ยอดโอนเงินสัมนาเต็ม 150 ที่แล้วครับ ขอบคุณมากครับ แฟกส์ ไปให้แล้วน่ะครับ มานิต สิทธิพรบุญเลิศ 1,000.00 บาท โดย Manit อังคาร พ.ค. 31, 2005 11:57 am

แจก EPS16YEAR (งบดุล ย้อน 19 ปี,ราคา,Ratio,แบบเครดิตภาษี) ขอ Update ด้วยคนครับ [email protected] โดย Manit เสาร์ พ.ค. 15, 2004 3:07 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย Manit พฤหัสฯ. ม.ค. 22, 2004 11:14 pm

เอ้า ตรุษจีนแล้วผมขอให้เอาหุ้นเด็ดๆมาคุยกันหน่อย ผมว่าหุ้นที่น่าสนใจและมีความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืนในเมืองไทยน่าจะเป็นหุ้นที่เป็นอันดับ1 หรือ 2 ในแต่ละอุตสาหกรรม ยกตัวอย่างเช่น SCC = อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง ปิโตรเคมี และเยื่อกระดาษ PTT (PTTEP)= อุตสาหกรรมพลังงานครบวงจร ก๊าซ น้ำมัน ปิโตรเคมี เหลือแค่ ไฟฟ้าและถ่านหินเท่านั้นเอง SHIN(Advance) = อุตสาหกรรมสื่อสาร เทคโนโลยี รวมถึงดาวเทียม สายการบิน สินเชื่อบุคคล LH = อุตสาหกรรม อสังหาริมทรัพย์ STANLY = อุตสาหกรรม รถยนต์ GMMM = อุตสาหกรรม บันเทิงเกี่ยวกับสื่อ โฆษณา วิทยุ โทรทัศน์ ฯลฯ โดย Manit พฤหัสฯ. ม.ค. 22, 2004 11:01 pm

บรรยากาศช่วงนี้คล้ายตอน 1700 จดจังเลย ผมเห็นด้วยกับพี่เจ๋ง 1,000 % เลยครับ ตราบใดที่ผลตอบแทนจากการลงทุนยังมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก + เศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงเติบโต ผมว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะเป็นกระทิงไปได้อีกไม่น้อยกว่า 2-3 ปี ผมยังเชื่อในเรื่องของวงจรเศรษฐกิจ แต่ตลาดอาจปรับตัวลงได้ในระยะสั้น เนื่องมาจากกลไกของ Mr.Market ที่วอเรนต์บอก เราควรเลือกลงทุนในบริษัทที่มีความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่นยืน โดยหาจังหวะซื้อในราคาที่เหมาะสม ในขณะที่ตลาดเกิดวิกฤติ กลไกของ Mr.Market. หรือการกลับตัวของวงจรเศรษฐกิจเป็นขาลง แล้วถือไว้จนกว่าจะถึงวงจรเศรษฐกิจเป็นขาลงอีกครั้งหนึ่ง หรือระดับราคาที่เกินกว่ามูลค่าที่แท้จริง. ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการลงทุนในปีหน้าและสวัสดีปีใหม่ครับ. โดย Manit พุธ ธ.ค. 31, 2003 10:53 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย Manit พุธ ธ.ค. 31, 2003 10:43 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย Manit พุธ ธ.ค. 31, 2003 10:18 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย Manit อังคาร ธ.ค. 30, 2003 11:45 pm

อ่าน The New Buffetology ฉบับภาษาไทย ชื่อ ลงทุนอย่าง........ หลังจากอ่านจบไป 1 รอบ แล้ว และกำลังอ่านรอบที่ 2 ก็เกิดคำถามขึ้นมาหลายข้อ 1. เราจะไปหาข้อมูลงบการเงินย้อนหลัง 10 ปี ได้ที่ไหน เท่าที่ดูก็มีแต่ Set.or.th แต่ก็มีแค่ 4 ปี ย้อนหลัง เท่านั้นเอง 2. ข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้น เช่น แตกพาร์ การจ่ายปันผล 3. ในกรณีที่บริษัทส่งออก ผลกระทบที่เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยน จะนำมาคำนวณด้วยหรือไม่ 4. กำไร/ขาดทุนจากการปรับโครงสร้างหนี้ 5. เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าธุรกิจไหน มี DCA หรือไม่ 6. ตลาดในช่วงนี้ราคามักจะปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว เราควรจะรอให้เกิดวิกฤติการก่อนหรือไม่ ปล.ในเมืองไทยน่าจะมีคนที่มีแนวการลงทุนเหมือนวอเรนต์ จัดตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในหุ้นบ้านเราบ้างน่ะครับ โดย Manit อังคาร ธ.ค. 30, 2003 11:39 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย Manit อาทิตย์ ธ.ค. 28, 2003 11:13 pm

อ่าน The New Buffetology ฉบับภาษาไทย ชื่อ ลงทุนอย่าง........ อ่านจบไป 1 รอบแล้วครับ เป็นหนังสือเกี่ยวกับหลักการลงทุนในหลักทรัพย์ที่ดีมากที่สุดเล่มห่นึ่งที่เคยอ่านมา ทำให้เข้าใจว่าทำไม วอเรน ถึงได้เป็นนักลงทุนหมายเลข 1 ของโลก และสามารถเอาตัวรอดจากวิกฤติตลาดหุ้นตกต่ำ มาได้ ทุกครั้ง พอจะสรุปได้ว่า วอเรน ลงทุนในธุรกิจที่มีความได้เปรียบทางด้านการแข่งขันอย่างยั่งยืน และหาจังหวะซื้อในขณะที่ราคาของหุ้นตกต่ำจาก การตื่นตระหนกของตลาด หรือ เกิดจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และก็ถือเอาไว้จนกว่าราคาจะสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง หรือ จังหวะที่ตลาดกำลังถึงจุดสูงสุด หรือตลาดกระทิง ข้อได้เปรียบของการลงทุนแบบนี้ก็คือ โอกาสที่จะขาดทุนน้อยมาก แต่โอกาสที่จะได้กำไรตามที่ได้คาดการ์ณ หรือสูงกว่าก็มีโอกาสมาก แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ การลงทุนแบบนี้ต้องใช้ความอดทนสูง ต้องหาข้อมูลและทำการบ้านเยอะมาก ๆ โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับตัวบริษัทและงบการเงินย้อนหลัง 10 ปี จึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จ. โดย Manit อาทิตย์ ธ.ค. 28, 2003 10:52 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย Manit อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2003 11:44 pm

Metco ออกไข่แล้วครับ ฟองละ 14 บาท วันนี้ปิดที่ 264 น่าจะเป็น New High p/e 6 เท่ากว่า ๆ เป็นหุ้นที่ผลประกอบการดี p/e ต่ำ แต่กิมเอ็งไม่เชียร์ ราคาหุ้นก็เลยไม่ค่อยจะไปไหน(พักหลังเห็นหุ้นที่กิมเอ็งเชียร์ส่วนใหญ่จะขึ้นหมด) เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว คงต้องรอดูผลการดำเนินงานในปีหน้าว่าผู้บริหารจะสามารถรักษายอดขายและอัตรากำไรขั้นต้น ให้กับบริษัทได้หรือไม่ ถ้าผลประกอบการยังดีอยู่ ในที่สุดราคาหุ้นก็จะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงออกมา หรือว่า Metco อาจจะเป็น Super Stock ? (Metco มีทั้งปัจจัยเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพที่น่าสนใจมากในขณะนี้) โดย Manit พุธ ธ.ค. 17, 2003 10:10 pm

หุ้นกลุ่มแบงค์ คุณ FITCH ครับ ผมมีข้อคิดที่น่าสนใจจากเพื่อนที่จบโทเศรษฐศาสตร์คนหนึ่ง เค้าบอกว่า ตอนเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวกลุ่มที่เป็น Real Sector จะฟื้นตัวก่อนเนื่องจากสามารถผลิตสินค้าและขายให้กับลูกค้าได้ เช่น กลุ่มวัสดุก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ ยานยนตร์ ปิโตรเคมี เมื่อผู้ผลิตและขายสินค้ามีกำไรจึงจะค่อยนำกำไรที่ได้ไปจ่ายดอกเบี้ยที่ไปกู้มา ดังนั้น กลุ่มที่จะฟื้นตัวเป็นกลุ่มสุดท้ายก็คือกลุ่ม Bank โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการเพิ่มทุนของ BBL เสร็จสิ้นลงแล้วจะทำให้ต้นทุนในส่วนของดอกเบี้ยจ่ายลดลงเป็นอย่างมาก ในปีหน้ากลุ่ม Bank น่าจะฟื้นตัวอย่างแท้จริง โดยเฉพาะ Bank ใหญ่ ๆ จะได้ประโยชน์จาก บริษัทที่มีหนี้และสามารถแปลงหนี้เป็นทุนสามารถพลิกฟื้นผลการดำเนินงานกลับมาเป็นกำไรได้ รวมถึง ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ที่เป็น NPL หรือ NPA :lol: โดย Manit พุธ ธ.ค. 17, 2003 9:51 pm