หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
ผู้ติดตาม
Invest is art but Speculate is life.
Joined: พุธ ม.ค. 12, 2005 2:54 pm
37
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - ผู้ติดตาม
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
ใครถือ STPI อยู่เอ่ย
บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย งบกำไรขาดทุน สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2550 และ 2549 (หน่วย : พันบาท ยกเว้นกำไรต่อหุ้นแสดงเป็นบาท) งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะกิจการ หมายเหตุ 2550 2549 2550 2549 (ปรับปรุงใหม่) รายได้ รายได้จากการรับจ้างผลิต 216,346 576,576 217,148 225,681 รายได้จากการขายและบริการ 67,698 80,889 32,443 4,749 ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมตามวิธีส่วนได้เสีย 116 284 - - รายได้อื่น กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 2,792 - 2,509 1,049 รายได้อื่น 8,071 1,683 6,660 3,778 รวมรายได้ 295,023 659,432 258,760 235,257 ค่าใช้จ่าย ต้นทุนจากการรับจ้างผลิต 222,769 528,228 223,459 239,477 ต้นทุนขายและบริการ 49,975 56,367 24,803 1,492 ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร 16,454 32,426 9,392 8,840 รวมค่าใช้จ่าย 289,198 617,021 257,654 249,809 กำไร (ขาดทุน) ก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้นิติบุคคล 5,825 42,411 1,106 (14,552) ดอกเบี้ยจ่าย (1,213) (2,138) (937) (2,100) ภาษีเงินได้นิติบุคคล 9 (1,561) (17,048) - - กำไร (ขาดทุน) สุทธิสำหรับงวด 3,051 23,225 169 (16,652) กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน (บาท) กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 0.012 0.093 0.001 (0.067)
โดย
ผู้ติดตาม
อังคาร พ.ค. 15, 2007 6:31 pm
0
0
ย้อนรอย stpi
สงสัยครับว่าใน TVI มีถือรวมกันตั้งเป็นสิบล้านหุ้น ทำไมต้องไปตื่นเต้นด้วย ทำไม ไม่ถือไว้ ถ้าเชื่อว่ามันยังดีอยู่ ถ้ามีเงินเหลือราคาลงก็ทยอยซื้อเพิ่ม ยังไงหุ้นก็มีไม่มาก ถ้าเป็นธุรกิจที่ดี คนที่เป็นมือการเงินแล้วคิดว่าแน่ปล่อยหุ้นออกมาแบบนี้ ถ้าเก็บกลับไม่ได้ เดี๋ยวดูไม่จืด คุณเบมมี่มีตั้งแยะไม่ลองเป็นหัวขบวนรวบรวมหุ้น แล้วไปโหวตขอตำแหน่งกรรมการดูล่ะ คิดว่าใน TVI น่าจะมีคนมอบฉันทะให้เยอะนะ ถึงแพ้ก็ไม่เป็นไร ให้เค้ารู้ว่าทำแบบนี้เจอตัวจริงคราวหน้าอาจหายทั้งบริษัท (ล้อเล่น) แต่ถ้าฟลุ๊คได้เป็นต่อไปจะได้จะได้มี อินไซด์แทน :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
โดย
ผู้ติดตาม
พฤหัสฯ. มี.ค. 01, 2007 7:54 pm
0
0
ถามจริงคนซื้อstpi พร่งุนี้จะขายจิงหรือ
ใจเย็นๆ ครับคุณ hot มองในแง่ดี Q4 ยังมีกำไรตั้ง 0.15 บาทแน่ะ :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
โดย
ผู้ติดตาม
พฤหัสฯ. มี.ค. 01, 2007 6:25 pm
0
0
STPI 0.98 บาท/หุ้น
ซึ่งก็คือกันสำรองหนี้ที่ถูกฟ้องเรื่องคืนงาน ต้องฝากคุณ ROGER ไปถามแล้วว่ามันจะแพ้ใช่มั้ย ถ้าไม่คิดรายการนี้ Q4 จะกลายเป็นกำไร 0.15 ครับ นั่นแสดงว่ายังไม่มีผลกับกระแสเงินสด พรุ่งนี้ใครใร่ซื้อๆ ใครใคร่ขายๆ ตัวใครตัวมันครับ
โดย
ผู้ติดตาม
พฤหัสฯ. มี.ค. 01, 2007 6:19 pm
0
0
STPI 0.98 บาท/หุ้น
ผมว่ามันมาจากรายการนี้ครับ สำรองหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น 27 120,000,000 - 120,000,000 -
โดย
ผู้ติดตาม
พฤหัสฯ. มี.ค. 01, 2007 6:12 pm
0
0
ถาม VI หน่อยครับ ถ้า PR ถือ PB มูลค่าเท่ากับทั้งบริษัทของ PR
1. jaychou wrote: ซื้อ PR ...รับรู้ปันผลจาก PB เป็นกำไรทางบัญขี ซื้อ PB ...รับรู้ปันผลจาก PB เป็นเงิน(เช็ค หรือเข้าบัญชี) ยืนยันว่าเปลี่ยนไปแล้วครับ เพราะมีการประกาศเป็นนโยบายแล้วว่า เงินปันผลที่ได้จากบริษัทร่วม จะนำมาจ่ายเป็นเงินปันผลทั้งหมด และและเมื่อรวมกันแล้วปันผลรวมจะไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรปกติครับ ดังนั้นอย่างไรเสียเงินปันผลของ PR ก็ต้องมากกว่าหรือเท่ากับ PB วันยังค่ำครับ จากข้อนี้ตราบใดที่ PE ของ PR ยังต่ำกว่า PB แล้ววัดเฉพาะเงินปันผลซื้อ PR คุ้มกว่า PB ครับ 2. PR พึ่งจะสร้างโรงงานใหม่ที่มีกำลังผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยใช้เงินทุนหมุนเวียนของตัวเอง แถมยังมีเงินไปเพิ่มทุน PB อีก ถ้าเป็นกรณีปกติ ผมอาจจะสงสัยว่า หาเรื่องเพิ่มทรัพย์สินโดยไม่เข้าเรื่องเดี๋ยวก็หาข้ออ้างไม่จ่ายปํนผล แต่เมื่อดูจากข้อ 1. และคุณพิพัฒน์ ที่เป็นกูรูทางการตลาดคนนึงของเมืองไทย ทำให้เชื่อว่า น่าจะมีช่องทางเติบโตได้ แต่ทีไม่ดีคือ ได้ BOI ทำให้ปันผลที่ได้ใหม่เอาไปเครดิตภาษีไม่ได้ 3. ผมเคยมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนจาก PR ไปเป็น PB ตามที่เฮียคลายเครียดแนะนำ ซึ่งถ้าทำ ก็จะได้ประมาณ PR 1 แลก PB ได้ 1.5 - 2 แต่ปัญหาคือปล่อย PR ได้ยากมาก ตอนนั้นมี แค่ 7000 หุ้น แต่ดูแล้วถ้าจะปล่อยหมดก็หลายวัน ในขณะที่ PB ราคาเดินหน้าทุกวัน ก็เลยท้อ ข้อสำคัญคือผมเคยตั้งใจว่า ถ้า PR เลิกถือหุ้น PA ผมจะลงทุน PR ต่อไปเพราะความเสี่ยงหายไปบานเลย จากการวิเคราะห์ทุกอย่างแล้วรู้สึกว่า PR ปลอดภัยมากเหมาะกับการเป็นที่เก็บเงินให้ค่อยๆ โต โดยมีความเสี่ยงน้อย ก็เลยหลงกลเอาปันผลที่ได้จากทุกตัวมาลงที่ตัวนี้หมด ปัจจุบันทบจนมากกว่าเดิมอีกเท่าตัว แต่ราคามันก็ยิ่ง Under Book Value มากยิ่งขึ้น แสดงว่า วิเคราะห์ดีมีเหตุผลหมด แต่นายตลาดยังตาถั่วอยู่ก็เลยต้องจมอยู่กับ PR ต่อไป ใครอยากจะมาจมร่วมกับผมเชิญได้ครับ เพี้ยงขอให้เฮียคลายเครียดย้ายมาจริงเผื่อ จะทำให้นายตลาดเปลี่ยนใจหันมาดู PR บ้าง ไม่ขอมากครับแค่ให้ราคากลับขึ้นไปเท่ากับ BOOk ก็พอ :D :D :D
โดย
ผู้ติดตาม
ศุกร์ ก.พ. 16, 2007 7:19 pm
0
0
stpi มีนโยบายปันผลเท่าไรคับ
K. Roger ช่วยตอบคำถาม K.Loso ว่าปัญหาเรื่องการฟ้องร้องเป็นอย่างไร บ้าง ทำไมต้องคืนงาน มันเป็นงานที่ไหนครับ ในระหว่างปี 2547 บริษัทฯได้ตกลงรับงานก่อสร้างจากคู่สัญญาซึ่งเป็นบริษัทแห่งหนึ่งในต่างประเทศ (บริษัทคู่สัญญา) โดยบริษัทฯได้เริ่มดำเนินงานก่อสร้างแล้วบางส่วน ต่อมาในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2548 บริษัทฯได้ตกลงกับคู่สัญญาในการคืนงานดังกล่าว และบริษัทฯได้เรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับงานที่บริษัทฯได้ดำเนินการไปแล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังไม่ได้รับชำระหนี้จากคู่สัญญา ในไตรมาสที่สองของปี 2548 บริษัทฯได้ยื่นฟ้องคู่สัญญาเพื่อให้ชำระหนี้ค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นจำนวนเงินประมาณ 17.3 ล้านบาท และในไตรมาสที่สามของปี 2548 บริษัทคู่สัญญาได้เรียกร้องเงินค้ำประกันการปฏิบัติงานและเงินค้ำประกันการจ่ายเงินล่วงหน้าตามหนังสือค้ำประกันธนาคารซึ่งคิดเป็นจำนวนรวมประมาณ 0.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และยื่นฟ้องบริษัทฯให้จ่ายชดเชยค่าเสียหายที่เกิดจากการคืนงานดังกล่าว คิดเป็นจำนวนรวมประมาณ 6.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ณ วันที่ในงบดุล คดีดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล ซึ่งฝ่ายบริหารและที่ปรึกษากฎหมายของบริษัทฯ ยังไม่สามารถคาดการณ์ถึงแนวโน้มของผลคดีได้ คือผมก็อยากจะรู้เหมือนกันครับ เพื่อประกอบการลงทุน
โดย
ผู้ติดตาม
จันทร์ พ.ย. 27, 2006 10:21 pm
0
0
บริษัทแบบนี้น่าสนไหมครับ !!!!
เอ้อแล้วคุณโลโซคิดว่า น่าสนใจมั้ยครับ ผมก็สงสัยในเรื่องการฟ้องร้องเหมือนกัน เป็นปัญหาแรกๆ ที่ผมจะต้องไปถามในการประชุมผู้ถือหุ้นถ้ามีโอกาส เพราะ ผมสนใจหุ้นตัวนี้ STPI
โดย
ผู้ติดตาม
จันทร์ พ.ย. 27, 2006 10:15 pm
0
0
*** เงินบริจาคสนับสนุนเว็บ thaivi.com ***
โอนแล้วครับ ขอโทษครับพึ่งเห็นเลขบัญชี SCB 12:03:47 02/05/49 1552094404 TASANG LIMITE 1,000.01 เศษ .01 เติมให้เฮียคลายเคลียดจะได้เต็ม 1,000.- ครับ :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
โดย
ผู้ติดตาม
อังคาร พ.ค. 02, 2006 12:54 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
ผู้ติดตาม
เสาร์ เม.ย. 08, 2006 11:17 am
0
0
ภาษี เงินปันผล ของคณะบุคคล
คณะบุคคลมี 2 แบบ คือ 1. คณะบุคคลแบบจดทะเบียน ต้องจดที่พาณิชย์ ลักษณะคล้ายกับห้างหุ้นส่วน ดังนั้นเรื่องภาษีก็คล้ายห้างฯ แต่แตกต่างในรายละเอียดเล็กน้อย 2. คณะบุคคลแบบไม่จดทะเบียน เหมือนบุคคลธรรมดาคือไปขอเลขภาษีที่สรรพากร ภาษีก็เหมือนบุคคลธรรมดากรอก ภงด. 90 แต่รายละเอียดในการหักค่าใช้จ่ายต่างกันเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับจำนวนบุคคลในคณะ ข้อสำคัญค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากส่วนตัวแล้วหักไม่ไดหมด เช่นค่าผ่อนบ้าน ค่าลุกกตัญญูฯลฯ ถ้าใครมีเพื่อนทำพวกประกันหรือขายตรง ลองขอรายละเอียดดูเพราะ เขาว่าแนวการทำมาจากพวกเหล่านั้น :D :D :D
โดย
ผู้ติดตาม
พุธ มี.ค. 15, 2006 3:44 pm
0
0
ถามคุณ chatchai ครับ เรื่องผู้บริหารบริษัท THIP
2. ท่านนายกมีเจตนาเลี่ยงภาษีชัดเจน (ผ่าน Ample Rich และลูก) 3. ท่านนายกมีความสามารถ ทำให้คนบางกลุ่มได้ผลประโยชน์มาก แสดงว่า ความเก่งกับจริยธรรมเป็นคนละเรื่องกัน ปัญหาที่ผมพูดเรื่องนายก ก็เพราะผมคิดว่า มีผู้คนจำนวนหนึ่งที่มักจะอ้างว่าปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ออกมาตำหนินายก แสดงว่า เหตุผลเรื่องปกป้องผลประโยช์ของชาติ เป็นเหตุผลที่ห้ามใช้ ทั้งที่ ความเป็นจริงแล้ว ถ้าปกป้องผลประโยชน์ของชาติจริง ทำไมกรณีเดียวกันที่มีการเกิดขึ้นก่อนหน้ากับเอกชนรายอื่น ถึงไม่มีการถักท้วง ออกมาป่าวประกาศปกป้อง แสดงว่า สิ่งเลวๆ ที่เกิดก่อนหน้าแล้วไม่มีคนเปิดโปง เมื่อมีคน มาเปิดโปงคนที่ทำเลวตาม ก็ไม่ควรไปฟัง เพราะว่าคนที่ทำทีหลังก็ทำ เหมือนคนที่ทำก่อนหน้าเช่นกัน เบื่อคนที่ชอบอ้างประเทศชาติ เพื่อผลกิเลศของตนเอง แสดงว่าปัจจุบัน นาย ก. ไม่ได้กำลังทำอย่างนั้นอยู่ ขอโทษด้วยครับที่ต้องตัดเป็นท่อนๆ แต่อ่านแล้วรู้สึกว่า ปัจจุบันเรามีคนเก่ง มากมายที่รู้ทันคน โดยเฉพาะในบอร์ดต่างๆ แต่เรามักจะแค่แสดงว่ารู้ โดย เฉยๆกับการกระทำที่ไม่ดีเหล่านั้น เพราะอาจจะเชื่อว่ามันเป็นการคัดสรรตามธรรมชาติ ของดาวินชี (แบบตะวันตก) หรือสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมของพุทธ(แบบ ตะวันออก) ก็ดีครับ ที่สำคัญตัวผมเองก็กำลังเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน (เฉยๆ กับการกระทำเพราะยังมาไม่ถึงเรา)
โดย
ผู้ติดตาม
ศุกร์ ม.ค. 27, 2006 11:34 pm
0
0
และแล้ว ทุ่งคา ก็ คาทุ่ง จริงๆ......
โชคดีที่ 1. THL เป็นบริษัทมหาชน ซึ่งกฏหมายเปิดช่องให้รายย่อยต่อสู้ได้พอ สมควร ถ้าจำไม่ผิด 100 คนก็สามารถเรียกประชุมเพื่อคัดค้านได้แล้ว โชคดีที่ 2. เมื่อเป็น บมจ. แล้วกลับมาเป็นบจก.อีกไม่ได้ต้องเลิกทิ้งอย่างเดียว โชคดีที่ 3. THL ตั้งมาเกือบ 100 ปีแล้วมีสถาบันใหญ่ๆ ใหญ่ของไทยเคยถืออยู่ อย่างน้อยปัจจุบันก็ยังมีคลังถืออยู่ คงไม่ปล่อยให้เอาไปปู้ยี่ปู้ยำง่ายๆ มั้ง อยากจะนับให้ครบห้าแต่นึกไม่ออก พอดีโชคร้ายกะเล่นเอามันดันได้ มาแล้วลืมขาย ก็เลยต้องหาทางปลอบใจตัวเอง แต่เชื่อว่าอย่างน้อยใน TVI ก็ มีติดหลายคน คงไม่ยอมง่ายๆ ยังไงผมช่วยออกเสียงด้วย 1 เสียง (ไม่ใช่ 1 หุ้นนะ) โชคดีสำหรับคนถือครับ อีก 9 เดือนค่อยมา Trade ใหม่ อ้อไม่ใช่ต้อง 1 ปีสิ เพราะ Q4/48 ฟันธงกันแล้วว่าขาดทุนแน่ :D :D :D ปล. โชคดีที่ 4. พึ่งคิดออกเจ้าหนี้ปล่อยกู้มาตั้งแยะคงไม่ยอมง่ายๆ มั้ง โชคดีที่ 5. รอเพื่อนๆ ผู้ร่วมชะตากรรมมาช่วยเติมครับ อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นกำลังใจให้กัน เผื่อหวยออกปลายปี 49 จะได้รวยๆ กัน :lol: :lol: :lol:
โดย
ผู้ติดตาม
จันทร์ พ.ย. 14, 2005 11:46 pm
0
0
ถ้าเรารู้ว่าหุ้นตัวนี้ ปีนี้PEจะเหลือประมาณ3.3 แล้วก็Cash
PSL เป็นคำตอบสุดท้าย
โดย
ผู้ติดตาม
พฤหัสฯ. ก.ค. 21, 2005 5:26 pm
0
0
รอปันผล SAUCE TMD PR WG EGCOMP และ OGC
:( :( :( โคตรเซ็ง ขอโทษครับที่ต้องกล่าวคำหยาบ PR จ่าย 3.16 บาท/หุ้น โดยบอกว่าทั้งปีจ่าย 5.34 บาท/หุ้น เป็น 50% ตามนโยบาย แต่ถามว่า นโยบายที่จะจ่ายปันผลที่ได้รับจากบริษัทร่วมทั้งหมดจะไปจ่ายตอนไหน หวังว่าจะไม่ใช่จ่ายระหว่างกาลในปีนี้นะ แต่ถ้าใช่ก็ยังดีครับ :wink: :wink: แต่ถ้าเป็นไปได้ใครไปประชุมฝากถามนโยบายการจ่ายให้ที และถ้าผมไปได้จะไปถามแล้วมาตอบให้เพื่อนที่ถืออยู่ทราบครับ ข้างล่างคือรายงานการประชุมที่มีการเปลี่ยนนโยบายการจ่ายปันผล ที่ทำให้ผมผิดหวัง :arrow: :arrow: ที่ ก.ย. 100/47 21 กันยายน 2547 เรื่อง แจ้งมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 10/2547 ในวันที่ 21 กันยายน 2547 เปิดประชุมเวลา 15.00 น. และปิดประชุมเวลา 17.00 น. ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีการปรับนโยบายเงินปันผลประจำปีของบริษัท ดังนี้ 1. จัดสรรผลกำไรจากการดำเนินงานประจำปีเฉพาะส่วนของบริษัท PR ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 50 (จากเดิมไม่น้อยกว่าร้อยละ 30) รวมกับ 2. เงินปันผลรับจากผลการดำเนินงานธุรกิจปกติของบริษัทร่วม ที่บริษัท PR ได้รับ ทั้งนี้การจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ปี 2547 จึงกำหนดเป็นดังนี้ ก) จัดสรรผลกำไรจากการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกเฉพาะส่วนของบริษัท PR เท่ากับ ร้อยละ 50 รวมกับ ข) ประมาณการเงินปันผลรับระหว่างกาลจากบริษัทร่วมในการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกตามนโยบาย การจ่ายเงินปันผลของบริษัทร่วม (เนื่องจากบริษัทร่วมไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล) จึงมีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ปี 2547 ในอัตราหุ้นละ 2.18 บาท (สองบาทสิบแปดสตางค์ ) จากผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2547 โดยจ่ายจากกำไรสุทธิส่วนที่ดำเนินธุรกิจปกติ ตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลด ังกล่าวข้างต้น เป็นจำนวนเงิน 26.16 ล้านบาท ตามรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ปรากฏในสมุดทะเบียนของบริษัทฯ ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2547 โดยกำหนดจ่ายในวันพุธที่ 20 ตุลาคม 2547 กำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในเงินปันผลงวดระหว่างกาล ปี 2547 ในวันที่ 6 ตุลาคม 2547 เวลา 12.00 น. ขอแสดงความนับถือ (นายบุญเปี่ยม เอี่ยมรุ่งโรจน์) กรรมการผู้จัดการ
โดย
ผู้ติดตาม
พุธ มี.ค. 23, 2005 9:48 am
0
0
รอปันผล SAUCE TMD PR WG EGCOMP และ OGC
:lol: PB ปันผลแล้ว 2.25 บาท/หุ้น มากกว่าที่คาดสลึงนึง PR น่าจะมีโอกาสปันผลถึง 5 บาทในงวดนี้ เพราะได้จาก PB ก็ทำให้ปันผลได้ไม่น้อยกว่า 2 บาท/หุ้นแล้ว เพี้ยงขอให้จ่ายตามนโยบายที่ประกาศจริงเถอะ :shock: :shock: :shock:
โดย
ผู้ติดตาม
อังคาร มี.ค. 22, 2005 6:53 pm
0
0
รอปันผล SAUCE TMD PR WG EGCOMP และ OGC
"นโยบายปันผลคือไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ และจ่ายเงินปันผลที่ได้รับจากปันผลของบริษัทร่วมทั้งหมด" PR มีกำไรต่อหุ้น 10.85 บาท ดังนั้นควรจ่ายหุ้นละ 5.425 มี PB 11.25 ล้านหุ้นน่าจะปันผลปันผลหุ้นละ 2 บาท PR จะต้องปันผลจากส่วนนี้ประมาณหุ้นละ 1.875 บาท PR มีจ่ายระว่างกาลหุ้นละ 2.18 บาท PR ควรจ่ายปันผลหุ้นละ 5.425+1.875-2.18 = 5.12 บาท :D :D :D :D :D :D :D หวังว่าคงใกล้เคียง
โดย
ผู้ติดตาม
พฤหัสฯ. มี.ค. 17, 2005 7:29 pm
0
0
แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ
:arrow: :) ผมอยากจะเขียนเล่าให้ละเอียดกว่านี้แต่ เขียนแล้วบางที่มันก็ทับกันไปทับกันมาจนกลัวว่า คนอ่านจะงง สรุปว่าปัจจุบันผมยังอยู่รอดในตลาดหุ้นได้ และมีความสุขกับการลงทุนและการเล่นหุ้น รวมทั้งปรับปรุงวิธีการเล่นหุ้นและการลงทุนให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยใช้ทั้งคลายเครียดเรโช และอีกหลายๆ เรโชมาประยุกต์ โดยหลักใหญ่คือทุกครั้งที่กำไรจากการเล่นหุ้น ผมจะทำคลายเครียดแล้วเอามาลงทุนในหุ้นที่ผมเลือกแทน เชื่อไหมว่าพอร์ตเล่นหุ้นของผมกำไรมากกว่าพอร์ตลงทุนหลายเท่า แต่ผมกังวลกับพอร์ตเล่นหุ้นมากกว่าพอร์ตลงทุนหลายเท่าเช่นกัน เพราะพอร์ตลงทุนจะค่อยเพิ่มขึ้นตลอดเวลา แต่พอร์ตเล่นหุ้นมีบางช่วงที่แดงจนเครียด แต่เมื่อผมทำคลายเครียดเรโชไปแล้วปัจจุบันผมเหลือเงินต้นทุนในพอร์ตเล่นหุ้นประมาณ 20% และตั้งใจว่าจะดึงกำไรออกจนต้นทุนหมดไปผมจะได้เล่นโดยไม่เครียด ส่วนพอร์ตลงทุนตอนนี้แม้ว่าบางตัวราคาตอนนี้จะติดลบนิดๆ แต่ถ้ารวมปันผลและเครดิตภาษีก็กำไรอยู่ พอร์ตลงทุนโดยรวมก็กำไรมาตลอดแม้จะต้องเพิ่มต้นทุนที่มาจากพอร์ตเล่นหุ้นก็ตาม 8) คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเองใช้ความคิดและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะเวลาที่ผ่านไปจะทำให้คุณรู้จักตลาดหุ้นมากขึ้นตลอดเวลา เช่น ช่วงปี 46 หุ้นเรือเป็นที่นิยมมาก โดยเฉพาะ PSL และ TTA แต่ผมรู้จักแต่ RCL แล้วก็คิดว่า RCL อยู่ในตลาดมานานกว่าตอนนั้นผมตัดสินใจทยอยเข้าซื้อหุ้น RCL จนได้ครบ 5,000 หุ้นราคาเฉลี่ยไม่เกิน 55.- เมื่อมีการแตกพาร์ผมก็ยังเชื่อมั่นถือมาตลอด แต่ตอนนั้นมีการ Post เรื่องเรือใน Web ตลาดหุ้นกันอย่างมากผมก็อ่านและมีการโพสต์โต้ตอบบ้าง แต่ในที่สุดเมื่อ RCLวิ่งไปถึง 20.- แล้วล่วงมาเรื่อยๆ ผมเลย ขายทิ้งหมดที่ 13.9 แล้วเอากำไรทั้งหมดรวมกับกำไรที่ผมได้จากห้นไฟตัวหนึ่งไปเข้าซื้อ PSL ปรากฏว่าดอยครับแต่โชคดีที่ผมเอาเงินกำไรที่ได้จากตัวอื่นมาเล่นแม้จะเสียดายแต่ก็ต้องตัดใจพยายามเล่นโดยเอาวิธีการหลายแบบมาใช้ตอนหลังมีคนพูดถึงกันมากคือ DSM วิธีการที่ผมใช้กับ PSL คล้ายแต่ไม่เหมือนทั้งหมดกล่าวคือผมจะทยอยซื้อไปเรื่อยเมื่อมันแดงจนกว่าจกลับมาเขียวหรือหมดงบ และจะเริ่มขายเมื่อเขียวมาถึงราคาตัวที่แดง Step ถัดมา โดยผมทำอย่างนี้เพราะผมเชื่อว่า PSL เป็นหุ้นที่จะยังมีผลงานดีต่อไปอีก 2-3 ปี แม้จะไม่สามารถทำให้ผมกำไรสูงสุดแต่ปัจจุบันผมเหลือต้นทุน PSL ที่ต่ำกว่า 30.- แต่เหมือนกับตอนต้นที่กล่าวไว้ถ้าผมเชื่อในตัวเองอยู่เฉยๆ ผมคงได้กำไรจาก RCL มากกว่าที่จะต้องมาเหนื่อยกับ PSL แต่ผมพยายามตัดใจ เพราะผมแก้อดีตไม่ได้ แต่ผมเตรียมการสำหรับอนาคตได้ อย่างน้อยผมรู้วิธีการเล่นหุ้นอีกแบบที่ใช้วินัยและความอดทน สำหรับหุ้นที่มีอนาคตได้ แต่อย่าลืม ณ ครับผมนับ RCL และ PSL เป็นหุ้นที่มีไว้เล่นเท่านั้น :roll: :idea: สุดท้ายผมแค่อยากจะสรุปว่า ตอนนี้ผมเป็นคนหนึ่งที่มีโอกาสอยู่รอดในตลาดหุ้นแห่งนี้ และกำลังพยายามลงทุนในหุ้นที่ให้ความปลอดภัยเป็นวัวนมให้ผมได้ตลอดไปชั่วชีวิต ส่วนการเล่นหุ้นมันทำให้ชีวิตมีรสชาดไม่น่าเบื่อแต่สุดท้าย ผมเชื่อว่า ถ้าจะอยู่รอดอย่างถาวรในตลาดคุณต้องมีหุ้นลงทุนที่จ่ายปันผลต่อเนื่องให้มากพอ แล้วทุกวันคุณจะสนุกกับการเล่นหุ้นได้ :?:
โดย
ผู้ติดตาม
พุธ ก.พ. 23, 2005 12:11 am
0
0
แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ
:arrow: ขอโทษครับ พอดีตอนแรกอยู่ที่ออฟฟิศ ตอนนี้กลับมาที่บ้านแล้ว ถือโอกาสสวัสดีคุณลูกอีสานด้วยครับ ดีใจครับที่ยังจำผมได้ เมื่อก่อนโพสต์ โดยไม่ต้องล็อกอินได้ แต่ตอนนี้เป็นสมาชิกแล้วครับ ส่วนเรื่อง PR ตอนนี้ผมมี มากกว่าเดิมอีก 5,700 หุ้นครับ :o ต่อเลยครับ 4. ผมใช้เวลาคัดหุ้นก่อนจะเริ่มสะสมประมาณ 6 เดือน PR คือหนึ่งในตัวที่ผม เลือก ส่วนอีก 2 ตัวอยู่ในกลุ่มประกันภัยและกลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม การเล่นหุ้น ผมเลือก Tisco เพราะผมถือมันมาอย่างยาวนาน จนพอจะจับ จังหวะมันได้ รวมทั้งผมคิดว่ามันมี Story ให้ผมเล่นอีกพอสมควร เพราะขณะ นั้น Tisco มี 3 ตัวคือ Tisco, -p และ -c1 ผมเริ่มจาก Tisco โดยรอซื้อที่ต่ำ กว่า 10 บาท ถ้าขึ้นขายโดยเฉพาะถ้าเกิน 11 บาท ผมได้เล่นรอบพอสมควร แต่มีปัญหา คือมันไม่ได้อย่างที่ต้องการ ณ เวลานั้น ที่สำคัญถ้าเป็นอย่างนี้ผม ไม่มีทางที่จะหาเงินไปลงทุนในหุ้นที่ผมคัดเลือกได้แน่ สาเหตุคือ 1. ผมไม่ได้เห็นหุ้นแบบ Real Time เพราะผมไม่สามารถอยู่ที่ห้องค้าได้ 2. เวลาสำคัญผมจะเจอปัญหา โทร.ไปไม่มีคนรับสาย มาร์ผมติดสายคนอื่น ถูกมาร์ทักแล้วเปลี่ยนราคาหรือ จำนวนหุ้น และอายที่สั่งซื้อหรือขายในจำนวน หรือราคาที่ดูแล้วไร้เหตุผล 3. ผมไม่ทำตามกฏที่วางไว้ เช่น ขายก่อนเวลาที่กำหนด ซื้อทั้งที่มีดยังไม่ปัก เขียง หรือพูดอีกที่คือผมไม่นิ่งพอ จากปัญหาที่เกิดขึ้นด้านบนมันมี 2 สิ่งผมต้องแก้ สิ่งแรกคือผมต้องหาวิธีการ ซื้อขายที่ให้ผมเห็นราคาได้ใกล้เคียงเวลานั้นมากที่สุด สิ่งที่สองผมต้องฝึก จิตใจให้นิ่งหรือหนักแน่นมากกว่านี้ ซึ่งมันมีหลายอย่างที่ผมสามารถทำให้ผม นิ่งได้ เช่นอยู่เงียบๆ คนเดียว ทำตามสิ่งนึกข้นมาได้ในครั้งแรก ฯลฯ แต่สรุปก็ คือ มันทำให้ผมนิ่งได้จริงเมื่อผมเริ่มลงทุนหรือที่เรียกว่าเล่นแบบ VI เพราะผม ต้องรอให้ได้ที่ราคาต้องการ ผมต้องทนเมื่อราคาหุ้นมันต่ำกว่าที่ซื้อมามากๆ แต่ก่อนอื่นเลยคือต้องแก้สิ่งแรกก่อน เหมือนว่าตลาดหุ้นเห็นใจผมที่อดทน เล่นหุ้นมานาน ผ่านสารพัดเหตุการณ์แต่ไม่เคยจำ ผมอ่านเจอว่า Phillip ให้ เล่นหุ้นผ่าน Net โดยต้องต้องฝากเงินเข้าไปก่อนเรียกว่า แบบ Prepaid มัน ตรงกับที่ต้องการไปหมด เพราะเวลาเล่นหุ้นผมมักจะเอาเงินเติมเพิ่มตลอด เวลา ซึ่งผมคิดว่าเป็นวิธีที่ผิดมากๆ แต่ตอนเริ่มผมก็กลัวเหมือนกันเลยลอง แหย่ไปแค่ 200,000 - ขอเปิดพอร์ตเพื่อศึกษาดูว่ามันเป็นอย่างที่ผมคิดหรือ ไม่ ผลคือผ่านไป 3 เดือนผมย้ายพอร์ตทั้งหมดไปเล่นทางเน็ตอย่างเดียว ผม เริ่มเล่นได้ โดยเรียงการเล่น Tisco -> -c1 -> -P ผมได้เงินกำไรจากตัวนี้ ประมาณล้านเศษ จริงๆ น่าจะได้มากว่า 2 ล้านแต่เพราะไม่ยอมทำตามกติกา ที่ตั้งผมดื้อเล่น Tisco-P โดยตามซื้อในราคาที่สูง แล้วไม่ยอม Stop Loss เมื่อ ราคาตกมาถึงจุดแล้ว ก็ตัดสินใจขายเมื่อทนไม่ได้ ขายที่ 22.- ไปตามซื้อที่ 24.- ไม่ผ่าน 25.-แล้วตกลงมาถึง 20.- ไม่ Stop ไปปล่อยหมดที่ 16.- สรุป รอบเดียวโดนไปหลายแสน ผมหยุดเลยผมรู้แล้วว่าเมื่อผิดจังหวะผมควรหยุด รอ ผมเอาเงินกำไรจาก Tisco series ไปทยอยซื้อลงทุนในหุ้นที่ผมได้คัดไว้ รวมทั้งนำเงินเก็บที่รวบรวมได้จากงานที่เริ่มฟื้นแล้ว และผมใช้หนี้ O/D หมด จากเงินที่ได้จากงานที่เริ่ม OK ตอนนี้ผมไม่มีหนี้ O/D เป็นตัวดำ :arrow:
โดย
ผู้ติดตาม
อังคาร ก.พ. 22, 2005 11:12 pm
0
0
แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ
:arrow: หลังจากที่แบ่งหุ้นเป็น 2 ส่วนคือลงทุน กับ เล่นหุ้น (ต่อไปนี้ผมจะ พยายามไม่เอ่ยถึงชื่อหุ้น) ผมกำหนดวิธีการสำหรับแต่ละแบบดังนี้ การลงทุน 1. ผมเริ่มจากค้นหาหุ้นที่มี P/BV ต่ำๆ และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ 2. ผมเลือกหุ้นที่จะลงทุนไม่เกิน 4 ตัว มีแล้ว 1 ตัว 3. ผมเริ่มศึกษางบการเงินและทำความเข้าใจในตัวบริษัทต่างๆ โดยดูจาก www.set.or.th เดี๋ยวมาเขียนต่อครับ :arrow:
โดย
ผู้ติดตาม
อังคาร ก.พ. 22, 2005 8:11 pm
0
0
แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ
:arrow: สิ่งสำคัญที่ผมต้องเล่าเรื่องส่วนตัวประกอบด้วยเพราะ ตั้งแต่ 1-4 เป็นการบอกให้รู้ว่า ผมคิดอย่างไร ตัดสินใจอย่างไร ในสภาวะแวดล้อมขณะ นั้น เพราะการตัดสินใจ ในขณะนั้นมันเป็นสิ่งที่ผมใช้เวลาเงียบๆ ขลุกอยู่กับ ตัวเองคนเดียวถึง 2 วันเต็มๆ ผมกำลังจะบอกว่าเมื่อผมกางพอร์ตออกดู แล้ว เปรียบเทียบการเล่นหุ้นของผมกับการดำเนินชีวิตและการทำงาน พบว่ามันให้ ผลคล้ายกันมาก และถ้าผมไม่เปลี่ยนแปลงมันก็คงให้ผลไม่ต่างจากเดิมๆ ที่ ผ่านมา ผมเอาหุ้น FE ที่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าการลงทุนอย่างนี้มันคืออะไร (ตอน หลังเมื่อได้อ่านมากๆ ขึ้นและดูจากหลายๆ Web รวมทั้งที่นี่จึงรู้ว่าแบบนี้น่าจะ พอเรียกว่า VI) แต่ผมยังขาดอยู่ 2 อย่างคือ ผมไม่ได้เอาเงินปันผลและเครดิต ภาษีที่ได้มาลงทุนซ้ำ ทำให้เสียโอกาส และ ผมมีเงินเหลือแค่เกือบ 200,000 มันไม่เหมาะแน่กับการลงทุนในภาวะขณะนั้น เพราะเวลาที่ผมใช้ทิ้ง ขว้างก่อนหน้านี้มันมากเกินไป แต่แน่นอนผมเริ่มรู้แล้วว่า ยังมีการเล่นหุ้นอีก แบบที่ให้ผลลัพธ์ได้ดีจากเงินปันผล และช่วงเวลาหนึ่งทีผ่านไปมันจะมี Capital Gain ตามมา ซึ่งผมต้องใช้เวลาและความรู้จาก MBA ที่ผมจบมานาน และโทษมาตลอดว่าไม่รู้เรียนไปทำไมไม่เคยได้ใช้ประโยชน์ แต่ภายหลังคำ ตอบคือ รู้แต่นำไปประยุกต์ใช้ไม่เป็นต่างหาก เพราะเมื่อเริ่มนำมาใช้มันจะเกิด ปัญหาให้คิดต่อและตัดสินใจว่า ใช่อย่างที่คิดหรือไม่ กลับมาที่เรื่องการตัดสิน ใจเล่นหุ้นของผม ผมว่าผมมีเงินไม่มากหุ้นในพอร์ทำไมมันมีเยอะตัวจัง หลาย ตัวขึ้นลง 10% ก็ทำให้ผมกำไรได้แค่หลักพัน รวมทั้งเวลาสั่งซื้อขายกับมาร์ก็ เหมือนกับเขาไม่ให้ความสำคัญ ช่วงที่ชุลมุนโทรศัพท์ของเราถูกแขวนรอ ทุกที แล้วเราก็ขาดทุนซึ่งผมพบว่ามีกระทู้ในหลาย Web โทษเหตุการณ์แบบ นี้ไปที่มาร์ทั้งหมด ทั้งๆ ที่เราเองต้องยอมรับส่วนหนึ่งว่า ซื้อ Lot ใหญ่กับ Lot เล็กในเวลาเดียวกัน ในทางธุรกิจยังไงเขาก็ต้องเลือก Lot ใหญ่ก่อน ผมจึงตัดสินใจขายหุ้นที่ผมไม่มีเหตุผลที่จะเลือกเล่นทิ้งทั้งหมด เหลือหุ้นทั้ง พอร์ตอยู่ 2 ตัวคือ FE อีกตัวคือ Tisco มันมีเหตุผลคือ FE ผมตั้งใจให้เป็นต้น แบบในการลงทุนระยะยาว เพื่อหวังปันผลเป็นหลัก ส่วน Tisco นี่เป็นหุ้นที่ผม น่าจะเข้าใจมันมากที่สุด เพราะเคยทั้งกำไรกับมันมากสุดและขาดทุนกับมัน หนักสุด รวมทั้ง Tisco ในขณะนั้นเป็นหุ้นตัวนึงที่มี Story ให้รอเล่นอยู่หลาย เรื่อง ผมรู้ว่า Web นี้น่าจะพูดถึง VI แต่ตามความคิดผม คุณจะเป็น VI ได้ต้อง ดูสภาวะตัวเองทั้งเรื่องเวลาและเงินทุนที่ใช้ ผมแก้ปัญหาเรื่องหนี้ไปแล้ว แต่ก็ ยังมีหนี้ที่ต้องทยอยผ่อนอย่างน้อยก็ค่าดอกเบี้ย เพราะผมยังเลือกที่จะให้มัน เป็น O/D เหมือนเดิม ส่วนอีกด้านคือเรื่องงานเขาว่า คนเราเมื่อจังหวะมันต่ำ สุดแล้วมันมีแต่จะดีขึ้น ปรากฎว่าผมได้งานใหญ่ที่เหลือเป็นวิธีการเจรจาทาง ธุรกิจให้ Supplier เชื่อว่าเราจัดการได้จริง ตอนนี้ผมจะเปรียบเทียบให้ดูว่า งาน การใช้ชีวิต และการเล่นหุ้นมันคล้ายกันอย่างไร 1. การที่ผมตัดสินใจทิ้งเงินดาวน์ทั้งคอนโดและสวนผลไม้ ก็คล้ายกับการที่ผมตัดทิ้งหุ้นที่ผมไม่คิดจะเล่นและลงทุน 2. การที่ผม Refinance ก็เหมือนกับการที่ผมเลือกหุ้นที่ผมจะลงทุนและเล่น ต่อไป อันนี้ผมคิดว่าถ้าอยู่ที่เดิมผมจ่ายดอกแบบที่เขาตีความว่าผมเป็นพวก ผิดนัดชำระเงิน ทั้งๆ ที่ผมจ่ายดอกเบี้ย O/D ที่ใช้มาตลอด แต่เมือคุยกับเขา เขาบอกว่า O/D เป็นเงินทุนหมุนเวียนมีอายุแค่ 1 ปี เมื่อครบกำหนดแล้วหาก ทางธนาคารเห็นว่าผู้กู้ยังน่าเชื่อถืออยู่ก็จะต่ออายุไปให้ แต่ถ้าเห็นว่าเสี่ยงก็จะ เรียกเงินนั้นคืน ในกรณีนี้เมื่อเรียกคืนผมไม่มีจ่าย เขาก็เลยถือว่าผมผดนัด ชำระเงินคิดอัตราสูงสุดน่าจะ 19-20% ในขณะที่ที่ใหม่คิด 8.5% นั่นคือผม ต้องเลือกหุ้นที่จะให้ผลตอบแทนกับผมได้ดีทีสุดเท่าที่ผมจะหาได้ในขณะนั้น 3. ผมได้งานใหญ่ในภาวะที่ตกต่ำสุดๆ ซึ่งต่อให้ผมไม่ได้ผมก็เตรียมทางออก ไว้แล้ว แต่ผมเสี่ยงทุ่มที่จะทำงานใหญ่ทั้งหมดเพราะ ไม่มีอะไรเสีย เหมือนกัน เมื่อหุ้นตกแบบสุดๆ แล้วทุกคนอยู่ในภาวะกลัวกันหมด ทั้งที่ตอนนั้นมันหา เหตุผลที่จะตกต่อไปอีกก็ไม่มี คุณซื้อไปถ้ามีโอกาสก็น่าจะมีแต่ได้กับได้ สำหรับหุ้นที่ผลดำเนินงานยังไปได้อยู่ ผมบอกไม่ได้ว่าการแก้ปัญหาทั้งหมดมันดีพร้อม เพราะหลายอันเมื่อเวลาผ่าน ไปแล้วรู้ผลลัพธ์ ผมรู้สึกว่าทำไมตอนนั้นไม่ตัดสินใจอีกแบบ มันเหมือนกับ การเล่นหุ้นที่พอรู้ผลในแต่ละช่วงเวลาทำให้เรามักจะโทษตัวเองว่าทำไมตอน นั้นไม่ทำอีกอย่างที่ดีกว่านะ ทุกวันนี้ผมก็ยังเป็นแต่พยายามตัดใจให้เร็วที่สุด เพราะเราเปลี่ยนแปงอดีตไม่ได้ แต่เตรียมการสำหรับอนาคตได้ สังเกตนะ ครับว่าผมแยกระหว่างเล่นหุ้นกับลงทุน คุณคงเดาออกว่าผมเอาหุ้นไหนเล่น และเอาหุ้นไหนลงทุน ยอมรับเลยครับเขียนนี่มันยากกว่าอ่านจริงๆ อ่านบอร์ดต่างๆ มา หลายปีตั้งแต่ พันทิพย์เป็นที่แรก แต่ไม่เคยสมัครสมาชิก เคย Post ในที่ต่างๆ นับครั้งได้แต่ ก็แค่สั้นๆ แต่ที่นี่ผมเข้ามาอ่านเกือบทุกวันที่มีโอกาส รู้สึกจะมีสมาชิกคนนึง เขียนว่าผู้ที่มาเยือนที่ Online อยู่ขอให้แสดงตัวก็เลยรู้สึกละอายที่เอาแต่แอบ อ่านอย่างเดีบว เลยสมัครสมาชิก ส่วนอันนี้หัวข้อมันกระตุ้นว่าคุณลงทุนมากี่ ปี ทำให้รู้สึกอยากจะบอกอะไรที่เป็นประสบการณ์เผื่อสมาชิกบางท่านจะได้นำ ไปหลีกเลี่ยงในสิ่งที่ผมเดินผิดพลาดได้ ถัดไปผมจะมาต่อว่าหลังจากผม จัดการวิธีการลงทุนแบบแบ่งเป็น 2 ส่วนแล้วผลเป็นอย่างไรบ้าง :wink: :arrow:
โดย
ผู้ติดตาม
อาทิตย์ ก.พ. 20, 2005 11:56 pm
0
0
แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ
:arrow: ต่อครับ แสงสว่างที่มีก็คือผมพอจะเหลือเงินสดในบัญชีอีกเกือบ 2 แสนบาท จริงๆ ควรเหลือมากกว่านี้ แต่การใช้ชีวิตแบบไร้หางเสือแบบมนุษย์ เงินเดือนที่คิดว่าทุกสิ้นเดือนก็ต้องมีเงินก้อนหนึ่งในบัญชี ทำให้ผมนำเงินใน อนาคตมาใช้มากมาย เล่นหุ้นโดยใช้ O/D ที่ค้ำด้วยบ้าน ซื้อทุกอย่างด้วยบัตร เครดิต อยากมีคอนโดในเมือง อยากมีสวนผลไม้เล็กๆ ดังนั้นผมก็เลยดาวน์ เพื่อเตรียมผ่อนทุกอย่าง เมื่อต้องตกงานในปี 41 ก็เลยตัดสินใจไม่เป็นลูกจ้าง ร่วมกับลูกน้องที่เป็นเพื่อนร่วมตกงานตั้งบริษัทด้วยเงินที่ได้มาจากการออก จากงานใครมีมากออกมากใครมีน้อยก็ออกน้อย แต่บริษัทที่เริ่มต้นด้วยเงินน้อย ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ มันทำให้ผู้ก่อตั้งและบริหารงานไม่มีเงินเดือน ไป 7 เดือน ทำท่าจะไม่รอดแล้ว ผมจะบอกกับแม่อย่างไรว่าบ้านที่อยู่อาจถูก เขายึด ผมตัดสินใจใช้วันเสาร์และอาทิตย์ช่วงกันยา 42 เอาโจทย์ทุกอย่างที่ มีมาวางไว้ 1.ผมเหลือเงินเกือบ 200,000 กับรถยนต์เก่าๆ 1 คัน ดังนั้นผมต้องไม่พลาดอีก 2.ผมต้องตัดค่าใช้จ่ายแบบไร้สาระให้หมด เริ่มจากทิ้งเงินดาวน์คอนโด ส่วน สวนผลไม้เจ้าของเจ๊ง ธนาคารยึดผมก็ไม่ต้องตัดสินใจอะไรเพราะเงินดาวน์ ฟรีไปเรียบร้อย ถึงให้ผมกู้ผมก็ไม่เอาแล้ว 3.ผมต้องจัดการเรื่อง O/D ด้วยการ Refinance ไปยังธนาคารอื่นที่ไม่เอา เปรียบแบบธนาคาร C ที่เอาเปรียบขนาดนี้ ก็ต้องยอมกู้ร่วมกับพี่ชายเพราะ ลำพังตัวเอง ธนาคาร B ไม่เชื่อถือ 4.บริษัทที่ทำอยู่กำลังลุ้นโครงการใหญ่ที่ทุ่มทุกอย่างที่เหลือลงไป ถ้าไม่ได้ ผมคงต้องกลับไปทำงานประจำ แล้วหางานมาป้อนกลับให้บริษัทที่ยังมีลูก น้องอยู่ 5.เข้าเรื่องสำคัญครับ ผมเอาพอร์ตหุ้นมาดูอย่างจริงจัง มีหุ้นหลายตัวที่มีการ กล่าวว่าดีมากๆ แต่พอเจอวิกฤตก็จบเห่หมด แต่มีอยู่ 1 ตัวที่ผมซื้อโดยไม่ได้ คิดอะไรเพียงแต่สงสัยว่าทำไมมันจ่ายปันผลเยอะจัง แล้วที่น่าแปลกใจคือเมื่อ ผมลองคิดปันผลดูพบว่าหุ้นตัวนี้จ่ายปันผลให้ผมมาตลอดจนแทบจะไม่เหลือ ต้นทุนแล้ว หุ้นตัวนั้นคือ FE เอาล่ะซิ ทำไมหุ้นที่ผมซื้อแบบไม่ได้คิดอะไรมัน ถึงดีอย่างนี้ แต่ใช่ว่าราคาไม่ลงนะครับลงเหมือนกันแต่มันไม่หยุดจ่ายปันผล อ่ะ แล้วที่สำคัญถึงอยากขายก็ขายยากจริงๆ เพราะมันฟันหลอครับ ก่อนที่จะเขียนต่อขออนุญาตดูแมนยูก่อนครับ ปล. ผมขอโทษครับที่ใช้กระทู้นี้เล่าเรื่องประสบการณ์ส่วนตัว ถ้าคิดว่าไม่ เหมาะสมบอกได้ครับ :arrow:
โดย
ผู้ติดตาม
อาทิตย์ ก.พ. 20, 2005 12:45 am
0
0
แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ
:roll: ตั้งแต่ก่อนจบป.ตรี ปี 2530 เปิดพอร์ตครั้งแรกที่ AST ตอนที่ คุณศิริวัฒน์เป็น MD ประทับใจตรงที่เขาบอกว่า "ขอให้มีเงินซื้อ BBL ได้ 50 หุ้นก็เปิดพอร์ตกับ AST ได้แล้ว" เพราะตอนปี 2529 เคยขอเงินแม่ 40,000 + ของตัวเอง 30,000 จะไปเปิดพอร์ตที่ UAF เจอเจ้าหน้าที่เขาบอก ว่าต้องมี 300,000 มาเปิด PN ก่อนถึงจะสามารถเปิดพอร์ตแล้วค่อยเอาเงินมา เล่น จ๋อยเลย แต่ไปอ่านเจอคำพูดของคุณศิริวัฒน์ในนิตยสารดอกเบี้ย เลย รวบรวมความกล้าลองไปเปิดดู ปรากฏว่าเขาเปิดให้จริงแล้วไม่ต้องฝากเงิน ด้วย เพราะเป็น บล. ไม่ใช่บงล. สมัยนั้นถ้าอยู่ห้องค้าของ บล. จะมีเสียง พากษ์ผ่านโทรศัพท์มาออกลำโพง แล้วก็จะมี Trader วิ่งไปเขียนที่กระดาน มีบอกเบอร์โบรกเกอร์ที่ Bid และ Offer ด้วยพร้อมจำนวนหุ้น ตอนนั้นรู้สึกว่า ถ้าเราอยู่ที่บล.ข้อมูลต้องช้าและไม่ทั่วถึงทำให้เสียเปรียบ เลยไปที่ตึกสินธร กะว่าจะได้สั่งซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว แต่ปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่ม เพราะพอไปถึง ต้องขึ้นไปชั้นบนแล้วมองผ่านกระจกลงมา เห็น Trader ใส่สูทสีต่างๆ วิ่งเคาะ กระดานกันอย่างวุ่นวาย แต่ไม่ได้ยินเสียง แถมยังไม่รู้ว่าจะส่ง order ตรงไหน จะโทรศัพท์ก็ต้องวิ่งมาหา ตู้ข้างนอก ยังไม่มีมือถืออ่ะ ส่วนพวกเซียนใหญ่ เขาจะมีกล้องส่องทางไกลกับวิยุคลื่นสั้น สำหรับติดต่อกับพวกในห้องค้า ซึ่ง ส่วนใหญ่จะอยู่ภายในตึกสินธรนั่นเอง :o แล้ววิวัฒนาการก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน โดยส่วนตัวนับย้อนหลังไป 5 ปีจากตอนนี้ ผมแทบจะไม่มีบ้านอยู่เพราะบัตรเครดิต+หุ้น+O/D ที่ใช้บ้าน ค้ำ และการไม่วางแผนการลงทุน ตอนนั้นเล่นหุ้นด้วยความรู้สึกและข่าวจาก มาร์ มีทั้งกำไรและขาดทุน แต่โดยรวมได้ความมัน แต่ขาดทุน จนจุดหักเหก็ มาเกิดตอนปี 41- 42 เมื่อปัญหาทุกอย่างมาถึงทางตัน ต้องตัดสินใจ บางอย่าง ผมเอาหุ้นทุกตัวในพอร์ตมาดู DS + ATEC + SCIB กลายเป็น 0 Tisco ตัวทีกำไรสูงสุดแทบจะไร้ค่า รวมหุ้นทั้งพอร์ตเกือบ 2 ล้านเหลือไม่ถึง 300,000 พร้อมกับหนี้ อีกรวมๆ ประมาณ 1,500,000 และดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ทุกเดือน แต่ในความมืดมันมีช่องสว่างอยู่นิดนึง :arrow: แล้วจะมาเยนต่อ ครับ
โดย
ผู้ติดตาม
เสาร์ ก.พ. 19, 2005 8:07 pm
0
0
ตำราของจีนที่คุณเคยอ่านแล้วชอบมากที่สุด คือ เล่มใดครับ?
ผมชอบ ฤทธิ์มีดสั้น กับ เซียวฮื่อยี้ เพราะอ่านกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ตอนแรกก็คิด ว่า ทำไมลี้คิมฮวงถึงได้โง่อย่างงี้ แต่เมื่อประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น ทำให้ รู้ว่าบางครั้ง บางสิ่งเป็นเรื่องที่ไม่รู้จะทำอย่างไร ส่วนชีวิตเลือกได้ผมอยากมี ช่วงชีวิตที่มีประสบการณ์หลากหลายเหมือน กังเซี่ยวฮื้อ :D แต่ถ้าเป็นของท่านกิมย้งขอเป็น มังกรหยกภาคแรก กับ อุ้ยเซี่ยวป้อ :P ส่วนซุนวู และสามก๊ก อ่านแต่คิดว่าชอบน้อยกว่า 4 เรื่องข้างบน เพราะ ผมว่าผมชอบละครแล้วสอดแทรกให้คิด มากกว่าเนื้อหาตรงๆ แต่ถ้า เลือกไม่ได้อะไรก็อ่านครับ แม้แต่นิยายไทย เช่น คู่กรรม อันนี้หลังอ่านแล้ว รู้สึกคนเขียนเขย่าอารมณ์ได้ดีทีเดียว ขอโทษครับอันหลังนี่นิยายไทย :wink:
โดย
ผู้ติดตาม
เสาร์ ก.พ. 19, 2005 5:42 pm
0
0
ทำไมนักเล่นคอมถึง ชอบโอเวอร์คล๊อกกันจนเป็นศาสตร์
OC เป็นเรื่องสำหรับบุคคล เหมือนแต่งรถแล้วแต่คนชอบ Cluster เมื่อมีคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไปแล้วอยากนำเอา Performance มารวมกันประมวลผล จริงๆ แล้วมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่อง Symmetric และ Parallel System ที่ใช้ใน Supercomputer ปัจจุบันนี้ต้องนี่เลย Grid Computing ที่ Google ได้นำมาใช้จนโด่งดังบน Internet ใครสนใจแบบไหนเลือกเอาตามใจชอบครับ ส่วนผมแก่แล้วเอาแค่ Pentium III 900 MHz + SDRAM 384 MB ก็พอที่จะดู TVI ได้แล้ว
โดย
ผู้ติดตาม
เสาร์ ก.พ. 19, 2005 1:09 pm
0
0
พรุ่งนี้คุณ มน ขึ้นชกศึกใหญ่ ช่วยๆ กันเชียร์หน่อยครับ
ขอให้ความตั้งใจจริงของคุณมนและคุณเจ๋ง สามารถอธิบายให้ผู้มีอำนาจ เปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น ยอมรับในสิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับรายย่อยอย่างพวกเราที่จะได้รับจากการแลกเปลี่ยนความรู้กัน (ที่จริงกลัวไม่มีบอร์ดเหลือให้ดูครับ) เป็นกำลังใจให้อีกคนครับ แม้ว่าจะชอบอ่านมากกว่าโพสต์
โดย
ผู้ติดตาม
เสาร์ ก.พ. 19, 2005 12:58 am
0
0
ซื้อหุ้นเบียร์ ส่งเสริมอบายมุขหรือไม่
ผมคิดว่าการที่เบียร์ช้างจะเข้าตลาดควรอนุญาต เพราะผู้ผลิตและสินค้าจะอยู่ไม่ได้ ถ้าคนไม่บริโภค ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดมีทั้งดีและเสียในตัวมันเอง ขึ้นอยู่กับผู้นำไปกินหรือใช้ว่าเข้าใจหรือไม่ เช่น ถ้าคุณดื่มเบียร์นิดหน่อย โดยสามารถจำกัดได้ก็อาจจะเป็นประโยชน์ช่วยกระตุ้นชีพจร ในขณะเดียวกันมันอาจจะเป็นภัยอย่างมากถ้าดื่มมากไป ทั้งกับตัวเองและผู้อื่น ยาพาราช่วยแก้ปวดหัว แต่ถ้ากินมากไปก็อาจเป็นอันตรายต่อตับ เป็นต้น ดังนั้นผมคิดว่าควรให้การศึกษากับคน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน เพื่อให้เขาเหล่านั้นรู้จักคิด ตัดสินใจ และควบคุมตัวเองได้ นั่นหมายความว่าเราต้องปฏิรูปการศึกษา ให้มีการเรียนในเรื่อง Ethics มากขึ้นคือฉลาดอย่างมีคุณธรรม รู้ว่าเขาโกงอย่าไร เพื่อหลีกเลี่ยง และไม่นำวิธีการนั้นมาใช้เอง ผมจึงเห็นว่าทุกอย่างให้ดูให้เห็นดีกว่าปิดกั้น เพราะยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เท่าที่ผมรู้มาอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ก็คือโสเภณี การพนัน และต้มเหล้า คือด้านมืด ส่วนเกษตรกรรม หัตถกรรม และศิลปกรรม คือด้านสว่าง ขอถามว่าตราบใดที่มนุษย์ยังมีอารมณ์แล้วควบคุมได้ไม่เท่ากัน เปรียบดังบัวในตม บัวใต้น้ำ และบัวพ้นน้ำ ตราบนั้นสิ่งเหล่านี้ก็จะเกิดต่อไป เพียงแต่เราอยากจะให้มีด้านใดมากกว่า ถ้าคุณปิดบังไว้แล้วเข้าใจเองว่าไม่มีสิ่งนั้นแล้ว คุณหลอกตัวเอง แต่ถ้าคุณเปิดออกเริ่มต้นอาจจะเห็นว่ามากอย่างน่ากลัว แต่เมื่ออยู่ในที่สว่างแล้วเราสามารถหาวิธีการไปค่อยๆ ลดมันลงได้ เช่น หวยใต้ดินทุกคนรู้ว่ามีแล้วก็พยายามสรุปว่าเท่านั้นเท่านี้ แต่เมื่อนำมาไว้บนดินก็เห็นชัดขึ้นแล้วค่อยหาวิธีจัดการให้ลดลง แต่ก็ต้องขึ้นกับผู้มีอำนาจด้วยว่าจะจัดการอย่างไร ซึ่งหวยใต้ดินก็ยังมีอยู่แต่น้อยลง โอ้โหพิมพ์ตั้งเยอะมันเกี่ยวกับเบียร์มั้ยนี่ แต่อันที่จริงแค่อยากจะสรุปว่า เราไม่สามารถทำให้เป็นคนดีโดยการบังคับ หรือปิดบังสิ่งที่ไม่ดี แต่ต้องให้เขาเห็นแล้ว ตัดสินใจเลือกภายใต้ภาวะสังคมและวัฒนธรรม ณ ขณะนั้น เป็นตัวตัดสิน
โดย
ผู้ติดตาม
พฤหัสฯ. ก.พ. 17, 2005 10:18 pm
0
0
สวัสดี GUEST ทุกท่านครับ
สวัสดีครับแอบอ่านมานาน เลยต้องยอมแสดงตัว หลังจากที่เคย Post ในฐานะ Guest มานาน
โดย
ผู้ติดตาม
พุธ ม.ค. 12, 2005 3:01 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
ผู้ติดตาม
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พุธ ม.ค. 12, 2005 2:54 pm
ใช้งานล่าสุด:
ศุกร์ พ.ย. 02, 2007 1:34 pm
โพสต์ทั้งหมด:
37 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.01 ข้อความต่อวัน)
ลายเซ็นต์
Invest is art but Speculate is life.
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว