หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
winhaha
ssss
Joined: จันทร์ ส.ค. 10, 2009 8:11 pm
22
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - winhaha
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ
[quote="KB"][quote="winhaha"]ถามมากไปหรือปล่าวครับต้องขอโทษด้วย แต่ต้องถามต่อ 1.ถ้าเช่นนั้น vi ที่แท้จริงไม่ค่อย(ไม่ค่อยนะ)สนใจในดัชนีและแนวโน้ม
โดย
winhaha
เสาร์ ต.ค. 17, 2009 9:03 pm
0
0
สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ
ตอบข้อ 5 ไม่ว่าข่าวอะไรก็ตามถ้าเป็นเรื่องจริงที่กระทบกับกิจการเราควรพิจารณาโดยด่วน แต่ถ้าไม่จริงหรือเป็นแค่ข่าวลือ เราจะไม่ตื่นตูมไปกับตลาด เราไม่ใช่คนวงใน การตามข่าวและโอนเอนไปกับตลาดทำให้เราเสียโอกาสในการลงทุนได้ และการไม่มีวินัยทำให้จิตใจเราไม่มั่นคง[/quote] แต่ขอเน้นว่า VI ไม่มีครึ่งๆ หรือเดี๋ยวเป็นเดี๋๋ยวไม่เป็น นั้นไม่ใช่ VI เลย
โดย
winhaha
เสาร์ ต.ค. 17, 2009 9:02 pm
0
0
สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ
ถามมากไปหรือปล่าวครับต้องขอโทษด้วย แต่ต้องถามต่อ 1.ถ้าเช่นนั้น vi ที่แท้จริงไม่ค่อย(ไม่ค่อยนะ)สนใจในดัชนีและแนวโน้ม สนใจราคาหุ้นเมื่อเทียบกับมูลค่ากับความเป็นจริงและอัตราการเติบโตมากกว่า 2.vi มองมูลค่าก่อน ค่อยมองภาวะตลาด 3.vi ต้องการลงทุนเหมือนเป็นเจ้าของบริษัทฯนั้นๆ 4.vi ไม่ค่อยสนใจในข่าวลือ แม้ว่าข่าวลือนั้นๆ มีน้ำหนักมากเพียงใด แต่เมื่อยังไม่เฉลยก็เป็นแค่ข่าวลือ จะไม่ยอมลดความเสื่ยงหากมองว่าข่าวนั้นๆ ไม่กระทบกับหุ้นที่ตัวเองลงทุนอยู่ 5.ข่าวลือ ล่าสุดไม่กระทบกับหุ้นตรงไหนครับ หากมองตามความจริงแล้วนั่งไล่ไปเรื่อยๆ เริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลง...-------- การเมือง----เศรษฐกิจ-------การลงทุน----------นักลงทุนต่างชาติ-----------สูญญากาศ------------ความเป็นอยู่ของประชาชน------------THAILAND +-+-+-+-00000 ต้องขอโทษด้วยครับที่ถามมากไป แต่ผมสงสัยจริงๆ เพราะ vi ต้องมองถึงมูลค่าหุ้น/อัตราการเติบโต/การลงทุนของธุรกิจของบริษัทนั้นๆ แล้วทำไมในครั้งนี้ถึงบอกว่าในอนาคตไม่กระทบต่อมูลค่าหุ้น ไม่กระทบต่อธุรกิจ ในเมื่อในครั้งนี้มันไม่เหมือนแค่ กันสำรอง30% หรือการปฏิวัติ หรือยุบสภา หรือ มาบตาพุด หรือ 3G หรือ ฯลฯ ซึ่งมันกระทบชิ่งเป็นลูกโซ่ที่รุนแรงมากกว่านั้นมากมายนัก ผมพอเข้าใจว่า vi เป็นนักลงทุนที่เน้นมูลค่าหุ้น ผมก็น่าจะเป็น vi อาจจะไม่เต็มร้อย แต่น่าจะพอเรียกตัวเองแบบนั้นได้เพราะผมเข้าใจถึงมูลค่าหุ้น แต่ดูแล้ว% ในการเป็นนักเก็งกำไรจะมากกว่า ( อย่างนี้ถูกมั้ยครับ) ขอบคุณทุกๆคำวิจารณ์นะครับ ผมอยากใช้คำนี้มากกว่าทุกคนเชิญวิจารณ์ได้เต็มที่เลยครับ เพราะผมอยากรู้ความคิดของคนอื่นมากๆ
โดย
winhaha
เสาร์ ต.ค. 17, 2009 3:28 pm
0
0
สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ
[quote="KB"][quote="winhaha"]อืมมมม.... แล้วอย่างผมเรียกว่าอะไรดีครับ เล่นมาหลายปีตอนนี้ชักสับสนตัวเองแล้ว ยิ่งอ่านยิ่งงง(งงกับตัวเอง) ช่วยวิจารณ์หน่อยครับ ตอนแรกนึกว่าตัวเองเป็น vi แต่พออ่านไปเรื่อยๆ กลายเป็นพวกนักเก็งกำไรซะงั้น จะเล่าให้ฟังครับเอาแค่รอบที่แล้วพอนะ 1. เริ่มถอนตัวออกจากตลาดตอน 8xx เพราะมองว่ามันขึ้นเพราะเกิดจากการเก็งกำไรจากราคาน้ำมันเป็นหลัก แล้วส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงแล้วมองว่าราคาหุ้น มันสูงจนเกินความเป็นจริงมากกก 2.เริ่มเข้าซื้ออีกครั้งตอน 4xx เพราะว่าราคามันช่างต่ำกว่าเสียเหลือเกิน 3.380 เริ่มเข้าซื้ออีกครั้ง(จำได้ว่ามันลงแค่ระหว่างวันนะ) ตอนนั้นจำได่แม่นๆว่ารับ banpu มาตอน 138 ตอนนี้ซื้อแค่ 50% ของพอรท์เพราะกลัวว่าไม่เหลือเงินเล่นตัวอื่น แต่ถามว่ากลัวตลาดมั้ย ไม่กลัวแล้วครับ เหตุผลความไม่กลัวนั้นง่ายมากๆ จำได้ว่าก่อนหน้านั้นได้มีการคุยสารพัด ว่า หาก ptt ออกตลาด ดัชนีจะไปแถวที่เท่าไหร่ คำถามตอบก็แถวนี้ไงครับ(ง่ายมะ)แล้วราคามันช่าง..... 4.4xx เริ่มซื้ออีกครั้งคราวนี้เต็มพอรท์เลย เพราะเห็นว่าแนวโน้มการฟื้นตัวเริ่มชัดเจนมาก 5.550-620 ขายจนเกลี้ยงพอรท์ 6.6xx เริ่มกลับเข้าซื้ออีกครั้ง(แต่ในตอนนี้ซื้อแค่ 40% เพราะแค่อยากลุ้นจุดสูงสุด) 7.750 เหลือหุ้นในพอรท์แค่ 25% 8.โดนเต็มๆ เพราะดันไปถือ ptt
โดย
winhaha
เสาร์ ต.ค. 17, 2009 3:04 pm
0
0
สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ
อืมมมม.... แล้วอย่างผมเรียกว่าอะไรดีครับ เล่นมาหลายปีตอนนี้ชักสับสนตัวเองแล้ว ยิ่งอ่านยิ่งงง(งงกับตัวเอง) ช่วยวิจารณ์หน่อยครับ ตอนแรกนึกว่าตัวเองเป็น vi แต่พออ่านไปเรื่อยๆ กลายเป็นพวกนักเก็งกำไรซะงั้น จะเล่าให้ฟังครับเอาแค่รอบที่แล้วพอนะ 1. เริ่มถอนตัวออกจากตลาดตอน 8xx เพราะมองว่ามันขึ้นเพราะเกิดจากการเก็งกำไรจากราคาน้ำมันเป็นหลัก แล้วส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงแล้วมองว่าราคาหุ้น มันสูงจนเกินความเป็นจริงมากกก 2.เริ่มเข้าซื้ออีกครั้งตอน 4xx เพราะว่าราคามันช่างต่ำกว่าเสียเหลือเกิน 3.380 เริ่มเข้าซื้ออีกครั้ง(จำได้ว่ามันลงแค่ระหว่างวันนะ) ตอนนั้นจำได่แม่นๆว่ารับ banpu มาตอน 138 ตอนนี้ซื้อแค่ 50% ของพอรท์เพราะกลัวว่าไม่เหลือเงินเล่นตัวอื่น แต่ถามว่ากลัวตลาดมั้ย ไม่กลัวแล้วครับ เหตุผลความไม่กลัวนั้นง่ายมากๆ จำได้ว่าก่อนหน้านั้นได้มีการคุยสารพัด ว่า หาก ptt ออกตลาด ดัชนีจะไปแถวที่เท่าไหร่ คำถามตอบก็แถวนี้ไงครับ(ง่ายมะ)แล้วราคามันช่าง..... 4.4xx เริ่มซื้ออีกครั้งคราวนี้เต็มพอรท์เลย เพราะเห็นว่าแนวโน้มการฟื้นตัวเริ่มชัดเจนมาก 5.550-620 ขายจนเกลี้ยงพอรท์ 6.6xx เริ่มกลับเข้าซื้ออีกครั้ง(แต่ในตอนนี้ซื้อแค่ 40% เพราะแค่อยากลุ้นจุดสูงสุด) 7.750 เหลือหุ้นในพอรท์แค่ 25% 8.โดนเต็มๆ เพราะดันไปถือ ptt dtac centel 9.ตอนนี้ cut ptt เรียบร้อย ส่วน dtac กะ centel กะถือ 10. เมื่อวาน รับ cpf qh เพื่อเก็งกำไรอย่างเดียว ช่วยวิจารณ์น่อยครับ ก่อนที่ผมจะซื้อหุ้นแต่ละตัวผมต้องเอางบการเงินของบ.นั้นๆ มาอ่านแล้วเปรียบเทียบกับตัวอื่นในแต่ละกลุ่มก่อนค่อยซื้อ แต่ในบางโอกาสอย่างตอนนี้ก็หวังเก็งกำไร หากเก็งผิดก็พร้อมที่จะ cut ทันที ***อยากหาความรู้จากท่านอื่นเพราะนั่เล่นหุ้นอยู่บ้านแล้วหาข่าวจากสื่อต่างเอา เคยไปห้องค้าแค่ 5 นาที(จริงๆ)ดูกระดานแล้วตาลายเลยกลับบ้าน ขอบคุณทุกคำตอบครับ
โดย
winhaha
เสาร์ ต.ค. 17, 2009 12:13 pm
0
0
สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ
ขอขอบคุณมากครับทุกๆคำตอบ ผมเข้าใจอย่างนี้ไมรู้ว่าถูกหรือปล่าว 1.ต่อให้เป็น vi หากมันเป็นเช่นนั้นจริงก็ยินดีที่จะ cut แล้วค่อยหันกลับมาประเมินอีกครั้ง แต่ในเหตุการณ์นี้ถือว่า รอความชัดเจน เพราะเนื่องจากทุกอย่างมันคลุมเครือไปหมด ก็เลยรอคำตอบที่ชัดจริง 2.จริงแล้วไม่ว่า vi หรือ แค่นักลงทุน ก็มีวิธีการแต่ละคนแตกต่างออกไป บางที vi ก็ต้องกลับไปเป็นนักลงทุน แล้วเล่นไปตามรอบที่มันควรจะเป็น หากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง ก็ต้องเปลี่ยนตามโดยไม่ยึดติด 3.ในบางครั้งการที่เรายึดติดกับการเป็น vi จนมากจนเกินไปเช่นที่กล่าวมา จาก900 มา380 แล้วไม่ขายไม่ใช่ว่าเก่งแต่มองว่า เราเลือกหุ้นมาเป็นอย่างดีแล้วยังไงแค่ปรับฐานลงมาธุรกิจไม่เปลี่ยนยังไงก็ต้องกลับไปในจุดเดิมได้ แต่ต้องยอมรับว่าเป็นการเสียโอกาส พอสมควร หากลองมองย้อนกลับไปว่าแล้วถ้าหากเราเป็นแค่นักลงทุนหล่ะ เค้ายอมตัดใจเมื่อเค้าพลาด แล้วไปรับเต็มที่ตอน 380 หล่ะ 4.ไม่ว่าจะเป็น vi หรือแค่นักลงทุน ในการซื้อขายหุ้นไม่ควรที่จะซื้อทีละครั้งมากๆ ควรที่จะค่อยเติม ค่อยผ่อน เมื่อสัญญานมาเริ่มซื้อไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นแรงขายเริ่มเกิดขึ้นควรที่หยุด ผ่อน แต่ vi อาจจะต่างจากนักลงทุนที่เค้าสามารถทำใจแล้วปล่อยไปเรื่อย ๆ เพื่อกินมื้อโตๆ ดีกว่าซื้อๆ ขายๆ ไปเรื่อยๆ เพราะเค้าคิดว่าเค้าได้เ้ประเมินมาเป็นอย่างดีแล้วว่ามูลค่าหุ้นที่เค้าถืออยู๋่เมื่อนำมากรองกับภาวะเศรษฐกิจเป็นเท่าไหร่ เค้าถึงกล้าปล่อย ราวกับว่าไม่สนใจอะไร แต่จริงๆแล้วเมื่อเกิดเหตุอะไรขึ้นเค้าจะนำมาวิเคราะห์ใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ หากเหตุการณ์นั้นส่งผลต่อธุรกิจ 5.สุดท้ายแล้วไม่ว่า vi หรือแค่นักลงทุนขอเพียงแค่มองมูลค่าหุ้นให้ออก แล้วเลือกซื้อให้ถูกเวลา แค่นี้คำว่าขาดทุนก็แทบจะเกิดน้อยมากเมื่อเทียบกับกำไรที่เกิด ไม่รู้ผิดถูกอย่างไร ต้องขอประทานโทษทุกท่าน และขอขอคุณมากที่ตอบคำถาม ในตอนแรกคิดว่า เหล่า vi จะยึดติดกับสิ่งที่เป็นจนเกินเหตุ แต่ตอนนี้พอเข้าใจมากขึ้นแล้ว ขอบคุณครับ
โดย
winhaha
เสาร์ ต.ค. 17, 2009 12:19 am
0
0
Re: สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ
อีเมลล์ winขีดล่าง
[email protected]
โดย
winhaha
ศุกร์ ต.ค. 16, 2009 7:18 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
winhaha
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
จันทร์ ส.ค. 10, 2009 8:11 pm
ใช้งานล่าสุด:
พุธ ม.ค. 02, 2013 7:53 pm
โพสต์ทั้งหมด:
22 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.00 ข้อความต่อวัน)
ลายเซ็นต์
ssss
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว