หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
clarkfire
Joined: จันทร์ มิ.ย. 15, 2009 7:50 pm
102
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - clarkfire
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: Fed จะลดขนาดงบดุลไปทำไมครับ
ตกใจกับชื่อคุณ SOROS ที่เข้ามาถามเรื่องของเฟดครับ (ถ้าเป็นคุณ George Soros ตัวจริง คงจะรู้เรื่องนี้อย่างลึกซึ้งทีเดียว อันนี้ล้อเล่นนะครับ) เฟดเป็นองค์กรที่มีเจ้าของเป็นเอกชน แต่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลให้ทำหน้าที่ดูแลเรื่องการพิมพ์เงินของประเทศครับ เรื่องนี้แม้แต่คนอเมริกันส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ ผมอ้างตามเว็บนี้ละกันนะครับ แล้วจะถอดความแบบสั้นๆ เท่าที่พอจะแปลออก https://www.facts-are-facts.com/news/the-federal-reserve-is-privately-owned#.WoUakHxLfIU เจ้าของเฟดเป็นธนาคารใหญ่ 12 ธนาคาร คือ Rothschild Bank of London Warburg Bank of Hamburg Rothschild Bank of Berlin Lehman Brothers of New York Lazard Brothers of Paris Kuhn Loeb Bank of New York Israel Moses Seif Banks of Italy Goldman, Sachs of New York Warburg Bank of Amsterdam Chase Manhattan Bank of New York ความเป็นเจ้าของหรือเป็นหุ้นส่วนใน FED ไม่มีการซื้อขาย แต่ส่งต่อกันในตระกูลผู้ถือหุ้น เฟดพิมพ์เงินขึ้นมาจากอากาศได้ฟรีๆ แล้วชาร์จดอกเบี้ยเอากับรัฐบาลสหรัฐ ผลกำไรแต่ละปีจะถูกแบ่งออกมา 6% เป็นเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น ในบทความอ้างไปถึงประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคที่อังกฤษครอบครองอเมริกา แต่พ่ายแพ้ในสงครามการปฎิวัติเพื่อเสรีภาพของอเมริกา ทำให้อังกฤษไม่สามารถกอบโกยผลประโยชน์จากอเมริกาได้ต่อไป เหล่านักธนาคารจากอังกฤษจึงพยายามหาทางเข้ามาควบคุมอเมริกาผ่านการควบคุมระบบการเงินของอเมริกา มีความพยายามจะควบคุมอเมริกาโดยกลุ่มนักการธนาคารของอังกฤษที่จะจัดตั้งธนาคารกลางสหรัฐถึง 2 ครั้ง แต่ไม่เป็นผล โดยเฉพาะในครั้งที่ 2 ประธานาธิบดี Jackson เป็นผู้ต่อสู้กับเหล่านักการเงินยุโรปจนไม่สามารถตั้งธนาคารกลางได้ ความพยายามของนายธนาคารอังกฤษมาบรรลุในสมัยประธานาธิบดี Woodrow Wilson โดยการหารือการตั้งธนาคารกลางครั้งนี้ทำกันแบบลับๆ ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง และถัดมาในค่ำคืนวันที่ 23 ธ.ค. 1913 ประธานาธิบดี Wilson ก็ผ่านร่างกฎหมายให้ Congress เห็นชอบในการตั้ง FED (ถือว่าเป็นการลักหลับครั้งร้ายแรงเลย เพราะช่วงคริสมาสต์ไม่ค่อยมี สส. และ วุฒิสมาชิกอยู่กัน หยุดกลับไปเยี่ยมบ้านกันหมดแล้ว) การออกกฎหมายรับรอง FED ในครั้งนั้นเป็นตราบาปของประธานาธิบดี Wilson เห็นได้จากการสำนึกผิดของเขาที่ทำให้อเมริกาจะต้องพบกับความพินาศ ในบทความสาธยายอีกหลายประเด็น แต่ขอถอดความเฉพาะที่ตอบคำถามคุณ Soros นะครับ ส่วนเรื่องการตั้งประธานเฟดนั้น แม้ประธานาธิบดีจะเป็นผู้เสนอชื่อก็จริง แต่ก็เป็นชื่อที่มาจากตำแหน่งผู้ว่าการสาขาของ FED
โดย
clarkfire
พฤหัสฯ. ก.พ. 15, 2018 1:20 pm
0
8
Re: Fed จะลดขนาดงบดุลไปทำไมครับ
ถามว่า Fed ลดงบดุลไปทำไม ก็ต้องย้อนกลับไปก่อนหน้าว่าทีแรก Fed เพิ่มงบดุลไปทำไม ที่มาเกิดจากในปี 2008 เกิด Subprime crisis ธนาคารใหญ่ในอเมริกาขาดทุนย่อยยับจากการเก็งกำไรในตลาดอนุพันธ์อสังหา ทำให้เศรษฐกิจจริงทุกสาขาถูกกระทบไปหมด การแก้ปัญหาที่ถูกต้องคือการตัดหนี้เสียทิ้ง แล้วขายทรัพย์สินเอามาล้างหนี้ ทุกอย่างจะกลับไปเริ่มต้นใหม่ เป็นแบบที่ไทยเคยถูกบังคับให้ทำเมื่อวิกฤติต้มยำกุ้ง แต่เหล่าเจ้าของธนาคารใหญ่ในอเมริกาไม่เอา ทำอย่างนั้นฉันเจ๊ง นายธนาคารถือว่าตัวเองเป็นต่อเพราะเงินของประชาชนไม่ว่าจะเป็นเงินฝาก เงินลงทุนหุ้น เงินลงทุนกองทุนต่างๆ อยู่ในมือธนาคาร ถ้าฉันเจ๊ง คนอเมริกาต้องหมดตัวกันหมดเพราะธนาคารจะไม่จ่ายเงินคืนใครเลยสักเหรียญ จะเหมือนกับตอน Great depression ในปี 1929 ที่คนแห่ไปยืนต่อคิวรอหน้าธนาคารเพื่อปิดบัญชี แต่ธนาคารไม่ยอมให้ถอน เหล่านายธนาคารกดดันให้รัฐบาลอเมริกาเอาภาษีมาอุ้มหนี้ธนาคารไม่ให้เจ๊ง นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้รัฐบาลอัดฉีดเงินเพิ่มในระบบ เพื่อชดเชยปริมาณเงินที่หายฮวบไปจากการที่ฟองสบู่แตก การฉีดเงินที่ว่าก็คือนโยบาย QE ขั้นตอนก็คือให้รัฐบาลอเมริกาออกใบกู้หนี้ (เรียกชื่อเพราะๆ ว่า พันธบัตร) คนที่ซื้อพันธบัตรนี้ไปก็คือธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) แล้วเฟดจะก็พิมพ์เงินออกมาให้รัฐบาลเอาไปอัดฉีดในระบบ โดยมากมักอัดฉีดผ่านระบบธนาคารโดยรัฐบาลจะเข้าไปซื้อสินทรัพย์(ห่วยๆ) เข้ามาถือ เฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลเข้ามา และต้องเนรมิตเงินมาจ่ายออกไป จึงทำให้สินทรัพย์ที่เป็นพันธบัตรโป่งขึ้นมา และจำนวนเงินด้านหนี้สินที่เป็นเงินที่จ่ายออกไปก็โป่งขึ้นไปในปริมาณที่เท่ากัน (สินทรัพย์ = หนี้สิน+ทุน พอสินทรัพย์โป่ง หนี้จึงต้องโป่ง ทุนไม่โป่งเพราะมีเท่าเดิม) ตัวเลขทีึ่โป่งขึ้นมาจากปี 2008 ถึงวันนี้ จำได้ลางๆ ว่าจาก 1 ล้านๆ USD มาเป็น 4 ล้านๆ ผลที่เกิดตามมาก็คือค่าเงินสหรัฐก็ร่วงลง ปกติการซื้อพันธบัตรของรัฐบาลประเทศตัวเองเป็นเรื่องที่ผิดจารีตของธนาคารกลาง ไม่มีใครเขาทำกัน มันคือการยอมให้รัฐบาลพิมพ์เงินออกมาได้เองแบบไร้วินัย แต่ความที่อเมริกาถูกขับเคลื่อนโดยกลุ่มทุนยักษ์กับพวกอำนาจมืด (Deep state) อีกทั้งธนาคารกลางสหรัฐก็เป็นองค์กรเอกชน (ไม่ใช่หน่วยงานรัฐ) มีรายได้และแบ่งผลกำไรเป็นเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น สิ่งแปลกๆ และประหลาดล้ำจึงสามารถเกิดขึ้นได้กับประเทศนี้ ตอนนี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่รายงานออกมาไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการจ้างงาน ตัวเลขเงินเฟ้อ และอัตราค่าจ้างเริ่มดูดีขึ้น มันเลยสมเหตุสมผลที่ควรจะดึงจารีตที่ถูกต้องกลับคืนมา จึงกลายเป็นที่มาของการลดงบดุลครับ
โดย
clarkfire
จันทร์ ก.พ. 12, 2018 10:12 pm
0
13
Re: ขอความรู้เพื่อนๆพี่ๆเรื่องการปันผลเป็นหุ้นค่ะ
2. การปันผลด้วยหุ้นนั้น เป็นการเพิ่ม Market cap ของ บริษัท เนื่องจาก Market cap คือ Price * Stock ปีที่แล้วได้หุ้นปันผลจากบริษัทหนึ่ง ปรากฎว่าราคาหุ้นไดลูทลง เลยมีข้อสงสัยเรื่องนี้ครับ พี่ๆท่านใดก็ได้ช่วยขยายความว่า Market cap จะเพิ่มขึ้นได้อย่างไรให้หน่อยได้ไหมครับ เคยเข้าประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทนั้น ผู้ถือหุ้นหลายคนก็เสียดายค่าภาษีที่ต้องจ่ายไป สู้เก็บไว้เป็น Retain earning จะดีกว่าไหม (อีกบริษัทที่ถืออยู่ก็กำลังจะได้หุ้นปันผลในไม่ช้านี้ ยังคำนวณราคาว่าจะไดลูทลงเท่าไรยังไม่เป็นเลยครับ)
โดย
clarkfire
ศุกร์ เม.ย. 18, 2014 9:32 pm
0
1
Re: หนังสือ buffetology +little book that beat market ออกแล้
Little book that beat the market อ่านง่าย จบเร็ว เหมือนเพลงกระบี่ที่ฝึกง่าย ใช้ได้กับสมรภูมิทั่วไป กำไรต้องมีติดมือแน่ๆ ผ่านการพิสูจน์ด้วยการทดลองรันในตลาดหุ้นไทยมาแล้ว ตามไปดูในกระทู้เล่มนี้ได้ ส่วน Buffetology. เปรียบเสมือนคัมภีร์ดาบปรมาจารย์ อิทธฤทธิ์ร้ายกาจยิ่งนัก วิชานี้เป็นของผู้ยิ่งใหญ่ในวงการลงทุน แม้หลักวิชาจะเป็นที่ี่รับรู้ทั่ววงการ แต่รายละเอียดย่อมเก็บไว้เป็นสูตรลับของคนในตระกูล ท้ายสุดความลับนี้ถูกเปิดเผยโดยลูกสะใภ้ที่ได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาครั้งเมื่อยังอยู่ร่วมบ้านก่อนที่จะมาเขียนเป็นตำราหลังจากที่ได้แยกทางจากสามีทายาทของปรมาจารย์ท่านนี้ ควรค่าแก่การเป็นเจ้าของและอ่านซ้ำทั้งสองเล่ม พิมพ์ถูกผิดขออภัย ดึกแล้ว
โดย
clarkfire
พุธ ก.พ. 27, 2013 11:35 pm
0
0
Re: มีใครกล้าเข้าไปรับ IEC, LIVE มั้ยครับ
โปรดระวัง แดจาวู วันที่-เปิด-สูงสุด-ต่ำสุด-เฉลี่ย-ปิด-%-ปริมาณ-มูลค่า-SET-%เปลี่ยนแปลง 18/06/120.100.110.100.110.100.000.0028,902.003.041,163.41-0.20 15/06/120.130.160.100.120.10-0.03-23.08779,544.0096.061,165.731.10 14/06/120.100.130.090.120.130.0330.00172,112.0019.981,153.01-0.45 13/06/120.090.100.090.100.100.000.00560.000.061,158.22-0.41 12/06/120.100.100.090.090.100.0111.111,475.000.131,162.930.42 ย้อนกลับไปดูวันที่ 14 มี.ย. ราคาปิดลิ่งที่ 13 สตางค์ ด้วยวอลุ่ม 172ล้าน รุ่งขึ้นมีพวกกระโจนตาม ราคาดันไปถึง 0.16 วอลุ่มไปถึง 779ล้าน และกลับมาปิดที่ 0.10 เมื่อสิ้นวัน วันต่อมาความคึกคักหายไปหมดสิ้น ราคากลับมาเป็นปกติเท่าเดิมที่ 10ตังค์ และมีวอลุ่มควันหลง 28 ล้านหุ้น วันต่อมาวอลุ่มเหลือ 18 และ 4 และ 7ตามลำดับ (ท่านใดที่ยังติดที่ 16 สตางค์ คืนนี้คงนอนไม่หลับ)
โดย
clarkfire
พฤหัสฯ. ต.ค. 11, 2012 8:22 pm
0
0
Re: The Little Book That Beats the Market
ขอบคุณคุณ teegogo มาช่วย update ครับ กลายเป็นว่าหุ้นจำลองชุดแรกในช่วงที่ผ่านมาแพ้ตลาดไปประมาณ 5% คราวนี้มาดู performance หุ้นจำลองชุดที่ 2 ซึ่งเป็นชุดที่ revise ตามผลประกอบการ Q4 ปี 53 ว่าเป็นยังไง ลำดับ---หุ้น---ราคา18มี.ค.------ราคา 20พ.ค.---%change 1. UT---------16.50-------------15.00----------(-9.09) 2. STPI-------25.25-------------26.00----------(2.97) 3. CWT-------11.70--------------8.60-----------(-26.49) 4. BLISS------0.04-------------ไม่มีการซื่อขายแล้ว 5. BROOK----1.24----------------1.18-----------(-4.83) 6. TNH-------7.85----------------7.75-----------(-1.27) 7. PTL--------23.00--------------23.90----------(3.91) 8. MCS-------10.90--------------11.60-----------(6.42) 9. TLUXE-----4.04---------------4.68------------(15.84) 10 TR --------72.00--------------83.75----------(16.31) เฉลี่ยรวมเปลี่ยนแปลง =+0.37% ดัชนี Set เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2554 อยู่ที่ 1003.29 วันนี้ดัชนีอยู่ที่ 1072.94 เปลี่ยนแปลง +6.94% สรุปหุ้นจำลองชุดที่ 2 การเปลี่ยนแปลงของราคาแพ้ตลาดประมาณ 6.6% ถ้าลงทุนเฉพาะ 5 ตัวแรก จะขาดทุน 3.7% (แพ้ตลาดถึง 10.6%)
โดย
clarkfire
ศุกร์ พ.ค. 20, 2011 9:32 pm
0
0
Re: หุ้นสามัญกับกำไรที่ไม่สามัญ ออกใหม่แล้วครับ
เพิ่งอ่านได้ไม่กี่บท ท่าน ดร. คงจะเคารพต้นฉบับเลยพยายามแปลออกมาให้ใกล้เคียงที่ Fisher เขียนมากที่สุด ถ้าจะให้ดีน่าจะมีนักเขียนท่านอื่นเอาเล่มนี้มาถอดความและเล่าให้กลืนง่ายขึ้น
โดย
clarkfire
อังคาร มี.ค. 22, 2011 10:05 pm
0
0
Re: The Little Book That Beats the Market
พอร์ตจำลองรุ่นที่ 2 ออกแล้ว ใช้ข้อมูลจากงบการเงินควอเตอร์ล่าสุดสิ้นปี 2554 และใช้มูลค่า market cap วันศุกร์ที่ 18 มี.ค. 2554 ลำดับ---หุ้น---ราคา 1. UT---------16.50 2. STPI-------25.25 3. CWT-------11.70 4. BLISS------0.04 5. BROOK----1.24 6. TNH-------7.85 7. PTL--------23.00 8. MCS-------10.90 9. TLUXE-----4.04 10 TR --------72.00 ดัชนี Set เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2554 อยู่ที่ 1003.29
โดย
clarkfire
อาทิตย์ มี.ค. 20, 2011 11:59 pm
0
0
Re: The Little Book That Beats the Market
ขอบคุณคุณ teegogo มากครับ ที่ช่วย update แต่ผลตอบแทน 18.86 ผมว่ามันเยอะไปครับ พอมาทบทวนดู แล้วก็ร้องอ๋อ เพราะต้องหารด้วย 10 (จำนวนหุ้นในพอร์ตจำลอง) เพื่อให้เป็นค่าเฉลี่ยของผลตอบแทนทั้ง 10 ตัว สุดท้ายผลตอบแทนจะอยู่ที่ 1.88% ครับ ยังสูงกว่า Set ที่ -3.43% (ผลต่างของผลตอบแทนอยู่ที่ 1.88+3.43 = 5.31%) แต่ถ้าดูเฉพาะผลตอบแทน 5 ตัวแรก (UT STPI RS LANNA BROOK) ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 8.44% ครับ (ผลต่างเที่ยบกับ set คือ 8.44+3.43 = 11.8%) ตอนนี้ผมกำลังจะรวบรวมผลประกอบการของ Q4 ปี 53 แล้วจะกรองหุ้นชุดใหม่เป็นพอร์ตจำลองรุ่นที่ 2 ครับ รอกันนิดนะครับ
โดย
clarkfire
พุธ มี.ค. 09, 2011 3:13 pm
0
0
Re: The Little Book That Beats the Market
Update ผลตอบแทนในพอร์ตจำลอง วันที่ 31 ม.ค. 2554 stocks-----end of Dec-----end of Jan-----%profit(loss) ut-----------15.5-----------15.3-------------(1.29) stpi---------27.00----------25.00------------(7.41) rs-----------2.68-----------3.20--------------19.40 lanna-------18.90--------- 22.50------------19.05 brook-------1.40---------- 1.30--------------(7.14) tccc---------28.50----------28.00------------(1.75) tr-----------75--------------72.75-------------(3.00) thana------2.24------------2.56---------------(14.29 egco-------103.50---------106.50-------------(2.90) nmg-------11.10-----------10.40--------------(6.31) set---------1034.59--------959.69-------------(7.24) สรุปผลตอบแทนรวมทั้งพอร์ต = 2.87% ถ้าคิดแค่ 5 ตัวแรก(ut stpi rs lanna brook) = 4.52% ในขณะที่ set ติดลบ 7.24%
โดย
clarkfire
พุธ ก.พ. 02, 2011 12:24 pm
0
0
Re: The Little Book That Beats the Market
มา Update ผลตอบแทน Port จำลอง วันที่ 17 ม.ค. 2554 (รอบ 15 วันแรก) 1. UT 15.60 +0.65% 2. STPI 27.75 +2.78% 3. RS 3.26 +21.64% 4. LANNA 25.50 +34.92% 5. BROOK 1.51 +7.86% 6. TCCC 30.75 +7.89% 7. TR 74.75 -0.33% 8. THANA 2.32 +3.57% 9. EGCO 109.00 +5.31% 10. NMG 10.40 -6.31% เฉลี่ยผลตอบแทนรวมจากหุ้น 10 ตัว เท่ากับ 7.8% ถ้าลงเฉพาะ 5 ตัวแรก ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเท่ากับ 13.56% เทียบกับ SET วันนี้ 1023.19 จุด ต่ำกว่าสิ้นปี 2553 ที่ 1034.59 จุด เท่ากับ -11.40 จุด หรือ -1.1% เดี๋ยวสิ้นเดือน ม.ค. มาดูกันอีกครั้ง
โดย
clarkfire
จันทร์ ม.ค. 17, 2011 8:23 pm
0
0
Re: The Little Book That Beats the Market
ผิดจุด แก้ไข BROCK เป็น BROOK 1.40 ดึกแล้ว ตาลาย สงสัยต้องไปนอน
โดย
clarkfire
อาทิตย์ ม.ค. 02, 2011 11:06 pm
0
0
Re: The Little Book That Beats the Market
ผมทดลองหาตามวิธีเดิม ได้ 10 หุ้นที่คัดมาได้เมื่อสิ้นปี 2553 มาดูกันว่าอนาคตจะเป็นยังไง Rank-Stock-Closed Price 1 UT 15.50 2 STPI 27.00 3 RS 2.68 4 LANNA 18.90 5 BROCK 0.91 6 TCCC 28.50 7 TR 75.00 8 THANA 2.24 9 EGCO 103.50 10 NMG 11.10 **บางตัวดูใหลึกลงไปอาจต้องคัดออกเพราะมีกำไรพิเศษหนักๆเข้ามา
โดย
clarkfire
อาทิตย์ ม.ค. 02, 2011 10:43 pm
0
0
Re:
[quote="Todo"]แล้ว พี่ clarkfire ลองใช้วิธีในหนังสือกับการลงทุนจริงๆ รึยังครับ ผลตอบแทนเป็นไงบ้างครับ เผื่อเป็นแนวทางให้น้อง ๆ ขอบคุณครับ[/quote] พอดีว่าถืออยู่ตัวนึงก่อนอ่านเล่มนี้อยู่แล้ว กำไรหายบ้าไปเลย ถอนทุนที่เคยเจ๊งๆ มามุกสิ่งทุกอย่าง และยังได้กำไรก้อนใหม่มาเพิ่มอีก ตอนที่ลองทำก็ต้องใช้เวลารวบรวมข้อมูลพอสมควร (หลังขดหลังแข็ง) และผลที่ได้จาก Ranking ก็ช็อคจริงๆ ผมว่าเอาไว้เป็นเครื่องมืออีกอย่างที่ช่วยส่องหุ้น ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก sort ด้วย excel สบายมาก
โดย
clarkfire
อาทิตย์ ธ.ค. 12, 2010 11:49 pm
0
0
Re: ขออำลาครับ
ก่อนเจอเว็บนี้ ผมหาหลักการลงทุนที่เวิร์ก แต่ก็ไม่พบซักที ชอบเข้าออกเว็บสังคมอุดมแมลงเม่า ดีใจกับกำไรนิดๆหน่อยๆ แต่ต้องเจ็บหนักกับยอดดอย รู้จักเว็บนี้จากเพื่อนเก่า ที่หาสิ่งดีมาให้ ผมได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย และพยายามที่จะทดแทนคืนด้วยสิ่งที่น่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ(แม้ว่าจะเล็กน้อยมากๆจนเทียบไม่ได้กับสิ่งที่ได้รับ) แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่สามารถเรียกตัวเองได้ว่าเป็นวีไอ แต่อย่างน้อยก็ได้เริ่มต้นเดินในถนนสายนี้แล้ว ขอขอบคุณพี่หมอสามัญชนที่อุทิศเวลาและแรงกายแรงสมองให้กับสังคมนี้ รวมถึงทุกๆคนที่พี่หมอเอ่ยนามและไม่ได้เอ่ยนาม ที่ช่วยกันปลุกปั้นสังคมไทยวีไอให้แข็งแกร่งมั่นคง เป็นหลักยึดสำหรับนักลงทุนหน้าเก่าหน้าใหม่ให้รอดพ้นจากความไม่รู้ไม่เท่าทันพวกหาผลประโยชน์จากนักลงทุนอิสระอย่างพวกเราครับ
โดย
clarkfire
จันทร์ พ.ย. 29, 2010 10:46 pm
0
0
Re: เสียงสัมมนาSet in the city "ฉลาดลงทุน..สไตล์Value Inves
เปลี่ยนเจ้าใหม่แล้ว ลองดูครับ
โดย
clarkfire
อาทิตย์ พ.ย. 28, 2010 10:47 pm
0
0
Re: เสียงสัมมนาSet in the city "ฉลาดลงทุน..สไตล์Value Inves
ผมโหลดไม่ได้เลยครับ ก็ลองทำตามขั้นตอนทุกอย่างเลยนะครับ ขึ้นไฟล์มาแล้วแต่ก็โหลดไม่ได้ ลองหลายรอบแล้วครับ รบกวนพี่ๆ อัพโหลดขึ้นลิงค์อื่นได้ไหมครับ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ กลับมาดูผลงาน พบว่าหัวข้อ Value investing มีคนสนใจกันมาก สำหรับท่านที่โหลดไม่ได้ ลองแบบนี้นะครับ เมื่อเข้าหน้า Download แล้ว ให้รอซักแป๊บ รอให้ icon "Regular download" ขึ้นมาแล้วค่อยคลิก อันนี้ฟรี ไม่ต้องไปกด High speed download เพราะอันนั้นสำหรับสมาชิกเสียตังค์ครับ ถ้ายังโหลดไม่ได้ โพสต์ทิ้งไว้นะครับ จะได้เปลี่ยนเจ้า
โดย
clarkfire
พฤหัสฯ. พ.ย. 25, 2010 11:13 pm
0
0
ร้อยคนร้อยเล่ม: The Long Tail
long tail คือหางของกราฟโค้งปกติในวิชาสถิติครับ เมื่อก่อนหากจะหาฟังเพลงพวกเฉพาะกลุ่ม หรือหาฟังยากๆ หรือจะดูหนังติสต์ๆ ถ้าอยู่บ้านนอกก็จบกันเลยเพราะหาซื้อที่ออมก๋อยไม่ได้แน่ แต่ด้วยเทคโนโลยีอินเตอร์เนตทำให้โลกของพวกรสนิยมส่วนน้อยในสังคมหาของพวกนี้เสพง่ายขึ้น อยู่ไกลแค่ไหนถ้าเน็ตไปถึง เราซื้อมันได้แน่นอน ส่วนฝั่งด้านคนขายก็สามารถเข้าถึงตลาดได้ทุกที่ในโลก เลิกง้อ Megastore บนโลกจริงซะที
โดย
clarkfire
พฤหัสฯ. ต.ค. 15, 2009 10:53 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
clarkfire
พฤหัสฯ. ต.ค. 15, 2009 10:36 pm
0
0
The Little Book That Beats the Market
เล่มนี้ทำให้ผมช็อกครับเมื่อทดลองคัดหุ้นทั้งตลาดตามวิธีที่บอกในหนังสือผลการคัดเมื่อต้นเดือนก.ย. 52 หุ้นที่เป็น Best sellect คือ KYE ตามด้วย STPI และ TOPP UPF .... แล้วมาดูราคาหุ้นตอนนี้สิ อึ้งกิมกี่เลย หลักการไม่ยุ่งยากซับซ้อนเข้าใจง่ายแบบพ่อสอนลูก วิธีคัดหุ้นมีขั้นตอนดังนี้ 1. หาบริษัที่ทำกำไรได้ดี (หาบริษัทดี) ดูจากกำไรต่อทุน ยกตัวอย่าง ร้านโชห่วย 2 ร้านเหมือนกัน ร้านที่กำไรดีกว่าย่อมแจ๋วกว่า ทีนี้มาพิจารณาบริษัททั้งตลาดแล้ว Rank ว่าใครดีที่สุดก็ได้คะแนน1, 2, 3 ไปตามลำดับ 2 หาบริษัทที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดที่จะเข้าไปลงทุน (หาบริษัทถูก) ดูจากว่าถ้าเอาเงินซื้อกิจการแล้วบริษัทไหนให้ผลตอบแทนสูงที่สุด ยกตัวอย่าง โชห่วย 2 ร้านทำกำไรได้เท่ากัน ร้านหนึ่งขายเซ้งร้าน1 ล้านบาท อีกร้านหนึ่งขายเซ้ง 1.5 ล้านบาท ร้านแรกก็จะให้ผลตอบแทนมากกว่าร้านหลัง คราวนี้ก็ดูแบบเดียวกันกับบริษัททั้งตลาด ใครได้ดีที่สุดก็เรียงลำดับจากมากมาน้อย มากที่สุดก็ใส่คะแนน 1, 2, 3 ไล่ไปตามลำดับ 3. เอาคะแนนจากข้อ 1 รวมกับคะแนนจากข้อ 2 ได้ผลลัพท์เท่าไหร่ก็เอามาจัดลำดับใหม่ จากน้อยไปมาก แปลว่าบริษัทที่มีผลรวมคะแนนน้อยที่สุดคือบริษัทที่ดีและถูกที่สุด ไล่เรียงลงไป วิธีนี้ทำให้คนทั่วไปสามารถคัดกรองหุ้นได้ และที่สำคัญคือรู้ว่าเมื่อไรที่ควรเปลี่ยนตัวลงทุน มีหลักการที่จะขายหุ้นตัวไหนออกและเอาหุ้นตัวใหม่มาใส่ในพอร์ตแทน วิธีนี้เน้นการลงทุนยาวๆ อย่างน้อยก็ต้องปีขึ้น ไม่ใช่ซื้อวันต่อวัน
โดย
clarkfire
พุธ ก.ย. 23, 2009 9:48 pm
0
0
แนะนำหนังสือ "รวยได้ ไม่ต้องเอาถ่าน"
ผมอ่านเล่มนี้แล้วได้ความรู้สึกคล้ายๆกับเรื่อง ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน ทำให้รู้สึกว่าการ"ถึก" ไม่ใช่เส้นทางของความร่ำรวย และเวลาก็มีค่าที่สุดเพราะเงินซื้อไม่ได้ ว่าแล้วก็อยากหยิบมาอ่านอีก
โดย
clarkfire
พุธ ก.ย. 23, 2009 9:00 pm
0
0
แนะนำหนังสือที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณ ->ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน
เป็นหนังสือที่คนยังไม่รวยควรอ่าน และหยิบมาอ่านซ้ำเมื่อมีโอกาส หนังสือไม่ให้รายละเอียดของวิธีการทำให้รวย แต่บอกว่าคนรวยคิดกับชีวิตการเงินและชีวิตส่วนตัวอย่างไร และเวลาเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดเพราะไม่สามารถหาซื้อที่ไหนได้
โดย
clarkfire
พุธ ก.ย. 23, 2009 8:45 pm
0
0
จุดสุดท้ายก่อนตลาดกลับหัว
ผมว่าตลาดเพิ่งตั้งตัวนะ ทำไมกลัวฮีตกันจัง ถ้าวอลุ่มไปซัก 4 หมื่น 5 หมื่นล้านว่าไปอย่าง ผมอาจเป็นพวกเดินต่อไปเล่นทุ่งน้ำแข็งอีกคนก็ได้
โดย
clarkfire
อังคาร ก.ย. 22, 2009 3:33 pm
0
0
หุ้นรับเหมาตัวไหน...มีมูลค่าน่าสนใจในสายตา VI
ผู้รับเหมาหลักเบอร์ 1 2 3 ราคาก็วิ่งกันไปแล้ว ส่วนผมขอเก็บพวกมวยรองดีกว่า โดยเฉพาะพวกทำงานเข็ม งานเสร็จไว ได้เงินก่อนใคร เบอร์หนึ่งไม่เอา เอาเบอร์สอง
โดย
clarkfire
อังคาร ก.ย. 22, 2009 3:00 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
clarkfire
ระดับ:
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กลุ่ม:
สมาชิก
ที่อยู่:
thailand
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
จันทร์ มิ.ย. 15, 2009 7:50 pm
ใช้งานล่าสุด:
พฤหัสฯ. ต.ค. 29, 2020 6:08 pm
โพสต์ทั้งหมด:
102 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.01% จากโพสทั้งหมด / 0.02 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว