หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
Guyguy55
Joined: อาทิตย์ ส.ค. 09, 2009 5:22 am
19
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - Guyguy55
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: อยากทราบครับว่า นักลงทุนอิสระใน 1วัน ทำอะไรบ้างครับ
ยังไม่ใช่เซียนเหมือนกันครับ แต่ส่วนมากจะนั่งนอนอ่านหนังสืออยู่ที่บ้าน และปลูกต้นไม้ แสวงหาโปรแกรมเดินทางท่องเที่ยวครับ ศึกษาหาความรู้ทางการเงินที่ไม่ใช่แค่หุ้นอย่างเดียวแล้วก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อน ๆ หรือชาวบ้านเป็นบางคราว
โดย
Guyguy55
พฤหัสฯ. ม.ค. 27, 2011 8:05 am
0
0
Re: ใกล้ คริสต์มาสและปีใหม่แล้ว อยากมีมิตติ้งกันบ้างครับ
ว้า .....เงียบกันจัง สงสัยคงจะยุ่งกันทุกคน ไม่เป็นไรครับ ไม่ว่างไม่ว่ากัน ไว้พร้อม ๆ กันค่อยว่ากันอีกทีครับ
โดย
Guyguy55
เสาร์ พ.ย. 27, 2010 11:32 am
0
0
ไปด้วยคนน่ะครับ
แต่ขอเป็นว่า ขอเอาช่วงไหนก็ได้แต่ก่อนถึงสิ้นเดือน มกราคมได้ไหมครับ เพราะตอนนั้นผมกลับเมืองไทยพอดีเลย จะได้ไปร่วมด้วยได้ครับ แต่จะเป็นจังหวัดไหนไม่ว่ากันน่ะครับ งานนี้ใครจะเป็นหัวเรือใหญ่ยังไงขอสมาชิกส่งเสียงโหวดหน่อยก็ดีน่ะครับ หรือว่าจะเป็นพี่ลูกอิสานดี เพราะชื่อเค้าก็บอกอยู่แล้วว่าเจ้าถิ่น 5555
โดย
Guyguy55
อาทิตย์ พ.ย. 14, 2010 1:28 pm
0
0
ไปด้วยคนน่ะครับ
แต่ขอเป็นว่า ขอเอาช่วงไหนก็ได้แต่ก่อนถึงสิ้นเดือน มกราคมได้ไหมครับ เพราะตอนนั้นผมกลับเมืองไทยพอดีเลย จะได้ไปร่วมด้วยได้ครับ แต่จะเป็นจังหวัดไหนไม่ว่ากันน่ะครับ งานนี้ใครจะเป็นหัวเรือใหญ่ยังไงขอสมาชิกส่งเสียงโหวดหน่อยก็ดีน่ะครับ หรือว่าจะเป็นพี่ลูกอิสานดี เพราะชื่อเค้าก็บอกอยู่แล้วว่าเจ้าถิ่น 5555
โดย
Guyguy55
อาทิตย์ พ.ย. 14, 2010 1:27 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Guyguy55
อังคาร ก.ค. 20, 2010 4:32 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Guyguy55
เสาร์ ก.ค. 17, 2010 8:14 pm
0
0
ร่วมด้วยช่วยเปลี่ยน ....ความคิด
ได้เห็นหลาย ๆ คนแสดงความคิดเห็นมาแล้วรู้สึกมีความสุขครับ ผมมีเรื่องส่วนตัวจะเล่าให้ฟัง ผมมีความสนใจในเรื่องการลงทุนมาพอสมควรครับ เน้นน่ะครับ ว่าลงทุน ไม่ใช่ เก็งกำไร ผมเคยปรึกษากับใครหลาย ๆ คนรอบข้าง คำตอบที่ได้มาทำให้ผมมองว่า ผมเลือกที่จะเชื่อในความคิดตัวเองมากกว่า เพราะคนส่วนใหญ่เหมือนแทงหวยแทงบอล จนวันหนึ่งเมื่อผมได้มีโอกาสได้คุยเรื่องนี้กับคุณพ่อของผม ท่านแทบจะเป็นคนสุดท้ายที่ผมได้ปรึกษาเรื่องนี้ด้วย ท่านถามว่าผมแน่ใจเหรอ ผมสนใจมันจริง ๆ เหรอ คำถามอันแรกที่พ่อถามผมคือ ลูกจะลงทุนจริง ๆ หรือลูกจะเก็งกำไร ถ้าตอบคำถามนี้ได้แล้วพ่อจะคุยด้วยต่อ ( ท่านเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก ) ผมตอบว่า ลงทุนครับ ท่านพูดต่อว่า ถ้าหากลูกคิดว่าสิ่งที่ลูกทำเป็นการลงทุน มันก็เป็นความคิดเดียวกับสิ่งที่พ่อคิดเอาไว้ เมื่อหลายปีก่อน ก่อนที่ท่านจะเกษียนอายุจากงานราชการ พ่ออยากทำในสิ่งที่ผมกำลังคิดในขณะนั้น ติดแต่ตรงที่ว่า คำตอบจากคนรอบข้างโดยเฉพาะคนข้างกายอย่างคุณแม่ของผม ทุกคนไม่เห็นด้วย เพราะมองว่ามันคือความเสี่ยง และจับต้องไม่ได้เป็นรูปธรรมจนกว่าจะแปรเปลี่ยนเป็นธนบัตรอยู่ในกระเป๋า หรือ ธนาคาร อิทธิพลจากคนรอบข้างเหล่านี้เป็นเหตุให้คุณพ่อของผมต้องเบนเข็มมาทำสวนยาง สิ่งเหล่านี้ได้รับการตอบรับจากคนรอบข้างมากมาย ด้วยต้นยางเหล่านั้นที่ลงทุนพวกเขามองเห็นการเติบโตของมันจับได้ ....ต้องได้ แต่สิ่งที่พ่อบอกก็คือในใจพ่อ พ่อยังเสียดายที่ในชีวิตยังไม่เคยได้สัมผัสการลงทุนในตลาดหุ้นเลยแม้สักครั้ง แต่ในทางกลับกัน ท่านกลับได้อ่านหนังสือ ของ บัฟเฟต์ ก่อนผมหลายปี และบอกว่า หากท่านเอาเงินที่ลงทุนไปในสวนยางทั้งหมดมาลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อหลายปีก่อนก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่ท่านเชื่อลึก ๆ ว่า มันคงจะให้ผลตอบแทนที่ดีกับท่านได้บ้าง หรืออย่างน้อย ก็ยังได้มุมมองใหม่มาคุยกับลูก แต่ ณ วันนี้ ท่านบอกว่า สวนของเรามันมาไกลแล้ว รายได้หลักของท่าน ณ เวลานี้ มาจากส่วนที่ท่านได้ลงแรงลงทุนเอาไว้ เมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว ท่านบอกว่าท่านเคยคิดเปรียบเทียบเสมอว่า ต้นยางเหล่านั้นก็เหมือนหุ้นที่ท่านลงทุนไปนั่นแหละ ( ผมไม่อยากจะเชื่อว่าท่านรู้จัก เรื่องราวของ Vi ด้วย แต่อย่างว่าก็ท่าน ชอบอ่านหนังสือนี่น่า ) หากท่านซื้อไปพร้อม ๆ กัน กับต้นยางในสวน มันก็คงจะโตพอ ๆ กัน นี่แหละ กว่าจะได้เก็บเกี่ยว หรือ เปิดหน้ายาง ก็ปาเข้าไป เจ็ด ถึง แปด ปี พ่อบอกว่า ไม่ว่าจะลงทุนในหุ้นหรือทำสวน ก็ไม่ได้ต่างกันมากพ่อต้องทุ่มเทเวลาให้กับมันมากมายเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจะปลูกหรือจะซื้อทิ้งไว้ได้เลย แต่สิ่งที่ต่างกันก็คือท่านยังคงเชื่อว่า หากท่านลงทุนในหุ้นได้ และสามารถจะทำให้มันออกดอกออกผลได้อย่างที่ท่านคิด มันจะสามารถทำให้ท่านเปลี่ยนความคิดคนรอบข้างของท่านได้ แต่ท่านบอกว่า สุดท้ายเวลาของท่านคงไม่พอที่จะทำอย่างนั้นหรอก แต่หากผมสามารถทำหรือสานต่อในสิ่งที่ท่านคิดไว้ได้ท่านคงจะมีความสุขมาก......ครอบครัวของเราหรือแม้แต่ในตระกูลของเราไม่มีใครเคยลงทุนในหลักทรัพย์เลยครับ ผมเองถือได้ว่าเป็นคนแรกที่หันมาสนใจในเรื่องนี้ แต่ก็โชคดีที่สุดที่คนที่เข้าใจคือ คุณพ่อของเราเอง ผมเชื่อว่าหากว่าเราทำได้แม้จะ ไม่ดีมาก แต่หากมันเห็นเป็นรูปธรรมได้ ในอีก ห้าปี สิบปี ข้างหน้า ผมเชื่อว่า ผมจะสามารถเปลี่ยนมุมมองคนรอบข้าง ของผมได้มากทีเดียว แล้วถ้าหากพวกเรา หลาย ๆ คนทำได้อย่างเดียวกัน อาชีพนักลงทุน ก็คงจะกลายเป็นสาขาวิชาที่มีการเปิดการเรียนการสอนใน มหาลัยต่าง ๆ ในอนาคตเองครับ แล้ววันนั้นผมก็เชื่อว่า เด็ก ๆ รุ่นใหม่คงจะหันมาศึกษา องค์ความรู้แขนงนี้อีกมากครับ โดย เฉพาะ สาขา วิชา Value Investment !!!!!!!
โดย
Guyguy55
เสาร์ ม.ค. 09, 2010 9:21 am
0
0
ทฤษฎี ปลูกพืช ตามที่ขอครับ ครับ
!สามัญชน wrote: อ้อ.......มีเรื่องแปลกๆเรื่องหนึ่ง สมมติว่ามี 100 คน ขายหุ้นทั้งหมดตอนกลางปี 2551 แลซึ่งเป็นช่วงใกล้ยอดดอย ถ้าเรามามองย้อนหลัง ถามว่าจำนวนคนทั้ง 100 คนนี้ มีคนกล้าซื้อหุ้นตอน set อยู่ที่ระดับ 400 จุดมากน้อยแค่ไหน ผมเดานะครับ ไม่ได้มีสถิติข้อมูลอะไรมายืนยันหรอก แต่เดาว่าในแง่จิตวิทยาแล้ว จะมีจำนวนเพียงน้อยนิดที่กล้าซื้อตอน 400 จุด เผลอๆมาถึงตอน 700 จุด มีเกินครึ่ง ที่ยังไม่กล้าซื้อหุ้นเลย หรือถึงซื้อก็ซื้อนิดๆหน่อยๆ ทำไมเป็นอย่างนั้น ก็ไม่รู้เหมือนกัน แปลกไหม เรื่่่องนี้ของพี่หมอ ผมคิดว่ามันเป็นอุปทานหมู่ที่จิตเริ่มสร้างขึ้นมาร่วมกันเพื่่อขจัดความกลัว ทำให้เราเห็นว่าคนมากมายทำไมกล้าที่จะเข้าไปซื้อ ตอน 700 จุด เพราะพวกเขารู้สึกว่ามันปลอดภัยแล้ว มันขึ้นมาแล้ว แล้วมันจะขึ้นต่อไปชัวร์ ดูยังไงมันก็ไม่น่าจะลง ในทางกลับกันทำไมราคา เพียง 400 กลับไม่ค่อยมีคนเข้าไปร่วม หากจะมองในอีกทางหนึ่งว่า ทำไมเราไม่ทำตรงข้ามกับคนหมู่มากล่ะ เพราะหากเราเป็นหนึ่งในคนหมู่น้อยมันไม่ดีกว่าเหรอในการที่จะทำกำไรด้วยความปลอดภัย คำตอบของผมในขณะีนี้นั่นก็คือ คนหลายคนอยากเป็นคนส่วนน้อยที่ทำตรงข้ามคนหมู่มาก แต่เขาเหล่านั้นขาดความรู้ที่จะเป็นส่วนซัพพอร์ตจิตให้เข้มแข็งต่างหากล่ะครับ ฉนั้นความไม่รู็ จึงสร้าง อุปทานขึ้นมาว่า รอก่อน รอความแน่นอน ก่อน ให้มันขี้นมากกว่านี้ก่อน จนเกิดจุดที่เรียกว่าความปลอดภัย พร้อม ๆ กันกับคนหมู่มากนั่นเอง ยังไงรบกวนคนที่มีความรู้เรื่องจิตวิทยา มาแชร์ความรู้กันต่อเนื่องน่ะครับ เราจะได้มีความรู้หลาย ๆ แขนงมาเป็นภูมิคุ้มกันตัวเราครับ
โดย
Guyguy55
อังคาร ธ.ค. 29, 2009 7:16 am
0
0
ทฤษฎี ปลูกพืช ตามที่ขอครับ ครับ
เรื่่่องนี้ของพี่หมอ ผมคิดว่ามันเป็นอุปทานหมู่ที่จิตเริ่มสร้างขึ้นมาร่วมกันเพื่่อขจัดความกลัว ทำให้เราเห็นว่าคนมากมายทำไมกล้าที่จะเข้าไปซื้อ ตอน 700 จุด เพราะพวกเขารู้สึกว่ามันปลอดภัยแล้ว มันขึ้นมาแล้ว แล้วมันจะขึ้นต่อไปชัวร์ ดูยังไงมันก็ไม่น่าจะลง ในทางกลับกันทำไมราคา เพียง 400 กลับไม่ค่อยมีคนเข้าไปร่วม หากจะมองในอีกทางหนึ่งว่า ทำไมเราไม่ทำตรงข้ามกับคนหมู่มากล่ะ เพราะหากเราเป็นหนึ่งในคนหมู่น้อยมันไม่ดีกว่าเหรอในการที่จะทำกำไรด้วยความปลอดภัย คำตอบของผมในขณะีนี้นั่นก็คือ คนหลายคนอยากเป็นคนส่วนน้อยที่ทำตรงข้ามคนหมู่มาก แต่เขาเหล่านั้นขาดความรู้ที่จะเป็นส่วนซัพพอร์ตจิตให้เข้มแข็งต่างหากล่ะครับ ฉนั้นความไม่รู็ จึงสร้าง อุปทานขึ้นมาว่า รอก่อน รอความแน่นอน ก่อน ให้มันขี้นมากกว่านี้ก่อน จนเกิดจุดที่เรียกว่าความปลอดภัย พร้อม ๆ กันกับคนหมู่มากนั่นเอง ยังไงรบกวนคนที่มีความรู้เรื่องจิตวิทยา มาแชร์ความรู้กันต่อเนื่องน่ะครับ เราจะได้มีความรู้หลาย ๆ แขนงมาเป็นภูมิคุ้มกันตัวเราครับ
โดย
Guyguy55
อังคาร ธ.ค. 29, 2009 7:12 am
0
0
ทฤษฎี ปลูกพืช ตามที่ขอครับ ครับ
ขอบคุณมาก ๆ ครับ สำหรับทุกความคิดเห็น โดยเฉพาะพี่หมอ ผมว่าเรื่องที่พี่หมอเตือนเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ เลยครับ แต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลาย ๆ คนเลย หากผมจะพูดว่า “การลงทุนเป็นศิลปะที่ยิ่งใหญ่แขนงหนึ่งในโลกใบนี้” ก็คงจะมีหลาย ๆ คนที่เห็นด้วย ผมยอมรับว่าการศึกษาเรื่องการลงทุนอย่างจริงจังของผมตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้มันได้ช่วยขจัดความโง่เขลาและหยากไย่ในสมองของผมออกไปได้บ้าง แต่ไม่ใช่ว่าเก่งนะครับ.... เพราะการรู้เพิ่มขึ้น..ไม่ได้หมายความว่าเราเก่งขึ้น สิ่งที่พี่หมอทิ้งเอาไว้ให้คิดต่อในเรื่องความกลัวนั้น มันทำให้ประจุไฟฟ้าในสมองผมเริ่มทำงานอีกครั้งครับ ครั้งนี้ผมว่าเรากำลังพูดถึงเรื่อง “จิตวิทยาความกลัว” ผมยอมรับว่าผมเองก็เป็นคนหนึ่งครับ ที่มีความกลัวอยู่เยอะ แต่สิ่งที่ผมคิดว่าผมจะไม่และจะต้องไม่เป็นก็คือ การนำความกลัวที่มีอยู่ในจิตมาสร้างเป็น อีโก้ เพื่อรองรับความจริงที่ตนมองเห็นอยู่ มันคือการฆ่าตัวตายตั้งแต่เริ่มต้น... เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับน้องคนนั้นที่พี่หมอเล่ามา ส่วนตัวผมเองนั้นผมมีเป้าหมายคือการกลับไปใช้ชิวิตอยู่อย่างเรียบ ๆ ที่เมืองไทย เมื่อต้นอายุ 40 ( ตอนนี้ผม 31 ครับ ) คือต้องการที่จะหลุดพ้นพันธนาการต่าง ๆ ทางการงาน ของวัฏจักรมนุษย์เงินเดือนอย่างที่หลาย ๆ คนกำลังเป็นอยู่ เพราะฉนั้นจิตของผมตอนนี้มันก็กำลังสร้างความกลัวให้เกิดขึ้นนั่นก็คือ ผมเหลือเวลาออีก สิบปี โดยประมาณ ความกลัวเล่านั้นนำมาซึ่งการศึกษาเรื่องราวศิลปะแขนงนี้อย่างจริงจัง เพื่อที่จะเอาชนะความจริงในโลกแห่งการลงทุน ผมดีใจมากครับ ที่พี่หมอและพี่นริศรวมทั้งใครอีกหลาย ๆ คนเข้ามาแชร์ความคิดในกระทู้ของผม มันเหมือนกับที่เรารอคอยเพื่อที่จะขอลายเซ็นต์จากดาราสักคนนั่นแหละครับซึ่งตอนนี้ผมก็ได้มาสองแล้ว และนี้ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้จิตผมเริ่มหึกเหิมขึ้น เหมือนทหารที่กำลังจะเข้าสู่สนามรบและมีแม่ทัพมาชี้แนะ...ชี้แนว...ชี้ทางให้คิดครับ แต่ความหึกเหิมนี้สำหรับผม มันไม่ได้สร้างอีโก้อะไรให้เกิดขึ้นพอที่จะเชื่อว่า กรูนี่แหละ....แน่แล้ว สิ่งที่กรูคิดนั่น..... ถูกแล้ว แต่มันได้สร้างความหึกเหิม ความคึกคัก ในการที่จะเพิ่มเติมความรู้ ...เพิ่มรอยหยักในสมอง อันน้อยนิดของผม ผมบอกตัวเองอยู่เสมอว่าให้ทำตัวเองให้พร้อมในทุกสถานการณ์ ว่า กรูไม่รู้ กรูไม่แน่ แต่ กรูพร้อม ! สิ่งที่พี่หมอเปิดทางในความคิดของผมวันนี้ผมขอน้อมรับมันไว้ครับ ผมเชื่อว่าสุดท้ายแล้ว .....จิตใจคนนี่แหละครับที่ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด ... เหนือองค์อความรู้ใดทั้งปวง ......เอาชนะใจตัวเองได้เมื่อไหร่ก็เอาชนะตลาดได้เมื่อนั้นใช่ไหมครับ !
โดย
Guyguy55
อังคาร ธ.ค. 29, 2009 6:53 am
0
0
ทฤษฎี ปลูกพืช ตามที่ขอครับ ครับ
ขอบคุณครับ สำหรับความคิดที่เข้ามาแชร์กัน อย่างที่คุณวี พูดถูกต้องเลยครับ สิ่งที่ผมทำอย่างแรกคือ ผมสร้างการทดลองก่อนที่จะซื้อหุ้นจริง ๆ จากตลาด โดยใช้แบบทดลองย้อนหลังไป โดยประมาณ ห้าปีครับ แต่สิ่งที่ผมพบก็คือ ผมไม่สามารถจะหลอกความรู้สึกตัวเองได้ว่า ผมไม่รู้ราคาการขึ้นลงของหุ้นที่ผ่านมา ในห้าปี เพราะก่อนที่ผมจะได้คุยกับเขานั่นผมก็ศึกษาไปพอสมควรกับตลาดหุ้นในเวลาย้อนหลังห้าปีที่แล้วครับ สิ่งสำคัญก็คือ มันไม่เรียลลิสติกครับ แต่สิ่งที่ผมกำลังลองทำในฐานนะมือใหม่ก็คือ ทดลองจากความเป็นจริงด้วยสิ่งที่จับต้องได้จริง ๆ และอารมณ์ร่วมจริง ๆ ในขณะนั้น ที่สำคัญอย่างที่ผมบอกไปแต่ต้นแล้วครับ เงินที่ใช้ไปลงทุนนั้น เป็นเงินเย็น ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลยทั้งสิ้น สิ่งนี้ต่างหากล่ะครับที่ผมกำลังจะบอกว่า การที่เราใช้เงินที่มันเย็นจริง ๆ และไม่ได้มากเกินไปสำหรับเรา และไม่ได้มีอิทธิจากคนรอบข้างมากดดันว่ากลัวเราจะสูญเสียเงินนั้นจากการลงทุน มันสามารถที่จะทำให้เราเอาชนะความรู้สึกที่จะร่วมเคลื่อนไหวหรือโอนอ่อนไปกับราคาของตลาดได้ครับ สิ่งนี้ไงครับ ที่ผมอยากมาร่วมแชร์ประสบการณ์อันน้อยนิดกับคนที่กำลังจะเข้ามาในโลกของนักลงทุนใหม่ ๆ อย่างผมว่า ไม่ว่าเงินจำนวนเท่าไหร่ก็ตามหากมันเป็นเงินเย็นและไม่มีอิทธิพลจากคนรอบข้างแล้ว มันย่อมจะดีกว่า และคุณก็สามารถจะเปรียบเปรยวิธีคิดอย่างผม ได้สำหรับทุกคนครับ สิ่งที่ผมกำลังจะชี้ในความคิดส่วนตัวของผมก็คือ การเติบโตเปอร์เซนต์ต่างหากล่ะครับ เป็นสิ่งที่เราทุกคนกำลังมองและพยายามที่จะรักษามันไว้ สิ่งที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ก็คืออยากแชร์เรื่องราวที่เรารับฟังมา และอยากให้พวกเราทุกคนมาช่วยกันขยายความคิดเพิ่ม อย่างคุณ OutOfMyMind นี่ชอบมาก ๆ เลยครับ มันจะได้ช่วยกันพัฒนาความคิดหรือต่อยอดความคิดกันต่อไป อย่างที่คุณ OutOfMyMind ถามต่อน่ะครับ ก็อยากบอกว่า ตั้งแต่เรื่องนักเดินทางที่ผมเขียนเอาไว้ การลงทุนของผมนั้น มองที่ภาพรวมของตลาดต่อเนื่องระยะยาวครับ สำหรับผมการเป็นวีไอ ไม่ใช่ว่าเราจะเข้าไปซื้อหุ้น ในราคาที่ต่ำแล้วอดทนถือรอจนราคาหุ้นพุ่งขึ้นมา แต่การเป็นวีไอ ของผม ผมกลับรอเวลาที่จะให้หุ้นมันล่วงหล่นลงมาจนถึงจุดที่ผมคิดว่ามันเหมาะสมแล้วสำหรับตัวเองครับ นั่นก็คือ มาร์จิ้นออฟเซฟตี้ นั่นแหละครับ ในทัศนคติของผม ก็คือช่วงเวลาที่คุณตลาดป่วยหนักนั่นเอง เพราะผมเชื่อว่า คุณตลาดเขาไม่มีวันตายครับ เขาป่วยแล้วเขาก็จะฟื้นและจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ที่สิ่งที่ผมเห็นคนหลาย ๆ คนเป็นคือ พอมีเงิน ก็อดที่จะซื้อไม่ได้ อดที่จะถือเงินสดนาน ๆ ไม่ได้ ต้องเข้าไปหาทางเลือกหุ้นมากสักตัวจนได้ ในที่นี้หากเปรียบกับการทำสวนแล้ว ในช่วงฝนแล้ง น้ำแห้ง เพราะปลูกไม่ได้ เราควรจะเตรียมดินครับ คำว่าเตรียมดินของผมก็คือ หาความรู้เกี่ยวกับไม้พันธ์ต่าง ๆ ที่เราได้เลือก ๆ มอง ๆ เอาไว้ เก็บรวบบรวมปุ๋ยเอาไว้ครับ นั่นก็คือ เตรียมเงินสดเอาไว้ในมือให้มากครับ เพราะผมเชื่อว่าวันเวลาที่ฝนแล้วฝนแห้ง ร้อน สุด ๆ นั่นแหละครับ พายุใหญ่กำลังจะมา แล้วหลังพายุคุณจะเห็นว่า ไม้พันธุ์ที่คุณเล็งเอาไว้ มันเป็นยังไง คุณจะได้ไปปลูกมันเพิ่ม เติมปุ๋ยใส่มันได้ แล้วหลังจากนั้นมันก็จะกลับไปยังวงรอบการเติบโตแบบเดิมของมันครับ จนกว่าระยะเวลาของพายุใหญ่จะมาอีกครั้ง ก็คงกินเวลาไปอย่างน้อย 6 – 8 ปีอย่างบทความแรกที่ผมกล่าวเอาไว้ครับ แล้วยังงี้ หลายคนคงจะบอกว่า อ้าว แล้วเงินที่เก็บมา กว่าจะรอให้มันถึงวันพายุเข้า มันจะไปออกดอกออกผลยังไงล่ะ เพราะว่า ฟ้ามันแห้ง ฝนมันแล้งนี่น่า ใช่สิน่ะ......? มาแชร์กันเยอะ ๆ ครับ เราจะได้เห็นดอกผลทางความคิดที่เราร่วมแชร์กัน แล้วเดี๋ยวมาช่วยกันหาแนวทาง ไกด์ไลน์ ว่าเราจะปลูกพืชล้มลุก อะไรดี ในช่วงที่รอฟ้ารอฝนอย่างนี้ครับ
โดย
Guyguy55
อาทิตย์ ธ.ค. 27, 2009 11:51 am
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
Guyguy55
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
อาทิตย์ ส.ค. 09, 2009 5:22 am
ใช้งานล่าสุด:
อาทิตย์ ม.ค. 24, 2021 2:18 pm
โพสต์ทั้งหมด:
19 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.00 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว