
อาทิตย์ มี.ค. 06, 2011 3:58 pm
0
0
Re: ค่า PE PBV YIELD ในพอร์ตของแต่ละคนเป็นอย่างไรบ้างคร
ขอคำนับเฮียคลายเครียดครับ ติดตามในสินธรก็นานปีดีดัก แต่ไม่เคยได้โพสครับ ได้อ่านข้อคิด ข้อเตือนใจ บ่อยๆ ก็ขอขอบคุณด้วยครับ ปีที่แล้ว ผมก็ปรับพอร์ตไปเยอะครับ เลยงงๆกับเงินปันผลของปีที่แล้ว แถมมีการเติมเงินเข้าไปอีก ราคา(มูลค่าของพอร์ต)เลยสูงขึ้น อัตราเงินปันผลก็เลยแลดูลดลง ส่วนการขอเครดิตภาษี ก็มีเรื่องการหักภาษีของเงินเดือนอีก เลยขอตัดตัวเลขของการขอคืนภาษีไปครับ ผมก็เลยขอยกตัวเลขจากผลประกอบการของหุ้นที่มีในพอร์ต มาคำนวณแทนครับ P/E = 8.16 P/B = 2.65 Div = 7.43% ดูๆแล้ว P/B สูงปรี๊ดดดดด ขนาดนี้ ไม่ค่อยจะดีเลยครับ :oops: :oops: :oops: ขอคำแนะนำด้วยครับ :bow:
โดย
kriangsak76
อาทิตย์ ก.พ. 27, 2011 10:12 am
0
0
ถาม-ตอบ วิธีใช้ EPS16YEAR , สรุปข้อมูล บมจ.
ได้รับแล้วครับ ขอบคุณครับ พี่ครรชิตครับ
โดย
kriangsak76
เสาร์ ก.ย. 25, 2010 10:13 pm
0
0
ต่ำกว่า 22 มาทางนี้ มีกระทู้คุณค่ามาฝาก
ขอบคุณในน้ำใจครับ
โดย
kriangsak76
อาทิตย์ ก.ย. 05, 2010 8:45 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
Verified User
ชื่อล็อกอิน:
kriangsak76
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
ศุกร์ ส.ค. 28, 2009 8:10 pm
ใช้งานล่าสุด:
พฤหัสฯ. มิ.ย. 13, 2013 10:29 am
โพสต์ทั้งหมด:
271 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.01% จากโพสทั้งหมด / 0.05 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว