หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
Asylum
A bit less, A bit more
Joined: พุธ ก.ย. 24, 2008 8:54 am
1
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - Asylum
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
คุยคุ้ยเรื่อง Lehman Brother AIG และ สถาบันการเงินสหรัฐ
Article จาก Prachachart Turakij, ลองอ่านหน่อย วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4038 วิกฤตการณ์สถาบันการเงินในอเมริกากับ ข้อพึงระวังในการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้วยวิธี Basel II คอลัมน์ ระดมสมอง โดย ดร.บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ ผม ได้อ่านบทสัมภาษณ์ของผู้บริหารระดับสูงของธนาคารแห่งประเทศไทยที่กล่าวถึง วิกฤตการณ์สถาบันการเงินของอเมริกาในขณะนี้ว่าปัญหาของ American Insurance Group (AIG) ที่อเมริกาจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของสถาบันการเงิน AIG ในเมืองไทย โดยท่านให้เหตุผลในลักษณะที่ว่าสถาบันการเงิน AIG ในเมืองไทยมีตัวเลขอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงหรือ BIS ratio สูงถึงร้อยละ 24 ดังนั้น แม้มีการถอนเงินจากประชาชนบ้างก็ไม่กระทบต่อฐานะของ AIG ในเมืองไทย หลาย คนคงสบายใจขึ้น (โดยเฉพาะผู้ฝากเงินกับสถาบันการเงินดังกล่าว) เมื่อได้ยินคำให้สัมภาษณ์ดังกล่าว โดยผู้ฝากเงินน่าจะมีความมั่นใจ (ในระดับหนึ่ง) ว่า มูลค่าเงินกองทุนที่สูงถึงหนึ่งในสี่ของสินทรัพย์เสี่ยงจะสามารถเป็นกันชน รองรับความเสียหายจาก AIG ที่อเมริกาได้ แม้จะมีปริมาณความเสียหายมากน้อยเพียงใดก็ตาม ในทางกลับกันโดยส่วนตัวผมเชื่อว่าคงยังมีอีกหลายคน (โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในแวดวงบริหารความเสี่ยง) จะตั้งข้อสังเกตกับตรรกะของเหตุผลดังกล่าวอย่างน้อยหนึ่งประการที่จะกล่าว ถึงในช่วงท้ายของบทความ แต่ก่อนไปถึงจุดนั้น ผมขอเล่าถึงขั้นตอนที่จะได้มาซึ่งตัวเลขอัตราส่วน BIS ดังกล่าวอย่างคร่าวๆ ใน ขณะนี้สถาบันการเงินของเมืองไทยกำลังจะมีระบบบริหารความเสี่ยงที่เทียบเท่า มาตรฐานสากลที่เรียกว่า Basel II (วิธีมาตรฐาน) ในสิ้นปีนี้อย่างเป็นทางการ ด้วยมาตรฐานดังกล่าวในทางทฤษฎีเราน่าจะเห็นสถาบันการเงินของไทยมีภูมิคุ้ม กันต่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันทางเศรษฐกิจทั้งจากภายในและภายนอกประเทศได้ดี มากกว่าเดิม รวมถึงกรณี Lehman Brothers หรือ AIG ที่กำลังมีปัญหาในอเมริกา อย่างที่ทุกคนทราบกัน โดยขั้นตอนที่จะได้ มาซึ่งตัวเลขอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง ปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ไทยทำการคำนวณและวิเคราะห์ด้วยวิธี Basel I หรือ Basel II ที่รับมาจาก Bank for International Settlements (BIS) แล้วแต่ความพร้อมของแต่ละธนาคาร โดยวิธี Basel I นั้นมูลค่าสินทรัพย์เสี่ยง สามารถคำนวณโดยใช้ตัวเลขที่เรียกว่าน้ำหนักความเสี่ยงของสินทรัพย์ (risk-weight) คูณกับมูลค่าสินทรัพย์นั้นของธนาคาร โดยตัวเลขน้ำหนักความเสี่ยง จะมีค่ามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงของสินทรัพย์ที่นำมาพิจารณายก ตัวอย่างเช่น เงินสด มีน้ำหนักความเสี่ยงเท่ากับศูนย์ ในขณะที่สินเชื่อที่เป็น NPL จะมีน้ำหนักความเสี่ยงอย่างน้อยร้อยละ 50 สำหรับ Basel II นั้นแบ่งออกเป็น 2 วิธี โดยวิธีแรกที่เรียกกันว่าวิธีมาตรฐาน สามารถทำการคำนวณด้วยวิธีที่คล้ายๆ กับ วิธี Basel I แต่จะมีจุดต่างกันตรงที่การแบ่งระดับความเสี่ยงของสินทรัพย์ของ Basel II วิธีมาตรฐานมีความละเอียดและสามารถสะท้อนความเสี่ยงที่แท้จริงมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น สินทรัพย์ที่มีหลักประกันทางธนาคารสามารถนำหลักประกันดังกล่าวไปหักออกจาก สินทรัพย์นั้นๆ ก่อนนำมาคำนวณเป็นสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตามขั้นตอนดังกล่าวย่อมนำมาซึ่งการลงทุนของระบบ IT ในการแยกสินเชื่อต่างๆ เพื่อให้สามารถคำนวณตามหลักการดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง (ซึ่งหมายความว่าค่าใช้จ่ายของธนาคารจะสูงขึ้น) สำหรับ Basel II วิธีที่สองเรียกกันว่าวิธี Basel II แบบขั้นสูง หรือเรียกกันสั้นๆ ว่าวิธี IRB วิธีนี้กล่าวโดยย่อคือจะใช้สูตรทางคณิตศาสตร์ในการคำนวณเงินกองทุนจากตัวแปร 3 ตัวคือ 1. โอกาสที่จะเกิดหนี้เสีย 2.อัตราส่วนของมูลค่าความเสียหายของสินเชื่อต่อมูลค่าสินเชื่อที่ปล่อยให้ ลูกค้ากู้ และ 3. มูลค่าความเสียหายของสินเชื่อ ณ วันที่ลูกค้าเบี้ยวหนี้ โดยสูตรการคำนวณเงินกองทุนดังกล่าวจะนำตัวแปรทั้งสามมาทำการคำนวณเพื่อให้ ได้มูลค่าร้อยละของเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของสถาบันการเงิน ทั้งนี้ ผลลัพธ์ของเงินกองทุนที่คำนวณได้จะมีความถูกต้องเพียงใดขึ้นอยู่กับสมมติฐาน สองข้อคือ หนึ่ง สมมติฐานที่ว่าสินเชื่อในพอร์ตของสถาบันการเงินแต่ละรายมีขนาดไม่ใหญ่เกินไป นัก และสอง สมมติฐานที่ว่ามีปัจจัยเสี่ยงเพียง 1 ปัจจัยในการวิเคราะห์ สมมติฐานทั้งสองข้อนี้จะทำให้สามารถแบ่งพอร์ตสินเชื่อออกมาวิเคราะห์เป็น ส่วนๆ แยกจากกันได้ โดยไม่ทำให้ผลของการวิเคราะห์มีความคลาดเคลื่อน แม้ว่าพอร์ตสินเชื่อในแต่ละส่วนจะมีความเกี่ยวข้องกันอยู่ก็ตาม ผลลัพธ์ ของมูลค่าของเงินกองทุนที่คำนวณได้ (ซึ่งธนาคารต้องดำรงเงินกองทุนดังกล่าวตามกฎหมาย) สามารถตีความได้ในลักษณะที่ว่าปริมาณเงินดังกล่าวคือมูลค่าของเงินกองทุนที่ สามารถรองรับค่าความเสียหายที่ร้ายแรงที่สุดลำดับที่ 2 จากความเสียหายทั้งหมด 1,000 ครั้งที่อาจจะเกิดขึ้นกับสถาบันการเงินหนึ่งๆ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่คำนวณจากวิธี Basel I และ Basel II ทั้งวิธีมาตรฐานและวิธีขั้นสูง ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังให้สถาบันการเงินไทยนำมาใช้นั้นมิใช่ว่าจะ สมบูรณ์แบบ หากแต่ยังมีประเด็นที่หลายคนตั้งคำถามถึง นั่นคือการที่ตัวเลขดังกล่าวจะสะท้อนความเสี่ยงของสินทรัพย์ที่มีอยู่ของ สถาบันการเงินต่างๆ ได้มากน้อยเพียงใด เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจของประเด็นดังกล่าว ผมขอยกตัวอย่างเหตุการณ์จำลอง 2 เหตุการณ์ดังต่อไปนี้ (โดยทั่วไปเงินกองทุนที่คำนวณจาก Basel II วิธีขั้นสูงจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่าเงินกองทุนที่คำนวณจาก Basel I และ Basel II วิธีมาตรฐาน ดังนั้นการวิเคราะห์ในส่วนที่เหลือของบทความจะสมมติให้สถาบันการเงินคำนวณ เงินกองทุนด้วย Basel II วิธีขั้นสูง) หากเราให้คนต่อแถวกันหนึ่งพัน คนแล้วทำการวัดส่วนสูงของทุกคนแล้วนำมาหาค่าเฉลี่ย สมมติว่าได้เท่ากับ 170 ซ.ม. เราพบว่าหนึ่งในคนกลุ่มนั้นมีนักบาสเกตบอลชื่อดัง Yao Ming อยู่ในกลุ่มนั้น ถ้าหากเราเชิญ Yao Ming ออกจากกลุ่มดังกล่าว แล้วทำการหาค่าเฉลี่ยของส่วนสูงของคนในกลุ่มนั้นใหม่จะพบว่าได้ประมาณ 169.5 ซ.ม. นั่นหมายถึงคนที่สูงที่สุดในกลุ่มมิได้มีผลกับความสูงเฉลี่ยของกลุ่มคนดัง กล่าวเท่าไรนัก ในทางกลับกันหากเราให้คนต่อแถวกันหนึ่งพันคนต่อแถว กันแล้วทำการวัดสินทรัพย์ (เงินเก็บ) ของทุกคนแล้วนำมาหาค่าเฉลี่ยของเงินเก็บของทุกคน พบว่าได้ประมาณ 100 ล้านบาท เราพบว่าหนึ่งในคนกลุ่มนั้นคือ คุณเจริญ สิริวัฒนภักดีอยู่ในกลุ่มคนดังกล่าว ถ้าหากเราเชิญคุณเจริญออกจากกลุ่ม แล้วทำการหาค่าเฉลี่ยของเงินเก็บในกลุ่มนั้นใหม่จะพบว่าได้ไม่ถึง 5 แสนบาท นั่นหมายถึงเงินเก็บของคุณเจริญมีผลกับค่าเฉลี่ยของเงินเก็บของกลุ่มคนดัง กล่าวอย่างมหาศาล โดยใช้เหตุการณ์จำลองดังกล่าวในการเปรียบเทียบ มูลค่าของเงินกองทุนที่ธนาคารต้องดำรงตามกฎหมาย (หรือมูลค่าของเงินกองทุนที่สามารถป้องกันความเสียหายที่ร้ายแรงที่สุดลำดับ ที่ 2 จากความเสียหายทั้งหมด 1,000 ครั้งที่กล่าวไว้ข้างต้น) ซึ่งสถาบันการเงินใช้ วิธี Basel II ในการคำนวณนั้น จะมีมูลค่าความเสียหายในระดับเดียวกับความสูงของคุณ Yao Ming หรือเรียกตามภาษาของการบริหารความเสี่ยงว่ามูลค่าความเสียหายของสินทรัพย์ (ตามวิธี Basel II ที่ ธปท.ใช้อยู่ในปัจจุบัน) มีการกระจายตัวแบบปกติ หรือ normal distribution ในทางกลับกัน ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น มูลค่าความเสียหายจากความเสี่ยงที่เกิดขึ้น (แบบที่เกิดขึ้นในอเมริกาในขณะนี้) จะมีมูลค่าความเสียหายสูงสุดในระดับเดียวกับมูลค่าสินทรัพย์ของคุณเจริญ (ระดับความเสียหายในระดับที่ Lehman Brothers รวมถึง Merrill Lynch และ AIG ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐใช้เงินประมาณหนึ่งในสามของมูลค่ามวลรวมประชาชาติ หรือ GDP ของประเทศไทยในการเข้ามาซื้อหุ้นของ AIG ในขณะนี้) หรือเรียกตามภาษาทางสถิติว่ามูลค่าความเสียหายของสินทรัพย์ดังกล่าวมีการ กระจายตัวแบบหางอ้วน หรือ Fat-tailed distribution ด้วยเหตุผลดัง กล่าวตัวเลข BIS ratio ที่สูงๆ ของสถาบันการเงิน (ด้วยมาตรฐานที่เมืองไทยกำลังใช้ Basel II ในขณะนี้) ที่ ธปท. อ้างถึง จึงยังมิใช่คำตอบสุดท้าย (ภายใต้ Basel II ซึ่ง ธปท.ใช้อยู่ในปัจจุบัน) ในการที่จะบอกว่าเราจะมีความปลอดภัยจริงๆ จากความเสี่ยงทางการเงินในลักษณะที่ร้ายแรงด้วยรูปแบบที่เราคาดไม่ถึงอย่าง ที่เราเชื่อกัน อย่างไรก็ตามผู้เขียนมิได้มีความประสงค์ให้ผู้ฝาก เงินทั้งหลายที่มีบัญชีกับสถาบันการเงินดังกล่าวตื่นตระหนกแล้วรีบแห่กันไป ถอนเงิน เพียงแต่จะชี้ให้เห็นว่าการพิจารณาตัวเลขที่เกี่ยวกับประสิทธิภาพของการ บริหารความเสี่ยงของสถาบันการเงินนั้นในบางครั้งก็จำเป็นต้องมีความถี่ถ้วน เป็นพิเศษในการประเมินความเสี่ยงเท่านั้น หน้า 41
โดย
Asylum
พุธ ก.ย. 24, 2008 9:00 am
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
Asylum
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
งานอดิเรก:
Stock Market
ความถนัด:
Banker
ที่อยู่:
BKK
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พุธ ก.ย. 24, 2008 8:54 am
ใช้งานล่าสุด:
พุธ ก.ย. 24, 2008 8:56 am
โพสต์ทั้งหมด:
1 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.00 ข้อความต่อวัน)
ลายเซ็นต์
A bit less, A bit more
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว