หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
value_vi
Joined: จันทร์ ม.ค. 14, 2008 10:14 am
98
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - value_vi
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: สอบถามเรื่อง บัตรเครดิต ไหนดีสุดครับ
ถ้าเติมน้ำมันบ่อยใช้ธนชาตครับ คืน 3.5% limit 5,000 บาท ถ้ากินข้าวตามร้านอาหารบ่อยใช้ Citibank ครับ มีลด10% อยู่หลายร้าน ถ้าดูหนังเมเจอร์ซื้อ1แถม1ก็ใช้ Aeont
โดย
value_vi
เสาร์ ต.ค. 22, 2011 8:21 pm
0
0
Re: หาไม่เจอหุ้นที่ปันผล >8%
ตัวนี้ไม่ผ่านข้อ 3 ไม่ได้ปันผลเยอะในอดีตเพราะพึ่งจะ turn มาจากกำไรต่ำๆไปเป็นกำไรสูงๆ จากบทวิเคราะห์บอกว่าปันปีนี้ 9.5% ปีหน้า 11% ลองไปดูรายละเอียดเองนะ http://www.settrade.com/brokerpage/Anal ... x_preb.pdf
โดย
value_vi
จันทร์ มี.ค. 28, 2011 2:01 pm
0
0
Re: "ตัน ภาสกรนที" เปิดตัวบริษัทใหม่ "ไม่ตัน"
“ตัน ภาสกรนที” หวนคืนธุรกิจอีกครั้ง หลังจำใจลาโออิชิ เปิดตัวแรงกับแบรนด์ Bouble Drink ต่อยอดบิซิเนส โมเดล ที่ยังคงอยู่ในไลน์เครื่องดื่ม ออกตัวแรงอีกเช่นเคยสำหรับ ตัน ภาสกรนที ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทไม่ตัน ที่พักหลังเขามักจะปรากฏกายพร้อมกับหมวก ”กัปตัน” ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวไปแล้ว ด้วยการเปิดตัวเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ (Functional Drink) แบรนด์ Double Drink ทุ่มเงินลงทุนในเฟสแรกมากถึง 2,400 ล้านบาท โดยมีแผนจะขยายถึง 3 เฟสในอนาคต โดยตันตั้งเป้ายอดขายปีแรกที่ตั้งไว้ที่ 500 ล้านบาท ส่วนแบ่งการตลาด 15% ของมูลค่าตลาดรวมของเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ 6,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายเพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาทในปี 2557 โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 30-40% ด้วยกำลังการผลิตระดับแมสที่นาทีละ 600 ขวด หรือ 120 ชั่วโมงต่อกว่า 4 ล้านขวด ตันยังเลือกที่จะทำโปรเจคใหญ่ ด้วยการทุ่มเงินจำนวนมาก เพื่อเนรมิตโรงงานผลิตและแวร์เฮ้าส์พื้นที่รวมมากถึง 35,000 ตารางเมตร ต่างกันที่รอบนี้ตันบอกว่ามีต้นทุนการดำเนินการที่ต่ำกว่าเดิม เพราะแทนที่จะใหญ่แบบไม่ทันตั้งตัวแบบโออิชิ ทำให้ต้องทยอยขยายโรงงาน เขากลับกันพื้นที่ไว้รอการขยายกิจการแบบคูณ 3 เพื่อให้มีอีโคโนมี ออฟ สเกล เรียกว่าเตรียมความพร้อมที่จะใหญ่ http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=4&t=20531&start=720
โดย
value_vi
อังคาร มี.ค. 22, 2011 2:06 pm
0
0
หุ้นอสังหาฯ และ ประมูลงาน คือ หุ้นที่ต้องนับหนึ่งใหม่ทุกปี ?
[quote="hongvalue"]ผมขอพูดที่ไม่เกี่ยวกับกระทู้นี้หน่อยนะ ผมว่าจริงๆแล้วคนส่วนใหญ่กลัวที่มีรายได้ไม่มั่นคงกันมากเกินไป แต่จริงๆแล้วถ้าคุณสามารถบ่งบอกถึง downside เทียบ upside อย่าง เป็นรูปธรรมกับธุรกิจที่รายได้ไม่แน่นอนได้คุณจะได้ risk/reward ที่คุ้มมหาศาลแบบหาไม่ได้จากหุ้นที่รายได้สม่ำเสมอ ป.ล.มุมมองส่วนตัวนะ[/quote] ขอเข้ามาเสริมฮงหน่อยครับ พอดีพึ่งอ่านนักลงทุน2ดอ Dhando Investor หลักการคล้ายๆ Risk/Reward Ratio Pabrai แนะนำว่า ให้ลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่มีความไม่แน่นอนสูง "ออกหัว ผมได้เงิน ออกก้อย ผมเสียเงินนิดหน่อย!" พวกหุ้นอสังหาน่าจะเข้าข่ายนี้ ...
โดย
value_vi
อาทิตย์ ธ.ค. 27, 2009 10:57 am
0
0
เร่เข้ามา....มาดูหุ้นที่ P/E ต่ำกว่า 5 ปีหน้า
[quote="yoko"]หุ้น
โดย
value_vi
อาทิตย์ ต.ค. 25, 2009 11:55 pm
0
0
จนถึงวันนี้หุ้นตัวใดบ้างเค้าไปกันสองสามเด้งแล้วแต่ยังไม่ขึ้น
เสนอ kcar เข้าประกวดครับ เติบโตตลอดทุกปีไม่มีเว้น ปีนี้ก็น่าจะโตอีก :D ปันผลก็ดี .... PE ก็ต่ำ
โดย
value_vi
อังคาร ก.ย. 15, 2009 11:01 pm
0
0
หุ้นหนี้น้อยแต่ Equity เยอะๆมีหุ้นตัวไหนมั่ง?
อสังหาเท่าที่ผมดูอยู่ ก็มี brock เข้าข่ายครับ E ก็ไม่ใช่ E ธรรมดา มูลค่ามากกว่าที่เห็นใน book value ซะอีก :D
โดย
value_vi
พุธ มิ.ย. 10, 2009 9:48 pm
0
0
คิดว่าบริษัทไหนจะมีกำไรไตรมาสสาม สูงกว่าไตรมาสสองที่ผ่านมา
[quote="Little Boy"][quote="Jeng"][quote="Little Boy"]PTTEP
โดย
value_vi
ศุกร์ ต.ค. 31, 2008 11:05 am
0
0
ตลาดฯส่งซิก95บจ.เตรียมแผนซื้อหุ้นคืน
Draco ก็จะซื้อคืนเหมือนกันครับ วันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2551 เรื่อง แจ้งมติคณะกรรมการบริษัทฯ และกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ดราโก้ พีซีบี จำกัด (มหาชน) (DRACO) ครั้งที่ 3/2551 ประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม 2551 ตั้งแต่เวลา 10.05 น. ถึง 11.45 น. ณ ห้องประชุม บริษัท ชั้น 2 เลขที่ 152 หมู่ 5 สวนอุตสาหกรรมบางกะดี ถนนติวานนท์ อำเภอเมือง จังหวัด ปทุมธานี โดยที่ประชุมได้มีมติที่สำคัญสรุปได้ดังนี้ 1.แต่งตั้ง นางลักษณา สำราญทิวาวัลย์ ดำรงตำแหน่งเลขานุการบริษัท โดยให้มีหน้าที่ ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 และให้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2551 เป็นต้นไป 2.มีมติอนุมัติแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของบริษัท ข้อ 4 ใหม่ เนื่องจากการแตกหุ้นหรือการ เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นสามัญ ตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2551 บริษัทฯ ยังมิได้แก้ไขข้อบังคับของบริษัทฯ โดยแก้ไขเป็นดังนี้ ข้อ 4 หุ้นของบริษัทเป็นหุ้นสามัญ มีมูลค่าหุ้นละ 1 บาท 3.เนื่องจากในปัจจุบัน บริษัทฯ มีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่ และเพื่อการบริหารทางการเงิน ของบริษัท ที่ประชุมจึงมีมติอนุมัติโครงการซื้อคืนหุ้นของบริษัทฯ ในจำนวนหุ้นไม่เกินร้อย ละ 10 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด และเพื่อให้สอดคล้องกับโครงการซื้อคืนหุ้นของ บริษัทฯนี้ ที่ประชุมจึงมีมติอนุมัติแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของบริษัท ข้อ 8 โดยมีข้อความ ดังนี้ ข้อ 8 ห้ามมิให้บริษัทเป็นเจ้าของหุ้น หรือรับจำนำหุ้นของบริษัทเอง เว้นแต่กรณี ดังต่อไปนี้ (1) บริษัทอาจซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นที่ออกเสียงไม่เห็นด้วยกับมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งแก้ไขข้อบังคับของบริษัทเกี่ยวกับสิทธิในการออกเสียงลงคะแนน และสิทธิใน การรับเงินปันผล ซึ่งผู้ถือหุ้นเห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม (2) บริษัทอาจซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน เมื่อบริษัทมีกำไรสะสมและสภาพ คล่องส่วนเกิน และการซื้อหุ้นคืนนั้นไม่เป็นเหตุให้บริษัทประสบปัญหาทางการเงิน การซื้อหุ้นของบริษัทคืนต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น เว้นแต่ใน กรณีที่บริษัทซื้อหุ้นคืนในจำนวนไม่เกินกว่าร้อยละ 10 ของทุนชำระแล้ว ให้เป็น อำนาจของคณะกรรมการบริษัท ทั้งนี้ หุ้นที่บริษัทถืออยู่อันเนื่องมาจากการซื้อหุ้นคืนนั้น จะไม่นับเป็นองค์ประชุม ในการประชุมผู้ถือหุ้น รวมทั้งไม่มีสิทธิในการออกเสียงลงคะแนนและสิทธิในการ รับเงินปันผล การซื้อหุ้นของบริษัทคืน การจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน และการลดทุนที่ชำระแล้วโดย วิธีตัดหุ้นที่ซื้อคืน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่า ด้วยบริษัทมหาชนจำกัด และกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ใช้ บังคับอยู่ในขณะนั้น 4.อนุมัติกำหนดให้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2551 ในวันที่ 17 กันยายน 2551 เวลา 15.00 น. ณ โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต เลขที่ 333 ถนนเชิดวุฒากาศ เขต ดอนเมือง กรุงเทพฯ เพื่อให้พิจารณาอนุมัติเรื่องต่างๆ ตามระเบียบวาระการประชุม ดังนี้ วาระที่ 1 พิจารณารับรองรายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2551 วาระที่ 2 พิจารณาอนุมัติแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของบริษัทในหมวดที่ 2 ข้อ 4 ใหม่ เนื่องจากการแตกหุ้นหรือการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นสามัญ ตามมติที่ ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2551 บริษัทฯ ยังมิได้แก้ไขข้อบังคับของบริษัทฯ โดยแก้ไขเป็นดังนี้ ข้อ 4 หุ้นของบริษัทเป็นหุ้นสามัญ มีมูลค่าหุ้นละ 1 บาท วาระที่ 3 พิจารณาและอนุมัติการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของบริษัทในหมวดที่ 2 ข้อ 8 เพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ใน พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด และกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์ วาระที่ 4 พิจารณาเรื่องอื่นๆ (ถ้ามี) บริษัทฯ กำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น เพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้ง ที่ 2/2551 ในวันที่ 28 สิงหาคม 2551 เวลา 12.00 น. จนกว่าการประชุมสามัญดังกล่าวจะแล้ว เสร็จ จึงเรียนมาเพื่อทราบ ขอแสดงความนับถือ (ดร. วิพรรธ์ เริงพิทยา) ประธานกรรมการ
โดย
value_vi
อังคาร ส.ค. 19, 2008 10:47 am
0
0
วันนี้วันคล้ายวันเกิดพี่ป้อม(พี่พอใจ)ครับ
มีความสุขมากๆนะครับ Happy birthday to youuuuuuuu......
โดย
value_vi
จันทร์ ส.ค. 11, 2008 9:24 am
0
0
มีหุ้นอะไรบ้างคับที่ money talk เคยเชิญมาออกในวันอังคาร
ของกรุงไทยคาร์เรนท์ เคยมีออกรายการ คอหุ้นครับ บริษัทเค้าแปะ clip ไว้ที่ web ด้วยครับ ไปดูกันได้link http://www.listedcompany.com/ir/kcar/web/show.cgi?content=video
โดย
value_vi
พฤหัสฯ. ก.ค. 03, 2008 8:43 am
0
0
โทรทัศน์ LCD
[quote="wattae"]ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าปริมาณการจำหน่ายโทรทัศน์ในกลุ่มแอลซีดีทีวีและสลิมฟิตทีวีจะเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตมากที่สุดในปี 2551 โดยมีแนวโน้มขยายตัวกว่า 1 เท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า [/quote] คงจะมากกว่า 1 เท่าจริงจริงอ่ะครับเพราะปีที่แล้วบ้านผมไม่มีซักเครื่อง ... หลายหลายคนก็คงคิดรอจะซื้ออยู่เหมือนกัน หมายถึง lcd นะครับ ส่วนหุ้น draco ไม่รู้มีใครรอซื้ออยู่ป่าว อิอิ
โดย
value_vi
ศุกร์ มิ.ย. 06, 2008 5:46 pm
0
0
โทรทัศน์ LCD
[quote="wattae"]แต่ทำไม ราคา Draco ลงทุกวันเลยครับ
โดย
value_vi
ศุกร์ มิ.ย. 06, 2008 10:53 am
0
0
ดูเล่นๆ
มีตัวนึงครับ คล้ายคล้ายกัน 3k ผมลอกมาจากที่ผม Post ใน 100 คน 100 หุ้นครับ [quote="value_vi"] ตอนนี้ 3k ราคาใน set PE อยู่ที่ 3.43 ผมลองเดินสำรวจสินค้าร้านค้าข้างบ้าน เจอร้านโชห่วย ร้านขายข้าวแกง ร้านตัดผม เป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงมากเกือบจะถึงขั้นแข่งขันแบบสมบูรณ์แบบ และก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ผมเกิดเลยก็ว่าได้ครับ ถ้าสมมติเค้ากำไรปีละล้าน แล้วผมไปขอซื้อราคา 3ล้าน4แสน เค้าคงไม่ขายให้ผมแน่ครับ แล้วยิ่งถ้าเค้าเป็นเบอร์ 1 ในการขายข้าวแกง + กับแถมผู้บริหารเก่งเก่งให้อีกโดยที่ผมไม่ต้องมายืนขายข้าวแกงเอง ผมว่า ถ้าเค้าขายให้ผม เค้าก็คงจะสติแตกเหมือน Mr. Market แล้วล่ะครับ แต่ ok ว่า E คือ E อดีต ถ้าสมมติ E ปัจจุบัน หายไปครึ่งนึง PE ก็ยังไม่ถึง 7 :shock: ซึ่งก็ยังถูกอยู่ดีนี่ครับ โอเคครับวิธี PE ผ่าน ทีนี้ลองใช้วิธีอื่นดูบ้าง สินทรัพย์หมุนเวียน = 2,683.32 บาท ผมคิดว่าเป็นตะกั่ว สมมติขายทิ้งทั้งหมด จะไปหักกับหนี้สิน 2,310.90 เหลือเงินอยู่นิดหน่อยสมมติว่าพอดี ทีนี้มูลค่าทรัพย์สินของบริษัทก็เหลือ 4,254.10 - 2,683.32 = 1571.1 ...Marketcap ตอนนี้อยู่ที่ [size=18]1,340.00[/size] เองครับ... ราคา Market Cap ตอนนี้ก็ถูกกว่าทรัพย์สินเหลือของบริษัทแล้วครับ แล้ว 3k เนี่ยมันเป็นแบรนด์ number 1 เลยนะครับ ..... Warren Buffett เคยพูดทำนองว่า ถ้าเอาเงินมา ล้านล้าน ให้ Warren ไปทำโฆษณาแข่งกับ Coke เค้าก็คงคืนเงินไปเพราะเค้าคงทำไม่ได้ .... ลองคิดดูสิครับว่าต้องจ่ายค่าโฆษณากันเท่าไหร่ ถึงจะทำแบรนด์ใหม่ให้มาแข่ง 3k ได้ !!!!! ป.ล. ผมคิดผิดยังไงก็ชี้แนะด้วยละกันนะครับ ตัวผมเองไม่มี 3k ใน port ครับอยากมีเหมือนกันแต่ เอาเงินไปซื้อตัวอื่นหมดแล้ว สงสัยต้องรอกระสุนแม็คใหม่ :P[/quote] ป.ล. ตอนนี้มีหุ้น 3k แล้วนะครับ :) ตอนที่ โพสตอนแรกไม่มี
โดย
value_vi
จันทร์ มิ.ย. 02, 2008 10:31 pm
0
0
AUTO sector is my last answer.....
ลอกมาจาก Stanly 100คน100หุ้นครับ ชิ้นส่วน-แม่พิมพ์ เกาะขบวนโกย! รัฐดันอีโคคาร์นอนกินยาว 10ปี อุตฯยานยนต์ต่อเนื่องทั้ง "แม่พิมพ์-ผลิตชิ้นส่วน" เฮรับ "อีโคคาร์" หลังภาครัฐเดินห้นาโครงการพร้อมตั้งเป้าแชมป์อีโคคาร์โลก วงในเผยนอนกินออร์เดอร์กว่า 7 แสนคันโตทันที 50 % หลังรัฐหาตลาดให้ มั่นฝีมือไทยเยี่ยม ฟันธงเกาะขบวนรวย10 ปี... ถือว่าเป็นที่สัญญานที่ดีอย่างยิ่งเมื่อนโยบายอีโคคาร์ได้รับการสนับสนุนจากหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งการเดินหน้าผลักดันโครงการดังกล่าวด้วยหวังว่าอีโคคาร์จะเป็นแชมเปี้ยนตัวใหม่ต่อจากรถปิคอัพ1ขนาดตันที่ไทยถือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในขณะนี้ คาดว่าจะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญต่อวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยรวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเนื่องอีกด้วย ข้อมูลเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าว่าบริษัทผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่เบื้องต้น 6 รายอาทิ ฮอนด้า ซูซูกิ นิสสัน มิตซูบิชิ โตโยต้า และทาทา มอเตอร์ จะมีกำลังการผลิตต่อปีที่สูงถึง 685,000 คันต่อปี มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 43,440 ล้านบาทโดยขณะนี้ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)แล้ว อุตฯต่อเนื่องโตก้าวกระโดด จากตัวเลขข้างต้นจึงเป็นการบ่งชี้อย่างดีว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยกำลังจะเติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่ง วิโรจน์ ศิริธนาศาสตร์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ได้วิเคราะห์ผ่าน "ผู้จัดการรายสัปดาห์"ว่า การเกิดขึ้นของโครงการอีโคคาร์ย่อมเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการในแวดวงนี้ แน่นอนว่าจะเป็นการขยายโอกาสในการส่งออกชิ้นส่วนของรถอีโคคาร์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ คาดการณ์ว่าจะมีผู้ใช้รถอีโคคาร์ทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 29- 30 ล้านคัน ดังนั้นอุตสาหกรรมผู้ผลิตชิ้นส่วนทั้งหมดจะโตขึ้นอย่างมากในภาวะที่ตลาดรถปิกอัพค่อนข้างที่จะถึงจุดอิ่มตัวแล้ว "ชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ต่อ 1คันของรถยนต์ อุตสาหกรรมแม่พิมพ์ของไทยสามารถทำได้แทบทั้งหมด ยกเว้นเครื่องยนต์ และชุดเกียร์เท่านั้น ซึ่งในรถปิคอัพนี่ก็เกือบจะ 100 เปอร์เซนต์อยู่แล้ว ทั้งการหล่อเสื้อเครื่อง แม่พิมพ์ทุกอย่าง ซึ่งพื้นฐานที่แข็งแกร่งนี้จะช่วยให้เราพร้อมรับมือกับการเติบโตแบบก้าวกระโดครั้งนี้ได้ " ปัจจุบันบริษัทต่างๆก็เริ่มที่จะลงทุนเพิ่มเติมมากขึ้นแล้วเมื่อเห็นสัญญานที่ชัดเจนจากภาครัฐในการสนับสนุนโครงการดังกล่าว ที่สำคัญนั้นมาจากที่ไทยมีความเชี่ยวชาญและเป็นแหล่งผลิตรถปิคอัพมาก่อน จึงเป็นสิ่งที่หนุนช่วยอย่างดีต่อการเกิดขึ้นของอุตสาหกรรมรถยนต์อีโคคาร์ เพราะ"ประสบการณ์" ซึ่งสั่งสมมายาวนานเป็นเครื่องการรันตีว่าไทยแกร่งพอที่จะรองรับการเกิดขึ้นของโครงการนี้ เม็ดเงินสูง 1.4 แสนล้าน อย่างไรก็ตาม เมื่ออีโคคาร์เป็นรถที่มีขนาดเล็กกว่ารถปิคอัพ บริษัทยักใหญ่ต่างๆจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการลงทุนเพื่อสร้าง Platform (พื้นฐานการการผลิต) ใหม่รวมถึงแม่พิมพ์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นรวมถึงอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนซึ่งมีเม็ดเงินจากส่วนนี้สูงถึง 1.4 แสนล้านบาท ซึ่งในการนี้อุตสาหกรรมแม่พิมพ์จะกลายเป็นอุตสาหกรรมแรกๆที่จะได้รับผลประโยชน์จากโครงการดังกล่าว "โครงการอีโคคาร์เกิดขึ้น จะมีเม็ดเงินไหลเข้ามากว่า 1.4 แสนล้านบาท ทั้งจากการก่อสร้างโรงงานเพิ่มเติม ธุรกิจแม่พิมพ์ ยาง ฯลฯ ซึ่งคาดว่าบริษัทต่างจะมาลงที่ไทยทั้งหมด แม้ว่าประเทศอื่นๆจะมีค่าจ้างงานที่ถูกกว่าอย่างเวียดนาม แต่อุตสาหกรรมยานยนต์ต้องใช้ความชำนาญซึ่งไทยมีความพร้อมที่สุดในแทบทุกด้าน" นับว่าเป็นการลงทุนและเกิดการจ้างงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งแนวโน้มว่าเม็ดเงินจำนวนดังกล่าวจะยังคงไหลมาลงทุนยังประเทศไทย เมื่อเปรียบเทียบความพร้อมระหว่างไทยและประเทศอื่นๆในภูมิภาค อาทิ พม่าซึ่งมีสถานภาพทางการเมืองที่ไม่สู้จะดีนัก สิงคโปร์ก็ขาดแคลนทรัพยากรน้ำ ลาวที่ระบบโรงสร้างพื้นฐานยังไม่ดีพอ อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ที่ด้วยตัวภูมิศาสตร์ไม่เอื้อต่อการก่อตั้งโรงงานผลิตและประกอบรถยนต์ หรือ มาเลเซียที่มีรถประจำชาติก็กลายเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนของชาวต่างชาติ ดังนั้นไทยจึงมีความพร้อมที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ชี้ราคาถูก-ยอดทะลัก จุดแข็งอีกประการหนึ่ง ก็ด้วยกรอบความตกลงที่ค่อนข้างเป็นจุดสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้อนาคตของอีโคคาร์ค่อนข้างสดใส ทั้ง ราคาที่ถูก แม้ว่าน้ำมัน จะแพงก็ตามแต่ราคาก็ไม่น่าที่จะเกินเพดานที่ตั้งไว้ในระดับ 3- 5แสน ซึ่งเป้าหมายที่วางไว้ว่าต้องการให้เป็นรถคันแรกของครอบครัว สำหรับคนที่เพิ่งทำงานสามารถเป็นเจ้าของได้อย่างไม่ยากเย็นเกินไปนัก "บริษัทต่างๆรู้ต่างก็ทราบกันดีว่า โครงสร้าง คุณภาพ ระบบต่างๆของไทยมีคุณภาพอยู่ในระดับใด ซึ่งแน่นอนว่าอยู่ในระดับที่สูง หากอีโคคาร์ที่กำลังจะผลิตนี้ ราคาไม่แพงเกินไปนักคุณภาพไม่หยาบเกินไปนักก็ถือว่าน่าจะขายดีอย่างแน่นอน" นอกจากคุณภาพที่ต้องเหมาะสมแล้ว กรอบที่บริษัทต่างๆรวมทั้งประเทศไทยได้วางไว้ ก็คือ ประหยัดทั้งพลังงานและเงินในกระเป๋า ทำให้เชื่อว่าจะขายได้ ขณะที่ธุรกิจต่อเนื่องในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างผู้ผลิตชิ้นส่วนก็ค่อนข้างที่จะสดใสไม่แพ้กัน รับอานิสงส์ยาว 10 ปี สามารถ ดีพิจารณ์ ประธานกลุ่มพันธมิตรผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ หนึ่งในเครือข่ายอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งได้รับอานิสงส์จากโครงการอีโคคาร์อย่างมาก อธิบายว่า การเข้ามาลงทุนเพิ่มเติมของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านรถยนต์ทั้ง 6 บริษัท จะเกิดสร้างงานอีกอย่างน้อย 50 % เนื่องจากยอดของแผนการผลิตรถยนต์อย่างน้อย 7 แสนคันซึ่งนับว่าสูงมากเมื่อเทียบกับยอดผลิตคนเมื่อปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 1.3 ล้านคัน และเมื่อโครงการอีโคคาร์เสร็จสิ้นจะมียอดการผลิตสูงถึง 2.4 ล้านคัน ซึ่งถือว่าไทยจะเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ติด 1 ใน 4 ของโลก จากเดิมซึ่งอยู่ในอันดับ 1ใน 10ของโลก จากการวางแผนด้วยนโยบายที่ตั้งไว้ในระดับแชมเปี้ยนนี้ บริษัทต่างๆจะใช้ไทยเป็นฐานผลิตและส่งออกไปยัง 155 ประเทศทั่วโลกซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ และผู้ที่จะได้รับมหาศาล คือผู้ผลิตชิ้นส่วนจะมี 2 กลุ่มคือ โออีเอ็ม ผู้ผลิตของแท้ อาร์อีเอ็ม อะไหล่ เนื่องจาก เป้าหมายคือการส่งออกสู่ตลาดโลก (Mass Production) ซึ่งกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการนี้เบื้องต้นก็คือ กลุ่มผู้นำเข้าเครื่องจักรในการผลิต คาดว่าจากนี้ไปอีก 10 ปีผู้ผลิตชิ้นส่วนยายนต์ไทยจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างแน่นอน "ธุรกิจต่อเนื่องที่จะโตเป็นอันดับแรกก็คือ เครื่องจักรกล ซึ่งเป็นธุรกิจต้นน้ำ และธุรกิจกลางน้ำและปลายน้ำอย่าง ยาง อะไหล่ชิ้นส่วนต่างๆก็จะพลอยเติบโตตามไปด้วย คาดว่าธุรกิจผู้ผลิตชิ้นส่วนจะมีการเติบโตไปอีกอย่างน้อย10 ปี เพราะการลงทุนของบริษัทต่างๆย่อมมากการณ์ไกล และอุตสาหกรรมผู้ผลิตชิ้นส่วนจะพอลยได้รับอินสงส์จากโครงการนี้อย่างต่ำ 10 ปีขึ้นไป "
โดย
value_vi
เสาร์ พ.ค. 24, 2008 7:20 pm
0
0
+Criteria ในการเลือกซื้อหุ้น+
[quote="beammy"]เอาของผมก่อนนะ P/E จะต้องต่ำกว่า ครึ่งหนึ่ง ของการเจริญเติบโต (ยิ่งต่ำกว่าเท่าไหร่ยิ่งดี) ซึ่งจะต้องเป็นการเจริญเติบโตอย่างเห็นได้ชัดในปีนี้ หรือปีหน้า สมมติ พีอี 6 เท่า / Growth จะต้องมากกว่า 12% Growth 20% พีอีต้องไม่เกิน 10 เท่า :8)
โดย
value_vi
พฤหัสฯ. พ.ค. 22, 2008 9:31 am
0
0
ข่าวเศรษฐกิจ ชาวนาเริ่มจับจ่ายใช้สอย ใครได้ประโยชน์
ลอกมาจาก DCC 100 คน 100 หุ้นจ้า...... บทวิเคราะห์ของกิมเอ็ง 30 เม.ย. 51 7:32AM กำไรไตรมาส 1/51 โดดเด่น และโตสูง แรงหนุนจากตลาดต่างจังหวัด และ ผลบวกจากการพุ่งขึ้นของราคาสินค้าเกษตร กำไรไตรมาส 1/51 โดดเด่นถึง 219 ล้านบาท (+72%qoq, +32%yoy) บมจ. ไดนาสตี้เซรามิค (DCC) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/51 ที่โดดเด่นอย่างมาก มีกำไรสุทธิที่สูงถึง 219 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.54 บาท) เพิ่มขึ้น 72% จากไตรมาสก่อน และ 32% จากปีก่อน ซึ่งอยู่ในช่วงประมาณการของเราที่ประเมินว่าจะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 210-220 ล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากยอดขายกระเบื้องเซรามิคที่สูง 1,460 ล้านบาท และขยายตัวอย่างโดดเด่นถึง 16% จากปีก่อน และ 39% จากไตรมาสก่อน อันเป็นผลจากการขยายตัวของตลาดต่างจังหวัด เนื่องจากราคาพืชผลการเกษตรพุ่งสูงขึ้นมาก เป็นผลบวกต่อยอดขายกระเบื้องในต่างจังวหวัด ในขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 90% ทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดต่ำลง จึงทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/51 เพิ่มขึ้นเป็น 40% เทียบกับ 37-38% ในไตรมาสก่อน แล ปีก่อน นอกจากนี้ภาระดอกเบี้ยจ่ายยังลดลงเหลือเพียง 8 ล้านบาท (-27%qoq, -63%yoy) ซึ่งในไตรมาส 1/51 ภาระหนี้เงินกู้ลดลงเหลือเพียง 588 ล้านบาท เทียบกับ 1,140 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2550 แรงหนุนตลาดต่างจังหวัด และ ผลิตเต็มประสิทธิภาพ จะหนุนกำไรโตสูง เราประเมินแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้จะขยายตัวอย่างโดดเด่น โดยประเมินยอดขายจะขยายตัว 15% สู่ระดับ 5,120 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับประมาณการของผู้บริหาร เนื่องจากจะได้แรงหนุนจากการเติบโตของตลาดต่างจังหวัดที่ปีนี้มีแนวโน้มจะขยายตัวสูงอันเนื่องจากราคาพืชผลทางการเกษตรได้ ทะยานพุ่งขึ้นอย่างมาก ซึ่งยอดขายกระเบื้องเซรามิคของ DCC จะเน้นตลาดล่าง และ ประมาณ 90% จะอยู่ในต่างจังหวัด รวมถึงปัจจุบัน DCC มีตลาดนัดกระเบื้องถึง 192 สาขาทั่วประเทศ ได้ช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่าย นอกจากนี้การผลิตแบบเต็มกำลังการผลิตขึ้นมาเป็น 90% ในปัจจุบัน จากปีก่อนประมาณ 75% ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลงแม้ว่าต้นทุนค่าก๊าซ ค่าไฟ และ ค่าขนส่งจะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันกำไรในปีนี้เติบโตสูงกว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยเราประเมินตัวเลขกำไรจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 753 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 1.85 บาท) เพิ่มขึ้นถึง 30% คาดจะจ่ายเงินปันผลสำหรับกำไรไตรมาสแรก 0.38-0.42 บาท คงแนะนำ ซื้อ DCC เป็นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลเสม่ำเสมอทุกไตรมาสประมาณ 70% ของกำไร แนวโน้มปีนี้มีโอกาสจะเพิ่มเป็น 80% ของกำไรภายหลังสามารถลดภาระหนี้ลงต่อเนื่องเหลือเพียง 588 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาสแรก เราประเมินว่า DCC จะจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/51 เท่ากับ 0.38-0.42 บาทต่อหุ้น และ คาดเงินปันผลจ่ายทั้งปีไว้ประมาณ 1.30-1.50 บาท หรือ คิดเป็นเงินปันผลตอบแทน 7.9%-9.1% เราประเมินราคาเหมาะสมเท่ากับ 18.5 บาท ภายใต้เงื่อนไข P/E 10 เท่าในปี 2551 รวมแล้วเราคงคำแนะนำ ซื้อ ในลักษณะลงทุน เพื่อรับปันผล เนื่องจากเป็นหุ้นที่สภาพคล่องต่ำ
โดย
value_vi
พฤหัสฯ. พ.ค. 01, 2008 10:25 am
0
0
+++ มีที่ไหนสอนการลงทุนแนว VI มั่งไหมครับอยากเรียน
Course ของ สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย Basic Accounting · ทำความเข้าใจกับงบการเงิน · มาตรฐานการบัญชีที่อาจส่งผลต่องบการเงิน · อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ · สัญญาณเตือนภัยจากงบการเงิน วิทยากร อาจารย์ ดร.วรศักดิ์ ทุมมานนท์ อาจารย์ประจำภาควิชาการบัญชี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วัน เวลา วันศุกร์ที่ 18 เมษายน 2551 สถานที่ Surawongse Vivatana Room โรงแรมตวันนา รามาดา ถ.สุรวงศ์ จำนวนผู้เข้าอบรม 50 ท่าน Economic Analysis วิทยากร ดร.สุรจิต ลักษณะสุต หัวหน้าทีมเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย วัน เวลา วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม 2551 สถานที่ แจ้งในภายหลัง จำนวนผู้เข้าอบรม 50 ท่าน Financial Analysis · เป้าหมายองค์กรและเป้าหมายทางการเงิน · ความสำคัญและกระบวนการวิเคราะห์ทางการเงิน(การวิเคราะห์กลยุทธ์, นโยบายบัญชี, สัญญาณเตือนภัยจากรายงานของผู้สอบบัญชีและหมายเหตุประกอบงบการเงิน) · การปรับปรุงงบการเงินก่อนการวิเคราะห์ · การวิเคราะห์แนวโน้มและอัตราส่วนทางการเงินจากงบการเงิน (RONA, WACC, EVA Spread, ROS, NET Asset Turnover) วิทยากร อาจารย์ ดร.วรศักดิ์ ทุมมานนท์ วัน เวลา วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน 2551 สถานที่ แจ้งในภายหลัง จำนวนผู้เข้าอบรม 50 ท่าน Creative Accounting: กลลวงงบการเงิน · ความหมายและรูปแบบของ Creative Accounting · ความแตกต่างของ Creative Accounting ในบริษัทจดทะเบียนและบริษัทที่มิใช่บริษัทจดทะเบียน · สัญญาณเตือนภัยจากรายงานของผู้สอบบัญชีและหมายเหตุประกอบงบการเงิน · ลักษณะเฉพาะของ Creative Accounting ในธุรกิจประเภท : ซื้อมาขายไป, ธุรกิจผลิตสินค้า, ธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์, ลีซซิ่ง, เช่าซื้อ, Factoring · กรณีศึกษา Creative Accounting · มาตรฐานการบัญชีไทยมีส่วนช่วยลด Creative Accounting ในแง่ใด · ตอบประเด็นข้อซักถาม วิทยากร อาจารย์ ดร.วรศักดิ์ ทุมมานนท์ อาจารย์ประจำภาควิชาการบัญชี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วัน เวลา วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม 2551 สถานที่ แจ้งในภายหลัง จำนวนผู้เข้าอบรม 50 ท่าน Business Model Analysis · เครื่องมือในการวิเคราะห์ : Five Force, BCG Model, STP Marketing, 4Ps, SWOT Analysis, S-Curve · Business Model Analysis · Blue Ocean · Case Study วิทยากร คุณมนตรี นิพิฐวิทยา กรรมการสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย วัน เวลา วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม 2551 สถานที่ แจ้งในภายหลัง จำนวนผู้เข้าอบรม 50 ท่าน
โดย
value_vi
อังคาร เม.ย. 22, 2008 3:33 pm
0
0
อุตสาหกรรมใดจะเป็นรายต่อไป
ลอกมาจาก 100 คน 100 หุ้น dcc ครับ กระเบื้องฯ เกาะมาตรการรัฐ ลุ้นโตต่อเนื่องพ่วงจีดีพี 5% สัญญาณฟื้นตัวในปี'51 เริ่มชัดเจนจากกำลังซื้อ ที่กำลังจะกลับมาพร้อมมาตรการ "ภาษี" อสังหาฯ รวมถึง[color=red]ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้นทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่ม หันปรับปรุง-ซ่อมแซมบ้าน[/color]อีกทั้งธุรกิจค้าปลีกและโรงแรม เริ่มกลับมาขยายสาขา ย่อมทำให้ตลาดกระเบื้องเซรามิกในประเทศเติบโต อย่างน้อยเท่าจีดีพี 5-6% เวลาเกือบ 3 เดือนแรกของปี 2551 ราคาขายกระเบื้อง ยังเฉลี่ยทรงตัวในระดับ 125บาท/ตร.ม. การแข่งขันไม่รุนแรงเหมือนปีก่อน เนื่องจากกำลังซื้อเริ่มกลับมา และภูมิภาคที่มีความของการกระเบื้องเพิ่มอย่างโดดเด่น คือ ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคอีสาน และประเมินกันว่าตลาดรวมปีนี้ น่าจะเติบโตเท่ากับจีดีพี.ระดับที่ 5-6% จากปีก่อนที่มีปริมาณการใช้กระเบื้องภายในประเทศอยู่ที่ 125 ล้านตร.ม. หรือในปีนี้น่าจะมีปริมาณการใช้อยู่ที่กว่า 132 ล้านตร.ม. ผู้ผลิต-จำหน่ายส่วนใหญ่มองตรงกันว่า ราคาสินค้าเกษตรเริ่มสูงขึ้น ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นแนวโน้มดีว่าในปี 2551 ความต้องการซื้อกระเบื้อง จะเพิ่มขึ้นในสัดส่วนเท่ากับจีดีพีไม่เกิน 5-6% หลังจากที่ปี 2550 ลดลง 10% เทียบปีต่อปี การที่ดีมานด์กลับเข้ามาสู่ตลาดในปีนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมาตระการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และหนึ่งในแผนการกระตุ้นนี้ผ่านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งการลดการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% เหลือ 0.1% ลดค่าโอนกรรมสิทธิ์ และค่าจดจำนอง เหลือ 0.01% จากเดิม 2% และ 1% (ตามลำดับ) ผลการกระตุ้นความเชื่อมั่นที่ว่านี้ ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ประกาศแผนการลงทุน อีกทั้ง เร่งงานก่อสร้างให้เสร็จทันโอนปีนี้เพื่อให้ได้สิทธิทางภาษีดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ ตลาดกระเบื้องระดับกลางลงมา จึงคาดว่าจะมีการขยายตัวสูงสุด เพราะนอกจากกำลังซื้อภาคเอกชน เช่น ในกลุ่มของธุรกิจค้าปลีกและโรงแรมที่เริ่มกลับมาตามแผนการขยายสาขาแล้ว กลุ่มเกษตรกร ยังเป็นลูกค้าหลักอีกกลุ่ม ที่คาดว่าจะมีบทบาทต่อการขยายตัวของตลาดกระเบื้องปี 2551 ลุ้นรัฐจัดระเบียบนำเข้า.. หากพิจารณาในเชิงลึกถึงภาวการณ์ของตลาดกระเบื้องเซรามิกทั้งประเภท ปูพื้น-บุผนังที่ผลิตในประเทศที่มีการชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา นอกจากชะลอตามภาวะเศรษฐกิจแล้ว ยังเผชิญกับทัพสินค้าจากต่างประเทศ ส่งมาตีตลาดทั้งโดยเฉพาะจากจีน และอินโดนีเซีย ซึ่งต่อเดือนมีการนำเข้ามาจำหน่ายในไทย 1 ล้านตร.ม. หรือคิดเป็นสัดส่วน 7-8% ระดับราคาที่ขายอยู่ที่ 200-500 บาท/ตร.ม. หรือต่ำกว่านี้ ขึ้นอยู่กับขนาดและอำนาจต่อรอง โดยสินค้าที่นำเข้านี้ ลูกค้ากลุ่มใหญ่คือ โครงการจัดสรรใหม่ๆ ประเด็นที่น่าจับตา คือ วันนี้การเข้ามาแชร์ส่วนแบ่งการตลาดของสินค้านอก ทำให้เกิดเสียงเรียกร้องจากผู้ผลิตในประเทศว่า ถ้าภาครัฐยังไม่มีมาตรการอะไรออกมา เท่ากับเป็นการส่งเสริมให้ทำลายอุตสาหกรรมภายในประเทศ และแม้ภาพที่ออกมาว่า ผู้บริโภคในประเทศได้ประโยชน์ในการซื้อสินค้าได้ราคาถูก ซึ่งก็ "ถูก" จริง แต่ในเชิง "คุณภาพ" นั้น ยังห่างไกลจากสินค้าที่ผลิตได้ในประเทศ เมื่อเป็นเช่นนี้ ภาครัฐควรออกมาตรการ กำหนดมาตรฐานมาควบคุมสินค้านำเข้า .. การเรียกร้องที่ว่านี้ ดำเนินการภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมเซรามิก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เนื่องจากคาดหวังให้รัฐบาลเข้ามาดูแลเกี่ยวกับมาตรฐานกระเบื้องนำเข้า โดยปีนี้กลุ่มอุตสาหกรรมเซรามิก สภาอุตสาหกรรมฯ จะผลักดันเรื่องดังกล่าวต่อเนื่องอีก แม้ที่ผ่านมายังไม่ได้รับการตอบรับจากภาครัฐมากนัก และขืนรัฐบาลไทย ยังเกรงใจรัฐบาลของประเทศต่างๆ เหล่านี้ ไม่กล้าออกมาตรการใดๆ มาเท่ากับว่าทำลายฐานธุรกิจในประเทศไปเรื่อยๆ ทั้งที่ในความเป็นจริง ประเทศอื่นในภูมิภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนบ้าน อย่างมาเลเซีย ฟิลิปปินส์เขาออกกฎระเบียบควบคุมมาตรฐานกระเบื้องนำเข้ามาไม่น้อยกว่า 4 ปี 5 ปีแล้ว ตรงกันข้าม สินค้าที่ผลิตจากประเทศเหล่านี้รวมถึงจีน ส่งเข้ามาขายในประเทศไทยได้อย่างเสรี ไร้ระเบียบที่จะควบคุม กิตติชัย ไกรก่อกิจ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท โสสุโก้ เซรามิค จำกัด หนึ่งใน ผู้ผลิตกระเบื้องรายใหญ่ภายใต้แบรนด์ โสสุโก้ ระบุว่าปีนี้บริษัทเน้นการส่งสินค้าออกไปต่างประเทศสัดส่วน 25% คิดเป็นยอดขาย 1,000 ล้านบาท ขณะที่ 75% หรือ 4,000 ล้านบาทเป็นการขายในประเทศ โดยปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตกระเบื้องรวม 45 ล้านตร.ม. แม้การส่งสินค้าออกไปขายต่างประเทศ จะเผชิญกับค่าบาทที่แข็งค่า แต่ตราบใดที่ยังสามารถผลิตสินค้าได้มาตรฐาน มีดีไซน์ ตรงตามความต้องการของลูกค้าต่างชาติแล้ว ยังพอจะปรับราคาขายเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งชดเชยกับการสูญเสียโอกาสจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าบาทที่แข็งค่า อย่างไรก็ตาม แม้แนวโน้มการบริโภคกระเบื้องภายในประเทศจะดีขึ้นกว่าปีก่อน แต่ กิตติชัย ยอมรับว่า ภาวการณ์ในขณะนี้ยังมีความ "เสี่ยง" ทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะปัญหาด้านการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบธุรกิจควบคุมไม่ได้ ดังนั้น เพื่อรับมือกับปัจจัยลบที่เกิดขึ้น สิ่งที่ทำได้ก็คือต้องเตรียมความพร้อม ปรับกลยุทธ์ในการบริการจัดการ ทั้งภายในและภายนอกองค์กรแล้ว ยังมีแผนจะผลักดันตลาดส่งออกเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ from bizweek ศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2551
โดย
value_vi
เสาร์ เม.ย. 19, 2008 9:00 pm
0
0
รวม LINK ร้อยคนร้อยหุ้น
Thank you krub
โดย
value_vi
พฤหัสฯ. เม.ย. 10, 2008 6:58 pm
0
0
แจก EPS16YEAR (งบดุล ย้อน 19 ปี,ราคา,Ratio,แบบเครดิตภาษี)
รบกวน ขอไฟล์ EPS15 v2003 กับ access 2003 ด้วยครับ
[email protected]
โดย
value_vi
พฤหัสฯ. เม.ย. 10, 2008 5:49 pm
0
0
หุ้นเกียร์ว่าง
[quote="thawattt"]อยากได้หุ้นเกีบร์ว่างเหมือนกันครับ เอาแบบประเภท เกีบร์ว่างสัก 5 ปี แต่ราคาไม่มีถอยหลัง แต่จ่ายปันผลเพิ่มขึ้นทุกปีครับ คิดเป็นผลตอบแทนปันผลประมาณปีละ 10% -15% ส่วนใหญ่จะเจอแต่เกียร์ว่าง ปี 2 ปี แล้วถอยหลังเข้าคลอง ปันผลก็คงที่หรือจ่ายลดลง หรือไม่มีจ่ายครับ โดยเฉพาะพวกที่ปันผลหนัก ๆ เฉพาะปีแรก ๆ ครับ[/quote] kcar ครับ :P
โดย
value_vi
ศุกร์ มี.ค. 28, 2008 1:11 am
0
0
มือใหม่ แนะนำตัวครับ
ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ
โดย
value_vi
ศุกร์ มี.ค. 21, 2008 2:20 pm
0
0
ดอกเบี้ย ที่อเมริกา เหลือเท่าไหร่แล้วคับ
ดอกเบี้ย ที่อเมริกา มีผลยังไงบ้างครับ :o
โดย
value_vi
พฤหัสฯ. มี.ค. 20, 2008 1:25 pm
0
0
ติด TR อยู่ 80 บาท คงได้เป็น VI ยาวแน่ๆ
[quote="tanapol"]ต้องดูว่าซื้อเพราะอะไรครับ มั่นใจในพื้นฐาน เทรนธุรกิจ หรือว่าราคาที่ undervalue มากๆ ถ้ามั่นใจในเหตุเหล่านี้ ราคาต่ำๆ ยิ่งดี จะได้มีเงินมาซื้อเพิ่มอีกเรื่อยๆ margin of safety เยอะ gain ก็เยอะ แต่ถ้าซื้อเพราะ เซียนในเว็บซื้อ... ก็ต้องตามละเอียดกันหน่อย...ว่าท่านเหล่านั้น ออกไปหรือยังครับ... :P[/quote] เห็นด้วยครับ
โดย
value_vi
พฤหัสฯ. มี.ค. 20, 2008 1:23 pm
0
0
Re: ธุรกิจอะไรที่ ไม่หวั่น แม้วันมามากคับ...
[quote="crazyrisk"] ธุรกิจ ที่รายได้น่าจะเข้ามาสม่ำเสมอ... น่าจะเป็น
โดย
value_vi
พฤหัสฯ. มี.ค. 20, 2008 1:12 pm
0
0
ธุรกิจอะไรที่ ไม่หวั่น แม้วันมามากคับ...
KCAR :B
โดย
value_vi
อังคาร มี.ค. 18, 2008 4:52 pm
0
0
หุ้นตกแบบนี้อยากได้หุ้นตัวไหนครับ
ขอ kcar ซัก 3 บาท ปันผลอานกันเลย
โดย
value_vi
พุธ ม.ค. 23, 2008 12:21 am
0
0
จ๊อกกิ้ง
[quote="..."]ช่วงนี้พี่บอลไปไหนต้องระวังหน่อยนะครับ เห็นทางการเค้ากำลังตามตัวอยู่ :lovl: [img]http://img340.imageshack.us/img340/9038/0832ll8.gif[/img][/quote] ทั้งหมวก ทั้งรองเท้า หลักฐานครบเลย
โดย
value_vi
จันทร์ ม.ค. 21, 2008 9:44 am
0
0
Re: ขออนุญาตถาม มีใครถือหุ้นเพียงตัวเดียวบ้างครับ
[quote="sci"]แล้วทำไม ถึงถือหรือลงทุนตัวเดียว อาจจะมีน้อยคน แต่ก็อยากทราบเหตุผล แล้วทำไมถึงมั่นใจ หุ้นที่ถือครับ ปล.เนื่องจากเคย ชมจาก money channel มีนักลงทุนที่ลงทุนเพียงตัวเดียวแต่ไม่รู้ว่าลงทุนอย่างไร มีการขายทำกำไรรึป่าวไม่รู้ ก็เลยสงสัย ว่าเป็นการจำกัดความเสี่ยงรึเปล่าครับที่ถืดตัวเดียว เนื่องจากพี่เค้าบอกว่ามั่นใจ ข้อถามเพิ่มอีกข้อ มีหุ้นตัวไหนมั้ยครับที่ พี่ๆ มั่นใจลงทุน ตัวเดียวแบบเต็มตัว ประมาณว่า ซื้อแล้ว ถึงขาดทุนก็ขอปันผลก็ได้ มั่นใจธุรกิจเดี๋ยวก็กำไร[/quote] kcar ตัวเดียวครับ มั่นใจ Manager แล้วก็คิดว่า earning น่าจะโตเรื่อยเรื่อย อย่างแย่ก็ไม่น่าจะลดลง ปันผลก็ OK ROE ก็สูง PE ก็ต่ำ บริษัทก็ทำธุรกิจมาตั้งแต่รุ่นพ่อต่อมาจนถึงรุ่นลูก พัฒนาดีขึ้นเรื่อยเรื่อย รักหมดใจครับตัวนี้ :B
โดย
value_vi
จันทร์ ม.ค. 21, 2008 9:36 am
0
0
สิ่งที่อยากได้มานานแล้ว
:bow: :bow: :cool:
โดย
value_vi
จันทร์ ม.ค. 14, 2008 10:39 am
0
0
Re: low profile high profit คิดว่า ยังพอหาได้ไหมครับ
[quote="teetotal"]เคยลองคุ้ยๆ ดูไหมครับ บริษัทบางราย ดูไม่ดัง แต่มันก็มีกำไร ทุกปี ปันผลทุกปี ดีกว่า แบงค์ ราคาไม่ไปไหนสักที ข่าวก็ไม่ค่อยมี บทวิเคราะห์ ไม่เคยพูดถึง[/quote] เสนอ kcar ครับ เคยดังใน thaivi อยู่พักนึง แต่ตั้งแต่ quater ที่แล้ว ประกาศกำไร QoQ เท่าเดิม หุ้นก้อลงแล้วเงียบไปเลยครับ
โดย
value_vi
จันทร์ ม.ค. 14, 2008 10:37 am
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
value_vi
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
จันทร์ ม.ค. 14, 2008 10:14 am
ใช้งานล่าสุด:
-
โพสต์ทั้งหมด:
98 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.01% จากโพสทั้งหมด / 0.02 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว