หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
PP
"
The man who doesn't read has no advantage over the man who cannot read.
"
Mark Twain
Joined: พุธ มิ.ย. 25, 2003 3:00 pm
435
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - PP
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: How to Beat Warren Buffett?....Thai focused equity fund
u3dTrPZL4Wo
โดย
PP
จันทร์ ธ.ค. 24, 2012 1:21 pm
0
1
Re: How to Beat Warren Buffett?....Thai focused equity fund
HOnjRPI8zkw
โดย
PP
จันทร์ ธ.ค. 24, 2012 12:54 pm
0
2
Re: How to Beat Warren Buffett?....Thai focused equity fund
[quote="PP"]ขอบคุณมากคุณลูกอีสานสำหรับข้อมูล คราวนี้มาดูตัวเป็นๆ Doug Barentt ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อปีก่อน (2011) [youtube]http://www.youtube.com/watch?v=HOnjRPI8zkw[/youtube]
โดย
PP
จันทร์ ธ.ค. 24, 2012 12:41 pm
0
1
Re: How to Beat Warren Buffett?....Thai focused equity fund
ขอบคุณมากคุณลูกอีสานสำหรับข้อมูล คราวนี้มาดูตัวเป็นๆ Doug Barentt ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อปีก่อน (2011) [youtube]http://www.youtube.com/watch?v=HOnjRPI8zkw[/youtube]
โดย
PP
จันทร์ ธ.ค. 24, 2012 12:40 pm
0
0
Re: Charlie Rose interviews Seth Klarman
ด้วยความยินดีครับ .....คุณลูกอีสาน ! :) จากที่ฟังหนึ่งรอบ ผมชอบคำพูดที่เขาบอกว่าเมื่อต้องตัดสินใจลงทุนในหุ้นตัวใดตัวหนึ่งต้องสร้างความสมดุลในใจระหว่าง arrogance (เย่อหยิ่งทะนงตน - ว่าตัดสินใจถูกต้อง มั่นใจ กล้าหาญ กำไรแน่)กับ humility (อ่อนน้อมถ่อมตนเอง - ว่าเราอาจตัดสินใจไม่ถูกต้อง หวาดหวั่น และ กลัวขาดทุน )ในขณะเวลาเดียวกัน ....... etc .....
โดย
PP
จันทร์ พ.ย. 28, 2011 8:33 pm
0
0
Re: รวมเพลงย้อนอดีต
Jimi Hendrix Ad2EPO_y0ps Led Zeppelin BcL---4xQYA The Ten Tenors MZwkMR3LP9c
โดย
PP
อังคาร เม.ย. 19, 2011 5:19 pm
0
0
Re: รวมเพลงย้อนอดีต
Bee Gees kJY9wYodL4Q The Beatles kEogJacjLTE Queen C2NU98NZF8o
โดย
PP
อังคาร เม.ย. 19, 2011 3:26 pm
0
0
Re: อิทธิพลซึ่งแฝงเร้นอยู่ในสังคมแห่งเครือข่าย
ถ้งต้องการคำบรรยายควบที่เป็นภาษาไทยให้กดเลือกตรงที่ subtitle available โดยคลิกตรง drop down แล้วเลือก thai แล้วก็จะมีคำบรรยายกำกับเป็นภาษาไทยควบไปด้วยครับ
โดย
PP
อาทิตย์ เม.ย. 17, 2011 5:52 pm
0
0
Re: บทสัมภาษณ์วอร์เรน บัฟเฟตต์ที่เมื่อวันอาทิตย์ก่อนที่เกาหล
Q: Why do 30,000 people come every year to Nebraska? A: "This year there may be 40,000! I think they come for several reasons. One, they come to have a good time... They come because they feel part of something. When they own stock in Berkshire, they feel like they are partners with us and they’re a real owner. In many cases it’s a lifetime commitment, and not just buying stock that will blow up next week. It’s a lifetime commitment; it’s like buying a piece of a farm or a piece of a McDonald’s franchise. "They vary: some are very sophisticated in business and some don’t know anything about business but just trust us. We try to have something for both sides. People who just trust us just come and they feel good about being there. I don’t think they are interested in hearing the nuances of fiscal policy or the other end of the spectrum where we will have a large mutual fund and 30 analysts. We get a lot of those people and it’s fun for us and I think it’s fun for them to discuss some of the same stuff we are discussing here."
โดย
PP
ศุกร์ เม.ย. 01, 2011 7:35 pm
0
0
Re: บทสัมภาษณ์วอร์เรน บัฟเฟตต์ที่เมื่อวันอาทิตย์ก่อนที่เกาหล
Q: How do you defend yourself against such consequences of inflation? A: "Well, when I was born in 1930, the dollar bill of that moment is worth six cents, so it isn’t inflation that destroys the country. "Every time I get worried about inflation I think about how 94% of that dollar bill from when I was born isn’t worth anything, yet I seem to have done pretty well, so it can’t destroy everything. "Nevertheless, I worry about inflation always because it is such an easy solution to things in the short term. The ultimate defense against inflation is your own talent, your own earning power. I mean, the best doctor in town, the best lawyer in town, the best musician, the best anything, whatever it may be, they will always command their share of resources of their society whether the currency is dollars or shekels or shark-sheet. "Next to your own talent the best thing to own is a business with talent. I mean, if you own Coca Cola, it will always be able to command, whatever the currency, a certain portion of people’s earnings or hourly earnings. So I always emphasize to students, develop your own talents, no one can take them away from you, no one can even tax you until you start bringing money in from them. And inflation can’t take your own talent away from you. "If you know how to perform brain surgery, people are going to find you and they are going to figure out some way to give you whatever chicken they are producing and whatever the case may be. If you look at investments, the one thing you don’t want to have is investments that are tied to a currency unit as opposed to a producing business.
โดย
PP
ศุกร์ เม.ย. 01, 2011 7:33 pm
0
0
Re: Warren Buffett on Squawk Box
ต้องการอ่าน Transcript part 1 อ่านจาก link ล่างนี้เลยครับ http://www.cnbc.com/id/41865528
โดย
PP
ศุกร์ มี.ค. 11, 2011 12:16 pm
0
0
Re: VI เชียงใหม่
...........................................................................................................................................รูปแบบการจัดที่หาดใหญ่จะเป็นอย่างนี้ครับทุกครั้ง ก็ต้องแนะนำตัวกันเพราะมีคนใหม่มาทุกครั้ง บอกชื่อ อาชีพ ประสบการณ์ลงทุน ชื่อล็อคอินในเวป tvi จากนั้นก็เป็นการคุยและสอบถามหุ้นรายตัวโดนมีพี่ๆหลายท่านให้คำแนะนำ กรณีเพิ่งจัดครั้งแรกอาจจะให้เสนอหุ้นที่น่าสนใจคนละตัว จะได้ทำการบ้านมา พร้อมเหตและผล ผิดถูกไม่ว่ากันครับ คนที่ลงทุนมานานหรือได้ผลตอบแทนเยอะหน่อย อาจจะบอกวิธีการเลือกหุ้นให้เพื่อนฟัง หลักๆจะเป็นอย่างนั้น นัดครั้งแรกอาจจะขลุกขลักหน่อย แต่ต่อไปจะดีขึ้นครับ จุดประสงค์ของการจัดงานเรื่องหุ้นเป็นของแถม สำคัญกว่าเรื่องแนวคิดของคนประสบความสำเร็จ การได้รับฟังทัศนคติที่ถูกต้อง ได้เสิรมสร้างกำลังใจและได้มิตรภาพสำคัญกว่าครับ ขอบคุณมากครับสำหรับข้อแนะนำข้างต้นของคุณโจ :) ผมหวังว่าจะเป็นข้อคิดที่เป็นประโยชน์สำหรับแม่งานผู้จัด meeting ครั้งนี้ครับ ลิงก์ล่างนี้เป็นของ UNISERV ครับ ยังไงขอฝากไว้พิจารณาครับ http://www.uniserv.cmu.ac.th/main-en.php
โดย
PP
พฤหัสฯ. ม.ค. 06, 2011 11:00 am
0
0
Re: VI เชียงใหม่
...........................................................................................................................................ที่เชียงใหม่ ผมรู้จักพี่ PP คนเดียวครับ ไม่ทราบว่าพี่เค้าจะไปหรือเปล่า ลองสอบถามดูครับ หวัดดีปีใหม่ครับคุณโจ(ลูกอิสาน)....ขอบคุณที่ยังอุตส่าห์จำผมได้นะครับ :D นานหลายปีทีเดียวที่ไม่ได้ทักทายคุณโจเลย อย่างไรก็ตามหากมีเวลาผมก็แอบชื่นชมและติดตามอ่านผลงานเขียนและพูดแสดงความเห็นทั้งใน ThaiVI และรายการ Money Talk เรื่อยมาแหละครับ ......ผมขอยกย่องว่าคุณโจเก่งจริงๆในยุทธจักรการลงทุนในตลาดหุ้นและที่สำคัญคือ เป็นคนที่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อย่างมากมายแก่บรรดาคนคอเดียว :bow: เห็นทางหาดใหญ่ที่คุณโจจัดให้มี meeting เป็นระยะๆเสมอมา ล้วนแต่น่าสนใจทุกครั้งครับ(....อ่านจากบทสรุปที่ผู้ร่วมประชุมเอื้อเฟื้อเขียนไว้ใน webboard ของ ThaiVI แห่งนี้) แต่หาโอกาสไปร่วมงานไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียวเลย(ทั้งที่อยากไปหาความรู้จากบรรดาผู้มีประสบการณ์จริงทั้งหลาย) .....เพราะโดดงานไปไม่ได้ ที่เชียงใหม่นี่ก็เหมือนกันผมโดดงานไม่ได้ในตอนกลางวันทำงานทั้งวัน(ทุกวัน ....เพราะอิสระภาพทางการเงินยังมาไม่ถึง) ...เลยยังไม่ได้แจ้งความประสงค์เข้าร่วมด้วย ใจจริงแล้ว ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากรบกวนเชิญกูรูอย่างคุณโจให้เกียรติและเอื้อเฟื้อเวลาไปเยี่ยมเชียงใหม่ และนำเสนอแนวคิดและวิธีการลงทุนตามแนวปฎิบัติเช่นเดียวกับที่หาดใหญ่ทำเพื่อเป็นการนำร่อง ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อไม่เป็นการรบกวนเกินกว่าเหตุ...ผมขอเสนอให้ผู้ร่วมงานที่เชียงใหม่ช่วยกันแชร์จ่ายค่าสปอนเซอร์ในเรื่องค่าเดินทางและที่พักให้กับคุณโจ (ถ้าคุณโจตกลงใจที่จะรับเกียรติสักครั้งนะครับ :lol: ) .....และสถานที่ meeting ที่น่าสนใจอีกแห่งนอกเหนือไปจากกาแฟวาวี ปันนา ซึ่งก็ไม่ไกลจากย่านนิมมานเหมินท์ ก็คือ UNISERV ของ มช. (ใกล้สวนสุขภาพ)เพราะมีทั้งที่พักและห้องประชุมสัมมนาพร้อม และยังมีร้านอาหารเลม่อนตรี ซึ่งมีห้องแยกเป็นสัดส่วนสำหรับกลุ่ม meeting อยู่ใต้ถุน UNISERV นั่นแหละครับ ที่จอดรถเหลือเฟือ ที่จริงก็ยังมีสาขา กาแฟวาวี เปิดอยู่ ณ ที่นี่ด้วย(กรณีผู้เข้าร่วมประชุมต้องการจิบกาแฟสด) และถ้าเป็นไปได้ขอเสนอจัดตอนเย็นหลัง 6 โมงเย็นเป็นต้นไป ถ้าเป็นตามนี้ ผมจะขอจองร่วมงานเพื่อแจมด้วยคนแน่นอนครับ
โดย
PP
พุธ ม.ค. 05, 2011 1:08 pm
0
0
Re: นิยามคำว่า "หุ้นวีไอ"
บทความแปลตามลิงก์ข้างล่างนี้ น่าจะพอเป็นข้อมูลคร่าวๆสำหรับใช้อธิบายคำนิยามของคำที่คุณหมอสามัญชนตั้งเป็นกระทู้ไว้ไม่มากก็น้อยนะครับ http://thinkvalueinvestment.blogspot.com/2010/12/blog-post.html
โดย
PP
พุธ ธ.ค. 08, 2010 6:10 pm
0
0
Re: คุณเด็กใหม่ไฟแรงครับเสนอ อ.ไพบูลย์เชิญ ALoke Lohia(IVL)
............ ......................................................................... .................................... ผู้สนใจไปสัมภาษณ์คุยเอาเองดีกว่าครับ คนดูทั่วไปไม่ได้อะไรครับ เพราะฟังไม่รู้เรื่อง :lol: :lol: เพราะเหตุนี้นี่เอง .........เข้าใจละครับ .............เลยอดเลย :roll:
โดย
PP
ศุกร์ ธ.ค. 03, 2010 2:49 pm
0
0
Re: คุณเด็กใหม่ไฟแรงครับเสนอ อ.ไพบูลย์เชิญ ALoke Lohia(IVL)
ว่าแต่เขาพูดไทยได้หรือเปล่าครับ หากพูดไม่ได้ หรือพูดได้ไม่คล่อง ไม่ชัดเท่าที่ควร ก็ไม่เหมาะครับ แต่หากพูดได้ก็แจ่มเลยครับ................................................ .......................................................................... ................................... ไม่แน่ใจครับว่าพูดไทยได้และชัดหรือไม่ ....เพราะวันนั้นผมก็เข็นตัวเองพูดภาษาอังกฤษกับเขาด้วยความอยากรู้จักบริษัทผ่านทาง CEO โดยตรง เท่าที่ทราบคุณ ALoke อยู่เมืองไทยมานานนับสิบๆปี แต่ที่สำคัญ คุณ Richard ซึ่งเป็น IR ของบริษัท....แกเป็นผรั่งที่พูดไทยปร๋อเลยครับ ผมหน้าแตกเพราะไปพูดภาษาแบบอาจจะไม่ค่อยเคลียร์แกก็เลยแทรกตอบเป็นไทย :roll: หากจะเชิญมาออกรายการจริงๆแต่มีปัญหาเรื่องภาษา ก็เชิญทั้งคุณ Aloke และ Richard มาพร้อมกันเพื่อกันเหนียวในเรื่องภาษา .....ปัญหาดังกล่าวก็จะหมดไป ผมสงสัยครับคุณเด็กใหม่ไฟแรง เอ ทำไมไม่เหมาะสมหากใช้ภาษาอังกฤษในรายการ ทั้งที่ IVL ก็เป็นบริษัทในตลาดหุ้นไทยเรา และผู้ดำเนินรายการก็เป็นระดับ ด๊อกเตอร์ ตั้ง 2 ท่าน ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร ผมว่าน่าจะเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศของรายการไปจากแบบเดิมๆนะ :D
โดย
PP
ศุกร์ ธ.ค. 03, 2010 2:12 pm
0
0
Re: ทำบุญอย่างไรดีครับ
ตอนนี้เว็บเรามีเงินล้านกว่า อยากจะตอบแทนสังคมบ้าง จึงน่าจะระบายเงินออกไปไม่ให้เหลือเยอะเกินไป ดร.ไพบูลย์เคยทักว่า เงินก้อนนี้ถ้าปล่อยให้ใหญ่ไปเรื่อยๆจะเป็นปัญหาในภายหลัง ผมเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เรามีแค่พอค่าใช้จ่ายน่าจะดีกว่า ......................................................................................................................................................... :lol: ท่านประธานครับผมใคร่เสนอให้กรุณานำเอา วัตถุประสงค์ของการขอบริจาคแต่เดิมมาแจงให้ทุกคนรับทราบก่อน เสร็จแล้วลองทบทวนพร้อมประเมินและปรับปรุงวัตถุประสงค์ขึ้นมาใหม่เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยขอความเห็นการVoteจากสมาชิกโดยเฉพาะเน้นให้สิทธิและฟังความเห็นผู้บริจาคแต่เดิมว่าอยากให้เงินที่งอกเงยมานั้นต้องการให้เอาไปทำอะไร อย่างที่ท่าน ดร.ไพบูลย์ ท่านกังวลนั้นถูกต้องที่สุด เพราะเรื่องเงินทองไม่เข้าใครออกใคร หากทำอะไรที่คนส่วนใหญ่เห็นว่าไม่ถูกไม่ควร ก็จะเป็นที่ครหาได้ในภายหลัง อันจะนำมาซึ่งความแตกแยกความสามัคคีกันระหว่างสมาชิก ThaiVI ได้ การจัดการเงินก้อนนี้อย่างมีระบบระเบียบ มีกฎเกณฑ์ควบคุม น่าจะดีที่สุด เช่น การตั้งเป็นกองทุน หรือ มูลนิธิ ThaiVI เพื่อทำให้งอกเงยเติบใหญ่ขึ้นแบบทบต้นไปเรื่อยๆ(ตามหลักและแนวทางของ Value Investing นั่นแหละ) แล้วจึงค่อยมาคิดนำดอกผลที่ได้มาตอบแทนสังคม น่าจะดีที่สุด เพราะถ้าหากนำไปทำบุญบริจาค หรือช่วยการกุศล ย่อมทำให้เงินต้นหดหายไป และหากภาวะตลาดหุ้นตกต่ำมูลค่าเงินต้นก็จะยิ่งหดหายมากเข้าไปอีกได้ การเน้นทำบุญโดยจัดทำแหล่งให้ความรู้เรื่องการลงทุนแบบ Value Investing ที่มีคุณภาพมากยิ่งๆขึ้นไปจากที่ ThaiVI ทำอยู่ขณะนี้ ให้แก่คนทั่วไปน่าจะเป็นเรื่องหลักที่ดอกผลดังกล่าวควรจะถูกนำไปใช้ ( สอนให้คนหาปลา แทนที่จะให้ปลาไปเปล่าๆ )
โดย
PP
พุธ ส.ค. 04, 2010 3:03 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
PP
อังคาร ก.ค. 27, 2010 10:39 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
PP
เสาร์ ก.ค. 24, 2010 3:01 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
PP
เสาร์ ก.ค. 17, 2010 10:34 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
PP
เสาร์ ก.ค. 17, 2010 10:23 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
PP
ศุกร์ ก.ค. 16, 2010 10:57 am
0
0
Re: วิธีป้องกันการขายหมู
ซื้อให้ถูกว่ายากแล้ว แต่ขายให้แพงนี่ยากกว่า หุ้นที่ได้ราคาดีมา พอมันขึ้นๆ ใจอยากขาย แต่ถ้าขายไป เราก็ไม่ได้ถือตัวนั้นอีก เพราะ อีกใจอยากจะถือต่อ แต่ถ้าถือต่อก็จะทำให้ไม่ได้ราคานี้อีกก็เป็นได้ แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน อาจจะวิ่งไปไกล ....................................... อาการอย่างนี้เขาเรียกว่า โรคกลัวความสูง ( Acrophobia )กำเริบ ...ปุตุชนมนุษย์เดินดินทั่วไปส่วนใหญ่เป็นกันทั้งนั้น ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นแต่กับเราคนเดียว สาเหตุ: กลัวว่ากำไรในบัญชีที่กำลังพุ่งเอาๆเพราะราคาหุ้นที่ถืออยู่ในมือขึ้นเอาๆจะเสียไป.....เลยเป็นเหตุให้รีบขายออกไป และบางครั้งทำให้เรารู้สึกเสียดายเสียใจ เพราะมันเป็นการขายหมูโดยแท้ ( :pig: ..... :wall: ) .................................................................................................................................................................................................... มีวิธีคิดยังไงครับ [/i] ปรมาจารย์อย่าง Buffett และ Munger ท่านแนะนำว่าให้แก้กันที่เหตุปัจจัย นั่นก็คือ อารมณ์ที่พาไป กล่าวคือ ต้องมีสติตั้งมั่นให้รู้ว่านั่นเป็นเพียงอารมณ์แล้วประคองใจไม่ให้โอนเอียงตามอารมณ์ แล้วหันไปเน้นประเมินวิเคราะห์กิจการอย่างใจเป็นกลางโดยปราศจากอคติใดๆ (พูดง่ายแต่ทำยาก............ ความเห็นส่วนตัวขอผมนะ :) ) ที่มา: "The Not-So-Silent Partner" หน้า 19 จาก Forbes on Buffett ( http://rghost.net/1947807?r=2195 )
โดย
PP
ศุกร์ ก.ค. 09, 2010 11:28 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
PP
พฤหัสฯ. ก.ค. 08, 2010 12:46 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
PP
พฤหัสฯ. ก.ค. 01, 2010 9:44 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
PP
พุธ มิ.ย. 30, 2010 5:08 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
PP
อาทิตย์ มิ.ย. 20, 2010 11:35 am
0
0
Re: บางครั้งก็รู้สึกหวั่นไหว
............. ผมอยากรู้ว่าตอนนี้มีใครกำลังทำแบบผมหรือยังคงมองหาหุ้นก้นบุหรี่อยู่มั่งครับ อยากทราบไว้เป็นกำลังใจ มีใครสายเกรแฮมเพียวๆบ้างครับ ผู้แต่งหนังสือ Margin of Safety (ไม่พิมพ์จำหน่ายแล้ว) ชื่อ Seth Klarman และเป็นผู้บริหารกองทุน Baupost Group ก็เป็น Value Investor คนหนึ่งที่ยังคงยึดถือแนว Pure Graham อย่างเหนียวแน่นตราบจนทุกวันนี้ (28 ปี) ลองไปอ่านบทสัมภาษณ์เขาเมื่อเร็วๆนี้ได้ที่นี่ https://sites.google.com/site/sethklarman2010/
โดย
PP
อาทิตย์ มิ.ย. 20, 2010 11:23 am
0
0
ปู่บัฟ&ลุงเกต สองเพื่อนซี้รณรงค์มหาเศรษฐีบริจาคอย่างน้อย
ไปฟังสัมภาษณ์ Buffett , Bill and Melinda โดย Charlie Rose เมื่อ 16 มิ.ย. 2010 ที่นี่ http://www.charlierose.com/view/interview/11063
โดย
PP
เสาร์ มิ.ย. 19, 2010 4:20 pm
0
0
Sham Gad ท่านใดรู้จักบ้างครับ
ผมตามขุดกระทู้คุณ PP ไปเจอเนื้อหาเกี่ยวกับ QUEST MANAGEMENT INC น่าสนใจมากเลยครับ Firm นี้เค้าเปิดเผยรายชื่อ Stock ใน Port เป็นรายตัวบ้างมั้ยครับ Holding Period เป็นอย่างไรบ้าง ถือยาวไหมครับ ไม่ได้ตาม QUEST MANAGEMENT INC เลยไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมครับ
โดย
PP
เสาร์ มิ.ย. 19, 2010 4:07 pm
0
0
ปู่บัฟ&ลุงเกต สองเพื่อนซี้รณรงค์มหาเศรษฐีบริจาคอย่างน้อย
อ่านจดหมายเชิญชวนเศรษฐีให้บริจาคเงินจาก Warren Buffett จากนี่ครับ http://givingpledge.org/Content/media/My%20Philanthropic%20Pledge.pdf .......................................................................................................................................................................... ........ I've worked in an economy that someone who saves the lives of others on the battlefield with a medal, rewards a greater teacher with thank-notes from parents, but rewards those who can detect the mispricing of securities with sum reaching into the billions . In short, fate's distribution of long straw is wildly capricious. .........................................................................................................................................................
โดย
PP
เสาร์ มิ.ย. 19, 2010 4:03 pm
0
0
Sham Gad ท่านใดรู้จักบ้างครับ
ไปทำความรู้จักเขาได้ที่นี่ครับ http://www.buffettspeaks.blogspot.com/ ที่ผมเคยติดต่อพูดคุยกับเขาและแปลบทความของเขาไว้ที่นี่ครับ http://thinkvalueinvestment.blogspot.com/2007/02/blog-post.html
โดย
PP
เสาร์ มิ.ย. 19, 2010 11:45 am
0
1
ไม่มีหัวข้อ
โดย
PP
อังคาร มิ.ย. 01, 2010 11:39 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
PP
อังคาร มิ.ย. 01, 2010 12:02 pm
0
0
China's Red Flags(ต้นตอวิกฤตเศรษฐกิจโลกครั้งต่อไป)
"I saw the crisis coming. Why didn't the FED ? " คือชื่อบทความที่เขียนโดยคุณหมอ Michael Burry ไว้ใน The New York Times เมื่อ 3 เม.ย.2553 : ตามไปอ่านที่ link ล่างนี้ครับ http://www.nytimes.com/2010/04/04/opinion/04burry.html?pagewanted=1&th&emc=th
โดย
PP
จันทร์ เม.ย. 05, 2010 2:20 pm
0
0
China's Red Flags(ต้นตอวิกฤตเศรษฐกิจโลกครั้งต่อไป)
นักลงทุนที่เป็น VI จริงๆ ชอบการมาของวิกฤตเศรษฐกิจโลกอยู่แล้ว เพราะจะทำให้คนในตลาดหุ้นตกอกตกใจกลัว ขายทิ้งหุ้นแบบไม่คิดชีวิต ทำให้มีหุ้นต่ำกว่ามูลค่าจริง(Intrinsic Value)ไว้ให้ VI จับจ่ายซื้อหาเยอะแยะไปหมด :lol: ดังนั้นบทวิจารณ์ข้างต้นน่าจะเป็นข้อมูลให้ VI ได้กลิ่นตุ๊ๆของวิกฤตมาแต่ไกล จะได้เตรียมเนื้อเตรียมตัวเตรียมใจ เตรียมกระสุนไว้ให้พร้อม อย่ามัวเพลินไปกับ Mr Market แล้วต้องมาทำตาปริบๆ :roll: ตอนที่มีหุ้นราคาลดแลกแจกแถมเยอะแยะไปหมดมาให้ซื้อแต่ปรากฏว่ากระสุนหมด :roll: และคำพูดที่ว่า "ในวิกฤตย่อมมีโอกาส" ถือเป็นคำพูดที่อมตะ มีหมออเมริกัน คนหนึ่ง ชื่อ Michael Burry(ไม่เคยเรียนการเงินการลงทุนใดๆมาก่อนนอกจากวิชาแพทย์ศาสตร์ แต่ศึกษาอ่านเกี่ยวกับการเงินการลงทุนจากหนังสือล้วนด้วยตัวเอง)ได้มองเห็นโอกาสนั้นตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤต subprime mortgage โดยที่นักเศรษฐศาสตร์ หรือ คนที่อยู่ในวงการการเงิน รัฐมนตรีคลัง หรือ ผู้ว่าการธนาคารกลาง ฯลฯ ของอเมริกามองไม่เห็น หรือ มองเห็นแบบลางๆ แล้วไม่ใส่ใจ ไม่สนใจ และคุณหมอ Michael Burry คนนี้แหละได้ฉวยโอกาสจากวิกฤตข้างต้น ปัจจุบันเลิกอาชีพหมอแล้ว และเปลี่ยนอาชีพมาเป็นผู้จัดการกองทุนแทน เขาทำ Short Sales ครับ และรับทรัพย์ :) ลองๆอ่าน Blog นี้เรื่อง Learning from Michael Burry ดู (น่าสนใจมาก) http://streetcapitalist.com/2010/03/24/learning-from-michael-burry/
โดย
PP
เสาร์ เม.ย. 03, 2010 10:45 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
PP
อังคาร มี.ค. 30, 2010 3:07 pm
0
0
สองเซียนระดับโลกกำลังปาฐกถาสด
อันนี้จาก youtube ก้อเจ๋งดี ลองไปดูก็แล้วกัน http://www.youtube.com/watch?v=AmegPcTmWRs NB: ทั้งนี้ต้องคลิ๊กเลือกเป็นตอนๆจาก youtube
โดย
PP
เสาร์ ธ.ค. 26, 2009 9:40 am
0
0
สองเซียนระดับโลกกำลังปาฐกถาสด
คำถาม-คำตอบนี้ก็ดีนะ ซึ่งถามโดยคณบดี Hubbard ที่ถามถึงคุณค่าของการรู้และเข้าใจหลักการอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างดีแล้วยึดเป็นหลักในการทำงาน Buffett ตอบ : จริงๆแล้วเขาเรียนรู้จาก Ben Graham และ Doddถึงหลักเบื้องต้นที่สำคัญและยึดถือมาตลอดโดยไม่เปลี่ยนแปลงเลย หลักนี้ใช้ได้ในทุกสถาณการณ์ แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่ทุกคนในตลาดหุ้นเริงร่า หรือช่วงเวลาที่เลวร้ายของตลาดหุ้น สุดท้ายแล้วเขาไม่กังวลใจเลยเพราะเขารู้ว่ายังไงเสียหลักเหล่านี้ใช้การได้เสมอ :cool: HUBBARD: Warren, one thing you said years ago that's always stuck with me is you never know who is swimming naked until the tide goes out. And that, of course, says maybe there's some value in knowing when it's going to be low tide. It also says there's value in knowing context. How do we develop -- how do we encourage business leaders who understand context and connect the dots? BUFFETT: Well, I think they have learned a lot about that in the last year. Some never learn, you know. At Berkshire, we have actually 70-some managers. I think most of them are a fair amount smarter than they were 15 months ago but they were plenty smart to go in. But, you know, I think that what I learned from a Ben Graham, who came up here every Thursday afternoon. He didn't need to do it, you know. He donated whatever he got paid back to the school and all of that. But having sound principles takes you through everything. And the bedrock principles that really I learned from Graham and Dodd, I haven't had to do anything with them. They take me through good periods. They take me through bad periods. In the end, I don't worry about them because I know they work. [/color]
โดย
PP
เสาร์ ธ.ค. 26, 2009 8:39 am
0
0
สองเซียนระดับโลกกำลังปาฐกถาสด
หรือ เอาแบบหน้าเดียวจบ ไปที่นี่ได้เลย http://www.cnbc.com/id/33901003/print/1/displaymode/1098/
โดย
PP
ศุกร์ ธ.ค. 25, 2009 1:11 pm
0
0
สองเซียนระดับโลกกำลังปาฐกถาสด
ฟังไม่ถนัด ไปอ่านจาก transcript ได้ตรงนี้ครับ ค่อยๆอ่านค่อยๆแปล ได้ความรู้ภาษาดีขึ้นได้ http://www.cnbc.com/id/33901003/
โดย
PP
ศุกร์ ธ.ค. 25, 2009 11:34 am
0
0
ดร. นิเวศน์กำลังกลุ้มใจเรื่องอนาคตรายการ Money Talk Daily
ไม่แน่ใจว่ารายการ Money Talk นี้จะถูกบรรดาโบรคเกอร์ทั้งหลายล๊อบบี้ให้ออกจากผังรายการหรือเปล่า? เพราะ VI เป็นกลุ่มที่ให้ผลประโยชน์ด้านค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้นให้แก่โบรคเกอร์ค่อนข้างจะน้อยมาก เมื่อเทียบกับผู้อยู่ในตลาดหุ้นกลุ่ม Day Traders ที่มีการซื้อขายกันรายนาที รายชั่วโมง หรือ รายวัน ซึ่งกลุ่มหลังนี้ทำให้โบรคเกอร์ทั้งหลายอิ่มหมีพลีมันกับค่าธรรมเนียมมากๆ ดังนั้นหากว่ารายการของท่าน ดร.ไพบูลย์และ ท่าน ดร.นิเวศน์ ยังอยู่ก็เท่ากับเป็นการบั่นทอนรายได้ของเหล่าบรรดาโบรคเกอร์มากขึ้นเรื่อยๆหรือเปล่า ? เขาเลยจึงสมคบกันตอนทำหมัน Money Talk แล้วสวมแทนด้วยรายการที่ชักจูงให้ผู้คนในตลาดหุ้นมาเป็น Day Traders กันเยอะๆ และแน่นอนว่าโบรคเกอร์ทั้งหลายต้องแย่งกันเข้ามาเป็นสปอนเซอร์ให้กับรายการสวมแทนดังกล่าวมากขึ้นแน่ๆ
โดย
PP
พฤหัสฯ. ต.ค. 22, 2009 10:10 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
PP
เสาร์ ต.ค. 17, 2009 1:19 pm
0
0
Hitler Misses the Bull Market
[quote="humdrum"]เข้าใจคิดครับ
โดย
PP
ศุกร์ ก.ย. 04, 2009 2:09 pm
0
0
New Bull Market confirmed !!!!
THE WALL STREET JOURNAL. : JULY 14, 2009. The Economy Is Even Worse Than You Think The average length of unemployment is higher than it's been since government began tracking the data in 1948.. By MORTIMER ZUCKERMAN The recent unemployment numbers have undermined confidence that we might be nearing the bottom of the recession. What we can see on the surface is disconcerting enough, but the inside numbers are just as bad. The Bureau of Labor Statistics preliminary estimate for job losses for June is 467,000, which means 7.2 million people have lost their jobs since the start of the recession. The cumulative job losses over the last six months have been greater than for any other half year period since World War II, including the military demobilization after the war. The job losses are also now equal to the net job gains over the previous nine years, making this the only recession since the Great Depression to wipe out all job growth from the previous expansion. Here are 10 reasons we are in even more trouble than the 9.5% unemployment rate indicates: David Klein . - June's total assumed 185,000 people at work who probably were not. The government could not identify them; it made an assumption about trends. But many of the mythical jobs are in industries that have absolutely no job creation, e.g., finance. When the official numbers are adjusted over the next several months, June will look worse. - More companies are asking employees to take unpaid leave. These people don't count on the unemployment roll. - No fewer than 1.4 million people wanted or were available for work in the last 12 months but were not counted. Why? Because they hadn't searched for work in the four weeks preceding the survey. - The number of workers taking part-time jobs due to the slack economy, a kind of stealth underemployment, has doubled in this recession to about nine million, or 5.8% of the work force. Add those whose hours have been cut to those who cannot find a full-time job and the total unemployed rises to 16.5%, putting the number of involuntarily idle in the range of 25 million. - The average work week for rank-and-file employees in the private sector, roughly 80% of the work force, slipped to 33 hours. That's 48 minutes a week less than before the recession began, the lowest level since the government began tracking such data 45 years ago. Full-time workers are being downgraded to part time as businesses slash labor costs to remain above water, and factories are operating at only 65% of capacity. If Americans were still clocking those extra 48 minutes a week now, the same aggregate amount of work would get done with 3.3 million fewer employees, which means that if it were not for the shorter work week the jobless rate would be 11.7%, not 9.5% (which far exceeds the 8% rate projected by the Obama administration). - The average length of official unemployment increased to 24.5 weeks, the longest since government began tracking this data in 1948. The number of long-term unemployed (i.e., for 27 weeks or more) has now jumped to 4.4 million, an all-time high. - The average worker saw no wage gains in June, with average compensation running flat at $18.53 an hour. - The goods producing sector is losing the most jobs -- 223,000 in the last report alone. - The prospects for job creation are equally distressing. The likelihood is that when economic activity picks up, employers will first choose to increase hours for existing workers and bring part-time workers back to full time. Many unemployed workers looking for jobs once the recovery begins will discover that jobs as good as the ones they lost are almost impossible to find because many layoffs have been permanent. Instead of shrinking operations, companies have shut down whole business units or made sweeping structural changes in the way they conduct business. General Motors and Chrysler, closed hundreds of dealerships and reduced brands. Citigroup and Bank of America cut tens of thousands of positions and exited many parts of the world of finance. Job losses may last well into 2010 to hit an unemployment peak close to 11%. That unemployment rate may be sustained for an extended period. Can we find comfort in the fact that employment has long been considered a lagging indicator? It is conventionally seen as having limited predictive power since employment reflects decisions taken earlier in the business cycle. But today is different. Unemployment has doubled to 9.5% from 4.8% in only 16 months, a rate so fast it may influence future economic behavior and outlook. How could this happen when Washington has thrown trillions of dollars into the pot, including the famous $787 billion in stimulus spending that was supposed to yield $1.50 in growth for every dollar spent? For a start, too much of the money went to transfer payments such as Medicaid, jobless benefits and the like that do nothing for jobs and growth. The spending that creates new jobs is new spending, particularly on infrastructure. It amounts to less than 10% of the stimulus package today. About 40% of U.S. workers believe the recession will continue for another full year, and their pessimism is justified. As paychecks shrink and disappear, consumers are more hesitant to spend and won't lead the economy out of the doldrums quickly enough. It may have made him unpopular in parts of the Obama administration, but Vice President Joe Biden was right when he said a week ago that the administration misread how bad the economy was and how effective the stimulus would be. It was supposed to be about jobs but it wasn't. The Recovery Act was a single piece of legislation but it included thousands of funding schemes for tens of thousands of projects, and those programs are stuck in the bureaucracy as the government releases the funds with typical inefficiency. Another $150 billion, which was allocated to state coffers to continue programs like Medicaid, did not add new jobs; hundreds of billions were set aside for tax cuts and for new benefits for the poor and the unemployed, and they did not add new jobs. Now state budgets are drowning in red ink as jobless claims and Medicaid bills climb. Next year state budgets will have depleted their initial rescue dollars. Absent another rescue plan, they will have no choice but to slash spending, raise taxes, or both. State and local governments, representing about 15% of the economy, are beginning the worst contraction in postwar history amid a deficit of $166 billion for fiscal 2010, according to the Center on Budget and Policy Priorities, and a gap of $350 billion in fiscal 2011. Households overburdened with historic levels of debt will also be saving more. The savings rate has already jumped to almost 7% of after-tax income from 0% in 2007, and it is still going up. Every dollar of saving comes out of consumption. Since consumer spending is the economy's main driver, we are going to have a weak consumer sector and many businesses simply won't have the means or the need to hire employees. After the 1990-91 recessions, consumers went out and bought houses, cars and other expensive goods. This time, the combination of a weak job picture and a severe credit crunch means that people won't be able to get the financing for big expenditures, and those who can borrow will be reluctant to do so. The paycheck has returned as the primary source of spending. This process is nowhere near complete and, until it is, the economy will barely grow if it does at all, and it may well oscillate between sluggish growth and modest decline for the next several years until the rebalancing of excessive debt has been completed. Until then, the economy will be deprived of adequate profits and cash flow, and businesses will not start to hire nor race to make capital expenditures when they have vast idle capacity. No wonder poll after poll shows a steady erosion of confidence in the stimulus. So what kind of second-act stimulus should we look for? Something that might have a real multiplier effect, not a congressional wish list of pet programs. It is critical that the Obama administration not play politics with the issue. The time to get ready for a serious infrastructure program is now. It's a shame Washington didn't get it right the first time. Mr. Zuckerman is chairman and editor in chief of U.S. News & World Report. Copyright 2009 Dow Jones & Company, Inc. All Rights Reserved http://online.wsj.com/article/SB124753066246235811.html#
โดย
PP
ศุกร์ ก.ค. 17, 2009 2:07 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
PP
อังคาร มิ.ย. 09, 2009 11:52 am
0
0
Re: ในต่างประเทศมีเว็บแบบ thaivi.com ไหมครับ
อยากทราบครับว่าเว็บเมืองนอก เช่น ที่อเมริกาหรืออังกฤษ เค้าจะมี discussion & analysis board แบบเราหรือเปล่า เช่น ร้อยคนร้อยหุ้น ของเว็บเรา ผมว่ามันเยี่ยมจริงๆ นะครับ ถ้ามีใครทราบรบกวนขอ link ด้วยนะครับ ถ้าเอาแค่ discussion & analysis มีทั้งของ berkshire hathaway, fairfax และ general discussions(ร้อยคนร้อยหุ้น อย่างThaiVIของเราไม่มี แต่เวลาเขาอ้างอิงที่มาที่ไปของข้อมูล มักมี link ไปยัง articles ที่น่าอ่านมากมาย เยอะแยะ)ก็ต้องที่นี่ http://cornerofberkshireandfairfax.ca/forum/index.php ดูๆแล้ว ThaiVI ของเราน่าจะเอา platform ของ webboardอย่างเขามาใช้ใน ThaiVI โดยเฉพาะมีปุ่มให้กด print จะได้รูปแบบ print out ที่เรียบร้อย ที่นี่เป็นแหล่งชุมนุมของบรรดาเหล่าสาวกของ Warren Buffett ที่เป็นพวก fund managers ในอเมริกา และ แคนนาดา ส่วนมากถือหุ้น Berkshire Hathaway ด้วย ลองๆเข้าไปดูแล้วกัน
โดย
PP
เสาร์ มิ.ย. 06, 2009 11:27 am
0
0
The Master of Money (บทวิจารณ์เนื้อหาThe Snowball )
[quote=".^O-O^"]
โดย
PP
พฤหัสฯ. พ.ค. 28, 2009 2:45 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
PP
ศุกร์ ก.พ. 06, 2009 5:09 pm
0
0
คุณอยากเป็นวอร์เร็น บัฟเฟตต์คนต่อไปใช่หรือเปล่า?
..................................................................... ....................................... ผมขออณุญาตวิจารณ์เนื้อหาของมาร์ค เซลเลอร์ส สักนิด เพื่อแลกเปลี่ยนไอเดียกันนะครับ ............................................................... ................................................ แต่ผมไม่เห็นด้วยที่เขาบอกว่า สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเรียนรู้ได้เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว จะต้องมีมาตั้งแต่เด็ก และบางคนก็มีติดตัวมา บางคนก็ไม่มี .................................................................................. .................................................. ที่ไม่เห็นด้วยเพราะ ไม่มีทฤษฏีจิตวิทยาเล่มไหนเขียนไว้อย่างนี้เลย เขาเขียนขึ้นเองดุ่ยๆ เขียนจากประสบการณ์ส่วนตัวของเขาเอง ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีข้อจำกัดมากมาย ไม่มีหลักฐานอ้างอิงทางวิชาการ กลุ่มตัวอย่างไม่มากพอที่จะสรุปเป็นทฤษฏี ฯลฯ จริงๆแล้วนิสัยหรือพฤติกรรมต่างๆ เปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งก็มีหลายระดับความยากง่าย ตั้งแต่ง่ายๆ เปลี่ยนในชั่วพริบตาเดียว จนถึงยากๆ ที่เรียกว่า สันดอน เปลี่ยนยากๆจนเกือบไม่ได้เลย แต่ 7 ข้อที่เขากล่าว ก็ไม่ได้มีความยากอะไรนักถ้า คนๆนั้น "มีความตั้งใจมากพอ" "มีสติเพียงพอ" หรือมี "กระบวนการที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ" ผมให้ความสำคัญกับ "พรแสวง" มากกว่า "พรสวรรค์" เพราะเป็นสิ่งที่แตะต้องได้ แก้ไขได้ พัฒนาได้ มากกว่า พรสวรรค์ที่เลื่อนลอย ดีๆครับ คุณแผ่วเบา :D ถ้าไม่มีการวิจารณ์ถกเถียงกันก็ไม่เกิดปัญญาหยั่งรู้ (หมายเหตุ: คุณ Markได้ขอออกตัวไว้ตอนต้นๆของการบรรยายแล้วว่า ต้องมีคนถกเถียงสิ่งที่เขาพูดไม่จบสิ้นแน่ๆ แต่เขาไม่ขอต่อล้อต่อเถียงด้วย - เสียดายที่ไม่มีบันทึกช่วงถาม-ตอบไว้ด้วย เลยทำให้เราไม่ได้ฟังความเห็น และจากการถามตอบในที่ประชุม) ผมก็จะลองพูดตามความเห็นของผมดู แต่อาจไม่เหมือนอย่างที่คุณ Mark เขาจะตอบก็ได้ ผมจำคำพูดของ Warren Buffett ที่พูดถึงประโยคนี้เสมอๆเวลาบรรยายเรื่องที่เข้าแก๊บกับจุดนี้: " The chain of habit is too light to be felt but too heavy to be broken !" ซึ่งถ้าถอดเป็นไทยก็คงราวๆว่า "นิสัยต่างๆนาๆที่ติดอยู่ในตัวของแต่ละบุคคลนั้นน่ะเจ้าตัวไม่ค่อยรู้ตัวเองหรอกว่าเป็นอย่างไรและก็เป็นเรื่องยากที่จะสลัดทิ้งนิสัยใดนิสัยหนึ่งออกจากกลุ่มนิสัยต่างๆที่ผูกร้อยโยงกันไว้ติดมากับตัวเองจะตั้งแต่กำเนิดหรือถูกบ่มเพาะไว้กับตนตั้งแต่ช่วงก่อนอายุโตเต็มวัยอย่างที่คุณ Mark พูดมา" ซึ่งมันเป็นเรื่องของจิตวิทยาและอารมณ์ล้วนๆ เรื่องนี้ Charlie Munger ก็สนใจศึกษามากเลยครับถึงกับให้ทุนวิจัยเกี่ยวเรื่องจิตวิทยาเกี่ยวมวลชน ชื่อ Robert B Ciadini อยู่เสมอๆ ถ้าคุณแผ่วเบาสนใจก็ลองไปหาอ่านหนังสือที่แต่งโดยอาจารย์คนนี้ชื่อ The Pschology INFLUENCE of Persuasion ดูนะครับ ผมว่าน่าจะทำให้ได้ไอเดียเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่มากก็น้อยครับ :) ใช่ครับ :lol: ผมเชื่อว่าเรื่องสติเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะจะเป็นตัวช่วยแยกแยะอารมณ์ออกมาจากความเป็นจริงที่มีเหตุมีผล แต่เราต้องเข้าใจเรื่องความเป็นจริงอย่างถูกต้องและแจ่มแจ้งเท่านั้นจึงจะได้รับประโยชน์จากสติโดยไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์ตัวเอง ใครลองไปชักชวนแนะนำให้คนที่เขาถนัดเล่นหุ้นแบบเทคนิค ซื้อขายแบบวันต่อวันให้มาเข้าใจลงทุนแบบ Value ได้ ผมว่าต้องเก่งมากๆ เพราะท่านที่ยึดแนวดังกล่าวมันติดอยู่จนเป็นนิสัยไปเสียแล้ว เว้นแต่เขาผู้นั้นจะมีสติพิจารณาศึกษาเปิดใจกว้างต่อวิธีลงทุนแบบ VI เท่านั้นแหละครับ :)
โดย
PP
พุธ พ.ย. 07, 2007 10:09 am
0
0
300 โพสต์
of 6
ต่อไป
ต่อไป
ชื่อล็อกอิน:
PP
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
งานอดิเรก:
Value Investment/Focus Investment
ความถนัด:
Companion Animal Vet
ที่อยู่:
Chiang Mai
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
เว็บไซต์:
เข้าชมเว็บไซต์
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พุธ มิ.ย. 25, 2003 3:00 pm
ใช้งานล่าสุด:
อาทิตย์ ส.ค. 05, 2018 7:38 pm
โพสต์ทั้งหมด:
435 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.02% จากโพสทั้งหมด / 0.06 ข้อความต่อวัน)
ลายเซ็นต์
"
The man who doesn't read has no advantage over the man who cannot read.
"
Mark Twain
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว