หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
TOMOKI
Joined: พุธ มิ.ย. 25, 2003 1:16 pm
285
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - TOMOKI
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
มาให้กำลัง[ b]ใจ [/b] bsk (มหาชน) ครับผม และขอขอบคุณที่ได้หาบทความดีดีและเป็นประโยชน์มาให้อ่านครับ ผมมั่นใจในเจตนาที่ดีของเพื่อนผมคนนี้ ส่วนเหตุผลไม่ขอโพสต์ก็แล้วกัน เพราะโพสต์ไปก็อาจจะหาว่ามาเข้าข้างเพื่อนด้วยกันเองครับ ขอแก้ไขข้อความนะครับ :)
โดย
TOMOKI
อาทิตย์ ก.พ. 19, 2006 7:13 am
0
0
เรื่องแรกที่ต้องไล่ออก
มาให้กำลัง bsk (มหาชน) ครับผม และขอขอบคุณที่ได้หาบทความดีดีและเป็นประโยชน์มาให้อ่านครับ ผมมั่นใจในเจตนาที่ดีของเพื่อนผมคนนี้ ส่วนเหตุผลไม่ขอโพสต์ก็แล้วกัน เพราะโพสต์ไปก็อาจจะหาว่ามาเข้าข้างเพื่อนด้วยกันเองครับ
โดย
TOMOKI
อาทิตย์ ก.พ. 19, 2006 7:10 am
0
0
กระทู้ที่คุณ Indexthai เขียนคุยกับคุณCK หายไปไหนครับ
กระทู้หรือความเห็นใดๆ ที่ไม่ได้ปฏิบัติตามมารยาทของเว็บบอร์ดนี้ จะถูกลบทิ้งโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า และไม่มีการแจ้งเหตุผล ขอให้สมาชิกและผู้อ่านเว็บบอร์ดทุกท่านโปรดอ่านรายละเอียด กฎ กติกา มารยาท และข้อตกลงในการใช้เว็บบอร์ดจากกระทู้นี้ http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=3660 ผมว่าการที่เราจะยึดติดกับกฎทุกอย่างเลยนั้นก็ดีครับ แต่น่าจะเอาเจตนาของคนโพสต์มาพิจารณาประกอบด้วย พี่ดัชนีไทยของผมเป็นบุคคลที่มีจุดยืนแน่นอนมาโดยตลอด ตั้งแต่สินธร มายัง taladhoon.com รวมถึงที่นี่ การนำเสนอของพี่ดัชนีนั้น มีทั้งคนเห็นด้วยในบางประเด็น และไม่เห็นด้วยในบางประเด็น เพียงแต่ส่วนใดที่คิดว่าเห็นด้วยนั้น คนส่วนใหญ่จะอ่านเฉยๆและเงียบ ส่วนในประเด็นที่ไม่เห็นด้วย ก็จะมีการโต้แย้งกันบ้างก็เป็นธรรมดา เป็นเป็นการโต้แย้ง ในทางวิชาการซะมากกว่าครับ กฎระเบียบผมว่าน่าจะใช้กับบุคคลที่มีเจตนาไม่ดีมากกว่าครับ อย่างพี่ดัชนีนั้นได้นำเสนอประเด็นพวกนี้มานานแล้ว เช่นที่ taladhoon.com ซึ่งขณะนั้นพี่เจ๋ง ก็เป็น moderator ร่วมอยู่ด้วย ก็ยังไม่ว่าอะไร ไม่ลบ ให้แสดงความเห็นได้เต็มที่ (โทษทีนะครับที่เอ่ยชื่อพี่ เพราะผมเคยพบและรู้จักพี่เจ๋งอยู่คนเดียวครับ) ผมว่าการเตือนน่าจะเป็นสิ่งที่ดี สำหรับคนที่เจตนาบริสุทธิ์นะครับ TOMOKI .
โดย
TOMOKI
พุธ มิ.ย. 15, 2005 6:57 am
0
0
กระทู้ที่คุณ Indexthai เขียนคุยกับคุณCK หายไปไหนครับ
มาให้กำลังใจครับ :D .
โดย
TOMOKI
อังคาร มิ.ย. 14, 2005 6:53 pm
0
0
ในที่สุด บริษัทนี้ก็กำลังถูกTake Over
ส่วนปัญหา NPL ของไทยเรานั้นมาจาก การที่ธนาคารไปปล่อยสินเชื่อให้รายใหญ่ๆ เกินกว่าหลักทรัพย์ค้ำประกันค่อนข้างมาก เมื่อลูกหนี้จะเบี้ยวขึ้นมา ก็ต้องยอมตามระเบียบครับ แล้วมีพวก NPL จากสถาบันการเงินที่ถูกปิด ปรส.ก็เอาหนี้ไปเลหลังต่อให้ถูกๆ คนที่ซื้อหนี้จากปรส.ไปบริหาร พอมีกำไรก็ขายแล้วครับ ไม่ต้องได้ครบตามจำนวนหนี้หรอกครับ คนที่ดีแต่ไม่ค่อยจะไหวก็เลยเลียนแบบ แล้วสถาบันการเงินอื่นก็ทำน่าเกลียด ด้วยการไปปล่อยเงินกู้ใหม่ให้พวกลูกหนี้ รายใหญ่ๆเหล่านี้ เอาไปซื้อหนี้ NPL กลับคืนมาด้วย ซึ่งราคาที่ปล่อย ไม่เกิน 50%ของหนี้เก่าครับ และเอาหลักทรัพย์ค้ำประกันจากพวกปรส. มาค้ำประกัน ในหนี้ใหม่ต่อไป สรุปว่าใครซื้อหนี้คืนได้ถูก จะรวยยิ่งกว่า ตอนก่อนเกิดวิกฤตอีกนะครับ .
โดย
TOMOKI
พฤหัสฯ. พ.ค. 26, 2005 7:19 am
0
0
ในที่สุด บริษัทนี้ก็กำลังถูกTake Over
" ขณะที่บัญชีเงินฝากมูลค่าเกิน 10 ล้านบาท มีอยู่ 5 แสนบัญชี ซึ่งน้อยกว่าอีกกลุ่มหนึ่ง 92 เท่า แต่... คิดเป็นมูลค่า 76% ของมูลค่าเงินฝากทั้งหมด เท่านี้ ก็ตระหนักได้แล้วว่า... " " ประเทศนี้อยู่ในมือของคนหยิบมือเดียว " 5 แสนบัญชีนะครับ ไม่ใช่ 5 แสนคน ซึ่งคนหนึ่งอาจจะมีเป็นสิบๆบัญชีครับ ตามนโยบายกระจายความเสี่ยง ของคนที่มีสตางค์เยอะๆครับ (ถ้าไม่เชื่อลองถามคนมีเยอะๆในห้องนี้ซิครับ ว่ามีสมุดบัญชีเป็นปึกๆจริงอย่างที่ผมพูดไหมครับ) .
โดย
TOMOKI
พฤหัสฯ. พ.ค. 26, 2005 7:09 am
0
0
ขอคารวะSpiritของพลพรรคThe Kop
สุดยอด เหนือคำบรรยายครับ :lol: ปีนี้ผลประกอบการออกมาลุ่มๆดอนๆทั้งปี แต่ปลายปีก่อนปิดงบ ก็แสดงศักยภาพ ของบริษัทออกมาเต็มที่ แล้วตบท้ายด้วยการจ่ายปันผลอย่างงาม จนผู้ถือหุ้นยิ้มไม่หุบทั้งวันเลยครับ :rofl: ป.ล.แต่ง่วงครับ และต้องมาทำงานแต่เช้าซะด้วย ก่อนแข่งก็ตื่นเต้น พอหมด 90 นาทีก็ไม่ได้นอนอีก ต่อเวลาอีก แล้วมายิงจุดโทษ แต่พอมิลานยิงจุดโทษไม่เข้า 2ลูกแรก ยิ่งตาสว่างเข้าไปอีก พอเจอร์ราร์ดเขย่าถ้วยแบบสะใจตอนรับถ้วย เท่านั้นละครับ นอนไม่หลับซะแล้วครับ :lol: .
โดย
TOMOKI
พฤหัสฯ. พ.ค. 26, 2005 6:59 am
0
0
ผมไม่ได้ตาฝาด คาดเดา หุ้นพื้นฐานดีตัวนี้ พีอี 2.44 เท่า!!
วันนี้มีเคาะซื้อ 300 หุ้นที่ 75 บาท คุณลูกอิสานเคาะประเดิมเอาฤกษ์หรือเปล่าครับ :D .
โดย
TOMOKI
อังคาร พ.ค. 24, 2005 4:50 pm
0
0
ผมไม่ได้ตาฝาด คาดเดา หุ้นพื้นฐานดีตัวนี้ พีอี 2.44 เท่า!!
ต้นทุนของ ht ต่ำลงมากๆครับถึงกำไรเยอะ เป็นไปได้ไหมครับ ว่าบริษัทสามรถซื้อวัตถุดิบ จากบริษัทที่เกี่ยวข้องกันได้ในราคาต่ำครับ เลยเข้าทางอย่างที่คุณ chatchai บอกไว้ว่า ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่บริหารก็คงสามารถที่จะแต่งงบกำไรขาดทุนของ HT ได้ว่าจะให้กำไรขาดทุนเท่าไร ดังนั้นถ้าอยากจะให้บริษัทกำไรน้อยลงเมื่อไหร ก็อาจจะให้ ht ซื้อวัตถุดิบแพงมากขึ้นก็ได้ครับ ผมเดาเอานะครับ (ผู้ถือหุ้น ht อย่าเขม่นผมเลยนะครับ) :D .
โดย
TOMOKI
อังคาร พ.ค. 24, 2005 4:32 pm
0
0
รบกวนถามพี่ๆ เกี่ยวกับภาษีครับ
ส่วนที่คุณ TOMOKI post กค.0811/05098 นั้นแก้ไม่ยากครับ โดยใช้ กค.0811(กม)/03785 ลงวันที่ 27 มีค 41 คือแก้จากรพ.เป็นผู้เก็บค่ารักษา เป็นโรงพยาบาลให้ใช้สถานที่ครับ ก็จะกลายเป็น 40(6) ครับ และต้องระบุการแบ่งรายได้จากผู้ป่วย ระหว่างแพทย์กับโรงพยาบาลเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยครับ ถึงจะเป็น 40 ( 6 ) โดยสมบูรณ์ครับ จริงๆแนวทางปฎิบัติหลักๆของแพทย์ ก็คือฉบับที่คุณ wpong บอกละครับ มี 6ข้อ เพี่ยงแต่ที่ผมไม่นำมาโพสต์เพราะว่า เพราะผมหาหนังสือฉบับนี้จาก web ของกรมสรรพากรไม่เจอครับ ไปเจอฉบับอื่นเลยมาลงแทนครับ (ไหนๆก็หาแล้ว) หรืออาจเป็นเพราะเลขที่ของหนังสือที่ผมมีอาจจะผิด ตอนแรกผม search หา กค.0875(กม)/03785 ลงวันที่ 27มีค.2541 เลยอาจจะหาไม่เจอมั้งครับ :D .
โดย
TOMOKI
อังคาร พ.ค. 24, 2005 4:14 pm
0
0
ผมไม่ได้ตาฝาด คาดเดา หุ้นพื้นฐานดีตัวนี้ พีอี 2.44 เท่า!!
คราวนี้มาดูที่บริษัทย่อยบ้างครับ ยอดขายของบริษัทย่อยมีจำนวนเกือบเท่ากับ ยอดขายของบริษัทเองเลยนะครับ และกำไรของบริษัทในปี 2004 ทำได้ 270 ล้าน เป็นกำไรจากบริษัทย่อยถึง 216 ล้านเข้าไปแล้ว บริษัทนี้พึ่งบริษัทย่อยมากเกินไปหรือไม่ เพราะในปี 2003 ที่ขาดทุน ก็เพราะบริษัทย่อยนี้ละครับ ที่ทำให้บริษัทนี้ขาดทุนเยอะ (ปี 2003 บริษัทย่อยขาดทุน 119 ล้าน) ดังนั้นถ้าจะลงทุนในบริษัทนี้ ต้องศึกษาบริษัทย่อยให้ดีดีครับ เพราะมีผลกระทบอย่างมีสาระสำคัญต่อบริษัทนี้อย่างมาก โดยเฉพาะบริษัท Upgain Limited ซึ่งจดทะเบียนอยู่ที่ ประเทศ British Virgin Islands ซะด้วย เพราะกำไรที่ได้ก็มาจาก บริษัทนี้เป็นส่วนใหญ่ครับ และสินทรัพย์คือเงินลงทุนในบริษัทย่อยของบริษัทนี้ มีจำนวนถึง 758 ล้าน จากสินทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทประมาณ 1800 ล้านครับ .
โดย
TOMOKI
อังคาร พ.ค. 24, 2005 7:43 am
0
0
ผมไม่ได้ตาฝาด คาดเดา หุ้นพื้นฐานดีตัวนี้ พีอี 2.44 เท่า!!
ที่บริษัทมีกำไรเยอะต้องมานั่งดูต้นทุนขายก่อนเลยครับ ทั้งของบริษัทเองและของบริษัทย่อย ผมสงสัยว่าทำไมจากปี 2003 มาเป็น 2004 บริษัทถึงทำให้กำไรขั้นต้นสูงขึ้นได้มากขนาดนี้ (คือต้นทุนขายต่อหน่วยลดลงเยอะนั่นเอง) ถ้ามาดูในส่วนของบริษัทเอง (ไม่นับบริษัทย่อย) ยอดขายลดลงเล็กน้อย แต่ต้นทุนขายลดลงแบบฮวบฮาบ แล้วในปีต่อๆไป จะคุมต้นทุนขายได้ในระดับนี้ต่อไปอีกไหม ที่สงสัยประเด็นนี้เพราะว่าปี 2003 ขายได้มากว่าปี 2004 แต่ปี 2003 ขาดทุนต่อหุ้นเยอะ พอมาปี 2004 ขายได้ลดลง และกลับมามีกำไรเยอะครับ .
โดย
TOMOKI
อังคาร พ.ค. 24, 2005 7:32 am
0
0
ผมไม่ได้ตาฝาด คาดเดา หุ้นพื้นฐานดีตัวนี้ พีอี 2.44 เท่า!!
ปีที่แล้วเห็นกำไร 27 บาทต่อหุ้น แต่มาจ่ายปันผลแค่ 6 บาทเองครับ เพราะเจ้าขาดทุนสะสมปีก่อนหรือเปล่า แล้วจะกำไรแบบนี้นานไหม จะพลิกเป็นขาดทุนอีกเมื่อไหร ป.ล.เห็นหัวข้อแล้วน่าสนใจ ว่าหุ้นอะไรหว่า เลยคลิกดูคร่าวๆ มองผ่านๆ แล้วก็โพสต์เลย ถ้าข้อมูลผิดพลาดก็ต้องขออภัยนะครับ .
โดย
TOMOKI
จันทร์ พ.ค. 23, 2005 5:45 pm
0
0
ผมไม่ได้ตาฝาด คาดเดา หุ้นพื้นฐานดีตัวนี้ พีอี 2.44 เท่า!!
แต่ปี 2003 กับปี 2002 ขาดทุนนะครับ หุ้นบางปีกำไร บางปีขาดทุน ต้องเข้าใจธุรกิจอย่างลึกซึ้งก่อนลงทุนนะครับ .
โดย
TOMOKI
จันทร์ พ.ค. 23, 2005 5:40 pm
0
0
ใครดูเจาะใจบ้างครับ
น่าอิจฉาชีวิตคุณ chatchai มากๆเลยครับ :D ส่วนผมกว่าได้ทำแบบนั้นคงจะอีกหลายสิบปีมั้งครับ :( .
โดย
TOMOKI
จันทร์ พ.ค. 23, 2005 10:51 am
0
0
เมื่อคืนได้ถ้วยปันผลประจำปีนี้แล้วครับ
ผมรอถ้วยปันผลเหมือนกัน ออกวันที่ 25 ครับ แต่ต้องกำจัดปีศาจแดงดำซะก่อนครับ .
โดย
TOMOKI
จันทร์ พ.ค. 23, 2005 7:48 am
0
0
เครดิตภาษี
ผมว่าเรื่องเครดิตภาษีเงินปันผล ที่นี่พูดกันมาเยอะแล้ว ต้องให้ทาง admin ที่นี่ค้นหาข้อมูลเก่าให้ จะดีกว่ามาอธิบายใหม่ครับ เพราะกระทู้เก่าๆที่นี่ ดีมากๆเลยครับ .
โดย
TOMOKI
จันทร์ พ.ค. 23, 2005 7:40 am
0
0
ถามเรื่องการลงบัญชีอาคาร
ผมเคยพบงบการเงินของบางบริษัท มีการกุ้ยืมเงินมาซื้อที่ดินเพื่อที่จะสร้างโรงแรม แต่เศรษฐกิจไม่ดี จึงไม่มีการก่อสร้าง ดอกเบี้ยจ่ายก็บวกเข้าไปในสินทรัพย์ถาวรทุกปี ในงบกำไรขาดทุนก็ไม่มีดอกเบี้ยจ่าย เป็นสิบปีเลยครับ เยี่ยมไหมครับ ซึ่งถ้าคิดตามหลักจริงๆแล้ว ส่วนผุ้ถือหุ้นติดลบไปนานแล้วครับ ผมไม่แน่ใจว่าที่คุณ chatchai พบมาในกรณีนั้นมันนานแค่ไหนแล้วครับ เรื่องนี้เมื่อก่อนมีปัญหากันพอสมควรครับ เลยมีการออกมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 33 (ใช้แทนฉบับที่ 15) เรื่องต้นทุนการกู้ยืม ซึ่งมีผลบังคับใช้ในรอบระยะเวลาบัญชีหลังวันที่ 1 มกราคม 2542 ซึ่งกรณีนี้ผมว่าน่าผิดหลักการบัญชีนะครับ (ผมคิดเอาเองนะครับ อาจจะผิดก็ได้ครับ) .
โดย
TOMOKI
จันทร์ พ.ค. 23, 2005 7:33 am
0
0
รบกวนถามพี่ๆ เกี่ยวกับภาษีครับ
ดังนั้นการที่จะโอนไปชื่อบุตรก็ถือเป็นเงินได้ของเราเอง แต่ในความเป็นจริงถ้าลูกเราอายุไม่ถึง 10 ปี มันก็ยากนะที่จะถือหุ้นรับปันผล เพราะขอหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีได้หรือในเมื่อไม่มีบัตรประชาชน อีกอย่างเวลาเขาจ่ายปันผลจะจ่ายโดยการโอนเงินผ่านทางธนาคาร หรือไม่ก็จ่ายเป็น cheque ชื่อบุตร บุตรคนนั้นจะเปิดบัญชีธนาคารเองได้หรือ นอกจากจะเปิดในชื่อบิดาหรือมารดาแล้วระบุว่าเพื่อด.ช.หรือด.ญ.ครับ เพราะการเปิดบัญชีสมัยนี้ถ้าไม่มีบัตรประชาชนธนาคารจะไม่ยอมให้เปิดบัญชีครับ ดังนั้นถึงแม้กฎหมายจะไม่ระบุ ก็ทำได้ยากมากอยู่แล้วครับ แต่กรณีเงินปันผลนั้นหมดข้อสงสัย เพราะกฎหมายระบุไว้ชัดเจนครับ .
โดย
TOMOKI
จันทร์ พ.ค. 23, 2005 7:09 am
0
0
รบกวนถามพี่ๆ เกี่ยวกับภาษีครับ
ถ้าซื้อหุ้นในนามของบุตร เวลาได้ปันผลย่อมเป็นเงินได้พึงประเมิน[ม.40<4>]ของบุตร แยกต่างหากจากบิดามารดา เสียใจด้วยครับสำหรับกรณีเงินปันผล และเงินส่วนแบ่งกำไร จากบริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล กฎหมายระบุชัดเลยครับในมาตรา 40(4)(ข) วรรคที่ 2 ดังนี้ครับ http://img.photobucket.com/albums/v494/tomoki2/Untitled-460.gif .
โดย
TOMOKI
จันทร์ พ.ค. 23, 2005 7:02 am
0
0
รบกวนถามพี่ๆ เกี่ยวกับภาษีครับ
เป็นชื่อตัวเอง แล้วเอามาเครดิตภาษีไม่ดีกว่าเหรอ จากที่คุณ cts เล่ามา คงจะเครดิตภาษีได้คืนก็นิดเดียว หรือบางทีอาจจะไม่ได้ด้วย ถ้าบริษัทนั้นเสียภาษีไม่ถึง 30%ครับ รายได้เยอะอย่างนี้ น่าจะให้ป๋าโทเป็นที่ปรึกษาแล้วก็ทิปไปหน่อยดีไหมครับ (ลอดจิม ซักมื้อ หรือstate towerก็ได้) เฮียนันเลี้ยงผมแทนซิ จะรอนะครับ :D แล้วผมเชื่อว่ามีเพื่อนเก่าๆ ยังรอเฮียนัน เลี้ยงอยู่อีกหลายคนนะ :D เอาเงินไปซื้อกองทุนRMF LTF ก็ได้ลดเยอะ ผมว่าคุณ cts คงซื้อเต็มโควต้ากองละ 3แสนไปแล้วครับ .
โดย
TOMOKI
อาทิตย์ พ.ค. 22, 2005 7:33 am
0
0
รบกวนถามพี่ๆ เกี่ยวกับภาษีครับ
เคยของทางMargetting เปิดเป็นคณะบุคคล แต่ทางโบรก ไม่ยอม ทั้งๆที่คณะบุคคลนั้นมีธุรกิจที่แน่นอน และเสียภาษี แต่ต้องการเอากำไรจากคณะบุคคลไปลงทุนต่อ ก็ไม่ได้ ใครทำได้ช่วยบอกหน่อย เพราะทุกๆปี ไม่สามารถเอาเครดิตภาษีได้เลย เพราะฐาน รายได้+ปันผล อยู่ ฐาน 30% แม้ว่ามีทั้ง LTF RMF INS ขอบคุณครับ ใครเป็นmarketing ช่วยตอบทีซิครับ แต่รีบๆหน่อยนะครับ รายได้คุณ cts เดือนนึงหลายแสนเลยนะครับ ไหนจะรายได้จากคณะบุคคลอีก ให้คุณ cts จดคณะบุคคลได้ละก็ ยอดเทรดของมาร์คนนั้นจะพุ่งเลยครับ ใครสนบ้าง อย่าช้านะครับ :D .
โดย
TOMOKI
อาทิตย์ พ.ค. 22, 2005 7:27 am
0
0
ถามเรื่องการลงบัญชีอาคาร
เรื่องดอกเบี้ยการกู้ยืมอาจซับซ้อนสักนิด ถ้าเป็นกรณีที่กู้เงินมาจำนวนหนึ่งเพื่อสร้างอาคาร และที่เหลือเอาไว้ใช้ในการดำเนินงานด้วย ดอกเบี้ยของเงินกู้ยืมสำหรับใช้ในการดำเนินงาน ต้องแยกออกมาต่างหากครับ ห้ามไปเหมารวมอยู่ในต้นทุนอาคารนะครับ .
โดย
TOMOKI
อาทิตย์ พ.ค. 22, 2005 7:16 am
0
0
ถามพี่ๆครับเรื่องขายบ้านอย่างไร เสียภาษีน้อยสุด
ไม่ต้องกังวลมากหรอกครับ ผมเห็นว่าการโอนอสังหาริมทรัพย์ แทบทุกกรณี ถ้าไม่ใช่โอนแบบมรดก ก็ถือเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ โดยมิได้มุ่งทางการค้าหรือกำไร กันเกือบหมดครับ เพียงแต่ในปีนั้นๆ คุณอย่าขายหลายที่ก็น่าจะ ok แล้วครับ .
โดย
TOMOKI
อาทิตย์ พ.ค. 22, 2005 6:50 am
0
0
ถามเรื่องการลงบัญชีอาคาร
ขออธิบายเพิ่มเติมจากคุณchatchai อีกสักนิดครับ อาคารหลังนี้จะลงบัญชีในหัวข้อ construction in progress ซึ่งแสดงรวมอยู่ในหมวด fixed assets (สินทรัพย์ถาวร) แล้วถ้าอาคารหลังนี้เสร็จเมื่อไหร ก็โอนจาก construction in progress หรืออาคารระหว่างก่อสร้าง มาที่บัญชีอาคารครับ และจะเริ่มตัดบัญชีค่าเสื่อมราคา ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายทันทีที่โอนมาเป็นอาคารครับ ดอกเบี้ยจ่ายก็อย่างที่คุณ chatchai บอกครับ ถือเป็นต้นทุนของอาคารด้วยครับ พูดอย่างง่ายๆเลยคือ ค่าใช้จ่ายแทบทุกอย่าง ที่ทำให้เกิดอาคารนี้ขึ้นมา (เช่นค่าที่ปรึกษาสร้างอาคาร ภาษีซื้อที่ขอคืนไม่ได้ ค่าจดทะเบียนอาคารต่างๆ และอื่นๆ) ถือเป็นต้นทุนของอาคารครับ สรุปว่า กรณีนี้ถ้ายังสร้างไม่เสร็จ จะกระทบในงบดุลครับ ไม่กระทบงบกำไรขาดทุน เพราะจะไม่มีทั้งค่าเสื่อมราคา และค่าเสื่อมราคาสะสมครับ .
โดย
TOMOKI
อาทิตย์ พ.ค. 22, 2005 6:43 am
0
0
พ่อแม่ปัจจุบันไปส่งลูกไปโรงเรียนเช้าสุด
ถ้าอนุบาลคงออกสายหน่อย แต่ถ้าเป็นระดับประถมและมัธยม คงต้องออกกันเช้ามั้งครับ เห็นโรงเรียนสมัยนี้เข้ากันก่อน 8โมงเช้าครับ .
โดย
TOMOKI
ศุกร์ พ.ค. 20, 2005 5:19 pm
0
0
รบกวนถามพี่ๆ เกี่ยวกับภาษีครับ
ไปเจอข้อหารือกรมสรรพากรในอดีต ที่น่าสนใจเกี่ยวเงินได้ของแพทย์ครับ เลยเอามาให้อ่านดูครับ http://www.photodump.com/direct/tomoki/Untitled-459.jpg .
โดย
TOMOKI
ศุกร์ พ.ค. 20, 2005 5:16 pm
0
0
งานสัมมนาไทยแวลูอินเวสเตอร์:ทีเด็ดรวยหุ้นหมื่นล้าน
ขอบคุณมากค่ะสำหรับแผนที่ ขอบคุณ คุณ TOMOKI ด้วยครับสำหรับแผนที่ เดี๋ยวจะไปมั่วกับน้อง naris นะ :D :D :D .
โดย
TOMOKI
ศุกร์ พ.ค. 20, 2005 2:45 pm
0
0
ถามพี่ๆครับเรื่องขายบ้านอย่างไร เสียภาษีน้อยสุด
รบกวนต่ออีกนิด "อสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือกำไร"ยังไม่เคลียร์นะ หลักเกณฑ์ทั่วไปที่นำมาใช้ในการพิจารณาว่า เป็นการขายอสังหาริมทรัพย์โดยมิได้มุ่งทางการค้าหรือกำไร 1.ซื้อหรือได้มาเพื่อใช้ประโยชน์แล้วต่อมาขายไป โดยการใช้ประโยชน์นั้นเหมาะสมกับสภาพของอสังหาริมทรัพย์ 2.ระยะเวลาที่ได้มากับการขายห่างกันพอสมควร โดยปกติกรมสรรพากรจะถือระยะเวลา 10 ปีเป็นหลัก ถ้าต่ำกว่า 10 ปีต้องมีเหตุผลประกอบ 3.ผู้ขายไม่มีอาชีพหรือไม่เคยมีอาชีพค้าอสังหาริมทรัพย์ 4.ไม่มีการปรับปรุงที่ดิน และจัดทำสาธารณูปโภคแบ่งขายเป็นแปลงๆ เว้นแต่จำเป็นต้องแบ่งเพราะเป็นที่ดินแปลงใหญ่ หากไม่แบ่งและทำถนนผ่านกลางจะไม่มีผู้ใดซื้อ 5.มีความจำเป็นในการขาย 6.ส่วนราชการต่างๆจัดสรรเพื่อเป็นสวัสดิการแก่ข้าราชการ 7.คณะบุคคลซื้อที่ดินมาเพื่อแบ่งให้สมาชิก เป็นเพียงหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ แต่พอปฎิบัติจริงๆ พอยืดหยุ่นได้ครับ ขอเพียงแต่สรรพากรเชื่อว่า เราไม่ได้มีเจตนาขายอสังหาริมทรัพย์ ที่จะมุ่งทางการค้าหรือทำกำไร หรือขายอสังหาริมทรัพย์บ่อยๆครับ .
โดย
TOMOKI
ศุกร์ พ.ค. 20, 2005 2:38 pm
0
0
ขอคำปรึกษาเรื่องซื้ออาคารสำนักงาน
ถ้าหุ้นส่วนผู้จัดการซื้อตึกขนาด 17 ล้านบาท แล้ว ให้ หจก. ที่ตัวเองถือหุ้นใหญ่อยู่ ในราคา 10,000 บาท/เดือน น่าเกลียดไหมครับ ค่าเช่าคุณจะกำหนดเท่าไหรก็ได้ แต่... สรรพากรเขาจะอิงค่าเช่าตามราคาตลาดครับ เขาจะยอมเชื่อคุณหรือครับ แล้วจริงๆแล้ว ตึกนี้ถ้าเช่ากันจริงๆตามราคาตลาด เดือนละเท่าไหรครับ แล้วหลังจากที่ ผมได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้ว ผมเปลี่ยนจาก หจก.เป็น บริษัทจำกัด โดยใช้ชื่อเดิมได้ไหมครับ อันนี้ผมไม่แน่ใจครับ แต่เข้าใจว่าต้องจดใหม่เลยครับ ส่วนที่เก่าคงต้องจดเลิก ถ้าจะเลิกระวังสรรพากรมาตรวจนะครับ เพราะที่จดเลิกแทบทุกราย สรรพากรจะเข้ามาตรวจเพื่อคำนวณภาษีครับ .
โดย
TOMOKI
ศุกร์ พ.ค. 20, 2005 9:41 am
0
0
ขอคำปรึกษาเรื่องซื้ออาคารสำนักงาน
ผมมองแค่คร่าวๆนะครับ อาจจะผิดพลาดได้ เพราะเวลาช่วงเช้านี้ของผมมีจำกัด อาจจะตกหล่นบางประเด็นได้ ไว้ว่างๆจะมาเพิ่มเติมให้ครับหรือ รอท่านอื่นๆมาตอบเพิ่มเติมครับ แต่ที่สำคัญที่สุดเลยคือตัวเลขที่แน่นอน และเหตุการณ์ที่เป็นจริงๆต่าง (เช่นรายได้ของคุณ และรายละเอียดของ หจก.และอื่นๆ ถึงจะพอตอบได้ชัดครับ) .
โดย
TOMOKI
ศุกร์ พ.ค. 20, 2005 7:32 am
0
0
ขอคำปรึกษาเรื่องซื้ออาคารสำนักงาน
2. ซื้อในนาม หจก. ในกรณีนี้ผมคิดว่าจะต้องเพิ่มเงินลงทุนเข้าไปในทุนจดทะเบียน อีก 5 ล้านบาท หมายความว่าผมจะต้องเสียภาษีในอัตรา 30 % ใช่ครับตอนนี้ทุนจดทะเบียนของคุณแค่ 1 ล้านบาท ถ้ากำไรสุทธิทั้งปีของบริษัทคุณไม่ถึง 1 ล้านบาท เสียภาษีแค่ 15% 1ล้านบาท ถึง 3ล้านบาท เสียภาษี 25% กำไรเกิน 3 ล้านบาทถึงเสีย 30%ครับ ดังนั้นถ้าทุนจดทะเบียนของคุณเกิน 5 ล้านบาท เสียภาษี 30% ครับ ไม่ว่ากำไรสุทธิของคุณจะเท่าไหรก็ตาม ในแง่ความรับผิดชอบของคุณที่ต่อหจก.บ้าง ถ้าทุนจดทะเบียนคุณสูง ความรับผิดชอบของคุณต่อ หจก.ของคุณก็จะสูงตามทุนจดทะเบียนนะครับ ข้อดีบ้างคือ เอาอาคารมาหักค่าเสื่อมราคาได้ปีละ 5% เป็นเวลา 20ปี และยังสามารถนำดอกเบี้ยจ่ายมาหักเพิ่มเติมได้อีกครับ แต่ถ้าเช่าอาคารจากชื่อคุณ ก็หักค่าเช่าได้เช่นกัน ตามค่าเช่าที่คุณเรียกเก็บ ถ้ากรณีนี้ลองเพิ่มทุนไปเป็นแค่ 4 ล้านบาทจะดีไหม แล้วถ้าขาดเหลือไม่มากให้ลงเป็นเงินกู้ยืมผู้เป็นหุ้นส่วนเติมเข้าไปครับ แต่ถ้าคุณเกิดเลิกกิจการ ทรัพย์สินทุกอย่างต้องตีขายหมดนะครับ ทางภาษีจะถือว่าเป็นรายได้ แล้วเอาราคาขายหรือราคาตลาดมาหักกับทรัพย์สินสุทธิ (ราคาทรัพย์สินที่ซื้อมา หักด้วยค่าเสื่อมราคาสะสม) ที่เหลือถือเป็นกำไรที่ต้องเสียภาษีเพิ่มเติมอีกนะครับ .
โดย
TOMOKI
ศุกร์ พ.ค. 20, 2005 7:17 am
0
0
ขอคำปรึกษาเรื่องซื้ออาคารสำนักงาน
ผมตอบคร่าวๆ ก็แล้วกันครับ เพราะรายละเอียดที่ให้ผมมานั้นมันน้อยเกินไป ที่จะนำมาคิดเป็นตัวเลข ว่าอย่างไหนคุ้นหรือไม่คุ้มกว่ากัน 1. ซื้อในนามส่วนบุคคล แล้วให้ หจก.เดิมเช่า ในกรณีนี้จะดีอย่างคืออาคารจะเป็นของคุณโดยถาวร ถ้าบริษัทเกิดเลิกกิจการในอนาคต (ไม่ได้แช่งครับ อย่าเข้าใจผิดนะครับ) ก็ไม่ต้องมาเสียค่าโอนตึกมาเป็นของคุณอีก ซึ่งค่าโอนค่อนข้างแพงเลยทีเดียวครับ แต่ต้องดูค่าเช่าด้วยว่ามันเท่าไหร เพราะถ้าค่าเช่าเกินสักเดือนละแสนขึ้นไป อาจจะไม่ค่อยคุ้มก็ได้ เพราะบุคคลธรรมดาเงินได้จากค่าเช่า ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้แค่ร้อยละ 30 จากนั้นเอาไปรวมกับรายได้อื่นที่คุณมี มาหักค่าลดหย่อน และนำมาคำนวณภาษี ซึ่งผมว่ามันน่าจะเกินอัตราที่ 20%ขึ้นไป เผลอๆอาจจะ 30% ด้วยซ้ำ ถ้ารายได้สุทธิ(หักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนแล้ว) ของคุณเกิน 1 ล้านบาทครับ และอีกอย่างที่ต้องระวังครับ ค่าเช่าตึกนี้ คุณจะได้รับในระยะยาวๆ ดังนั้นแม้ในปีนี้คุณอาจจะไม่มี รายได้อย่างอื่นก็ตาม แต่คุณต้องมองไกลออกไป ในอีกสิบๆปีข้างหน้าว่า คุณจะมีรายได้อย่างอื่น ที่เป็นชื่อของคุณเข้ามาเพิ่มเติมบ้างไหม เพราะถ้ามีรายได้เพิ่มเติมเข้ามา ฐานภาษีจากเงินได้สุทธิของคุณก็จะเพิ่มขึ้น อัตราภาษีก้าวหน้าของคุณก็จะสูงขึ้นตามครับ กองทุน RMF และ LTF รู้สึกว่าจะเอามาหักค่าเช่าไม่ได้นะครับ (ลองเช็คดูอีกทีครับ) .
โดย
TOMOKI
ศุกร์ พ.ค. 20, 2005 7:06 am
0
0
งานสัมมนาไทยแวลูอินเวสเตอร์:ทีเด็ดรวยหุ้นหมื่นล้าน
http://www.thannews.th.com/Banquets/img/MAP.jpg .
โดย
TOMOKI
พฤหัสฯ. พ.ค. 19, 2005 11:32 am
0
0
ฝ่าวิกฤต รุ่น2 เปิดรับสมัครแล้วหรือยัง
ฝากคุณโทโมกิเรื่องอ่านเมล์เป็นตัวยึกยือหน่อยนะ พอดีเห็นกระทู้เก่าๆ ของพี่ครรชิตเค้าเคยเขียนไว้ เอามาฝากเผื่อเป็นกรณีเดียวกันค่ะ อ่านได้แล้วครับ ขอบคุณครับ แต่ต้องแก้กลับเหมือนเดิม เพราะเมลอื่นๆอ่านไม่ได้ เอาไว้ส่งเมลมาแล้วค่อยแก้ เป็นครั้งๆไปนะครับ ป.ล.ฝากบอกคุณนันด้วยนะว่า กล้าให้ผม 40%เลยหรือครับ :D พูดเล่นนะครับ :D ส่วนพี่ภรรเมีย มาชมกันเอง ระวังคนที่นี่เขาเคืองเอานะครับ :D .
โดย
TOMOKI
พฤหัสฯ. พ.ค. 19, 2005 7:39 am
0
0
รบกวนถามพี่ๆ เกี่ยวกับภาษีครับ
กรณีการยืมตัวแพทย์ โดยแพทย์ทำงานรับเงินเดือนประจำที่โรงพยาบาล A แต่ทาง โรงพยาบาล B มาติดต่อยืมตัวแพทย์คนนี้ มารักษาคนไข้ ในกรณีพิเศษ โดยผ่านทางโรงพยาบาล A เป็นผู้จัดหาแพทย์ให้ แล้วจ่ายเงินดังกล่าวให้ทางโรงพยาบาล A จากนั้นโรงพยาบาล A ก็จ่ายเงินพิเศษดังกล่าวให้แพทย์ผู้นี้ นอกเหนือจากเงินเดือนประจำ กรณีนี้ถือเป็นเงินได้ 40 ( 6 ) ครับ แล้วถ้าโรงพยาบาลเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลก็ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 3%ด้วยครับ ส่วนเงินเดือนประจำก็เหมือนเดิมคือ 40 ( 1 ) .
โดย
TOMOKI
พฤหัสฯ. พ.ค. 19, 2005 7:28 am
0
0
รบกวนถามพี่ๆ เกี่ยวกับภาษีครับ
แพทย์รับเงินเดือนจากโรงพยาบาล A เป็นประจำ แต่รับงานประจำคือไปตรวจรักษาพนักงานที่โรงงานแห่งหนึ่ง โดยไปตรวจเป็นประจำ เช่นทุกวันจันทร์ กับวันพฤหัส และกำหนดเวลาที่แน่นอน เช่น 8โมงเช้าถึงเที่ยง รับค่าจ้างเป็นจำนวนที่แน่นอนทุกเดือน กรณีนี้ถือเป็นเงินได้ 40 ( 2 ) ครับ แต่ถ้าแพทย์มาเฉพาะที่โรงงานนั้นร้องขอ หรือเมื่อมีพนักงานเจ็บป่วย คิดค่ารักษาเป็นรายๆไป แม้จะได้รับเงินเดือนละครั้งทีเดียว กรณีนี้ถือเป็นเงินได้ 40 ( 6 ) ครับ .
โดย
TOMOKI
พฤหัสฯ. พ.ค. 19, 2005 7:19 am
0
0
รบกวนถามพี่ๆ เกี่ยวกับภาษีครับ
กรณีที่แพทย์วิ่งรับงานหลายที่บ้าง เช่นแพทย์รับเงินเดือนจากโรงพยาบาล A เป็นประจำ แล้วก็ไปรับงานตรวจรักษาที่โรงพยาบาล B โดยเป็นผู้กำหนดค่ารักษาเอง โดยให้ทางโรงพยาบาล B เรียกเก็บ จากคนไข้ แล้วมาแบ่งเปอร์เซนต์ตามที่ตกลงกันไว้ รับเงินเดือนประจำที่โรงพยาบาล A ก็เป็น 40(1) ส่วนที่โรงพยาบาล B ก็เป็น 40 (6) แล้วถ้าโรงพยาบาล B เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลก็ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 3%ด้วยครับ .
โดย
TOMOKI
พฤหัสฯ. พ.ค. 19, 2005 7:12 am
0
0
รบกวนถามพี่ๆ เกี่ยวกับภาษีครับ
กรณีต่อไปคือรวยขึ้นมาหน่อย เปิดเป็นสถานพยาบาล ตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล โดยมีเตียงรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน กรณีถือเป็นเงินได้ 40( 8 ) ครับ หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละ 75 หรือตามที่จ่ายจริงก็ได้ ถ้ามีค่าใช้จ่ายมากกว่า และผู้มีเงินได้มั่นใจพอที่จะถูกสรรพากรมาตรวจสอบ :D .
โดย
TOMOKI
พฤหัสฯ. พ.ค. 19, 2005 7:04 am
0
0
รบกวนถามพี่ๆ เกี่ยวกับภาษีครับ
กรณีที่แพทย์เปิดคลินิกส่วนตัว ในช่วงเย็นหรือวันหยุด กรณีนี้ถือเป็นเงินได้ 40(6) ครับ ยื่นภาษีปีละ 2 ครั้งคือ ภ.ง.ด.94 กับ ภ.ง.ด.90 หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละ 60 ครับ .
โดย
TOMOKI
พฤหัสฯ. พ.ค. 19, 2005 7:01 am
0
0
รบกวนถามพี่ๆ เกี่ยวกับภาษีครับ
งั้นผมลองยกตัวอย่างที่แพทย์เจอกันบ่อยๆให้นะครับ กรณีอย่างง่ายๆ ก่อนเลย คือ กรณีที่แพทย์รับเงินเดือนเท่านั้น ไม่ว่าจากโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชน กรณีนี้ถือเป็นเงินได้ 40(1) ครับ ภาษีหัก ณ ที่จ่ายคิดเหมือนพนักงานบริษัททั่วๆไปครับ .
โดย
TOMOKI
พฤหัสฯ. พ.ค. 19, 2005 6:58 am
0
0
ฝ่าวิกฤต รุ่น2 เปิดรับสมัครแล้วหรือยัง
คุยกับคุณโทโมกิกิ บ้าง คุยกันเวปไหนก็เรียกว่าคุยเหมือนกัน ทำลายกำแพงได้เมื่อไร เหตุผลที่ไม่ควรปิดกั้นก็จะหายไป ดีใจที่ได้คุยกันครับ :D .
โดย
TOMOKI
พุธ พ.ค. 18, 2005 10:00 am
0
0
ถามพี่ๆครับเรื่องขายบ้านอย่างไร เสียภาษีน้อยสุด
3.มีการมาคิดรวมกะภาษีรายได้ประจำปีที่เป็นขั้นบันไดหรือเปล่า ช่วยหน่อยนะครับ อันนี้ผมไม่รู้เหมือนกัน ต้องลองถามทางกรมสรรพากร แต่ยังไงต้องเสียภาษีรายได้ ณ ที่จ่าย ที่สำนักงานที่ดิน ครับ เงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดก หรือ อสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือกำไร ผู้มีเงินได้สามารถเลือกเสียภาษีตามที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้แล้ว โดยไม่ต้องนำมาคำนวณรวมกับภาษีเงินได้อื่นๆ ในปีภาษีนั้นครับ .
โดย
TOMOKI
พุธ พ.ค. 18, 2005 9:55 am
0
0
ฝ่าวิกฤต รุ่น2 เปิดรับสมัครแล้วหรือยัง
ไม่ได้คุยกับคุณนันซะนาน คงอาจเป็นเพราะต่างคนต่างยุ่งเรื่องงาน แถมแอบกันไปเที่ยวเตร่พักผ่อนมั้งครับ เลยขอยืมพื้นที่ที่ TVI สักหน่อยนะครับ ในการพูดคุย หวังว่าคงไม่ว่ากัน :D ผมว่าวิกฤติเศรษฐกิจแบบปี 40 คงจะยังไม่เกิดในปี 48-49 นี้อย่างค่อนข้างแน่ๆครับ เพราะลองย้อนไปที่ปี 40 ตอนนั้น มีเรื่องที่ทำให้คนไทย shock หลายเรื่องเช่น - การลดค่าเงินบาท ซึ่งคนในรัฐบาลยืนยันมาตลอดว่าไม่ลดแน่ - การปิดสถาบันการเงินกว่าครึ่ง ทำให้คนแตกตื่นอย่างมาก - การกู้ยืมเงินจากต่างประเทศมามาก แต่เอามาใช้ผิดวัตถุประสงค์ แล้วไม่ได้เตรียมการป้องกันความเสี่ยงในเรื่องค่าเงิน - NPL แบบมีก็ไม่จ่าย เพื่อหวังไปซื้อหนี้คืนถูกๆ ทำให้ระบบสถาบันการเงินพิกลพิการ ตัวเลขเศรษฐกิจจากที่เคยเติบโต 7-8% ในช่วงก่อนเกิดวิกฤติ มาติดลบ1.4% ในปี 2540 และติดลบอย่างแรงถึง 10.5% ในปี 2541 อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมเงินพุ่งกันไปถึง 20% (เงินฝากประจำเท่าที่จำได้ประมาณ 15-18%มั้งครับ) แต่ปัจจุบันสถานการณ์ที่รุนแรงดังกล่าว ผมยังมองไม่เห็นเลยครับ น้ำมันขึ้นมาจาก 20 เป็น 58 ก็ยังไม่กระทบมากเท่าไหร พอรับไหว หนี้ภาคเอกชนก็ยังไม่มาก อัตราแลกเปลี่ยนคิดว่าไม่น่าเป็นห่วงครับ มีที่เราคุมไม่ได้อยู่แค่ไม่กี่เรื่องเท่าที่ผมพอนึกออกคือ การเกิดฟองสบู่แตกในจีนและอเมริกาอย่างเฉียบพลัน เหมือนที่ไทยเคยเจอมาในปี 2540 และอีกทีสมัยพลเอกเปรม ในช่วงที่ลดค่าเงินบาทเมื่อ 20 กว่าปีได้มั้งครับ(เผอิญช่วงนั้นไม่ทันรับรู้) และอีกเรื่องน่าจะเป็นสงครามที่ขยายวงกว้างและยืดเยื้อ ซึ่งผมว่าทั้งสองเรื่องยังไม่น่าจะเกิดในปีนี้และปีหน้าครับ อย่างเช่นอเมริกา เขาก็พยายามควบคุมอยู่ และตัวเลขเศรษฐกิจภายใน เขาก็ยังดูดี เพียงแต่ตัวเลขขาดดุลสูงมากเท่านั้น แต่เขาก็พยายามแก้ ทั้งจากการปล่อยค่าเงินดอลล์ค่อยๆอ่อน รวมถึงมาตรการควบคุมการนำเข้าต่างๆ การบีบจีนในเรื่องค่าเงินเพื่อลดตัวเลขการขาดดุล ส่วนจีนก็ยังเป็นเสน่ห์ของนักลงทุนต่างชาติอยู่ ไหนจะโอลิมปิคในจีนอีก การส่งออกก็ไม่มีท่าทีจะลดฮวบฮาบ ตัวเลข GDP ก็น่าจะทรงระดับนี้ไปได้อีกหลายปี แม้จะลดลง แต่ก็คงไม่มากไปกว่านี้เท่าไหรครับ ดังนั้นเศรษฐกิจอาจเป็นเพียงแค่การเติบโตลดลงบ้าง แต่ผมว่าเป็นสิ่งที่ดี ที่จะให้ธุรกิจต่างๆทะยอยปรับตัว การที่จะทำให้เกิดวิกฤติอย่างปี 2540 จึงไม่น่าจะเกิดในปีนี้และปีหน้ามั้งครับ :D .
โดย
TOMOKI
อังคาร พ.ค. 17, 2005 7:24 am
0
0
รบกวนถามพี่ๆ เกี่ยวกับภาษีครับ
คุณ KNOTT ครับ ปัญหาของพวกหมอส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากการจดคณะบุคคล แต่เกิดจากความเข้าใจผิดของเงินได้ ระหว่าง 40(1) , 40(2), 40(6) มากกว่าครับ เรื่องของหมอนี่ปวดหัวกันมามากจริงๆครับ รู้สึกจะมี 40( 8 ) อีกตัวครับถ้าสถานพยาบาล เรามีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย .
โดย
TOMOKI
อาทิตย์ พ.ค. 15, 2005 7:22 am
0
0
รบกวนถามพี่ๆ เกี่ยวกับภาษีครับ
หนังสือสัญญาจัดตั้งคณะบุคคล ในรายละเอียดที่กรอกคือ ชื่อผู้จัดการคณะบุคคล ที่อยู่ รายละเอียดบัตรประชาชน และบุคคลที่ร่วมด้วย ชื่อคณะบุคคล ที่อยู่ที่คณะบุคคลจะใช้ เลือกเอาจากบุคคลในคณะบุคคล และตั้งใครเป็นผู้จัดการคณะบุคคล แล้วก็เซนต์ชื่อครับ ไม่เห็นมีส่วนไหนต้องกรอกวัตถุประสงค์เลยนะครับ คุณ wpong .
โดย
TOMOKI
อาทิตย์ พ.ค. 15, 2005 7:15 am
0
0
รบกวนถามพี่ๆ เกี่ยวกับภาษีครับ
คุณ TOMOKI ครับ จดทะเบียนคณะบุคคลต้องบอกจุดประสงค์ด้วยครับ ผมเคยติดต่อสรรพากรมาแล้ว อันที่จริงคณะบุคคลเขาตั้งขึ้นมาเพื่อกิจการที่ไม่ค่อยเน้นกำไร หรือชั่วคราว เช่น พวกจัดงานกุศล ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีวัตถุประสงค์ที่จะแบ่งปันผลกำไร แต่เมื่อก่อนคนเขาจดเพื่อกิจการที่หวังผลกำไร สรรพากรเลยให้ใส่วัตถุประสงค์ซะเลยปัจจุบันสรรพากรจะยอมให้จดในรูปแบบของห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่จดทะเบียนนิติบุคคลมากกว่าครับ บอกด้วยปากเปล่าไม่ใช่หรือครับ แต่ไม่เห็นต้องจดแจ้งวัตถุประสงค์เลยนะครับ ถ้าเหตุผลที่บอกฟังแล้ว ok เขาก็ให้จดแล้วครับ แล้วหลังจากนั้นเราก็เอาชื่อคณะบุคคลนี้ เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นได้ไม่ใช่หรือครับ .
โดย
TOMOKI
อาทิตย์ พ.ค. 15, 2005 7:09 am
0
0
ถ้าทองคำโลกหลุดไปแถว360$ เป็นลางบอกเหตุอะไรได้บ้าง
ผมว่าที่ลงแรงเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา สัญญาณทางเทคนิคมีผลมากเลยทีเดียวครับ ส่วนที่คุณ hot พูดถึง 360 ผมว่ามันค่อนข้างรุนแรงไปนะครับ แม้ว่ากำลังซื้อจากจีนจะชะลอตัวลง แต่ยังไงก็คงยังซื้ออยู่บ้าง ถ้าเศรษฐกิจของจีนยังเจริญเติบโต ได้ในระดับนี้ (ลดลงจากปัจจุบันไม่มาก) และอีกประเทศที่คุณ hot บอกว่ารวยเงียบ ประเทศนี้ละครับที่จะมาทดแทนกำลังซื้อ ในส่วนที่ขาดหายไปได้ไม่มากก็น้อย เพราะประชาชนประเทศนี้ชอบทองอย่างมาก ถ้าประเทศเขาโตขึ้น กำลังซื้อของประชากรก็มากขึ้น อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ electronic ก็ต้องสั่งซื้อทองมากขึ้น ประเทศเขาก็ต้องเก็บทองเป็นทุนสำรองเพิ่มขึ้น ผมจึงสรุปแบบมั่วๆครับว่าแม้จะลง แต่คงถึง 360 ยากหน่อยครับ ป.ล.จะเอากราฟมาลงประกอบแต่ผมทำไม่เป็นครับ .
โดย
TOMOKI
อาทิตย์ พ.ค. 15, 2005 7:02 am
0
0
คุณ hot ครับมันเกิดอะไรขึ้นครับ
ช่วงนี้คนจ้องมองมาที่จีนกันเยอะมาก ผมว่าอินเดียก็กำลังมาแรงอีกประเทศนะครับ แต่คนพูดถึงอินเดียกันน้อยจังครับ .
โดย
TOMOKI
ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 6:14 pm
0
0
คุณ hot ครับมันเกิดอะไรขึ้นครับ
เหมือนกับว่าเทคนิค จะมาช่วยซ้ำเติมด้วยมั้งครับ .
โดย
TOMOKI
ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 6:04 pm
0
0
256 โพสต์
of 6
ต่อไป
ต่อไป
ชื่อล็อกอิน:
TOMOKI
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พุธ มิ.ย. 25, 2003 1:16 pm
ใช้งานล่าสุด:
-
โพสต์ทั้งหมด:
285 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.02% จากโพสทั้งหมด / 0.04 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว