Re: พรุ่งนี้ แล้ว ฝากไว้ในใจ ให้กับทุกคนครับ เพลงเพราะและความหมายดี ขอบคุณครับ โดย No Name พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2011 10:27 pm

สหพัฒน์ กุมขมับ คาดรายได้ทั้งเครือหาย6.5พันล้าน ปี 2540 บริษัทขนาดใหญ่และกลางได้รับผลกระทบอย่างมากจากการลดค่าเงินบาท  โดยขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินกู้จากต่างประเทศ เพราะไม่คิดว่า รัฐบาลจะลดค่าเงินบาท  บริษัทส่วนใหญ่จึงกู้เงินนอกเข้ามา   ชนชั้นกลางได้รับผลกระทบจากการถูกเลิกจ้างหรือลดเงินเดือนและโบนัส   ค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงมากเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลล่าร์ส่งผลดีต่อสินค้าส่งออกของไทยโดยเฉพาะสินค้าเกษตร เกษตรกรจึงได้ประโยชน์และไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่กลางและชนชั้นกลาง ปี 2550 คาดว่า ชนชั้นล่างน่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด  เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา ภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นจากการถูกกระตุ้นให้ใช้จ่ายเป็นหนี้จากบัตรเครดิต นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นก็ส่งผลต่อรายได้ของเกษตรกร ปี 2540 เป็นวิกฤตของกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่กลางที่กู้เงินนอก  แต่ในปี 2550 จะเป็นปีที่ย่ำแย่ของกลุ่มรากหญ้าซึ่งมีภาระหนี้เพิ่มสูงขึ้น ผู้นำกลุ่มสหพัฒน์ จึงคาดการณ์ว่าจะได้รับผลกระทบมากจากกำลังซื้อในประเทศที่อ่อนลงและค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกของกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มอุปโภค เช่น เสื้อผ้าเครื่องสำอาง  ส่วนกลุ่มบริโภค เช่น หมวดอาหารจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก โดย No Name อังคาร มิ.ย. 05, 2007 11:28 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย No Name ศุกร์ ก.ย. 08, 2006 6:41 am

หนังสือท่วมหัว เอาตัวไม่รอด jaychou เขียน อ่านหนังสือหุ้นมากไป ผมว่ายังไงก็วนๆอยู่ในเรื่องซื้อขายหุ้น ไปอ่านพวกหนังสืออื่นๆ น่าจะได้ความรู้เรื่องธุรกิจมากกว่า บางทีมีวงในพรายกระซิบแม่นๆด้วย ถ้าจำไม่ผิด ท่าน IH บอกว่า ที่แกรมมี่ฮุบมติชนกะบางกอกโพสต์น่ะ พวกที่อ่านมายาแชนแนลรู้ก่อนใครอีกครับ ฮ่าๆๆ :lol:  :lol:  :lol: ถูกต้องครับ เพราะผมก็ได้ยินมาว่า คนอ่านมายาแชนแนลจะรู้ข่าวลือเรื่องแกรมมี่กับมติชนก่อนคนอื่น ความเห็นส่วนตัว เชื่อว่า การลงทุนในหลักทรัพย์ เกี่ยวพันกับทุกเรื่อง เศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ดังนั้น นักลงทุนต้องรอบรู้หลายด้าน ส่วนใครจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงไร  ขึ้นอยู่กับว่าใครมีความชำนาญหรือรอบรู้ธุรกิจประเภทไหนและเลือกที่จะเป็นนักลงทุนประเภทใด การอ่านและการหมั่นศึกษาหาความรู้สม่ำเสมอ และการค้นพบว่าตนเองเป็นนักลงทุนที่ชำนาญด้านใด น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ โดย No Name พฤหัสฯ. ส.ค. 10, 2006 12:32 pm

ใครอยากซื้อหุ้นตอนดัชนี 200 จุดบ้าง ไม่ว่าดัชนีจะ 500,  200, หรือ 1000 สำหรับผม ไม่ได้ให้ความสำคัญกับดัชนีมากนัก แต่หากเมื่อใด บริษัทที่ผมสนใจ มีราคาที่น่าสนใจ ผมจะซื้อทั้งนั้น ไม่ว่าดัชนีจะเท่าไรก็ตาม อยากให้เพื่อนนักลงทุน ให้ความสนใจในพื้นฐานบริษัทมากกว่าดัชนีซึ่งเป็นส่วนประกอบของหลักทรัพย์ในตลาด ดัชนีที่ผันผวน จะเป็นโอกาสให้เราได้เลือกซื้อหุ้นที่เราสนใจได้ในราคาที่ต่ำกว่าปกติ ขอให้ทุกท่านโชคดี โดย No Name พุธ มิ.ย. 07, 2006 9:51 pm

ยกเลิกพรฏ.แปรรูปกฟผ. จากคำแถลงของศาลปกครอง จะเห็นว่า พระราชกฤษฎีกาแปรรูป กฟผ. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมีเหตุผลข้อหนึ่งจากหลายข้อ คือ ดร.โอฬาร กรรมการจากชินคอร์ปของทักษิณมีส่วนได้เสีย คำแถลงดังกล่าว จึงสะท้อนให้เห็นว่า ทักษิณ เป็นบุคคลที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนเป็นอย่างมาก  หากสามารถตรวจสอบทักษิณได้ อาจจะได้พบความไม่โปร่งใสอีกมาก ดังนั้น เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศทางการเมืองในขณะนี้ ท๊ากสิน ต้องออกไป :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :D  :D  :D  :D โดย No Name พฤหัสฯ. มี.ค. 23, 2006 11:04 pm

ถ้าพี่สาวรับโอนหุ้นจากผม ต้องเสียภาษีเพราะเวลานี้เกิดรายได้? โอนหุ้นให้พี่สาว พี่สาวไม่ต้องนำไปรวมเป็นรายได้ เพราะโอนให้โดยธรรมจรรยา เมื่อพี่สาวขายหุ้น  capital gain หรือกำไร ไม่ต้องเสียภาษีใดๆทั้งสิ้น สบายใจได้ ไม่ต้องกังวลใดๆทั้งสิ้น เพราะมีคนทำเป็นตัวอย่างให้ดูแล้ว สรรพากรไม่กล้าแน่ๆ  เพราะผู้ที่ทำเป้นบรรทัดฐานคือผุ้ยิ่งใหญ่ของประเทศ ถ้าเซ้าซี้มาก ก็บอกว่า ทำเหมือน ชินคอร์ป โดย No Name พฤหัสฯ. ม.ค. 26, 2006 10:03 pm

ทำไมไม่มีคนพูดถึงหุ้นตัวนี้เลย น่าจะเป็นหุ้นที่คุณ loso พูดถ ต้องขอโทษ คุณสามัญชนด้วยที่ใส่ Quote ผิด ในส่วนที่อ้างถึง เป็นส่วนที่เป็นความเห็นผมเองครับ ขอแก้ไขเป็นดังนี้ครับ คุณสามัญชนเขียน [quote] ที่จริงก็สนใจอยู่ครับ แต่ถ้าเปรียบเหมือนดูลิเกก็ต้องบอกว่า  ออกแขกนานเหลือเกิน  พระเอกไม่ออกสักที  ผมง่วงนอนก็เลยกลับบ้านก่อนดีกว่า แต่ถ้าพระเอกออกแล้วผมก็ยินดีเดินกลับมาดูอีกทีครับ ผมเขียน [quote] :D  :D  :D ช่วงนี้น่าจะเอาเวลาไปตรวจสอบงบการเงินไตรมาสที่ 3  ที่ออกมาจำนวนมาก บริษัทไหนน่าสนใจก็หาข้อมูลจาก 56-1 และรายงานประจำปี แล้วหาข้อมูลเพิ่มเติม หาบทสัมภาษณ์ผุ้บริหาร อุตสาหกรรม รวมทั้งเข้าประชุมต่างๆ น่าจะดีกว่า มามัวทายอะไรเอ่ย เป็นคำแนะนำส่วนตัว  ที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุน หวังว่าผู้เกี่ยวข้อง คงจะเข้าใจและไม่ถือสา โดย No Name พฤหัสฯ. พ.ย. 17, 2005 11:15 pm

ทำไมไม่มีคนพูดถึงหุ้นตัวนี้เลย น่าจะเป็นหุ้นที่คุณ loso พูดถ คุณสามัญชนเขียน [/quote] ที่จริงก็สนใจอยู่ครับ แต่ถ้าเปรียบเหมือนดูลิเกก็ต้องบอกว่า  ออกแขกนานเหลือเกิน  พระเอกไม่ออกสักที  ผมง่วงนอนก็เลยกลับบ้านก่อนดีกว่า แต่ถ้าพระเอกออกแล้วผมก็ยินดีเดินกลับมาดูอีกทีครับ :D  :D  :D  :D   ช่วงนี้น่าจะเอาเวลาไปตรวจสอบงบการเงินไตรมาสที่ 3  ที่ออกมาจำนวนมาก บริษัทไหนน่าสนใจก็หาข้อมูลจาก 56-1 และรายงานประจำปี แล้วหาข้อมูลเพิ่มเติม หาบทสัมภาษณ์ผุ้บริหาร อุตสาหกรรม รวมทั้งเข้าประชุมต่างๆ น่าจะดีกว่า มามัวทายอะไรเอ่ย เป็นคำแนะนำส่วนตัว  ที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุน หวังว่าผู้เกี่ยวข้อง คงจะเข้าใจและไม่ถือสา โดย No Name พฤหัสฯ. พ.ย. 17, 2005 2:55 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย No Name พฤหัสฯ. พ.ย. 17, 2005 12:58 pm

ทำไมเจ้าของ MATI ถึงไม่ถือหุ้นให้เกิน 50% ตั้งแต่แรกครับ ตอนเข้าตลาดใหม่ๆ มติชนระดมทุนมีการกระจายหุ้น ซึ่งต่างชาติได้ทะยอยเก็บหุ้นไปเรือ่ย ประกอบกับเมื่อเศรษฐกิจตกต่ำ นักลงทุนไทยจึงขายหุ้นออก  หุ้นจำนวนมากจึงตกไปอยู่ในมือต่างชาติ  โดยเป็นต่างชาติหลายกลุ่ม  ซึ่งเป็นนักลงทุนระยะยาว ไม่ขายออกและไม่เข้าแทรกแซง   ผู้บริหารมติชนเคยติดต่อขอซื้อคืน แต่ก็ไม่ยอมขาย โดยแจ้งว่า ต้องการลงทุนระยะยาว  ไม่มีการแทรกแซงใดๆ  รับแต่เงินปันผลตลอดมา  แม้ในปีวิกฤต 2540 มติชนก็ยังจ่ายเงินปันผลได้ เมื่อต่างชาติไม่ขาย หุ้นมติชนจึงขาดสภาพคล่อง  แม้จะไล่ซื้อในกระดานทั้งหมดก็ไม่สามารถได้หุ้นคืนได้จนมีเสียงครึ่ง ในการประชุมทกครั้งที่ผ่านมา ก็ไม่เคยมีปัญหาใดๆ  ต่างชาติไม่เคยเข้ามาแทรกแซง การขายหุ้นออกของต่างชาติให้กลุ่ม GMMM ครั้งนี้ เชื่อว่า น่าจะมีพลังที่มองไม่เห็น (invisible power) อยู่เบื้องหลัง เพราะนักลงทุนต่างชาติซึ่งยืนยันตลอดว่าเป็นนักลงทุนระยะยาวและจะไม่ขายหุ้นได้ขายหุ้นออกมา  ซึ่งทำให้กลุ่มคุณขรรค์ชัยคาดไม่ถึง กรณีที่คุณไพบูลย์อ้างว่า ต่างชาติเร่ขายหุ้นมติชน จึงเป็นสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ น่าจะเป็นเพราะพลังที่มองไม่เห็นทำให้ต่างชาติที่ยืนยันว่าไม่ขายได้ขายหุ้นให้กลุ่ม GMMM เช่นเดียวกับกรณีกลุ่มเซ็นทรัลขายหุ้น POST ให้ GMMM ก็น่าจะเกียวโยงกับการที่โรงแรมเซ็นทรัลลาดพร้าวใกล้หมดสัญญาเช่าที่ดินจากการรถไฟ ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงคมนาคม   กรณี POST และ MATI จึงน่าจะมีเบื้องหลังและเกียวข้องกับการเมือง โดย No Name ศุกร์ ก.ย. 16, 2005 2:13 pm

มีใครถือ MATI บ้างหรือเปล่าครับ ขอแสดงความยินดีกับผู้ถือหุ้นมติชนที่ยังถือหุ้นอยู่ ขณะนี้ น่าเชื่อว่า การซื้อหุ้นครั้งนี้จะเป็นการ take over ไม่เป็นมิตร มีแนวโน้มว่าราคา tender offer น่าจะสูงขึ้น เพราะ ราคาตลาดขณะนี้ 14.50 บาท การถือหุ้นเพื่อชาติครั้งนี้ จะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ขอแสดงความยินดีอีกครั้งครับ โดย No Name พุธ ก.ย. 14, 2005 2:20 pm

มีใครถือ MATI บ้างหรือเปล่าครับ คุณประจวบ เขียน อยากเรียนถามคุณno  nameว่า 1.แกรมมี่ต้องเก็บหุ้นเท่าไหร่ถึงจะเอาออกจากตลาดได้ครับ 2.ถ้าเค้าถือหุ้นได้มากพอที่จะเอาออกจากตลาดได้  จะถือต่อมั้ยครับ   ถ้าเค้ายังให้ผู้บริหารชุดเดิมบริหารต่อ ขั้นตอนการขอออกนอกตลาดนั้น ขั้นตอนสุดท้าย คือต้องมีรายย่อยคัดค้านไม่เกิน 10% แต่ส่วนตัวผมเชื่อว่า GMMM จะไม่สามารถซื้อหุ้นได้ครบ และไม่เชื่อว่าจะออกนอกตลาด อย่างไรก็ตาม หากต้องออกนอกตลาด ส่วนใหญ่ผมจะขายหุ้นทิ้งทั้งหมด แล้วนำเงินไปลงทุนในหุ้นตัวอื่นต่อ   เหมือนที่ผ่านมาผมก็ขาย ASTL ทิ้ง และทุกวันนี้ยังประท้วงด้วยการไม่ซื้อสินค้าของ ASTL โดย No Name พุธ ก.ย. 14, 2005 10:42 am

มีใครถือ MATI บ้างหรือเปล่าครับ เรียน คุณ Chatchai ในโลกแห่งความจริงมักแตกแต่งจากความฝันเสมอ เราไม่คิดจะเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่การเมืองก็มาเกี่ยวข้องกับเราเสมอ น้ำมันไม่ขึ้นราคาก็เพราะการเมือง เพราะใกล้เลือกตั้ง น้ำมันขึ้นราคาก็เกี่ยวกับการเมือง เพราะรัฐอุ้มราคาต่อไม่ไหว ชีวิตเราจึงหลีกหนีการเมืองไม่พ้น สำหรับที่คุณ Chatchai แนะนำให้พนักงานลาออกให้หมด ชีวิตจริงมันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด ไม่เช่นนั้น ทุกคนคงลาออกจากงานมาเล่นหุ้นเหมือนคุณ Chatchai แล้ว อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าคนมติชนมีศักดิศรี ผมถือหุ้นมติชน ไม่ใช่เพราะเป็นหุ้นพื้นฐานดีอย่างเดียว  แต่เป็นเพราะผู้บริหารมีคุณธรรม  ในปีที่ผ่านมาก็ได้ทำสิ่งที่ดีต่อผู้ถือหุ้น (ขออนุญาตไม่กล่าวถึงเพราะต้องพาดพิงถึงผุ้อื่น)  ซึ่งยิ่งทำให้ผมเชื่อมั่นมาก คงต้องดูกันต่อไป ว่า คนมติชนจะแสดงออกถึงศักดิ์ศรีอย่างไร ในฐานะนักลงทุน ผมเชื่อว่า นักลงทุนที่ดี ไม่ใช่คิดถึงแต่กำไรสูงสุด แต่ต้องมีคุณธรรมด้วย   ต้องขออภัย หากความเห็นผมอาจจะแตกต่างไปบ้าง ช่วงนี้เลือดรักชาติ รักความถูกต้องของผมมันรุนแรง มันพุ่งกระฉูดเหมือนราคาหุ้นมติชน โดย No Name อังคาร ก.ย. 13, 2005 10:00 pm

มีใครถือ MATI บ้างหรือเปล่าครับ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ มติชน มีดังนี้ กลุ่มต่างชาติหลายกลุ่มถือหุ้นมติชนในสัดส่วน 51% มาตั้งนานแล้ว เป็นผุ้ถือหุ้นอย่างเดียว ไม่เคยขายออก ไม่แทรกแซงการดำเนินงาน กลุ่มต่างชาติที่ขายหุ้นออกให้ GMMM ครั้งนี้เป็นแค่บางกลุ่มประมาณ 32% ดังนั้นจึงมีต่างชาติอีกประมาณ 19% ไม่ได้ขายออกมา   เป็นที่น่าสังเกตว่า ยังไม่มีคำชี้แจงใดๆจากมติชน ผมเชื่อว่า ผุ้บริหารคาดไม่ถึงว่ากลุ่มต่างชาติกลุ่มนี้ซึ่งถือหุ้นมานานมากจะขายหุ้นออก  ดังนั้น การ Take over ครั้งนี้จึงเป็นการ Take overที่ไม่เป็นมิตร และผมเชื่อว่า จะไม่ได้หุ้นตามที่ต้องการ นักลงทุนที่ถือหุ้นอยู่ น่าจะถือหุ้นอยู่เพื่อรอดูสถานการณ์ รอคำชี้แจงจากผู้บริหารมติชน เพราะยังไงขั้นต่ำก็ขายได้ราคา 11.10 บาทแน่นอน ซึ่งผู้ถือหุ้นมติชนล้วนมีกำไรพอสมควร  หากจะขาดทุนก็จะขาดทุนกำไรนิดหน่อย  นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยชาติทางอ้อม ไม่ให้สื่อถือครอบงำอย่างสมบูรณ์จากนักการเมือง เป็นความเห็นส่วนตัวของผมเกี่ยวกับหุ้นมติชน ซึ่งผมติดตามมานานและถืออยู่มากพอสมควร และจะไม่ขายออกจนกว่าจะได้รับรู้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม อยากให้ผุ้ถือหุ้นมติชนทุกท่าน อย่าเพิ่งขายครับ ถือเสียว่า เป็นการถือหุ้นเพื่อชาติครับ โดย No Name อังคาร ก.ย. 13, 2005 8:51 pm

มีใครถือ MATI บ้างหรือเปล่าครับ ผมเชื่อว่า การ take over ครั้งนี้เป็นแบบไม่เป็นมิตร เพราะยังไม่มีคำชี้แจงใดๆจากมติชน และเชื่อว่าจะได้หุ้นไม่ถึงตามที่ต้องการ ตามที่วงเงินที่ตั้งไว้ สาเหตุที่ผมแนะนำว่าอย่าเพิ่งขาย เพราะยังเวลาในการดูสถานการณ์  ยังไงก็ขายได้ราคา 11.10 บาทแน่นอน เรื่องมูลค่าหุ้นที่มองว่าแพงเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงาน คงต้องรอดูคำชี้แจงของกลุ่มมติชน และ GMMM ก่อน โดย No Name อังคาร ก.ย. 13, 2005 3:55 pm

มีใครถือ MATI บ้างหรือเปล่าครับ ส่วนตัวผม เชื่อว่า ผู้บริหารกลุ่มคุณขรรค์ชัย บุนปานไม่ขายแน่นอน อย่าเพิ่งขายครับ ส่วนตัวผมถืออยู่จำนวนมากก็ไม่ขายแน่นอนครับ การถือหุ้นมติชนไว้ นอกจากไม่เสียหายอะไร ยังเป็นการช่วยชาติทางอ้อมด้วยครับ :lol:  :lol:  :lol: โดย No Name อังคาร ก.ย. 13, 2005 3:30 pm

มีใครถือ MATI บ้างหรือเปล่าครับ การเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้เป็นการซื้อหุ้นจากนักลงทุนต่างประเทศซึ่งถือมานานแล้ว และเป็นการซื้อที่ผู้บริหารคาดไม่ถึง อยากให้นักลงทุนที่ถือหุ้นอยู่  พิจารณาให้ดีก่อนขาย  เพราะส่วนตัวผมเชื่อว่าจะมีการแทรกแซงสื่อจากการเมือง ส่วนตัวผม เห็นใจผู้บริหารและกองบก.  อยากให้มีสื่อที่หลากหลาย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากกว่า การถูกแทรกแซง การถือไว้ก่อน รอดูสถานการณ์ ไม่ใช่สิ่งเสียหายอะไรครับ โดย No Name อังคาร ก.ย. 13, 2005 3:09 pm

ผมไม่ได้ตาฝาด คาดเดา หุ้นพื้นฐานดีตัวนี้ พีอี 2.44 เท่า!! วันนี้ มีบทความเรื่อง หมดอารมณ์ ของ ดร.นิเวศน์ อ้างอิงถึงหุ้นตัวนี้ในตอนต้นบทความ ผู้สนใจลองไปหาอ่านดูครับ โดย No Name อังคาร มิ.ย. 28, 2005 2:22 pm

บริการรับนวดหน้า น่าจะเป็นหนังสือที่ให้ข้อคิดดีๆ ในการลงทุนแน่เลยครับ จะลองไปหาอ่านดูครับ.. คุณ ลูกอิสาน ครับ หนังสือบริการรับนวดหน้า ของ ชาติ กอบจิตติ ไม่ใช่หนังสือที่ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการลงทุน แต่ให้ข้อคิดในด้านสังคม โดยเฉพาะเรื่องสั้น บริการรับนวดหน้า เป็นเรื่องสั้นแนวเสียดสีนักการเมือง ผมอ่านแล้วขำมากเลยอยากแนะนำให้อ่านซึ่งน่าจะเรียกรอยยิ้มได้ไม่มากก็น้อย ผมเชื่อว่าช่วงนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่กับการอ่านแบบ 56-1 และรายงานประจำปีของหลายบริษัทซึ่งทยอยออกมา อาจจะทำให้เครียด เมื่อผมเห็นว่า หนังสือ บริการรับนวดหน้า อ่านแล้วสนุก ก็อยากแนะนำให้อ่าน เหตุผลมีเพียงเท่านี้จริงๆครับ อย่างไรก็ตาม หนังสือเกี่ยวกับการลงทุนที่น่าจะเป็นหนังสือเบื้องต้นที่นักลงทุนต้องอ่าน (ตามความเห็นของผม) มี 3 เล่ม ซึ่งผมเชื่อว่า นักลงทุนหลายท่านน่าจะอ่านไปแล้ว 1. Graham and Dodd's Security Analysis เป็นหนังสือวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่พิมพ์หลายครั้ง (ไม่มีแปลเป็นภาษาไทย) 2. ONE UP ON WALL STREET โดย Peter Lynch with John Rothchild มีแปลเป็นภาษาไทย 3. THE WARREN BUFFETT WAY โดย Robert G. Hagstrom, Jr. มีแปลเป็นภาษาไทย หนังสือทั้ง 3 เล่ม น่าจะมีในห้องสมุดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผู้สนใจอาจสอบถามดูครับ โดย No Name พฤหัสฯ. มี.ค. 31, 2005 1:16 am

ไม่มีหัวข้อ โดย No Name ศุกร์ มี.ค. 25, 2005 10:06 am

ไม่มีหัวข้อ โดย No Name จันทร์ มี.ค. 07, 2005 11:02 pm

รบกวนท่านผู้รู้ช่วยวิเคราะห์ tmw ให้หน่อยครับ ขอสรุปให้สั้นๆ นะครับ เอาแต่ประเด็นหลัก ถ้าอยากได้ข้อมูลละเอียด ลองค้นจาก 56-1 TMW จะมีสัดส่วน margin สูงขึ้นเพราะเป็นผู้ผลิตผลิตภัณท์พลาสติก ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ จากแต่เดิมสัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่มาจากพลาสติกเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องเสียง ซึ่งมี margin ต่ำกว่า TMW ได้ประโยชน์จากภาษี เพราะอยู่ในตลาด MAI ซึ่งเสียภาษีเพียง 20% ทั้งที่ควรจะเสียภาษี 25% หากเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย TMW อยู่ระหว่างการขยายกำลังการผลิตของโรงงานใหม่ที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งได้รับ BOI จะทำให้ไม่ต้องเสียภาษี กำไรก็จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ราคาปัจจุบัน27.50 บาท จะมี PE ประมาณ 10 เท่า และ PE น่าจะลดลงอีกในอนาคตจากเหตุผลที่ผมกล่าวถึงข้างต้น หวังว่าข้อมูลที่ให้จะเป็นประโยชน์กับ คุณ prarahu โดย No Name อาทิตย์ ก.พ. 27, 2005 2:34 am

ไม่มีหัวข้อ โดย No Name อังคาร ก.พ. 15, 2005 2:09 am

ไม่มีหัวข้อ โดย No Name อังคาร ก.พ. 15, 2005 1:53 am

ถ้าบริษัทที่เราถืออยู่ออกจากตลาด ยังได้รับเงินปันผล สิทธิในการประชุมผู้ถือหุ้น งบการเงินประจำปี เหมือนเดิม แต่สิ่งที่จะขาดหายไป คือ ข้อมูลข่าวสารต่างๆ เช่น แบบรายงาน 56-1 ผลการดำเนินงานรายไตรมาส ข่าวแจ้งตลาดต่างๆ การตัดสินใจบางอย่างที่เคยต้องขอมติผู้ถือหุ้นรายย่อยก็ไม่ต้องขอมติ นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นนอกตลาดจะประสบปัญหาเรื่อง สภาพคล่องของหุ้นหากต้องการขาย รวมทั้งไม่มีราคาอ้างอิง หากขายหุ้นออก กำไรจากการขายหุ้นต้องเสียภาษี ส่วนใหญ่ แม้ผมจะเป็นนักลงทุนระยะยาว(มาก) แต่ผมมักจะขายหุ้นออกก่อนออกนอกตลาด แม้จะรู้ว่าราคาที่ได้ไม่เป็นธรรม แล้วนำเงินที่ได้ ไปซื้อหุ้นในตลาดที่ดูแล้วใกล้เคียงกัน หรือหากด้อยกว่าก็ต้องยอมทำใจ เพราะถ้าไม่ขายจะประสบปัญหาข้างต้น หลังจากนั้น จะประท้วงด้วยการไม่ซื้อหรือใช้บริการสินค้านั้นๆ ล่าสุด บริษัทที่ถูกผมประท้วง คือ ASTL และ ธุรกิจของตระกูลศรีวิกรม์ ขอเชิญ คุณ thanez ช่วยร่วมประท้วงกับผมนะครับ โดย No Name ศุกร์ ธ.ค. 17, 2004 2:00 pm

ขาย ASTL หมดแล้วครับ และจะประท้วงผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ASTL ในการออกนอกตลาด ASTL จะต้องจ้างที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อประเมินมูลค่าหุ้น โดยที่ปรึกษาทางการเงินได้ประเมินมูลค่าหุ้น 6 วิธีตามเกณฑ์ของ กลต. เช่น วิธีราคาตามบัญชี วิธีปรับปรุงมูลค่าตามบัญชี วิธีราคาเฉลี่ยของราคาตลาด P/E รวมถีงวิธี discount cashflow แล้วนำราคามาเปรียบเทียบเพื่อแสดงความเห็นว่า เป็นราคาที่เหมาะสมหรือไม่ บริษัืททำทุกอย่างตามเกณฑ์ กลต. ครับ แต่ที่ผมคัดค้านและไม่เห็นด้วย คือ สมมติฐานในการประเมินมูลค่า เพราะ บริษัทและที่ปรึกษาทางการเงินร่วมกันตั้งสมมติฐานตามวิธี discount cashflow ว่า หลังจากเวลาผ่านไป 5 ปีแล้ว บริษัทจะไม่มีการเติบโตเลย (ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ ) เพราะเศรษฐกิจยังมีการเติบโต เงินสดที่ท่วมบริษัทก็ต้องได้ดอกเบี้ย การตั้งสมมติฐานดังกล่าว ทำให้มูลค่าที่คำนวณได้ ต่ำกว่าความเป็นจริง และทำให้ราคาที่เสนอซื้อต่ำกว่าความเป็นจริง ผมขอตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมา บริษัทจดทะเบียนก่อนเข้าตลาดจะต้องให้ที่ปรึกษาทางการเงินทำโปรเจคชั่น ส่วนใหญ่จะตั้งสมมติฐานว่ามีการเติบโตสูงเพื่อให้การคำนวณราคา IPO สูง แต่เวลาขอออกนอกตลาด กลับตั้งสมมติฐานว่า ไม่มีการเติบโต เพื่อเสนอซื้อในราคาที่ต่ำ นี่คือ ความไม่เป็นธรรมต่อรายย่อยครับ ผมไม่เห็นด้วย แต่ทำอะไรไม่ได้ครับ เพราะเสียงคัดค้านมีไม่ถึง 10% และบริษัททำตามเกณฑ์ กลต.ทุกประการ สิ่งที่ทำได้ คือสิ่งที่ผมได้เขียนไปแล้ว คือ ไม่ร่วมเข้าไปสังฆกรรมกับบริษัทและผู้เกี่ยวข้องดังกล่าว ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมแสดงความเห็น และจะขอบคุณยิ่งขึ้นที่จะร่วมกันไม่สนับสนุนสินค้าของบริษัทและผู้เกี่ยวข้องดังกล่าว โดย No Name พฤหัสฯ. ธ.ค. 16, 2004 11:24 pm