หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
nyeb
Joined: ศุกร์ ม.ค. 25, 2008 12:56 am
20
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - nyeb
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
สมอง กับ วัยเด็ก
จาก "เดอะท็อปซีเคร็ตII" เนื่องจากสมองซีกขวา เป็นสมองที่คิดแบบองค์รวม ทำให้สามารถเห็นเหตุปัจจัย ในการเกิดสิ่งต่างๆได้ชัดกว่าสมองซีกซ้าย ในเพศหญิง จะมีสะพานเส้นประสาท ที่เชื่อมสมองทั้งสองซีกมากกว่าเพศชายถึงสี่เท่า ดังนั้นการประเมินผลของสมองจะสามารถทำได้เร็วกว่าเพศชาย และในบางครั้ง เพศหญิงจะเกิดญานหยั่งรู้ หรือลางสังหรณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคตได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติ แต่เป็นการวิเคราะห์รายละเอียดจากข้อมูลที่มีอยู่ จนหยั่งรู้ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า แต่อย่างไรก็ตามความสามารถในการใช้สมองซีกขวาที่สูงกว่าเพศชาย ทำให้เพศหญิงมีระดับของอารมณ์ความรู้สึกต่างๆเช่น หงุดหงิด อิจฉา น้อยใจ เสียใจ ฯลฯ หลากหลายกว่าเพศชาย และบางครั้งก็เกิดขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล นักจิตวิทยาเชื่อว่า จิตใต้สำนึก ถูกบรรจุไว้ที่สมองซีกขวา ซึ่งเก็บความรู้สึกต่างๆในวัยเด็กไว้และค่อยๆปล่อยพลังออกมาเรื่อยๆตลอดชีวิต แต่ในทางพุทธศาสนาบอกว่าจิตส่วนลึกจริงๆ ที่เรียกว่าจิตไร้สำนึก หรือ ภวังคจิต มีความรู้สึกที่ถูกเก็บไว้ข้ามภพข้ามชาติมานับร้อยนับพันภพชาติ และค่อยๆปล่อยพลังออกมาเช่นกัน แต่ไม่ว่า จะในทางจิตวิทยาหรือทางพุทธศาสนา สมองซีกขวา ก็คือทางผ่าน ของการใช้พลังจิตใต้สำนึกหรือจิตไร้สำนึก มีการสำรวจพบว่า เด็กอัจฉริยะแต่กำเนิด หรือเด็กที่สามารถระลึกชาติได้ ความสามารถนี้จะค่อยๆหายไปเมื่ออายุเกินสิบขวบ เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ สมองซีกขวาซึ่งเป็นทางผ่านของจิตไร้สำนึก ทำงานน้อยลง จากร้อยละ 90 เหลือเพียงร้อยละ 10 ในวัยผู้ใหญ่
โดย
nyeb
อังคาร มี.ค. 03, 2009 11:08 am
0
0
จาก "เดอะท็อปซีเคร็ตII"
ปัจจุบัน ทั้งในวงการแพทย์ วงการวิทยาศาสตร์ และการศึกษา ได้ให้ความสำคัญกับการทำงานของสมองซีกซ้ายมากกว่า เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ คนเราเมื่อเติบโตขึ้น มีแนวโน้มที่จะใช้สมองซีกซ้าย เป็นหลักในการทำงานมากกว่าร้อยละ 90 จะมีประชากรเพียงประมาณร้อยละ 10 ที่สมองซีกขวาทำงานเด่นกว่าซีกซ้าย และบุคคลที่รู้จักใช้สมองซีกขวาเหล่านั้น ก็คือ ผู้ที่ประสบความสำเร็จในสาขาอาชีพต่างๆนั่นเอง เด็กวัย 1-8 ขวบจะใช้สมองซีกขวาถึง 80 - 95% และค่อยๆลดลงเหลือเพียง 5 - 10% ในวัยผู้ใหญ่ ทำให้คนเราเมื่อเติบโตขึ้น จะจำเรื่องราวต่างๆในช่วง 1-8 ขวบไม่ค่อยได้ ความจริงแล้วความทรงจำเหล่านั้นไม่ได้หายไปไหน มันยังคงฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก สำหรับเด็กแล้ว ความสงสัยคือตัวกระตุ้นสมองซีกขวา ทำไมพระจันทร์ถึงไม่เป็นสี่เหลี่ยม ทำไมช้างถึงมีงา แล้วสุนัขทำไมไม่มี ทำไมใบไม้จึงเป็นสีเขียวแต่ดอกไม้สีแดง ทำไมคนเราถึงมีสิบนิ้ว ฯลฯ เด็กช่างสงสัยคือเด็กฉลาด เด็กที่สงสัยว่า ทำไมปลามันถึงหายใจได้ในน้ำ โตขึ้นเขาจะเก่งชีววิทยา เด็กที่สงสัยว่า ทำไมลูกโป่งถึงลอยได้ โตขึ้นเขาจะเก่งฟิสิกส์ เด็กที่สงสัยว่า ทำไมเกลือถึงเค็ม โตขึ้นเขาจะเก่งเคมี ฯลฯ และถ้าเขาไม่ถามเปล่าๆ ยังย้ำคิดย้ำทำ พยายามหาคำตอบอย่างต่อเนื่อง โตขึ้นเขาจะเป็นอัจฉริยะ ความสงสัย จะสามารถกระตุ้นการทำงานของสมองซีกขวาได้เป็นอย่างดี ดังนั้น จงพยายามเป็นคนช่างคิด ช่างสงสัย อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ และตั้งคำถามอยู่เสมอ ทั้งนี้ต้องสงสัยในสิ่งที่เป็นสาระสำคัญ คนเราเมื่อเติบโตขึ้น มักกลัวที่จะตั้งคำถาม เช่น ถ้าผู้ใหญ่คนไหนไปถามว่า ทำไมน้ำตาลมันถึงหวาน จะถูกมองว่า เป็นคำถามปัญญาอ่อนทันที ทำให้ไม่กล้าคิดที่จะถาม สมองจึงไม่พัฒนา ความสงสัยจะทำให้สมองซีกขวาเกิดจินตนาการที่จะนำมาใช้ในการหาคำตอบ เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ คำว่า ทำไม ที่มักถามบ่อยๆในวัยเด็ก จะสูญหายไป อัจฉริยะบุคคลคือคนที่ไม่ลืมจะถามคำว่าทำไม เมื่อเติบใหญ่ขึ้น อเล็กซานเดอร์ เฟลมมิ่ง ถามตัวเองว่า ทำไมเวลาเชื้อรามันตกลงมาในจากเพาะเชื้อแล้วแบคทีเรียถึงตาย คำถามเพียงเท่านี้ คือจุดเริ่มต้น ของการค้นพบเพนนิซิลิน ซึ่งถือว่าเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติครั้งหนึ่ง นิวตัน เพียรถามว่า ทำไมลูกแอปเปิ้ลจึงไม่ลอยขึ้นฟ้า เฮนรี่ ฟอร์ด ถามว่า ทำไมไม่เอารถมาวิ่งแทนม้า ผู้คิดระบบค้าปลีกแบบซูเปอร์มาร์เก็ต ตั้งคำถามว่า ทำไมในร้านของชำ ต้องให้คนขายหยิบสินค้าให้ ทำไมไม่ให้ลูกค้าเดินเข้าไปหยิบเอง.....
โดย
nyeb
อังคาร มี.ค. 03, 2009 11:02 am
0
0
เปิดเผยความลับ ทำไมไอน์สไตน์ถึงเรียนเก่ง
จากหนังสือ \"เดอะท็อปซีเคร็ต ภาค 2\" อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นตัวอย่างของนักวิทยาศาสตร์ที่ใช้สมองซีกขวามากกว่าซีกซ้าย เขาความจำไม่ค่อยดี ในวัยเด็กไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์ และภาษาต่างประเทศเลย แต่เมื่อแรงบันดาลใจจากสมองซีกขวาบังเกิด ก็ทำให้เขาหันมาสนใจฟิสิกส์ ซึ่งจินตนาการมีส่วนช่วยอย่างมาก และความอยากรู้อยากเห็นต้องอาศัยคณิตศาสตร์เป็นเครื่องมือในการคำนวณผลลัพธ์ อาศัยความรู้ทางภาษาเป็นตัวช่วยในการค้นคว้า ทำให้ในที่สุด เขาก็เก่งคณิตศาสตร์และภาษาตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงยืนยันว่า จินตนาการ สำคัญมากกว่าความรู้ จุดเชื่อมต่อที่สำคัญระหว่างการคำนวณเชิงตรรกะในสมองซีกซ้าย กับภาพแห่งความรู้สึกในสมองซีกขวาของไอน์สไตน์ก็คือ เข็มทิศ กับ วิชาเรขาคณิต เข็มทิศที่ได้รับเป็นของขวัญเมื่อตอนอายุ 4 ปี ทำให้เขาจินตนาการถึงภาพสนามพลังที่มองไม่เห็น และวิชาเรขาคณิตที่เขาเริ่มเรียนรู้เมื่ออายุ 10 ปี จุดประกายให้เห็นถึงความงดงามของวิชาคณิตศาสตร์ เมื่อการจินตนาการเป็นภาพกับความสามารถในการคำนวณมาบรรจบกัน ความเป็นอภิมหาอัจฉริยะก็กำเนิดขึ้น การเรียนที่มีประสิทธิภาพ ควรเริ่มต้นด้วยการศึกษาแบบองค์รวมโดยใช้สมองซีกขวา ซึ่งจะทำให้เห็นเหตุและปัจจัยอย่างรอบด้าน เข้าใจความเชื่อมโยงของสิ่งต่างๆ รู้จังหวะ รู้ธรรมชาติของศาสตร์นั้น ส่วนการศึกษาแบบแยกย่อย เป็นการเรียนแบบจำเฉพาะส่วน ท่องสมมติบัญญัติต่างๆที่ถูกกำหนดขึ้นมา แต่เมื่อนำไปประยุกต์ใช้กลับไม่เป็นประโยชน์ เพราะมองไม่เห็นความสัมพันธ์ของทั้งระบบ รวมไปถึงการไม่สามารถเชื่อมโยงไปยังเรื่องอื่นๆ ทำให้ขาดความคิดสร้างสรรค์ มีกรณีศึกษาทางการแพทย์พบว่า ในคนไข้ที่สมองซีกซ้ายส่วนหน้าเสียหายจากการเกิดอุบัติเหตุหรือพยาธิสภาพ แต่ปรากฏว่าคนไข้คนนั้นกลับมีลักษณะของอัจฉริยะบางอย่างเกิดขึ้น ทั้งๆที่ก่อนหน้าไม่เคยมีแววทางด้านนี้เลย เช่นบางคนสามารถวาดภาพได้ราวกับเป็นมืออาชีพ บางคนพูดภาษาต่างประเทศได้อย่างคล่องแคล่ว หรือเล่นเปียโนได้ราวกับฝึกซ้อมมาแรมปี จากการค้นพบนี้ สรุปได้ว่า สมองซีกขวามีศักยภาพแฝงซ่อนอยู่ภายในเยอะมาก และอัจฉริยะบุคคลสาขาต่างๆของโลก ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะมีเซลล์ประสาทมากกว่าคนอื่น เพียงแต่เขารู้จักใช้สมองส่วนที่คนอื่นๆไม่ได้ใช้ ทุกคนสามารถเป็นอัจฉริยะได้ ถ้ารู้จักใช้สมองส่วนนี้ ผู้ที่ใช้สมองซีกขวา ซึ่งเป็นสมองที่ทำงานเด่นในวัยเด็ก จะทำให้พวกเขามีความรู้สึกเป็นเด็กและอยากรู้อยากเห็นสูง กลับเป็นผลดีเพราะจินตนาการไม่ถูกจำกัด ประกอบกับสมองแบบเด็กจะไม่ค่อยมีกิเลส ตัณหาที่เร่าร้อน ผู้ประสบความสำเร็จในสาขาอาชีพต่างๆล้วนแล้วค้นพบความลับของสมองซีกขวา แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก็ตาม อาทิ เช่น บิลเกตต์ ไทเกอร์ วู๊ดส์ สตีเว่น สปีลเบิร์ก ทอม แฮงค์ เจ เค โรวลิ่ง นิวตัน เอดิสัน ฯลฯ รวมไปถึง ปิคาสโซ่ จิตรกรระดับโลกเคยบอกว่า ที่เขาสร้างผลงานได้ขนาดนั้น เพราะยังเหลือความเป็นเด็กอยู่มาก ความมีศิลปะฝังอยู่ในใจเด็กทุกคน แต่ปัญหาก็คือ เมื่อเติบโตขึ้น พวกเขาไม่สามารถรักษาความเป็นเด็กนั้นไว้ได้ โดยธรรมชาติแล้ว เพศชาย เมื่อเติบโตขึ้นจะยังคงเหลือความเป็นเด็กติดตัวอยู่ มากกว่าเพศหญิง และส่วนนี้ถือว่า เป็นจุดได้เปรียบของเพศชาย คนที่มีความเป็นเด็กอยู่ จะมีจินตนาการสูง มีอารมณ์ขัน และขี้เล่น โธมัส เอดิสัน บอกว่า ที่เขาประดิษฐ์สิ่งต่างๆได้มากมายขนาดนี้ เพราะยังมีความเป็นเด็กเหลืออยู่ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ก็เช่นเดียวกัน เคยเขียนไว้มีความหมายว่า..... คนเราเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ จะไม่มีใครคิดถึงเรื่องเวลายืดหดได้อีกเลย มันเป็นความคิดของเด็กเท่านั้น แต่โชคดีที่หัวผมช้า ผมจึงเพิ่งมาสงสัยเรื่องเวลายืดหด เอาเมื่อตอนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ชาร์ล ดาร์วิน อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ และ เซอร์ไอแซค นิวตัน สามอภิมหาอัจฉริยะอันดับ 1 3 ของโลก เริ่มต้นชีวิตในวัยเด็กด้วยความผิดปกติ ทั้งดาร์วิน ไอน์สไตน์ และนิวตัน ถูกครูปรามาสว่า เป็นเด็กหัวทึบ ครูบางคนถึงขนาดบอกว่าปัญญาอ่อนกว่าเด็กทั่วไป เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ ช่วงนั้นพวกเขาไม่ใช้สมองซีกซ้ายเลย จึงมีปัญหาเรื่องการเรียนรู้และสื่อความหมาย เช่น การอ่าน การพูด การคำนวณ ฯลฯ ขนาดอายุหกขวบ ไอน์สไตน์ยังอ่านหนังสือไม่ค่อยออก พูดไม่เก่ง คำนวณคณิตศาสตร์ง่ายๆไม่ได้ แต่ ขณะนั้นสมองซีกขวาของเขา กำลังทำงานอย่างหนัก โดยที่คนภายนอกไม่เข้าใจ
โดย
nyeb
ศุกร์ ก.พ. 20, 2009 12:33 am
0
0
จินตนาการกับการเล่นหุ้น
เรื่อง จินตนาการนี่ หนังสือ เดอะท็อปซีเคร็ต ได้อธิบาย กลไกการทำงานไว้อย่างละเอียดยิบ ส่วนเรื่องขณิกสมาธิ อยู่ในหนังสือ ไอน์สไตน์พบพระพุทธเจ้า
โดย
nyeb
จันทร์ ต.ค. 06, 2008 2:37 am
0
0
ขำขัน จากหนังสือเล่มใหม่ ทันตแพทย์สม สุจีรา
จากหนังสือ ตอบปัญหาวิชาโลก หมอติดถ้ำ กลุ่มหมอจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง นัดกันไปเที่ยวถ้ำ ที่เมืองกาญจน์ ขณะที่เพลิดเพลินกับความงดงามภายในถ้ำอยู่ ทันใดนั้น ก็มีก้อนหินขนาดใหญ่หล่นลงมาปิดบริเวณปากถ้ำ สร้างความตื่นตะหนกให้กับกลุ่มหมอเป็นอย่างมาก "พวกเราไม่ต้องกลัวกันนะคะ เดี๋ยวจะมีนางฟ้าใจดี มาช่วยให้เราออกไป " เสียงหมอเด็กดังขึ้น อย่างปลอบใจ " ในถ้ำนี้มีธารน้ำไหล ผมขอเสนอว่า ให้พวกเราเดินไปตามธารน้ำ คิดว่าต้องเจอทางออกแน่ๆหมอทางเดินอาหาร ออกความเห็น ถ้าเดินลึกเข้าไป แล้วเกิดถ้ำมันแยกออกเป็นสองทางล่ะ จะทำยังไง หมอทางเดินหายใจแย้ง "ไม่เอาน่า ปากถ้ำก็อยู่แค่นี้ ก้อนหินก้อนเดียว ผมว่าถ้าเราหาอะไรมางัด บางทีน่าจะขยับ ให้ผมลอง " หมอฟันเสนอตัว จริงด้วย ผมกลัวว่า ถ้าเดินลึกเข้าไป จะเจอโถงของถ้ำ ยิ่งหาทางออกไม่ได้ใหญ่ หมอสูติสนับสนุน -------------------------------------------------------------------- ผลการผ่าตัดเรียบร้อยดีครับ หมอผ่าเอาฟันคุดที่ฝังในขากรรไกรออกเรียบร้อยแล้ว คุดลึกมากเลยครับ แผลคงจะบวมสักสองสามวัน ทพ.สมปอง แจ้งผลกับคนไข้หนุ่มแอ๊บแมน ที่ยังมึนกับฤทธิ์ของยาชา เอ้อ.....แล้วนานไหมฮ้า กว่าจะสามารถมีเซ็กส์ได้ตามปกติ คนไข้ถามแบบเขินๆ ทพ.สมปอง เงียบไปสักครู่ อย่างงงๆกับคำถาม ก่อนตอบว่า เอ่อ ถ้ามีเซ็กส์ตามปกติไม่ต้องรอก็ได้ครับ หรือจะให้ดีก็รอให้ยาชาหมอฤทธิ์เสียก่อน แต่ถ้าจะมีเซ็กส์แบบผิดปกติ คงต้องรออาทิตย์หน้ามาตัดไหมให้เรียบร้อยก่อนนะครับ ------------------------------------------------------------------------ ---------------- ยอดพยาบาล หมอสมศักดิ์เป็นคนขี้ลืมมาก มักจะลืมของไว้ที่คลินิกเสมอ ทั้งมือถือ กุญแจบ้าน สมุดจด ฯลฯ จนต้องบอกพยาบาลให้คอยเตือนก่อนกลับบ้านทุกครั้ง วันหนึ่งมีเพื่อนสาวสวยสมัยมัธยมมาหาที่คลินิก หมอสมศักดิ์ จึงปิดคลินิกเร็วกว่าปกติเพื่อไปส่งเพื่อนกลับบ้าน ด้วยความรีบเกรงว่าจะลืมอะไรอีก จึงหันไปถามพยาบาลขณะกำลังเปิดประตูออกจากร้านว่า เอ้อ ผมลืมอะไรหรือปล่าว ช่วยเตือนหน่อย พยาบาล ไม่แน่ใจค่ะ แต่เตือนก็ได้ อย่าลืมนะคะว่าคุณหมอแต่งงานแล้ว
โดย
nyeb
พุธ ต.ค. 01, 2008 9:16 pm
0
0
มีต่อ
มีอีกในหนังสือชุดตอบปัญหา ขำขันเป็นน้ำจิ้ม แต่เนื้อหาในหนังสือสนุก อ่าน แก้เครียดยามหุ้นตก แถมแทรกธรรมะเป็นระยะๆ เหมาะสำหรับขัดกิเลส ลดโลภะ โทสะ โมหะ สมชายกับสมศักดิ์ไปเข้าคอร์สวิปัสสนากรรมฐานด้วยกัน แล้ว ถกกันว่า จะทานขนมระหว่างฝึกกำหนดสติได้มั๊ย สมชายเลยแนะนำว่า " ทำไมนายไม่ลองไปถามพระอาจารย์ดูเลยล่ะ " ดังนั้น สมศักดิ์ก็เลยเดินเข้าไปหาพระอาจารย์แล้วถามว่า " อาจารย์ครับ ผมจะทานขนม ระหว่างกำหนดสติ ได้ไหมครับ " พระอาจารย์รีบส่ายหน้า " ไม่ได้ ไม่ได้ เธอจะทำอย่างนั้นไม่ได้ อะไรกันจะฝึกสติแล้วยังห่วงกินอีก " สมศักดิ์เดินคอตกกลับมาเล่าให้สมชายฟังว่าพระอาจารย์บอกอะไรกับเขา สมชาย ตอบว่า " ข้าไม่แปลกใจเลยที่ได้ยินคำตอบอย่างนั้น นั่นเป็นเพราะนายถามคำถามผิด ข้าจะลองไปถามพระอาจารย์ดูอีกครั้ง " สมชาย เดินเข้าไปหาพระอาจารย์ แล้วถามว่า " ท่านอาจารย์ครับ ผมสามารถกำหนดสติ ระหว่างทานอาหารได้มั๊ยครับ " พระอาจารย์ตอบอย่างชื่นชม " ได้สิ แหมขนาดจะกินแล้วยังห่วงกำหนดสติอีกนะ " ------------------------------------------------------------------------ --------------- คุณน่ะ วันๆเอาแต่ดื่มเหล้า คุณรู้ไหมว่าผิดศีล ภรรยากล่าวเตือนสามี สามี รู้ ภรรยา รู้แล้ว ทำไมยังไม่หยุด ดื่มเข้าไปแล้วมันให้คำตอบอะไรกับชีวิตได้ไหม สามี เหล้า ไม่ได้ให้คำตอบ แต่มันช่วยให้ลืมคำถาม แค่นี้ก็สุขใจแล้ว โอ้ หลั่น ล้า.. ------------------------------------------------------------------------ ------------------------ คำถามที่สำคัญคือ หากว่าศาสนาพุทธไม่มีแนวคิด เกี่ยวกับรูปร่างของพระเจ้า และไม่มีแนวคิดของเทววิทยาแล้ว เราจะสื่อสารและสร้างความเข้าใจในศาสนาแห่งจักรวาลนี้ให้คนรุ่นหลัง ได้อย่างไร สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ขอตอบว่า มันเป็นหน้าที่ของวิทยาศาสตร์ที่จะต้องกระตุ้นให้สังคมได้รู้จัก และสืบทอดศาสนานี้ต่อไป อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (จาก New York Time ) ------------------------------------------------------------------------ ------------------------- ระหว่างที่ครูอธิบาย เรื่องศีล 5 ครูก็สอนนักเรียนว่า สุรา ทำให้ขาดสติ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย พระพุทธเจ้า จึงยกการห้ามดื่มสุรา มาบัญญัติไว้ในศีล 5 ครู :: เอ้า ไหนใครสามารถบอกครูได้ว่าเหล้า จะมีประโยชน์อะไรได้ ดช.ป๋อง ยกมือขึ้น ครู :: อะไรกัน เธอมองเห็นประโยชน์ของสุราหรือ ดช.ป๋อง :: ครับ เห็นพ่อเคยบอกว่า ถ้าคืนนั้นไม่มีเหล้า ผมก็คงไม่ได้เกิดมา. ------------------------------------------------------------------------ ------- สมศรี แหม เดี๋ยวนี้หาผู้ชายดีๆยาก ที่ดูดีมีตำแหน่งหน่อย ก็แต่งงานกันไปหมดแล้ว ฉันก็ไม่อยากผิดศีลไปแย่งใครซะด้วยสิ จะมีไหมหนอ ที่อายุสัก 35-40 มีตำแหน่งสูง นิสัยดี เหล้าไม่ดื่ม บุหรี่ไม่สูบ ยังเหลืออยู่ สายสมร คงยาก ถ้าไม่ใช่เกย์ ...อ้อ....... แต่ฉันรู้ว่ามีอยู่คนนึง ตรงสเปคเธอเป๊ะเลย ชายแท้ อายุ 38 ยังโสด สด นิสัยดีแน่ เหล้าก็ไม่ดื่ม บุหรี่ก็ไม่แตะ อยู่ใกล้ๆที่ทำงานเรานี่เอง สมศรี ฮ้า จริงน่ะ ทำไมฉันไม่รู้เลย สายสมร จริงสิ ตำแหน่งก็ใหญ่โต เนี่ย เพิ่งได้เลื่อนตำแหน่ง เป็นเจ้าอาวาส วัดข้างๆบริษัท
โดย
nyeb
อังคาร ก.ย. 30, 2008 10:52 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
nyeb
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
ศุกร์ ม.ค. 25, 2008 12:56 am
ใช้งานล่าสุด:
จันทร์ ต.ค. 15, 2012 3:25 pm
โพสต์ทั้งหมด:
20 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.00 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว