หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
หนุ่มVI
Joined: อาทิตย์ มี.ค. 01, 2009 2:47 pm
77
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - หนุ่มVI
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
เห็นด้วยครับ ควรจะเน้นให้ข้อมูลแก่นักลงทุนมากขึ้น ไม่ใช่ลดการให้ข้อมูลลง
โดย
หนุ่มVI
อาทิตย์ เม.ย. 04, 2021 12:33 pm
0
11
Re: ลองคำนวณเล่นๆ ค่าดัชนี 400 จุดในปี 2008 จะเทียบเท่าดัชนีเท่าไรในปี 2020 ที่ระดับความถูกแพงเดียวกัน
ครับผม ขอบคุณครับ ในการลงทุนแบบ VI จะมองสองด้านคือ 1. ราคา (ความถูกแพง เช่น P/E หรือ P/BV) 2. คุณภาพกิจการ ในเรื่องคุณภาพกิจการ เช่น growth ของหุ้น ผมไม่มีความชำนาญในการประมาณการ หากดูแค่ growth ย้อนหลังไปแค่ 1-2 ปี แล้วเอา growth ในอดีตไปทำนาย growth ในอนาคตก็อาจทำให้ประมาณการคลาดเคลื่อนได้ ค่อนข้างเป็น subjective ดังนั้นในกระทู้นี้จะขอพูดแค่ในแง่ข้อ 1. คือด้านราคา ความถูกแพงแล้วกันครับ แต่ ณ ระดับความถูกแพงเท่าๆ กันนั้นจะน่าซื้อลงทุนเท่ากันหรือไม่ ก็จำเป็นต้องนำไปเทียบกับคุณภาพของกิจการอีกทีหนึ่ง ซึ่งเนื่องจากประมาณการเป็นตัวเลขยาก ดังนั้นจึงขอปล่อยให้เป็นดุลพินิจของเพื่อนๆ นักลงทุนแต่ละท่านครับ ขอบคุณมากครับ มีอีกตัวแปรหนึ่งครับที่อยากให้พิจารณาเพิ่มเติมคือ คุณภาพของบ.จดทะเบียน ณ สิ้นปี 2008 บ.เหล่านี้ยังไม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ global com7 mega col rjh chg thg ea bgrim gulf au spa toa cbg osp เป็นต้น ซึ่งบ.เหล่านี้เป็นหุ้นที่มีคุณภาพมีการเจริญเติบโตของกำไร(ถ้าบางตัวไม่เติบโตก็ขออภัยล่วงหน้าด้วยครับ) โดยเฉลี่ยจะเทรดที่pe ที่ค่อนข้างจะpremium กว่าตลาดในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าจะใช้ pe มาเป็นตัวชี้วัด ก็คิดว่าควรจะถ่วงน้ำหนักในเชิงคุณภาพด้วยครับ
โดย
หนุ่มVI
พฤหัสฯ. มี.ค. 12, 2020 4:40 pm
0
5
Re: ลองคำนวณเล่นๆ ค่าดัชนี 400 จุดในปี 2008 จะเทียบเท่าดัชนีเท่าไรในปี 2020 ที่ระดับความถูกแพงเดียวกัน
ลองคิดด้วย P/E ตามความเห็นของคุณ yoko ครับ ืNov 2008: P/E อยู่ที่ 6.28 SET Index 400 จุด Feb 2020: P/E อยู่ที่ 15.71 SET Index 1340 จุด โจทย์ ณ ปี 2020 นี้ตลาดต้องตกลงไปกี่จุด จึงจะได้ค่า P/E เหลือแค่ 6.28 เท่า SET Index ดังกล่าวจะมีค่า = 1340 * 6.28 / 15.71 = 536 จุด สรุปผล ถ้ามองด้วยค่า P/E จะพบว่าที่ ดัชนี 536 จุด ในปี 2020 จะทำให้ตลาดมีค่า P/E เทียบเท่าดัชนี 400 จุดในปี 2008 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดตกต่ำเกือบสุดในช่วงเวลานั้น หรือก็คือ ตลาดต้องลงลึกไปถึง 536 จุด หากมองว่าตลาดจะลงไปเท่ากับปี 2008 (ที่ค่า P/E เดียวกัน) วิเคราะห์เพิ่มเติม ความแตกต่างของค่าดัชนีที่ได้จากการคิดด้วย P/BV กับการคิดด้วย P/E แสดงให้เห็นว่าในปัจจุบันค่า ROE โดยรวมของตลาดหลักทรัพย์ต่ำลงกว่าในอดีตปี 2008 ROE - Return On Equity แสดงประสิทธิภาพการทำกำไรจาก Equity (หรือ Net Asset หรือ Book Value) ผมขอวิเคราะห์ต่อว่าสาเหตุที่ตลาดหลักทรัพย์มี ROE ต่ำลง อาจมองได้ 2 สาเหตุ 1. บริษัทมีอัตราส่วน D/E สูงขึ้น (คือใช้ leverage มากขึ้น) (เพราะผมมองว่า ROA เป็นตัววัดประสิทธิภาพของบริษัทที่ดีกว่า ROE) 2. ประสิทธิภาพการใช้สินทรัพย์ในการสร้างกำไร (ROA) ลดลงจริง ๆ พอมองมุมนี้ รู้สึกว่าน่ากลัวขึ้นนิด ๆ ครับ ขอบคุณคุณ yoko สำหรับประเด็นนี้ครับ ป.ล. สรุปแบบรวบรัดโดยไม่ได้ขยายความเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง P/E, P/BV, ROE และ ROA เพราะกลัวจะยาวไป ถ้าใครมีประเด็นเพิ่มเติม ยินดีมาถกประเด็นเพิ่มเติมกันได้ครับ
โดย
หนุ่มVI
พุธ มี.ค. 11, 2020 10:19 pm
0
8
Re: ลองคำนวณเล่นๆ ค่าดัชนี 400 จุดในปี 2008 จะเทียบเท่าดัชนีเท่าไรในปี 2020 ที่ระดับความถูกแพงเดียวกัน
เป็นความคิดที่ดีครับ ไว้ว่าง ๆ อาจลองทำครับ แต่การใช้ PE ในช่วงที่ตลาดกำลังขึ้นหรือลงมาก ๆ จะมีโอกาสคลาดเคลื่อนมากกว่า เนื่องจากการเพิ่ม-ลดของกำไรกับราคาหุ้นมักเกิดไม่พร้อมกันพอดี โดยทั่วไปเมื่อมีข่าวร้ายราคาหุ้นจะปรับตัวลงก่อนที่กำไรของบริษัทจะลดลงจริง ๆ (นั่นคือราคาหุ้นเป็น lead indicator) ตัวอย่างเช่น กำไรเมื่อไตรมาสที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้ลดลง แต่ Market capital ได้ลดลงก่อนล่วงหน้าแล้วเพราะตอบรับกับข่าวร้าย ค่า PE ที่คำนวณได้ย่อมจะถูกกว่าที่จะเป็นจริงในอนาคต แต่เมื่องบ Q1 ประกาศแล้วกำไรลดลงก็ถึงจะเห็นว่า PE ใหม่ที่ได้เพิ่มขึ้น นอกจากนั้น ถ้ากำไรจะลดลงเพียงแค่ปีเดียวเนื่องจากวิกฤติ แล้วในปีต่อ ๆ ไป กำไรจะกลับขึ้นมาใหม่ การลดลงของกำไรในปีนั้นก็ไม่น่ามีนัยยะสำคัญนักหากเรามองภาพบริษัทในระยะยาวหลายๆ ปี ที่น่ากลัวจริงๆ คือกรณีพื้นฐานของกิจการ หรือพื้นฐานของประเทศเสียหายในระยะยาว ในมุมมองของผม ค่า PE ใช้วัดมูลค่าหุ้นได้ดีในสภาวะปกติ แต่จะมีการแกว่งตัวไปทางบวกหรือลบมากเกินไป ในสภาวะที่เกิดวิกฤติครับ ที่ปึ 2008ค่าp/eตลาดเท่าไรครับ ลองทำเปรียบเทียบกับ2020ดู :B
โดย
หนุ่มVI
พุธ มี.ค. 11, 2020 7:37 pm
0
6
Re: ลองคำนวณเล่นๆ ค่าดัชนี 400 จุดในปี 2008 จะเทียบเท่าดัชนีเท่าไรในปี 2020 ที่ระดับความถูกแพงเดียวกัน
หรือพูดง่ายๆ อีกอย่าง เปรียบเหมือนเมื่อสิบปีที่แล้ว บริษัทมีแค่รถหนึ่งคัน ที่ดินหนึ่งแปลง ปัจจุบันบริษัทมีรถสองคัน มีที่ดินสองแปลง ราคาที่เหมาะสมเมื่อมองจากสินทรัพย์ (ที่ลบหนี้สินแล้ว) ก็ควรจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นธรรมดา ยกเว้นว่าสินทรัพย์นั้นเอาไปใช้ประโยชน์หาดอกผลได้ไม่ดีเท่าในอดีต
โดย
หนุ่มVI
พุธ มี.ค. 11, 2020 1:10 pm
0
3
Re: งานสัมมนาVI 2/60 Disrupt or be disrupted อนาคตของ VI?
ขอบคุณความรู้ธรรมะจากคุณ Picatos มากครับ จากเดิมที่ผมสนใจธรรมะอยู่แล้วแต่ก็ยังไม่ได้ปฏิบัติจริงจัง ตอนนี้เลยรู้สึกอยากศึกษาและปฏิบัติมากขึ้นมาก ๆ เลยครับ
โดย
หนุ่มVI
อาทิตย์ มี.ค. 18, 2018 10:00 pm
0
0
Re: ขอสอบถามความเห็นพี่ๆวีไอหน่อยครับ
ตามตาราง แม้จะดูเหมือนว่าในช่วงแรกผลตอบแทนหุ้น growth จะต่ำกว่าหุ้น value แต่ในปีที่ 10 หุ้น growth ให้ผลตอบแทน 31% ต่อปี ในขณะที่หุ้น value ให้ผลตอบแทน 16% ต่อปี ด้วยเหตุนี้ ในปีที่ 11 เป็นต้นไป แม้หุ้นทั้งสองจะเปลี่ยนมาเป็นหุ้นโตช้าทั้งคู่ แต่หุ้น growth จะมีคุณค่าสูงกว่าครับ เพราะอนุมานว่า จะได้ผลตอบแทน 31% ต่อปีขึ้น ส่วนหุ้น value ผลตอบแทน 16% ต่อปีขึ้น แม้จะดูเหมือนการลงทุนหุ้น growth ดีกว่า value แต่เป็นเพราะสมมุติฐานที่ว่า โตปีละ 25% ติดต่อกัน 10 ปี ซึ่งหาได้ยาก หากบริษัทไหนทำได้จริง ก็ถือว่าเป็นบริษัทที่คุณภาพดีมาก โดยส่วนตัวผม เน้นหุ้น value เป็นหลัก ไม่เน้นหุ้น growth เพราะมองหุ้น growth ไม่ออกได้ยาวได้ถึง 10 ปีครับ จึงเน้นหุ้นปลอดภัยไว้ก่อน หาหุ้น value ที่ธุรกิจค่อนข้างนิ่ง กำไรนิ่งย้อนหลัง ไม่ growth มากก็ไม่เป็นไร ขอแค่ธุรกิจมีโอกาสโดน disrupt น้อย และที่สำคัญ P/E ต้องต่ำๆ ประมาณ 10 ได้ยิ่งดีครับ
โดย
หนุ่มVI
พฤหัสฯ. ก.พ. 15, 2018 4:59 pm
0
6
Re: พอร์ตหุ้นและ ปันผล ธนาคารไม่ให้ค่าเลยหรือครับตอนขอกู้
ประเทศนี้ยังไม่ยอมรับอาชีพ. "นักลงทุน" ครับ เพราะส่วนใหญ่เป็น "นักเก็งกำไร" เวลาบอกใครว่าเป็น นักลงทุน คนส่วนมากทำหน้าประหลาดๆ ต้องบอก เล่นหุ้น แทน ไม่รู้เมื่อไรจะเป็นที่ยอมรับ. แต่อย่างว่า "นักลงทุน" ในตลาดหุ้นไทย เป็น นักเก็งกำไร เป็นส่วนมากกกกก investor vs speculator วันก่อน Post ผิดกระทู้ (ไม่รู้ทำไม... ยัง งง งง) ผมว่าไม่มีประเทศไหนในโลกนะครับ ที่จะนับ "นักลงทุน" เป็นอาชีพ แม้แต่ในประเทศที่เจริญแล้วก็ตาม เพราะการลงทุน แท้จริงแล้วก็คือการออมประเภทหนึ่ง มันอาจเป็นไปได้ที่คุณจะประสบความสำเร็จ จนมีความมั่งคั่งเพียงพอที่จะอยู่ได้ด้วยผลตอบแทนจากเงินออมของคุณ ไม่ว่าจะเป็นในรูปกำไรจากการลงทุน ดอกเบี้ยหรือเงินปันผลก็ตาม แต่ยังไงเสียก็คงจะนับการออมหรือการลงทุนในหลักทรัพย์ของคุณนั้น เป็นอาชีพไม่ได้ ถ้าผมเป็นแบบนั้นและมีคนมาถามผมว่าผมทำอาชีพอะไร ผมก็ไม่อายที่จะตอบกลับไปว่า "I have no career, because I'm independently wealthy" 555 สาธุ ไม่เห็นด้วยที่ว่านักลงทุนไม่ถือเป็นอาชีพครับ ไม่งั้นวอเรน บัฟเฟตต์ ก็ถือว่าไม่มีอาชีพเหรอครับ ผมมองว่าอาชีพ ก็คือสิ่งที่ทำเพื่อเลี้ยงตัวได้ ถ้าสิ่งที่เราทำคือคัดเลือกหุ้นดี เข้า port ทำให้ระยะยาวเกิดกำไรจากราคาหุ้น และจากปันผล ก็ถือเป็นอาชีพเลี้ยงตัวอย่างหนึ่งครับ ส่วนคำว่าการออม กับการลงทุน ผมก็มองว่าไม่เหมือนกันครับ การออม (saving) คือการทำให้รายจ่ายน้อยกว่ารายได้ จึงมีเงินเหลือ แล้วนำเงินเหลือส่วนนั้นไปเก็บสะสมไว้ เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ การลงทุน (investing) คือนำเงินที่มีอยู่ไปทำอะไรบางอย่างให้งอกเงยขึ้น เกิดประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่มี โดยการประเมินอย่างรอบคอบตามสติปัญญาของแต่ละคน ด้วยความเคารพครับ
โดย
หนุ่มVI
จันทร์ ต.ค. 24, 2016 12:28 pm
0
3
Re: บทเรียนการลงทุนจาก WW II/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ลึกซึ้ง ขอบคุณท่านอาจารย์ ดร.นิเวศน์ มากครับ
โดย
หนุ่มVI
จันทร์ มี.ค. 28, 2016 10:05 pm
0
1
Re: หนังสือแก่นการลงทุนแบบเน้นคุณค่า /Howard Marks
เป็นหนังสือที่ดีมากๆ เลยครับ ขอบคุณพี่ WEB มากๆ ครับ ที่แปลหนังสือดีๆ มาให้ได้อ่านกัน
โดย
หนุ่มVI
เสาร์ พ.ย. 16, 2013 8:45 pm
0
0
Re: หนังสือ เหตุผลที่ไม่ควรมีเหตผุล The Upside of Irrational
เล่มนี้ดีมากๆ เลยครับ อ่านไปประมาณ 75% แล้ว รู้สึกได้แง่คิดอะไรหลายๆ อย่างมาก
โดย
หนุ่มVI
อาทิตย์ ก.พ. 03, 2013 6:12 pm
0
0
Re: เปิดพอร์ตซื้อหุ้นต่างประเทศ กับ broker ไหนค่าธรรมเนียมถู
ขอปรับคำถามเป็นว่า ใครใช้บริการที่ไหนอยู่ แล้วเขาคิดค่าธรรมเนียมอย่างไร ดีกว่าครับ ขอบคุณครับ
โดย
หนุ่มVI
พุธ พ.ย. 21, 2012 6:35 pm
0
0
Re: ท่าน อ.ดร.ไพบูลย์ สอนนิด้าในวิชาใดบ้างครับ (อยากไปเรียน)
ขอบคุณครับ
โดย
หนุ่มVI
จันทร์ ต.ค. 15, 2012 6:42 pm
0
0
Re: Hard Topic ลอกคราบนักลงทุน VI ... ดร.นิเวศน์ VS คุณภาววิ
เข้าไปตาม link http://www.dcs-digital.com/moneychannel/program.php?listid=5 แล้ว click ที่ปฏิทินวันที่ 13 มีนาคม 2555 ครับ
โดย
หนุ่มVI
จันทร์ มี.ค. 19, 2012 10:12 pm
0
0
Re: ผมอยากทราบว่า หัวใจของ วีไอ หรือแก่นจริงๆ มันคืออะไรครับ
ขอนำบทความของท่านอาจารย์ดร. นิเวศน์ มาให้อ่านกันนะครับ "แก่นของ VI" แก่นของ VI โลกในมุมมองของ Value Investor ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 11 ธันวาคม 2550 ผมเขียนบทความเกี่ยวกับ Value Investment มานานมาก ตั้งแต่ยังแทบไม่มีคนในตลาดหุ้นไทยรู้จักจนเดี๋ยวนี้ Value Investment เป็นหลักการลงทุนที่เป็นที่ยอมรับและหนังสือพิมพ์สามารถเขียนเรื่องเกี่ยวกับการลงทุนแบบเน้นคุณค่าโดยไม่ต้องบอกว่ามันคือการลงทุนอย่างไรแล้ว แต่พอมานึกดูว่า อะไรคือหัวใจ หรือ แก่นของ Value Investment จริง ๆ ผมเชื่อว่าหลายคนอาจจะตอบไม่ได้ ดังนั้น ผมจึงถือโอกาสนี้ทบทวนความคิดเรื่องนี้ แก่นของ Value Investment ที่ผมจะพูดถึงนี้ แน่นอน มาจากสาระสำคัญของหนังสือคลาสสิค 2 เล่มของ เบน เกรแฮม “บิดาแห่ง Value Investment” คือ Security Analysis ซึ่งตีพิมพ์ในปี 1934 และ Intelligent Investor ซึ่งตีพิมพ์ในปี 1949 โดยที่เล่มหลังนี้เป็นเล่มต่อจากเล่มแรกและเขียนสำหรับคนอ่านทั่ว ๆ ไปแทนที่จะเพื่อคนที่เป็นมืออาชีพหรือนักวิชาการอย่างเล่มแรก แก่นของ VI จากหนังสือ 2 เล่ม นี้ สามารถสรุปหลักการลงทุนและวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้เป็น 4 ข้อใหญ่ ๆ คือ 1) เวลาลงทุนซื้อหุ้น ให้คิดเหมือนกับว่าเรากำลังจะเป็นเจ้าของธุรกิจ ต้องคิดว่า เรากำลังเข้าเป็นหุ้นส่วนกับเขา เมื่อเราคิดแบบนี้ เราก็จะต้องวิเคราะห์ว่าธุรกิจของเขาทำอะไร สินค้าเป็นอย่างไร ยอดขายเป็นอย่างไร มีกำไรดีไหม ฐานะการเงินเป็นอย่างไร มีหนี้มากน้อยแค่ไหน ธุรกิจมีความสม่ำเสมอไหม ธุรกิจมีการเติบโตหรือไม่และจะเติบโตต่อไปหรือเปล่าและจะเติบโตต่อไปอีกนานเท่าไร ที่สำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ผู้บริหารมีความน่าเชื่อถือหรือเปล่า ซึ่งทั้งหมดนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับราคาหุ้นที่ขึ้นลงหวือหวาที่นักเล่นหุ้นมักจะดูก่อนที่จะเข้ามาซื้อขายหุ้นเลย พูดง่าย ๆ ถ้าเป็น Value Investment “ธุรกิจต้องมาก่อน” 2) หา “มูลค่าที่แท้จริง” ของธุรกิจหรือหุ้นที่เราวิเคราะห์ มูลค่าที่แท้จริงหรือ Intrinsic Value นั้น หาได้จากการคิดส่วนลดเงินสดที่เราจะได้รับในอนาคต นี่ก็คือการหามูลค่าทางทฤษฎีซึ่งค่อนข้างยุ่งยากมากสำหรับนักลงทุนทั่ว ๆ ไป แต่ในทางปฏิบัติเราก็มักจะใช้ค่า PE หรือราคาต่อกำไรต่อหุ้น หรือ ค่า PB หรือ กำไรต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชี มาเป็นตัววัดว่าหุ้นมีราคาแพงหรือถูกหรือหุ้นควรมีราคาที่เหมาะสมเท่าไร 3) ซื้อหรือขายหุ้นต่อเมื่อมีส่วนต่างระหว่างมูลค่าที่แท้จริงกับราคาหุ้นในตลาด เพราะในที่สุดแล้ว ราคาหุ้นในตลาดจะวิ่งไปที่มูลค่าที่แท้จริง พูดให้เฉพาะขึ้นก็คือ ถ้าราคาหุ้นในตลาดต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงมาก โอกาสที่เราจะกำไรก็จะสูงและโอกาสที่จะขาดทุนก็จะน้อย หรือเรียกว่าเรามีการ “เผื่อความปลอดภัย” สูง ในภาษาของ Value Investor ก็คือ เรามี Margin Of Safety สูง 4) ตลาดหุ้นนั้น เป็นที่ที่จะรับใช้เราไม่ใช่คนที่จะมาสั่งว่าเราจะต้องทำอะไร โดยส่วนใหญ่แล้ว ตลาดหุ้นสามารถกำหนดราคาธุรกิจหรือหุ้นต่าง ๆ ในตลาดได้อย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม มีช่วงเวลาที่ตลาดให้ราคาหุ้นสูงหรือต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงมาก หน้าที่ของนักลงทุนก็คือ ค้นหาหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่ามาก ๆ ซื้อแล้วเก็บไว้รอจนราคาสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงจึงขายออกไป และนี่คือแนวความคิดว่าตลาดหุ้นเป็น “ผู้รับใช้” ส่วนแนวความคิดว่าตลาดเป็น “ผู้สั่ง” เรานั้น หมายความว่า เราตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้นโดยดูจากการขึ้นลงของราคาหุ้นโดยที่เราไม่ได้คำนึงถึงพื้นฐานหรือมูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจเลย ทั้ง 4 ข้อนั้นก็คือ “แก่น” ของ VI ซึ่ง “ทนทานต่อกาลเวลา” นั่นคือเป็นหลักการที่ไม่เปลี่ยนแปลงแม้ว่าจะเกิดขึ้นมานานมากแล้ว ส่วน “รายละเอียด” อื่น ๆ นั้น มีการแตกแขนงออกไปมากมาย บางทีถ้ามีคุณลักษณะที่ชัดเจนเราก็เรียกมันว่าเป็น “สไตล์” เช่น สไตล์แบบ “ก้นบุหรี่” ที่เน้นหุ้นที่มีราคาถูกเป็นพิเศษ และสไตล์แบบ “บัฟเฟตต์” ที่เน้นหุ้นที่มีคุณภาพทางธุรกิจสูงมาก แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน สิ่งที่ทุกสไตล์จะต้องยึดถือเหมือนกันก็คือ “แก่น” ของ VI ดังกล่าว ถ้าจะเปรียบเทียบ แก่นของ VI ก็เหมือนกับฐานรากของอาคารที่คอยรับน้ำหนักไม่ให้ตัวอาคารเสียหาย ถ้าฐานไม่แน่น โอกาสที่ตัวอาคารจะทรุดหรือถล่มก็จะสูงขึ้น ดังนั้น ไม่ว่าเราจะใช้สไตล์ไหนหรือมีสไตล์ของตัวเอง ถ้าเราจะเป็น Value Investor แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ เราจะต้องยึดถือ “แก่นของ VI” เสมอ
โดย
หนุ่มVI
จันทร์ มิ.ย. 06, 2011 12:58 pm
0
1
DVD สัมมนา TVI#2 เปิดรับโอนเงินเพื่อซื้อสินค้าได้แล้วนะครับ
หนุ่มVI ขอจอง 1 ชุดครับ
โดย
หนุ่มVI
ศุกร์ มิ.ย. 18, 2010 8:23 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
หนุ่มVI
พุธ มิ.ย. 02, 2010 8:57 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
หนุ่มVI
พุธ พ.ค. 05, 2010 10:45 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
หนุ่มVI
พุธ พ.ค. 05, 2010 9:45 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
หนุ่มVI
พฤหัสฯ. เม.ย. 22, 2010 7:45 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
หนุ่มVI
พุธ เม.ย. 07, 2010 7:25 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
หนุ่มVI
ศุกร์ มี.ค. 12, 2010 7:04 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
หนุ่มVI
พฤหัสฯ. มี.ค. 11, 2010 7:17 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
หนุ่มVI
อังคาร ก.พ. 02, 2010 7:51 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
หนุ่มVI
อาทิตย์ พ.ค. 31, 2009 4:22 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
หนุ่มVI
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
อาทิตย์ มี.ค. 01, 2009 2:47 pm
ใช้งานล่าสุด:
เสาร์ มิ.ย. 12, 2021 12:41 pm
โพสต์ทั้งหมด:
77 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.01 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว