หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
Golden Stock
Joined: พุธ พ.ค. 21, 2003 6:09 pm
615
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - Golden Stock
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: ถ้าวันหนึ่งฟองสบู่ของโลกแตก VI จะลงทุนแบบใด
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำอย่างหนักที่เกิดขึ้นล่าสุด ไม่ใช่เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่เพิ่งจะเกิดเมื่อปี 2551 นี่เองครับ อย่างราคาน้ำมันดิบจาก 15x USD/barrel ลงมาเหลือ 3x USD/barrel ราคาน้ำมันดิบ ทุกวันนี้ยังห่างจากจุดสูงสุดเดิมมาก เศรษฐกิจอเมริกาเพิ่งจะเริ่มฟื้น เศรษฐกิจจีนเพิ่งจะผ่านจุดต่ำสุด และเศรษฐกิจยูโรโซนยังไม่ฟื้นดี จะเกิดวิกฤตอีกรอบแล้วเหรอครับ ? การตกต่ำของสินค้าโภคภัณฑ์หลักๆ ก็มาจากวิกฤตเศรษฐกิจ และวิกฤตการเงินของกลุ่มประเทศมหาอำนาจ หรือกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ถ้ามองไทย นับจากฟื้นจากวิกฤตต้มยำกุ้ง เมื่อปี 2540 นี่ก็นับเวลาได้ประมาณ 15 - 16 ปีแล้ว ในอนาคตไทยก็อาจจะเจอกับวิกฤตเศรษฐกิจอีกรอบ หรือเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะตกต่ำได้ครับ เพราะเศรษฐกิจมันเป็นวัฏจักร ซึ่งมีรุ่งเรือง ถดถอย ตกต่ำ และฟื้นตัว ผมคิดว่าหลายคนอาจจะมองตลาดหุ้นไทยคึกคักในช่วงนี้ เลยทำให้เกิดความกลัววิกฤตระดับโลกขึ้นมามั้งครับ
โดย
Golden Stock
เสาร์ ม.ค. 19, 2013 9:00 am
0
0
Re: ขายบ้าน ขายรถ มาซื้อหุ้น
เหตุการณ์ลักษณะนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกในตลาดหุ้นไทย นักลงทุนมองพื้นฐานกิจการจากอดีต ซึ่งเหมือนกับขับรถที่มองแต่กระจกหลัง นักลงทุนชอบมองราคาหุ้นบนกระดาน เพียงเพราะคิดว่าราคาลงมาเยอะแล้ว โดยไม่ได้มองสิ่งที่อยู่เบื่องหลังราคาหุ้นบนกระดาน และ หุ้นพื้นฐานดี อาจจะเป็นการลงทุนที่แย่ (ขาดทุน) หากซื้อแพงเกินกว่ามูลค่าที่เหมาะสม
โดย
Golden Stock
อังคาร พ.ย. 20, 2012 7:44 pm
0
3
Re: ขายบ้าน ขายรถ มาซื้อหุ้น
SIAM ราคาล่าสุดอยู่ที่ 2.90 บาท คนที่เชียร์ซื้อหุ้นในกระทู้ SIAM เพราะ PE ต่ำ , เงินปันผลดี และอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ยิ่งต้องซื้อ เพราะคิดว่าที่ราคาหุ้น SIAM ดิ่งเหว (เหลือ 3.8x บาท) มาจากความเข้าใจผิดของนักลงทุนที่ถือหุ้น SIAM ในเรื่องกำไรต่อหุ้นที่ประกาศในไตรมาส 4 ไม่ถูกต้อง จากกำไรนิดหน่อยเป็นขาดทุน ตอนนี้คงได้เห็นเฉลยแล้ว...
โดย
Golden Stock
อังคาร พ.ย. 20, 2012 7:32 pm
0
3
Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน
1. ขวดแก้วยังจำเป็นสำหรับร้านอาหารจำนวนมาก ที่เห็นรถส่งแบกลังไปหานั่นแหละ 2. IVL ที่เป็น supplier pet รายใหญ่นั้น ไม่ได้เป็นคู่ค้าของเป๊บซี่ แต่เป็นคู่ค้าของเสริมสุข แต่พอแยกแบบนี้ แข่งกันเดือดขนาดนี้ จะเป็นไปได้หรือที่ IVL จะหากินทั้งสองขา หรือว่าเป๊บซี่ไปหา supplier รายใหม่ รายใหม่ ในไทยใครมีใหญ่เท่า IVL? นำเข้า ต้นทุนก็สูงกว่าปกติ สรุป กระทบจังๆ แต่ไม่ถึงกับล้มหายตายจาก กระป๋องก็น่าจะยังมี ขวดก็ยังไม่ถึงกับหมดหนทาง แต่.... ยอดขายน่าจะทรุดฮวบ ไม่รู้นะ แต่ถ้าเป็นผม คงไม่เอากิจการไปผูกไว้กับลูกค้ารายใหญ่ รายเดียว ทำอย่างนั้น อำนาจต่อรองของเราก็จะน้อยกว่าผู้ซื้อ และเหมือนกับว่าต้องคอยพึงพาอาศัยผู้ซื้อรายนั้น จึงจะอยู่รอดได้ ซึ่งมันตรงกันข้ามกับกลยุทธ์การแข่งขันของ Micheal E. Porter ตัวอย่างเรื่องนี้มีให้เห็นไม่ใช่น้อย เช่น CEI ที่เสียลูกค้ารายใหญ่รายเดียว ถึงกลับทำให้พื้นฐานเปลี่ยน...
โดย
Golden Stock
อาทิตย์ พ.ย. 04, 2012 11:45 am
0
0
Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน
ศึกชิง (น้ำ) ดำ ? bYakYV3alEQ http://www.youtube.com/watch?v=bYakYV3alEQ ลองดูครับน่าสนใจดี คงพอได้ข้อมูลบ้าง ผมว่าคนที่คอมเม้นท์ ดูคลิ้ปรายการ คมชัดลึก ก่อนก็ดีนะครับ ผมนั่งดูตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ สรุป หลัง 1 พ.ย. 2555 เป๊ปซี่ยังมีจำหน่าย เพราะโรงงานที่ระยองพร้อมแล้ว เป๊ปซี่ยังมีขายทุก Packaging ยกเว้นขวดแก้ว เป๊ปซี่ไม่ได้บอกว่าจะเลิกทำขวดแก้ว แต่ต้องใช้เวลาในการเตรียมการส่วนนี้ ประมาณ 7 - 8 เดือน ทั้งนี้เป็นเพราะไทยไม่มีทรายที่เป็นวัตถุดิบจะนำมาใช้เป่าขวด (วิทยากรบอกว่าทรายที่ใช้เป่าแก้วในไทยแทบจะหมดแล้ว) ต้องสั่งขวดแก้วจากต่างประเทศ ถ้าคิดว่า est จะสามารถเข้ามาแทน pepsi ได้เลย โดยที่คิดว่าคนที่ดื่มเป๊ปซี่จะเปลี่ยนมาดื่ม est มันคงไม่ง่ายขนาดนั้น ตลาดน้ำอัดลม ลูกค้ากลุ่มใหญ่น่าจะเป็นวัยรุ่น ถึงวัยทำงานที่อายุถึง 30 ต้นๆ กลุ่มอายุที่มากขึ้น ก็เริ่มใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น จากที่เคยดื่มน้ำอัดลม ก็อาจจะลดการดื่ม หรือเลิกดื่มน้ำอัดลม หันไปดื่มน้ำเพื่อสุขภาพแทน เทรนมันเป็นอย่างนี้ คิดว่าคนกลุ่มวัยรุ่น ถึงวัยทำงานที่อายุถึง 30 ต้นๆ จะดื่มน้ำอัดลมยี่ห้ออะไรก็ได้ ? ผมคิดว่าคงไม่ใช่ ผมมองว่าการสร้างตราสินค้า หรือ Branding ให้คนยอมรับ จนเกิด Royalty นั้น ยากกว่าช่องทางการจัดจำหน่าย (Place) หลายเท่า ไม่อย่างนั้นแบรนด์ระดับโลกคงตายไปนานแล้ว อย่างเช่น ไนกี้ ประเทศไหนๆ ก็ผลิตเสื้อ กางเกง และร้องเท้าได้แบบไนกี้ แถมยังขายในราคาถูกกว่ามาก แต่ก็ยังมีคนซื้อเสื้อ กางเกง หรือรองเท้าไนกี้ เพราะอะไร ? ผมว่าที่คนมองว่า est น่ากลัว เพราะเป็นของเจ้าสัวเจริญ ที่รวยติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศไทย แต่ไม่ได้ศึกษาภูมิหลัง ว่าท่านเจ้าสัว ประสบความสำเร็จจากอะไร ? ธุรกิจผูกขาด และใช้อำนาจจากธุรกิจผูกขาดในการช่วยส่งเสริมผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ ให้ประสบความสำเร็จ ถ้าคิดว่าตลาดน้ำดำ สามารถใช้อำนาจจากธุรกิจผูกขาดของท่านเจ้าสัวได้ est ก็คงประสบความสำเร็จแบบไม่ยาก แต่ถ้าไม่ล่ะครับ ?
โดย
Golden Stock
อาทิตย์ พ.ย. 04, 2012 11:34 am
0
3
Re: พวกท่านมีวิธีอย่างไรในถือหุ้นหลายเด้ง
ที่ผมเห็นแล้วไม่แตกต่างจากเว็บบอร์ดหุ้นอื่นๆ อีกอย่างคือ พวกมากลากไป :!: :!: :!: ไม่น่าเชื่อว่านี่คือเว็บบอร์ด TVI แหล่งที่รวมนักลงทุนที่ลงทุนด้วยปัจจัยพื้นฐาน :!:
โดย
Golden Stock
อาทิตย์ ต.ค. 07, 2012 8:37 pm
0
5
Re: พวกท่านมีวิธีอย่างไรในถือหุ้นหลายเด้ง
หลังจากอ่านกระทู้นี้เสร็จแล้ว ทำให้นึกถึงสำนวนนี้ครับ ความเกรียนไม่มีการแบ่งแยก อาชีพ เพศ หรือ อายุ
โดย
Golden Stock
อาทิตย์ ต.ค. 07, 2012 8:33 pm
0
8
Re: ขายบ้าน ขายรถ มาซื้อหุ้น
ขายบ้าน ขายรถมาซื้อหุ้น ถ้าตัดเอามาแค่นี้ ความหมายที่ต้องการสื่อเปลี่ยนเป็นคนละเรื่อง หากไปอ่านในกระทู้หุ้นตามเว็บบอร์ด คืออ่านความเห็นอื่นๆ ในกระทู้นั้นๆ ประกอบ คนที่ใช้คำพูดนี้ คงเจตนาต้องการเบรคให้คนที่เข้ามาอ่านได้หยุดคิด ว่าสิ่งที่คนๆ หนึ่ง หรือหลายๆ คนเชียร์ซื้ออย่างมุ่งมั่นนั้น หรือบางคนอาจจะไม่ได้ตั้งใจ (เจตนา) เชียร์ มันมีความเป็นไปได้ตามที่เขา หรือพวกเขากล่าวมาหรือไม่ ? หากมันดีจริงอย่างที่กล่าวอ้าง คนเชียร์ซื้อกล้าขายบ้าน ขายรถมาซื้อหรือไม่ ? ซึ่งในชีวิตจริง โอกาสเรื่องแบบนี้คงน้อยมากๆ ครับ ในบรรยากาศที่เข้ามาอ่านกระทู้ที่มีแต่คนเชียร์ซื้อ โดยปราศจากคนแย้ง มันทำให้มีโอกาสจะคล้อยตามได้ง่าย คนที่ใช้คำพูดนี้ มาโพสต์กลางวงคงไม่ได้ประโยชน์อะไร แถมยังเสี่ยงต่อการโดนต่อว่าจากคน หรือพวกคนที่เชียร์ซื้ออีกต่างหาก ซึ่งก็โดนจริงๆ อย่างกระทู้ล่าสุดที่ผมใช้คือห้อง SIAM เหตุเพราะเกือบทุกความเห็นต่างโพสต์ไปในทิศทางเดียวกันว่าที่ราคาหุ้นลงแบบดิ่งเหว นั้น มาจาก SIAM คำนวณกำไรต่อหุ้นผิดในไตรมาส 3 ทำให้นักลงทุนเข้าใจผิดว่าบริษัทนั้นขาดทุนในไตรมาส 4 หลากหลายความเห็นพยายามโพสต์ เพื่อต้องการให้นักลงทุน (ที่อาจจะเข้าใจผิด) หยุด Panic Sell และอีกหลากหลายความเห็นพยายามชี้ให้เห็นว่าราคาตรงนี้ถูกมากแล้ว น่าจะเข้าไปรับ (มีดที่ตกใส่มือ) เนื่องด้วย PE บ้าง Dividend Yield บ้าง ราคาหุ้นลงมาเยอะบ้าง และบลาๆๆ ตรงนี้ ผมเห็นว่าเป็นการเชียร์ (หรือบางคนอาจจะไม่ได้ตั้งใจเชียร์) แบบให้ข้อมูลในด้านที่คนต้องการเชียร์อยากจะให้คนอ่านเห็น โดยขาดปัจจัยสำคัญตัวอื่น คืองานในมือ รายได้ และผลกำไรในอนาคต ซึ่งคนที่เชียร์ๆ กันแทบจะไม่มีข้อมูลด้านนี้เลยด้วยซ้ำ หลังประกาศผลประกอบการ มีบทวิเคราห์ออกตามมา 2 แห่ง ต่างให้ข้อมูลตรงกันว่างานที่ออสเตรเลียเหลืออีกประมาณ 28 ล้าน USD ยังไม่มีงานใหม่เข้ามา และงานที่นั่นมีการแข่งขันกันสูงขึ้น จากผู้เข้ามาใหม่หลายราย ทำให้มาร์จินลดลงมากอีกด้วย สรุป ราคาหุ้นที่ดิ่งเหวไม่ได้มาจากการที่ SIAM คำนวณผิดกำไรต่อหุ้นผิด เพราะถ้าผิด ราคาหุ้นคง Rebound ในช่วงบ่ายวันนั้น หรือในวันถัดมา แต่ว่าไม่ นั่นจึงน่าจะมาจากกำไรที่คาดว่าจะลดลงในอนาคตมากกว่าครับ ถามกลับคนเชียร์ (บางคนอาจจะไม่ได้ตั้งใจเชียร์) จะรับผิดชอบอย่างไรบ้าง ? คำตอบคือไม่.... ปล. เข้าใจจิตใจสำหรับคนที่มีหุ้น (ผมเดาว่าคนที่โพสต์ในห้อง SIAM ส่วนใหญ่คงถือหุ้น) ที่เห็นราคาหุ้นลงแบบดิ่งเหว เลยต้องออกมาทำอะไรสักอย่าง เผื่อสถานการณ์จะดีขึ้น แต่เมื่อผิดพลาดแล้วควรยอมรับความผิดพลาด และพิจารณาว่าเกิดขึ้นจากอะไร ? คาดการณ์ผิด ? เชื่อข่าวจากสื่อมากเกินไป ? อย่าไปฝืน หรือพยายามคิดเข้าข้างตัวเอง...
โดย
Golden Stock
อาทิตย์ ก.ย. 02, 2012 6:43 pm
0
1
Re: งานนี้อากู๋ คิดผิด หรือ คิดถูก
เรื่องละเมิดลิขสิทธิ์จากช่องทางyoutubeนั้นมีจริงๆและทำง่ายครับ มีโปรแกรมแปลงเป็นmp3 mp4ได้เลยง่ายๆ แต่ที่เป็นกระแสลบอาจจะเป็นคนไทยเราชินกับของฟรีมากกว่าเสียเงินและชินกับการใช้youtubeมากๆ ผมว่ารายได้หายไปเยอะนะครับถ้าไม่รีบแก้เกมส์จะยิ่งแย่ลงไปอีก ที่โพสท์มาไม่ได้จะเข้าข้างอากู๋นะครับ อย่างบอลยูโรที่จอดำโดยอ้างกันสัญญาณล้นซึ่งไม่เกี่ยวกันเลยผมเองก็ไม่ชอบ แต่เรื่องเพลงนี่ผมเฉยๆนะ ผมก็มองแบบนี้เช่นกันครับ นอกจากใช้โปรแกรมแล้ว ยังมีเว็บที่บริการแปลงไฟล์จาก Youtube ให้เป็นไฟล์เสียง หรือหนังอีกครับ ง่ายๆ แค่พิมพ์เพิ่มคำว่า kiss หน้า Youtube ก็ได้ไฟล์ที่ต้องการ เมื่อเป็นอย่างนี้ใครอยากได้เพลงไหน ก็แปลงเป็น MP3 ได้เลยแบบสะดวกสบาย และไม่เสียเงินแม้แต่บาทเดียว ส่วนเรื่องการโปรโมทเพลงโดยการให้ฟังก่อนกับคนกลุ่มนี้ แล้วคิดว่าจะไปซื้อแผ่นลิขสิทธิ์ ผมมองว่าคนที่ชอบของฟรี ยังไงก็ชอบของฟรี ให้รณรงค์ให้ตายก็ไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติของคนกลุ่มนี้ได้หรอกครับ ไม่ได้จาก Youtube ก็ไปหาจากเว็บ Bittorrent จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ลำบากเลยสำหรับคนกลุ่มนี้ นอกจากนี้ ขนาดแผ่น Vampire หรือแผ่นผี MP3 ที่รวมเพลงหลายร้อยเพลงราคาแผ่นละ 100 บาท คนกลุ่มนี้ยังไม่ยอมควัก แล้วจะให้ควักเงินจ่ายแผ่นลิขสิทธิ์ที่มีอยู่แค่สิบกว่าเพลงเหรอครับ ผมมองว่ามีรายการวิทยุ และทีวี แค่นี้ก็เพียงพอ สำหรับกลุ่มคนที่ซื้อแผ่นลิขสิทธิ์ ถ้าถูกใจก็หาซื้อแผ่นลิขสิทธิ์ ไม่ต้องฟังซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ หรือต่อให้ไม่ได้ฟังเพลง แต่เป็นนักร้องที่ชอบ ก็ยอมควักเงินซื้อครับ การทำการตลาดมันต้องทำ STP Marketing ถ้าไม่งั้นก็เหมือนเหวี่ยงแห่ไปทั่ว เป็นการสินเปลื่องทรัพยากรขององค์การโดยเปล่าประโยชน์ครับ
โดย
Golden Stock
ศุกร์ ส.ค. 10, 2012 7:50 pm
0
2
Re: Vi กับ นิสัยขี้อวด
อีกวิธีที่โฉ่งฉ่างน้อยกว่านั้นก็คือถือหุ้นให้ได้ .5%แล้วปล่อยให้ตลาดหลักทรัพย์้ป็นคนบอกใครๆแทนเราเอง จากที่อ่านๆ มา ผมคงจัดอยู่ในกลุ่มประเภทอวดรวย ? เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมมีรายชื่อติดผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (ถือเกิน 0.5 %) ทุกปีๆ ละหลายตัว อย่างปีนี้ผมชื่อติดรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในหุ้น 5 ตัว เฉพาะตัวที่ถือจนถึง XM , XD บางตัวถือเกิน 0.50 % แล้วไม่มีชื่อติดผู้ถือหุ้นรายใหญ่ก็มี เนื่องจากมาซื้อที่หลัง หรือขายก่อน XM , XD แต่ว่าไม่มีใครรู้ชื่อ-นามสกุลจริงผมจากนามแฝง Golden Stock และ GS Mobile สักคนครับ
โดย
Golden Stock
พุธ ก.ค. 11, 2012 8:07 am
0
0
Re: ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ถ้าแก้ไขทุกอย่างได้ เอานักการเมืองออกไปจากประเทศนี้ ให้ไปกับน้ำท่วม และ น้ำเน่าเสีย รอบนี้ แค่นั้นแหละ ทุกอย่างดีขึ้น นี้คือปัจจัยที่ทำให้ประเทศไทยเจริญได้อย่างยั้งยืน :) คิดเหมือนกันครับ :)
โดย
Golden Stock
จันทร์ พ.ย. 07, 2011 8:26 pm
0
0
Re: อุตสาหกรรม HDD (เกิดแก่เจ็บตาย)
ปัจจัยความเร็ว และความแรง ผมมองว่าไม่ใช่ปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อคอมพิวเตอร์ ถ้าผู้เอาความแรง และความเร็วเป็นที่ตั้ง CPU Intel Core i7 990x ราคา 33,900 บาท คงขายดีสุด Graphic Card อย่าง nVidia GTX590 หรือ AMD HD6990 ที่ราคา 2 หมื่นกว่าบาทต่อใบคงขายดีอย่างมาก ในการเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ ผมมองว่า ส่วนใหญ่จะให้น้ำหนัก เงินในกระเป๋า หรืองบประมาณ การใช้งาน และความคุ้มค่า CPU รุ่นล่างๆ เป็นรุ่นที่ขายดีที่สุด Graphic Card ที่เป็นออนบอร์ดมีส่วนแบ่งตลาดมากสุด ซึ่งการ์ดจอออนบอร์ดรุ่นที่แรงที่สุดนั้น เทียบได้กับการ์ดจอแยกรุ่นล่างๆ เท่านั้น โดย GPU ที่ขายได้มากสุดเป็นของ Intel ซึ่งทั้งหมดเป็นออนบอร์ด ไม่ใช่ nVidia หรือ AMD ที่ผลิตการ์ดจอแรงๆ สำหรับทำงานกราฟฟิก และเกม SSD ก็เช่นกัน หากยังราคาแพง และผู้บริโภคมองว่าไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับ HDD ก็ยากที่จะมาแทนที่ HDD ได้ SSD หากทำความขนาดได้อย่างน้อย 512 GB ในราคาไม่เกิน 3,000 บาท ตลาด HDD คงสะเทือน แต่ทุกวันนี้ไม่ใช่ SSD 160 GB ราคาเป็นหมื่นบาท ซึ่งราคานี้ ประกอบคอมสเป็คไม่ค่อยแรงได้ 1 เครื่อง (ไม่รวมจอ) หรือซื้อ Notebook ได้ 1 ตัว เลยทีเดียว อย่าง Notebook ที่ผมใช้อยู่ (เพิ่งซื้อเร็วๆ นี้) ราคาแค่ 15,900 บาทเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าเป็น HDD ผมซื้อตามความเหมาะสมในการใช้งานเป็นหลัก ไม่ใช่มองสเป็คเทพๆ ราคาครึ่งแสน ทั้งแรง และเร็วเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจ ผมว่าคนที่เอาคุณสมบัติต่างของ SSD เปรียบเทียบกับ HDD แล้วบอกว่าดีกว่าเกือบทุกอย่าง แล้วสรุปว่า HDD แย่แน่ ตายแน่ๆ ผมว่าคุณหลงทางแล้วละครับ ตราบใดที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังมองเงินในกระเป๋า และความคุ้มค่าอยู่ SSD ก็ยากที่จะมาแทนที่ HDD ได้ อีกปัจจัย ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Seagate และ WD ยังคงเล่นอยู่ในตลาด HDD เป็นหลัก นี่เป็นสัญญาณว่ายังไม่ถึงเวลาของตลาด SSD หากผู้เล่นรายใหญ่หันมาเล่นตลาด SSD นั้นหมายถึงการผลิตระดับ Mass ก็จะทำให้ราคามันลดลงครับ
โดย
Golden Stock
จันทร์ พ.ย. 07, 2011 2:00 pm
0
0
Re: วันนี้เป็นวันที่แปลกใจมากๆ สำหรับ ตลท
การยายฐานการผลิต ถ้าจากนิคมหนึ่งไปยังนิคมอื่นในประเทศ พอเป็นไปได้ แต่ถ้าต้องย้ายฐานไปต่างประเทศ คิดว่าผู้ประกอบการที่เป็นบรรษัทข้ามชาติ ยังคงจะไม่ย้าย เพราะเขาก็ต้องกระจายการลงทุนไปในหลายๆ ประเทศ เพื่อลดความเสี่ยง เรื่องนักการเมืองไทยขาดสามัญสำนึก และความรับผิดชอบต่อประชาชนที่เลือกเขามานั้น เป็นเรื่องจริงที่ต้องยอมรับ และไม่สามารถโทษใครได้ นอกจากประชาชนที่เลือกพวกเขาเข้ามาเอง ทั้งที่รู้ว่าคนพวกนี้เข้ามาด้วยวิธีการที่ไม่สะอาด เห็นแก่ตัว พร้อมที่จะกอบโกยยามเมื่อได้ตำแหน่งฝ่ายบริหาร ถ้าประชาชนรู้จักเรียนรู้จากอดีต ไม่ปล่อยผ่านไปเฉยๆ จะเห็นว่านักการเมืองทุกพรรค ไม่สนใจความเสียหายของชาติมาแต่ไหนแต่ไร ขอเพียงให้ฝ่ายตัวเองเข้าไปคุมอำนาจฝ่ายบริหารได้เป็นพอ เช่น ม็อบเสื่อเหลือง พรรคการเมืองเก่าแก่ก็ให้การสนับสนุน จนนำมาสู่เหตุการปิดถนน และยึดสนามบิน ต่อมาม็อบเสื่อแดง พรรมรัฐบาลปัจจุบันให้การสนับสนุน จนนำไปสู่เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง พวกนี้รักประชาชน และชาติแต่ปากเท่านั้น เรื่องห่วงโซอุปทาน คงมีผลกระทบค่อนข้างแรง แต่คงเป็นระยะสั้นๆ เพราะบรรษัทข้ามชาติส่วนใหญ่คงไม่ได้ลงทุนให้ไทยเป็นฐานการผลิตเพียงแห่งเดียว แต่มีการกระจายไปในหลายๆ ประเทศ หากมีการขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็สามารถนำเข้ามาทนแทนได้ครับ เรื่องการฟื่นฟู รัฐบาลคงต้องกระตุ้นด้วยยาแรง เพราะช่วงแรกคนยังมีความหวัง หากเบาไป ทำไปแล้วไม่ฟื้นอย่างที่หวัง ความมั่นใจลด ที่นี้จะกระตุ้นเพิ่ม การฟื้นตัวคงล่าช้า ช่วงต่อจากนี้เป็นหนี้ก็ต้องเป็นหนี้ ขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นก็ต้องเพิ่มขึ้น ที่สำคัญเม็ดเงินที่ถูกนำไปใช้นั้น ต้องไม่หายรายทางมากจนเกินไป ปี 2538 อุทกภัยจากน้ำท่วม คงเป็นแค่ปัจจัยหนึ่ง ที่ไม่ใช่สาเหตุหลักทำให้ฟองสบู่อสังหาแตก ช่วงนั้น มีญาติ และคนรู้จักของพ่อ แม่ผมเล่นที่ดินกันหลายคน (เนื่องจากเป็นเก็งกำไร และส่วนใหญ่ที่พูดถึงการซื้อ-ขายที่ดินจะใช้คำว่า "เล่น" กัน) ช่วงนั้นอาชีพนายหน้าเฟื่องฟูมาก คนพวกนี้คลายๆ คนเดินโพย จะเดินทางไปหาคนที่มีกำลังทรัพย์ที่พอจะซื้อที่ดินได้ แล้วนำเสนอที่ดินแปลงต่างๆ ให้ ถ้าตกลงซื้อขายกันแล้ว เข้าของที่ก็ต้องให้ค่านายหน้ากับพวกเขา ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 3 % หากฟลุ๊กขายได้แปลงเป็นร้อยล้าน ก็ฟันค่านายหน้า 3 ล้านบาท มีหลายคนที่รวยมีเงินหลายสิบล้านจากการเป็นนายหน้า และหมดตัว เพราะตอนหลังไปเล่นที่ดินเสียเอง สมัยก่อนที่อสังหาฯ บูมนั้น การซื้อขายเปลี่ยนมือส่วนใหญ่เป็น ที่ดินเปล่า ไม่ใช่บ้าน ทาวน์เฮาส์ หรือคอนโดฯ ของบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และวิธีการเก็งกำไรนั้น ส่วนใหญ่จะไม่โอนกรรมสิทธ์ แต่จะทำสัญญาทำมัดจำกัน 3 - 6 เดือน จึงจะโอน จากนั้นผู้ซื้อ (แต่ยังไม่โอน) ก็ต้องเร่งหาทางขายที่ดินที่ตัวเองวางมัดจำไว้ให้ได้โดยเร็ว ตรงนี้แหละจึงทำให้อาชีพนายหน้ามีความสำคัญอย่างมากในการเล่นที่ดินตอนนั้น ช่วงขาขึ้น หรือช่วงแรกของวัฏจักร ในช่วงนี้คนเล่นที่ดินจะเล่นตามข่าว (แบบตลาดหุ้น) ว่าที่ดินแปลงนี้ แถวนี้ บริเวณนี้หน่วยงานรัฐ หรือเองชนจะมาสร้างโครงการมาลง เพื่อทำโน้น ทำนี่ ก็ทำให้ราคาที่ดินพุ้งสูงขึ้น หลายเท่าบ้าง เป็นสิบเท่าบ้าง หรือหลายสิบเท่าบ้าง ซึ่งก็ทำจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ว่ากันไป โดยในช่วงนี้เงินสะพัดมาก นักเล่นที่ดินเมื่อได้กำไรหลายๆ แปลงเข้าก็เกิดความโลภ อยากได้มากขึ้นไปอีก วิธีหนึ่งคือกู้เงินมาเก็งกำไร จากที่ไหน ? ก็สถาบันการเงิน หลักทรัพย์ที่นำมาวางค้ำประกัน ก็คือที่ดินนั้นเอง จากรอบขาขึ้นของที่ดิน ทำให้คนเล่นส่วนใหญ่จะกำไรกัน ทำให้เกิดเศรษฐีร้อยล้าน พันล้านไปหลายคน แต่ทุกอย่างเป็นไปตามวัฏจักร รุ่งเรื่อง สูงสุด ถดถอย และตกต่ำ ราคาที่ดินถูกปั่นจากไล่ละไม่กี่หมื่นบาท จนเป็นหลายล้านบาท คนที่คิดจะซื้อจริงๆ เพื่อไปลงทุนนั้นมีน้อยกว่าพวกเก็งกำไร เมื่อเห็นว่าราคามันสูงจนเวอร์มากๆ เมื่อลงทุนแล้วผลตอบแทนไม่คุ้ม ก็ต้องหยุดไว้ก่อน และเกิดปัญหาเศรษฐกิจขึ้น เพราะส่งออกไทยมีปัญหา ช่วงนั้นค่าเงินบาทแข็งค่าเกินจริง จนทำให้แข่งขันกับประเทศอื่นๆ ไม่ได้ ผู้ซื้อต่างประเทศเลือกที่จะซื้อกับประเทศอื่นที่ถูกกว่าไทย และนักท่องเที่ยวเลือกเดินทางไปประเทศอื่นที่ถูกกว่าไทย ช่วงถดถอย นักเล่นเริ่มขาดทุน เพราะพวกมัดจำ แต่ไม่มีเงินโอนต้องรีบขายขาดทุน หรือขายไม่ได้ก็ต้องให้ยึดมัดจำ จึงเป็นเหตุทำให้นักเล่นที่หลายคนหมดตัว หรือถ้าเป็นคนที่ใช้เงินใช้เงินกู้ด้วย นี่ก็ถึงขั้นเป็นหนี้เป็นสินจำนวนมาก จนไม่มีปัญญาใช้หนี้ นี่เป็นเหตุให้เกิด NPL จำนวนมหาศาล และแบงค์ล้ม (กรุงเทพพาณิชยการ หรือ BBC) ที่มีนักการเมือง นักเล่นที่ดิน ไปกู้เงิน แล้วเอาที่ดินไปค้ำ ซึ่งที่ดินราคาไล่ละไม่กี่หมื่นบาท แต่เอาไปตีมูลค่าไล่เป็นล้านบาท ใครที่โลภน้อย รู้จักพอ ออกจากเกมก่อน ก็โชคดีไป หรือใครที่เล่นตามกำลังทรัพย์ของตน และไม่เล่นหลายสัญญา เจ็บตัว แต่ก็อาจจะไม่หมดตัว แบบที่เล่นเกินตัว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนั้น เทียบกับตลาดหุ้นแล้วก็ไม่แตกต่างกัน เพราะช่วงปลายของขาขึ้น คนจำนวนไม่น้อยมีความโลภ หวังที่ซื้อแพง แล้วก็ไปขายแพงกว่าให้แก่คนอื่นต่อไป แต่สุดท้ายก็ต้องมีคนที่โง่ที่สุด (The Greatest Fool) ที่ซื้อแพงที่สุด ที่เล่า (พิมพ์) มาซะยาวแค่จะแสดงให้เห็นว่าอสังหาริมทรัพย์สมัยก่อน กับสมัยนี้มันแตกต่างกัน จะจับแพะชนแกะ ก็ต้องศึกษาในรายละเอียดให้ดีซะก่อนครับ สุดท้าย เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ผมว่าส่วนใหญ่จะมองข้ามปัญหาไปข้างหน้าแล้วมากกว่า ท่วมคงต้องท่วมไป ทำได้ตอนนี้แค่ทำให้ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมว่าตอนนี้นักลงทุนน่าจะมองว่าจากนี้ หลังน้ำลด จะทำอย่างไรต่อไป เช่นการฟื่นฟู การช่วยเหลือ และการป้องกันในอนาคต เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่เกิดความเสียหายมากมายขนาดนี้ เมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกครับ
โดย
Golden Stock
เสาร์ ต.ค. 22, 2011 10:39 am
0
18
Re: หุ้นที่จะได้ประโยชน์ หลังผ่านวิกฤติน้ำท่วม
ไปลองตามตามดูหุ้นหลายตัวที่ดูเหมือนจะได้ประโยชน์ คุณตลาด ก็ปรับราคาหุ้นสะท้อนความคาดหวังในอนาคตไปบ้างพอสมควรแล้วนะครับ ซึ่งหลายหลายบริษัทดูแล้วก็เป็นบริษัทที่พื้นพื้นที่ดีชั่วคราวเท่านั้นเองครับ ลองหันกลับหลังแล้วมองหาบริษัทที่คุณภาพดี แต่ แย่ชั่วคราวบ้างไหมครับ :P ผลตอบแทนมักจะไหลไปหาคนส่วนน้อย คำนี้ยังใช้ได้จริงๆ เพราะตอนนี้คนส่วนใหญ่มองหุ้นที่จะได้รับผลดีระยะสั้นๆ (รายได้เพิ่มกว่าปกติ 1-2 ไตรมาส) หรือชั่วคราว แต่มีบางคน หรืออาจจะเรียกว่าคนส่วนน้อย มองหาหุ้นที่ได้รับผลกระทบระยะสั้นๆ หรือชั่วคราว แต่ราคาหุ้นลดลงอย่างกลับพื้นฐานเปลี่ยนแปลงแบบถาวร เพราะความกลัวของคนส่วนใหญ่ น้ำท่วมคราวนี้ นักมาก กระทบเศรษฐกิจไม่ใช่น้อย อย่างที่หลายๆ สำนักประมาณการณ์ว่าจะกระทบต่อ GDP ของไทย 1 -2 % ถ้าหลังน้ำลดโรงงานสามารถดำเนินการผลิตได้ตามปกติเลย เหมือนกับน้ำท่วมหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้ แต่ทว่าโรงงานจำนวนหลายร้อยแห่งต้องหยุดผลิตชั่วคราวเผื่นมาซ่อมแซม บ้างก็ว่าเป็นเดือน บ้างก็ว่าอาจจะถึง 3 เดือน และบ้างก็ว่าอาจจะมากกว่า 3 เดือน ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่น้อย เงินที่เคยสะพัดจะฝืดลง เนื่องจากฟันเฝืองบางตัวต้องหยุดทำงาน หรือถ้ามองแบบระบบการผลิต ที่มี Input Process และ Output หากตัวใดตัวหนึ่งมีปัญหา ก็จะส่งผลต่อไปทุกภาคส่วน คนจะตกงานชั่วคราวจำนวนมาก ความต้องการสินค้าและบริการลดลง ส่วนจะไปหวังภาครัฐอัดฉีดแรงๆ คงไม่ง่ายเช่นกัน โรงงานจำนวนไม่น้อยหยุดดำเนินงานชั่วคราว ทำให้รายได้ของรัฐลดลง ขณะที่รายจ่ายเท่าเดิม รัฐบาลก็ต้องกู้เงินมาเพิ่มเพื่อให้ใช้จ่ายได้เท่าเดิม หากอยากจะใช้จ่ายมากขึ้น ก็ต้องกู้เยอะกว่าเดิม สรุปน้ำท่วมรอบนี้ ทำให้ภาครัฐ และภาคครัวเรือนเป็นหนี้มากขึ้น จากเดิมที่หวังการบริโภคในประเทศ ปีหน้าคงไม่ดีอย่างที่หวัง และส่งออกปีหน้าอาจจะไม่ใช่พระเอกแบบปีนี้ กล่าวคือ ปัจจัยภายในก็หนัก ปัจจัยนอกก็ยังไม่รู้ว่าจะรุนแรงแค่ไหนครับ
โดย
Golden Stock
อังคาร ต.ค. 18, 2011 5:54 am
0
3
Re: ขอความเห็นกรณีวิกฤตยูโร
แสดงความเห็นเป็นข้อๆ นะครับ 1. ร่วงไปมากจริง เป็นลักษณะที่ค่อยๆ ซึมลง ที่ผ่านมายังไม่น่าจะเรียกว่ามี Panic sell แต่ถ้าเกิดวิกฤตจริง มันก็คงลงได้อีก เพราะความกลัวของคน จะทำให้เกิด Panic sell 2. ตามนั้นครับ แต่ที่รับรู้นั้น เป็นความเชื่อว่าสามารถรับมือกับปัญหาได้ กับไม่สามารถรับมือกับปัญหาได้ หากออกทางใดทางหนึ่ง ตลาดหุ้นก็น่าจะตอบสนองไปทางนั้น 3. ผมว่าไม่น่าจะจริงนะครับ
โดย
Golden Stock
พุธ ก.ย. 21, 2011 2:53 pm
0
0
Re: ลดเครดิต
ผมว่าอย่าไปต่อว่ากันเลย มันคนละหน้าที่กัน ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนไปดีกว่าครับ บริษัทเครดิตเรทติ้ง เขาก็มีหน้าที่ในการจัดอันดับเครดิต นั่นก็ทำไป ถ้าไม่มีใครมาวิเคราะห์คุณภาพ และความเสี่ยงของตราสารหนี้ต่างๆ คนที่จะมาซื้อตราสารหนี้ จะทราบได้อย่างไรว่าเงินเขาจะปลอดภัยแค่ไหน ? เมื่อครบกำหนดมีโอกาสจะได้เงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ยหรือไม่ ? และควรได้รับผลตอบแทนเท่าไหรจึงจะเหมาะสมกับความเสี่ยง ? เช่น PTT ออกหุ้นกู้ อย่างนี้คนส่วนใหญ่รู้จัก มีรัฐบาลถือหุ้นใหญ่ และแทบจะผูกขาดธุรกิจพลังงานในประเทศไทย แล้วถ้า BLISS ออกหุ้นกู้ในระยะเวลาเท่ากับ PTT และให้ผลตอบแทนที่เท่ากันล่ะ และถ้าเผอิญไปเจอคนขายที่อยากขาย อาจจะบิดเบือนข้อมูล ว่าบริษัทนี้ดีอย่างนี้ ดีอย่างโน้น ลงทุนซื้อได้ไม่มีปัญหา แล้วถ้าคนซื้อเชื่อจะเป็นอย่างไร ? คนที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้น อาจจะไม่รู้สถานะบริษัทนี้เป็นอย่างไร เพียงแต่ทราบว่าบริษัทนี้ขายโทรศัพท์มือถือ มีสาขาเยอะแยะ หากเขาลงทุนไปโดยไม่ทราบถึงคุณภาพ และความเสี่ยงของหุ้นกู้ของ BLISS แล้วเงินที่เขาจะลงทุนไปมีความเสี่ยงแค่ไหน ? ถ้าบริษัทจัดอันดับเครดิตไม่มีประโยชน์ใดๆ เลย ป่านนี้คงเลิกกิจการไปนานแล้ว ไม่ใช่มีความสำคัญ และได้รับความเชื่อถือแบบในปัจจุบันนี้ ส่วนนักลงทุนในตลาดหุ้น มีหน้าที่วิเคราะห์ว่าบริษัทจัดอันดับเครดิตไปเพิ่ม หรือไปลดอันดับเครดิตของประเทศ หรือของบริษัทใด นั้นมีผลกระทบต่อหุ้นที่ตัวเองถืออย่างไรบ้าง ? กรณีไม่กระทบต่อผลปัจจัยพื้นฐานของบริษัท แล้วเราจะไปเดือดร้อนอะไร ? อาจจะหงุดหงิดเพราะราคาหุ้นที่เราถือพลอยลงไปด้วยอย่างนั้นหรือ ? กรณีกระทบต่อหุ้นที่เราถือ เราก็ควรประเมินต่อไปว่ากระทบทางตรง หรือทางอ้อม ? ขนาดของผลกระทบ ? แล้วเราจะตัดสินใจอย่างไร ?
โดย
Golden Stock
พุธ ก.ย. 21, 2011 2:40 pm
0
8
Re: เห็นโบรกเชียร์แต่....
หุ้นตัวไหนได้รับผลประโยชน์ ? หุ้นตัวไหนได้รับผลเสีย ? ผมมองว่านักลงทุนในตลาดสามารถแยกแยะออกนะครับ ได้ประโยชน์ คงไม่พ้นวัสดุก่อสร้าง อาหารแห้ง ยารักษาโรค และบลา บลา... คนที่จะฉวยโอกาสสร้างผลตอบแทนจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ คงต้องให้มองให้ไกลกว่านั้น... คือวิเคราะห์ว่าปัญหา หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้พื้นฐานของกิจการเปลี่ยนแปลงชั่วคราว หรือตลอดไป ? กรณีเป็นปัญหาระยะสั้นๆ เช่น 1 - 3 เดือน ถ้าผมมีหุ้นที่ได้รับผลดีจากเหตุการณ์ แล้วราคาวิ่ง ผมจะขายหุ้นนั้นทิ้ง แล้วไปซื้อหุ้นที่ราคาหุ้นลง เนื่องจากได้รับผลเสียจากเหตุการณ์นั้นแทน ผมคงไม่ไปไล่ซื้อหุ้นที่จะได้รับผลดีแค่ 1 ไตรมาส หรือขายหุ้นทิ้งเพราะว่าจะได้รับผลเสียเพียงแค่ 1 ไตรมาส อย่างเหตุการณ์แผ่นดินไหว และสึนามิที่ญี่ปุ่นช่วงปลายเดือนมีนาคม 2554 ตอนนั้นทั้งนักวิเคราะห์ นักวิจารณ์ (ตามเว็บบอร์ด) และนักลงทุน ต่างมองว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เลวร้าย ราวกับว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะล่มสลายตามสึนามิไปด้วย โดยข้อเท็จจริงปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพียงระยะสั้นๆ แค่ 1 - 2 ไตรมาสเท่านั้น พื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนแปลงแค่ชั่วคราวเท่านั้น ด้วยเหตุการณ์นี้ ทำให้ผมซื้อหุ้น SAT ได้ในราคาแค่ 21 บาทกว่าๆ เท่านั้น และเมื่อเหตุการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ผมก็ขายทิ้ง ซึ่งสวนทางกับคนส่วนใหญ่ที่ไล่ซื้อ เพราะมองว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นแล้ว กลับกัน ที่มองว่าหุ้นที่จะได้รับผลดี มีการไล่ซื้อ ทำให้ราคาขึ้นไป แต่ก็เป็นเพียงชั่วคราว เพราะแค่ยอดขาย หรือกำไรเพิ่มแค่ชั่วคราว เพียง 1 - 2 ไตรมาส มันไม่ได้ทำให้พื้นฐานกิจการในระยะยาวเปลี่ยนแปลง กรณีที่เป็นปัญหาที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพื้นฐานของกิจการในระยะยาว อย่างนั้นคงต้องทำตรงกันข้ามกับกรณีปัญหาชั่วคราวครับ
โดย
Golden Stock
เสาร์ ก.ย. 17, 2011 10:17 pm
0
7
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
ผมไม่ค่อยจะใส่ใจที่จะเอาผลตอบแทนตลาดมาเป็นตัวเปรียบเทียบสักเท่าไหร่นะ แต่ผมให้ความสำคัญกับเป้าหมายระยะยาวของตัวเองมากกว่า เช่น ผมตั้งเป้าไว้ต้องทำผลตอบแทนแบบทบต้นให้ได้เฉลี่ย XX% ต่อปี ติดต่อกันเป็นเวลา XX ปี ในแต่ละปีตลาดจะมีผลตอบแทนเท่าไหร่ ไม่เห็นต้องใส่ใจมาก อาจจะมีรู้สึกดีเล็กๆ เท่านั้นที่ผลตอบแทนดีกว่าตลาด การเอาผลตอบแทนตลาดมาเป็นตัววัดฝีมือ ผมว่ามันบอกอะไรไม่ได้มากหรอกครับ ดูอย่างเสี่ยปู่ ผลตอบแทนปี 2553 ได้แค่ 50% หากไปติ๊กในกระทู้ผลตอบแทนนี่ ยังไม่ถึงระดับเทพเลยครับ ถ้าเอามาเทียบกับ SET อย่างนี้ สามารถบอกได้ว่าเสี่ยปู่ไม่เซียน ? สมมติว่ามีนักลงทุนคนหนึ่งมีพอร์ต 5 แสนบาท ได้ผลตอบแทนปี 2553 ถึง 500% หากไปติ๊กในกระทู้ผลตอบแทนนี่ ฝีมือระดับซุปเปอร์เทพ อย่างนี้ก็แปลว่านักลงทุนคนนี้เก่งกว่าเสี่ยปู่ที่มีมูลค่าพอร์ตพันกว่าล้านบาทมากใช่มั้ยครับ ? โพลผลตอบแทนที่จัดโหวตกันในแต่ละปี ผมเลิกโหวตไปหลายปีแล้วครับ
โดย
Golden Stock
เสาร์ ม.ค. 01, 2011 9:11 pm
0
0
No Growth No Gain นี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่
หุ้นหลายตัวที่ผมซื้อเมื่อปลายปีก่อน หลายตัวอัตราการเติบโตเป็นลบในปีนี้ แต่ทำไมราคาหุ้นหลายตัวขึ้นมากกว่าร้อยเปอร์เซนต์ก็ไม่ทราบนะครับ อย่างนี้เรียกว่าอะไรดีล่ะครับ
โดย
Golden Stock
เสาร์ พ.ย. 21, 2009 3:32 pm
0
0
หากจะมองข้ามหุ้นอสังหา...เพราะเหตุใดครับ
บ้าน กับ รถยนต์ มันคนละความรู้สึกกันเลยครับ รถยนต์ ซื้อไปแล้วก็มีแต่มูลค่าจะลดลง ส่วนบ้าน ที่ดิน ส่วนใหญ่มองเป็นการลงทุน มูลค่ามีทั้งโอกาสเพิ่ม และลด ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี น้อยคนที่จะอยากเป็นหนี้จากการซื้อรถยนต์ ตอนนี้พอร์ตผมกว่า 70 % อยู่ในหุ้นอสังหาริมทรัพย์ ประเภทพัฒนาที่อยู่อาศัยล้วนๆ อีก 20 % อยู่ในกลุ่มค้าปลีกขนาดใหญ่ เหลือ 10 % เป็นเงินสด
โดย
Golden Stock
พุธ ก.พ. 25, 2009 5:21 pm
0
0
** สิ้นสุดปี 2551 ผลประกอบการพอร์ตเป็นอย่างไรบ้างครับ **
นับเป็นเงิน ปีนี้มูลค่าพอร์ตผมลดลงไปเกือบ 20 ล้านบาท นับจากต้นปี ถึง เดือนกันยายน พอร์ตทรงๆ แต่ดีกว่าตลาด พอเข้าเดือนตุลาคมเท่านั้น หุ้นหลายๆ ตัวติดลบกระจาย 10 - 40 % อย่าง SVI เจอไปหนึ่ง floor เดือนนี้เดือนเดียวติดลบเกือบ 20 ล้านบาทแล้ว ตุลาคม เป็นเดือนที่ตลาดลงแรงแบบที่แทบไม่แตะเบรก ซึ่งเหนือความคาดหมายจริงๆ ครับ ชนิดที่เร็วจนปรับเปลี่ยนอะไรไม่ทันเลย ยิ่งหุ้นสภาพคล่องต่ำไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะยิ่งทำอาจจะยิ่งหนักกว่าเดิม ส่วนหุ้นสภาพคล่องสูง และเป็นที่นิยมของตลาดมีการขายออกไปก่อนหน้านี้หลายตัวแล้ว ไม่งั้นเจ็บหนักกว่านี้ อย่างไร ผมไม่ได้หนักใจอะไร เพราะเชื่อว่าหุ้นหลายๆ ตัวที่ถือนั้น ยังสามารถออกไข่ให้ผมได้ เมื่อเศรษฐกิจถดถอยผ่านพ้นไป และเริ่มฟื้นตัว แล้วตลาดกลับมามั่นใจ ราคาหุ้นมันก็จะกลับมาเอง
โดย
Golden Stock
พฤหัสฯ. ม.ค. 01, 2009 7:33 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Golden Stock
อาทิตย์ พ.ค. 11, 2008 10:12 am
0
0
ต้งแต่ต้นปีนี้ ไม่ทราบว่าพี่พี่ port ติดลบกันมากไหมครับ
ล่าสุด 24/01/51 ติดลบ 9.80 % เป็นการเริ่มต้นเดือนมกราคมที่ติบลบมาสุด นับตั้งแต่เข้าสู่วงการลงทุน หุ้นที่ติดลบมากสุดคือ EGCO ต้นปี 113 บาท ตอนนี้เหลือ 98 บาท ลดลงไป 13.27 % ต่อให้เป็นหุ้น Defensive stock ที่ทนแรงเทขาย ของต่างชาติไม่ไหว :lol:
โดย
Golden Stock
พฤหัสฯ. ม.ค. 24, 2008 8:11 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Golden Stock
อังคาร ม.ค. 22, 2008 2:57 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Golden Stock
อังคาร ม.ค. 22, 2008 12:41 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Golden Stock
อังคาร ม.ค. 22, 2008 12:37 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Golden Stock
จันทร์ ม.ค. 21, 2008 4:06 pm
0
0
PRANDA ช่วงนี้ทำไมลงจัง ปกติเห็นไม่ค่อยเคลื่อนไหวตามตลาดนะ
ลงนี่ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ แต่ที่แปลกใจ คือมันขึ้นจาก 6 บาท มา 9 บาทได้อย่างไรมากกว่า
โดย
Golden Stock
อังคาร ม.ค. 15, 2008 12:41 pm
0
0
7 ปี แห่งการเติบโต
ยินดีด้วยครับ และขอบคุณสำหรับข้อมูลพื้นฐานหุ้นของสมาชิกไทยแวลูทุกคนด้วยครับ
โดย
Golden Stock
อังคาร ม.ค. 15, 2008 12:38 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Golden Stock
อังคาร ม.ค. 15, 2008 12:33 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Golden Stock
อังคาร ม.ค. 15, 2008 12:31 pm
0
0
ถือหุ้น...แทบจะขาดใจ
ผมว่าเสริมสุขน่าจะเปลี่ยน packaging ซะหน่อย :lol: http://img214.imageshack.us/img214/3126/indexkr3.jpg หากทำได้อย่างนี้ ยอดขายพุ่งกระฉูดแน่นอน
โดย
Golden Stock
ศุกร์ พ.ย. 16, 2007 10:52 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Golden Stock
ศุกร์ พ.ย. 16, 2007 10:45 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Golden Stock
อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 1:31 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Golden Stock
จันทร์ ต.ค. 22, 2007 11:09 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Golden Stock
จันทร์ ต.ค. 22, 2007 11:05 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Golden Stock
อาทิตย์ ต.ค. 21, 2007 6:26 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Golden Stock
อาทิตย์ ต.ค. 21, 2007 7:49 am
0
0
ท่านมีหุ้นเทพแห่งปีตัวไหนบ้าง
ผมไม่มีหุ้นเทพสักตัวในพอร์ต ปีนี้ได้กำไรจาก TTA มากสุด 8)
โดย
Golden Stock
อาทิตย์ ต.ค. 21, 2007 7:38 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Golden Stock
เสาร์ ต.ค. 13, 2007 9:07 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Golden Stock
เสาร์ ต.ค. 13, 2007 8:47 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Golden Stock
ศุกร์ ต.ค. 12, 2007 7:55 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Golden Stock
ศุกร์ ต.ค. 12, 2007 7:51 pm
0
0
แจก EPS16YEAR (งบดุล ย้อน 19 ปี,ราคา,Ratio,แบบเครดิตภาษี)
รบกวนด้วยครับ ขอบคุณครับผม :bow:
โดย
Golden Stock
ศุกร์ ต.ค. 12, 2007 6:38 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Golden Stock
ศุกร์ ต.ค. 12, 2007 6:36 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Golden Stock
จันทร์ ต.ค. 08, 2007 9:12 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Golden Stock
พฤหัสฯ. ต.ค. 04, 2007 4:49 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Golden Stock
พฤหัสฯ. ต.ค. 04, 2007 4:35 pm
0
0
มีเงินหมื่นสี่พันบาทก้อเป็นเศรษฐีร้อยล้านได้
บทความนี้อาจจะธรรมดาสำหรับคนที่เข้าใจในเรื่องของ Compounding อยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ไม่เข้าใจในความมหัศจรรย์ของ Compounding อ่านแล้วบางทีก็อาจะทำให้เกิดความหวัง และความพยายามที่จะทำให้สำเร็จ นี่เป็นความท้าทาย เมื่ออ่านบทความนี้จบแล้ว ได้ประโยชน์อะไรบ้าง :?: คือมันจะช่วยให้คนอ่านนำไปใช้ใน การกำหนดเป้าหมายระยะยาว ว่าต่อไปฉันจะพยายามสร้างผลตอบแทนแบบทบต้น(เฉลี่ย)แล้วให้มากกว่า 20 % ต่อปี เป็นเวลา 20 ปี 30 ปี หรือจะ 40 ปีติดต่อกัน (แล้วแต่คน) เมื่อมีเป้าหมาย มันจะทำให้คนเกิดกระบวนการคิดตามมา ว่าทำอย่างไรจึงจะทำให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ได้ เช่นคิดว่าทำอย่างไรถึงจะไม่ต้องชักเงินจากหุ้นออกมาใช้ ค้นหาหุ้นที่จะสามารถให้ผลตอบแทนในระดับที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายได้ หรือต้องตัดค่าใช้จ่ายในส่วนใดบ้าง หากไม่มีเป้าหมาย กระบวนการทางความคิดก็ไม่เกิด อาจจะทำให้ลงทุนไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าอนาคตของเราจะไปทางไหน ซึ่งเปรียบกับเรือที่ไร้หางเสือ เป้าหมายเป็นสิ่งที่คนกำหนด การกำหนดต้องสอดคล้องกับศักยภาพของตัวเอง และเป็นเรื่องของอนาคต ผลที่ออกมาอาจจะต่ำกว่า สูงกว่า หรือเสมอตัว อันนี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง นี่เป็นความท้าทายให้คนพยายามที่จะพิชิตมันให้ได้ พอดีเห็นคนในพันทิบอ่านบทความนี้เสร็จแล้ว ก็ตั้งคำถามกับคนตั้งกระทู้ว่า แล้วทำอย่างไรล่ะจึงจะได้ 20 % เมื่ออ่านจบ คนอ่านยังไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขาต้องการสื่อนั่นคืออะไร สามารถนำไปประยุคต์ใช้กับการลงทุนได้อย่างไร อย่างนี้เท่ากับว่าอ่านไปแล้วไม่สามารถเก็บเกี่ยวอะไรจากบทความได้เลย ก็คงต้องปล่อยไปตามบุญตามกรรมของเขาแล้วล่ะครับ
โดย
Golden Stock
อังคาร ต.ค. 02, 2007 5:44 am
0
0
มีเงินหมื่นสี่พันบาทก้อเป็นเศรษฐีร้อยล้านได้
ขอบคุณครับ เป็นบทความที่จุดประกายความคิด และความหวังให้แก่ผู้อ่านได้อย่างดีทีเดียวครับ
โดย
Golden Stock
จันทร์ ต.ค. 01, 2007 8:18 pm
0
0
305 โพสต์
of 7
ต่อไป
ต่อไป
Verified User
ชื่อล็อกอิน:
Golden Stock
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พุธ พ.ค. 21, 2003 6:09 pm
ใช้งานล่าสุด:
อาทิตย์ ม.ค. 10, 2016 6:52 pm
โพสต์ทั้งหมด:
615 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.03% จากโพสทั้งหมด / 0.08 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว