หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
sipoonya
Sixth Sense Investor
Joined: ศุกร์ ธ.ค. 12, 2008 11:29 am
469
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - sipoonya
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: MoneyTalk@SET7Jun2015เจาะหุ้นเด่นครึ่งหลัง&ข้อคิดจากเซีย
ไว้รอดูอีกที ตอนลงยูทูป (แต่พูดไปตามที่อ่านแล้วกัน จะเงิบทีหลังก็ สมน้ำหน้าตัวเอง 555) ไม่เข้าใจ อ. จะเชิญคุณศิริวัฒน์มาทำไม ทันตแพทย์สม อีกคน คนนึงเป็นอดีตเซียน ที่กะจะรวยจากเอาหุ้นเข้าตลาด อีกคนเน้นขายหนังสือ ถูกบ้างผิดบ้าง น่าเชื่อบ้างไม่น่าเชื่อบ้าง (สองคนนี้มา ก็อีหรอบนี้ แล้วตกลงหลักการของสองคนนี้เขาเซียนยังไง) อุตส่าเป็น หัวข้อ ข้อคิดจากเซียน ทั้งที อาจารย์น่าจะเชิญคนที่ ประสบความสำเร็จจริงๆ จากการลงทุนมามากกว่า (ถ้าจะเชิญคุณศิริวัฒน์ หัวข้อคนเคยเจ๊ง หรือ ทันตแพทย์ สม หัวข้อจิตวิทยาก็ว่าไป จะตรงกว่า) ปล บ่นตามภาษาคนติดตามมานานนะครับ ไม่ได้ไม่เคารพอาจารย์หรือรายการแต่อย่างใด อย่างเทป มันนี่ทอร์ค อันนี้ ถือว่า เยี่ยมมาก ไม่ได้เห็นแขกประมาณนี้ มามันนี่ทอร์ค นานแล้ว LwD0kKHvo7U
โดย
sipoonya
อังคาร ก.ค. 14, 2015 10:26 am
0
6
Re: การฟื้นและปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย/ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ
จริงๆน่าสนใจ บทความต่อไป ว่าเรา(ประเทศไทย)จะ ทำมาหากินอะไร และอย่างไร ถ้าเปรียบประเทศไทย(และประเทศอื่นๆ)เป็นคน เราเป็นคนแบบไหน เรามีคุณสมบัติอะไร และเรามีทรัพย์สินและทรัพยากรอะไร แต่ผมไม่รู้ว่า คนระดับบริหาร/วางแผนกลยุทธ์ของประเทศ เขาคิดอะไร การทำต่อๆกันมา เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง คือ เราอ่อนแอ กว่าศักยภาพที่เราสามารถเป็นได้ ในบอร์ดนี้หลายๆท่านเป็นวีไอ มีวิถีชีวิตแบบวีไอ แม้เราจะอยู่ในโลกทุนนิยม ใช้ทุนนิยมเป็นเครื่องมือหาเลี้ยงชีพ แต่เราก็ไม่เสียวิถีดั้งเดิมของเรา (อันนี้ก็ไม่เคยทำวิจัยหรอก แต่ผมเชื่อตาม ปู่บัฟ กับ อ.นิเวศน์ ว่าวีไอที่ดีควรมีวิถีชีวิตแบบวีไอด้วย) แต่พอลองมองกลับไปที่ประเทศว่าเป็นเหมือนคน เรานี่ไม่วีไอเท่าไหร่เลย ก็เหมือนกับพอเพียงนั่นแหละ มันเป็นเรื่องจิตใจ ความต้องการและเหตุผล(ที่ไม่ไปด้วยกัน) เรา(ประเทศไทย คนส่วนใหญ่)ก็เลยไม่ค่อยพอเพียงกันได้ (ข้อนี้เดาเอา เพราะถ้าเราพอเพียงกันได้มากจริง คงไม่ต้องมารณรงค์โฆษณา) ส่วนตัวมองว่า ประเทศมีศักยภาพ เหมือนคนที่มีที่ดินทำมาหากิน พอเลี้ยงปากท้องได้สบายๆ ถ้าเราขยัน เราก็ไม่น่าอด แต่ในโลกสมัยใหม่ ไม่ใช่วิถีแบบทำเลี้ยงปากท้องแล้ว มันเป็นการทำมาค้าขาย ที่ทำไปทำมาเราก็จะมีความต้องการมากขึ้น จนกลายเป้นไม่พอกินไม่พอใจไป ผมมองว่าถ้าเริ่มจากพอมีพอกิน แล้วขยายไปจากภายในที่แข็งแรง ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่มีศักยภาพจากภายในได้มากกว่าตัวเราเองจะคิดเป็นด้วยซ้ำ ปล อย่าว่าผมนะ เพราะผมก็เบบี๋เหลือเกินในโลกของ/เศรษฐกิจ/เศรษฐศาสตร์ 55555 เพราะบางทีผมก็ไม่เข้าใจพวกมันเหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่ฟระ อ่อ แล้วผมก็ไม่ได้ต้านทุนนิยมนะฮะ 555
โดย
sipoonya
ศุกร์ ก.ค. 03, 2015 12:40 pm
0
4
Re: ลงทุนหุ้นเปลี่ยนชีวิต/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ก็เห็นด้วยกับอาจารย์ เรื่องยุคทองของวีไอ อยู่บ้างเหมือนกัน ในแง่ที่ว่า หาหุ้นที่มี mos มากๆ ไม่ได้ง่ายๆ แล้ว ส่วนนึงก็คิดตามอาจารย์ว่า เพราะตลาดขึ้นมามากแล้ว และอนาคตไทยก็อาจไม่โตมาก แต่อีกส่วนนึงที่อาจารย์ไม่ค่อยพูด คือ นักลงทุน(และสถาบัน)โดยรวม ก็มีความรู้มากขึ้นเหมือนกัน ทำให้โอกาสที่ จะมีคนเห็นมูลค่ากับราคาผิดพลาดมากๆ ไม่ได้มีง่ายๆบ่อยๆ งั้นเท่ากับว่า ส่วนนึงการไปเวียดนาม เป็นการไปในตลาดที่คนในนั้นอาจจะยังไม่มีความรู้เท่า ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องดี(เพราะได้เปรียบ) แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้คิดว่า มันจะเป็นจะตายสำหรับคนหมู่มาก (ที่ต้องไป) การลงทุนในประเทศไทย หรือที่ไหนๆ ด้วยหลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ยังใช้ได้และใช้ที่ไหนก็ได้ และแม้ตลาดหรือเศรษฐกิจ หรืออนาคตประเทศไทยอาจจะดูไม่ดีเท่าเวียดนาม แต่คิดว่าก็น่าจะ มีนักลงทุนวีไอที่ลงทุนในประเทศไทย ทำผลตอบแทนมากกว่า 15% ได้อยู่ตลอด เพียงแต่อาจจะไม่ใช่ยุคทองที่ง่ายๆและใครก็ทำได้ แต่อาจจะต้องเป็นนักลงทุนที่มุงมั่น (ซึ่งวีไอทุกคนก็คงพยายามกันอยู่แล้ว ที่จะเป็นนักลงทุนที่ดีขึ้นเรื่อยๆ) ข้อนี้ ตัวเองก็ไม่อาจยืนยันได้ทั้งหมด แต่ถ้ามองตามหลักการแล้วน่าจะใช่ เพราะงั้น ส่วนตัว เลยคิดว่า ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นหรอกมั้ง อีกอย่าง อาจจะเพราะดูเหมือนที่อาจารย์เขียนข้อด้อยเวียดนาม มันยังไม่ด้อยพอ เพราะ จริงๆการลงทุนในสิ่งที่ไม่รู้นั่นแหละเสี่ยงที่สุด ปล. ไม่ได้แย้งอาจารย์หรอกนะครับ แค่ขอแสดงความคิดเห็นเล็กๆบ้าง ส่วนสุดท้ายใครจะไปไหน จะลงตัวไหน นักลงทุนล้วนแต่ต้องมีความคิดอิสระกันอยู่แล้ว เนาะ
โดย
sipoonya
ศุกร์ มิ.ย. 19, 2015 11:05 pm
0
15
Re: ระเบิดเวลาประเทศไทย/ ดร.วีรไท สันติประภพ
สรรพากร อีกอัน อย่างขอคืนภาษีสะดวกขึ้นทุกปีเลย 55
โดย
sipoonya
ศุกร์ เม.ย. 03, 2015 2:34 pm
0
1
Re: A Golden Decade of Thai Value Investors
ขอบคุณมากที่เอามาแบ่งปันครับ และรู้สึกขอบคุณอาจารย์มากๆที่ให้ความรู้มาตลอด
โดย
sipoonya
พฤหัสฯ. ม.ค. 29, 2015 6:02 pm
0
0
Re: "...คนธรรมดาให้เลิกเล่นหุ้นเถอะ..."
จริงเหรอที่ ปู่บัฟ ต้องจ้างคน 500 คนมาช่วยวิเคราะห์ ใครรู้วานแถลงไขหน่อย เท่าที่เคยอ่าน เลาๆว่ามีพนักงาน 13 คนเองมั้ง แถมทำงานสี่วันเองด้วย จ้างคนช่วยวิเคราะห์นี้ดูไม่น่าใช่ปู่เลยแฮะ
โดย
sipoonya
พุธ ส.ค. 27, 2014 10:26 am
0
2
Re: ทำอย่างไรดีหุ้นตก?
จะมือใหม่มือเก่า มันก็ขาดทุนได้เหมือนกันแหละ จะถามเพราะเสียดสี เตือนสติ หรือเปิดกว้างมุมมองใหม่ๆ มันก็อยู่ที่อคติของเราเอง บางทีปฏิเสธไม่ได้ ว่าที่นี่ก็ชอบเหยียบย่ำ หรือดูถูกคนอื่น แนวอื่นอยู่ไม่น้อย แต่ก่อนมีคนถามไว้เยอะแล้วข้อดีข้อเสียของแต่ละแนว แต่ละที่ แต่ละสำนัก เซิจหาดูได้ ใจนึงก็อยากเห็นบรรยากาศเก่าๆ ที่มีคนเก่งๆ ให้มุมมองดีๆหลายแง่ แบบไม่กลัวเปลืองตัว แต่คงยากแล้ว อย่างว่าถ้ามันเสียมากกว่าได้คงไม่มีคนชอบ ในตลาดคนเราสามารถทำกำไรได้มากกว่าหนึ่งวิธีนะครับ สำหรับคำตอบของคำถาม (แบบก็ต้องตอบซะหน่อยป่ะ 55) จะทำยังไงดีนั้น คำตอบมันต้องรู้ตั้งแต่ตอนซื้อแล้วหรือเปล่าครับ ถ้าเราซื้อโดยไม่รู้ว่า ตกไปเท่านี้แล้วทำยังไง ขึ้นไปเท่านี้แล้วทำยังไง เกิดเหตุการณ์เป็นไปตามที่คิด ดีกว่าที่คิด แย่กว่าที่คิดแล้วจะทำยังไง ก็ควรย้อนกลับไปเริ่มต้นที่ เราซื้อมันเพราะอะไร ก็จะเจอวิธีตอบเองว่าจะต้องทำยังไง
โดย
sipoonya
เสาร์ มิ.ย. 21, 2014 5:42 pm
0
6
Re: Spiritual Freedom/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ไม่เข้าใจประโยคนี้ของท่านค่ะ “อิสรภาพทางใจ” ที่มองอีกด้านหนึ่งอาจจะเป็นสิ่ง “หรูหรา” ที่หลายคนไม่อาจจะแสวงหาได้ง่ายนักแม้ว่าเขาจะมีเงินมากยิ่งกว่า เดาๆนะฮะ อิสระทางใจของอาจารย์ อาจจะหมายถึงการเป็น เสรีชน คือ เป็นอิสระทางความคิด และสามารถใช้ชีวิตไปตามที่ตัวเองเชื่อได้ ซึ่งบางคน ก็ไม่อาจทำได้แม้จะมีเงินทองมากแล้ว เพราะเขาต้องไป ผูกติดกับอะไรบางอย่าง อันนี้ไม่ได้หมายถึงนอกกรอบซะทุกอย่าง แต่ถ้าอันไหนไม่เห็นด้วยก็ไม่ทำ แต่บางคนไม่สามารถออกจากกรอบได้ ไม่ว่าจะเห็นด้วย หรือไม่ก็ตาม ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เขาออกไม่ได้ก็อาจจะเป็น อย่างอื่นที่ไม่ใช่เงิน ส่วนคำว่าหรูหรา ไม่แน่ใจว่าอาจารย์เล่นคำหรือเปล่า เพราะอิสระทางใจบางคนเอาไปใส่กับศาสนา ใส่กับความพอเพียง ซึ่งมันเรียบง่าย ติดดินไม่หรูหรา ในทางกลับกัน บางคนยากจนมองว่า อิสระ คือต้องร่ำรวยหรูหรา แต่สำหรับคนร่ำรวยหรูหรา อิสระที่หรูหราของเขา ก็อาจไม่ใช่ความร่ำรวย ก็เดาๆมั่วๆนะฮะ ถ้าไงก็รอฟังอาจารย์ ในรายการวิทยุนะฮะ รายการรู้ใช้เข้าใจเงิน วัน จ ลองกูเกิลดูนะท่าน
โดย
sipoonya
เสาร์ ก.พ. 15, 2014 7:16 pm
0
0
Re: Advanc ถือเป็นข้อยกเว้นของหุ้นที่มี ROE สูงไหมครับ
โพสต์เล่นๆ อย่าถือสาผมนะครับ ไม่มีหุ้นตัวไหนที่เหมือนกัน สัดส่วนจึงทำให้เทียบกันได้ แต่ความจริงแล้ว คุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ ถ้าเชิงปริมาณแตกต่างกันชัดเจน ก็ไม่มีอะไรต้องพูดถึง ว่าอะไรดีกว่า แต่ถ้าไม่ชัดเจนแล้ว แค่ดูเอาเกณฑ์คร่าวๆ แล้วใส่ใจคุณภาพดีกว่า roe บางท่านไม่ใส่ใจด้วยซ้ำ บอกประมาณว่า มันผิดจุดตรง ส่วนผู้ถือหุ้นนี่แหละ มันไม่ใช่ผลตอบแทนของเราจริง ไม่ใช่โกรทจริง ก็นะแล้วแต่คน ที่น่าสนใจคือ พัฒนาการของroe มากกว่าที่ดูเป็นรายปี หรือเปรียบเทียบ บ อื่น นอกนั้นก็หนี้ การลงทุน อัตราการจ่ายปันผล ดังที่หลายๆท่านว่ามา สุดท้ายก็ต้องไปจบที่ตัวธุรกิจอยู่ดี เพราะตัวเลขมันมีที่มาได้หลายแบบครับ
โดย
sipoonya
อาทิตย์ พ.ย. 17, 2013 11:09 am
0
1
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
ราคา กับ มูลค่า เป็นคนละตัวกัน จงมองไปที่มูลค่า แล้วซื้อในราคาที่เราพอใจ คำว่าพื้นฐานเป็นสิ่งที่เปลี่ยนยากอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น จงลงทุนในสิ่งที่คุณเข้าใจ ปู่บอกว่า ถ้ามีไอเดียดีๆ ก็ทำ ไม่มีก็อยู่เฉยๆ และไอเดียดีๆในการลงทุนคงไม่มาทุกวัน นอกจากนั้น ก็อย่าไปอิจฉาชาวบ้านเขา ให้ยินดีกับเขาไปดีกว่า ของผมก็ประมาณนี้
โดย
sipoonya
พฤหัสฯ. พ.ย. 07, 2013 8:19 pm
0
7
Re: อะไรคนแน่น?
อ่านแล้วนึกถึง วัฒนธรรมเภท ที่อาจารย์นิเวศน์เขียนเลย ก็อาจจะเป็นอย่างที่ พี่ picatos บอกก็ได้ ไม่ทราบเหมือนกันแต่สนุกดี บางทีก็จะรู้สึกว่า มนุษย์จะยิ่งขัดแย้งในตัวเองมากขึ้น ณ จุดนี้ ยิ่งรู้สึกนับถือบัฟเฟตต์จริงๆ ในการลงทุนในสิ่งที่เปลี่ยนยาก :8)
โดย
sipoonya
เสาร์ พ.ย. 02, 2013 10:00 am
0
3
Re: หุ้นโรงงาน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
หุ้นโรงเรือน Contributed by ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ระยะนี้มีหุ้นกลุ่มหนึ่งที่มีราคาปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น หุ้นกลุ่มนี้กระจายอยู่ในหลายหมวดอุตสาหกรรมและทำธุรกิจแตกต่างกันออกไปค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มนี้มีคุณลักษณะร่วมที่คล้ายคลึงกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือ หุ้นกลุ่มนี้เป็นหุ้นที่มีทรัพย์สินที่ใช้ทำมาหากินหลักที่เป็นอาคารหรือเป็นโรงเรือนหรือเป็นร้านค้า เหตุผลที่ทำให้หุ้นโรงเรือนมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในช่วงนี้ผมคิดว่าเหตุผลหนึ่งอาจจะมาจากการที่ราคาของอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคาร ที่ดิน หรือสิทธิการเช่าต่าง ๆ มีราคาปรับตัวขึ้นหลังจากที่เศรษฐกิจฟื้นจากภาวะวิกฤติ ดังนั้น กิจการที่มีทรัพย์สินที่เป็นอาคาร ที่ดิน มาก ก็จะได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของราคาทรัพย์สินนั้น และนักลงทุนเริ่มเห็น เหตุผลข้อสองก็คือ การที่ธุรกิจต้องอาศัยอาคารโรงเรือนในการประกอบธุรกิจ นั่นหมายความว่าลูกค้าต้องเดินทางมาใช้บริการ และนั่นหมายความว่า ลูกค้าอาจจะไม่อยากเดินทางไกลเพื่อไปหาซื้อของหรือบริการจากคู่แข่งหรือร้านอื่นถ้าผลประโยชน์ที่จะได้รับไม่คุ้มที่จะทำ นี่อาจจะก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Local Monopoly หรือการผูกขาดในท้องถิ่นเนื่องจากทำเลของสถานที่ให้บริการ เหตุผลข้อสุดท้ายอาจจะเป็นเรื่องของทำเลที่กิจการมีอยู่อาจจะโดดเด่นมากและเป็นทำเลที่หาไม่ได้อีกหรือหาได้ยากมาก หรือเรียกว่าเป็น Strategic Location ดังนั้น กิจการจึงมีความได้เปรียบอย่างยั่งยืน และความได้เปรียบนี้กำลังแสดงให้เห็นชัดขึ้นเรื่อย ๆ ว่าสามารถทำเงินได้มากขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน มีเหตุผลอื่น ๆ ด้วยที่เข้ามาประกอบที่ทำให้บริษัทมีความโดดเด่นและทำกำไรได้ดีนอกจากเรื่องของโรงเรือน ทั้งในด้านของแนวโน้มอุตสาหกรรม ผู้บริหาร และอื่น ๆ แต่การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่โดดเด่นในช่วงนี้ผมคิดว่าหนีไม่พ้นว่าส่วนสำคัญอย่างหนึ่งน่าจะเกิดจากปัจจัยทางด้านของโรงเรือนจนน่าจะพูดได้ว่าเป็น คลื่นของหุ้นกลุ่มโรงเรือน เพราะหุ้นจำนวนมากในกลุ่มนี้ปรับตัวขึ้นกันเป็นระลอก มาดูกันว่ามีหุ้นกลุ่มไหนบ้าง หุ้นกลุ่มแรกก็คือ หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่หรือ Modern Trade ที่ผมเคยพูดไว้ในหลายโอกาสหุ้นกลุ่มนี้เป็นสุดยอดของหุ้นโรงเรือน เพราะมีร้านค้ากระจายกันไปมากมายทั่วประเทศ การแข่งขันกับคู่แข่งมักจะมีจำกัดด้วยเงื่อนไขของระยะห่างของแต่ละร้านซึ่งก่อให้เกิด Local Monopoly อ่อน ๆ และนี่ทำให้หุ้นในกลุ่มนี้มีราคาปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นมาเป็นเวลาพอสมควรและน่าจะเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในตลาดหลักทรัพย์กลุ่มหนึ่งในช่วงนี้ หุ้นของกิจการที่ขึ้นชื่อด้วยคำว่าโรงดูเหมือนว่าจะมีความโดดเด่นและดีขึ้นต่อเนื่อง เริ่มจากหุ้นของโรงพยาบาลบางแห่งที่มีชื่อเสียงโดดเด่น ตามมาด้วยโรงพยาบาลที่ขยายตัวเร็ว และสุดท้ายถึงโรงพยาบาลทั่ว ๆ ไป ทั้ง ๆ ที่ในอดีตโรงพยาบาลเป็นหุ้นที่เงียบเหงาไม่ไปไหน โรงพยาบาลนั้น ชัดเจนว่ามีอำนาจในการผูกขาดในระดับท้องถิ่นไม่น้อย และโรงพยาบาลนั้นมักจะไม่ต้องแข่งขันกันทางด้านราคามากนัก ทำให้กำไรของโรงพยาบาลค่อนข้างจะสม่ำเสมอและเพิ่มขึ้นอย่างมีเหตุผลโดยที่อำนาจต่อรองของลูกค้าแทบไม่มี หุ้นที่ขึ้นต้นด้วยคำว่าโรงกลุ่มต่อไปก็คือหุ้นโรงแรม หุ้นกลุ่มนี้ที่โดดเด่นน่าจะเริ่มจากโรงแรมที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีธุรกิจอื่นประกอบเฉพาะอย่างยิ่งก็คือร้านอาหาร ตามมาด้วยโรงแรมที่ดูเหมือนว่าจะมีทรัพย์สินคือตัวโรงแรมที่มีค่าสูงถ้าจะสร้างใหม่ และในที่สุดก็คงตามมาด้วยโรงแรมทั่ว ๆ ไป หุ้นโรงต่อไปก็คือหุ้นโรงงานหรือหุ้นที่ทำโรงงานขายและ/หรือให้เช่า ซึ่งก็น่าจะเกิดจากการที่ทรัพย์สินมีค่ามากขึ้นเมื่อมีการขายทรัพย์สินออกไปเฉพาะอย่างยิ่งโดยผ่านทางกองทุนอสังหาริมทรัพย์ก็ทำให้เกิดกำไรอย่างมีนัยสำคัญและมีผลทำให้หุ้นมีผลงานที่โดดเด่นน่าประทับใจ หุ้นโรงเรือนที่สร้างผลงานได้ดีพอสมควรยังประกอบไปด้วยหุ้นของกิจการภัตตาคาร หุ้นโรงภาพยนต์ หุ้นที่ทำช็อปปิงมอล และอาจจะมีหุ้นอื่น ๆ ที่ผมคิดไม่ถึงและไม่มีพื้นที่พอที่จะบรรยายได้หมด แต่ก็เป็นจุดที่นักลงทุนสามารถที่จะไปค้นหาและอาจจะพบหุ้นที่เข้าข่ายนี้ซึ่งอาจจะมีศักยภาพที่จะทำกำไรที่โดดเด่นได้ ข้อที่น่าสังเกตก็คือ หุ้นของบริษัททำบ้านจัดสรรขายนั้นในความเห็นของผม ไม่ใช่หุ้นโรงเรือน เพราะในภาวะปัจจุบันนั้น บริษัทส่วนใหญ่ไม่สะสมที่ดินเพื่อพัฒนาอย่างในสมัยก่อน [b]อย่างไรก็ตาม คงไม่ใช่ทุกบริษัทหรือทุกหุ้นที่เป็นหุ้นโรงเรือนแล้วจะต้องเป็นหุ้นที่ดีน่าลงทุนไปหมด เพราะหุ้นโรงเรือนบางตัวอาจจะไม่ดีจริง หรือหุ้นโรงเรือนบางตัวอาจจะมีราคาขึ้นไปสูงมากเกินไปแล้ว การลงทุนที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นหนีไม่พ้นที่จะต้องวิเคราะห์ตามมาตรฐานของ Value Investment ทุกประการ การเป็นหุ้นโรงเรือนนั้น อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการวิเคราะห์ เพราะนี่เป็น คลื่น ที่น่าจะก่อตัวขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว
โดย
sipoonya
ศุกร์ ต.ค. 11, 2013 4:55 pm
0
1
Re: DVD งาน 10 ปี Thai VI สั่งซื้อได้แล้ววันนี้ (ผลิตครั้งเด
sipoonya / 1 ชุด / 550.23 บาท / ไทยพาณิชย์ / 12-09-2556 /21:24 ส่ง ศิริปุณย์ ดิสริยะกุล 108/18 บางขุนนนท์ บางกอกน้อย กรุงเทพ 10700
โดย
sipoonya
พฤหัสฯ. ก.ย. 12, 2013 10:16 pm
0
0
Re: ขอเชิญร่วมแสดงมุทิตาจิต แด่ ดร.นิเวศน์ 60 ปี ผ่านช่องทาง
อาจารย์เป็นตัวอย่างที่ดีมาตลอด ทั้งในการลงทุนและการใช้ชีวิต ในระยะเวลาที่ผ่านมา ผ่านทั้งจุดที่ดี เฉยๆ และวิกฤติ หลักการ ความคิด คำพูด และบทความของอาจารย์ เป็นเครื่องพิสูจน์ ถึงคุณค่าในวิถีของนักลงทุนแนวคุณค่าตลอดมา ขอให้อาจารย์สุขภาพแข็งแรง อยู่เป็นตัวอย่างให้นักลงทุนในแนวทางเน้นคุณค่าไปนานๆครับ
โดย
sipoonya
อังคาร ส.ค. 13, 2013 11:30 am
0
3
Re: ถ้าอยากทราบว่าบริษัทมีการ Reinvest ควรใช้ดัชนีตัวใดวัดคร
เดาๆมั่วๆตอบเอานะครับพี่ ผิดถูกแก้ไขให้ด้วย :oops: แต่รู้สึกสนุกมาก เอาอีกๆฮะ :) 1 airline roic=4 wacc=6 oil refinery ควรroicเท่าไหร่ - ตอบแบบ เดาๆว่า อย่างน้อยต้องทำให้ roicรวม > waccรวม ถึงจะคุ้ม แล้วsynergyเป็นกำไรส่วนเพิ่ม สมมุติเอางบมาคอนโซกัน IC จะเท่ากันเอา returnบวกกันได้เลย (4+roicโรงกลั่น)/(100+icโรงกลั่น) > (6+waccโรงกลั่น)/(100+icโรงกลั่น ) ขอตอบ roicโรงกลั่นต้อง > 2+wacc โรงกลั่น 2 บ. a มี ROIC =40 มี WACC=10 บ. a จะไปซื้อ บ. B ซึ่ง บ. B มี ROIC=4 มี WACC=12 - ขอตอบ กำไรมากขึ้น แต่ทำลายมูลค่า 3 Asset Turnover มีผลต่อ ROIC หรือไม่ อย่างไร อยากได้ ต.ย. case จริงชัดๆ? - ตามสูตรที่ยกมา roic = nopat/IC = nopat/sales * sales/IC nopat/sales เทียบเคียง net margin ,sales/IC เทียบเคียง asset turnover ขอตอบ มีผลแบบแปลผันตรง แต่ขึ้นกับ net margin ด้วยว่าเป็น+หรือ- มากหรือน้อย เช่น โรงกลั่นสต็อกน้ำมันราคาแพงไว้เยอะ แต่ตอนขายราคาตกทำให้ขาดทุน(net margin -) เพราะงั้นยิ่งขายมากขายเร็วเท่าไหร่(asset turnover +)ก็ยิ่งขาดทุนมากเท่านั้น (ข้อสังเกตุว่า asset turn ไม่มี - ด้วยหรือเปล่าครับ ทำให้เป็นตัวแปรที่เป็น+เฉยๆ แต่ net margin ติด -ได้) 4 เราจะ สรุปได้ ไหมว่า ROIC เฉลี่ย ของ อุตสาหกรรม เป็นกรอบ การแข่งขัน ทำให้ บ. ยากที่จะทำ ผลตอบแทน สูงกว่า ค่าเฉลี่ยของ industry เช่น airline ยากที่จะ ทำ ROIC สูงกว่า 4%? แต่ softdrink ทำ ROIC ได้ 15-20% ได้อย่างสบาย?? - ขอตอบ ยากแต่ไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในการลงทุนก็ขึ้นกับต้นทุนของเงินทุน กับ reinvestmet rateด้วย น่าจะมองเป็นกรณีๆไปมากกว่า เพราะอย่าง softdrink ก็ใช่ว่าจะดีไปซะหมดทุกตัว airline ก็ใช่ว่าจะเลวหมดซะทุกตัว เพราะบางที roic สูงๆ จะดึงดูดผู้เล่นใหม่ๆเข้ามาด้วยทำให้ ค่อยๆลดลง เพราะงั้นmoat เลยสำคัญกว่า 5 ธุรกิจที่ Capital Intensive (โรงไฟฟ้า) {ซึ่งลุงบัฟ ก็มี } ซึ่งมักมี ROIC ต่ำ นั้น มันยังมีประเด็นที่น่าลงทุนกว่า ธุรกิจ แบบ SeeCandy หรือ สถานีโทรทัศน์ ที่ ใช่ Capital น้อย ใช้ Intangible Asset สูง หรือไม่ ถ้าไม่ ทำไม ลุงบัฟ จึง ลงทุนใน MidAmerican Energy กับ BNSF? (ลุงเห็นอะไร ?) -ขอตอบ มีเพราะ Capital Intensive มักจะมีหนี้เยอะ ทำให้ต้นทุนเงินทุนต่ำ ถ้าสามารถจ่ายหนี้ได้ ก็สบาย ยิ่งถ้าเป็นกิจการที่จำเป็น อย่างรถไฟ โรงไฟฟ้า ที่มีกำไรแน่นอนมั่นคงด้วย (รถไฟไทยไม่นับนะฮะ) แต่คงต้องดูไปในรายละเอียดเรื่องหนี้ว่า ใครเป็นเจ้าหนี้ด้วย ระยะเวลาสัญญาในการจ่ายดอกเบี้ยด้วย (เดาๆนะครับ ผมลองไปดู งบดุลแล้ว แนวโน้มว่าหนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเลยนะครับ ) ุ6 Capital Intensive ทำให้ ROIC ต่ำจริงหรือไม่ ? - ขอตอบ ไม่เสมอไป ขึ้นกับต้นทุนของเงินทุนด้วย ขึ้นกับสิ่งที่ลงทุนเพิ่มไปทำกำไรแค่ไหนด้วย
โดย
sipoonya
พฤหัสฯ. ก.ค. 11, 2013 8:31 am
0
4
Re: เปิดจองงานเปิดตัวหนังสือ "หุ้นเปลี่ยนชีวิต บนเส้นทาง VI"
จอง 1 ที่ครับ
โดย
sipoonya
พฤหัสฯ. มิ.ย. 27, 2013 3:01 pm
0
0
Re: สอบถามการวัดมูลค่าหุ้นปันผล
p = d/(r-g)
โดย
sipoonya
ศุกร์ มิ.ย. 14, 2013 1:22 pm
0
1
Re: ฟรี! ระบบข้อมูลงบการเงินย้อนหลัง อัตราส่วนงบการเงิน และข
[email protected]
ขอบคุณครับ
โดย
sipoonya
จันทร์ ก.พ. 25, 2013 4:28 pm
0
0
Re: ฟรี ! แบ่งปันสรุปหุ้นรายตัว ย้อนหลัง 15 ปี ง่าย
รบกวนขอ file ด้วยนะครับ
[email protected]
ขอบคุณมากครับ
โดย
sipoonya
พฤหัสฯ. ก.พ. 14, 2013 10:51 pm
0
0
Re: อยากทราบว่ากระทู้โพยลับหายไปไหนครับ
ถ้าหายไปแล้ว ตั้งใหม่เลยพี่ :8)
โดย
sipoonya
ศุกร์ ก.พ. 01, 2013 11:59 am
0
1
Re: ตลาดหุ้นไทยไม่เคยปกติเป็นปกติ และ นลท. ก็ลืม
ระยะยาว ตลาดหุ้นขึ้นเพราะ Supply หากเราเข้าใจระบบทุนนิยมมากพอ หมายความว่ายังไงครับพี่Nevercry.boy ช่วยขยายความหน่อยได้ไหมครับ
โดย
sipoonya
ศุกร์ ม.ค. 11, 2013 11:37 am
0
2
Re: ท่านคิดว่า mos กี่ % ถึงจะตัดสินใจซื้อหุ้นครับ
ขอร่วมด้วยคนนะฮะ งั้นน่าจะมีคำว่า downside ด้วย ถ้าในนิยามของ upside = (ราคาเหมาะสม-ราคาตลาด)/ราคาตลาด mos = (ราคาเหมาะสม-ราคาตลาด)/ราคาเหมาะสม ถ้าอย่างนั้น downside ควรจะมีสูตรเป็นยังไง นอกจากนั้น ยังมีประเมินแบบ best case, base case(normal,nautral), worst case อีก น่าจะพอเป็นไอเดียได้นะครับ ว่าจริงๆแล้ว การประเมินมูลค่าได้ถูกต้องอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด แต่การเข้าใจ ปัจจัยและความเสี่ยงต่างๆ ต่างหากเป็นตัวที่ปกป้องเราจากการลงทุนแล้วขาดทุน อาจารย์นิเวศน์ เคยเขียนว่า ท่านจะซื้อเมื่อราคามันต่ำกว่า valuation ค่าที่ต่ำสุดที่ท่านคิดได้ หรือ ปู่บัฟฟ์เอง เวลาซื้อ ก็จะเริ่มต้นจากความกลัวก่อนนะครับ ซึ่งก็คงนำไปสู่กฎของการไม่ขาดทุน คำถามว่า แล้วถ้ามันไม่เป็นอย่างนั้นล่ะ หรือเลวร้ายที่สุดมันจะเป็นยังไง ราคานี้ใส่ความคาดหวังไปเท่าไหร่ น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการประเมินมูลค่าหุ้น และหาmosที่ดีนะครับ พอไม่ขาดทุนก็ค่อยมองไปที่กำไรต่อไปครับ ป.ล. ความเห็นส่วนตัว อาจไม่ตรงกับแนวที่พี่ๆเพื่อน ลงทุนก็ได้ครับ แต่ก็คิดว่าที่พี่ดำตอบตอนแรก ถูกแล้วครับ mos,upside เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่มีคำตอบ แม้ผมเอง ในหุ้นแต่ละตัว ก็มองไว้ไม่เท่ากัน บางตัวupside 5% ผมก็ซื้อนะ ถ้าผลตอบแทนจากการลงทุนได้มากกว่าความเสี่ยงในการลงทุน แต่ทุกคนควรจะ มี downside เป็น 0 นะครับ ขอให้สนุกกับการลงทุนครับ :mrgreen:
โดย
sipoonya
พุธ ม.ค. 09, 2013 12:19 pm
0
0
Re: ยื่นภาษีปี 2555
ยื่นแล้ว IE8 ครับ
โดย
sipoonya
จันทร์ ม.ค. 07, 2013 9:32 pm
0
0
Re: จองงาน Money Talk@SET ช่วงเช้า สำหรับสมาชิกสมาคม 350 ที่
จองสัมมนา 1 ที่ครับ :oops: อ้าวนึกว่าเต็มแล้ว ขอบคุณอาจารย์ด้วยนะครับ
โดย
sipoonya
อังคาร ม.ค. 01, 2013 9:56 am
0
1
Re: เรียน สมาชิกสมาคมฯ ทุกท่าน เรื่องนายกสมาคมฯ คนใหม่
ขอเป็นกำลังใจให้นะครับพี่ลูกอีสาน :bow: ขอให้ทุกอย่างราบรื่น เป็นไปได้ด้วยดี นะครับ :mrgreen:
โดย
sipoonya
อาทิตย์ ธ.ค. 30, 2012 9:02 am
0
0
Re: ขอคำแนะนำสำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่ตลอดเวลาหน่อยครับ
บทเรียน 3 ข้อของชาร์ลี ประเด็นว่าเราควรซื้อหุ้นแบบไหน หรือการลงทุนสไตล์ไหนดีกว่ากันนี้ ชาร์ลี มังเกอร์ หุ้นส่วนและเพื่อนซี้ของบัฟเฟตต์ ได้ให้กฎการลงทุนที่เป็นเหมือนบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ 3 ข้อ สำหรับการลงทุน และบทเรียนนี้ ว่าที่จริง เป็นสิ่งที่ดูเหมือนว่าบัฟเฟตต์ ได้เรียนรู้จากชาร์ลีและนำมาใช้ปฏิบัติในการลงทุนของตนเองมาจนถึงปัจจุบัน จนคนทั่วไปรับรู้กันว่านี่คือสไตล์การลงทุนแบบบัฟเฟตต์ บทเรียน 3 ข้อของชาร์ลีก็คือ 1.ธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ในราคาปานกลางนั้น เหนือกว่าธุรกิจปานกลางในราคาที่ยิ่งใหญ่ 2.ธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ในราคาปานกลางนั้น เหนือกว่าธุรกิจปานกลางในราคาที่ยิ่งใหญ่ 3.ธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ในราคาปานกลางนั้น เหนือกว่าธุรกิจปานกลางในราคาที่ยิ่งใหญ่ ความหมาย ก็คือ สำหรับชาร์ลีแล้ว เขาคิดว่า คุณภาพของธุรกิจสำคัญกว่าเรื่องของราคา บทเรียน 3 ข้อของชาร์ลี โลกในมุมมองของ VALUE INVESTOR : ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร กรุงเทพธุรกิจ วันอังคารที่ 08 มกราคม พ.ศ. 2551 มิบังอาจฮะ พี่ๆแต่ละคนเก่งๆกันทั้งนั้น พี่Saranอาจมาถึงทางแยกแบบปู่บัฟแล้วก็ได้ ทุกวันนี้ มีบางธุรกิจที่ปู่ถือไม่ปล่อย บางตัวก็ถือไว้แล้วปล่อย ทั้งๆที่ก็มีเงินสดอยู่ บางตัวก็ถือไว้ปั๊มเงินสด ฮา การเปลี่ยนความคิดจากซื้อหุ้นถูกเป็นซื้อหุ้นดี เป็นเรื่องยาก ขนาดปู่ยังทำยากเลย เพราะมันเสียว ฮา ซึ่งก็เพราะขอบเขตของความรู้ของเราที่เส้นขอบไม่ชัดเจน เพราะความอดทนเราน้อยไปในการรอ การเปลี่ยนของปู่ก็ค่อยเป็นค่อยไปนะครับ เพราะต้องรอโอกาสซื้อเกรด A A+ ระหว่างนั้นก็ B B+ ไปก่อนได้ แต่ถ้าตอนนี้ คงไม่มีทางที่ปู่จะไปซื้อเกรด c หรอกครับ คหสต. นะครับ :oops:
โดย
sipoonya
อังคาร ธ.ค. 25, 2012 3:38 pm
0
3
Re: ฟรี ! แบ่งปันสรุปหุ้นรายตัว ย้อนหลัง 15 ปี ง่าย
รบกวนด้วยครับ ขอบคุณครับ
[email protected]
ครับ
โดย
sipoonya
พฤหัสฯ. พ.ย. 29, 2012 11:41 am
0
0
Re: แจก EPS16YEAR (งบดุล,ราคา,19ปี,Ratio ต่างๆ,แบบเครดิตภาษี
ขอรบกวนอีกครั้งครับพี่ครรชิต
[email protected]
ขอบคุณคร้าบบบ
โดย
sipoonya
พุธ พ.ย. 28, 2012 10:29 am
0
0
Re: สงสัยเกี่ยวกับการคำนวณค่า PE ของหุ้น SVH
อยากรู้เหมือนกัน ตามที่พี่ Ii'8N บอกเรื่อง trailing PE นั้นเข้าใจครับ แต่ตัวเลขไม่น่าจะกระโดดขนาดนั้น เพราะจะผิดไปมากทั้ง p/e p/bv ส่วนเรื่องการไขว้หุ้น หาไม่เจอเหมือนกัน รอพี่ vim มาเฉลยอีกที ก็ลองเช็คดู siamchart บอก p/e = 11 พอๆกับ set แต่ eps = 19บ !! แล้วก็ลองดู morning star : Price/Earnings TTM = 26.7 Price/Book = 4.9 ผมว่าของ morning star น่าจะใกล้เคียงกว่า สำหรับในการจะลงทุน แต่หาเหตุผลไม่เจอว่าทำไม set คิดอย่างนั้น รอเฉลยดีกว่า 55+ แก้เบื่อดีเหมือนกันฮะ :8)
โดย
sipoonya
ศุกร์ ต.ค. 26, 2012 12:04 pm
0
0
Re: หนังสือเกี่ยวกับ warren buffett คิดว่าเล่มไหนดีสุดคะ
ชอบ essential buffett กับ warren buffett and the art of stock arbitrage
โดย
sipoonya
พุธ ก.ย. 26, 2012 8:06 am
0
0
Re: หนังสือ"รู้ก่อนเล่นหุ้น VI ถ้าไม่อยากเสียใจที่ลงทุนไปไม่
เล่มนี้ดีครับ ได้ทบทวนบางอย่าง อ่านง่าย และเป็นเรื่องที่ผู้เขียนกลั่นกรองมาเป็นอย่างดี
โดย
sipoonya
จันทร์ ก.ย. 24, 2012 9:47 am
0
0
Re: จะหาข้อมูลเกี่ยวกับการวิเคราะห์อุตสาหกรรมได้ที่ไหน
แนะนำ 20 บริษัทจดทะเบียน ของพี่สุมาอี้ มีข้อมูลของ CPN, PS, BANPU, HMPRO, MINT, BLA, ADVANC, PB, TOP, CPF, KSL, BTS, BECL, TVO, STA, TK, SIS, OFM, STANLY, SMT
โดย
sipoonya
ศุกร์ ก.ย. 14, 2012 3:44 pm
0
1
Re: ลงทุนในหุ้นสภาพคล่องน้อย แตกต่างจากหุ้นทั่วไปหรือไม่
ตอบแบบเดาๆนะครับ รอพี่ๆ มาตอบอีกที 2,3 ปกติจะมีข้อบังคับว่า บริษัทจดทะเบียน ต้องมี freefloat ขั้นต่ำ 15% และมีผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่น้อยกว่า 150 ราย ในวันประชุมสามัญ ส่วนแนวทางแก้ไข ก็มีตามนี้ แจกหุ้นปันผล แตกพาร์ ออกหุ้นเพิ่ม ตามที่ว่ามา ลองอ่านอันนี้ดู พี่pakตอบไว้ 5 ในหลักการ มันแล้วแต่จะคิดมากกว่า มันมีทั้งข้อดีและไม่ดี ดีก็เป็นแรงจูงใจเดียวกับรายย่อย ไม่ดีก็โดนหลอก ดังนั้นควรมองไปที่ความเป็นจริง ว่า ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผบห. มีธรรมาภิบาลในระดับที่เราพอใจหรือไม่มากกกว่า 1,4 ถ้าลงทุนในธุรกิจแล้ว ราคา ขึ้นตามผลประกอบการ ราคาก็ขึ้นตาม demand ของคนที่ต้องการซื้อกิจการดีๆ แต่ไม่ได้แปลว่า freefloat จะมากขึ้นตามไปด้วย ขึ้นอยู่กับ เจ้าของเดิมอยากขายด้วยหรือไม่ ส่วนการให้น้ำหนัก ก็ขึ้นกับวิธีการลงทุนของคุณด้วย ว่าความอึดของคุณแค่ไหน หุ้นดีๆ freefloatต่ำ ราคาไม่ไปไหนก็มี ถ้าอยากจะซื้อขาย ก็จะลำบากหน่อย อีกทั้งขึ้นกับการบริหารพอร์ตและขนาดพอร์ตของคุณด้วย ถ้าคุณถือหุ้น 3 ตัว กับ 10 ตัว การจะมีหุ้นสภาพคล่องต่ำ 33% ของพอร์ต กับ 10% ของพอร์ต ก็มีความยากในการบริหารพอร์ตต่างกัน หรือถ้าพอร์ตใหญ่ๆก็ทำนองเดียวกัน นอกจากนี้ การลงทุนนั้น ยังต้องเปรียบเทียบกับโอกาสกับหุ้นตัวอื่นด้วย ถ้ามีหุ้นที่ดีพอกัน แต่สภาพคล่องมากกว่า ก็อาจเป็นที่น่าสนใจมากกว่า ดังนั้นก็จะเห็นว่าหุ้น freefloat ต่ำจะโดน discount อยู่บ้างเหมือนกัน สุดท้าย การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ก็คือการลงทุนในธุรกิจ ในราคาที่เหมาะสม ก็ขึ้นกับความเข้าใจในธุรกิจของคุณด้วย ถ้ามั่นใจว่า เป็นธุรกิจที่ดีพอที่จะลงทุน แล้วซื้อได้ในราคาเหมาะสม มีความปลอดภัยพอสมควร ก็สามารถครับ
โดย
sipoonya
อังคาร ก.ย. 11, 2012 12:43 pm
0
2
Re: รับสมัครหลักสูตรอบรมการลงทุนแบบเน้นคุณค่า รุ่นที่ 1
สมัครเรียน
โดย
sipoonya
อังคาร ก.ย. 11, 2012 9:00 am
0
0
Re: ประเมินมูลค่าหุ้นคร่าวๆ แบบนี้ เป็นไปได้ไหมครับ?
ด้วยความเคารพและห่วงใยนะครับ คิดว่า คุณอาจจะรีบร้อนที่จะลงทุนมากเกินไป กระตือรือล้นมากเกินไป และไม่แน่อาจจะโลภมากเกินไปด้วย แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากทำกำไรด้วยวิธีแบบไหนนะครับ ถ้าเป็นอย่างที่คุณว่า การที่ฟังผู้บริหาร ว่าเป้าหมายเป็นเท่านั้นเท่านี้ แล้วเอาราคาปัจจุบัน ไปหามูลค่าได้เลย ผมคิดว่ามันง่ายไปหน่อย ซึ่งก็ไม่แน่ คุณอาจเป็นคนที่โชคดี เทพเจ้าแห่งการลงทุนอยู่ข้างคุณ ทุกอย่างเป็นจริงดังที่ว่ามา คุณก็กำไรเป็นเด้งๆ ถ้าอย่างนั้นผมก็ยินดีด้วย แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นล่ะ เงินที่คุณอุตส่าเอามาลงทุนก็อาจหายวับไปกับตาได้ นักลงทุนที่ดี ผมเชื่อว่าจะเป็นคนที่ควบคุมโชคชะตาตัวเองเอาไว้กับตัวมากกว่า ถ้าโชคดีด้วยก็เป็นของแถม ดังนั้น คุณต้องเรียนรู้หลักการ และวิธีการที่ถูกต้องก่อน คุณต้องรู้ตัวเองก่อนว่า ลงทุนไปทำไม ต้องการผลตอบแทนเท่าไหร่ และจะทำได้ยังไง การที่ไปเห็นคนอื่น ไม่ว่าจะใครก็ตาม ได้กำไรเท่านั้นเท่านี้ โดยวิธีนั้นวิธีนี้ อาจทำให้ไขว้เขวได้ เพราะการลงทุนมันยากกว่าที่ตาเห็นนะครับ คุณไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ทบทวนหลักการให้แม่นๆ ซื้อหุ้นคือการซื้อธุรกิจ คุณคงไม่ไปลงทุนเปิดร้านกาแฟกับเพื่อนคุณ (หรือใครก็ไม่รู้ ถ้าเป็นในตลาดหุ้น) เพียงแค่เพราะเขาบอกว่า อีกสามปี ห้าปี จะขยายสาขา จะโตเป็นกี่เท่าๆ ใช่ไหมครับ สิ่งที่ต้องทำคือ พยายามเข้าใจธุรกิจให้มากกว่านี้ เข้าใจที่มาของ กำไร และการเติบโต ให้มากกว่านี้ ได้เห็นมุมมอง กลยุทธ์ และความซื่อสัตย์ของผู้บริหารก่อน แล้วคุณจะพอรู้ว่ามันเป็นธุรกิจที่ดีหรือไม่ดียังไง แล้วตอบตัวเองให้ได้ว่า มันดียังไง มันจะโตหรือได้กำไรจากไหน แล้วทำไมมันถึงต้องเป็นอย่างนั้น แล้วคุณค่อยถามตัวเองว่ามันควรจะราคาเท่าไหร่ ราคานี้ปลอดภัยแค่ไหนถ้าทุกอย่างไม่เป็นดังคาด ถ้ามันยังไม่ใช่โอกาสที่ดี(หรือดีที่สุด) "รอ" รอก่อนก็ได้ครับ ไม่ต้องกลัวตกรถหรอกครับ ตลาดหุ้นมีโอกาสเสมอ สุดท้ายนี้ นอกจากหลักการ 3 ข้อ ของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าแล้ว (หุ้น=ธุรกิจ ,mr market ,MOS) คุณก็ค่อยๆเรียนรู้วิธีการไป จากการอ่านหนังสือ การพูดคุย การคิดวิเคราะห์ และการทำการบ้านหนักๆ ค่อยๆทำความเข้าใจตัวเอง วิธีการลงทุนของตัวเอง เรียนรู้จากประสบการณ์และความผิดพลาดต่างๆ แล้ววันนึง ผมจะไปขอหุ้นจากคุณ ฮา :mrgreen: หนุกหนานในการลงทุนนะคร้าบบบบบ :B
โดย
sipoonya
ศุกร์ ก.ย. 07, 2012 5:44 pm
0
4
Re: ฟรี ! แบ่งปันสรุปหุ้นรายตัว ย้อนหลัง 15 ปี ง่าย
รบกวน ขอนำมาศึกษาด้วยคนครับ
[email protected]
โดย
sipoonya
ศุกร์ ก.ย. 07, 2012 10:25 am
0
0
Re: นโยบายการเงินที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย 1/ดร.ศุภวุฒิ สายเ
อ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจดีนัก แต่ก็รอตอนต่อไปครับ
โดย
sipoonya
อาทิตย์ ก.ย. 02, 2012 2:46 pm
0
0
Re: ***เปิดจองงานสัมมนา กลยุทธ์เลือกหุ้นแบบวีไอ 9/9/2555***
จองสัมมนา
โดย
sipoonya
พฤหัสฯ. ส.ค. 30, 2012 9:10 am
0
0
Re: 7 วิธีดูหุ้น'นพ.ประมุข วงศ์ธนะเกียรติ'
"ตั้งแต่ผมเปลี่ยนมาลงทุนแนว VI "ผมไม่เคย ขาดทุน" เพราะราคาที่ซื้อจะพิจารณาด้วยความระมัดระวัง ไม่ค่อยไล่ราคา...ผมรอได้ ไม่อยากติดบนรถไฟนานๆ (หัวเราะ) "บางคนใจร้อนไม่ยอมรอ..อาจพลาดได้ เวลา ซื้อหุ้นกรุณาใจเย็นๆ จงให้ความสำคัญกับการรักษา เงินต้นก่อนเสมอ เยี่ยมมากๆเลยครับ :bow:
โดย
sipoonya
จันทร์ ส.ค. 27, 2012 10:53 am
0
1
Re: มันมีบางอย่างข้างหลังตัวเลข/คนขายของ
ขอบคุณมากครับ รอบทความต่อๆไปของพี่นะครับ
โดย
sipoonya
อาทิตย์ ส.ค. 26, 2012 5:24 pm
0
0
Re: ### รบกวนตอบคำถามให้สัก 3 ข้อหน่อยซิครับ ###
ข้อที่ 1) 232 ข้อที่ 2) Posted: Fri Jan 30, 2009 8:28 am ข้อที่ 3) Topic: แจก EPS16YEAR (งบดุล,ราคา,19ปี,Ratio ต่างๆ,แบบเครดิตภาษี) จะดูดวงให้ใช่ป่าวครับพี่pak :mrgreen:
โดย
sipoonya
เสาร์ ส.ค. 25, 2012 11:15 pm
0
1
Re: หากจะซื้อหุ้น JMT ควรทำอย่างไรครับ
ขั้นแรกต้อง ประเมินมูลค่าหุ้น JMT ให้ได้ก่อน แล้วค่อยดูว่า การที่เราจะได้หุ้นมา ราคา(ต้นทุน)เท่าไหร่ ซึ่งจะมีทางเลือกในการได้หุ้นมา ตามที่คุณว่ามานั่นแหละ หนุกหนานนะฮะ :B
โดย
sipoonya
อาทิตย์ ส.ค. 19, 2012 6:54 pm
0
3
Re: หาความรู้เรื่องการShort Against Port
ต่างกันนะครับ ระหว่างขายเอาต้นทุนออกมา (คลายเครียดเรโช) กับ SAP คลายเครียดเรโช ทำเมื่อได้กำไร แต่มาในจุดที่เราเริ่มไม่รู้ เราจึงขายทำกำไรเอาต้นทุนออกมา SAP ทำเมื่อรู้ว่าราคากำลังจะลง ถามว่าแล้วใครรู้ว่าจะลง มันเป็นการเก็งกำไร เดาจังหวะตลาดชัดๆ ถ้าท่านตอบว่าขายเพราะพื้นฐานเปลี่ยน พื้นฐานมันเปลี่ยนกันง่ายอย่างงั้นเลยหรือ จริงๆแล้วกำลังหลอกตัวเองหรือเปล่า เป็นแค่เก็งผลประกอบการหรือเปล่า หรือแค่เราเดาๆว่ามันจะเป็น SAP มันต้องเดาตลาด หุ้น ABC ต้นทุน 10 ขาย 9 บาท มาซื้อกลับ 7 บาท ถ้าเรารู้ว่ามันจะลงไป 9 บาท เราจะซื้อ 10 บาท เหรอ แล้วที่เราซื้อ 7 บาท เพราะเราคิดว่ามันราคาจะขึ้นใช่ไหม ถ้ามันขึ้นไป 12 บาท คุณอาจจะถูก แต่ถ้ามันลงไป 5 บาทล่ะ แล้วพื้นฐานที่เราว่าจะมันอยู่ตรงไหน หรือจะบอกว่าขายหนีวิกฤติ? ถ้าเดาได้รวยเละไปแล้ว แต่พูดไปก็เหมือนองุ่นเปรี้ยวหรือเปล่าไม่ทราบ :mrgreen: จริงที่แมวสีไหนก็ได้ขอให้จับหนูได้ แต่อันนี้มันเป็นแมวหรือเปล่าล่ะ จริงอยู่ที่ 4 ใน 5 ครั้ง ราคาอาจจะกลับขึ้นไป แต่ครั้งเดียวที่ไม่ขึ้นไปนั้นแหละ ตูม เอวัง การลงทุนนั้นไม่ง่ายก็จริง เพราะต้องทำการบ้าน มีจิตใจที่เหมาะสม ฯลฯ แต่มันก็ไม่ซับซ้อนนะครับ ซื้อหุ้นที่สร้างมูลค่า ซื้อหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่า อดทนและรอ ไม่ต้องซื้อๆขายๆเดาตลาดหรอกครับ แค่แลกเปลี่ยนนะครับ เพราะเราจะทำอะไรก็ได้ เงินของเรานินา หนุกหนานนะครับ :B
โดย
sipoonya
อาทิตย์ ส.ค. 12, 2012 9:34 pm
0
6
Re: บทเรียนนักช้อป = ซื้อถัวเฉลี่ยขาลง
ทั้งหมดแค่ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้าเชื่อว่าไม่มีใครเดาตลาดได้ การจับจังหวะตลาดย่อมใช้ไม่ได้ ถ้าเกิดเราเดาราคาหรือดัชนีได้ถูก เราอาจแค่โชคดี ดังนั้น สิ่งที่ควรสนใจ คือ มูลค่าหรือตัวกิจการมากกว่า ซึ่งสำหรับนักลงทุนแนวพื้นฐาน การซื้อเฉลี่ยขาลง เป็นแค่วิธีการ อาจจะถูกหรือผิดก็ได้ ซึ่งเราจะรู้ว่าถูกหรือผิด ก็ต่อเมื่อมันผ่านไปแล้ว (ส่วนแนว technical อาจ cut loss กันไป) โดยวิธีการนั้นเป็นผลที่เกิดจากเหตุ คือ การวิเคราะห์กิจการ ถ้าเรายังมั่นใจการวิเคราะห์กิจการของเราอยู่ การซื้อเฉลี่ยขาลงก็ทำได้ แต่คำว่าลงนั้น สำหรับผมอาจจะหมายถึง 10-15% เป็นอย่างน้อย ตามบรรยากาศ และวิธีที่ช่วยได้คือ การซื้อเป็นไม้ๆ ในระยะเวลาหรือช่วงราคาที่ห่างกันพอสมควร อีกส่วนหนึ่ง ผมได้มาจากพี่สุมาอี้ คือ limit exposure การจำกัดสัดส่วนของพอร์ตว่าเราจะไม่ถือหุ้นตัวนึงเกิน xx % จะช่วยจำกัดความเสี่ยงของการ overconfidence ได้ อีกส่วนหนึ่ง ไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรจะมีเงินสดติดไว้เสมอ หรือ มีทางออกสำหรับการหาเงินสดมาซื้อหุ้นในยามที่เกิดวิกฤติถ้าไม่ถือเงินสด สุดท้าย จงเตรียมตัวพร้อมเอาไว้สำหรับโอกาสทั้ง เงิน ความรู้ ความกล้า
โดย
sipoonya
อาทิตย์ ส.ค. 12, 2012 12:09 am
0
0
Re: Liverpool FC, แฟนหงส์ The Kop ทั้งหลายมาทางนี้
หลายๆอย่างดูมีเหตุมีผลมากขึ้น ทั้งการซื้อขาย หรือแนวโน้มการทำทีม ปีนี้น่าจะได้เชียร์แบบพื้นฐาน ไม่ต้องคาดหวังมาก fair value 55 เชียร์แบบนัดต่อนัดเหมือนเดิม แต่ที่น่ากังวลนิดๆ คือ ความคิดของเจ้าของในบางเรื่อง อย่างจะขายชื่อสนาม บางทีมันจะไม่ขลังเอานา ถ้าไม่ใช่ This is Anfield
โดย
sipoonya
ศุกร์ ส.ค. 10, 2012 8:19 am
0
0
Re: แท้จริงแล้ว หุ้นเคลื่อนไหวด้วยอะไร?
ถ้า ราคาหุ้น เคลื่อนไหวด้วยข้อมูลทุกอย่างที่ปรากฏออกมา พื้นฐานกิจการ + จิตวิทยามวลชน (มูลค่าที่แท้จริง + MR.Market ความคาดหวัง ความกลัว ข่าวดี ข่าวร้าย) แล้ว มูลค่าของหุ้น ล่ะเคลื่อนไหวด้วยอะไร การไปเดาว่าตลาดจะคิดอย่างไร เท่ากับไปเดาใจนายตลาด ไม่จำเป็นต้องไปเดา เพราะไม่มีใครเดาได้ถูกตลอด เราเรียนรู้ที่จะหา มูลค่าที่แท้จริง ซึ่งเป็นพื้นฐานกิจการ ส่วนเรื่องจิตวิทยามวลชน (ความผันผวนของนายตลาด) เราใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างโอกาสเท่านั้น จริงอย่างที่ ฟิชเชอร์(มั๊ง)ที่ว่า "พวกเขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับราคา แต่ไม่รู้ซักอย่างเกี่ยวกับมูลค่า" จำที่ปู่บัฟว่าไว้ "หากคุณซื้อธุรกิจที่ต่ำกว่ามูลค่า คุณจะำทำเงินได้ หากคุณรู้ว่าธุรกิจไหนสร้างมูลค่า ไม่สร้างมูลค่า คุณจะทำเงินได้" สุดท้าย กลยุทธ์ที่เราควรใช้ ไม่ใช่ buy and hold แต่ควรจะเป็น wait and see นะครับ ป.ล. อาจไม่เกี่ยวกับ กระทู้เท่าไหร่ ก็ขออภัยด้วยครับ ปัจจุบันมีนักลงทุนพันธุ์ผสมเยอะมาก เครื่องมือไม่ใช่สิ่งที่วัดว่าใครเป็นอะไร แต่ทัศนคติ แนวคิดในการลงทุนต่างหากที่จะบอกได้ว่า เรากำลังคิดลงทุนหรือคิดเก็งกำไร ไฟท์ติ้ง :mrgreen:
โดย
sipoonya
อาทิตย์ ส.ค. 05, 2012 6:15 am
0
5
Re: การลงทุนแบบฝากเงิน
ถ้าจะลงทุนในตลาดหุ้น ไม่ควรตั้งผลตอบแทนระยะยาวน้อยกว่า 10% นะครับ เพราะมันจะไม่คุ้มกับความเสี่ยงของท่านที่จะมาลงทุน ยิ่งจะลงทุนเองยิ่งไม่คุ้ม INDEX FUND ระยะยาวก็ 10% แล้ว (เขาว่ากันว่า ฮา) ถ้าเราจะลงทุนเองก็ควรจะชนะตลาดด้วย ส่วนเรื่องตั้งผลตอบแทนต่อเดือน +30,000 บาท ขึ้นกับขนาดพอร์ตของท่านเองมากกว่า คิดเล่นๆ 5% = 7.2 ล้าน 3% = 12 ล้าน ถ้าขนาดพอร์ตท่านถึงก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ถ้าไม่ แนะนำว่า 1 ถ้าจะลงทุนเอง ก็ต้องหาวิธีทำให้ผลตอบแทนชนะตลาด 2 ถ้าไม่มั่นใจ ก็ศึกษาเรื่อง asset allocation เช่น ลงกองทุนหรือสินทรัพย์อื่น แล้วให้ผลตอบแทนที่ท่านพอใจ ส่วนเรื่องหุ้นพันธบัตร ของ อาจารย์ คิดว่าท่านคงลงเพื่อรอโอกาสมากกว่า คงไม่ใช่เพื่อถือหุ้นพันธบัตร 100% ครับ
โดย
sipoonya
ศุกร์ ก.ค. 27, 2012 12:28 am
0
0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
ฟิล ฟิชเชอร์ ให้หลักการณ์ ไว้สามข้อ 1 เมื่อเราผิด 2 เมื่อธุรกิจผิด 3 เมื่อพบธุรกิจใหม่ที่มีการเติบโตแบบยั่งยืนมากกว่าหุ้นของเราอย่างชัดเจน ข้อสังเกตนะครับ ทั้งสามข้อเป็นผลสืบเนื่องมาจากการซื้อทั้งนั้น และไม่มีข้อที่ว่า fair value หรือ overvalued อาจเป็นเพราะท่านเป็น growth invester ด้วยมั๊งครับ ป.ล. บล็อก คุณ Nevercry.boy ดีมากเลยนะครับ :bow:
โดย
sipoonya
ศุกร์ ก.ค. 27, 2012 12:05 am
0
0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
มีคำพูดนึงของอาจารย์นิเวศน์ ที่ผมเพิ่งได้ฟังไม่นาน แต่รู้สึกว่าลึกซึ้งมากเลยคือ "ขายหุ้นเป็นเรื่องง่าย ถ้าขายได้แพงอีกหน่อย ก็ได้ค่าขนม" ขายแล้วได้แพงขึ้นอีก 5% 10% เมื่อเทียบกับกำไร ที่ได้มากกว่านั้นเยอะ ก็ไม่ได้มีผลอะไร ถ้าเราลงทุนหุ้นโดยที่เรามองระยะเวลา 3 ปี 5 ปี นี่แทบไม่มีใครเป็นคู่แข่งเราเลย ทุกวันนี้ ผมเองก็พยายามฝึกที่จะเป็นนักลงทุนระยะยาวให้มากขึ้น ในหลายๆครั้ง ก็มีการเก็งกำไรผลประกอบการบ้าง ทำอาบริทาจบ้าง แต่ดูจากสถิติ กำไรที่ได้ อาจจะน้อยกว่าหรือพอๆกันกับการลงทุนระยะยาว ลองสังเกตุดู พักหลังๆ อาจารย์จะเลือกหุ้นไม่ค่อยผิด หรือแม้แต่ตัวบัฟเฟตต์เอง มังเกอร์ก็บอกว่ายิ่งนานวันบัฟเฟตต์ยิ่งทำได้ดีขึ้น เพราะการเลือกลงทุนในบริษัทที่ดี แพ้ยาก ในระยะยาว ในราคาที่ไม่แพงเกินไป ยังไงก็กำไร โอกาสที่จะพลาดจะมากขึ้น ถ้าอยู่ใกล้ตลาดมากเกินไป โอกาสพลาดจะมากขึ้น ถ้าซื้อขายบ่อยขึ้น โอกาสพลาดจะมากขึ้น ถ้าเหตุผลในการซื้อมีเพียงเหตุผลเดียว มักจะเป็นเมื่อเก็งกำไรผลประกอบการ วิกฤติจะกลายเป็นโอกาสด้วยซ้ำ ถ้าเราลงทุนในระยะยาวพอ แต่กระนั้นก็ต้องเผื่อๆกระสุนไว้ด้วย และข้อดีอีกอย่างคือ เรามีเวลามากขึ้นในการหาความรู้เพิ่ม เมื่อเราลงทุนระยะยาว + มี mos ทั้งหมดนี้อาจไม่เกี่ยวกับกระทู้โดยตรง แต่เวลาในการถือ เป็นสิ่งที่ทำให้ผมมองเรื่องราคาเปลี่ยนไปเหมือนกันครับ
โดย
sipoonya
พฤหัสฯ. ก.ค. 26, 2012 10:46 pm
0
2
Re: พอร์ทลุยไฟของ Berkshire Hathaway
ผมสนกรณีที่ BRK ถือหุ้นกลุ่มธนาคารและพึ่งซื้อ GM มากกครับ ขณะนี้อายุรถเฉลี่ยในท้องถนน US อยู่ที่ 10.8 ปี ซึ่งค่อนข้างสูงและคนทั่วประเทศอาจได้เวลาซื้อรถใหม่เร็วๆนี้ ถ้าเศรษฐกิจกลับมาดีขึ้นจริงๆ ธุรกิจที่จะเติบโตได้ทันทีของสหรัฐก็คือธนาคารที่ออกเงินกู้ได้มากขึ้น และธุรกิจรถยนต์ที่น่าจะขายรถได้มากขึ้น ถ้าเป็นตามนี้ แปลว่า อเมริกาจะดีขึ้น .... คราวนี้ปู่มาแปลกจริง
โดย
sipoonya
พุธ ก.ค. 25, 2012 8:18 am
0
0
189 โพสต์
of 4
ต่อไป
ชื่อล็อกอิน:
sipoonya
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
ศุกร์ ธ.ค. 12, 2008 11:29 am
ใช้งานล่าสุด:
-
โพสต์ทั้งหมด:
469 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.02% จากโพสทั้งหมด / 0.08 ข้อความต่อวัน)
ลายเซ็นต์
Sixth Sense Investor
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว