เปิดสอนบัญชี ขอบคุณครับ ได้ส่งนายละเอียดไปแล้วนะครับ โดย value_indy อังคาร ก.ค. 15, 2008 10:36 am

แจก EPS16YEAR (งบดุล ย้อน 19 ปี,ราคา,Ratio,แบบเครดิตภาษี) เรียนพี่ครรชิต ผมขอ  V.2003 ด้วยคนนะครับ [email protected] ขอบพระคุณมากครับ โดย value_indy อาทิตย์ มิ.ย. 29, 2008 7:15 pm

เปิดสอนบัญชี สวัสดีครับพี่มน  ก่อนตอบคำถาม ขออนุญาตเล่าประวัติการเข้ามาเกี่ยวข้องกับแวดวงการลงทุนนะครับ ผมได้ติดตามเว็บนี้มาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว คงเหมือนหลาย ๆคนที่ได้บังเอิญอ่านหนังสือตีแตกแล้ว เกิดความหวัง เกิดความฝัน  เกิดไอเดีย เกิดความเชื่อมั่นในการลงทุนอย่างมีเหตุมีผลที่เรียกว่า value investor ซึ่งตอนอ่านตีแตกรู้สึกว่าการลงทุนในหุ้นไม่ยากเลย แค่ เลือกหุ้น PE ต่ำ และ PB ต่ำ แล้วถือเอาไว้ยาว ๆ จน PE สูงขึ้นค่อยขาย  เป็นการลงทุนที่น่าสนใจมาก ก็พยายามศึกษาการลงทุนแนวนี้เพิ่มเติมครับ  ได้มาเจอ เว็บไทยวีไอ อ่านไปอ่านมาไปเจอบทความ "คุณภาพของกำไร" ของคุณ IH อ่านเสร็จ รู้สึกเหมือนโดนดับไฟซึ่งพึ่งจุดติดเมื่อไม่กี่วันก่อน เข้าใจเพิ่มขึ้นอีกหน่อยว่า  " หุ้น PE ต่ำอาจจะไม่ดีก็ได้ !!!" เริ่มรู้สึกว่าการลงทุนไม่ง่ายเลยครับ ต้องมีความรู้เยอะมากกว่านี้ในการวิเคราะห์กำไรในอนาคตของบริษัทต่าง ๆ ก็พยายามศึกษาทุกอย่างที่จะทำให้ตัวเองเก่งขึ้นในแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่า อ่านหนังสือทุกเล่มที่พี่ ๆ ในเว็บแนะนำ เช่น The Intelligent Investor, One up on Wall street ,ลงทุนอย่าง...ปีเตอร์ ลินซ์ ,Value investing MADE EASY, หุ้นสามัญกับกำไรที่ไม่สามัญ,ลงทุนแบบ จอห์น เนฟฟ์, วาทะของวอร์เรน บัฟเฟตทท์ ,The Essential Buffet,5 key to value investing,การวัดมูลค่าหุ้นของพี่สุมาอี้, วิถีเซียนหุ้นมูลค่า,หนังสือทุกเล่มของ ดร.นิเวศน์ อ่านเสร็จแม้จะเข้าใจในการลงทุนมากขึ้น แต่ผมไม่คิดว่าตัวเองเก่งขึ้นเลย กลับกัน รู้สึกว่ายังมีเรื่องที่เราไม่รู้อีกมาก ไม่เข้าใจอีกมาก และตลอดชีวิตเราอาจไม่มีทางเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้ เชื่อแล้วครับว่าการลงทุนเป็นศิลปะจริงๆ  แต่น่าแปลกผมยิ่งรักมันมากกว่าเดิม จากที่ได้อ่านหนังสือมา ผมเข้าใจว่าวีไอมันยังมีซับเซตย่อยของมันอีก มันมีหลายแนว หลายสาย นักลงทุนแต่ละคนแม้จะบอกว่า เป็นวีไอ เหมือนกัน แต่กลับลงทุนไม่เหมือนกัน !!! แค่ ปีเตอร์ลินซ์ บัฟเฟตต์ จอห์น เนฟฟ์ ยังมีวิธีการลงทุนไม่เหมือนกันเลย ต่อมาผมได้อ่านบัญชีอีก 2 เล่ม คือ รู้บัญชีมีประโยชน์ และอ่านงบการเงินให้เป็น  หนังสือสองเล่มนี้ล่ะครับเป็นสาเหตุ ที่ทำให้ผมโพสกระทู้นี้อยู่ตอนนี้   อ่านหนังสือทั้งสองเล่มแล้วไม่เข้าใจครับเนื่องด้วยผมไม่มีพื้นฐานด้านบัญขีเลย พออ่านรอบที่ 2 ดีขึ้นหน่อย แต่รู้สึกว่ายังไม่กระจ่างครับ รู้เพียงแค่ผิวเผิน ทรัพย์สิน หนี้สิน กำไรขาดทุน เงินสดจากกิจกรรมต่าง ๆ แต่ยังคิดว่า เอาไปประยุกต์ใช้ยังไม่ค่อยได้เท่าไร ยิ่งหากถูกบัญชีหลอก ไม่ว่าจะเป็น การรีบรับรู้รายได้ ชะลอการรับรู้รายจ่าย  ระยะเวลาการรับรู้ค่าเสื่อม หรือเงื่อนบัญชีอื่น ๆ ที่หนังสือไม่ได้เขียน คงจะแย่เอาเหมือนกันครับถ้าเราลงทุนในหุ้นตัวนั้น เกริ่นมานาน ขออนุญาตตอบคำถามนะครับ 1.เรียนอะไร ? คำถามนี้จนปัญญาครับ ไม่ทราบจริง ๆ สุดแท้แต่อาจารย์มนจะกรุณาสอนครับ แต่ถ้าถามว่า คาดว่าจะได้เรียนอะไร ผมคาดว่า จะได้เรียน การวิเคราะห์ Five Forces Model ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ  ในบริษัทต่าง ๆ, การดู Biz Model ในบริษัทต่าง ๆ  ว่าBiz Modelแบบไหนน่าลงทุน  , การอ่านบัญชี ให้กระจ่าง รู้ลึก รู้จริงต้องดูอะไรบ้าง ข้อควรระวังในการอ่านบัญชี มีตรงจุดไหนบ้าง  และ ประสบการณ์การลงทุน ของอาจารย์ เหตุผลในการเลือกบริษัท ลงทุนของอาจารย์ครับ 2.เอาไปใช้อะไร ? เพื่อนำความรู้มาประยุกต์ใช้กับตนเอง ในการวิเคราะห์บริษัทต่าง ๆ เพื่อให้มีความมั่นใจในการถือหุ้นตัวนั้น มีความคิดเป็นอิสระ ไม่ถูกกระทู้ในบอร์ดชักจูง ทำให้มองเป็นบวกมากไป หรือ ลบมากเกินไป เอาไปใช้เป็นตระแกรงกร่อนหุ้นสำหรับตนเอง  เอาไปใช้พัฒนาเพิ่มความสามารถให้กับตนเอง ในแนวทางการลงทุนแบบ วีไอ และ เป็นอาสาสมัครในการช่วยอาจารย์มนในการถ่ายทอดความรู้ต่อไป ตามจุดประสงค์ของโครงการนี้ครับ 3.เชื่อไหมว่าเรียนแล้วจะเอาไปใช้ได้จริง ? เชื่อมั่นล้านเปอร์เซ็นต์ครับว่าเรียนแล้วเอาไปใช้ได้จริง  จากประสบการณ์การลงทุนของผมเอง การลงทุนแบบวีไอ ทำผลตอบแทนให้ผมอย่างน่าพอใจ แม้จะรู้บัญชี งู ๆ ปลา ๆ ก็ตาม ดังนั้น  ผมคิดเหตุผลที่จะไม่เชื่อไม่ออกเลยว่า หากเรารู้วิธีการอ่านบัญชีเก่งขึ้น  เข้าใจธุรกิจได้มากขึ้น มองธุรกิจขาดมากขึ้น จาก Five Forces Model,Biz Model แล้วผลตอบแทนการลงทุนจะไม่ดีขึ้นได้อย่างไร   ขอบคุณครับ โดย value_indy ศุกร์ มิ.ย. 27, 2008 11:44 pm