-
-
striker
Joined: พฤหัสฯ. ธ.ค. 25, 2003 11:05 pm - ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - striker
-
- โพสต์ที่ตอบ
- คอมเมนต์
- ไลค์
-
-
Re: ถึงเวลาแล้วหรือยังครับ ที่Thaiviจะให้สมาชิกทั่วไปเข้าห้อ ความเห็นผมครับ ผมว่าการจะ post อะไรก็ควรจะต้องมีความรับผิดชอบ การเป็นห้องปิดในปัจจุบันมีข้อที่ผมเห็นว่าเป็นสิ่งจำเป็นอยู่อย่างหนึ่งคือ อย่างน้อยก็ยืนยันตัวตนว่าเป็นใคร ส่วนค่าสมาชิกโดยความเห็นส่วนตัว ก็ไม่ได้มากมายอะไรครับ เก็บบ้างเพื่อให้นำไปบริหารจัดการสมาคมและ website ก็ไม่ได้ติดใจอะไรครับ โดยส่วนตัวผมอยู่กับห้องนี้มากว่า 10 ปีเช่นกัน ถ้ามีคนมา post เพิ่มมากขึ้น แต่ไม่ได้มาพร้อมความรับผิดชอบ อันนี้จะเป็นอันตรายมากครับ เพราะหุ้นมันเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มหาศาล การจะต้องมีขั้นตอนเพื่อรับสมาชิก ผมเห็นด้วยครับ ถ้าเราอยู่กันมานาน น่าจะพอรู้ว่าทำไมต้องทำห้องปิดและเปิดรับสมัครสมาชิกอย่างปัจจุบันครับ โดย striker อังคาร ก.ค. 29, 2014 6:22 pm
- 0
- 4
-
-
-
Re: UNIPF อีกเรื่องที่มักชอบใช้กันประจำ คือ การประเมินมูลค่าโดยคิดจากกระแสเงินสด ของบริษัทประเมิน จริงๆ เราควรจะมีหน่วยงานมาตรวจสอบพวกบริษัทพวกนี้เหมือนกัน เพราะ ตัวเลขมาจากสมมติฐานมากมายในอนาคตซึ่งอาจจะเป็นจริงหรือไม่ก็ได้ ยกตัวอย่างกองนี้ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า สิ้นปีที่3 จะได้ occupancy rate ที่ 90% ถ้าไม่ได้ตามตัวเลขนี้ ผลตอบแทนที่บอกว่าจะได้6-7% ก็จะไม่ได้ตามนั้น หลังจากหมดช่วงการันตีผลตอบแทน เท่าที่ผมอ่านดู ไม่เห็นบอกว่าต้นทุนค่าก่อสร้างเท่าไหร่ แต่ดูจากวงเงินประกันภัยที่ 300ล้านบาท ถ้าไหม้หมดก็ได้เงินประมาณนี้ไม่นับค่าที่ดิน ในขณะที่มูลค่ากองทุนอยู่ที่ 520 ล้านบาท ถ้าใครสนใจก็ลองพิจารณาครับ โดย striker พฤหัสฯ. ต.ค. 17, 2013 9:45 pm
- 0
- 1
-
-
-
Re: UNIPF อีกเรื่องครับ ที่เมื่อก่อนผมก็เข้าใจเหมือนคนทั่วไปว่า ถ้าจะซื้อกองทุน เลือก Freehold จะดีกว่า Leasehold แต่พอมาคิดดูใหม่ว่าถ้าสินทรัพย์ดี มีคุณภาพ ในอนาคตราคามีการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เจ้าของจะขายสิทธิ์ขาดให้เราทำไม สู้ขายเป็น Leasehold ไม่ดีกว่าหรือ ยิ่งถ้ามาดู Performance ของ Property Fund ที่มีผลตอบแทนรวมปันผลและ Capital Gain แล้ว กลับพบว่า กองที่ทำผลงานดีส่วนใหญ่ จะเป็นกอง Leasehold เป็นส่วนใหญ่ อาทิเช่น CPNRF, SPF, FUTUREPF, CPNCG ในทางกลับกันกองที่เป็น Freehold ส่วนใหญ่กลับมีผลประกอบการที่ไม่ค่อยดี เมื่อเวลาผ่านไปนาน อาทิเช่น LUXF, TUPF, SSPF เป็นต้น ที่ยกตัวอย่างไม่ได้หมายความว่า ทุกกองที่เป็น Leasehold จะดีกว่า Freehold ครับ แต่ถ้าเป็นกอง Freehold ใหม่ที่เป็น ที่อยู่อาศัย หรือ สำนักงานให้เช่า ผมคงต้องดูคุณภาพสินทรัพย์ที่มั่นใจว่าจะดีในระยะยาวครับ เพราะผมคิดว่า คงไม่มีเจ้าของที่ไม่ฉลาดยอมให้นักลงทุนอย่างเราๆ ได้กำไรมาก สำหรับ Property Fund ครับ โดย striker พุธ ต.ค. 16, 2013 10:58 pm
- 0
- 3
-
-
-
Re: UNIPF ถ้าคิดจะลงทุนกองนี้ ผมว่าน่าจะลองเทียบเคียงกับกองที่มีลักษณะเหมือนกันคือ tupf ซึ่งลงทุนแถว ม ธรรมศาสตร์รังสิต ค่าเช่าทำไม่ได้ตามที่สัญญา occupancy ก็ไม่ดี ราคาค่าเช่าต่อห้องของunipf 7500 บาท ผมว่าก็สูงมากแล้ว ในอนาคต ธุรกิจนี้ปรับค่าเช่าขึ้นไม่ง่ายครับ พื้นที่แถวศาลายายังมีที่ว่างอีกเยอะ supplyใหม่ก็จะเพิ่มขึ้นตลอด อัตราผลตอบแทนที่บอกนักลงทุน กองทุนใช้ scenario ไหน ในการคำนวณ คุณภาพ asset ของหอพักนักศึกษาถือว่าไม่ได้ดีมาก เมื่อเทียบ กับบางกองที่เป็นห้าง หรือ สนามบิน นั่นจึงเป็นที่มาว่าเขาจึงปล่อยเป็นfreehold เพราะ คิดว่า ขายขาดน่าจะดีกว่า ในอนาคต appreciation คงไม่มี ถ้าจะลงทุนกองนี้ก็ลองพิจารณาดูครับ โดย striker พุธ ต.ค. 16, 2013 1:55 am
- 0
- 4
-
-
-
Re: ราชันบนหลังม้า ช่วงนี้มีพี่ๆ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายครั้งออกมาเตือน น่าสนใจว่า การขึ้นรอบนี้สุดท้ายแล้วเมื่อตลาดเกิด correction จะเป็นอย่างไร การได้กำไรจากหุ้นมันเหมือนยาเสพติด ได้แล้วก็อยากได้มากขึ้นไปอีก แต่เมื่อเสพจน overdose ก็มักจะลงแดงอาจถึงตายได้ ขอบคุณบทความดีๆครับ โดย striker อังคาร ม.ค. 22, 2013 9:24 am
- 0
- 0
-
-
-
Re: IKEA Furniture ??? พอลองกลับไปเดิน SB Index Homepro ยิ่งทำให้รู้สึกว่าผู้ประกอบการไทยเราก็เก่งไม่แพ้ผู้ประกอบการจากต่างประเทศ ถ้า Ikea ไม่ปรับตัว ยังยืนยัน Concept เดิม ที่สำเร็จมาทั่วโลก และหวังว่าคนไทยจะปรับทัศนคติให้เป็นไปอย่างที่ตัวเองต้องการ คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าจะเป็นอย่างไรครับ โดย striker เสาร์ ธ.ค. 24, 2011 11:45 pm
- 0
- 0
-
-
- 0
- 0
-
- 0
- 0
-
- 0
- 0
-
-
ทําไมกลุ่มธนาคารไม่เป็นที่นิยมของชาว VI ครับ ถ้าย้อนกลับไปในอดีต จะเห็นว่า ไม่มีเจ้าสัวคนไหนยังเป็นเจ้าของแบงค์แล้วครับ เนื่องจากต้องมีการเพิ่มฐานทุนตลอด สุดท้ายก็ต้องกระจายหุ้นออกไปให้ผู้อื่นมาช่วยเพิ่มทุน คิดในแนว VI เหมือนกับเราเป็นเจ้าของเหมือนเจ้าสัว ก็ไม่น่าจะถือยาวได้ครับ โดย striker เสาร์ เม.ย. 24, 2010 7:37 am
- 0
- 0
-
-
-
ผมควรจะทำยังไงดีกับกองทุนอสังหา SSPF ถ้าดูจาก replacement cost ผมว่าก็ไม่ได้ถูกเท่าไหร่นะครับ ราคาแถวนี้ลองคิดดู แถวๆ 4 บาท ก็เท่ากับต้นทุนการดำเนินการทั้งหมดตาม assumption ของผมเอง แต่ที่ต้องใช้จริงๆ คงไม่ใช่ replacement cost ครับ น่าจะเป็น opportunity cost มากกว่า เมื่อเปรียบเที่ยบกับการถือครองสินทรัพย์อื่นๆ ซึ่ง ตึกที่อยู่ใน location ที่ดีแบบนี้ สักวันคงจะมี occupancy rate ที่ดีขึ้นตามลำดับ แต่ต้นทุนเงิน จะวิ่งตลอดเวลา การจะไปยึดติดกับภาพราคาตั้งต้นที่ 10 บาทคงจะไม่ถูกต้องนักเพราะคนดำเนินการตอนต้นคงได้กำไรส่วนเกินไปหมดแล้ว ต้องลองชั่งใจดู โดย striker พุธ มี.ค. 24, 2010 9:08 am
- 0
- 0
-
-
- 0
- 0
-
-
ตอนนี้ผมกำลังจะสะสมหุ้น MINT อยู่ครับ พี่ๆ ช่วย Comment หุ้น แต่จาก Quote ข้างบนที่กล่าวอ้าง เกี่ยวกับ Warren Buffet เรื่อง Depreciation ผมว่าก็ต้องแยก Asset ที่ถือครองด้วยว่า ในระยะยาว มันจะ Appreciation หรือ Depreciation ถ้าเป็น รถ เครื่องจักร เครื่องบิน อันนี้ผมเห็นด้วยว่ามันเป็น Cost แต่ถ้าเป็นที่ดิน อาคาร โรงแรม โรงพยาบาล ที่ตั้งอยู่ในบริเวณ Prime Location ที่ Supply มีแต่จะน้อยลงเรื่อยๆ ราคาในระยะยาว ถ้าเกิดการซื้อขายก็น่าจะได้กำไรค่อนข้างมาก ยกตัวอย่าง BH ที่ตั้งอยู่ที่บริเวณ ซอยนานา ถือว่า Place ที่ตั้งอยู่น่าจะมี Entry Barrier พอสมควร หรือแม้แต่ โรงแรมFour Season ของ Mint ที่ตั้งอยู่ริมถนน ราชดำริ โรงแรมดังกล่าวเข้าใจว่า ค่าเสื่อมราคาของอาคารตัดหมดไปแล้ว ถ้าเกิดการซื้อขาย ราคาก็น่าจะสูงกว่าตอนลงทุนเริ่มต้นไปค่อนข้างมากเช่นกันครับ ในทางกลับกัน ทาง Asset ดังกล่าวเป็นเครื่องจักร การตีราคาตาม Book Value ก็อาจจะไม่สมเหตุสมผลมากนัก เพราะสุดท้ายถ้าเครื่องจักรเก่า หรือล้าสมัย ไม่ก็จะเป็นแค่เศษเหล็กไปโดยปริยาย โดย striker จันทร์ ก.ย. 07, 2009 1:22 pm
- 0
- 0
-
-
-
ตอนนี้ผมกำลังจะสะสมหุ้น MINT อยู่ครับ พี่ๆ ช่วย Comment หุ้น ผมว่าการมอง pe ของธุรกิจที่มี Heavy Asset Investment อย่างโรงแรมและโรงพยาบาลเราไม่สามารถจะมองกันที่ PE ได้อย่างเดียว อาจจะต้องดูในส่วนที่เป็น EBITDA ด้วยครับ เพราะถ้าดูที่งบจะพบว่า ค่า Depreciation ของ โรงแรมและโรงพยาบาลจะค่อนข้างสูง นั้นหมายความว่า นอกจากกำไรที่ได้มาในรูปของ Net Profit แล้ว เมื่อ โรงแรมและโรงพยาบาลตัดค่าเสือมหมด ก็จะได้ Asset กลับเข้ามา ซึ่ง Mint และ BH น่าจะเข้าต้องให้ PE ที่มากกว่า 10 พอสมควร เรื่อง Supply ในตลาดผมว่าก็มีเรื่องน่าห่วงและไม่น่าห่วงครับ เนื่องจากที่ผมลองตระเวนดูโรงแรมหลายๆโรง และดูงบของกลุ่มโรงแรมที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ พบว่า โรงแรมที่มี chain แข็งแรง ก็จะดีกว่าโรงแรมทั่วๆไป และก็จะได้รับผลกระทบน้อยกว่าโรงแรมที่ไม่ได้มี chain และ brand ที่แข็งแกร่ง แต่ Supply ก็ยังกดดันราคา ARR ของกลุ่มโรงแรมอยู่ดี แต่ถ้าเทียบราคาโรงแรมไทยกับ Regional แล้ว บ้านเราก็ยังมีราคาที่แข็งขันได้อยู่ครับ นอกจากนั้นเครือ Minor ก็พยายามจะปั้น Brand Anatara ให้เป็น Best Small & Luxurious Hotel ของโลก ซึ่งก็ไปได้ดีระดับนึงแล้ว ในส่วนนี้ก็จะมี Intangible Asset เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องการควบรวม 2 ธุรกิจ ผมกลับมามองว่าเป็นข้อดีนะครับ เพราะ ธุรกิจอาหารจะทำให้ Earning และ CashFlow ของบริษัทดูดีในยามที่เป็น Low Season ของโรงแรม ดังนั้นการควบรวมของ MFG กับ RGR น่าจะ 1+1>2 ครับ กลับมาดูที่ Roadmap ของกลุ่ม Mint ที่กำลังจะทำต่อไปผมว่าน่าจะเป็นผลดีระยะยาวกลับราคาหุ้นนะครับ ถ้าคุณ Bill ยังแข็งแรงและ กระฉับกระเฉงอยู่ โดย striker อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 9:12 pm
- 0
- 0
-
-
- 0
- 0
-
-
+SPF vs TFUND+ กองทุนที่เป็น Leasehold คือเราจ่ายสิทธิการเช่าเท่านั้น ถ้าเป็นรอบการจ่ายปันผลสุดท้ายของกองทุนก็จะจ่ายผลกำไรสุทธิทั้งหมดออกมาให้ผู้ถือหน่วย โดยกองทุนจะมีกฎหมายบังคับว่า จะต้องจ่ายปันผลจากกำไรสุทธิไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ทุกปี ถ้าปีสุดท้ายก็จ่ายออกมาหมดเลยครับรวมถึงกำไรสะสมด้วย แต่จริงๆแล้ว ปันผลที่ได้ทุกปี จะต้องแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนแรกเป็นกำไรที่เกิดจากค่าเช่า ส่วนที่สองเป็นการจ่ายคืนค่าสิทธิในการเช่าที่ลดลงไปเรื่อยๆ ทุกปีครับ โดย striker อาทิตย์ ก.พ. 10, 2008 7:36 pm
- 0
- 0
-
-
-
ท่านผู้ใดต้องการ Research ถึงเมล์ท่านทุกๆเช้าครับ รับฟรีครับ ขอด้วยครับ mybunpot@gmail.com ขอบคุณครับ โดย striker ศุกร์ เม.ย. 13, 2007 10:32 am
- 0
- 0
-
-
-
ขอเทียบs&p กับ Pb วันนี้ PB ตอนนี้ เข้าใจว่าน่าจะได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ลดลงพอสมควร อันเนื่องมาจาก Logistic Cost ลดลงแถมรู้สึกน่าจะได้ปรับราคาเข้าไปแล้ว นอกจากนั้นคงต้องรอการขยายโรงงาน ซึ่งน่าจะแล้วเสร็จอีก 1 ปีกว่าๆ คงจะทำให้สามารถผลิตได้มากขึ้น ผมลองเดินสังเกตตามร้านต่างๆ ก็ยังเห็นว่า ขนมปังก็ยังมีคนซื้อหมด Shelf เป็นประจำ S&P คงต้องรอว่าแผนการ Synergy กับทาง MINT เป็นอย่างไรบ้างซึ่งคาดว่าอีกสักพักคงจะเริ่มเห็นเป็นรูปธรรม นอกจากนั้น การที่ MINT ไม่ได้มี Chain Store ร้านอาหารไทย ทำให้เมื่อมีการควบรวมแล้ว คงน่าจะสามารถนำ brand S&P เข้าไปเจาะตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น ซึ่งค่า P/E ของ MINT ในขณะนี้ค่อนข้างสูง ถ้าการ Synergy เป็นผลสำเร็จ ค่า P/E ของ S&P คงน่าจะวิ่งเพิ่มสูงขึ้นได้อีก นอกจากนั้น การที่ MINT ถือเพียงแค่ 30 % และยังมีผู้ถือหุ้นเก่าถืออยู่ ทำให้การบริหารน่าจะโปร่งใสมากขึ้น เนื่องจากมีสองฝ่ายมีการคานอำนาจกัน ทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยอย่างเราๆ น่าจะได้ประโยชน์จากการควบคุมซึ่งกันและกัน ในระยะสั้น PB ดูน่าจะดีขึ้นกว่า แน่นอนกว่า ในระยะยาวไม่แน่ต้องรอดูแผนการ Synergy ของ S&P แต่อย่างไรก็ตามผมว่า ก็น่าสนใจทั้งสองตัวครับ โดย striker อาทิตย์ พ.ย. 26, 2006 8:31 pm
- 0
- 0
-
-
- 0
- 0
-
-
ผมว่าพรุ่งนี้ SET ปิดลบนิดเดียวหรืออาจจะบวกด้วยซ้ำอ่า ผมว่า มีบางคนรู้ตั้งแต่ตอนบ่ายเมื่อวานแล้ว แต่ตลาดก็ไม่ได้มีการ React กับข่าวเท่าไหร่ ผมว่าน่าสนใจว่าพรุ่งนี้จะลงมาเท่าไหร่ เพราะตอนนี้หุ้นไทยก็ไม่ขึ้นมาก และ ลงมากเท่าไหร่ คนส่วนใหญ่ก็มีต้นทุนอยู่บริเวณนี้ ถ้ามีพวก Panic อยากขายมากๆ น่าสนใจครับ คนรอหุ้น VI ถ้าลงมาเยอะๆ ผมว่ามีเพื่อนๆ ในห้องนี้สนใจเข้าซื้อหลายคน โดย striker พุธ ก.ย. 20, 2006 1:35 pm
- 0
- 0
-
-
-
ผมมี Powerpoint แจกเรื่องค่าการกลั่น Mybunpot@hotmail.com Thanks โดย striker พฤหัสฯ. ก.ย. 07, 2006 11:40 pm
- 0
- 0
-
-
-
ความเสี่ยงของหุ้นโรงพยาบาลอย่าง KH TNH NTV มีอะไรบ้างครับ KH เป็นหุ้นที่ขึ้นอยู่กับนโยบายประกันสุขภาพของรัฐบาล ถ้าเกิดมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายก็อาจจะส่งผลต่อผลกำไรของบริษัท การเติบโตต่อไปคงต้องดูว่าสาขาที่มีการขยายเพิ่มเติมจะเป็นอย่างไร TNH ปัจจุบันจำนวนเข้าพักของคนไข้ยังน้อย โอกาสจะเพิ่มปริมาณผู้ป่วยยังมีอีกพอสมควร โดย Position ของโรงพยาบาลน่าจะจับตลาดกลางถึงระดับบน อย่างไรก็ตาม TNH มีสาขาเดียว ถ้ามี Chain โรงพยาบาลขนาดใหญ่ซึ่งจับตลาดเดียวกันมาเปิดบริเวณข้างเคียง ก็อาจจะเกิดปัญหาได้ แต่อย่างไรก็ตามในระยะสั้นยังไม่น่าจะมีครับ NTV ทำเลที่ตั้งถือเป็นจุดเด่นของโรงพยาบาล แต่ปัจจุบันโรงพยาบาลได้ใช้ Capacity เต็มกำลังแล้ว กำไรของ NTV น่าจะมาจากการทยอยปรับขึ้นราคากับผู้ป่วย เป็นระยะ นอกจากนั้น NTV ได้ซื้อที่มาทำการขยายสาขาอีก 1 สาขา ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าจะอยู่ที่ไหน แต่อยู่บนถนนรัตนาธิเบศน์ ถ้าทำเลดี ก็น่าสนใจครับ แต่ถ้าทำเลไม่ดีก็จะทำให้มาฉุดกำไรของ สาขาปัจจุบัน โดยNTV ประกาสว่าจะใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัท 50 % และ แหล่งเงินกู้อีก 50 % การขยายสาขาของ NTV ถ้าใครทราบช่วย Share ข้อมูลด้วยครับ โดย striker พุธ ส.ค. 16, 2006 6:24 pm
- 0
- 0
-
-
-
ใครมีไฟล์ excel ให้ขอบ้างครับ กับงานสัมมนาวิศวกรกับการลงทุน ขอด้วยครับ Mybunpot@hotmail.com ขอบคุณครับ โดย striker อังคาร ส.ค. 08, 2006 5:33 pm
- 0
- 0
-
-
-
Reminiscenes of a stock operator- หนังสือน่าอ่าน ขอทั้ง 2 ท่านเลยครับ Mybunpot@hotmail.com ขอบคุณมากครับ โดย striker ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 5:46 pm
- 0
- 0
-
-
-
แจกอีกที:The Real Warren Buffett : Managing Capital, Leading mybunpot@hotmail.com โดย striker พฤหัสฯ. พ.ค. 18, 2006 9:14 pm
- 0
- 0
-
-
-
แจกอีกที:The Real Warren Buffett : Managing Capital, Leading ขอด้วยคนครับ Mybunpot@yahoo.com โดย striker อังคาร พ.ค. 16, 2006 12:38 am
- 0
- 0
-
-
- 0
- 0
-
- 0
- 0
-
-
SE-ED Killer !!!! ยุทธศาสตร์ของ B2S คงจะเหมือนกับ Se-ed ครับคือเปิดทุกที่ที่มีโอกาสในการขาย ถึงแม้ Se-ed จะดูแล้วมีจุดเด่นในแง่หนังสือมากกว่า B2S เพราะเน้นขายหนังสืออย่างเดียว แต่ในเมื่อ ตลาดหนังสือโตปีละประมาณ 10-25 % คงจะไม่สามารถลองรับการเปิดสาขาของทั้งสองเจ้าได้เพียงพอครับ โดยยังไม่นับ Brand ลองลงมา อย่างนายอินทร์, Book Smile ครับ ซึ่งผมมองว่า ตอนนี้สิ่งที่ Se-ed น่าจะทำคือพยายามรักษาร้านหนังสือเดิมให้ได้กำไร ไม่ขาดทุน และเน้นเปิดสาขาอย่างมีคุณภาพ ไม่เหมือนปีที่ผ่านมาครับ ซึ่งจะเห็นได้จากร้าน Se-ed สาขาเดิมเริ่มทำการ Renovate เสร็จไปหลายแห่งแล้วครับ นอกจากนั้น Se-ed จะมี Place Protection แค่ในห้างของ Lotus เท่านั้น ครับ ที่ Brand อื่นๆ ไม่สามารถเข้าได้ นอกนั้นก็ต้องแข่งขันกันกับร้านอื่นเช่น เดอะมอลล์ -- นายอินทร์ Central, BigC -- B2S คาร์ฟูร์ -- เปิดรับทุก Brand ดังนั้นการเปิดสาขาต่อไปของ Se-ed ก็น่าจะมีคู่แข่งในทุกๆที่ ครับ ต้องลองดูต่อไปว่า Se-ed จะทำอะไรที่ Differentiate จากร้านหนังสือแบบเดิมได้บ้างครับถึงจะมีการเติบโตที่ดีในอนาคต เช่น Grammy อาจจะมี Idea ดีๆที่จะมาร่วมกับ Se-ed ครับ โดย striker พฤหัสฯ. ส.ค. 04, 2005 8:33 pm
- 0
- 0
-
-
-
มีหนังสือการลงทุนมากเพียงพอ ? ผมว่าถ้าเทียบกับฝรั่ง แล้วเรามีน้อยมากครับ หนังสือของคุณ web ผมซื้อทุกเล่มนะครับ บางเล่มพอมาแปลเป็นไทยแล้วถูกกว่าหนังสือฝรั่งมากเลยทำให้มีโอกาสซื้อมากขึ้นครับ เพราะซื้อหนังสือฝรั่งมากไม่ไหว ต้องถูกใจจริงๆ ถึงจะซื้อครับ แต่ของ lynch นี่ผมซื้อหมด 3 เล่มเลยครับ แต่ถ้าคุณ web แปล beating อีกตาม ดร. ผมก็ซือนะครับ โดย striker พฤหัสฯ. มี.ค. 24, 2005 8:44 pm
- 0
- 0
-
-
-
มีใคร favor SE-ED ที่แถวๆ 5-5.05บาทนี้บ้างครับ สาขาที่เปิดของซีเอ็ดปีที่แล้ว ไม่ค่อยได้กำไรครับดูจากผลประกอบการ ผมว่าบางทีสู้ไม่เปิดเลยจะดีกว่า ถ้าจะรอผลประกอบการพลิกตัวอาจจะไม่เร็วครับ เพราะสถานะตอนนี้ Se-ed มีคู่แข่งมากขึ้นกว่า 4 ปีก่อนมากครับ ดูจากสาขาที่ Se-ed renovate ผมเข้าใจว่าเงินลงทุนสูงเอาการนะครับ ลงทุนมากขนาดนี้ผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นยังไง อาทิตย์ที่แล้วไปเดินที่ Zeer รังสิตมา ดูจากลูกค้าที่เข้ามาซื้อแล้ว ดูยังไงก็ขาดทุนอยู่ดี เพราะ เงินลงทุนสูงมากครับในการปรับปรุงสาขาที่ zeer ลูกค้าก็ไม่เยอะเหมือนในห้างขนาดใหญ่ อย่าดูแต่ราคาอย่างเดียวครับ ผมว่าดูธุรกิจว่ามันจะหันหัวกลับเมื่อไรดีกว่าครับ โดย striker พุธ มี.ค. 23, 2005 9:23 pm
- 0
- 0
-
-
-
ใครสนใจ MetaStock® ProfessionalUser's Manual Version ขอด้วยคนครับ mybunpot@yahoo.com ขอบคุณครับ โดย striker อาทิตย์ ก.พ. 20, 2005 8:17 am
- 0
- 0
-
-
-
หนังสือจิตวิทยาการลงทุน ขอจองด้วยคนนะครับ ถ้าจะต้องโอนเงินยังไงช่วยแจ้งทาง email ด้วยครับ โดย striker อาทิตย์ พ.ย. 21, 2004 3:30 pm
- 0
- 0
-
-
- 0
- 0
-
- 0
- 0
-
-
แจก EPS16YEAR (งบดุล ย้อน 19 ปี,ราคา,Ratio,แบบเครดิตภาษี) ขอความกรุณาด้วยครับ mybunpot@hotmail.com โดย striker อาทิตย์ ก.ย. 05, 2004 9:04 pm
- 0
- 0
-
-
-
ไม่มีหัวข้อ โดย striker จันทร์ ก.ค. 19, 2004 9:56 pm
- 0
- 0
-
-
-
นัดสังสรรค์กันในวันปีใหม่ ฉลอง TVI ขึ้นสู่ปีที่สอง ขอแผนที่ด้วยคนครับ bunpotn@chula.com ขอบคุณครับ โดย striker พฤหัสฯ. ธ.ค. 25, 2003 11:08 pm
- 0
- 0
-