หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
pradchayat
Joined: จันทร์ ก.ค. 06, 2009 9:52 pm
64
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - pradchayat
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: Latest Blow For Thailand: No Longer World’s Tastiest Ric
บางทีก็รู้สึกเสียดายนะครับ ประเทศของเราเองก็มีอะไรดีๆหลายอย่าง ที่เป็นที่สุด แต่เรากลับไม่ค่อยมีการพัฒนาในสิ่งต่างๆเหล่านั้น สุดท้ายของเหล่านั้นก็เหมือนคนหยุดเดิน แม้แต่คนแก่ที่เดินช้าที่สุดในโลกก็สามารถแซงเข้าเส้นชัยได้สบาย....
โดย
pradchayat
ศุกร์ ต.ค. 28, 2011 9:37 am
0
0
Re: ลดน้ำมันเบนซิน 91 เท่าโซฮอล์ 91
ผมว่าหากมองในแง่ของคนใช้รถแล้ว Gasohol จะมีค่าพลังงานน้อยกว่า น้ำมันปกติประมาณ 10% ดังนั้น หากมองในแง่ของโครงสร้างราคาแล้ว เราจะพบว่าราคาของ Gasohol จะถูกกว่า น้ำมันปกติก็ประมาณ 10% ซึ่งตรงนี้แหละมันจะชดเชยกันเอง เติม Gasohol แม้ถูกกว่า แต่ก็ต้องเติมเยอะกว่า สุดท้ายถ้ามองโดยรวมแล้ว ค่าใช้ก็ไม่ต่างจากการใช้น้ำมันปกติ แต่ข้อดีของการเติม Gasohol คือทำให้เงินหมุนเวียนอยู่ในประเทศ ลดการขาดดุลของประเทศ แต่ผลเสียก็มีเหมือนกัน คือเราต้องเอาวัตถุดิบที่เป็นอาหารของคน(วัตถุดิบผลิต เอทานอล) ไปเติมให้รถแทน ดังนั้น มันจะทำให้สินค้าเกษตรบางอย่างขาดแคลน ราคาแพงขึ้น พอกลับมาดูนโยบาลของรัฐบาลที่ลดราคาน้ำมันปกติแล้ว ผมถามว่าจะมีสักกี่คนที่จะมองผลประโยชน์ของชาติโดยการไปเติม Gasohol ทั้งๆที่ราคาก็เท่ากับน้ำมันปกติ แถมโดยรวมยังต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าด้วย ผมมองว่าในระยะยาวแล้ว Gasohol ตายสนิทแน่นนอน โรงงานผลิตเอทานอล ตายอย่างเดียว
โดย
pradchayat
อาทิตย์ ส.ค. 28, 2011 9:22 am
0
0
Re: สารคดีชีวิตสัตว์โลก :: เหตุการณ์หลังประกาศงบฯ
น่ารักตรงที่ถามว่า "เอาหมวกปาร์ตี้ไหม" :D
โดย
pradchayat
จันทร์ พ.ค. 30, 2011 11:27 am
0
0
DW ไม่ใช่การพนัน มันคือเกม
มีโง่ ไม่มีโง่ด้วย นี่เล่น DW หรือว่าเล่นดัมมี่เนี่ย ยังงี้ระวัง อมโต โง่ มืด นะครับ เจ็บหนักแน่นๆ :D
โดย
pradchayat
จันทร์ ต.ค. 11, 2010 5:42 pm
0
0
นี้มันการพนัน ชัดๆเลย
ผมสงสัยนิดหนึ่งครับ ตอนคิดค่ามูลค่าที่เหมาะสมของ DW ทำไมคำนวณจาก DW ราคาที่ควรจะเป็น = priceปัจจุบันxอัตราส่วนการแลก +exercise price เพราะเนื่องจากไอ้ตัวนี้มันเป็น อนุพันธ์ของ Warrant ดังนั้น ทำไมไม่คำนวณแบบ Warrant ละครับ มันต้องใช้สมการของ Black Scholes Model ในการคำนวณหาค่าราคาที่เหมาะสม เพราะจะต้องเอาปัจจัยของอายุที่เหลือของ DW มาเป็นตัวที่ใช้คำนวณด้วยซึ่งในทางทฤษฎี นั้น ระยะเวลาก็ถือว่าเป็นมูลค่าตัวหนึ่ง
โดย
pradchayat
จันทร์ ต.ค. 11, 2010 11:45 am
0
0
แจก EPS16YEAR (งบดุล ย้อน 19 ปี,ราคา,Ratio,แบบเครดิตภาษี)
ต้องขอรบกวน พี่ครรชิตอีกทีครับ
[email protected]
โดย
pradchayat
อังคาร ก.ย. 14, 2010 3:54 pm
0
0
เมื่อมังกรเริ่มช้อปปิ้ง
ผมมองว่า การแข็งค่าของเงินหยวนในครั้งนี้ รัฐบาลคงไม่ปล่อยให้แข็งจนไม่มีความสามารถในการแข่งขันการส่งออกในตลาดโลก แต่มองว่า การแข็งค่าคราวนี้จะเป็นโอกาสในการนำเข้าสินค้าทุนที่ราคาถูก เช่น น้ำมัน เหล็ก เป็นต้น ซึ่งก็มองได้ว่า โอกาสในการแข่งขันในตลาดโลกของจีน อาจไม่ได้ลดลง และ ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นก็ได้ เนื่องจากค่าเงินที่แข็งขึ้น และ ค่าแรงภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น มัน Compensate ซึ่งกันและกันพอดี แต่สิ่งที่จีนจะได้จากนโยบายการแข็งค่าของเงินหยวน ผมคิดว่า มีข้อดีทางอ้อม 2 ประการ คือ 1. ลดแรงเสียดทานจากนานาประเทศ 2. เป็นโอกาสที่จะยกระดับค่าแรงในประเทศได้ เพื่อให้ประชาชนมีความสุข ( เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง จึงมีเงินเหลือมาให้ลูกจ้างเพิ่มขึ้นได้ )
โดย
pradchayat
เสาร์ ก.ค. 03, 2010 8:48 am
0
0
ชวนไปดูหนัง เกี่ยวกับหุ้น
ขอส่งเรื่อง Boiler Room เข้าประกวดครับ ( Vin Diesel เล่นนะครับ ) หนังที่ดูแล้วรู้สึกว่าแต่ละ negotiate เก่งกันมากๆ เป็นหนังเรื่องที่เกี่ยวกับหุ้นเรื่องหนึ่งเลยที่ชอบมากๆ ครับ รองลงมาก็เห็นจะเป็นเรื่อง เจ้าพ่อตลาดหุ้น ครับ ดูสมัยเด็กๆ สนุกมาก ทำให้ตอนนั้น อยากเล่นหุ้นเหมือนพระเอก เพราะเท่ห์ :D [/img]
โดย
pradchayat
พฤหัสฯ. ก.ค. 01, 2010 4:14 pm
0
0
JMART หุ้นเด่นจากงานจิบเบียร์
ให้กำลังใจคุณ CHAMP ครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่อยากไปร่วมงาน แต่ไม่สะดวก และ มีธุระปะปัง ซึ่งผมก็ได้กระทู้ของคุณ CHAMP แหละครับ ที่ทำให้ผมเหมือนได้ไปร่วมงานเลยครับ ขอบคุณมากครับ รวมถึงพี่ๆทุกคนด้วยครับ ที่พอมีงานอะไร หรือ มีการสัมมนาอย่างไร ก็จะมาคอยช่วยโพส รายละเอียดต่างๆ ให้คนที่พลาดงานได้รับแบ่งปันข้อมูลกันไป ปล. ผมเคารพท่าน ดร. เหมือนกันครับ ได้ตาสว่างก็จากหนังสือ ตีแตก ของท่านนี่ละครับ สำหรับท่านตอนนี้ ต้องใช้คำว่า "ทองแท้ ย่อมไม่แพ้ไฟ " ครับ
โดย
pradchayat
อังคาร มิ.ย. 08, 2010 9:50 pm
0
0
!! ดาวน์โหลดเอกสารที่แจกในงานสัมมนา Thaivi#2 ได้ที่นี่ !!
ขอบคุณคร๊าบ :D
โดย
pradchayat
อังคาร พ.ค. 11, 2010 7:15 am
0
0
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร จากวิศวกรสู่ นักลงทุน
ขอคาระวะท่าน หนึ่งจอก.....
โดย
pradchayat
ศุกร์ เม.ย. 30, 2010 9:49 am
0
0
ETF ( TDEX )
ขอบคุณครับ สำหรับคำแนะนำ และ มุมมองอืนๆที่ดี :D
โดย
pradchayat
พุธ ธ.ค. 16, 2009 7:42 pm
0
0
ETF ( TDEX )
ผลตอบแทนของ TDEX ก็อยู่ในระดับเดียวกับ Set Index and Set50 ครับ คือประมาณ 10%/ปี ( ในระยะยาว 10 ปี ) ต้องบอกก่อนว่าผมอยากถือ TDEX เพราะต้องการกระจายการลงทุนในช่วงหนึ่งก่อนเท่านั้น หากเมื่อวิชาผมแก่กล้า และ หา Single Stock ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ผมก็เปลี่ยนสัดส่วนของ Port เหมือนกันครับ เป็นคล้ายๆแทนที่จะถือเงินสดแบบฝากประจำ หรือ ตราสารทางการเงินระยะยาว ก็เปลี่ยนในรูป TDEX แทน ขอถามอย่างคนไม่รู้ครับ คุณ siebelize "เอาไว้เป็น underlying asset ของออพชั่น" มันเป็นการลงทุนในประเภทหนึ่งของ TFEX หรือเปล่าครับ แล้วมันเป็นยังไงเหรอครับ
โดย
pradchayat
อังคาร ธ.ค. 15, 2009 8:28 am
0
0
ETF ( TDEX )
ถ้าซื้อกองทุนรวมอื่นๆที่ไม่ใช่ อ้างอิง Set Index หรือ Set 50 นั้น เหตุผลจะเข้ากับบทความของทาง อ. นิเวศน์ ครับ แต่ผมคงมิกล้าจะบอกว่าผมคิดเหมือนอาจารย์เค้าหรอกนะครับ มุมมองผมก็คือ ผมไม่เชื่อมั่นในผู้จัดการกองทุนครับ ว่าเค้าจะบริหาร Port ได้ดีแค่ไหน แต่บางคนอาจจะแย้งว่า ก็ให้ดูที่ผลงานในอดีตสิ ซึ่งความคิดของผมก็คือ ผลงานในอดีตที่จะบอกว่าเค้าเก่ง เค้าไม่เก่งดูที่อะไร ก็ดูที่เค้าสามารถสร้างผลตอบแทนได้ชนะตลาดกี่ % ใช่ไหม ( ในบางครั้ง อดีตก็ไม่ใช่จะเป็นสิ่งที่กำหนดอนาคตเสอไปด้วย ) ดังนั้น Benchmark การดูความสามารถก็คือตลาดนั่นเอง ดังนั้นเราจะไปเสี่ยงกับความเสี่ยง 2 ทางทำไม ( เสี่ยงกับหุ้น + ความสามารถของผู้จัดการกองทุน ) ผมคิดว่าผมยอมรับผลตอบแทนในระดับหนึ่งที่ค่าเฉลี่ยกลางๆ ในระดับ Benchmark ดีกว่า เพื่อรอเวลาฟูมฟักฝีมือของเราเอง เพราะ เงินในส่วนหุ้นที่ลงเองก็เสี่ยงสูงอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่เราต้องไปเสี่ยงเพิ่มครับ แต่หากกองทุนรวมมีแต้มต่อเรื่องภาษี เหมือนที่อาจารย์ท่านว่า นั่นก็คือ Margin of Safety ของเราได้เหมือนกัน หากในอเมริกา กองทุนประเภท ETF ที่โดดเด่นที่ทุกผู้จัดการกองทุนถือเป็น Benchmark วัดฝีมือกันก็คือ S&P500 ครับ ปล. มันไม่ใช่การบอกว่าเราเจ๋งกว่าผู้จัดการกองทุน ( คนที่ทำงานด้านนี้โดยตรง ) หรอกครับ แต่มันคือ ความคิดส่วนตัวครับ ที่มันเป็นสัญชาตญาณดิบในการป้องกันตัวของมนุษย์ครับ ที่คิดว่าไม่มีใครจะดูแลสิ่งที่เราเห็นว่ามีค่า ไปได้ดีกว่าตัวเราครับ ( เช่น ครอบครัว คนรัก ลูก ซึ่งในเรื่องนี้ก็คือเงินสะสมของเรา ) อย่างน้อยถ้ามันสำเร็จ เราจะได้ชมตัวเองได้อย่างภาคภูมิใจ หรือ ถ้าแพ้ ก็จะได้ตบกระโหลกตัวเองได้เต็มที่ ไม่ต้องไปโทษใครคนอื่นเค้า """ กองทุ้นหุ้นรวม เมื่อสัปดาห์ก่อนหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจลงข่าวเกี่ยวกับกองทุนหุ้นโดยสาระสำคัญอยู่ที่ว่าคนไทยไม่ใคร่นิยมลงทุนในกองทุนหุ้นเท่าใดนัก จากตัวเลขจำนวนกองทุนหุ้นทั้งหมด 105 กอง นั้นพบว่า กองทุนที่มีขนาดใหญ่กว่า 1000 ล้านบาทนั้นมีเพียง 12 กองทุนและเม็ดเงินส่วนใหญ่ก็เพียงพันล้านต้น ๆ ในขณะที่กองทุนหุ้นที่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทนั้นมีจำนวน 16 กองทุน และกองทุนหุ้นส่วนใหญ่หรือจำนวน 62 กองทุนนั้นมีพอร์ตขนาด 100-500 ล้านบาท นอกจากความไม่สนใจลงทุนในกองทุนรวมหุ้นแล้ว เนื้อข่าวยังบอกด้วยว่าคนที่ซื้อหน่วยลงทุนหุ้นนั้นมักจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับฝีมือในการลงทุนของผู้จัดการกองทุนแต่เน้นที่ความสะดวกในการซื้อขายและค่าธรรมเนียมในการบริหารที่ถูกมากกว่า ผมเองเห็นด้วยกับข้อสรุปข้างต้นและนั่นน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้กองทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดส่วนใหญ่กลายเป็นกองทุนหุ้นที่บริหารโดยบริษัทจัดการกองทุนในเครือธนาคารพาณิชย์ที่มีสาขากว้างขวางและเป็นกองทุนที่อิงดัชนี นั่นคือเป็นกองทุนที่ไม่ต้องคัดเลือกหุ้น แต่ซื้อตามสัดส่วนของหุ้นที่อยู่ในดัชนีเช่น กองทุนที่อิงกับหุ้นใน SET 50 เป็นต้น นอกจากนั้นผมยังมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมสำหรับนักลงทุนหลายประการดังต่อไปนี้ ข้อแรกที่ทำให้บริษัทจัดการการลงทุนไม่สามารถทำผลงานได้โดดเด่นนั้น ผมคิดว่าอยู่ที่โครงสร้างการทำงานของผู้จัดการกองทุน โดยความเข้าใจของผมก็คือ เวลาจะลงทุนในหุ้นนั้นเขาจะจัดการกันในรูปแบบของ คณะกรรมการการลงทุน นั่นก็คือ จะต้องมีคนนำเสนอหุ้นที่น่าสนใจให้กับคณะกรรมการการลงทุนเพื่อพิจารณาอนุมัติ หลังจากนั้นแล้วก็จะมีคนไปทำการซื้อขายตามมติที่ได้รับ ผลงานที่ออกมาของกองทุนแต่ละกองนั้น ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ฝีมือของผู้จัดการกองทุนคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นผลงานรวม ๆ ของการจัดการของคณะกรรมการการลงทุนของบริษัท ซึ่งก็อาจจะดูแลการลงทุนในกองทุนหุ้นหลาย ๆ กองด้วย เห็นได้จากรายชื่อหุ้นที่เหมือน ๆ กันในกองทุนหุ้นเกือบทุกกองที่บริษัทบริหาร ประเด็นก็คือ การลงทุนในหุ้นนั้น ผมคิดว่าเป็นเรื่องของศิลปะค่อนข้างมาก การใช้ คณะกรรมการ มาทำงาน ศิลป์ นั้น โอกาสที่จะทำได้ดีโดดเด่นนั้นยากมาก เปรียบเหมือนกับการวาดภาพศิลปะ ถ้าเราเอาคณะกรรมการมาเป็นคนกำหนดแล้วให้ศิลปินมาวาดภาพตามที่ต้องการ แบบนี้โอกาสที่เราจะได้ภาพที่เป็นมาสเตอร์พีชก็คงไม่มี อย่างมากก็จะได้ภาพกลาง ๆ ที่อาจจะไม่แย่มากแต่ก็จะไม่มีทางโดดเด่น ว่าไปแล้ว ในตลาดหุ้นไทย เรายังไม่เคยมี ผู้จัดการการลงทุนจริง ๆ ที่เป็นคนเลือกหุ้นลงทุนที่มีชื่อเสียงเลย ผู้จัดการบริษัทจัดการการลงทุนหรือ หัวหน้าผู้จัดการการลงทุน ที่เปิดตัวต่อสาธารณชนนั้น เกือบทั้งหมดดูเหมือนว่าจะเป็น หนึ่งในคณะกรรมการการลงทุน ที่ไม่ได้ไปสัมผัสกับการวิเคราะห์หุ้นจริง ๆ พูดง่าย ๆ บ้านเราไม่มี ปีเตอร์ ลินช์ หรือ บิล มิลเลอร์ เมืองไทย และเราก็ไม่เคยมีกองทุนที่โดดเด่นที่คนต้องเอาเงินมาลงทุนอย่างกองทุน ไฟเดลลิตี้ แน่นอนว่าในบางช่วงบางตอน กองทุนบางกองของบางบริษัทโดยเฉพาะที่เป็นกองเล็ก ๆ อาจจะมีผลงานการลงทุนโดดเด่นมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปและกองทุนอาจจะมีขนาดใหญ่ขึ้น ผลงานการลงทุนก็มักจะกลับมาสู่สภาวะปกติหรือแย่ลงทำให้คนที่เข้าไปลงทุนหลังจากเห็นผลงานที่ดีเยี่ยมต้องขาดทุนหรือผิดหวัง นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ในทางวิชาการเราเรียกว่าผลงานที่โดดเด่นนั้นเป็นเรื่อง บังเอิญ ไม่ได้เกี่ยวกับฝีมืออะไรทั้งสิ้น ถ้าจะเป็นเรื่องของฝีมือแล้ว กองทุนควรจะต้องมีผลตอบแทนที่ดีเหนือกว่าตลาดอย่างต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งเป็นที่น่าเสียใจว่ายังไม่มีกองทุนไหนทำได้ ระบบการจ่ายผลตอบแทนเองก็ไม่เอื้อให้เกิด มืออาชีพ ที่โดดเด่นในการบริหารการลงทุน เพราะคนที่มีฝีมือดีจริง ๆ และบริหารจนกองทุนได้กำไรมาก ๆ แต่ตนเองก็คงไม่ได้ผลตอบแทนมากมายอะไรนักอย่างมากก็อาจได้โบนัสเพิ่มอีกสักเดือนสองเดือน ดังนั้น ถ้าเขาเก่งจริง เขาก็น่าจะออกไปบริหารเงินของตนเองจะดีกว่า นอกจากนั้น ระบบการบริหารแบบบริษัทจัดการการลงทุนนั้น ผมคิดว่าจะสร้างนักลงทุนฝีมือเยี่ยมได้ยาก ทั้งนี้เพราะทุกอย่างดูเหมือนมีกฏเกณฑ์ที่ไม่เอื้ออำนวยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างเป็นอิสระจริง ๆ ตัวอย่างง่าย ๆ ก็เรื่องของหุ้นที่ลงทุนได้นั้น ข้อห้ามอาจจะรวมถึง สภาพคล่องของหุ้น บริษัทจะต้องมีกำไร ขนาดของบริษัทที่ต้องไม่เล็ก เป็นต้น เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ผู้บริหารกองทุนจะทำอะไรที่ เสี่ยง ไม่ได้ แม้ว่าจะเป็น ความเสี่ยงที่ไตร่ตรองดีแล้ว ว่าที่จริงเขาก็ไม่รู้จะเสี่ยงไปทำไม เพราะถ้าเสี่ยงแล้วสำเร็จก็ได้แต่คำชม แต่ถ้าพลาดอาจจะตกงานหรือโดนสอบสวน ผลจากความล้มเหลวในการสร้างนักบริหารการลงทุนมืออาชีพในตลาดหุ้นไทยนั้น ค่อนข้างจะเห็นได้ชัดจากตัวเลขจำนวนเม็ดเงินลงทุนในหุ้นของบริษัทจัดการการลงทุน กองทุนหุ้นที่มีการจัดการหรือเลือกหุ้นนั้นมีขนาดเล็กมากอย่างไม่น่าเชื่อ กองที่ใหญ่ที่สุดนั้นส่วนใหญ่ก็มีเม็ดเงินในพอร์ตเพียงระดับพันล้านบาทต้น ๆ เทียบกับนักลงทุนส่วนบุคคลรายใหญ่หลายรายในตลาดแล้วดูเหมือนว่ากองทุนจะไม่ใหญ่กว่าเลย ในขณะที่ตลาดหุ้นอย่างในอเมริกานั้น แม้แต่ วอเร็น บัฟเฟตต์ ที่ถือว่าเป็นคนที่ลงทุนในหุ้นที่ใหญ่ที่สุด แต่ถ้าเทียบกับกองทุนแล้วก็เล็กนิดเดียว ดังนั้น อิทธิพลและอำนาจการซื้อขายหุ้นของกองทุนมีมหาศาลเมื่อเทียบกับส่วนบุคคล ขณะที่ในตลาดหุ้นไทยนั้น อิทธิพลของนักลงทุนส่วนบุคคลนั้นน่าจะเหนือกว่ากองทุนรวมมาก สุดท้ายก็คือคำแนะนำของผมสำหรับคนที่อยากลงทุนในกองทุนรวมหุ้น คำแนะนำก็คือ ข้อแรก พยายามใช้ประโยชน์จากการที่รัฐให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีโดยเฉพาะการลงทุนซื้อ LTF และ RMF เพราะนี่จะช่วยให้เรามีแต้มต่อในการลงทุนแม้ว่าฝีมือในการบริหารกองทุนจะไม่ดีนักเราก็น่าจะได้ผลตอบแทนคุ้มค่า ข้อสอง ถ้าจะลงทุนในกองทุนรวมหุ้น ควรลงทุนในกองทุนหุ้นที่อิงดัชนีซึ่งไม่ต้องอาศัยฝีมือผู้บริหาร และควรเลือกผู้จัดการที่คิดค่าธรรมเนียมต่ำที่สุด ข้อสาม อย่าพยายามตามหากองทุนที่กำลัง ร้อน ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหุ้นประเภทไหน เพราะจับเข้าไปก็คงถูก ลวก มากกว่า และสุดท้าย ถ้าเรามีความรู้บ้างและมีเงินลงทุนระดับหนึ่งเช่นหนึ่งล้านบาทขึ้นไป เราสามารถสร้างพอร์ตลงทุนส่วนตัวที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนคล้าย ๆ กับกองทุนรวมหรือตลาดหลักทรัพย์แต่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการบริหารปีละประมาณ 2% ได้ไม่ยาก เหตุผลก็คือ เราสามารถกระจายการถือหุ้นได้ค่อนข้างกว้างขวางเป็นสิบ ๆ ตัวโดยที่เม็ดเงินลงทุนและต้นทุนในการซื้อขายหุ้นแต่ละตัวนั้นค่อนข้างจะต่ำ ดังนั้น เราสามารถเลียนแบบกองทุนรวมได้ไม่ยาก ไม่เหมือนการลงทุนในอเมริกาที่คุณไม่สามารถซื้อหุ้นได้มากตัวถ้าพอร์ตคุณเล็ก """
โดย
pradchayat
จันทร์ ธ.ค. 14, 2009 6:18 pm
0
0
ETF ( TDEX )
คืออยากจะ ลดความเสี่ยง เงินใน Port ครับ เนื่องจากการลงทุนในหุ้นรายตัวนั้น มันขึ้นอยู่ที่เราต้องเฟ้นหาหุ้นที่ดี มีการเจริญเติบโตและราคายังไม่แพง ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของตัวบุคคลเป็นหลักครับ หากเก่ง ทุกๆอย่างเป็นไปตามที่เราประเมินไว้ก็ OK ครับ แต่หากในฐานะมือใหม่ ความสามารถต่างๆของเรา ยังคงไม่อาจมีความรอบครอบ และ มุมมองที่ดีเพียงพอ รวมถึงขนาด Port ที่เล็ก ( ไม่สามารถกระจายในหุ้นหลายๆตัวเพื่อลดความเสี่ยง ) มันเสี่ยงมากครับกับการจะเอาเงินทั้งก้อนใส่ไว้กับหุ้นที่ใส่ได้ไม่กี่ตัว ( สมมติฐานที่ว่าเราอยู่ในฐานะมือใหม่นะครับ มองเกมส์ยังไม่ขาด ไม่มีใครบอกเราได้หรอกว่าหุ้นที่เราถือ ดี หรือ ไม่ดี นอกจากเมื่อผลตอบแทนมันเฉลยออกมา ทุกอย่างคืออนาคคต และการคาดการณ์ของเรา บนพื้นฐานของมูลที่เรามี ) แต่หากจะลงเพียง 10% ของ Port ที่มีอยู่ แล้วเงินที่เหลืออยู่ในรูปเงินสดนั้น ผลตอบแทนมันก็ไม่น่าสนใจ ดังนั้น TDEX จึงเป็นทางเลือก เพื่อเอาไว้ให้มันบริหารส่วนหนึ่งของ Port ได้มีการเจริญเติบโต โดยเราสามารถกระจายการลงทุนในหุ้นที่อยู่ใน Set50 ได้ ซึ่งมันก็ช่วยลดความเสี่ยงได้ระดับหนึ่งครับ ดังนั้นทางเลือกของทางผมก็จะมีสัดส่วนคราวๆประมาณว่า 10 % Stock 40 % TDEX 50 % Cash โดยหากเมื่อวิชาเราเก่งกล้าแล้ว สัดส่วนระหว่าง หุ้น กับ TDEX ก็จะเปลี่ยนไป จนถึงจุดหนึ่งที่เรามั่นใจว่าเราเก่งกว่าตลาดแล้ว เราก็อาจจะลองวิชาของเราโดยไม่มี TDEX อยู่เลยก็ได้ครับ เป็นมุมมองและความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
โดย
pradchayat
จันทร์ ธ.ค. 14, 2009 5:18 pm
0
0
ETF ( TDEX )
ขอบคุณทุกๆคำแนะนำครับ
โดย
pradchayat
จันทร์ ธ.ค. 14, 2009 8:10 am
0
0
ช่วยสอนวิธีหามูลค่าพื้นฐานหุ้นหน่อยครับ
คิดว่ามีความเข้าใจนิดหน่อยอาจจะช่วยได้ การหามูลค่าหุ้นที่แท้จริง หลักๆหาได้ 2 วิธี คือ 1. DDM ( Dividend discount model ) ใช้เงินปันผลที่เราคาดว่าจะได้รับ กับ ผลตอบแทนที่เราหวังมาคำนวณ หามูลค่าที่ต้องการ หากได้ค่าที่สูงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน ก็ถือว่าราคาหุ้นนั้นถูกอยู่ 2. DCF ( Discount cash Flow ) ใช้กระแสเงินสดสุทธิที่เราคาดว่าบริษัทดังกล่าวจะได้ในอนาคตมาคิดเป็นราคาหุ้น ซึ่งทั้ง 2 วิธี นั้น จะต้องมีความรู้และความเข้าใจในตัวธุรกิจมากพอสมควรถึงจะประเมินค่าต่างๆได้ใกล้เคียงความเป็นจริง แต่ข้อเสียของวิธีเหล่านี้น่าจะเป็นตรงที่เราต้องคาดการณ์อนาตที่ไม่มีใครรู้จริงได้นี่สิ เป็นศาสตร์และศิลป์ ที่ท้าทายมาก ส่วนการประเมินอีกวิธีหนึ่งที่ดูกันง่ายๆ พอเป็น Guide Line ได้ก็คือค่า P/E โดยพิจารณาค่า P/E ของหุ้นตัวที่เราสนใจ ว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ย P/E ของหุ้นตัวอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันหรือไม่ โดยถูกหรือแพงนั้นอยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละคน เหมือนกับเราซื้อของมากกว่า หรือหากต้องการประเมินราคาหุ้นต่อ เราก็ใช้EPS คูณกับ P/E ที่เราคิดไว้ ก็จะได้ราคาหุ้นที่เราต้องการ หวังว่าพอจะช่วยได้นะครับ
โดย
pradchayat
ศุกร์ ส.ค. 28, 2009 8:49 am
0
0
ขอรบกวนสอบถามเกี่ยวกับ DCF หน่อยครับ
ขอบคุณทุกคำแนะนำครับ :D
โดย
pradchayat
เสาร์ ส.ค. 22, 2009 9:07 am
0
0
เรียนบัญชีดีไหม
ผมขอโทษนะครับ ผมว่าอย่าไปเรียนเลยดีกว่าครับ ถ้า Concept คือ ทำงานสบาย แต่ได้เงินเยอะ ในโลกนี้ไม่มีหรอกครับ อย่าไปดูที่จุดหมายความสำเร็จของพวกเค้าเหล่านั้นสิครับ แต่จงดูที่เส้นทางที่พวกเค้าเหล่านั้น เดินฝ่าฟันมาสิครับ ย้ำนะครับคนที่ประสบความสำเร็จแบบยั่งยืน ไม่ใช่ชั่ววูบ ปล.ขอโทษนะครับถ้าพูดแรงไป
โดย
pradchayat
จันทร์ ก.ค. 13, 2009 2:48 pm
0
0
New Bull Market confirmed !!!!
ตอบได้ตรงประเด็นดี 5555 :lol:
โดย
pradchayat
พุธ ก.ค. 08, 2009 8:06 am
0
0
เรียนบัญชีดีไหม
ผมคิดว่ามันไม่เกี่ยวหรอกครับ ว่า ใครกำหนดให้คุณต้องเรียนอะไร มันขึ้นอยู่กับตัวเราเองมากกว่า ว่าเรารักและศรัทธาในอาชีพของเราแค่ไหน ทุกๆอาชีพมันย่อมความเลวร้ายของตัวเองเสมอ หากเราบอกว่าเราเจอเรื่องเลวร้ายจากอาชีพหนึ่ง แล้วเราต้องเปลี่ยนอาชีพ อย่างนี้เราไม่ต้องเปลี่ยนอาชีพกันสามเวลาหลังอาหารเหรอครับ คนเรามีความรู้หลายๆด้านเป็นสิ่งที่ดีมากครับ แต่สิ่งสำคัญ คืออย่างน้อยเราควรจะมีความรู้ด้านที่เราถนัดมากที่สุดติดตัวไว้ อาชีพการเงิน การธนาคารมันหอมหวนและสวยหรู เพราะคนอื่นคิดว่าเรา ทำงานกับเงินทอง ทั้งๆที่จริงมันไม่ใช่ของเราสักนิดเลย
โดย
pradchayat
จันทร์ ก.ค. 06, 2009 11:14 pm
0
0
ต้มทุนลดหรือเปล่า
แต่ผมว่าอาจจะเปื่อยได้นะครับ ต้ม ทุน
โดย
pradchayat
จันทร์ ก.ค. 06, 2009 11:05 pm
0
0
บริษัทจำกัดแห่งไหนที่ท่านอยากให้เข้าตลาดบ้างครับ
นึกถึงตอน visit company
โดย
pradchayat
จันทร์ ก.ค. 06, 2009 10:48 pm
0
0
New Bull Market confirmed !!!!
ผมคิดว่า คงเป็นการยากมาก หากใครสักคนจะสามารถคาดการณ์อนาคตได้อย่างแม่นย่ำ แต่ผมก็มิอาจที่จะดูถูก วิทยายุทธของท่านจอมยุทธ James Stack ผมเข้าใจว่าสิ่งที่เค้าวิเคราะห์ออกมานั้น วิเคราะห์อ้างอิงบนพื้นฐานของทางสถิติในอดีตที่ผ่าน และ ความน่าจะเป็นของข้อมูลต่างๆที่มีอยู่ในมือ ณ สถานการณ์ ตอนนี้ผมเชื่อว่า ทุกคนที่ออกมากล่าวกันนั้น ต้องการพูดสิ่งต่างๆแต่ในด้านดีๆ เพื่อเป็นจิตวิทยาที่ทำให้คนกลุ่มที่เหลือคลายความกังวล และ มีกำลังใจทำงาน เพื่อต่อสู่วิกฤตอันเลวร้าย และ แน่นอนผลลัพธ์ปลายทาง เค้าก็คิดว่า เมื่อกลไกลเศรษฐกิจเริ่มเคลื่อนตัวเมื่อไรแล้วละก็ แม้มันช้าแต่ก็ดีกว่าให้มันหยุดนิ่ง หรือ ถอยหลัง ทุกสิ่งทุกอย่างคือการคาดเดา และ สถิติความน่าจะเป็น ซึ่งเหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ มันย่อมมีสถิติความไม่น่าจะเป็นด้วย ผมเคยอ่านเรื่องทฤษฎี Butterfly Effect ( แบบงูๆ ปลาๆ มาบ้าง ) อยากจะคิดให้มันสุดกู่แบบหลุดโลก ไม่แน่การที่ประเทศเรามีแพนด้าน้อย อาจจะทำให้เศรษฐกิจโลกทั้งใบฟื้นก็ได้ เนื่องจากการเดินทาง :shock: ขอโทษนะครับ หาก ผมเพ้อเจ้อเยอะไปหน่อย :wink:
โดย
pradchayat
จันทร์ ก.ค. 06, 2009 10:30 pm
0
0
แจก EPS16YEAR (งบดุล ย้อน 19 ปี,ราคา,Ratio,แบบเครดิตภาษี)
ขอความกรุณาด้วยครับ
[email protected]
เพิ่มเติมครับ ขอ 2 Version ครับ ผมขอถามเพิ่มเติมอีกหน่อยครับ คือว่าผมจะ Update ข้อมูลทำไงครับ และ ต้องหาข้อมูลจากที่ไหนครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
โดย
pradchayat
จันทร์ ก.ค. 06, 2009 9:58 pm
0
0
แจก EPS16YEAR (งบดุล ย้อน 19 ปี,ราคา,Ratio,แบบเครดิตภาษี)
ขอความกรุณาด้วยครับ
[email protected]
ผมขอถามเพิ่มเติมหน่อยครับ คือว่าผมจะ Update ข้อมูลทำไงครับ และ ต้องหาข้อมูลจากที่ไหนครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
โดย
pradchayat
จันทร์ ก.ค. 06, 2009 9:56 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
pradchayat
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ที่อยู่:
Saraburi
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
จันทร์ ก.ค. 06, 2009 9:52 pm
ใช้งานล่าสุด:
อังคาร มิ.ย. 09, 2015 2:30 pm
โพสต์ทั้งหมด:
64 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.01 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว