หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
Paul VI
Joined: อังคาร ก.ย. 18, 2007 7:17 pm
10538
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - Paul VI
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
ขอบคุณค่ะ ..ไม่อยากบอกว่ารอชมภาพเกรงจะเป็นภาระ แต่เห็นพี่หมอมุขมา update กระทู้เมื่อใดก็มาตามอ่านทุกครั้งค่ะ... มีรูปไม่มีรุปก็ไม่เป็นไรค่ะ...พวกเราทราบดีว่าภารกิจพี่หมอมุขมากเพียงใด สู้ สู้ นะคะ :wink: สบายดีนะครับ คุณ นุช ไม่ได้ แวะเวียนมานานเลย พวกเรา ทุกๆคน สบายดีกันมั้ยครับ
โดย
Paul VI
อังคาร ต.ค. 20, 2020 8:55 pm
0
1
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
ส่งท้ายปีเก่า ขอให้สิ่งที่ไม่ดีและผิดพลาดที่ผ่านมาจงผ่านจากเราไป และให้ได้ข้อคิดจากมันเสมอ และไม่เปรียบเทียบตัวเรากับใคร ปีใหม่ 2561 และตลอดไป ขอให้จงมีแต่ความสุข มีสุขภาพที่ดีแข็งแรง และจงมอบของขวัญที่ดีที่สุดให้กับตัวคุณ นั่นก็คือ ตัวคุณเอง ที่มีความสุข และทัศนคติที่ดีขึ้นในการดำรงชีวิต สวัสดีปีใหม่พี่น้อง Thai VI ทุกท่าน สบายดีนะครับ สวัสดีครับพี่หมอ ^___^คิดถึง คิดถึงเช่นกันครับ ผู้หมวด (หรือตอนนี้เลื่อนยศไปกี่ขั้นแล้วนะครับ 55) ยังแวะมาอ่าน ที่ ThaiVI อยู่ตลอดครับ ก็คิดถึงทุกคนครับ
โดย
Paul VI
พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2018 8:55 pm
0
2
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
ส่งท้ายปีเก่า ขอให้สิ่งที่ไม่ดีและผิดพลาดที่ผ่านมาจงผ่านจากเราไป และให้ได้ข้อคิดจากมันเสมอ และไม่เปรียบเทียบตัวเรากับใคร ปีใหม่ 2561 และตลอดไป ขอให้จงมีแต่ความสุข มีสุขภาพที่ดีแข็งแรง และจงมอบของขวัญที่ดีที่สุดให้กับตัวคุณ นั่นก็คือ ตัวคุณเอง ที่มีความสุข และทัศนคติที่ดีขึ้นในการดำรงชีวิต สวัสดีปีใหม่พี่น้อง Thai VI ทุกท่าน สบายดีนะครับ
โดย
Paul VI
อาทิตย์ ม.ค. 07, 2018 12:10 am
0
9
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
พี่ๆน้องๆชาวขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียงเจอกันครับ nkffqmMfl-s https://youtu.be/nkffqmMfl-s
โดย
Paul VI
ศุกร์ ก.พ. 26, 2016 10:52 am
0
2
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
ในวาระดิถีวันขึ้นปีใหม่ 2559 ผมและครอบครัวขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงดลบันดาลให้พี่ๆน้องๆทุกท่าน จงประสบแต่ความสุข ความสำเร็จ คิดประสงค์สิ่งใดก็ขอให้สมดังความปรารถนา มีสุขภาพกายสุขภาพใจที่ดี ครอบครัวมีความสุขทุกท่านตลอดปี 2559 และตลอดไปด้วยเทอญ
โดย
Paul VI
พฤหัสฯ. ธ.ค. 31, 2015 11:12 pm
0
6
Re: แวะมาเยี่ยมครับ
หวัดดีครับหมอ jek ae เราไม่ได้คุยกันนานมากเลยนะครับ น่าจะร่วมๆ2-3ปีได้เลย. สบายดีมั้ยครับ ผมเองเดี๋ยวนี้ก็นานๆเข้ามาทีนึง ยินดีกับกิจการใหม่นะครับ มีโอกาสขอพิกัดนะครับจะได้ไปอุดหนุน จะไปโฆษณาที่ fanpage. ผมก็ได้นะ Search ชื่อผมก็เจอแล้ว ยินดีด้วยจริงๆครับที่ได้ทำงานที่เรารัก^^
โดย
Paul VI
จันทร์ ส.ค. 31, 2015 9:48 pm
0
2
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับทุกคนยังสบายดีอยู่มั้ย :) เอา youtube ที่พูดร่วมกับพี่หมอพงษ์ศักดิ์มาฝากพี่ๆน้องๆครับ http://youtu.be/csErdC4p1ZA
โดย
Paul VI
จันทร์ ก.ค. 13, 2015 10:18 pm
0
9
Re: VI บ้าน ๆ
ขออนุญาตช่วย ตลท.มาส่งข่าวให้พี่น้องชาว VI ครับ ผ่านกระทู้ของคุณนุชนะครับ :D งาน Set in the city 2014 Royal paragon hall 20-23/11/2014 ของผมพูด section 16.30 -18 วันที่ 20/11/2014 ครับ http://www.set.or.th/setinthecity/2014/index.html
โดย
Paul VI
พฤหัสฯ. พ.ย. 06, 2014 9:25 pm
0
3
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
มาส่งข่าวให้พี่น้องชาว VI ครับ งาน Set in the city 2014 Royal paragon hall 20-23/11/2014 ของผมพูด section 16.30 -18 วันที่ 20/11/2014 ครับ http://www.set.or.th/setinthecity/2014/index.html
โดย
Paul VI
พฤหัสฯ. พ.ย. 06, 2014 9:24 pm
0
4
Re: VI บ้าน ๆ
ตุลานี้ ไปตลุย Hong Kong ไปไหว้พระ และไปลุยหม่ำร้านอร่อยครับ พาเด็กๆไป A380 Business class ครับ พอดีเค้ามีราคาพิเศษ ตามสไตล์ vi เรา ของคุณภาพ ราคาถูกลง ไม่พลาดครับ ส่วนปีใหม่ยังไม่ plan ครับ แต่ Summer ปีหน้า จองตั๋ว NZ เรียบร้อยแล้วครับ :D ส่วนทั้ง ice ทั้ง book bucket ที่โดนเทียบเชิญมา ยังไม่ตอบสนองใคร ซักคนเลยครับ คุณนุช
โดย
Paul VI
อังคาร ก.ย. 16, 2014 10:31 pm
0
2
Re: VI บ้าน ๆ
เข้ามาทักทายคุณ นุชครับ ไม่ได้เข้ามาทักทายกันนานเลยนะครับ
โดย
Paul VI
จันทร์ ก.ย. 15, 2014 1:57 pm
0
1
Re: การขับรถ กับการลงทุน
เยี่ยมครับ หมอนุ่น :D ขอบคุณครับ
โดย
Paul VI
อังคาร ก.ย. 02, 2014 9:21 am
0
1
Re: "...คนธรรมดาให้เลิกเล่นหุ้นเถอะ..."
สิ่งที่คุณบรรยงแสดงความเห็น ผมไม่เห็นด้วยที่ว่า เราจะประสบความสำเร็จจากการลงทุนเราต้องศึกษาหุ้นทั่วทั้งโลกแบบนั้นเลย และปัจจัยที่จะทำให้การลงทุนประสบความสำเร็จ นอกจากความรู้ ความสามารถแล้ว ทัศนคติในการลงทุน และจิตวิทยาในการลงทุนก็เป็นเรื่องสำคัญที่อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ ความรู้ ความสามารถ ก็ไม่จำเป็นต้องเก่งขนาดเรียนมหาวิทยาลัยดังๆของโลก สุดท้าย นักลงทุนรายย่อยที่เป็นตัวอย่างประสบความสำเร็จในปัจจุบันก็มีมากมาย ถ้าจะบอกว่าที่ได้เพราะเป็นช่วงหุ้นขาขึ้น ผมก็ไม่เห็นจะมีกองทุนหุ้นไหนที่รอดจากวิกฤตปี 40 เลยซักกอง สำหรับประชาชนทั่วไป ที่ไม่ได้สนใจหรือจริงจังกับการลงทุน ผมก็เห็นด้วยกับการฝากเงินให้กองทุนลงทุนให้ แต่สำหรับนักลงทุนรายย่อยที่มุ่งมั่น ผมยังเห็นว่าลงทุนเองเหมาะสมกว่ามากมาย ผมเห็นด้วยกับ คุณฉัตรชัยครับ ถ้าเราจะลงทุนแล้วเก่งรอบด้านปานนั้น ผมเองก็คงเป็นหนึ่งที่ไม่มีความสามารถขนาดนั้น ไม่มีอะไรในโลกใบนี้ที่ 100 % ครับ ผมยังมองการลงทุนแนวเน้นพื้นฐานแบบ VI ยังคงเป็นโอกาสในการลงทุนของพวกเรา คนธรรมดาที่ไม่ได้เก่งอะไรมากมายนักครับ ^^
โดย
Paul VI
อังคาร ส.ค. 26, 2014 9:38 am
0
5
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
ต้องขออภัยพี่ๆน้องๆ ครับ ตอนนี้ภารกิจงานราษฎร์ งานหลวง รวมทั้งภารกิจครอบครัวค่อนข้างมาก อาจจะไม่สามารถมาโพสต์ที่กระทู้นี้ครับ ตอนนี้ก็สามารถติดตามหรือพบเจอกันใน fb หรือ fanpage นะครับ ^^
โดย
Paul VI
พฤหัสฯ. ส.ค. 14, 2014 7:43 pm
0
2
Re: VI บ้าน ๆ
ไม่ได้เข้ามาซักพักนึงเลยเพิ่งทราบว่าคุณนุชเกษียณจากงานประจำแล้วเหรอครับ ยินดีด้วยครับ ทำตามใจปรารถนา ตอบความฝันและเป้าหมายของตัวเอง รับผิดชอบต่อความฝันและเป้าหมายของตัวเอง ยินดีกับคุณนุชอีกครั้งจากใจจริงครับ
โดย
Paul VI
เสาร์ ส.ค. 02, 2014 9:46 pm
0
1
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
ที่ปรึกษาทางการเงินคาดซื้อขายกิจการผ่านกองทุนไพรเวทอิควิตี้คึก บริษัทจดทะเบียนสภาพคล่องเหลือเฟือ พร้อมขยายลงทุน เหตุได้สิทธิประโยชน์ภาษีนิติบุคคล เช่นเดียวกับกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาฯ อีกทั้งได้กำไรเห็นๆ หลังถอนเงินลงทุน ล่าสุด "ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น" ดันบริษัทร่วมลงทุน"สเตรกา"เข้าตลาดหุ้น ฟากกองทุนไทยทวีทุน 2 ขายสถาบันสอนภาษา"วอลล์สตรีท อิงลิช"ให้เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ บจ.ในกลุ่มมาลีนนท์ 800 ล้านบาท สมภพ ศักดิ์พันธ์พนมสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทโปร แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เปิดช่องทางการจัดตั้งกองทุนไพรเวทอิควิตี้ในรูปแบบกองทรัสต์ เช่นเดียวกับ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หรือรีทส์ ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีนิติบุคคล อีกทั้งก.ล.ต.อยู่ระหว่างขอกระทรวงการคลังลดหย่อนภาษีจากเงินปันผล ก็จะยิ่งเป็นแรงดึงดูดให้กองทุนร่วมลงทุน หรือไพรเวทอิควิตี้ฟันด์ทรัสต์ ( Private Equity Fund Trust )ในประเทศไทยมีโอกาสเกิดมากยิ่งขึ้น และยังถือว่าเป็นการช่วยนำพาธุรกิจขั้นเริ่มต้นแต่ยังขาดแหล่งเงินทุนให้เติบโตได้ นอกจากนี้เริ่มเห็นเจ้าของกิจการที่นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯแล้วมีความมั่งคั่งมากขึ้นทั้งจากเงินปันผลและกำไรจากส่วนต่างราคา ได้นำเงินไปลงทุนต่อ โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเช่นกรณีของบริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)(บมจ.)ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้เข้าลงทุนในรูปแบบเวนเจอร์แคปิตอล ในบมจ.สเตรกา สัดส่วน 40 % ขณะที่บมจ.สเตรกาเองนั้นปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งบริษัท แอสเซทโปร ฯเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบมจ.ไลฟ์ ฯก็เตรียมที่จะขายหุ้นออกมาในรูปแบบไอพีโอ ดร.อุตตม สาวนายน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพรอสเพอริตี้ แอ็ดไวซอรี จำกัด กล่าวว่าปีนี้บริษัทได้เตรียมขาย(EXIT) ธุรกิจที่มีการลงทุนผ่านกองทุนไพรเวทอิควตี้ (กองทุนไทยทวีทุน 2 ) แล้ว 1 บริษัท คือ สถาบันสอนภาษา "วอลล์สตรีท อิงลิช" มูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท (ผู้สนใจซื้อคือ บมจ.เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์)โดยระยะเวลาลงทุนประมาณ 3-4 ปี และถือว่าเป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย ทั้งนี้สำหรับเป้าหมายผลตอบแทนกองทุนไพรเวทอิควิตี้ 20-25 % ต่อปี ระยะเวลาลงทุน 3-4 ปี นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า แนวโน้มจะได้เห็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดตั้งบริษัทเพื่อเข้าไปร่วมลงทุนในธุรกิจอื่นที่น่าสนใจ ในรูปแบบ คอร์ปอเรต เวนเจอร์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากบางกลุ่มธุรกิจจัดตั้งคอร์ปอเรต เวนเจอร์ขึ้นมาเพื่อเป็นการทดลองลงทุนในธุรกิจที่คาดว่าจะสามารถนำมาต่อยอดธุรกิจหลักของตนเองได้ โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่มีการจัดตั้งบริษัทเพื่อการลงทุนขึ้นเอง จึงทำให้การลงทุนผ่านเวนเจอร์แคปิตอลปกติลดลงไป ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาเวนเจอร์แคปิตอลมีการระดมทุนผ่านกองทุนรวมและบริหารโดย บริษัทจัดการลงทุนก็ตาม สำหรับปีนี้ธุรกิจที่น่าสนใจลงทุน คือ อาหาร สินค้าเกษตรที่เพิ่มศักยภาพโดยการแปรรูปแล้ว และในระยะยาวประเทศเพื่อนบ้านที่มีสินค้าเกษตรใกล้เคียงกัน ควรทำแบบคอนแทร็กต์ ฟาร์มมิ่ง(Contract Framing) คือระบบการเกษตร ที่มีการทำสัญญาซื้อขายผลผลิตล่วงหน้า เป็นต้น นายชนิตรกล่าวว่าที่ผ่านมาบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มสื่อสารมีความเคลื่อนไหวการจัดตั้งธุรกิจเงินร่วมลงทุน หรือเวนเจอร์แคปิตอล อาทิ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ ที่จัดตั้งกองทุนอินเวน (Invent) ซึ่งเห็นชัดเจนธุรกิจที่ช่วยต่อยอด ธุรกิจขายหนังสือสิ่งพิมพ์ดิจิตอลออนไลน์ "อุ๊คมี" โดยลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ซึ่งรวมถึงกลุ่มซีพีด้วย เช่นเดียวกับบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่นหรือดีแทค จัดตั้งบริษัทเพื่อการลงทุนภายใต้บริษัทลูกด้วยเช่นกัน ส่วนหนึ่งเพื่อต้องการพัฒนานวัตกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่วนในอดีตกลุ่มธุรกิจที่ลงทุนไปแล้วผ่านเวนเจอร์แคปิตอล และประสบความสำเร็จ คือ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มยานยนต์ เป็นต้น ด้านนายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการก.ล.ต. กล่าวก่อนหน้าว่า ก.ล.ต.สนับสนุนธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น หรือที่เรียกว่า "ต้นกล้า" แต่มีศักยภาพในด้านการนำนวัตกรรมใหม่ๆมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัท อาทิ ธุรกิจกลุ่มไอที ธุรกิจแปรรูปยา ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ธุรกิจภาพยนตร์และคอนเทนต์ เป็นต้น แต่ยังขาดเงินทุน จึงนำเสนอโครงการ "หุ้นนวัตกรรมและสร้างสรรค์" คือ การหาแหล่งทุนให้โดยสนับสนุนจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุน หรือไพรเวทอิควิตี้ฟันด์ทรัสต์ เพื่อเข้าไปลงทุนในธุรกิจดังกล่าวด้วย ทั้งนี้หากเป็นธุรกิจมีความพร้อมความสามารถดำเนินการเข้าจดทะเบียนได้ทันปี 2558 ก็ยังได้รับการลดหย่อนค่าธรรมเนียมทั้งในส่วนของตลาดหลักทรัพย์ฯและ ก.ล.ต.ด้วย ซึ่งธุรกิจที่เข้าข่ายโครงการดังกล่าวจะต้องเป็นธุรกิจที่ดำเนินการมาไม่น้อยกว่า 2 ปี มีทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 20 ล้านบาท และมีกำไรหรือกำไรสะสมด้วย จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,963 วันที่ 6 - 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
โดย
Paul VI
พฤหัสฯ. ก.ค. 10, 2014 8:51 am
0
3
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
ขอบคุณครับ คุณนุช สบายดีนะครับ Long weekend เดือนหน้า พาเจ้าตัวเล็กไปเที่ยวที่ไหนครับ :D สบายดีค่ะพี่หมอมุข ว่าจะไปสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช อช.วังน้ำเขียวค่ะ ฤดูนี้ ป่าฝนน่าจะมีแมลงเยอะค่ะ ^__^ พี่หมอมุขคงมี plan ท่องเที่ยวเช่นกัน รอชมภาพครอบครัวน่ารักของพี่หมอมุขเช่นเคยค่ะ :wink: มี plan เหมือนกันครับ คุณนุช แต่ยังไม่ located ที่ไหนครับ เที่ยวแล้วเอาภาพสวยมาฝากด้วยนะครับ ^^
โดย
Paul VI
เสาร์ มิ.ย. 28, 2014 8:52 pm
0
1
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
ขอบคุณครับ คุณนุช สบายดีนะครับ Long weekend เดือนหน้า พาเจ้าตัวเล็กไปเที่ยวที่ไหนครับ :D
โดย
Paul VI
พฤหัสฯ. มิ.ย. 26, 2014 8:26 am
0
1
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
สุดยอดกระทู้ครับตอนนี้ เป็นอะไรที่ชัดเจน วาจาคมคาย เปรียบเทียบให้เห็นชัดเจน แนะนำพวกเราทุกคนเข้าไปอ่านครับ นายกโจ ของเรามาเอง :D http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=57586
โดย
Paul VI
เสาร์ มิ.ย. 07, 2014 8:04 am
0
2
Re: ปลูกหุ้นกินผล
ยินดีต้อนรับและยินดีที่ได้รู้้จักครับ ปล. หลังๆภารกิจเยอะหน่อยครับ เลยมาทักทายช้าไปหน่อย ^^
โดย
Paul VI
ศุกร์ พ.ค. 30, 2014 8:26 am
0
3
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
เปิดชื่อหุ้นถูกนำเข้า-ถอดออกในดัชนีเอ็มเอสซีไอรอบใหม่ ดัชนีกลุ่มหลักโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ติดชื่อ ส่วนดัชนีกลุ่มหุ้นขนาดเล็ก 3 บจ.น้องใหม่เจ๋ง บีเจซี เฮฟวี่, เมก้า ไลฟ์, นามยงเทอร์มินอล บล.ทรีนีตี้ฯ แนะกลยุทธ์สะสมหุ้นที่ถูกนำเข้าคำนวณดัชนี เตือนหลีกเลี่ยงลงทุนในหุ้นที่ถูกตัดออก เช่น จีสตีล แกรมมี่ ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ สหโมเสค เปิดสถิติบจ.ถูกนำเข้าและตัดออกจากการคำนวณดัชนี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าตลาด 11% alt เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา เอ็มเอสซีไอ(MSCI) ประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่ถูกนำเข้าและตัดออกจากการคำนวณดัชนีเอ็มเอสซีไอ ไทยแลนด์ (MSCI Thailand )รอบใหม่ โดยดัชนีกลุ่มหลัก (MSCI Global Standard Index) หุ้นที่ถูกนำเข้าได้แก่ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด(มหาชน)(บมจ.)(BH) ขณะที่ไม่มีหุ้นถูกตัดออก สำหรับดัชนีกลุ่มหุ้นขนาดเล็ก (MSCI Global Small Cap Index) หุ้นที่ถูกนำเข้าได้แก่ บมจ.บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี (BJCHI), บมจ.เมก้า ไลฟ์ ไซแอ็นซ์ (MEGA), บมจ.นามยง เทอร์มินอล(NYT), บมจ.โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น(TTCL) ส่วนหุ้นที่ถูกตัดออกได้แก่ บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ , บมจ.จีสตีล ,บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY), บมจ.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ (SITHAI) และบมจ.สหโมเสคอุตสาหกรรม(UMI) โดยรายชื่อหุ้นรอบใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในช่วงเย็นของวันที่ 30 พฤษภาคม 2557 ทั้งนี้บมจ.บีเจซี เฮฟวี่ บมจ.เมก้า ไลฟ์ และบมจ.นามยง เทอร์มินอล ถือเป็นบริษัทจดทะเบียน(บจ.)น้องใหม่ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯปี 2556 นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงกลยุทธ์การลงทุนสำหรับหลักทรัพย์ที่ถูกนำเข้าและตัดออกจากการคำนวณดัชนีเอ็มเอสซีไอ ไทยแลนด์ รอบใหม่ว่า จากผลการศึกษาย้อนหลังถึงการปรับตัวของราคาหลักทรัพย์ที่ถูกนำเข้าและตัดออกจากการคำนวณดัชนีทั้งในส่วนของดัชนี MSCI Global Standard Index และดัชนี MSCI Global Small Cap Index โดยใช้ข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2551 พบว่าราคาหุ้นที่ถูกนำเข้าและตัดออกจากการคำนวณดัชนีมักจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญหลังการประกาศ ไปจนกระทั่งถึงวันเริ่มใช้ข้อมูลจริง http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=231332:3--msci-----&catid=104:-financial-&Itemid=443#.U3yBatKSzh4
โดย
Paul VI
พุธ พ.ค. 21, 2014 5:38 pm
0
3
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
แล้วสุขภาพตอนนี้ดีนะครับ ? ไม่ใจสั่นบ่อยๆแล้วนะครับ ^^ ใจสั่นเวลาเจอสาว ๆ ครับ อ่ะ ไม่ใช่แระ 555 เป็นกันทุกคนมั้งครับ ^^
โดย
Paul VI
พุธ พ.ค. 21, 2014 5:37 pm
0
1
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
ถ้ามีเวลาจะมา upload รูปเที่ยว trip Kansai ให้นะครับ คราวนี้สนุก เที่ยวเองไม่ง้อทัวร์ ^^ จะว่าไปเวลาเที่ยวกับทัวร์เราเหมือนซื้อหุ้นผ่านกองทุนรวม แต่เวลาเที่ยวเองเหมือนเรา เหมือนการเลือกหุ้น style VI อย่างพวกเรานะครับ :D
โดย
Paul VI
เสาร์ พ.ค. 03, 2014 8:51 am
0
3
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
อ่านหนังสือแล้ว ขอตั้งชื่อว่า หนังสือแห่งความปรารถนาดีในการลงทุนครับ จารย์หมอมุข ใส่ทุกอย่างที่เป็นความรู้จริง ผมชอบเป็นพิเศษเรื่อง EV earning yield การประยุกต์ใช้ รวมถึงการกระจายลงทุน เป็นหนังสือแนะนำครับ ขอบคุณมากครับ สงกรานต์ที่ผ่านมาไปเที่ยวไหนครับ แล้วสุขภาพตอนนี้ดีนะครับ ? ไม่ใจสั่นบ่อยๆแล้วนะครับ ^^
โดย
Paul VI
เสาร์ พ.ค. 03, 2014 8:49 am
0
1
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
หุ้นภัตตาคารVSบ้านจัดสรร เมษายน 28, 2014 บทความ Posted by ดร.นิเวศน์ กลุ่มหุ้น “ยอดนิยม-ตลอดกาล” กลุ่มหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ก็คือ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นบ้านและคอนโดเพื่อขาย หรือเรียกง่าย ๆ ว่าหุ้นบ้านจัดสรร เพราะนี่คือธุรกิจที่มีบริษัทจดทะเบียนจำนวนมากในตลาดและมีนักลงทุนโดยเฉพาะรายย่อยซื้อขายหุ้นแต่ละวันจำนวนมาก หุ้นในกลุ่มนี้ไม่ได้เพิ่งจะได้รับความนิยม แต่เป็นหุ้นที่มีความคึกคักมานานหลายสิบปีแล้ว มีแค่บางช่วงสั้น ๆ ที่หุ้นซบเซาลง เช่น ในภาวะที่เศรษฐกิจเกิดวิกฤติขึ้นเท่านั้นที่ทำให้หุ้นเหงา คุณลักษณะของหุ้นบ้านจัดสรรนั้นมีความแตกต่างจากกลุ่มอื่นพอสมควรจนทำให้วิธีการคิดวิเคราะห์นั้นควรจะแตกต่างจากกลุ่มอื่นค่อนข้างมาก หุ้นอีกกลุ่มหนึ่งนั้นยังไม่ได้ร้อนแรงเท่าไรนักเนื่องจากว่ามีบริษัทจดทะเบียนในตลาดไม่มากเท่าและหลายบริษัทก็ยังทำธุรกิจอย่างอื่นด้วยนั่นก็คือ ธุรกิจภัตตาคารขายอาหาร อย่างไรก็ตาม นับวันผมเชื่อว่าจะมีธุรกิจนี้เข้าจดทะเบียนเพิ่มขึ้นและบริษัทเหล่านั้นก็จะเน้นที่การทำภัตตาคารมากขึ้นเป็น “Pure Play” คือพูดได้ว่าเป็นหุ้นขายอาหารแบบภัตตาคารหรือขายอาหารพร้อมรับประทานเป็นหลัก และเมื่อถึงวันนั้นผมเชื่อว่าหุ้นภัตตาคารจะเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ดังนั้น เราก็ควรจะมาทำความเข้าใจกับธุรกิจนี้ซึ่งผมคิดว่ามีอะไรน่าสนใจและก็มีความแตกต่างจากหุ้นของกิจการอื่น ๆ พอสมควร ผมจับหุ้นบ้านจัดสรรมาพูดกับหุ้นภัตตาคารในบทความเดียวกันนั้น เป็นเพราะผมคิดว่าหุ้นสองกลุ่มนี้ แม้ว่าจะดูเหมือนไม่มีอะไรใกล้เคียงกันนั้น กลับมีความเหมือนกันในหลาย ๆ เรื่อง เช่นเดียวกับที่มีความแตกต่างกันในหลาย ๆ เรื่อง และถ้าเราเข้าใจก็จะทำให้เราวิเคราะห์หุ้นทั้งสองกลุ่มได้ดีขึ้น ความเหมือนกันของธุรกิจสองกลุ่มก็คือ ตลาดของธุรกิจมีขนาดใหญ่มากคิดเป็นแสน ๆ ล้านบาทต่อปี แต่ในขณะเดียวกันมีผู้เล่นหรือผู้ขายหรือให้บริการจำนวนมากโดยที่ไม่มีบริษัทไหนที่จะ Dominate หรือครอบงำธุรกิจได้เลย พูดง่าย ๆ แม้แต่บริษัทที่ใหญ่ที่สุดก็มีส่วนแบ่งทางการตลาดน้อยมาก ดังนั้น จึงพูดได้ว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างสมบูรณ์ ไม่มีใครกำหนดหรือควบคุมตลาดได้ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต เหตุผลก็คือ ข้อแรก ความต้องการของผู้ซื้อหรือผู้บริโภคนั้นมีความหลากหลายมาก ในเรื่องของบ้านก็เป็นเรื่องของทำเลที่ไม่มีบริษัทไหนสามารถจะยึดกุมได้ ส่วนในเรื่องของอาหารนั้น คนกินก็ต้องการอาหารที่มีรสชาติแตกต่างกันมากมายตลอดทั้งสัปดาห์ เดือนและปี ความสามารถที่จะสนองความต้องการทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ ข้อสองก็คือ การเข้ามาของบริษัทหรือกิจการใหม่ ๆ นั้นเกิดขึ้นได้เสมอและทำได้ไม่ยาก บริษัทเหล่านั้นสามารถที่จะแข่งขันและอยู่ได้ถ้ามีผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมแม้ว่าจะเป็นกิจการขนาดเล็ก ดังนั้น ทั้งสองธุรกิจนี้จึงเป็นธุรกิจที่ใครเก่ง มียี่ห้อ และอาจจะมีต้นทุนที่ถูกกว่าบ้างก็เติบโต ใครไม่เก่งก็ค่อย ๆ ถดถอยลง ความเหมือนที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของสองธุรกิจนี้ก็คือ แม้ว่าจะเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันกันอย่างสมบูรณ์ แต่ก็เป็นธุรกิจที่มี “กำไรดี” นั่นก็คือ กำไรก่อนต้นทุนค่าโสหุ้ยค่อนข้างจะสูง ดังนั้น ถ้าบริษัทสามารถขายสินค้าได้สูงพอ เมื่อหักต้นทุนค่าโสหุ้ยต่าง ๆ แล้ว บริษัทก็มักจะสามารถทำกำไรต่อยอดขายได้ค่อนข้างสูง เหตุผลที่เป็นแบบนี้ก็คือ ลูกค้าที่ซื้อบ้านหรือลูกค้าที่เข้ามากินอาหารในภัตตาคารนั้น ไม่ได้เข้ามาเพราะเรื่องของราคาเพียงอย่างเดียว คุณภาพก็เป็นสิ่งสำคัญพอ ๆ กัน ดังนั้น บริษัทสามารถตั้งราคาที่ทำให้มีกำไรที่ดีได้ และนี่ทำให้บริษัทที่มียอดขายที่ดีสามารถทำกำไรได้สูงโดยไม่ถูกแย่งชิงลูกค้าเหมือนธุรกิจโภคภัณฑ์ที่การแข่งขันขึ้นอยู่กับราคาเป็นหลัก ข้อดีของสองธุรกิจที่คล้ายกันอีกอย่างหนึ่งก็คือ การขยายตัวหรือเพิ่มยอดขายนั้น ต้องการเงินลงทุนโดยเฉพาะทุนในส่วนของผู้ถือหุ้นไม่มากนัก ในส่วนของภัตตาคารนั้น บริษัทแทบไม่ต้องใช้ทุนอะไรเลย เนื่องจากมักจะใช้วิธีการเช่าร้านและการขายก็เป็นเงินสดในขณะที่การซื้อวัตถุดิบมักเป็นเงินเชื่อ แต่ในส่วนของการสร้างบ้านขายนั้น อาจจะคิดว่าบริษัทต้องลงทุนสร้างบ้านให้เสร็จก่อนที่จะขายได้เงินมา อย่างไรก็ตาม บริษัทบ้านจัดสรรนั้นสามารถที่จะกู้เงินจากสถาบันการเงินมาซื้อที่และสร้างบ้านได้ค่อนข้างมาก ดังนั้น เงินทุนในส่วนของเจ้าของที่จะต้องใช้จริง ๆ จึงไม่มากนักเมื่อเทียบกับยอดขายหรือเทียบกับกำไรที่จะได้ สรุปก็คือ นี่ไม่ใช่ธุรกิจที่เป็น Capital Intensive หรือต้องลงทุนสูง และดังนั้น จึงเป็นธุรกิจที่ดี มาถึงเรื่องความแตกต่างของสองธุรกิจนี้ ผมพบว่าธุรกิจภัตตาคารดูเหมือนจะดีกว่าพอสมควรโดยมีประเด็นสำคัญก็คือ ธุรกิจภัตตาคารนั้นมีความสม่ำเสมอของผลประกอบการสูงกว่าธุรกิจบ้านจัดสรรมาก เหตุผลก็คือ ข้อแรก ธุรกิจภัตตาคารนั้นมีจำนวนลูกค้ามากกว่ามาก บางแห่งอาจจะมีลูกค้าเป็นล้าน ๆ ราย ในขณะที่ลูกค้าของบริษัทบ้านจัดสรรนั้นแต่ละปีอาจจะมีแค่หลักพันหรือหมื่นรายเท่านั้น นอกจากนั้น การที่ลูกค้าภัตตาคารส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้ที่ซื้อซ้ำหรือเป็นลูกค้าประจำ นี่ทำให้รายได้ของกิจการมีความสม่ำเสมอ ในขณะที่ลูกค้าบ้านจัดสรรนั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นลูกค้าใหม่และดังนั้น บริษัทจะต้องเริ่ม “นับหนึ่ง” ใหม่ทุกปี นี่ทำให้ผลประกอบการอาจจะไม่แน่นอนเนื่องจากสินค้าในปีใหม่อาจจะไม่ “โดนใจ” ลูกค้าใหม่ได้ และข้อสุดท้ายก็คือ อาหารภัตตาคารนั้น มีราคาต่ำกว่าบ้านมากและอาหารเป็นสิ่งที่เลื่อนการบริโภคไม่ได้ ดังนั้น เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ยอดขายของภัตตาคารจะถูกกระทบน้อยกว่าบ้านจัดสรรมาก ความแตกต่างที่ทำให้ภัตตาคารน่าจะเป็นธุรกิจที่ดีกว่าบ้านจัดสรรอีกข้อหนึ่งก็คือ ภัตตาคารนั้นมียี่ห้อหรือมีรสชาดอาหารและบริการที่ทำให้ลูกค้า “ติด” ได้มากกว่าบ้านจัดสรรที่ลูกค้าอาจจะให้คุณค่าของยี่ห้อน้อยกว่ามาก มองในแง่นี้ ภัตตาคารสามารถสร้างความได้เปรียบที่ยั่งยืนหรือ Durable Competitive Advantage ได้ง่ายกว่า ในขณะที่ธุรกิจบ้านจัดสรรนั้นทำได้ยาก ความแตกต่างที่สำคัญข้อสุดท้ายที่ทำให้ธุรกิจภัตตาคารน่าสนใจและทำให้มี “คุณค่า” กว่าธุรกิจบ้านจัดสรรก็คือ การเจริญเติบโตของอุตสาหกรรม เหตุผลที่การซื้ออาหารกินเป็นธุรกิจที่โตเร็วกว่านั้น เป็นเพราะรายได้ของคนไทยนั้นเพิ่มขึ้นในขณะที่ครอบครัวมีขนาดเล็กลง นั่นทำให้คนยอมจ่ายเงินกินอาหารภัตตาคารที่อร่อยกว่าและต้นทุนเมื่อเทียบกับการทำอาหารกินเองที่บ้านนั้นแคบลง แต่ในกรณีของบ้านจัดสรรนั้น อุตสาหกรรมน่าจะโตช้าลงไปเรื่อย ๆ เหตุผลเป็นเพราะคนไทยนั้นมีอัตราการเกิดน้อยลงมากและจะเริ่มเป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น ความต้องการบ้านจะค่อย ๆ ลดลงในเวลาไม่นานนัก ข้อสรุปของผมก็คือ ธุรกิจภัตตาคารนั้น โดยพื้นฐานแล้วเป็นธุรกิจที่ดีกว่าธุรกิจบ้านจัดสรรถ้าบริษัทประสบความสำเร็จ เหตุผลก็คือ มันเป็นธุรกิจที่สามารถทำกำไรได้ดีพอ ๆ กันแต่มีความสม่ำเสมอกว่ามากและมีโอกาสที่จะเติบโตตามอุตสาหกรรมได้มากกว่า ว่าที่จริงหุ้นภัตตาคารในสหรัฐหลายตัว เช่น หุ้นแม็คโดนัลด์นั้นเป็นหุ้นประเภท “ซุปเปอร์สต็อก” ที่มีมูลค่าสูงมาก ในตลาดหุ้นไทย ผมคิดว่าเพิ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของหุ้นภัตตาคารที่จะเติบโต อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นภัตตาคารนั้นก็จำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงราคาของหุ้นด้วย เพราะถึงแม้ว่ากิจการภัตตาคารในระยะยาวอาจจะดีแต่ค่า PE ก็สูงกว่าหุ้นในกลุ่มบ้านจัดสรร ดังนั้น จึงไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าหุ้นในกลุ่มไหนน่าลงทุนกว่า เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ หุ้นภัตตาคารของไทยอาจจะไม่สามารถเติบโตกลายเป็นหุ้นซุปเปอร์สต็อกก็ได้เมื่อคำนึงถึงว่าบริษัทที่เป็นอินเตอร์แบรนด์อย่างแม็คโดนัลด์หรือ KFC ต่างก็ดำเนินงานในประเทศไทยมาช้านานแล้ว การเอาชนะภัตตาคารเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
โดย
Paul VI
อังคาร เม.ย. 29, 2014 6:32 pm
0
3
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
เรื่องในวันปีใหม่ไทยและวันครอบครัว ขอให้ครอบครัวพี่หมอมุขและทุกๆ ครอบครัวมีความสุข และเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวหรือท่องเที่ยวโดยปลอดภัยด้วยนะคะ ^_* พี่หมอมุขไปพักผ่อนหลังทราบข่าวดีเรื่องเตรียมอุดมด้วย...ยินดีด้วยมากๆ เลยค่ะ นึกถึงภาพที่พี่หมอมุขนำมาลงใน fb ตอนไปนั่งรอน้องต่อเนื่องแล้ว รู้สึกชื่นชมมากเลยค่ะ....และเข้าใจเลยค่ะว่าความชื่นใจนี้..คุ้มกับการรอคอยแค่ไหน ^___^ มีหนังสือพี่หมอมุขแล้วค่ะ...ไม่มีโอกาสไปขอลายเซ็นเป็นที่ระลึกเลยค่ะ หนังสือพี่หมอมุข.jpg ขอบคุณครับ คุณนุช ขอโทษที่ตอบช้าไปหน่อยนะครับ ยัง on tour at Kansai Japan อยู่เลยครับ ^^ ขอให้คุณนุชมีความสุขมากๆ กับลูกชายสุดหล่อและ EQ ดีที่คุณนุชรักมากๆเช่นกันนะครับ ^^
โดย
Paul VI
ศุกร์ เม.ย. 18, 2014 9:59 pm
0
1
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
พรุ่งนี้น่าจะดีขึ้นจารหมอสบายดีนะครับ หายป่วยไวๆนะครับ เวลาป่วย บอกได้คำเดียวว่า บางทีเบื่อมากเลยครับ แถมยังหมดพลังชีวิตเอาดื้อๆเลย ถ้าป่วยนานๆ ขอให้หายไวๆครับ ^^
โดย
Paul VI
อาทิตย์ เม.ย. 13, 2014 8:28 am
0
1
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
สวัสดีครับ ซื้อหนังสือมาแล้วแต่ไปคนละวันกับคุณหมอ ว่าจะอ่านช่วงสงกรานต์ ไปเที่ยวแค่กาญ น้ำตกเอราวัณครับ ขอบคุณครับ ของผมก็เที่ยวยาวหน่อยครับ ให้รางวัลตัวเองนิดนึง :wink:
โดย
Paul VI
เสาร์ เม.ย. 12, 2014 4:21 pm
0
1
Re: VI บ้าน ๆ
มาทักทายพวกเราวันสงกรานต์ครับ สวัสดีปีใหม่ไทย พวกเราไปเที่ยวไหนกันบ้างครับ เดินทางปลอดภัยมีความสุขมากๆนะครับ อีก 10 วันเจอกันครับ งานนี้เที่ยวยาวให้สมกับการรอคอย Trip นี้ครับ :wink:
โดย
Paul VI
เสาร์ เม.ย. 12, 2014 4:20 pm
0
2
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
มาทักทายพวกเราวันสงกรานต์ครับ สวัสดีปีใหม่ไทย พวกเราไปเที่ยวไหนกันบ้างครับ เดินทางปลอดภัยมีความสุขมากๆนะครับ :D
โดย
Paul VI
เสาร์ เม.ย. 12, 2014 10:21 am
0
3
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
เข้ามาสวัสดีทักทายพี่ๆน้องๆเพื่อนๆครับ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจใหญ่ไปด้วยความสุขใจจนหายเหน็ดเหนื่อยเลยทีเดียวครับ :D มาแจ้งข่าวครับ วันนี้ถ้ามีโอกาสไปงานหนังสือ ก็มาทักทายกันได้นะครับ ^^ https://fbcdn-sphotos-d-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/t1.0-9/s526x296/1238750_834984393183020_4309223178468866300_n.jpg
โดย
Paul VI
เสาร์ เม.ย. 05, 2014 8:30 am
0
4
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
ผมซื้อมาแล้วนะครับ แต่ยังไม่ว่างอ่านเลยครับ ของหมอประมุขยังไงก็ดีอยู่แล้วครับ โทษทีครับ ไม่ว่างเข้ามาดูเลยครับ ตอบช้าไปนิดนึงครับ :bow: แต่อย่างไรก็ขอบคุณมากครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนไม่มากก็น้อยนะครับ ปล. ติชมกันได้นะครับ ไปที่ FB หรือ fanpage ได้ครับ :D
โดย
Paul VI
เสาร์ มี.ค. 29, 2014 12:26 pm
0
0
Re: หนังสือธรรมะกับการลงทุน ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ไม่พลาดครับ หนังสือของ อาจารย์ของพวกเราชาว VI :D
โดย
Paul VI
อังคาร มี.ค. 25, 2014 9:30 pm
0
3
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
ขอบคุณมากครับ คุณนุช ^^ เนื้อหาเป็นอย่างไร วิจารณ์ได้นะครับ เผื่อเอาไว้ปรับปรุงเล่มหน้า 555 ( ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ อิอิ ) ช่วงนี้ยังคงวุ่นเสมอต้นเสมอปลายครับ ไปอบรมมาก็มีการบ้านแถมมาให้อีก :o วันเสาร์หน้า 5 เมษา งานสัปดาห์หนังสือ ที่บูธ se ed ผมไปที่นั่นตอน 4 โมงเย็นนะครับ ถือโอกาสเชิญพี่ๆน้องๆ ล่วงหน้าเลยครับ :D
โดย
Paul VI
อังคาร มี.ค. 25, 2014 8:57 am
0
1
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
ขอบคุณครับที่มีกระทู้แนะนำหนังสือ มีข้อคิดเห็นประการใดเชิญแลกเปลี่ยนกันได้ครับ ^^ http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=15&t=57275 ผมซื้อมาแล้ว.. อ่านง่ายดีครับคุณหมอ :D ขอบคุณครับ น้องสายชล :D ขอโทษทีครับ ช่วงนี้ภารกิจรัดตัวมากมาย เพิ่งได้เข้ามาตอบนี่ล่ะครับ :?
โดย
Paul VI
เสาร์ มี.ค. 22, 2014 8:10 am
0
1
Re: Liverpool FC, แฟนหงส์ The Kop ทั้งหลายมาทางนี้
ปีนี้ขอไปแชมเปี้ยนลีก ก่อนแล้วกัน แชมป์พรีเมียร์ ค่อยว่ากันอีกทีครับ (ห่างหายไปนานเลย) :lvp: :lvp: :lvp:
โดย
Paul VI
จันทร์ มี.ค. 17, 2014 11:57 am
0
0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
ขอบคุณครับที่มีกระทู้แนะนำหนังสือ มีข้อคิดเห็นประการใดเชิญแลกเปลี่ยนกันได้ครับ ^^ http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=15&t=57275
โดย
Paul VI
อาทิตย์ มี.ค. 16, 2014 9:25 pm
0
1
Re: Money talk@SET15Mar14เจาะหุ้นเด่นConsumer,เศรษฐกิจ-หุ้นไ
ขอบคุณมากครับ ^^
โดย
Paul VI
อาทิตย์ มี.ค. 16, 2014 10:20 am
0
1
Re: "มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณภาพ" ของหมอประมุขวางแผง
ซื้อมาแล้ว วันหล้งจะเอาหนังสือไปขอลายเซ็นครับพี่มุข ตอนนี้ขอเลียนแบบการลงทุนอย่างมีคุณภาพไปก่อน^^ ขอบคุณมากครับ มีโอกาสเจอพี่ ไม่ว่าที่ไหน ไม่ต้องเกรงใจนะครับ ^^ ขอบคุณพวกเราทุกท่านครับ. ถือเป็นเล่มที่ผ่านประสบการณ์จากคนที่ไม่เคยรู้เรื่องการลงทุนแบบพื้นฐานที่ถูกต้องมาก่อน เข้ามาพัฒนา เรียนรู้ แลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ชาว vi จนพอจะมีประสบการณ์แบ่งปันและเป็นอีกตัวอย่างให้กับเพื่อนๆนักลงทุนครับ จะบอกว่าก็ที่แห่งนี้ล่ะครับ thaivi.org ของเรานี่ล่ะครับ. ที่ช่วยบ่มเพาะให้ความรู้มาจนมีวันนี้ได้ ขอบคุณตัวอย่างดีๆของ vi รุ่นพี่ ที่ส่งมาต่อให้รุ่นผม และก็ส่งต่อไปจากรุ่นสู่รุ่นครับ ^^
โดย
Paul VI
เสาร์ มี.ค. 15, 2014 10:42 pm
0
12
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
เรื่องหนึ่งที่พ่อแม่ไม่ควรละเลยคือ การสอนลูกให้ใช้เงินเป็น เพราะในอนาคตเมื่อลูกเติบโตขึ้น แต่ไม่รู้จักวิธีใช้หรือบริหารเงินที่ถูกต้อง เงินที่มีอยู่ก็มีโอกาสที่จะลดลงได้ง่าย วันศุกร์ 11 มกราคม 2556 เวลา 06:05 น. ลูกนับว่าเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ทุกคน การจะเลี้ยงดูลูกให้เติบใหญ่และประสบความสำเร็จต้องอาศัยการสั่งสอนในหลายๆ เรื่อง และเรื่องหนึ่งที่พ่อแม่ไม่ควรละเลยคือ การสอนลูกให้ใช้เงินเป็น เพราะในอนาคตเมื่อลูกเติบโตขึ้น แต่ไม่รู้จักวิธีใช้หรือบริหารเงินที่ถูกต้อง เงินที่มีอยู่ก็มีโอกาสที่จะลดลงได้ง่าย เราจึงนำ 8 เทคนิคง่ายๆ เพื่อสอนเรื่องการใช้เงินเบื้องต้นมาฝากกันค่ะ 1. ทำบัญชีรายรับรายจ่าย เทคนิคในการจัดการเงินทองขั้นตอนแรกที่พ่อแม่ควรสอนลูกคือ การทำบัญชีรายรับรายจ่าย ซึ่งจะช่วยให้เด็กรู้ว่า เงินค่าขนมที่ได้รับในแต่ละวันถูกใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง เช่น ค่าขนม ค่าอาหาร หรือค่าเดินทาง หากเงินที่ได้รับในแต่ละวัน ไม่พอใช้จ่าย บัญชีรายรับรายจ่ายจะช่วยให้ทราบว่า ควรปรับลดค่าใช้จ่ายส่วนใด เพื่อให้เงินค่าขนมที่ได้รับในแต่ละวันเพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น 2. ออมก่อนใช้ เมื่อได้รับเงินค่าขนม เด็กๆ มักจะใช้เงินที่มีจนหมด และไม่เหลือเก็บออม การสอนให้ลูกออมเงินเพื่อเป้าหมายต่างๆ เป็นสิ่งที่จะช่วยปลูกฝังนิสัยรักการออมของลูกได้ ยกตัวอย่างเช่น หากลูกอยากได้จักรยานราคา 1,500 บาท พ่อแม่ควรสอนให้ลูกออมเงิน โดยวิธีการออมที่จะช่วยให้ไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้นคือ การตั้งเป้าหมายและออมก่อนใช้ เช่น ลูกได้รับเงินค่าขนมสัปดาห์ละ 300 บาท การหักเงินเพื่อออมสำหรับค่าจักรยานก่อนใช้จ่ายสัปดาห์ละ 30 บาท จะช่วยให้ลูกสามารถออมเพื่อจักรยานได้ภายใน 1 ปี ซึ่งจะทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจกับของที่ซื้อได้ด้วยเงินเก็บของตัวเอง 3. ซื้อเฉพาะสิ่งของที่จำเป็น ของเล่นกับเด็กมักเป็นของคู่กัน บ่อยครั้งที่พ่อแม่มักใจอ่อนเมื่อลูกร้องขอให้ซื้อของเล่นที่ตนอยากได้ การซื้อของเล่นให้เป็นประจำจะทำให้ลูกไม่รู้จักค่าของเงิน และอาจสร้างนิสัยใช้จ่ายฟุ่มเฟือยให้เกิดขึ้นเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ การปฏิเสธคำขอร้องให้ซื้อของเล่นและอธิบายถึงการใช้เงินในการซื้อของที่จำเป็นจะช่วยสร้างนิสัยที่ดีในการใช้จ่ายเงิน นอกจากนี้ พ่อแม่ยังสามารถให้ของเล่นเป็นรางวัลให้กับลูกในการทำความดีต่างๆ เช่น สอบได้คะแนนดี หรือช่วยทำงานบ้าน เพื่อให้ลูกรู้จักถึงคุณค่าของการทำความดีและรู้ถึงคุณค่าของของเล่นที่ได้รับ 4. อย่าซื้อสินค้าเพราะของแถม สติ๊กเกอร์ ของเล่น หรือตุ๊กตา ของแถมเหล่านี้มักล่อใจให้เด็กๆ ซื้อขนมเกินความจำเป็น บางคนถึงขนาด ทิ้งขนมเพื่อเอาแต่ของแถมเลยก็มี พ่อแม่จึงควรสอนให้ลูกอย่าซื้อขนมเพื่อของแถม เพราะเป็นการใช้จ่ายเงินที่สิ้นเปลือง โดยควรเก็บเงินที่จะซื้อขนมพ่วงของแถมมาออมเพื่อซื้อของเล่นชิ้นใหญ่จะดีกว่า 5. รู้จักการซื้อของแบบปลีกและส่ง เทคนิคในการเลือกซื้อของอย่างง่ายๆ ที่พ่อแม่สามารถแนะนำให้ลูกทำได้คือ การซื้อของแบบหลายชิ้นหรือยกโหลจะได้ราคาต่อชิ้นที่ถูกกว่าการซื้อแบบชิ้นเดียว โดยเทคนิคนี้จะใช้ได้ดีกับสินค้าที่เราใช้เป็นประจำเป็นจำนวนมากเช่น ดินสอ สมุด เป็นต้น สมมติ ดินสอราคาแท่งละ 5 บาท ซื้อยกโหลจะได้ราคาโหลละ 50 บาท หากใช้ดินสอเดือนละ 5 แท่ง พ่อแม่ควรซื้อแบบยกโหล เพราะใช้เพียง 2 เดือนครึ่ง ดินสอ 1 โหลก็จะหมดไป และจะช่วยให้ประหยัดเงินได้โหลละ 10 บาท อย่างไรก็ดี ของบางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องซื้อยกโหล เพราะมีอายุการใช้งานที่นาน เช่น ยางลบหรือไม้บรรทัด การซื้อแบบยกโหลอาจทำให้ซื้อของมามากเกินความจำเป็นได้ 6. ซื้อสดดีกว่าซื้อผ่อน เพราะนอกจากจะได้ราคาสินค้าที่ถูกกว่าแล้ว ยังไม่ต้องเป็นหนี้ธนาคารหรือสถาบันการเงินไหนอีกด้วย ผิดกับการซื้อด้วยเงินผ่อนที่ราคามักจะสูงกว่าการซื้อด้วยเงินสด เพราะคนขายบวกดอกเบี้ยเพิ่มเข้าไป เพื่อให้คุ้มค่ากับการรอคอยที่ได้รับเงินชำระค่าสินค้านาน ทำให้ราคาขายสินค้าด้วยเงินผ่อนสูงกว่าการขายสินค้าเงินสด ดังนั้น หากยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้สินค้า อาจเก็บเงินไปก่อนเพื่อซื้อด้วยเงินสด เพื่อหลีกเลี่ยงภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย 7. รู้จักกับการใช้บัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิต บ่อยครั้งที่พ่อแม่มักทำบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตให้ลูกไว้กดเงินหรือรูดซื้อสินค้าต่างๆ แต่การใช้บัตรเหล่านี้อย่างไม่ระมัดระวังอาจทำให้ลูกใช้เงินเกินตัว พ่อแม่จึงควรสอนให้ลูกใช้บัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตเพื่อซื้อสินค้าที่จำเป็น ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย รวมทั้งความปลอดภัยในการใช้บัตร เช่น การเปลี่ยนรหัสบัตรเอทีเอ็มเป็นประจำ ไม่บอกรหัสบัตรกับเพื่อนๆ การเซ็นด้านหลังบัตรเดบิต รวมถึงการดูแลรักษาบัตรไม่ให้สูญหาย ซึ่งจะช่วยให้พ่อแม่อุ่นใจได้ว่า เงินที่ตนตั้งใจฝากไว้ให้ลูกใช้จ่ายจะไม่ตกไปอยู่ในมือของมิจฉาชีพ 8. แบ่งปันให้กับผู้ด้อยโอกาส เมื่อเด็กๆ เติบโตขึ้นมักจะมีของเล่นที่ไม่ใช้แล้ว การนำของเล่นเหล่านี้ไปบริจาคให้กับผู้ด้อยโอกาส เช่น สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หรือ เด็กพิการ นอกจากจะใช้ของเล่นที่มีอยู่ให้คุ้มค่าแล้ว ยังเป็นการสอนให้ลูกรู้จักการแบ่งปันให้กับผู้อื่น และยังให้ลูกได้รู้ถึงคุณค่าของสิ่งของหรือของเล่นที่ตนเองมี สอนลูกเรื่องใช้จ่ายเงินไม่ใช่เรื่องยาก โดยพ่อแม่สามารถสอนสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกได้ตั้งแต่อยู่ชั้นประถมศึกษาไปจนถึงมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ พ่อแม่สามารถสอนลูกให้รู้จักกับการออมและลงทุน เช่น การเปิดบัญชีเงินฝาก หรือการเริ่มต้นในกองทุนรวม เพื่อช่วยให้เงินที่เก็บออมมางอกเงยเป็นเงินก้อนใหญ่ได้รวดเร็วขึ้นค่ะ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล ธนาคารกสิกรไทย ได้ที่
[email protected]
และ เว็บบอร์ด K-Expert ซึ่งจัดทำขึ้นผ่านทางเว็บไซต์ www.askKBank.com/K-Expert และติดตามข่าวสารการเงินได้ที่ Twitter@KBank_Expert อุมาพันธุ์ เจริญยิ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล เอามาฝากพวกเราจาก fanpage ของผม ^^
โดย
Paul VI
ศุกร์ มี.ค. 14, 2014 2:20 pm
0
3
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
ถ้าถามว่า...ใครกันที่ รวย ที่สุดในประเทศไทย? คำตอบนั้นคงต้องยกให้แด่ “เจ้าสัว แห่งซีพี” ซึ่งคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก วันเสาร์ 11 มกราคม 2557 เวลา 00:00 น. ถ้าถามว่า...ใครกันที่ รวย ที่สุดในประเทศไทย? คำตอบนั้นคงต้องยกให้แด่ “เจ้าสัว แห่งซีพี” ซึ่งคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก แล้วรู้ไหมว่าใคร รวย ที่สุดในโลก? บิลเกตส์หรือ? วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็ไม่ใช่... นิตยสารฟอร์บส์ได้จัดอันดับมหาเศรษฐีประจำปี 2556 แต่ผลปรากฏ บิล เกตส์ กลับครองเพียงอันดับ 2ในขณะที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ร่วงมาอยู่ที่อันดับ 4 ส่วนเจ้าสัวซีพีอย่าง ธนินท์เจียรวนนท์ ติดอันดับที่ 58! จำชื่อให้ดีอภิมหาเศรษฐีของโลกนั้น เขาคือ คาร์ลอส สลิม เจ้าของธุรกิจสื่อสารชาวเม็กซิกัน ที่ครั้งนี้ครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสูงถึงกว่า 2.3 ล้านล้านบาท แล้วเขาทำได้อย่างไร? มาไขเคล็ดลับสู่เส้นทางเศรษฐีฉบับคาร์ลอสกันเถอะ แรกเริ่มคาร์ลอสได้รับการปลูกฝังจาก คุณพ่อให้มีความรับผิดชอบและมี วินัยทางการเงิน ตั้งแต่เด็กโดยสอนให้เขารู้จักจด “รายรับ-รายจ่าย” ในแต่ละวัน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดที่จะทำให้รู้จักบริหารจัดการทรัพย์สิน และถือเป็นกุญแจดอกสำคัญที่ช่วยไขไปสู่ความมั่งคั่งได้ ด้วยความ ขยันและมีวินัย ของคาร์ลอสซึ่งพิสูจน์ได้จาก การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ทุก วันอย่างต่อเนื่องทำให้เขาสังเกตเห็น จุดรั่วไหลของเงิน ได้อย่างชัดเจนและอุดรูรั่วนั้นได้อย่างตรงจุด นอกจากนั้นยังเพิ่มอุปนิสัยของการเป็น คนรู้จักคิดก่อนซื้อ ขึ้นมาอีกด้วย เคยสังเกตไหมว่าเงินมักออกจากกระเป๋าง่ายเสมอ ทันทีที่มีความต้องการ อยากจะซื้อ แม้หลายครั้งข้าวของเหล่านั้นกลับมากองให้ฝุ่นจับอย่างไร้ประโยชน์ หากคิดมุมกลับถ้าตัดสินใจไม่ซื้อของ ชิ้นนั้น เงินที่จะต้องหลุดลอยไป ก็จะยังคงเป็น เงินออม สำหรับนำไปต่อยอดเสริมความมั่งคั่งได้สบาย มองง่าย ๆ ผ่านมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง ซึ่งได้รับเงินเดือน 20,000 บาท ผ่านมา 1 ปี กลับไม่มีเงินเก็บ ก็เลยทดลองจดบันทึกรายรับ- รายจ่ายดูบ้าง เพียง 1 เดือนเขาพบว่า ทุกวันต้องจ่ายค่ากาแฟแก้วละ 40 บาท และจ่ายค่าโดยสารมอเตอร์ไซค์รับจ้าง 20 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,800 บาท/เดือน ถามว่า “จำเป็นต้องดื่มกาแฟ และนั่งมอเตอร์ไซค์หรือไม่?” คำตอบคือ “ไม่จำเป็น” และนั่นคือ “รูรั่วของค่าใช้จ่าย” เขาตั้งใจ อุด รูรั่วนั้นด้วยการ เลิก ซื้อกาแฟในร้านหรู แต่หันมาทานกาแฟร้านเล็ก ๆ รับรองว่าอร่อยเหมือนกัน แถมยังสบายกระเป๋ากว่า และ งด ใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างแต่หันมาเลือกที่จะเดินแทน ไม่ต้องเสียเงินค่าฟิตเนสและยังได้ออกกำลังกายประโยชน์มากมายได้ถึง 2 ต่อ!!! เดือนต่อมาเขามีเงินเก็บ 1,800 บาทผ่านไป 1 ปี มีเงินเก็บ 21,600 บาท หากต้นปีนำเงินไปลงทุนได้รับผลตอบ แทน 10% ผ่านไปอีก 1 ปี เขาจะมีเงินเก็บเกือบ 24,000 บาท!! ถ้าบวกกับเงินเก็บของปีที่เพิ่งผ่านมา พบว่า เวลาผ่านไปแค่ 2 ปีแต่เขามีเงินออมเกือบ 50,000 บาท อยากทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายต้องทำอย่างไร? เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยสมุดเพียง 1 เล่ม ตีตาราง 4 ช่อง บันทึกวัน เดือน ปี/รายรับ/รายจ่าย/ช่องบันทึกช่วยจำสั้น ๆ เมื่อครบ 1 เดือนก็จะรู้ถึงพฤติกรรมการใช้เงินว่าส่วนใหญ่ใช้จ่ายไปด้วยเหตุผลหรืออารมณ์ เส้นทางเศรษฐีไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดใครที่เคยทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายมักจะรู้ดี เพียงมีเป้าหมายหากขาดความ จำ ความ อดทน และความมี วินัย อย่างสูงสุด ก็คงไปได้ไม่ถึงฝั่งฝัน ดังนั้นการสร้างนิสัยให้ ขยันจด นั้นไม่ง่าย แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำได้ดี กลับเป็น ขยันจ่าย เสียมากกว่า “อยากเป็นเศรษฐี เริ่มต้นได้ แค่เริ่มจด” แล้วคุณจะพบเส้นทางสู่ความมั่งคั่งฉบับคาร์ลอสอย่างแน่นอน. http://www.dailynews.co.th/Content/Article/207635/%E0%B8%88%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B5
โดย
Paul VI
ศุกร์ มี.ค. 07, 2014 9:25 pm
0
5
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
ขอบคุณคุณนุชครับ ที่เป็นกำลังใจให้ครับและขอบคุณพวกเราทุกคนด้วยนะครับ ที่ส่งกำลังใจให้เป็นระยะๆ ^^ ช่วงนี้เป็นช่วงที่โกลาหลที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิตผมแล้วครับ แต่มีความสุขครับ ได้ทำอะไรที่ท้าทายให้กับตัวเอง ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนทั้งสิ้นครับ แต่ผมเชื่อมั่นว่า ไม่มีอะไรในโลกใบนี้ที่เราทำไม่ได้ ... ถ้าเราจะลงมือทำครับ มีเวลาจะเข้ามา update เป็นช่วงๆครับ ปล. ตอนนี้ผมมี Facebook fanpage แล้วครับ สามารถกดติดตามได้ที่ https://www.facebook.com/PramukVong ได้เลยครับ ^^
โดย
Paul VI
ศุกร์ มี.ค. 07, 2014 3:03 pm
0
3
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
ช่วงนี้คงจะต้องอภัยเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ VI ที่คงต้องขอทำภารกิจสำคัญที่มากกว่าเรื่องหุ้นในตอนนี้ครับ เป็นภารกิจที่รอคอยมาเป็นแรมปีครับ พร้อมกับภารกิจหน้าที่ใหม่ที่ท้าทายเพิ่มขึ้นมาในชีวิต เป็นประสบการณ์ที่ดีที่จะสะสมในไมล์ชีวิตที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ จากทำไม่ได้เป็น เมื่อคนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้ เจอกันอีกทีปลายเดือนเลยครับ ^^
โดย
Paul VI
อังคาร มี.ค. 04, 2014 8:45 am
0
4
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
updated: 24 ก.พ. 2557 เวลา 12:54:44 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ถ้าการใช้เงินไปกับการโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลในปี 2557 นี้มีมูลค่าเฉียด 6 พันล้านบาท ตามการคาดการณ์ของสมาคมโฆษณาดิจิทัล (เพิ่มขึ้น 38%จากปีที่แล้ว) เชื่อว่าธุรกิจออนไลน์คงคึกคักไม่เบา ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่ไม่สู้จะสดใสนัก "ออนไลน์" นับเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะสะดวก ประหยัด (กว่า) และเข้ากับยุคสมัยชนเผ่าหัวก้ม (นิยามเด็กติดสมาร์ทโฟน) "ปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์" ผู้อำนวยการธุรกิจกลุ่มอินเทอร์เน็ต บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พฤติกรรมการซื้อสื่อออนไลน์ของบริษัทต่าง ๆ ในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ปัจจุบันลูกค้าเริ่มถามหาวิธีวัดผลการทำตลาดแบบดิจิทัล เช่น ดูจำนวนคนคลิกโฆษณา เป็นต้น รวมถึงให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าของโฆษณามากกว่าการเน้นให้แบนเนอร์โฆษณาโดดเด่นสุด และเปลี่ยนจากการลงโฆษณาในออนไลน์แบบพื้นฐานมาเป็นการนำสื่อออนไลน์ไปต่อยอดกับสื่ออื่น ๆ เช่น การคลิกที่แบนเนอร์แล้วเชื่อมไปที่หน้าแฟนเพจ, การตั้งข้อแม้ให้ลูกค้าแชร์ภาพก่อนจึงจะสามารถร่วมสนุกกับกิจกรรม เป็นต้น เรียกว่าเป็นการต่อยอดจากแบนเนอร์ไปสู่แฟนเพจ, จำนวนยอดไลก์, กิจกรรมการตลาด, และโซเชียลเน็ตเวิร์กอื่น ๆ ของแบรนด์นั้น ๆ อย่างเต็มรูปแบบ "พฤติกรรมการรับสื่อโฆษณาของผู้บริโภคเองก็เปลี่ยนไป บางคนที่มีความรู้เรื่องการใช้อินเทอร์เน็ตอาจนำโปรแกรมบล็อกโฆษณาเข้ามาใช้งาน หรือหากผู้ใช้เว็บไซต์จำได้ว่าตำแหน่งใดเป็นพื้นที่โฆษณาก็จะไม่อ่านเนื้อหาส่วนนั้น ลูกค้าที่มาลงโฆษณาจะเน้นให้โฆษณาเชื่อมกับเนื้อหาในเว็บ หรือเนียนไปกับเว็บทำให้เอเยนซี่โฆษณา และเว็บไซต์ทำงานยากขึ้น เว็บต้องใช้ความโดดเด่นของตัวเองดึงดูดลูกค้า เช่น คนอ่านข่าวในเอ็มไทยจะรู้ว่าข่าวเราเป็นสไตล์จิกกัด การโฆษณาก็ต้องให้เป็นไปในรูปแบบเดียวกัน" "ปฐมพงศ์" เชื่อว่าตลาดโฆษณาดิจิทัลประเทศไทยปีนี้ยังเติบโตจากการที่บริษัทเอกชนเริ่มให้ความสนใจกับการใช้สื่อออนไลน์ในการทำตลาดมากขึ้น มีการจัดสรรงบประมาณให้อย่างชัดเจน เนื่องจากวัดผลได้ และติดตามพฤติกรรมของลูกค้าได้ จึงเปลี่ยนจากการใช้เงินไปกับสื่อโฆษณาทั่วไปมาลงเว็บไซต์ หรือนำสื่อออนไลน์ไปเชื่อมโยงกับกิจกรรมการตลาดในสื่ออื่น ๆ "ปัจจัยลบคงเป็นเรื่องกำลังซื้อที่ลดลงและสถานการณ์การเมืองทำให้ธุรกิจชะลอการทำตลาด แต่ช่วงนี้ของปีการใช้เงินกับการโฆษณาจะค่อนข้างน้อย เมื่อมีสถานการณ์การเมืองยิ่งเห็นชัด หากไม่มีอะไรรุนแรงไปกว่านี้ เม็ดเงินโฆษณาคงกลับมาได้ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์" สำหรับการเปลี่ยนผ่านของระบบโทรทัศน์จากแอนะล็อกไปยังดิจิทัล "บิ๊กบอสโมโน" มองว่า ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลต่างต้องสร้างจุดเด่นของตัวเองเพื่อให้คนจดจำได้ จึงเป็นไปได้ที่จะแบ่งงบประมาณการตลาดบางส่วนมาใช้กับสื่อโฆษณาดิจิทัล รวมถึงใช้กลยุทธ์ใช้สื่อที่มีในมือทุกสื่อเชื่อมเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์, นิตยสาร และออนไลน์ ด้าน "อภิศิลป์ ตรุงกานนท์" ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ เว็บไซต์ พันทิปดอทคอม มองว่า การเติบโตของตลาดโฆษณาดิจิทัลปีนี้น่าจะมาจากการที่งบประมาณการตลาดในอุตสาหกรรมสื่อประเภทอื่นมีการแบ่งมายังสื่อออนไลน์มากขึ้น "กูเกิลและเฟซบุ๊กเป็นสื่อโฆษณาดิจิทัลที่นักโฆษณานิยมใช้ โดยกูเกิลเน้นเพื่อเพิ่มยอดขาย ขณะที่เฟซบุ๊กเน้นเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า ส่วนโฆษณาแบบดิสเพลย์แอดใช้เพื่อสร้างความรับรู้ให้แบรนด์ ปีนี้คาดว่าองค์กรต่าง ๆ จะทุ่มงบไปกับการสร้างคอนเทนต์สำหรับการทำตลาดมากขึ้น เพราะโฆษณาที่จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคอนเทนต์ว่าโดนใจคนทั่วไปหรือไม่ เกาะกระแสหรือเปล่า ที่สำคัญคือต้องตรงกลุ่มเป้าหมาย หากคอนเทนต์น่าสนใจ คนก็จะบอกต่อไปกันเอง" สำหรับพฤติกรรมการรับสื่อโฆษณาในเว็บ "พันทิปดอทคอม" ผู้ใช้งานคลิกเข้าไปดูโฆษณาจากป้ายดิสเพลย์แอดเพียง 0.06% เว็บจึงต้องปรับกลยุทธ์ด้วยการเพิ่มพื้นที่โฆษณาตำแหน่งใหม่ ให้อยู่ระหว่างพื้นที่แนะนำหัวข้อกระทู้หน้าแรกของเว็บไซต์ ส่งผลให้ผู้ใช้เว็บไซต์พันทิปคลิกเข้าไปดูโฆษณาในตำแหน่งนี้มากขึ้น เพราะมีที่อยู่ในตำแหน่งที่ผู้ใช้อยากคลิก และทำให้เป็นโฆษณาเชิงกิจกรรมที่มีเนื้อหาหรือรูปบางส่วนเชื่อมโยงกับเนื้อหาของกระทู้ในพันทิป "รายได้รวมของพันทิปปีที่แล้วโตขึ้น 30% เพราะเปิดตัวรูปแบบการขายโฆษณาแบบซีพีเอ็ม (Cost Per Impression) ทำให้ได้พื้นที่โฆษณาเพิ่มขึ้น จากเดิมเน้นขายแบบเช่าเหมาพื้นที่ รายได้รวมปีนี้น่าจะโตจากปีก่อน 10% เนื่องจากไม่มีแผนเพิ่มพื้นที่โฆษณา หรือปรับราคา" หันมาฟังความเห็นของยักษ์อีคอมเมิร์ซไทยอีกรายบ้าง "ทิวา ยอร์ค" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีเอฟ มาร์เก็ตเพลส จำกัด ผู้ให้บริการ Dealfish เว็บไซต์ซื้อขายสินค้าผ่านออนไลน์แบบซีทูซี (Consumer to Consumer) กล่าวว่า Dealfish จะยังคงใช้สื่อออนไลน์เป็นสื่อหลักสำหรับทำการตลาด เนื่องจากมองว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนมาใช้สื่อออนไลน์มากขึ้น แต่บริษัทยังมีโฆษณาผ่านสื่อออฟไลน์เช่นกัน "ปัจจัยบวกสำหรับตลาดการโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลปีนี้คือจำนวนคนใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากระดับราคาสมาร์ทโฟนถูกลง และเครือข่าย 3G ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น ทำให้คนไทยเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ทั่วประเทศ หลายฝ่ายคาดว่าจำนวนคนใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยจะมีมากกว่าจำนวนคนใช้อินเทอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์พีซีภายในครึ่งปีแรกปี 2557 ขณะที่จำนวนคนเข้าเว็บไซต์ Dealfish ผ่านโทรศัพท์มือถือปัจจุบันมีสัดส่วนถึง 50% จากปีก่อนมีสัดส่วนเพียง 12% เท่านั้น" ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดในวงการโฆษณาดิจิทัลเริ่มจากปีที่ผ่านมา นักโฆษณาหันไปให้ความสนใจกับ "วิดีโอออนไลน์" มากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน เนื่องจากผู้บริโภคในไทยให้ความสนใจกับสื่อวิดีโอมาก ชนิดว่าวิดีโอที่มีอยู่ในโลกออนไลน์ไม่เพียงพอกับความต้องการ ทั้งไม่ได้ต่อต้านโฆษณาออนไลน์ เพราะเข้าใจว่าเป็นช่องทางหารายได้ของเว็บไซต์ แต่การนำเสนอโฆษณาต่าง ๆ ผ่านสื่อออนไลน์ต้องทำตรงกลุ่มเป้าหมาย และเหมาะสมกับผู้บริโภครายนั้น ๆ ที่น่าสนใจกว่า คือไม่ได้มีแค่บริษัทใหญ่ ที่ทุ่มเงินไปกับสื่อดิจิทัล บรรดาแบรนด์เล็กหน้าใหม่ต่างต้องการทำตลาดผ่านสื่อออนไลน์เช่นกัน รวมถึงยักษ์เสิร์ชเอ็นจิ้นโลก "กูเกิล" ก็ตั้งใจผลักดันการทำตลาดผ่านสื่อออนไลน์เต็มที่ โดย "พรทิพย์ กองชุน" หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท กูเกิล ประเทศไทย ย้ำว่า กลยุทธ์ธุรกิจปีนี้จะให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการในระดับ "เอสเอ็มบี" ที่ต้องการทำตลาดผ่านสื่อออนไลน์ เนื่องจากโอกาสธุรกิจไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกรุงเทพฯ แต่ยังมีผู้ประกอบการเอสเอ็มบีทั่วประเทศที่สนใจทำให้ธุรกิจของพวกเขามีตัวตนในโลกออนไลน์ รวมถึงต้องการทำการตลาด หรือโฆษณาออนไลน์ผ่าน Google Adwords "กูเกิล" จะร่วมมือกับพันธมิตร เช่น แบงก์กสิกรไทย, หอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ จัดงานสัมมนาใหญ่เกี่ยวกับการโฆษณาออนไลน์ให้ผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มบีให้ตระหนักถึงพลังของอินเทอร์เน็ตและการโฆษณาออนไลน์
โดย
Paul VI
อังคาร ก.พ. 25, 2014 6:33 pm
0
1
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
updated: 25 ก.พ. 2557 เวลา 15:40:27 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เปิดเผยว่า กสท.ได้เปลี่ยนแปลงกำหนดระยะเวลาการออกอากาศทีวีดิจิตอลอย่างเป็นทางการ จากเดิมในเดือนเมษายนเป็นเดือนมิถุนายน เพื่อขยายเวลาความพร้อมของผู้ประกอบการ และพิจารณาด้านกฎหมายให้รอบด้าน เนื่องจากมีผู้ประกอบการบางรายท้วงติงมายัง กสทช. เรื่องความพร้อมในการออกอากาศจากระยะเวลาที่มีอยู่ ซึ่งตามกฎหมายกำหนดต้องให้ใบอนุญาตทีวีดิจิตอลและเปิดให้บริการทีวีดิจิตอลอย่างเป็นทางการภายใน 90 วัน หลังจากปิดรับการยื่นเอกสารในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.อ.นทีกล่าวว่า ระยะเวลาออกอากาศอย่างเป็นทางการ ไม่เกี่ยวกับการกำหนดกรอบเวลาของผู้ให้บริการโครงข่ายทั้ง 4 ราย คือบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน), สถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5, กรมประชาสัมพันธ์ และสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ที่จะต้องติดตั้งโครงข่ายทีวีดิจิตอลให้แล้วเสร็จพร้อมให้บริการได้ภายในวันที่ 1 เมษายน ใน 4 จังหวัดคือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ สงขลา และนครราชสีมา ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป หากผู้ประกอบการที่ชนะการประมูลทีวีดิจิตอลรายใดที่พร้อมให้บริการ สามารถทดลองออกอากาศได้ทันที พ.อ.นทีกล่าวว่า ส่วนการทดลองออกอากาศทีวีดิจิตอล บอร์ด กสท.มีคำสั่งให้อนุกรรมการด้านกฎหมาย และที่ปรึกษาทางกฎหมายของ กสท. ศึกษาความเป็นไปได้ที่ในช่วงระยะเวลาทดลองการออกอากาศในเดือนเมษายน จะมีโฆษณาเช่นเดียวกับการออกอากาศจริงได้หรือไม่ เพราะในทางปฏิบัติ กสท.ต้องการให้ผังรายการช่วงทดลองออกอากาศเหมือนจริงทั้งหมด โดยไม่จำเป็นต้องตัดโฆษณาออก แต่กังวลว่าอาจขัดกฎหมายที่ระบุว่าการทดลองออกอากาศต้องไม่ดำเนินการในเชิงพาณิชย์
โดย
Paul VI
อังคาร ก.พ. 25, 2014 3:46 pm
0
2
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
ก้าวกระโดดของตลาดหุ้นไทย กุมภาพันธ์ 24, 2014 Filed under บทความ Posted by ดร.นิเวศน์ ในช่วงเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา หรือตั้งแต่สิ้นปี 2543 เป็นต้นมาจนถึงขณะนี้ ตลาดหุ้นไทยมีการพัฒนามาอย่าง “ก้าวกระโดด” ในเกือบทุกด้าน เริ่มตั้งแต่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ปิดที่ประมาณ 269 จุดตอนสิ้นปี 2543 ได้ปรับขึ้นมาเป็นประมาณ 1300 จุดเมื่อสิ้นปี 2556 หรือเติบโตขึ้นเกือบ 4 เท่า คิดเป็นผลตอบแทนทบต้นเฉลี่ยปีละประมาณ 13% และถ้ารวมปันผลอีกปีละประมาณ 3% ก็จะเห็นว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วง 13 ปีที่ผ่านมานั้นให้ผลตอบแทนถึง 16% ต่อปีแบบทบต้น ถ้าเราลงทุนระยะยาวต่อเนื่องมาตลอดโดยถือกองทุนรวมอิงดัชนีตลาด เงิน 1 บาทจะกลายเป็นเงินเกือบ 7 บาท ซึ่งถือว่าเป็นผลตอบแทนที่ดีและหาได้ยากมาก โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงแรกตั้งแต่เปิดตลาดในช่วงต้นปี 2518 จนถึงสิ้นปี 2543 ที่ดัชนีปรับขึ้นน้อยมาก กล่าวคือ ในช่วงเวลา 26 ปี ดัชนีตลาดปรับขึ้นเฉลี่ยเพียงปีละประมาณ 3.9% แบบทบต้น ดังนั้นต้องถือว่าในช่วงเวลา 13 ปีที่ผ่านมานั้น ดัชนีตลาดหุ้นไทยเติบโตขึ้นอย่าง “ก้าวกระโดด” และนี่ก็ตรงกับช่วงเวลาที่เศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดของประเทศที่เกิดขึ้นในปี 2540 การฟื้นตัวหรือการเติบโตของตลาดหลักทรัพย์นั้น ไม่ได้เกิดเฉพาะกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น เพราะหลังจากภาวะวิกฤติและทุกอย่างเริ่มฟื้นตัวในปี 2544 สิ่งต่าง ๆ ในตลาดหุ้นก็เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ทุก ๆ อย่างกำลังดีขึ้นอย่าง “ก้าวกระโดด” ในความรู้สึกของผม นักลงทุนที่เข้ามาหลังจากปี 2543 นั้น ผมคิดว่ามี Profile หรือมีคุณสมบัติหรือมีคุณลักษณะที่แตกต่างจากนักลงทุนที่ “เล่นหุ้น” อยู่ในตลาดก่อนวิกฤติเศรษฐกิจ เพราะพวกเขากลายเป็น “นักลงทุน” ที่เน้นการเลือกซื้อหุ้นที่มี “พื้นฐาน” การดำเนินงานที่ดี หุ้นที่มีผลการดำเนินงานขาดทุนหรือมีกำไรต่ำ มีผลประกอบการไม่แน่นอน หุ้นมีการ “ปั่น” โดยนักลงทุน “ขาใหญ่” ที่เคยเป็นหุ้น “ยอดนิยม” นั้น หมดความนิยมลงไปอย่างสิ้นเชิง นักลงทุนหน้าใหม่นั้น ไม่ใช่ “นักเก็งกำไร” ที่เข้ามาในตลาดหุ้นเพื่อที่จะ “เสี่ยงโชค” อีกต่อไป พวกเขาคือคนที่มีเงินเหลือเก็บที่ต้องการสร้างผลตอบแทนให้แก่เงินที่พวกเขาอาจจะต้องเก็บไว้เพื่อการเกษียน พวกเขาคิดว่าการฝากเงินในสถาบันการเงินที่ “ปลอดภัย” นั้น “ไม่คุ้มค่า” เพราะดอกเบี้ยแต่ละปีที่ได้รับนั้นต่ำมาก ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารที่เคยสูงกว่า 10% ต่อปีก่อนวิกฤติลดลงมาเรื่อย ๆ เหลือ 6% ในปี 2542 4% ในปี 2543 3.5% ในปี 2544 และหลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยก็ต่ำกว่า 3% มาเกือบทุกปีในช่วงเวลา 13 ปี นักลงทุนในตลาดหุ้นไทย “รุ่นใหม่” นั้น จำนวนมากเป็นคนหนุ่มสาวที่ กินเงินเดือนในบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ พวกเขาเป็นคนที่มีการศึกษาสูงและมีความคิดที่ดูเหมือนว่าจะแตกต่างกับคนรุ่นก่อน พวกเขาเป็นคน “Gen- X” ที่มีความคิด “เสรี” กล้ารับความคิดใหม่ ๆ ในทุกด้านของสังคม และสำหรับเรื่องของเงินทองแล้ว พวกเขาไม่เดินตามคนรุ่นก่อนที่มักคิดแต่ว่าหนทางแห่งความมั่งคั่งที่ดีและมีคุณธรรมนั้นจะต้อง “ท่วมไปด้วยหยาดเหงื่อ” พวกเขาเชื่อว่าหนทางแห่งความมั่งคั่งนั้นมีมากมายและมันมักจะมาจากความคิดสร้างสรรค์และ—การลงทุน และพวกเขาก็ค้นพบว่าตลาดหุ้นนั้น คือแหล่งการลงทุนที่มีประสิทธิภาพสูงและเหมาะกับพวกเขาที่สุด ตลาดหุ้นไม่ใช่แหล่ง “อบายมุข” สำหรับนักเก็งกำไรหรือนักพนันในสายตาของพวกเขาและสังคมอีกต่อไป นักลงทุนรุ่นใหม่เลิกพูดว่าตนเอง “เล่นหุ้น” แต่เป็น “นักลงทุน” คนที่ทุ่มเทและศึกษาการลงทุนเลือกแนวทางการลงทุนใหม่ที่กำลังเข้ามาสู่ตลาดหุ้นไทยที่เรียกว่า Value Investment ที่เพิ่งถูกนำมาเผยแพร่ในตลาดหุ้นไทยหลังวิกฤติตลาดหุ้นเป็นปรัชญาการลงทุนใหม่ “VI” กลายเป็นสัญลักษณ์ของความโดดเด่นของการลงทุน คุณภาพของนักลงทุนส่วนบุคคลในตลาดหุ้นไทยนั้นเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งปริมาณและคุณภาพ บริษัทจดทะเบียนก่อนปี 2544 นั้น ที่มีขนาดใหญ่ดูเหมือนว่าจะมีแต่หุ้นธนาคารพาณิชย์เป็นหลัก หุ้นกลุ่มใหญ่ที่มีอยู่ก็มักจะเป็นบริษัทที่ขายสินค้าหรือบริการที่มีลักษณะของโภคภัณฑ์ เช่น บริษัทเงินทุนและหลักทรัพย์ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจอื่น ๆ ที่มีรายได้และกำไรที่ไม่แน่นอน เรียกว่าเป็นกิจการที่มี “คุณภาพต่ำ” และเหมาะสำหรับ “เก็งกำไร” เท่านั้น แต่หลังจากการเข้าตลาดของหุ้น ปตท. ในปี 2546 ก็ดูเหมือนว่าคุณภาพของบริษัทจดทะเบียนก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป หุ้นจดทะเบียนขนาดใหญ่ของไทยเริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น เรามีกลุ่มพลังงานที่ใหญ่โตเช่นเดียวกับกลุ่มธนาคาร เรามีหุ้นที่อิงกับการบริโภคที่ไม่ใช่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ เรามีหุ้นในกลุ่มสื่อสารที่เติบโตขึ้นมาก เช่นเดียวกับหุ้นในกลุ่มค้าปลีกและอื่น ๆ ที่มีรายได้และกำไรเติบโตอย่างมั่นคง หุ้นขนาดใหญ่ที่สุด 10 อันดับในตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ประกอบไปด้วยอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันถึง 7 อุตสาหกรรม ไม่เพียงแต่ขนาดและคุณภาพของกิจการเท่านั้นที่มีการพัฒนาขึ้นอย่างโดดเด่น Corporate Governance หรือบรรษัทภิบาลของบริษัทจดทะเบียนของไทยก็มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่าง “ผิดหูผิดตา” ความโปร่งใสของผู้บริหารหรือเจ้าของบริษัทโดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่นั้นดีขึ้นมาก บริษัทขนาดกลางและแม้แต่บริษัทขนาดเล็กก็มีเรื่อง “ฉาวโฉ่” น้อยลง กรณีของการ “ปั่นหุ้น” ของผู้บริหารก็ลดลงไปมาก ว่าที่จริง CG ของตลาดหุ้นไทยในเวลานี้ได้รับการยกย่องว่าดีระดับต้น ๆ ของเอเซียโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอย่างจีนที่ยังมีปัญหามากจนนักลงทุนต่างชาติต่างก็ยังไม่สบายใจนักในการลงทุนในหุ้นจีนโดยเฉพาะในบริษัทที่เจ้าของยังเป็นเอกชน ดังนั้น พูดโดยรวมแล้วก็ต้องบอกว่า คุณภาพของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยนั้น เติบโตแบบ “ก้าวกระโดด” ในช่วง 13 ปีหลัง เรื่องสุดท้ายที่สำคัญก็คือ การหาข้อมูลและการเข้าถึงข้อมูลสำหรับนักลงทุน นี่เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีการพัฒนาไปมากหลังวิกฤติเศรษฐกิจ เริ่มตั้งแต่เวบไซ้ต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีการเผยแพร่ข้อมูลที่มีการจัดเรียงเป็นระเบียบที่ทำให้สามารถดูและวิเคราะห์ได้อย่างสะดวกย้อนหลังไป 4-5 ปี รวมถึงข้อมูลรายละเอียดอื่น ๆ ที่นักลงทุนสามารถหาเพิ่มเติมได้ทั้งจากเวบของตลาดและเวบของ กลต. ทำให้ตลาดหุ้นไทยนั้น เป็นตลาดที่นักวิเคราะห์ส่วนบุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาศึกษาบริษัทและหุ้นจดทะเบียนได้อย่างสะดวกโดยเฉพาะใน “ข้อมูลพื้นฐาน” ที่จำเป็นในการลงทุน นอกจากนั้น ตลาดหุ้นไทยยังได้สร้างโปรแกรมประจำที่เปิดโอกาสให้ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนมาพบกับนักลงทุนที่เรียกว่า Opportunity Day ซึ่งทำให้นักลงทุนส่วนบุคคลทั่วไปสามารถรับรู้ข้อมูลในรายละเอียดของบริษัท เข้าใจกลยุทธ์การดำเนินงานและรู้จักกับผู้บริหารซึ่งเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ต่อการลงทุนในแบบที่ถูกต้อง เท่าที่รู้ ยังไม่เห็นมีตลาดหุ้นที่ไหนในเอเชียที่จะเป็นเพื่อนกับนักลงทุนส่วนบุคคลขนาดนี้ การให้ข้อมูลความรู้ในบริษัทจดทะเบียนและความรู้ทั่ว ๆ ไปของตลาดทุนในบ้านเรายังขยายไปถึงสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะทางทีวีที่เรามีช่องที่เน้นการลงทุนในตลาดหุ้นโดยตรงอย่างช่อง Money Channel ของตลาดหลักทรัพย์ และยังมีทีวีช่องอื่น ๆ ที่เน้นการลงทุนค่อนข้างมากอย่างกรุงเทพธุรกิจทีวี สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วก็เกิดขึ้นหลังจากวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงประมาณ 13 ปีที่ผ่านมา และผมคิดว่านี่เป็นการเติบโตแบบ “ก้าวกระโดด” ของเรื่องข้อมูลข่าวสารในการลงทุนของตลาดหุ้นไทย ข้อสรุปสุดท้ายของผมก็คือ ในช่วง 13 ปีที่ผ่านมานั้น ตลาดหุ้นไทยได้พัฒนาและเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดในหลาย ๆ ด้านที่จำเป็นต่อการลงทุนของนักลงทุนโดยเฉพาะที่เป็นนักลงทุนส่วนบุคคลรายย่อย มันทำให้นักลงทุนค่อนข้างที่จะสบายใจในการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเปรียบเทียบกับตลาดอื่น ๆ อีกหลายตลาดที่มีพัฒนาการทางเศรษฐกิจพอ ๆ กัน และนี่ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมยังยึดกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยแม้ว่าราคาหุ้นอาจจะแพงกว่าหุ้นในประเทศอื่น ๆ โดยเปรียบเทียบในขณะนี้
โดย
Paul VI
อังคาร ก.พ. 25, 2014 3:25 pm
0
2
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
ช่วงนี้วุ่นถึงวุ่นมากครับ นานๆจะได้มา update ซักครั้งหนึ่งครับ มีโอกาสจะหาบทความดีๆมาลงอีกครับ แต่ตอนนี้บทความ อาจารย์นิเวศน์ ใช้ได้ดีและโดนใจมากสำหรับหลายคนในตอนนี้แน่ๆครับ :D โอกาสลงทุน กุมภาพันธ์ 17, 2014 Filed under บทความ Posted by ดร.นิเวศน์ นักลงทุนระยะยาวที่เป็น Value Investor นั้น โดยปกติมักจะไม่ใคร่ทำอะไรกับการซื้อ-ขายหุ้นมากนัก เขาจะ “ขยับ” ก็ต่อเมื่อมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมากไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวหุ้นหรือสภาวะแวดล้อมทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ที่ส่งผลกระทบต่อตัวกิจการหรือบริษัทจดทะเบียน การขายหุ้นนั้น โดยปกติก็มักจะเกิดจากการที่กิจการมีพื้นฐานที่แย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ หรือไม่ก็ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นจนแพงเกินพื้นฐานอย่างเห็นได้ชัด หรือไม่ก็เพราะเขาพบหุ้นตัวอื่นที่มี Value หรือคุณค่าดีกว่ามากแต่เขาไม่มีเงินสดในมือที่จะซื้อมันได้ ส่วนการซื้อหุ้นนั้น เขามักจะทำก็ต่อเมื่อเขาพบ “โอกาสในการลงทุน” ในหุ้นของบริษัทที่มีคุณสมบัติดีเด่นในระยะยาวที่มีราคาหุ้นที่เหมาะสมหรือราคาถูกกว่าพื้นฐาน หุ้นที่มีคุณสมบัติดีเด่นในระยะยาวนั้นควรมีคุณสมบัติหลาย ๆ ข้อที่สำคัญดังต่อไปนี้คือ: ข้อแรก สินค้าหรือบริการของบริษัทจะต้องมีความโดดเด่นกว่าคู่แข่งโดยตรงอย่างเห็นได้ชัด นั่นก็คือ มันเป็นสิ่งที่ลูกค้าเลือกที่จะใช้มากกว่าคู่แข่ง คนใช้รู้สึกมีความภูมิใจหรือมีความรู้สึกที่ดีที่ได้ใช้ ถ้าจะพูดง่าย ๆ ก็คือ มันเป็นยี่ห้อยอดนิยมมานานที่ผู้คนหรือคนที่ใช้ส่วนใหญ่ต่างก็ชอบและมีความเชื่อมั่นในคุณสมบัติของมันจนไม่อยากจะเลือกยี่ห้ออื่นถ้าทั้งสองต่างก็สะดวกที่จะซื้อเหมือน ๆ กัน ประเด็นสำคัญก็คือ ยี่ห้อนั้น ไม่ใช่เพียงแต่เป็นยี่ห้อที่คนรู้จักกันแพร่หลายเท่านั้น แต่ต้องเป็นยี่ห้อที่คนเลือกที่จะซื้อหรือใช้บริการเหนือกว่ายี่ห้ออื่นอย่างชัดเจน นอกจากเรื่องของยี่ห้อแล้ว กิจการที่โดดเด่นที่คู่แข่งต่อสู้ได้ยากก็คือ บริษัทที่สามารถ “ล็อค” ลูกค้าให้อยู่ในมือได้ยาวนานโดยที่คู่แข่งเข้ามาแย่งธุรกิจไม่ได้หรือแย่งได้ยาก อาจจะเพราะว่าบริษัทเป็นรายเดียวหรือน้อยรายที่ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ให้บริการในกิจการที่เป็นสาธารณูปโภค หรือบริษัทอาจจะควบคุมหรือได้ทำเลของสถานที่ให้บริการที่ดีเด่นกว่าที่คู่แข่งไม่สามารถหาได้แล้วเนื่องข้อจำกัดทางด้านที่ดิน เหล่านี้เป็นต้น ข้อสอง คุณสมบัติที่ดีเด่นในระยะยาวของกิจการก็คือ มันเป็นกิจการที่ทำกำไรได้สูงวัดจากกำไรต่อยอดขายเมื่อเทียบกับคู่แข่งโดยตรง และกำไรต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่สูงกว่า 15% ต่อปีต่อเนื่องยาวนาน ยิ่งสูงก็ยิ่งดี ข้อสาม บริษัทต้องขายสินค้าหรือบริการที่ก่อให้เกิดกระแสเงินสดที่ดี นั่นอาจจะหมายความว่า บริษัทขายสินค้าเป็นเงินสดและจ่ายเจ้าหนี้การค้าเป็นเงินเชื่อระยะยาว บริษัทมีสินค้าคงคลังน้อยเมื่อเทียบกับยอดขายหรือแทบไม่มีสินค้าคงคลังเลยเนื่องจากเป็นงานบริการ บริษัทไม่ต้องลงทุนในการ Maintain หรือบำรุงรักษาทรัพย์สินถาวรที่ใช้ในการให้บริการมากนัก และสุดท้ายก็คือ ถ้าบริษัทขยายงานหรือขยายกำลังการผลิตได้โดยไม่ต้องเพิ่มทรัพย์สินถาวรหรือเพิ่มน้อย แบบนี้ก็จะทำให้กระแสเงินสดของบริษัทดีเยี่ยมขึ้นไปอีก ข้อสุดท้ายที่ผมจะพูดถึงก็คือ กิจการยังมีการเติบโตต่อไปอีกยาวนานเนื่องจากตลาดเดิมยังไม่อิ่มตัวและตลาดใหม่ที่มีศักยภาพกำลังเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนและชัดเจนและจะต่อเนื่องไปอีกนานเนื่องจากตลาดเหล่านั้นจะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากการกำหนดตัวกิจการที่เข้าข่ายเป็นหุ้นดีที่เหมาะสมจะลงทุนระยะยาวได้แล้ว สิ่งที่จะต้องทำต่อไปก็คือ รอโอกาสที่จะซื้อหุ้นในราคาที่เหมาะสม ซึ่งโดยปกติมักจะเกิดขึ้นไม่ง่าย เหตุก็เพราะว่าหุ้นเหล่านี้เป็นหุ้นของกิจการที่คนเชื่อหรือยอมรับกันว่าเป็นบริษัทที่ดี ดังนั้น ราคาหุ้นก็มักจะไม่ถูก ค่า PE ก็มักจะสูงกว่าค่า PE เฉลี่ยของตลาด หรือของบริษัทที่ดีเหมือนกันแต่ไม่ใช่บริษัทที่ดีเลิศ เช่น มีคุณสมบัติดีบางข้อแต่ขาดบางข้อ หรือเป็นกิจการที่กำไรเติบโตเร็วอย่างเดียวแต่ความแข็งแกร่งหรือกระแสเงินสดไม่ดี เป็นต้น โอกาสที่หุ้นชั้นเยี่ยมจะมีราคาลดลงมาจนเหมาะสมที่จะลงทุนนั้นมักจะเกิดจากเหตุการณ์หรือสถานการณ์ดังต่อไปนี้ เรื่องแรกที่มักจะเป็น “โอกาสทอง” ก็คือ เกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้บริษัทเสียหาย ไม่ว่าจะเกิดจากสถานการณ์แวดล้อมหรือเกิดจากความผิดพลาดของผู้บริหารซึ่งทำให้กำไรของบริษัทลดลงมาก บางทีอาจจะถึงกับขาดทุน แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งเดียว พื้นฐานของกิจการไม่เปลี่ยนแปลง หรือเหตุการณ์นั้นสามารถแก้ไขได้ค่อนข้างแน่นอนในอนาคตไม่ไกลนัก อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นตกลงมามากจนต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานอย่างมีนัยสำคัญ กรณีอย่างนี้ เราต้องไม่รีรอที่จะซื้อหุ้นและถือไว้ อย่างน้อยจนกระทั่งบริษัทสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้แล้ว เรื่องที่สองที่มักเป็นโอกาสในการซื้อหุ้นก็คือ ตลาดหุ้นตกต่ำลงมามากและทำให้ราคาหุ้นของบริษัทที่มีคุณภาพดีเลิศตกต่ำลงไปด้วยจนคุ้มค่าที่จะซื้อลงทุนระยะยาว กรณีแบบนี้ก็เป็นเรื่องไม่ยากที่จะเข้าไปลงทุน เพราะถ้าสภาวะตลาดปรับตัวดีขึ้นแล้ว ราคาหุ้นของบริษัทที่ดีเลิศก็มักจะปรับขึ้นไปด้วย ประเด็นก็คือ ในบางครั้งที่ดัชนีตลาดตกต่ำลงแรงนั้น หุ้นของบริษัทที่ดีเลิศอาจจะไม่ใคร่ตกลงมามากนักเมื่อเทียบกับหุ้นอื่น ๆ ผลก็คือ โดยเปรียบเทียบแล้ว บางทีเราก็อาจจะอยากซื้อหุ้นตัวอื่นมากกว่า โดยอาจจะหวังว่าเมื่อตลาดปรับตัวขึ้น เราจะได้กำไรจากหุ้นตัวที่ปรับลดลงแรงกว่า อย่างไรก็ตาม โอกาสลงทุนหุ้นดีในระยะยาวในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวแรงนั้น เป็นโอกาสที่เกิดได้บ่อยพอสมควรในตลาดหุ้นไทยที่ดัชนีหุ้นผันผวนแรง เรื่องที่สามที่เป็นโอกาสในการลงทุนในหุ้นสุดยอดก็คือ ในยามที่เศรษฐกิจซบเซาหรือถดถอย ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นซบเซาและราคาหุ้นไม่ไปไหนมานาน ราคาหุ้นที่ดีเลิศเองก็นิ่งมานานและมีแนวโน้มตกลงมาเนื่องจากผลประกอบการที่เติบโตน้อยลงอันเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจและมุมมองที่เปลี่ยนแปลงไปของนักลงทุนต่อคุณสมบัติของกิจการในประเด็นของการเติบโตของบริษัท ผลก็คือ ค่า PE ของบริษัทปรับตัวลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่หุ้นกำลังร้อนแรง ถ้าเรามองดูแล้วพบว่าเศรษฐกิจในที่สุดก็จะฟื้นตัว การเติบโตของบริษัทจะกลับมาเหมือนเดิมในไม่ช้าอย่างแน่นอนเนื่องจากการขยายตัวของตลาดที่มีศักยภาพสูงที่มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นแบบเป็นเมกาเทรนด์ ในกรณีอย่างนี้ เราก็สามารถ “ทยอย” ซื้อหุ้นที่มีคุณสมบัติดีที่เราต้องการจะถือยาว เมื่อซื้อครบแล้วก็รอไปเรื่อย ๆ จนกว่าภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจะดีขึ้นและนั่นก็มักจะทำให้หุ้นชั้นยอดปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นอีกครั้งหนึ่ง เราต้องมีความมั่นใจว่า หุ้นของบริษัทที่แข็งแกร่งและมีคุณสมบัติที่ดีมากนั้น จะต้องกลับมาเป็นหุ้นที่โดดเด่นเสมอโดยเฉพาะในช่วงที่ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดีวันหนึ่งวันใดในอนาคต ผมเองคิดว่า เรื่องที่สามดังกล่าวนั้น กำลังเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ก่อนหน้านี้ที่หุ้นร้อนแรงมากทำให้หุ้นที่ดีเลิศมีราคาขึ้นไปสูงมากและอาจจะทำให้มีราคาที่ไม่เหมาะสมกับการลงทุนระยะยาว ปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจทำให้หุ้นคุณภาพดีเลิศปรับตัวลง ถ้าบริษัทเหล่านั้นเป็นกิจการที่มีคุณสมบัติครบ ซึ่งรวมถึงการเติบโตที่น่าจะยังไปต่อได้อีกมากโดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัดของไทยที่บริษัทยังไม่ได้เข้าไปอีกมาก ผมคิดว่าบริษัทเหล่านั้นจะเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะเข้าไปซื้อลงทุนระยะยาว ผลตอบแทนที่จะตามมาเมื่อสถานการณ์ต่าง ๆ กลับมาเป็นปกติน่าจะอยู่ในอัตราที่ใช้ได้โดยที่ความเสี่ยงอาจจะไม่สูงนัก
โดย
Paul VI
ศุกร์ ก.พ. 21, 2014 5:46 pm
0
2
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
ขออนุญาติแปะบทความใหม่จากบลอกของผมนะคับ ไม่ได้อัพเดตนานนนนนนมาแล้ว :mrgreen: http://reitertvi.wordpress.com/2014/02/16/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A-vi/ การวิ่งกับการลงทุนแบบ VI ผมเริ่มวิ่งอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ประมาณหกเดือนก่อน หลังจากความพยายามจะออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องล้มเหลวติดกันมาหลายรอบ ผมเพิ่งจะสังเกตได้ว่าการอดทนวิ่ง (หรือการออกกำลังกายชนิดอื่นๆ) นั้นคล้ายกับการลงทุนอย่างมุ่งเน้นคุณค่าอยู่หลายประการ ประการแรกเลยคือการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอนั้นเป็นเรื่องที่ฝืนธรรมชาติของมนุษย์ที่รักสบาย และไม่อดทนเพียงพอต่อการกระทำที่จะส่งผลดีในระยะยาว ทุกคนทราบดีว่าการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอช่วยป้องกันโรคเรื้อรังและทำให้อายุขัยโดยเฉลี่ยยาวขึ้น แต่คนที่สามารถออกกำลังกายได้อย่างต่อเนื่องกลับมีไม่มาก การลงทุนแบบเน้นคุณค่าก็เช่นเดียวกัน ทุกคนทราบดีกว่าการลงทุนในแนวนี้แทบจะการันตีความ”มั่งคั่ง”ในระยะยาว มีตัวอย่างของความสำเร็จให้เห็นมากมายทั้งระดับโลก หรือตัวอย่างในประเทศ เช่น อ.นิเวศน์ของเรา แต่ถึงกระนั้น นักลงทุนในตลาดส่วนมากกลับไม่สามารถจะยึดหลักการการลงทุนแบบนี้ไว้ได้ เพราะโดยธรรมชาติของมนุษย์ เราต้องการอะไรที่เห็นผลไว การลงทุนในหุ้นชั้นยอดจึงเป็นเรื่องน่าเบื่อ ไม่เหมือนกับการเก็งกำไรที่เห็นผลเร็วในหลักวัน หรือแม้กระทั่งหลัก”นาที” ประการที่สอง ผมยิ่งเห็นด้วยกับบทความ practice make permanent ของ อ.นิเวศน์ การอดทนวิ่ง หรือการอดทนลงทุนตามหลักการวีไออย่างเคร่งครัดนั้น เป็นเรื่องที่ทำยากในระยะแรก ผมจำได้ว่าช่วงเดือนแรกที่ผมเริ่มวิ่ง ผมมีเหตุผลมากมายที่จะ “excuse” ตัวเองจากการวิ่งในวันนั้นๆ บางทีผมก็โทษว่าอากาศหนาวไป หรือร้อนไป บางทีผมก็อ้างกับตัวเองว่าวันนี้มีงานวิชาการที่คั่งค้างที่ต้องสะสางให้เสร็จ แต่ผมจากที่ผมเริ่มกัดฟันวิ่งไปได้ประมาณสามเดือน ผมก็เริ่มมีข้ออ้างให้ตัวเองน้อยลง และการเป็นความรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว หรือออกจะไม่สดชื่นไปแทน หากวันไหนไม่ได้ออกไปวิ่ง การลงทุนแบบเน้นคุณค่าของผมก็เช่นเดียวกัน ช่วงปีแรกที่ผมเริ่มยึดถือการลงทุนแนวนี้ ก็มีอยู่หลายวาระและโอกาส ที่ผมแอบละเมิดกฎเกณฑ์ของตัวเองไปเล่นเก็งกำไรระยะสั้น หรือเล่นตามข่าวที่เพื่อนนักลงทุนรอบตัวบอกว่ามาจาก”วงใน” แต่พอเข้าถึงช่วงปีที่สองที่สาม ผลจากการ “practice” อย่างต่อเนื่องก็ทำให้สไตล์การลงทุนของผมเริ่ม “permanent” ผมกลับมีความรุ้สึกไม่มั่นใจที่จะเก็งกำไร ด้วยความรู้สึกที่ว่า “ไม่อยากขาดทุน” แม้จะเป็นเงินเพียงเล็กน้อยก็ตาม ประการที่สาม ผมรู้สึกว่าอุปนิสัยที่ดีอย่างหนึ่งมักจะนำไปสู่อุปนิสัยที่ดีอีกอย่างหนึ่ง ตั้งแต่ผมเริ่มวิ่งมาผมรู้สึกว่าอุปนิสัยในการทานอาหารของตัวเองดีขึ้นไปด้วย ผมทานอาหารในปริมาณที่ลดลงเพราะผม”เสียดาย”แคลอรี่ จากการวิ่ง ผมมักจะคิดเสมอๆว่า ถ้าเรากินเฟรนช์ฟรายจานนี้ หรือเค้กชิ้นนี้เข้าไป ที่เราอุตส่าห์วิ่งมาเมื่อตะกี้ ก็จะมีค่าเป็นศูนย์ อุปนิสัยการมองที่คุณค่าในการเลือกซื้อหุ้น ก้นำมาสู่อุปนิสัยการมองที่คุณค่าในการชื้อของในชีวิตจริง และทำให้อุปนิสัยในการจับจ่ายซื้อสิ่งของของผมเปลี่ยนไปในระดับหนึ่ง (จริงๆข้อนี้ ผมไม่ค่อยเปลี่ยนไปเท่าไร เพราะผมติดนิสัยประหยัดมาตั้งแต่เด็กๆ แต่จะกลายเป็นว่าผมกล้าใช้จ่ายมากขึ้นถ้าเห็นว่า intrinsic value ของสิ่งที่ผมจะซื้อนั้นสูงกว่าราคาที่ผมจะจ่าย) ประการสุดท้ายคือความมหัศจรรย์ของการ”ทบต้น” ในโลกของวีไอเราทราบดีว่า”เวลาคือเพื่อนที่ดีที่สุดของนักลงทุน” เพราะหากเรามีหลักการลงทุนที่แทบจะไม่มีโอกาส “ขาดทุนแบบถาวร” ถึงแม้เราเราจะกำไรปีละไม่มาก แต่ด้วยพลังของการทบต้น เมื่อเวลาผ่านไปหลายปีในที่สุดกำไรเล็กน้อยก็จะแปรสภาพเป็นความมั่งคั่งให้เรา ข้อนี้อาจจะไม่เหมือนการวิ่งซะเลยทีเดียว แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าการวิ่งอย่างต่อเนื่องทำให้สมรรถภาพของกล้ามเนื้อ ปอด และหัวใจของผมดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผมวิ่งได้เร็วขึ้น นานขึ้น โดยทีรู้สึกเหนื่อย/ทรมานลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ดีใจที่หมอแป๊ะกลับมา update ความรู้การลงทุนอีกครั้งครับ มาได้เรื่อยๆเลยนะครับ แฟนๆรออยู่ เห็นด้วยกับ การตั้งเป้าหมายและการลงมือทำครับ เกือบทุกอย่างที่มีผลดีต่ออนาคตของเรา หรือสื่งที่เราต้องทำหรือควรจำทำ มักต้องผ่านการต่อรองจากจิตใจเราเองทุกครั้ง ทั้งที่รู้ว่าดี แต่ก็จะมีข้ออ้างร่ำไป เยี่ยมครับ หมอแป๊ะ เอาประสบการณ์ชีวิตมาผนวกเข้ากับประสบการณ์การลงทุน :cool:
โดย
Paul VI
จันทร์ ก.พ. 17, 2014 2:05 pm
0
2
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
เอาบทความดีๆมาฝากครับ เครดิตจาก Mind investing blog ของน้องหมอก๊อบ ที่คุ้นเคยกันดีครับ น่าจะเป็นประโยชน์กับพวกเราทุกคนครับ นักลงทุนที่เริ่มลงทุนในตลาดหุ้น หลายคนมีเงินลงทุนตั้งต้นแค่หลักหมื่นหลักแสน มองดูแล้วหนทางสู่อิสระภาพทางการเงินช่างดูไกลแสนไกล หลายคนอยากจะมีเงินลงทุนเริ่มต้นในระดับสิบล้านหรือร้อยล้านบาท บางคนตัดพ้อกับโชคชะตา...ทำไมชีวิตเราถึงไม่ได้เกิดมามีเงินเยอะจะได้เป็นรายใหญ่ตั้งแต่ต้น แต่หนทางการอยู่รอดในตลาดหุ้นระยะยาวนั้นไม่ง่าย การมีเงินเริ่มลงทุนมากแค่ไหนไม่สำคัญเท่ากับการหาความรู้ หาประสบการณ์ และพัฒนาทักษะในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพราะคนที่เอาเงินมาลงทุนจำนวนมากโดยที่ไม่ได้มีความรู้และความสามารถในการลงทุน เงินเยอะขนาดไหน..สิบล้านร้อยล้านอาจจะไม่เหลือกลับไป ต่างกับคนที่เริ่มต้นด้วยพอร์ตการลงทุนหลักหมื่นหลักแสนที่หาความรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง พอร์ตจะเติบโตขึ้นตามลำดับ ซึ่งเป็นการเติบโตที่มั่นคง เพราะพวกเขามีความสามารถที่จะรักษาเงินต้นและทำพอร์ตให้เติบโตขึ้นไปได้ นอกจากนั้นพวกเขายังนำเงินที่ได้จากการออมมาลงทุนทำให้พอร์ตยิ่งเติบโตเร็วขึ้น ระหว่างที่พอร์ตขนาดเล็กกำลังเติบโตขึ้น นักลงทุนจะได้เรียนรู้ในระหว่างทางที่กำลังก้าวไป ได้เรียนรู้การรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน ได้เรียนรู้สภาวะตลาดในแต่ละช่วง ฝึกจิตใจที่จะรับมือกับความผันผวนในการลงทุนและการบริหารพอร์ตตั้งแต่เงินหลักแสน หลักล้าน หลักสิบล้าน หลักร้อยล้าน... ดังนั้นอย่าเสียใจที่เริ่มต้นด้วยพอร์ตขนาดเล็ก ประสบการณ์ระหว่างทางมีค่ามากมายนัก พอร์ตขขนาดเล็กสามารถกลายเป็นพอร์ตขนาดใหญ่ได้ถ้าเราไม่หยุดพัฒนาตนเองให้เป็นนักลงทุนที่มีความสามารถครับ
โดย
Paul VI
เสาร์ ก.พ. 15, 2014 10:08 am
0
3
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
'มือถือ' ดึงสารพัดกลยุทธ์ ฟื้นกำลังซื้อ-ปัดฝุ่นสต็อกรอรับรุ่นใหม่ 'โมบาย เอ็กซ์โป' เคลียร์สต็อกรอรับมือถือรุ่นใหม่ พร้อมวัดดวงกำลังซื้อท่ามกลางวิกฤติการเมือง ลุ้นฟื้นอนาคตยอดขายมือถือไทย หากเทียบกับสถานการณ์บ้านเมืองในยามปกติ เวลานี้วงการมือถือไทยควรจะเป็นช่วงเก็บดอกเก็บผลอย่างเต็มที่หลังไทยมี 3จีใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ และตัวเครื่องรุ่นใหม่ๆ ทั้งสมาร์ทโฟนและแทบเล็ตจากแบรนด์ต่างๆ ที่หวังใช้ไทยเป็นตลาดสำคัญเพื่อสร้างยอดขาย แต่เมื่อแผนไม่เป็นไปตามคาดธุรกิจที่ยังต้องเดินหน้าต่อก็ต้องปรับตัวตามระเบียบ นายโอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด ผู้จัดงาน ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป กล่าวว่า ตลาดมือถือช่วงนี้ถือว่ายังนิ่งต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา เพราะหลายแบรนด์ที่เคยทำยอดขายได้สูงๆ ก็จะร่วงหนักเฉลี่ย 30% ขึ้นไป ส่วนบางแบรนด์ที่ในสถานการณ์ปกติยอดขายไม่มากอยู่แล้วก็จะกระทบน้อย แต่ก็ยังมีอีกหลายแบรนด์ที่ยอดขายเพิ่มอยู่บ้าง เช่น แอลจี เลอโนโว และเอเซอร์ จากสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ที่นำมาเปิดตัวตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สำหรับงานโมบาย เอ็กซ์โปที่ครั้งนี้จัดระหว่างวันที่ 13-16 ก.พ. ชัดเจนว่า เป็นจังหวะที่ทุกแบรนด์จะเคลียร์สต็อกมือถือรุ่นเดิมเพื่อรอรับรุ่นใหม่ที่จะเริ่มทยอยเข้ามาหลังงานโมบาย เวิลด์ คองเกรส ที่สเปน ช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้ ทำให้คาดว่าภายในงานจะเห็นผู้ค้ามือถือส่งโปรโมชั่นออกมาเรียกลูกค้ากันดุเดือด โดยจากการตอบรับเข้าร่วมงานของผู้ค้ามือถือทุกราย รวมทั้งกลุ่มผู้ค้าจากฟากไอทีทั้งระดับดิสทริบิวเตอร์ และดีลเลอร์ ก็เข้ามาร่วมออกบูธในงานครั้งนี้เพิ่มจากเดิมถึง 30% เช่น อีซีเอส, บานาน่า ไอที, ไอที ซิตี้ หรือแม้แต่โมเดิร์น เทรด เช่น บิ๊กซี ที่ก็นำมือถือของแบรนด์ต่างๆ มาเปิดบูธขายในงานด้วย แต่ทั้งนี้ก็ยังต้องวัดดวงว่า การจัดงานในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองเอาแน่เอานอนไม่ได้ ซ้ำยังเป็นช่วงวัดหยุดยาวติดต่อกันจะส่งผลต่อบรรยากาศการซื้อขายภายในงานหรือไม่ "ยังต้องลุ้นอยู่ว่าคนจะมีอารมณ์มาเดิน มาซื้อมือถือในงานหรือไม่ แต่เราก็ยังเชื่อว่าด้วยเวลาของงานที่เพิ่งผ่านวัดหยุดยาวช่วงปีใหม่ที่คนส่วนใหญ่ออกไปเที่ยวกันมาแล้ว และการเมืองที่ผ่านวันเลือกตั้งใหญ่เมื่อ 2 ก.พ.มาแล้ว แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอะไรทำให้เราค่อนข้างมั่นใจว่า โมบาย เอ็กซ์โปครั้งนี้ยังจัดได้ และยังเป็นจังหวะดีก่อนที่จะมีของใหม่จากงานโมบาย เวิลด์ ซึ่งจะทำให้ความน่าสนใจของมือถือรุ่นเก่าลดลงไป" นายโอภาสกล่าว พร้อมกับคาดว่า งานครั้งนี้จะสามารถรักษายอดขายภายในงานได้อย่างน้อยใกล้เคียงกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา หรือราว 1,300-1,500 ล้านบาท ค่ายเกาหลีส่งนวัตกรรมประชัน ทั้งนี้ ตลาดมือถือช่วงต้นปี ไฮไลต์สำคัญยังคงอยู่ที่แบรนด์ใหญ่จากโซนเอเชียที่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นกระแสในตลาดตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาเข้ามาวางจำหน่าย นำโดย "แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด" เตรียมเปิดให้จอง "แอลจี จี เฟล็กซ์ (G Flex)" สมาร์ทโฟนจอโค้งเครื่องแรกของโลก ที่มีจุดขายด้วยดีไซน์ที่สอดรับกับสรีระมนุษย์ทั้งการมองเห็น การได้ยิน และการถือ พร้อมแบตเตอรี่ทรงโค้งความจุ 3,500 มิลลิแอมป์ และฝาหลังที่รักษารอยขีดข่วนได้ด้วยตัวเอง สัมผัสเครื่องจริงและจองเครื่องในราคา 24,990 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมรับเคสนำเข้าจากเกาหลีและฟิล์มกันรอย พร้อมกันนี้แอลจียังเปิดจอง "แอลจี จี3 โกลด์" สมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ สำหรับผู้ที่ชอบความหรูหรา เปิดจองสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น ผ่านบูธแอลจี บาย สตูดิโอโฟน, เจมาร์ท และทีจี โฟน นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นให้เลือกผ่อนชำระ 0% นาน 12 เดือนผ่านธนาคาร และแถมเคสนำเข้าจากเกาหลีและฟิล์มกันรอยสำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นที่ร่วมรายการ ด้าน "ซัมซุง อิเล็คโทรนิกส์" ก็ส่งไฮไลต์เป็นการโชว์นวัตกรรม "เอ็นเอฟซี หรือ Near Field Communication" เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้มีไลฟ์สไตล์ที่คล่องตัวมากขึ้น เช่นที่กำลังเป็นกระแสในตลาดโลกคือ การใช้เอ็นเอฟซีบนมือถือเพื่อให้สมาร์ทโฟนชำระค่าบริการต่างๆ ได้ รวมทั้งนำสมาร์ทโฟนรุ่นไฮไลต์ทั้ง “กาแล็คซี่ แกรนด์ 2” และ“กาแลคซี่ โน้ต 3" รุ่นรองรับ 4จี แอลทีอี เจาะกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ขึ้น แอดไวซ์-ไอทีซิตี้ลดสูงสุด 90% ฟาก "แอดไวซ์" ตัวแทนจำหน่ายสินค้าไอทีและสมาร์ทโฟนรายใหญ่ จัดโปรโมชั่นลดราคาสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เสริมสูงสุด 90% เช่น โซนี่ เอ็กซ์พีเรีย แอล แบล็ค จาก 6,990 เหลือ 3,990 บาท, เลอโนโว เอส820 จาก 7,500 เหลือ 3,750 บาท หรือแทบเล็ต เลอโนโว ไอเดียแท็บ เอ3000 ราคา 6,390 บาท แถมสมาร์ทโฟนเลอโนโว เอ269ไอ มูลค่า 2,190 บาท ทั้งยังมีโปรโมชั่นของแถมสำหรับสมาร์ทโฟน ไฮเอ็นด์ เช่น ซื้อเครื่องแถมเพาเวอร์ แบงก์ สำหรับกาแล็คซี่ โน้ต3, เอ็กซ์พีเรีย แซด1, ลูเมีย 1020 และวัน แม็กซ์ รวมทั้งสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์เสริมราคาพิเศษ เช่น เพาเวอร์ แบงก์ 10,000 มิลลิแอมป์จากโซนี่ ที่นำมาลดราคาจาก 2,700 เหลือ 1,395 บาท และเลือกผ่อนสินค้า 0% กับธนาคาร 6 แห่งที่ร่วมรายการ นอกจากนี้ผู้ซื้อสินค้าในงานสามารถนำเลขที่ใบเสร็จสมาร์ทโฟนหรือแทบแล็ตที่บูธแอดไวซ์ลงทะเบียนร่วมลุ้นรางวัลกับกิจกรรม “แอดไวซ์เบนซ์หล่นทับ รับโชคจากสมาร์ทโฟน” ผ่านเว็บไซต์แอดไวซ์ เพื่อลุ้นรับรางวัลสูงสุดรถเบนซ์ ซี คลาส หรือแพ็คเกจเที่ยวเกาหลี และรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สคูปปี้ไอ รวมมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท ขณะที่รายงานข่าวจากบมจ.ไอที ซิตี้ เผยว่า ไอที ซิตี้ได้นำสินค้าประเภทโทรศัพท์เคลื่อนที่ และสมาร์ทโฟน รุ่นล่าสุดจากแบรนด์ดังทุกค่าย ไม่ว่าจะเป็นแอ๊ปเปิ้ล, ซัมซุง, โนเกีย, ไอ โมบาย, อ๊อปโป้, เลอโนโว แอลจี และเชอรี่ โมบาย จัดโปรโมชั่นราคาพิเศษ เช่น เชอรี่ เรเซอร์ สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ 4.2 ขนาดจอ 4.5 นิ้ว กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ลดเหลือ 3,999 บาท รวมทั้งของแถม และกิจกรรมสำหรับผู้ซื้อภายในงาน โอเปอเรเตอร์ร่วมด้วย ในฝั่งผู้ให้บริการระบบ หรือโอเปอเรเตอร์ทั้ง 3 รายใหญ่ก็ส่งโปรโมชั่นมาประชันกันดุเดือดเพื่อดึงลูกค้า เช่น เอไอเอส 3จี 2100 ที่ลดราคาไอโฟนเหลือไม่ถึงหมื่นบาท พร้อมแพ็คเกจและโปรสุดว๊าวให้ลูกค้า หรือลดราคาไอโฟน 4เอส 8 กิกะไบต์ เหลือ 9,500 บาท เมื่อซื้อพร้อมแพ็คเกจไอโฟน เอ็กซ์แอล 670 บาท 5 เดือน รวมทั้งโปรโมชั่น ไอโฟน 5ซี ใช้ฟรีแพ็คเกจ เอ็กซ์แอล 5 เดือน พร้อมฟรีเพาเวอร์ แบงก์ ทั้งนี้ยังรวมถึงความร่วมมือระหว่างผู้ให้บริการระบบและแบรนด์มือถือ เพื่อร่วมกันผลักดันตลาด เช่น การประกาศตัวเป็นพาร์ทเนอร์กันอย่างเป็นทางการระหว่าง "เลอโนโว" และ "ค่ายทรู" พร้อมกับส่งสมาร์ทโฟนรุ่นเด่นที่กวาดรางวัลในเวทีโลกมาแล้วอย่าง "เลอโนโว ไวบ์ ซี" และ "ไวบ์ เอ็กซ์" พ่วงด้วยแพ็คเกจซื้อเครื่องพร้อมส่วนลด 50% มาช่วยกระตุ้นความสนใจให้ตลาดมือถืออีกครั้ง
โดย
Paul VI
เสาร์ ก.พ. 15, 2014 9:56 am
0
1
5591 โพสต์
of 112
ต่อไป
ต่อไป
สมาชิกกิตติมศักดิ์
ชื่อล็อกอิน:
Paul VI
กลุ่ม:
สมาชิก
ความถนัด:
แพทย์
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
อังคาร ก.ย. 18, 2007 7:17 pm
ใช้งานล่าสุด:
-
โพสต์ทั้งหมด:
10538 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.56% จากโพสทั้งหมด / 1.68 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว