หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
nara
Joined: ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 1:22 pm
31
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - nara
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
พบหนุ่มหล่อ Sunrise พฤหัสนี้ MoneyTalkDaily
เห็นด้วยเต็ม ๆ เลยคุณ โรมี่ ใช่เลยคำถาม ที่ถามมา มันไม่ได้ ทำให้เพชร ที่เอามาออกรายการ เปล่งประกายได้อย่างที่พวกเขามีศักยภาพเลย เล่นเอาขำ ซะจนหมดเวลา ถามไปทำไมลงทุนชื่อใคร พอล่ะ เดี๋ยวโดนด่า เห็นด้วยอีกคนครับ ฟังครั้งแรกๆ กับแนวทางที่จัดในปัจจุบันก็สนุกดีครับ ไม่เครียด มีเสียงหัวเราะตลอดรายการ ได้รับรู้แนวการลงทุนแบบ vi และ ได้รู้จักเห็นตัวเป็นๆ ของ vi แต่ละคน ฟังหลังๆ มา เริ่มอยากได้รายละเอียด วิธีการลงทุน แบบ vi มากขึ้น เริ่มเบื่อกับเสียงหัวเราะ และเริ่มเปลี่ยนช่องไปมาระหว่างที่ดู สุดท้ายก็กลายมาเป็น ดูบ้างไม่ดูบ้าง ถ้าแนวทางยืนยันว่าทำเน้นเฉพาะแบบเดิมๆ ผมคงไปดูหนังฝรั่งแทนเป็นแน่
โดย
nara
ศุกร์ มิ.ย. 06, 2008 8:11 am
0
0
หามูลค่าของบริษัท แบบมือใหม่
แต่ผมชอบอะไรที่มันง่ายๆ มากกว่าครับ เช่น สมมติหุ้น EPS = 4.25 และคาดการว่ากิจการน่าจะโตได้ไม่น้อยกว่า 10% ต่อปี จาก PEG < 1 => PE = 10 => P = 42.5 ผมว่าที่คุณ ส.สลึง ว่าง่ายๆ นั้น สำหรับมือใหม่อย่างผมละก้อ งง เอามากๆ ครับ ช่วยอธิบายทีละขั้นทีละตอนให้ มือใหม่อย่างผม เข้าใจหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ PEG คือ อะไรครับ แล้วประโยค --> จาก PEG < 1 => PE = 10 => P = 42.5 มันคืออะไรครับ ขอบคุณครับ
โดย
nara
อาทิตย์ พ.ค. 18, 2008 10:59 am
0
0
อีกสักคำถามนะครับ
อ่านเจอสูตรการคำนวณหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น ผมไม่แน่ใจว่า มีใครยังใช้กันหรือไม่ใช้กันแล้วครับ มูลค่าหุ้น = E[2R+8.5]*4.4 / y E = กำไรต่อหุ้นของบริษัท R = คาดการณ์อัตราการเติบโตของผลกำไร ํY = ผลตอบแทนในปัจจุบันของหุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับ AAA ที่สงสัย มีดังนี้ครับ ค่า Y เราจะรู้ได้อย่างไรว่ามีค่าเท่าไร ตัวเลข 8.5 และ 4.4 คือ ค่าของอะไร เอามาจากไหน ================================ ตัวอย่างของบริษัท A (ลองคิดเล่นๆ) E = 4.25 R = คาดว่าบริษัทจะโตประมาณ 10 % Y = สมมุติว่าเป็น 6 % เราจะได้มูลค่าหุ้นของบริษัท A เท่ากับ (4.25[(2*10)+8.5]*4.4)/6 จะได้ประมาณ 88.82 บาท จะว่ามั่วก็มั่วมากๆ เลยครับ แต่ถ้าเข้าใจที่มาของสูตรนี้ได้ ผมว่าคงน่าสนใจอยู่มากทีเดียว
โดย
nara
เสาร์ พ.ค. 17, 2008 10:09 pm
0
0
ขอบคุณครับ
ขอบคุณพี่por_jai และ เพื่อนๆ ครับ สังคมที่นี่ดูอบอุ่นดีครับ อย่างไรแล้วก็ต้องลองดูกันก่อน พี่ por_jai ยังอดทนมาได้ตั้ง 4 ปี ผมว่าสักปีสองปี ก็น่าจะรู้ครับ ว่าไหวหรือไม่ไหว
โดย
nara
ศุกร์ พ.ค. 16, 2008 8:49 pm
0
0
ขอบคุณครับ
เมื่อก่อนผมใช้การเดินไป-กลับโรงเรียน เพราะโรงเรียนอยู่ไม่ไกลบ้าน ห่างกันประมาณ 4-5 ป้ายรถเมล์ เดินไปก็ไม่ได้ต้องรีบร้อนอะไร เดินทางแบบนี้ได้เป็นปีๆ ไม่มีปัญหา ด้วยไม่มีเงินซื้อรถ และ ขับรถไม่เป็น ระหว่างเดินก็มองรถในถนนไปด้วย แล้วก็แปลกใจมากๆ ว่าเขาขับรถ กันเก่งจริงๆ เพื่อไม่ให้รถมันชนกัน ถึงแม้ช่วงเวลาที่รถติดเป็นแพ ต้องวิ่งๆ หยุดๆ แต่ก็ไม่เห็นชนกันหรือ กระแทกกันสักที บางครั้งถนนว่าง ก็วิ่งกันเร็วสุดๆ เขาคงต้องเก่งกันมากๆ เลย เพราะไม่ว่าถนนจะมีสภาพ อย่างไร ก็สามารถประคองรถ วิ่งๆหยุดๆ เลี้ยวซ้าย เลี้ยขวา ปาดหน้า ปาดหลัง แซงไปมา แล้วก็ถึงจุดหมายกันได้ทุกวัน มันต้องยากมากๆ เป็นแน่ พอโตมาจนขับรถได้เอง ถึงได้รู้ว่า โธ่ !! ไม่มีอะไรเลย ขับรถเป็นมันก็คือ การขับรถนั่นแหละ ไม่ว่าจะขับในกรุงเทพ หรือ ขับต่างจังหวัด ไม่ว่า รถจะติด หรือ ไล่กวดคันหน้า แซงซ้าย กดแตร เปิดไฟสูง ก็ทำได้หมด แล้วยังได้เรียนรู้ การฝ่าไฟแดง ถูกตำรวจจับ ชนชาวบ้าน ขึ้นโรงพัก ทุกวันนี้ความยากมันก็หายไป แต่เป็นเรื่องใหม่ เรื่องความปลอดภัย ความใจเย็น ความรู้เรื่องรถ เรื่องกฎจราจร เรื่องการใช้ถนนร่วมกัน ซึ่งกว่าจะขับรถเป็นแบบนี้ ก็ต้องใช้เวลาหลายปีทีเดียวครับ ทุกวันก็ยังขับรถอยู่ เพราะมีความจำเป็นต้องใช้ ------------------------------------------------------ เรื่องหุ้น ผมก็มองและคิดแบบเดียวกันกับการขับรถของผมนั่นแหละครับ ีการทำงานในแต่ละวัน ก็เหมือนกันกับการเดินอยู่บนทางเท้า ข้างถนน ทำงานหาเงินไปวันๆ มีความปลอดภัยและไม่ต้องรีบร้อน ผมเอง มองถนนของหุ้นมานานในระหว่างที่เดินอยู่ข้างถนน มองเรื่องหุ้นว่าเป็นเรื่องยาก คนอยู่ในวงการคงต้องเก่งกันมากๆ เลย และดูวุ่นวายไม่ต่างกันกับรถที่วิ่งอยู่บนถนนซะเท่าไร แต่สักวันผมก็คงต้องนั่งขับรถอยู่ในถนนหุ้นเหมือนคนอื่นๆนั่นแหละครับ ตอนนี้ก็เล็งๆ อยู่ว่าจะถอยหุ้นคันไหนออกมาขับเล่นกับเขาบ้าง คงเป็นคัน เล็กๆ สัก 2-3 คัน ทดลองขับไปสักปีสองปี อีกหน่อยคงขับแซงชาวบ้าน เป็นกับเขาบ้าง แต่คงไม่ถึงกับขับแหกโค้ง หรือ เสยใครเข้าหรอกครับ เพราะเรียนรู้เรื่องความปลอดภัย จากประสบการณ์อื่นๆ มาบ้างแล้ว
โดย
nara
พฤหัสฯ. พ.ค. 15, 2008 9:22 am
0
0
นับได้ว่ายากมากครับ
ถือว่ายากมากเลยนะครับ ยิ่งมือใหม่ด้วยแล้ว ขนาดตัวเลขกว่าจะหามาได้ ก็ลำบากเอามากๆ เพราะไม่มีใครบอกว่า จะหาได้จากที่ไหน พอหามาได้ก็ต้องทำความเข้าใจอีก และท้ายที่สุด มันแทบจะไม่ได้บอกอะไรได้มากนัก โห... แทบจะไม่ต้องคิดซื้อบริษัทเขาเลยนะครับ แค่ขอแบ่งซื้อหุ้นส่วนสักนิดหน่อย ยังแทบจะไม่กล้าซื้อซะแล้ว นี่ขนาดเล็งๆ ว่าราคาตกลงมาซะขนาดนี้แล้วนะครับ เพราะเราไม่มีทางรู้จักบริษัทในแง่มุมอื่นๆ ได้ง่ายๆเลย ไม่ว่า - ceo ของบริษัท ทั้งในแง่ความสามารถ และ ประสิทธิภาพ ความจริงใจ ฯ - ทิศทางธุรกิจของบริษัท และ ทีมงานของบริษัท - ลูกค้าและการดำเนินงานของบริษัท อย่างมากก็ดูตัวเลข งบดุล งบกำไรขาดทุน งบกระแสเงินสด ซึ่งก็ดูยาก และ ตีความได้ยากอยู่แล้ว
โดย
nara
พุธ พ.ค. 14, 2008 4:45 pm
0
0
สมมุตินะครับสมมุติ
สมมุติว่าพี่ por_jai มีเงินมาก มากพอที่จะซื้อบริษัท A ที่ว่านี้ พี่จะซื้อบริษัทนี้หรือไม่ครับ หมายถึงซื้อทั้งบริษัทเลยนะครับ พี่มองอย่างไรครับ ในกรณีนี้ ผมเอง ผมมองว่าถ้ามีิิเงินมากขนาดนั้น ผมซื้อเลยครับ เพราะมูลค่าทั้งบริษัทตอนนี้ถือว่าถูกมาก เหมือนกำลัง อยู่ในช่วงลดราคาเลยนะครับ ผมคิดแบบว่า ราคาตามบัญชี 67 บาท แต่ราคาในตลาด 50 บาท คิดมูลค่าแล้วต่างกัน 67-50 = 17 บาท คิดเป็นส่วนลดถึง 17*100/67 = 25.37 % ทีเดียวนะครับ แต่อีกนั่นแหละ ผมว่าพี่อาจจะไม่ซื้อก็ได้ แสดงว่ามันต้องมีหลักในการคิดสักอย่างกระมังครับ
โดย
nara
อังคาร พ.ค. 13, 2008 4:56 pm
0
0
มูลค่าทางบัญชี
ถ้าอย่างนั้น ผมขอแก้เป็นว่า ค่าที่ได้นี้เป็นมูลค่าขั้นต่ำ ของบริษัท และน่าจะถือได้ว่าเป็นราคาขั้นต่ำของราคาหุ้นของบริษัทนี้ เพราะดูไปแล้วเหมือนกับค่า P/B เลยนะครับ คือ ถ้าราคาหุ้นในปัจจุบัน มีราคาต่ำกว่า ค่าที่หาได้ เช่น ราคาหุ้นสมมุติเป็น 50 บาท ส่วนราคาที่หาได้จากข้างต้นเป็น 67 บาท เราก็จะได้ ค่า P/B เป็น 50/67 = 0.74 ซึ่งต่ำกว่า 1 เคยอ่านพบว่า ถ้า P/B มีค่าต่ำกว่า 1 แสดงว่า ถ้าเราซื้อหุ้นในราคานี้ (50) ถือว่าเราซื้อหุ้นได้ในราคาที่ดีกว่า เจ้าของเสียอีก ตรงนี้แหละครับ ที่ไม่ค่อยเข้าใจนัก มองอย่างไรครับ ว่าได้ราคาดีกว่าเจ้าของ ??
โดย
nara
อังคาร พ.ค. 13, 2008 2:43 pm
0
0
มูลค่าของบริษัท
ค่านี้ถือเป็น มูลค่าขั้นต่ำของบริษัท หมายความว่า ราคาหุ้นไม่ควรสูงไปกว่านี้ ใช่ไหมครับ
โดย
nara
อังคาร พ.ค. 13, 2008 2:10 pm
0
0
สาวคนนี้
สาวตลาดคนนี้ดูยากจังเลยนะครับ ดีที่แค่มองๆ ยังไม่ได้จีบ ยังไม่ได้เกี้ยว แต่ก็ทำให้ตื่นเต้นดีครับ พออ่านอย่างนี้ยังอยากเล่นหุ้นอยู่อีกหรือเปล่าครับ อันที่จริงผมเองก็มองมานานแล้วนะครับ แต่ยังไม่มีเงินมีทองเหลือเก็บสักเท่าไร มาวันนี้พอมีส่วนที่เหลือ จึงมีโอกาสเข้ามาศึกษาที่นี่ นับว่ามาทางที่ถูกแล้วละครับ แต่จะเอาจริงเอาจังแค่ไหน ก็ต้องลองศึกษากันดูครับ หากพี่ por_jai หรือ ท่านอื่นมีอะไรพอแนะนำได้ ไม่ต้องเกรงใจเลยนะครับ ยินดีเรียนรู้ครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ วันเสาร์ที่ 3 พค ผมมีโอกาสไปฟัง รายการ Investing day ของ อ.ไพบูลย์ ที่จัดในห้องประชุม ของตลาดหลักทรัพย์ ได้ฟังและเห็นแนวคิดในการมองบริษัท จากมุมมองของ อ.นิเวศน์ แล้วอึ้งไปเลยครับ เพราะบริษัททั้ง 4 ที่ตลาดหลักทรัพย์คัดเลือกมา ล้วนเป็น บริษัทที่มีอัตราการเติบโตสูงเป็นอันดับต้น ๆ ผมฟังแล้วแต่ละบริษัทล้วนน่าสนใจ เห็นแล้วน่าลงทุนด้วยทุกบริษัท แต่พอฟังความเห็นจาก อ.นิเวศน์ ที่มีต่อบริษัทแต่ละบริษัทแล้ว ต้องเก็บเงินไว้ในกระเป๋า เหมือนเดิม ไม่กล้าลงทุนสักบริษัทเลยครับ เพราะมีทั้ง - บริษัท แบบโภคภัณท์ ที่มีราคาขึ้นๆลงๆ วัตถดิบคุมลำบาก - บริษัทที่เป็นเพียงแค่ผู้ประกอบชิ้นส่วน ให้กับบริษัทใหญ่ ไม่สามารถกำหนดราคาสินต้าเองได้ - บริษัทที่เป็นมีลักษณะผูกขาด ซึ่งดูดี แต่อนาคตถ้ามีคู่แข่งก็คงเหนื่อย ซึ่งโอกาสจะเกิดก็มีมากเสียด้วย - บริษัทที่การเงินไม่ค่อยดี ผลิตสินค้าที่ใครๆ ก็ทำได้โดยง่าย จะว่ายากก็ยากนะครับ แต่เป็นความรู้ใหม่ล้วนๆ เลยละครับ ยิ่งอ่านมาก ยิ่งฟังมาก ก็ยิ่งสนุกครัับ (ยังไม่เสียตัง)
โดย
nara
อาทิตย์ พ.ค. 04, 2008 4:27 pm
0
0
ขอบคุณมากครับ
ขอบคูณมากครับ พี่ por_jai พอเห็นภาพขึ้นมาบ้างแล้วละครับ แล้วก็ตกใจไปพร้อมๆ กันด้วย ผมคิดอยู่ในใจแล้วว่า กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน = (749,276,294.40) แสดงยอดเงินอยู่ในวงเล็บ น่าจะหมายถึงการติดลบ ยิ่งได้รับคำอธิบายว่า กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน เป็นลบแปลว่า ทำงานมาทั้งปีไม่มีเงินเหลือแถมติดลบ โอ.. จะบ้้าตาย เห็นแต่ยอดกำไรจาก settrade พอเป็นแบบนี้ บริษัทจะไปรอดหรือครับ แล้วยังเห็นว่า ปี 51 นี้ให้ปันผลถึง 4 บาทต่อหุ้นเสียอีก ถ้าให้เดาก็คงต้องกู้เงินมาจ่ายปันผลเป็นแน่ ถือได้มั้ยครับว่าบริษัทนี่้น่ากลัว หรือ ว่าเป็นธรรมชาติ ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ทั่วไป
โดย
nara
เสาร์ พ.ค. 03, 2008 8:28 pm
0
0
ขอทำการบ้านยากๆ สักข้อ
งบกระแสเงินสด สำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 -------------------------------------------------------2550--------------------2549----- กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน = _(749,276,294.40)-----(157,627,398.74) กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน = ____ (296,496,255.31)-----(234,638,661.21) กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน = __1,167,747,846.05-----412,497,235.99 อ่านๆมาเห็นเขาว่า งบกระแสเงินสด เป็นเรื่องน่าสนใจ ผมเลยหาข้อมูล มาจาก กลต นำมาให้ดู 3 หัวข้อหลัก (ตามสูตร) แต่อย่างว่าแหละครับ รู้ว่าสำคัญ แล้วมันยังไงต่อละนี่ อ่าน และ อ่าน สักวันคงเข้าใจ เรื่องใหม่จริงๆ เลยครับ สำหรับผม
โดย
nara
ศุกร์ พ.ค. 02, 2008 10:04 pm
0
0
เฉลย เรื่อง กำไรของบริษัท
ดูจากคำเฉลยของคุณครู por_jai ทั้งๆที่คุณครูบอกว่าไม่เฉลยนั่นแหละครับ แต่การอ่านความหมายระหว่างบรรทัดของคุณครูก็พอบอกอะไรได้บ้าง วัตถูดิบ บริษัทที่ทำการผลิตเป็นหลักนั้น เราต้องดูให้ละเอียดเกี่ยวกับ วัตถูดิบ ที่ใช้ในการผลิต และ ข้อมูลที่ดีก็คือรายงาน 56-1 นั่นเอง ในเรื่อง วัตถูดิบ นั้น วัตถุดิบตัวหลักใช้ถึง 70 % บริษัทหาซื้อในประเทศไทยไม่พอเพียง ต้องนำเข้ามาจาก จีน และ ออสเตรเลีย แต่สัดส่วนของการ นำเข้าไม่ได้บอกเอาไว้ ทั้งสัดส่วนนำเข้ากับซื้อในประเทศ และ สัดส่วนนำเข้าระหว่าง จีน กับ ออสเตรเลีย ราคาวัตถุดิบก็มีขึ้นมีลง ขึ้นอยู่กับการกำหนดราคาตลาดใน ต่างประเทศ อันนี้หรือเปล่าครับ ที่เรียกว่าสินค้าวัฏจักร(commodity) แล้วความหมายของสินค้าวัฎจักรคืออะไร แต่ดูจากที่บอกแล้ว เข้าใจว่าต้องระมัดระวังสินค้าแบบนี้ให้มาก (เฮ้อ! ต้องเรียนรู้กันอีกเยอะเลยนะครับ) นี่แค่สนใจเรื่องการลงทุนแนว vi นะครับ ยังไม่ได้เป็น vi กับเขาเลย แต่ก็สบายใจครับ ศึกษาเรียนรู้ไปก่อน ทำการบ้านโดยมีครูมาช่วยสอนแบบนี้ จะหาได้จากที่ไหนอีก ส่วนเวลาสอบจริง (เข้าไปซื้อหุ้น) แล้วละก้อ ตัวใครตัวมันละครับ คุณครูก็เข้าไปในห้องสอบไม่ได้เสียด้วย
โดย
nara
ศุกร์ พ.ค. 02, 2008 9:13 am
0
0
มือใหม่ส่งการบ้าน
ระหว่างรอคุณครูมาเฉลยคำตอบที่ว่า ที่กำไรเขาปูดในปี50มากกว่าปี49มากมายเกิดจากอะไรครับ ผมก็ขอทำการบ้านต่อ เรื่องกำไร อีกหน่อย เขาแนะนำกันว่าในเรื่องกำไรนั้น ให้ดู คุณภาพของกำไร ด้วย นี่ก็เป็นเรื่องใหม่สำหรับผมมาก เพราะแรกๆ คิดเพียงว่าบริษัทไหน มีกำไรก็น่าจะ ok แล้ว แต่นี่เราต้องมาดูด้วยว่า กำไรที่ว่านั้น เป็นอย่างไร ต้องเข้าไปดูถึงคุณภาพของกำไรด้วย อืมม.... ละเอียดดีจังเลยครับ รายได้ (ล้านบาท)-------------5,005.89----------3,736.24----------2,993.42 กำไร / ขาดทุน (ล้านบาท)-------296.46------------150.37-------------193.43 ผลกำไรต่อสินทรัพย์ (%)---------14.66----------------8.56--------------12.34 ผลกำไรต่อส่วนผู้ถือหุ้น (%)------17.40----------------9.78-------------13.54 อัตรากำไรสุทธิ (%)----------------5.92-----------------4.02--------------6.46 แล้วผมก็รู้จักกับคำย่ออีก 2 คำ คือ ROA และ ROE ROA มาจากคำเต็มว่า Return On Assets ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นตัวเดียวกันกับ ผลกำไรต่อสินทรัพย์ ที่นำตัวเลขมาจาก settrade ตามที่อ้างอิงไว้ด้านบนนี้ กว่าจะรู้ว่าเป็นตัวเดียวกัน ก็งมอยู่นานเลยละครับ นี่แสดงว่า settrade เขาทำข้อมูลได้ดีมากๆ เลย แต่ก็ยังสงสัยว่า ที่มาของค่านั้นมาอย่างไรอยู่ดี ROE มาจากคำเต็มว่า Return on Equity เทียบแล้วคงหมายถึง ผลกำไรต่อส่วนผู้ถือหุ้น ดังนั้น จากข้อมูลข้างต้นสรุปได้ว่า ROA = ผลกำไรต่อสินทรัพย์ = 14.66 % ROE = ผลกำไรต่อส่วนผู้ถือหุ้น = 17.40 % ซึ่งเขาบอกมาว่า ยิ่งตัวเลขมากยิ่งดี นี่ก็แสดงว่าบริษัท ที่ผมยกมานี้ โดยเฉพาะในปี 2550 - กำไรของบริษัทมีคุณภาพดีมาก หรือ - บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่ดี หรือว่าตัวเลขทั้ง 2 ตัวนี้ ให้อธิบายได้ทั้งสองประการ น่าสนใจนะครับ ?
โดย
nara
ศุกร์ พ.ค. 02, 2008 8:31 am
0
0
ข้อมูลงบการเงิน
ครั้งแรกๆ ผมก็หาข้อมูลงบการเงินของบริษัทจาก settrade เหมือนกัน แต่ก็อย่างที่คุณโมโมทาโร พบนั่นแหละครับ ว่าเป็นภาษาอังกฤษทั้งนั้น ต่อมาผมได้มีโอกาสเข้าไปที่เวปของ กลต ที่นี่ครับ http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fin2/cgi-bin/find56.php?lang=t&ref_id=74&content_id=1 เป็นทางลัดเข้าสู่หน้าข้อมูล ซึ่งจะมีหัวข้อให้เลือกอยู่มากครับ เช่น 56-1 , งบการเงิน , หนังสือชี้ชวน , รายงานประจำปี เป็นต้น ผมเข้าไปดูผ่านทาง settrade ในหัวข้อภาพรวมบริษัท หลังจากเลือก บริษัทที่สนใจแล้วนะครับ ซึ่งในหัวข้อภาพรวมบริษมัจะมีให้เลือกรายงาน 56-1 พอเลือกแล้วเวปจะเชื่อมโยงไปที่เวปกลต ตามที่อ้างข้างต้นครับ แต่ถ้าเราเข้าเวปกลต ตรงๆ คือ www.sec.or.th ก็ได้นะครับมีข้อมูล ให้ดูมากมาย แต่จะเข้าไปดูงบการเงินของแต่ละบริษัทนั้น หาทางเข้า ไปถึงจากเวปกลต นั้นยากเหลือเกินครับ ไปทางลัดที่แนะนำจะดีกว่า เข้าไปแล้วเขาก็ทำไว้ดีนะครับ สามารถเลือกบริษัทที่สนใจได้ทั้งแบบ เรียกตามรายชื่อบริษัท หรือ เลือกตามตัวย่อที่ใช้ในตลาดหลักทรัพย์ ก็ได้ สะดวกมากๆเลยครับ
โดย
nara
ศุกร์ พ.ค. 02, 2008 8:10 am
0
0
มือใหม่ส่งการบ้าน
รายได้ (ล้านบาท)-------------5,005.89----------3,736.24----------2,993.42 กำไร / ขาดทุน (ล้านบาท)-------296.46------------150.37-------------193.43 โห.. คุณครูทดสอบระหว่างชั่วโมงเลยนะครับ ขอบคุณครับ แต่.. ตอบไม่ได้เหมือนกันครับ คิดเพียงว่าผู้บริหารเขาคงจะเก่งกระมังครับ ปี 49 ขายได้ 3,736.24 ล้านบาท ปี 50 ขายได้ 5,005.89 ล้านบาท รายได้เพิ่มขึ้นคิดเป็น (5005.89-3736.24)*100/3736.24 = 33.98 % ขนาดนี้ถือว่าเยอะมากมั้ยครับ หรือว่า พอดีๆ ผมเองก็ไม่รู้ว่าโดยทั่วไปธุรกิจ เขาจะสามารถเพิ่มยอดขายกันได้ปีละประมาณเท่าไร จึงจะถือว่ามาก เคยได้ยินมาเพียงว่า หากทำได้ ปีละ 10-20 % ก็เก่งแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง บริษัทนี้ก็ถือว่่าทำยอดขายในปี 50 ได้ ก็ถือเยี่ยมมากเลยสิครับ ปี 49 กำไร 150.37 ล้านบาท ปี 50 กำไร 296.46 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้นคิดเป็น (296.46-150.37)*100/150.37 = 97.15 % โห.. ทำไมกำไรมหาศาลแบบนี้ละครับ แสดงว่าต้องมีอะไรเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเป็นแน่ เพราะผมคิดจากความเข้าใจที่ว่า กำไร = ยอดขาย - ค่าใช้จ่าย ยอดขายโต แต่กำไรโตกว่ามากเลย แสดงว่าค่าใช้จ่ายต้องน้อยแน่ๆ ปี 49 ค่าใช้จ่าย 3,527 ล้านบาท ปี 50 ค่าใช้จ่าย 4,489 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นคิดเป็น (4489-3527)*100/3527 = 27.27 % แต่พอดูค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมา 27.27 % ก็มองไม่ออกเสียแล้วละครับ ว่ามันบอกอะไรมากน้อยแค่ไหน ต้องย้อนไปตอบแบบข้างต้นครับ ยกความดีให้กับ ceo ครับ
โดย
nara
พุธ เม.ย. 30, 2008 9:35 pm
0
0
มือใหม่ส่งการบ้าน
ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ 4.55 กำไรต่อหุ้น (บาท) 14.82 ราคาปิดต่อมูลค่าตามบัญชี 0.74 ค่า P/B = ราคาปิดต่อมูลค่าตามบัญชี จากตัวอย่าง ค่า P/B = 0.74 เท่านั้น แต่ในหลายๆ บริษัทที่เคยดูมา เห็นแต่มีค่าประมาณ 2 เท่าขึ้นไปทั้งนั้น เห็นเขาว่ากันว่า ยิ่ง P/B มีค่าน้อยเท่าไร ยิ่งดีเท่านั้น และบางที่ก็บอกกันว่า ถ้า P/B มีค่าต่ำกว่า 1 เท่า หมายถึงว่า เราสามารถซื้อหุ้นได้ถูกว่าเจ้าของเดิม ตรงนี้แหละครับที่ผมเองไม่เข้าใจนัก เพียงแต่เห็นค่าเพียง 0.74 แล้วก็นึกว่าน่าสนใจครับ จากตัวอย่างที่นำมาทำการบ้าน ผมว่าเห็นค่า P/E , P/B อยู่ในเกณท์แล้ว ก็คิดว่าเบื้องต้นเราน่าจะเลือกหุ้นได้ถูกตัวแล้วเหมือนกันแหะ
โดย
nara
อังคาร เม.ย. 29, 2008 8:40 pm
0
0
มือใหม่ส่งการบ้าน
ต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วยครับ ที่กรุณาแนะนำ และ เสริมความรู้ความเข้าใจเพิ่มเติม เรื่อง P/E นั้น ผมเองเข้าใจว่าค่านี้เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เพราะเอาราคาเป็นตัวตั้ง ซึ่ง ราคาก็เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ส่วนตัวหาร นั้นใช้กำไรสุทธิต่อหุ้น ซึ่งคิดกันปีละครั้ง จึงมีค่าที่ไม่เปลี่ยนแปลงบ่อย ทีนี้เวลาหุ้นราคา ขึ้นไปมากๆ ค่า P/E ที่คำนวณได้ในเวลานั้นก็ยิ่งสูงขึ้น บางตำราก็บอกว่าเราสามารถซื้อหุ้นได้แม้ P/E จะสูงถึง 20 เท่า ถ้าหุ้น หรือบริษัทนั้น มีอนาคตที่ดี แหม แต่ค่าสูงแบบนี้ มือใหม่อย่างผมต้อง ขอคิดหนักๆ หน่อยดีกว่าครับ
โดย
nara
อังคาร เม.ย. 29, 2008 8:33 pm
0
0
มือใหม่ส่งการบ้าน
ข้อมูลเหล่านี้ ผมนำมาจาก www.settrade.com ครับ P/E = ราคาหุ้น หารด้วย กำไรสุทธิต่อหุ้น ค่านี้ผมเข้าใจว่า เป็นค่าที่ใช้ดูว่าหุ้นตัวนี้ ราคาถูก จนน่าสนใจหรือไม่ ซึ่งจากตุ๊กตาทีตั้งไว้นั้น p/e หรือ ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ = 4.55 ฟังได้ว่าเป็นหุ้นราคาที่ถูก เพราะได้รับการอธิบายว่า ค่า P/E ของตลาด อยู่ประมาณ 11 เท่า ถ้าหุ้นใดมีค่า P/E ต่ำกว่า 11 เท่าถือว่าน่าสนใจ ดังนั้น p/e 4.55 ของหุ้นตัวนี้ก็นับว่าน่าสนใจนะครับ p = ราคาปิด หรือ ราคาปัจจุบัน e = กำไรสุทธิต่อหุ้น ราคาปิดวันนี้ = 67.50 บาท กำไรสุทธิต่อหุ้น = 14.82 บาท ดังนั้น P/E = 67.50/14.82 = 4.55 เท่า
โดย
nara
จันทร์ เม.ย. 28, 2008 10:07 pm
0
0
เลือกลงทุนในบริษัทใดดี
การมองธุรกิจ หรือ แนวโน้มธุรกิจที่มีอนาคต ก็ต้องยอมรับครับว่า "ดูไม่เป็น" แต่ก็ฟังๆ และ อ่านๆ เอา ดูตามคนอื่นๆ เขาไปก่อน การบ้านที่ผมตั้งใจทำ และตั้งใจส่งมาให้คุณครูช่วยตรวจ ก็คือ การศึกษาบริษัทที่เราจะลงทุนครับ เอาเป็นว่า ผมเลือกบริษัทเกี่ยวกับการผลิตสินค้า มา หนึ่งบริษัท แล้วลองฝึก การศึกษาการทำธุรกิจของบริษัทนี้ เป็นการบ้าน สำหรับหัวข้อนี้ก็แล้วกันนะครับ ข้อมูลเบื้องต้นของบริษัท --------------------------------31/12/07----------31/12/06----------31/12/05 สินทรัพย์ (ล้านบาท)----------4,320.21----------2,721.76----------2,150.58 หนี้สิน (ล้านบาท)-------------2,482.61----------1,131.62------------646.93 ส่วนผู้ถือหุ้น (ล้านบาท)-------1,826.90----------1,580.43----------1,495.07 ทุนที่เรียกชำระแล้ว (ล้านบาท)--200.00-------------200.00------------200.00 รายได้ (ล้านบาท)-------------5,005.89----------3,736.24----------2,993.42 กำไร / ขาดทุน (ล้านบาท)-------296.46------------150.37-------------193.43 ผลกำไรต่อสินทรัพย์ (%)---------14.66----------------8.56--------------12.34 ผลกำไรต่อส่วนผู้ถือหุ้น (%)------17.40----------------9.78-------------13.54 อัตรากำไรสุทธิ (%)----------------5.92-----------------4.02--------------6.46 ผมลองเอาข้อมูลมาให้ดูย้อนหลัง 3 ปี เห็นเขาแนะนำให้ดูภาพรวมของบริษัทก่อนว่ามีผลดำเนินการเป็นอย่างไร ก็พอเห็นแนวโน้มว่ามีขาดทุนในปีก่อน และ เริ่มมีกำไรมากขึ้น ถือเป็นตุ๊กตาเท่านั้นนะครับ อาจจะไม่ใช่หุ้นตัวที่ดีที่สุด แต่ที่น่าสนใจ คงเป็นเรื่องการปันผลกระมังครับ ตามข้อมูลต่อไปนี้ ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ 4.55 กำไรต่อหุ้น (บาท) 14.82 ราคาปิดต่อมูลค่าตามบัญชี 0.74 มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (ล้านบาท) 1,350.00 ผลตอบแทนเงินปันผล 5.93% เงินปันผลต่อหุ้น (บาท) 4.0 ราคาพาร์ (บาท) 10.00 จำนวนหุ้นจดทะเบียน 20,000,000 เพราะพอเห็นว่าปันผลต่อหุ้นถึง 4.00 ก็นับว่าน่าสนใจพอสมควร
โดย
nara
จันทร์ เม.ย. 28, 2008 9:54 pm
0
0
รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ
คุณ Ryuga กำลังบอกใบ้อะไรสักอย่างที่เป็นประโยชน์แน่ๆ เลย แต่มือใหม่อย่างผม ไม่เข้าใจจริงๆ ครับ ขอรบกวนคุณ Ryuga ให้ รายละเอียดสำหรับมือใหม่หน่อยนะครับ ขอบคุณครับ
โดย
nara
จันทร์ เม.ย. 28, 2008 7:59 am
0
0
รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ
ผมขออนุญาต บังอาจเตือนคุณ Nara ไว้หน่อยครับ ขั้นตอนที่คำนวณราคาที่จะซื้อ และเป้าหมาย เป็นขั้น ตอนสุดท้ายนะครับ ขั้นตอนแรกๆคือ ต้องดูบัญชี P/E,D/E,ROA,ROE,P/BVและอื่นๆ ว่าเป็นหุ้นที่ใช้ได้ ไม่ใช่หุ้นเน่าๆ อย่าคิดกันอย่างนั้นเลยครับ คุณ Radio ผมต้องขอขอบคุณเสียด้วยซ้ำครับ เพราะทำให้เราได้แง่คิดเพิ่มเติมขึ้นเรื่อยๆ ขอบคุณครับ ผมลองยกข้อมูลหุ้นตัวนี้ ตามคำแนะนำต่ออีกสักเล็กน้อยนะครับ ผลประกอบการจาก ปี 2550 ======================= สินทรัพย์ (ล้านบาท) 9,682.76 หนี้สิน (ล้านบาท) 4,830.96 ส่วนผู้ถือหุ้น (ล้านบาท) 4,851.80 ทุนที่เรียกชำระแล้ว (ล้านบาท) 650.75 รายได้ (ล้านบาท) 3,521.04 กำไร / ขาดทุน (ล้านบาท) 1,062.75 ผลกำไรต่อสินทรัพย์ (%)* 16.78 ผลกำไรต่อส่วนผู้ถือหุ้น (%)* 22.62 อัตรากำไรสุทธิ (%) 30.18 ======================== ทั้งนี้ค่าเหล่านี้เมื่อดูย้อนหลัง 3 ปีแล้ว มีค่าเพิ่มขึ้นแทบทุกตัวเลยครับ ส่วนข้อแนะนำของคุณ Radio 1. ค่า P/E คือ ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ = 11.69 โดยทั่วไปน่าจะไม่มากไปนะครับ เพราะ ทั่วไป คงประมาณ 11 เท่า 2. ค่า P/B คือ ราคาปิดต่อมูลค่าตามบัญชี = 2.56 ค่านี้ถ้าจะว่ามากไป ก็มากกว่า 2 ไปซะหน่อย เห็นอ่านมาเขาว่า ไม่ควรเกิน 2 เท่ากระมังครับ 3. ค่า ROA คือ ผลกำไรต่อสินทรัพย์ (%)* = 16.78 เข้าใจว่า ถ้าเกิน 15 ขึ้นไปน่าจะดี 4. ค่า ROE คือ ผลกำไรต่อส่วนผู้ถือหุ้น (%)*= 22.62 เข้าใจว่า ถ้ามากๆ แล้วจะดี ผมก็ไม่รู้ว่ามากแค่ไหนดี 5. ส่วนค่า D/E นั้นไม่รู้จะดูอย่างไร สำหรับผมเองก็คิดว่าค่าเหล่านี้ พอไปได้นะครับ น่าจะเป็นหุ้นที่ต้องจำตาดู แต่ที่ยังสงสัยก็คือ "มูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสด" นั่นแหละครับ จากกฎข้อ ที่ 1 ที่ว่า ซื้อก็ต่อเมื่อได้วิเคราะห์ข้อมูลจนมั่นใจว่ามูลค่าตลาดของหุ้นตัวนั้น ต่ำกว่ามูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคตทั้งหมดที่คาดหวังได ้ของบริษัทเท่านั้น ซึ่งถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริง ซื้อมาแล้วไม่ต้องขายเลยก็ยังกำไร (กฎข้อนี้สำคัญมากห้ามผ่าฝืนเด็ดขาด) จะดูได้จากอะไร ดูได้จากงบดุลหรืออย่างไรครับ
โดย
nara
เสาร์ เม.ย. 26, 2008 8:52 pm
0
0
รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ
จากคำแนะนำ ของคุณ Radio ------------------------- สมมุติว่าEPS ตัวนี้โต 10% EPS ปีที่แล้ว=1.64 โต 10% ดังนั้น EPS ในอนาคต = 1.64+0.16=1.8 PE = 11.69 ราคาที่ควรจะเป็นในอนาคต=1.8X11.69=21 บาท เผื่อ Safety margin 30% ราคาที่ผมจะซื้อ= 21/1.3=16 บาท เผื่อ Safety margin 40% ราคาที่ผมจะซื้อ= 21/1.4=15 บาท ------------------------- ตรงใจผมมากเลยครับ อย่างนี้แล้ว เพื่อความปลอดภัย หุ้นตัวนี้ควรให้ราคาลงมา จนถึง 15-16 บาทค่อยซื้อจะดีกว่านะครับ แต่ถ้า ไม่มี safety เลย ซื้อในราคา 19.00 บาทตอนนี้เลยก็ได้ เพราะเราคาดว่าจะได้ราคาใน อนาคตที่ 21 บาท อยู่ที่ใจจริงๆ นะครับ ว่าจะเสี่ยงกันแค่ไหน ขอบคุณมากครับ
โดย
nara
ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 4:51 pm
0
0
รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ
ผมกด post ตามหลังคุณ Radio ไปนิดเดียวเองครับ ตามที่แนะนำมา ใช่เลยครับ แบบง่ายๆ อย่างที่อยากได้ แต่ หากนำตัวเลขที่ผมยกตัวอย่างมาเป็นโจทย์ จะพอแนะนำ ตามหลักของคุณ Radio ได้มั้ยครับ ขอบคุณครับ
โดย
nara
ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 4:11 pm
0
0
รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ
มือใหม่อย่างเราๆ ก็ต้องลำบากแบบนี้ไปก่อนละครับ มือเก่าๆ เขาก็คงลำบากมาก่อนเรามากแล้ว ผมเองหาข้อมูล จาก web ตามที่บอก และอ่านจากหนังสือมาพอควรแต่ ก็เจอปัญหาแบบเดียวกันกับมือใหม่ อื่นๆ คือ อ่านไม่เข้าใจ จับประเด็นไม่ค่อยจะได้ อย่างการหามูลค่าที่แท้จริงของบริษัท เพื่อหามูลค่าที่แท้จริง ของราคาหุ้น ผมว่าคงมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี และ น่าจะเป็นค่า ที่เป็นช่วงกว้างๆ เสียมากว่า ที่จะเป็นเพียงค่าใดค่าหนึ่งเท่านั้น ผมเคยได้ยินมาว่า ถ้านำทรัพย์สินของบริษัททั้งหมด ออกมาขาย ได้เงินเท่าไร ก็น่าจะเป็นมูลค่าที่แท้จริงของบริษัท แต่ไม่แน่ใจนัก ว่าการคิดแบบนี้เป็นวิธีหนึ่งจริงๆ หรือไม่ บางครั้งก็ได้ยินมาทำนองว่า แม้จะใช้สูตร หรือ วิธีคิดเดียวกัน พอให้แต่ละคนคิด ก็อาจจะได้คำตอบออกมาคนละค่า ก็เป็นได้ ไม่อย่างนั้น คงไม่มีเซียน ให้เราได้เรียบรู้หรอกนะครับ หลายครั้งก็ได้ยินทำนองว่า สำนักใครสำนักมัน คือมีหลายตำรา ประมาณนั้น ถ้ามีคนมาแนะนำ การคิดคำนวณอย่างง่ายๆ ให้เห็นภาพกันก่อนก็ดีนะครับ แต่ถ้าจะแนะนำให้อ่าน กระทู้นั้น กระทู้นี้ก่อน หรือ อ่านเล่มนั้นก่อน ผมว่า ก็คงไม่เห็นภาพ จากการสรุป ของผู้รู้ และ ผู้มีประสบการณ์มาก่อนหรอก นะครับ มือใหม่แต่ละคนก็คงอ่านกันมาไม่น้อยนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
โดย
nara
ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 4:08 pm
0
0
รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ
ผมดูข้อมูลจากใน www.settrade.com ยกตัวอย่างมาสักตัวนะครับ ราคาล่าสุด 19.00 บาท ข้อมูลสถิติ ณ 24/24/2008 - ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ = 11.69 - ผลตอบแทนเงินปันผล = 6.29% - กำไรต่อหุ้น (บาท) = 1.64 - เงินปันผลต่อหุ้น (บาท) = 1.2 - ราคาปิดต่อมูลค่าตามบัญชี = 2.56 - ราคาพาร์ (บาท) =1.00 - มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (ล้านบาท) = 12,422.95 - จำนวนหุ้นจดทะเบียน = 653,839,448 ตามที่ท่านแนะนำมา ให้ เอา ราคาหุ้น X จำนวนหุ้น จะได้ 19.00 X 653839448 = 12422949512 พอดีเป๊ะเลย ขอบคุณครับ ตามข้อ 1 นี่เป็นมูลค่าของบริษัทตามตลาด ซึ่งผู้ค้าหุ้น ในตลาด กะเกณท์กันเอาเอง ประมาณนั้นใช่มั้ยครับ แหม แต่ข้อ 2 นี พอแนะนำให้สักเล็กน้อยในที่นี้ได้มั้ยครับ ผมเข้าใจว่าถ้าหา "มูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคต" ของบริษัทได้แล้ว นำมาหารจำนวนหุ้น ก็จะได้ราคาหุ้นที่ถูกตรงนะสิครับ อยากเห็นภาพสักเล็กน้อยก่อนไปหาหนังสืออ่าน ครับ ขอบคุณครับ
โดย
nara
ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 2:43 pm
0
0
รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ
ข้อแรกนี้ก็ท่าจะไม่ผ่านเสียแล้วละครับ " 1. ซื้อก็ต่อเมื่อได้วิเคราะห์ข้อมูลจนมั่นใจว่ามูลค่าตลาดของหุ้นตัวนั้น ต่ำกว่ามูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคตทั้งหมดที่คาดหวังได้ ของบริษัทเท่านั้น ซึ่งถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริง ซื้อมาแล้วไม่ต้องขายเลยก็ยังกำไร (กฎข้อนี้สำคัญมากห้ามผ่าฝืนเด็ดขาด) " คำถาม 1. มูลค่าตลาดของหุ้นตัวนั้น ดูได้จากที่ไหนครับ 2. มูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคตทั้งหมด ที่คาดหวังได้ของบริษัทดูได้จากอะไรบ้างครับ อยากได้ตัวอย่างเล็กๆ สักตัวอย่างครับ (อ่านมาตั้งมากแล้วในเวป แต่ยังมองไม่ออกเลยละครับ) ขอบคุณครับ
โดย
nara
ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 1:30 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
nara
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 1:22 pm
ใช้งานล่าสุด:
ศุกร์ มิ.ย. 06, 2008 8:44 am
โพสต์ทั้งหมด:
31 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.00 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว