Re: Esan investors Meeting ครั้งที่ 4 ขอจอง 7 ที่ครับ เฉพาะตอนเช้าครับ โดย bankniti พฤหัสฯ. ม.ค. 30, 2014 1:49 pm

Re: พี่ๆเพื่อนๆถือหุ้นกี่ตัว และ top3 คิดเป็นกี่ % ผมถือ(และติดหุ้น)อยู่ 12 ตัวครับ อันดับหนึ่ง PTL +471% อันดับสอง BIGC +108% อันดับสาม MAKRO +93% แต่สามตัวนี้รวมกันแล้วแค่ 35% ของปอดเองครับ นอกนั้นอีกประมาณ 6 ตัว +30-50% มีหนึ่งตัวขาดทุนเยอะสุด และเป็นหุ้นปั่นที่ลองเล่นดู(ครั้งแรกและครั้งเดียวครับ เล่นสไตร์นี้ไม่เป็นจริงๆ) ขาดทุนไป -80% :cry: แถมประสบการณ์ขายหมูครั้งใหญ่ที่พอจำได้ CPALL ซื้อ 10 บาท วิ่งไปไม่เกิน 11 บาท ขายครับ วันนี้ราคาไป 40 กว่าบาทแล้ว SPALI ซื้อที่ประมาณ 3 บาทกว่าๆ พอกำไร 100% ขายครับ ที่ไหนได้ตอนนี้ไป 11 บาทแล้ว เศร้า... :evil: โดย bankniti พฤหัสฯ. ธ.ค. 09, 2010 10:49 am

ขออำลาครับ ขอบคุณพี่หมอและทีมงานทุกท่านครับ ไม่เจอหน้านานแล้ว ยังไงถ้าได้ไปงานจิบเบียร์คงได้พูดคุยกันอีกครับ  :bow: โดย bankniti อาทิตย์ ต.ค. 31, 2010 11:00 am

DVD สัมมนา TVI#2 เปิดรับโอนเงินเพื่อซื้อสินค้าได้แล้วนะครับ ขอจองด้วย 1 ชุดครับ  :D โดย bankniti พฤหัสฯ. มิ.ย. 17, 2010 2:11 am

Re: ถามเรื่องประหลาดๆ ในบอร์ดหน่อยครับ ... แล้ว sunrise effect นี่คืออะไรครับ ปรากฎการณ์ที่นักลงทุนท่านหนึ่งมองหุ้นได้ขาดมากๆ ยากที่ใครจะมีวิสัยทัศน์ได้เหมือนท่านนี้ ซื้อตัวไหน เพิ่มทุนทุกที่  :twisted:   ปล. แซวเล่นนะคร้าบ...:lol:  :lol:  :lol: โดย bankniti พุธ พ.ย. 04, 2009 2:52 pm

งานมหกรรมหนังสือระดับชาิติครั้งที่ 14 (15 - 25 ต.ค. 2552) ครั้งนี้ซื้อหนังซื้อไปประมาณ 5,000 บาทได้ครับ แถมได้ลายเซนต์กับถ่ายรูปกับท่านนายกอภิสิทธิ์ด้วย ปลื้มดีครับ อีกท่านก็คุณบัณฑิต อึ้งรังสี เป็นกันเองและเป็นแรงบันดาลใจให้ผมมากเลยครับ ไม่รู้ปีหนึ่งจะอ่านหมดหรือเปล่าเพราะซื้อมาเกือบๆ 25 เล่มเลยครับ  :vm: โดย bankniti ศุกร์ ต.ค. 30, 2009 10:45 pm

กลยุทธ์จัดพอร์ต ให้สู้ได้ทุกวิกฤติ เป็นบทความที่ดีมากครับ ขอบคุณ คุณ tum_H :D โดย bankniti อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 10:23 am

เล่นแบดอย่างไรให้สนุก พี่ป้อมครับ ไม่ทราบว่าพี่ใช้ไม้อะไรอยู่ครับ อยากรู้ว่าแวยูอย่างพี่ป้อมเลือกใช้ไม้อะไร เห็นเคยลงแรกๆ ว่าใช้ไทไหล๋ ไม่รู้ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นอารายแล้ว(เผื่อจะเลือกตามท่านเจ้าสำนักบ้าง) ปล. ไม่ทราบว่าท่านไหนเคยลองตี Kumpoo แล้วมั้งครับ เห็นเอาน้องแมนมาเป็นพรีเดเตอร์ เอ้ย! พรีเซ็นเตอร์ ท่าทางจะจ่ายแพงไม่ใช่เล่น:D โดย bankniti จันทร์ ส.ค. 17, 2009 10:55 pm

สุขสันต์วันเกิดครับ พี่ Porjai ... สุขสันต์วันเกิดครับพี่ป้อม สุขภาพแข็งแรง หนุ่มขึ้นทุกปีนะครับพี่  :D โดย bankniti ศุกร์ ส.ค. 07, 2009 11:58 pm

สัมมนาต้องห้าม (พลาด) เห็นรายชื่อวิทยากรที่มาพูด ทั้งอาจารย์วรศักดิ์, คุณวิศิษฐ์, ดร.สุรจิต หรือ ดร.กอบศักดิ์ น่าไปฟังมากๆ ครับ เสียอย่างเดียว เอาระดับคุณภาพมาอัดแน่นกันในวันเดียวหมด(เช้าถึงค่ำเลย) น่าจะเพิ่มเป็น 2 วัน โดย bankniti อาทิตย์ พ.ค. 24, 2009 10:48 pm

หากใครรู้สึกหดหู่ หมดหวัง เชิญทางนี้ ขนาดว่ารู้เรื่องราวมาก่อนแล้ว แต่พอเห็นภาพบวกกับเสียงเพลงของเจ๊มารายแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเสียน้ำตกให้กับความรักที่พ่อมีต่อลูก เป็นวีดีโอที่ประทัปใจมากที่สุดชิ้นหนึ่งที่เคยดูมาเลย :'O โดย bankniti อาทิตย์ ก.พ. 01, 2009 9:57 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย bankniti พฤหัสฯ. ต.ค. 16, 2008 10:34 pm

ใครรู้บ้างครับเกี่ยวกับ ATM ครั้งหน้าได้กดเงินจะลองดูครับ (หวังว่าตำรวจคงไม่มาตะครุบหน้าตู้ ATM นะ) :twisted: โดย bankniti พฤหัสฯ. ต.ค. 16, 2008 10:31 am

ทำไงดีตกงานมา 2 ปีแล้ว จบการเงิน [quote="beammy"]เพิ่ม value ตัวเองให้ได้ครับ ผมเชื่อว่าพี่คงหาวิธีได้แน่นอน โดย bankniti พฤหัสฯ. ต.ค. 16, 2008 10:29 am

ไม่มีหัวข้อ โดย bankniti จันทร์ ต.ค. 13, 2008 10:43 am

ไม่มีหัวข้อ โดย bankniti จันทร์ ต.ค. 06, 2008 12:13 am

วิกฤต แบล็กมันเดย์ ที่เมกา รู้สึกว่า 2 ต.ค. จะนำแผนฟื้นฟูเข้าสภาคองเกรสใหม่ ผมว่ายังไงก็ต้องผ่านเพียงแต่ว่ารอบไหนเท่านั้น โดย bankniti อังคาร ก.ย. 30, 2008 10:20 am

ข้อคิดจาก Sir John Templeton หายไปนานเลยนะครับพี่เวป มาอีกทีก็มีประโยคเด็ดๆ โดนใจมาให้ได้อ่านกัน :D ปล. เมื่อไหร่จะออกหนังสือใหม่อีกครับ รอตามผลงานอยู่ โดย bankniti อังคาร ก.ย. 23, 2008 9:16 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย bankniti จันทร์ ก.ย. 22, 2008 9:50 pm

จับตาเอไอเอทิ้งหุ้น พอร์ทของ AIA มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในประเทศ รองจาก กบข. แต่ส่วนใหญ่ถือพันธบัตรรัฐบาล เงินฝาก ตราสารหนี้ในประเทศ รู้สึกว่า 70% ของเงินลงทุนจะเป็นพันธบัตร ตราสารหนี้ อีก 10% ลงทุนในหุ้น ที่เหลือ 20% จำไม่ได้ว่าลงทุนอะไร ถ้า AIG ไปไม่ไหว วิธีที่เขาทำได้คือ "ขาย" AIA ออกไปแล้วเอาเงินไปคืนเจ้าหนี้ครับ ไม่เกี่ยวกันว่าถ้า AIG ล้ม AIA จะล้มตาม ที่พี่หมอพูดก็มีเหตุผล ขอบคุณมากครับ :bow:   แต่ที่บอกว่าที่บ้านมีกรมธรรม์ AIA ถึง 40 ฉบับนี้ ทำไมมันเยอะอย่างนั้นหล่ะครับ ของบ้านผมประมาณ 7-8 ฉบับไปโรงพยาบาลทีก็งงสับสนแล้วว่าอันไหนเป็นอันไหน :shock: โดย bankniti ศุกร์ ก.ย. 19, 2008 7:01 pm

จับตาเอไอเอทิ้งหุ้น ด้านนายโทมัส เจมส์ ไวท์ รองประธานบริหารระดับสูงและผู้จัดการทั่วไป บริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ (เอไอเอ) ก็แถลงว่า เอไอเอไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาขาดสภาพคล่องของเอไอจีแต่อย่างใด เพราะไม่ได้ลงทุนในหุ้นของบริษัท เอไอจี นายโทมัส ระบุด้วยว่า หาก เอไอจีต้องการให้บริษัทลูกอย่าง เอไอเอส่งเงินไปช่วยเหลือ ก็ต้องขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน แต่ คปภ.ก็มีนโยบายชัดเจนว่าต้องการให้บริษัทดำรงเงินลงทุนส่วนใหญ่ไว้ในประเทศเป็นหลัก ถึงขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หรือมีการเปลี่ยนแปลงกับบริษัทหรือไม่ แต่ยืนยันว่าเอไอจียังไม่ได้เรียกระดมทุนจากบริษัทลูกในเอเชียแต่อย่างใด นายโทมัสบอกว่า "เอไอเอไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาขาดสภาพคล่องของเอไอจีแต่อย่างใด เพราะไม่ได้ลงทุนในหุ้นของบริษัท เอไอจี" แต่ยังมีต่อว่า "หาก เอไอจีต้องการให้บริษัทลูกอย่าง เอไอเอส่งเงินไปช่วยเหลือ ก็ต้องขออนุมัติจากคปภ." นี้แหละที่ผมสงสัยเพราะหาก AIG ให้บริษัทลูกทั้งหลายในต่างประเทศส่งเงินไปช่วยเหลือ มันจะเกินปัญหาอะไรขึ้นกับบริษัทลูกไหมครับ? หาก AIG ไปไม่ไหวจริงๆ บริษัทลูก(กับบริษัทหลาน AIA ในไทย) จะอยู่ได้หรือครับ? ที่อยากรู้อีกอย่างคือ หากทำประกันชี่วิตกับ AIA อยู่ มีวิธีไถ่ถอนกรมธรรม์อย่างไรให้เสียประโยชน์น้อยที่สุดครับ (อยากรู้เอาไว้เป็นทางหนีทีไล่ เผื่อเอาไว้ก่อน) :oops: โดย bankniti พฤหัสฯ. ก.ย. 18, 2008 10:10 pm

จับตาเอไอเอทิ้งหุ้น จาก โพสต์ทูเดย์ http://www.posttoday.com/news.php?id=7505 โพสต์ทูเดย์ เฟดปล่อยกู้ต่อชีพ เอไอจี เอไอเอปลอบคนไทย บริษัทแม่เจ๊ง แต่ลูกฐานะดีเยี่ยม มีทรัพย์สินอยู่ 3.8 แสนล้าน ไม่ได้ส่งกลับอเมริกา วานนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจยื่นมือเข้ากู้ชีวิตบริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป อิงก์ (เอไอจี) ด้วยการเข้าไปถือหุ้น 79.9% โดยปล่อยเงินกู้ระยะ 2 ปี มูลค่า 8.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2.93 ล้านล้านบาท ให้กับเอไอจี หลังจากนี้จะมีการเปลี่ยนตัวฝ่ายบริหารระดับสูง และขายสินทรัพย์ของเอไอจีออกเพื่อจ่ายคืนเงินกู้ การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการป้องกันมิให้บริษัทล้มละลาย มิเช่นนั้นจะส่งผลสะเทือนต่อตลาดการเงินและเศรษฐกิจสหรัฐให้วิกฤตหนักยิ่งขึ้น รวมทั้งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างกว้างขวาง ด้านนายโทมัส เจมส์ ไวท์ รองประธานบริหารระดับสูงและผู้จัดการทั่วไป บริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ (เอไอเอ) ก็แถลงว่า เอไอเอไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาขาดสภาพคล่องของเอไอจีแต่อย่างใด เพราะไม่ได้ลงทุนในหุ้นของบริษัท เอไอจี นายโทมัส ยืนยันว่า ฐานะการเงินของบริษัทยังแข็งแกร่ง เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา มีเงินสำรองประกันภัยถึง 2.86 แสนล้านบาท มีกำไรสะสมกว่า 7 หมื่นล้านบาท มีเงินกองทุน 6.9 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 1,107% ของเงินกองทุน มีสินทรัพย์รวมถึง 3.8 แสนล้านบาท ฐานะนี้มากพอสำหรับรองรับภาระผูกพันและผลประโยชน์ตามสัญญาประกันภัย เงินของเอไอเอไทย 70% ลงทุนไปในพันธบัตรรัฐบาล อีก 10% ลงทุนในตลาดหุ้นไทย ส่วนอีก 20% ที่ไปลงทุนพันธบัตรในต่างประเทศนั้น ก็ได้รับอนุมัติจาก คปภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว นายโทมัส กล่าว นายโทมัส ระบุด้วยว่า หาก เอไอจีต้องการให้บริษัทลูกอย่าง เอไอเอส่งเงินไปช่วยเหลือ ก็ต้องขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน แต่ คปภ.ก็มีนโยบายชัดเจนว่าต้องการให้บริษัทดำรงเงินลงทุนส่วนใหญ่ไว้ในประเทศเป็นหลัก นายอนุชา เหล่าขวัญสถิตย์ รองประธานอาวุโสและรองผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า ต่อให้เอไอจีต้องล้ม เอไอจีก็มิได้หายไป เพียงแต่อาจจะทำให้ต้องปรับโครงสร้างกันใหม่ ถึงขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หรือมีการเปลี่ยนแปลงกับบริษัทหรือไม่ แต่ยืนยันว่าเอไอจียังไม่ได้เรียกระดมทุนจากบริษัทลูกในเอเชียแต่อย่างใด โดย bankniti พฤหัสฯ. ก.ย. 18, 2008 9:55 pm

ถ้ารัฐบาลสหรัฐยึด'แฟนนี่ เม-เฟรดดี้ แมค' จะเป็นอย่างไร? ไปนั่งฟังหม่อมอุ๋ยพูดมาเหมือนกัน เธอพูดว่า หากเดือนนี้ไม่มีแบงก์ไหนล้มอีก รับรองปลายปีชาวหุ้นมีสิทธิ์เฮ ว่าแล้ว Lehman Brothers ก็โผล่ผลุบขึ้นมา ท่าทางร่อแร่ ขาดทุนไปกว่า 4 พันล้าน :roll: ตามไปอ่านบทความคร่าวๆ ได้ที่เว็ปไซด์ของกรุงเทพธุรกิจ  http://www.bangkokbiznews.com/2008/09/14/news_293089.php มีตอนหนึ่งหม่อนอุ๋ยพูดว่า "...หากเดือนก.ย.ไม่มีสถาบันการเงินในสหรัฐถูกปิดอีก เม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชีย เพื่อไปแก้ไขปัญหาจะไหลกลับเข้ามาในเอเชียอีกครั้งรวมทั้งประเทศไทย แต่หากมีการปิดสถาบันการเงินเกิดขึ้นอีกเม็ดเงินลงทุนที่คาดว่าจะไหลกลับเข้ามาในเอเชียรวมทั้งไทยก็จะไม่ไหลกลับเข้ามาและอาจจะกินระยะเวลาไปอีกนาน..." เห็นแว่วๆ มาว่าทาง Lehman Brothers จะไม่ยอมรับให้รัฐเทคโอเวอร์แบบ Fannie Mae และ Freddie Mac ผมเคยคิดอย่างคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องระบบการเงินและเศรษฐศาสตร์ดีนัก ว่าหากสถาบันการเงินในอเมริกาล้มแล้วรัฐบาลเขาเข้าไปอุ้ม(อย่าง Fannie Mae หรือ Freddie Mac) ดูนักลงทุนจะรู้สึกดีที่รัฐบาลไม่ปล่อยให้ล้มและตลาดหุ้นจะตอบรับในเชิงบวก เหมือนกับว่าปัญหาของสถาบันการเงินนั้นได้ถูกแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ผมก็สงสัยว่าหากมีใครจะล้มอีก แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ก็เข้าไปอุ้มไว้ไม่ให้ล้ม มันเป็นการแก้ปัญหาได้จริงๆ หรือครับ ไม่ค่อยเข้าใจ (ถ้าเป็นอย่างนั้นจะมานั่งกังวลกันทำไม คิดเสียว่าเดี๋ยวถึงที่สุดแล้ว รัฐบาลก็เข้ามาดูแลไม่ให้ล้มเองแหละ) :? โดย bankniti อาทิตย์ ก.ย. 14, 2008 11:31 pm

ผ้าป่าหนังสือ ลืมถามไปว่าหนังสือการ์ตูนได้หรือเปล่าครับ :? โดย bankniti อาทิตย์ ก.ย. 14, 2008 9:13 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย bankniti พฤหัสฯ. ก.ย. 11, 2008 12:06 am

ไม่มีหัวข้อ โดย bankniti พุธ ก.ย. 10, 2008 11:43 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย bankniti พุธ ก.ย. 10, 2008 11:26 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย bankniti พุธ ก.ย. 10, 2008 10:57 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย bankniti พุธ ก.ย. 10, 2008 9:17 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย bankniti พุธ ก.ย. 10, 2008 9:13 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย bankniti พุธ ก.ย. 10, 2008 9:09 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย bankniti อังคาร ก.ย. 09, 2008 11:29 am

Re: ข้อคิดดีๆ จาก Warren Buffett สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน เห็นประโยคนี้คิดถึงพี่ฉัตรชัยที่โพสไว้เสมอ ๆ ว่า ถ้าน้ำมันถูกลง คุณจะดีใจหรือเสียใจ ถ้าบรรลุธรรมแล้ว คงคิดกับราคาหุ้นได้เหมือนกัน (ตอนนี้ผมทำได้ครึ่งเดียว ) :oops: ผมก็คงจะดีใจเหมือนกัน........ถ้า...........ผมไม่ซื้อของแพงไปก่อนที่มันจะเซลล์ :x โดย bankniti จันทร์ ก.ย. 08, 2008 11:15 am

ถ้ารัฐบาลสหรัฐยึด'แฟนนี่ เม-เฟรดดี้ แมค' จะเป็นอย่างไร? ที่มา http://biz.yahoo.com/ap/080907/mortgage_giants_crisis.html Officials announce takeover of mortgage giants Sunday September 7, 12:34 pm ET Government assumes control over mortgage giants Fannie Mae and Freddie Mac WASHINGTON (AP) -- The Bush administration, acting to avert the potential for major financial turmoil, announced Sunday that the federal government was taking control of mortgage giants Fannie Mae and Freddie Mac. Officials announced that the executives and board of directors of both institutions had been replaced. Herb Allison, a former vice chairman of Merrill Lynch, was selected to head Fannie Mae, and David Moffett, a former vice chairman of US Bancorp, was picked to head Freddie Mac. Treasury Secretary Henry Paulson says the historic actions were being taken because "Fannie Mae and Freddie Mac are so large and so interwoven in our financial system that a failure of either of them would cause great turmoil in our financial markets here at home and around the globe." The huge potential liabilities facing each company, as a result of soaring mortgage defaults, could cost taxpayers tens of billions of dollars, but Paulson stressed that the financial impacts if the two companies had been allowed to fail would be far more serious. "A failure would affect the ability of Americans to get home loans, auto loans and other consumer credit and business finance," Paulson said. Both companies were placed into a government conservatorship that will be run by the Federal Housing Finance Agency, the new agency created by Congress this summer to regulate Fannie and Freddie. The Federal Reserve and other federal banking regulators said in a joint statement Sunday that "a limited number of smaller institutions" have significant holdings of common or preferred stock shares in Fannie and Freddie, and that regulators were "prepared to work with these institutions to develop capital-restoration plans." The two companies had nearly $36 billion in preferred shares outstanding as of June 30, according to filings with the Securities and Exchange Commission. Paulson said that it would be up to Congress and the next president to figure out the two companies' ultimate structure. "There is a consensus today ... that they cannot continue in their current form," he said. Paulson and James Lockhart, director of the Federal Housing Finance Agency, stressed that their actions were designed to strengthen the role of the two mortgage giants in supporting the nation's housing market. Both companies do that by buying mortgage loans from banks and packaging those loans into securities that they either hold or sell to U.S. and foreign investors. The companies own or guarantee about $5 trillion in home loans, about half the nation's total. Lockhart said that both Fannie and Freddie would be allowed to increase the size of their holdings of mortgage-backed securities to bolster the housing industry as it undergoes its worst downturn in decades. Lockhart said in order to conserve about $2 billion in capital the dividend payments on both common and preferred stock would be eliminated. He said that all lobbying activities of both companies would stop immediately. Both companies over the years made extensive efforts to lobby members of Congress in an effort to keep the benefits they enjoyed as government-sponsored enterprises. Both Paulson and Lockhart were careful not to blame Daniel Mudd, the CEO of Fannie Mae, or Freddie Mac CEO Richard Syron for the companies' current problems. While both men are being removed as the top executives, they have been asked to remain for an unspecified period to help with the transition. โดย bankniti จันทร์ ก.ย. 08, 2008 12:12 am

ไม่มีหัวข้อ โดย bankniti พุธ ส.ค. 13, 2008 10:41 pm

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์นี้ ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจครับ :bow: อ่านเรื่องราวของหลายท่านที่เจอะเจอในลักษณะการผลัดพรากที่น่าเศร้าเหมือนกัน อย่างเช่นที่คุณกูรูเขียนแล้วทำให้นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา จำเนื้อหาใจความคร่าวๆ ได้แต่จำรายละเอียดได้ไม่หมด แต่จะลองเขียนให้อ่าน หากผิดพลาดในเรื่องรายละเอียดต้องขออภัย ในสมัยพระพุทธเจ้า มีหญิงนางหนึ่งร้องไห้มาขอให้พระพุทธเจ้าชุบชีวิตพ่อที่เพิ่งเสียชีวิตไปให้ฟื้นคืนมาใหม่ ไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะตรัสปฎิเสธอย่างไรก็ไม่ได้ผล เลยบอกหญิงผู้นั้นให้ไปเอาผ้ามาถวาย แต่ต้องไปขอจากบ้านที่ไม่เคยมีญาติหรือใครเคยตายมาก่อน นางก็รีบออกไปสอบถามบ้านต่างๆ บ้านแล้วบ้านเล่าแต่ทุกบ้านก็มีญาติเคยเสียชีวิตมาแล้วทั้งนั้น สุดท้ายนางก็กลับมาหาพระพุทธเจ้าและเข้าใจในกุศลโยบายที่พระพุทธเจ้าใช้นางไปทำ ว่าไม่มีใครไม่เคยสูญเสียคนที่เรารัก นางจึงเลิกขอให้พระพุทธเจ้าชุบชีวิตพ่อขึ้นมาใหม่ พรุ่งนี้จะตื่นไปใส่บาตรให้เจ้าขาวและอธิฐานจิตขอให้มันได้เกิดเป็นสิ่งที่ดีกว่าชาตินี้ ขอบคุณทุกความคิดเห็นอีกครั้งครับ :bow: โดย bankniti พฤหัสฯ. ส.ค. 07, 2008 9:25 pm

วันนี้วันคล้ายวันเกิดพี่ป้อม(พี่พอใจ)ครับ HAPPY BIRTHDAY คร้าบเฮีย สุขภาพแข็งแรงเป็นที่พึ่งให้น้องๆ(ได้ถามหุ้น)ไปนานๆ นะคร้าบ :cheers: โดย bankniti พฤหัสฯ. ส.ค. 07, 2008 10:59 am

ไม่มีหัวข้อ โดย bankniti อาทิตย์ ก.ค. 27, 2008 9:19 pm

หุ้นแปลกๆมาให้ทายกัน ขำขำ :twisted: :twisted:  :twisted: โดย bankniti พุธ ก.ค. 23, 2008 11:50 am

หมดยุค low cost airlines? วันทูโกไม่ได้ตามมาตราฐานความปลอดภัย ส่วนนกแอร์ก็เหลือเครื่องจะใช้บินแค่ 3 ลำ :twisted: ที่ไม่ค่อยชอบขึ้นเครื่องบินอยู่แล้วเลยยิ่งกังวลมากขึ้นไปอีกเวลาจะบินคราวหน้า :( โดย bankniti จันทร์ ก.ค. 21, 2008 10:31 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย bankniti อังคาร ก.ค. 15, 2008 3:16 pm

น้ำมันมะพร้าวกับไขมันในเส้นเลือด CHOL 211, TG 65, HDL41, LDL 157 ผลเลือดดูดีขึ้นครับ ค่า HDL มันก็ปกติอยู่แล้วคงไม่จำเป็นต้องไปเพิ่มมันเท่าไหร่ การออกกำลังกายอาจจะช่วยให้คนที่ HDL ต่ำมีค่าสูงขึ้น แต่ผมไม่แน่ใจว่าถ้ามันปกติอยู่แล้วจะช่วยได้กี่มากน้อย http://i4.photobucket.com/albums/y126/mprandy/Tuzki/Question.gif ยังไงก็แนะนำให้ออกกำลังกายอยู่ดีครับ เพราะดีต่อสุขภาพแ่น่ ๆ โดยเฉพาะคนน้ำหนักเกิน http://i4.photobucket.com/albums/y126/mprandy/Tuzki/TaiChi.gif ค่า TG ตอนเริ่มต้นก็ปกติอยู่แล้ว (ไม่เกิน 200) พอจำกัดอาหารไขมัน ออกกำลังกาย และบวก Omega-3 เลยลงมาเยอะ ส่วน LDL ยังคงสูงอยู่เลยนะครับ ถ้าเอาไม่ลงจริง ๆ สงสัยต้องพึ่งยาแล้วมั๊ง http://i4.photobucket.com/albums/y126/mprandy/Tuzki/Well.gif เมื่อเกือบ 5 ปีก่อน ค่า HDL ผมเคยอยู่ที่ 51 ส่วน LDL ก็แค่ 110 ต่างกับปัจจุบันเลยครับ :cry: ถามพี่หมอ(และท่านอื่นๆ ด้วย)หน่อยซิครับ ค่า LDL ต้องอยู่ที่เท่าไรถึงเรียกว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ :?:  แล้วทำอย่างไร LDL จะลงได้มากกว่านี้ :?: ขอบคุณคร้าบ :P โดย bankniti เสาร์ ก.ค. 12, 2008 4:03 pm

น้ำมันมะพร้าวกับไขมันในเส้นเลือด [quote="mprandy"][quote="chatchai"]ขอบคุณมากๆเลยครับ ขอถามอีกนิดครับว่า โดย bankniti เสาร์ ก.ค. 12, 2008 1:03 pm

แม่ผมเก็บขยะขาย :'O  :'O  :'O โดย bankniti จันทร์ ก.ค. 07, 2008 10:33 pm

ประเทศเวียดนาม ผมว่าภายใน 10 ปีน่าจะตามไทยทัน :twisted: เวียดนามให้ความสำคัญกับการศึกษามาก นี้คือสิ่งที่จะเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต ที่ต้องทำและกำลังทำคือ การวางระบบการขนส่ง คมนาคม สาธารณูประโภคต่างๆ ซึ่งอันนี้ต้องใช้เวลาพอสมควร แต่หากแล้วเสร็จมีความพร้อมบวกกับทรัพยากรมนุษย์ที่ผลิตขึ้นมาได้ ทีนี้แหละจะแซงไทยแน่ๆ อีกอย่างประเทศไทยเรายังไม่จริงจังในเรื่องการศึกษามาก เอาแต่นโยบายประชานิยม ไม่มีแผนระยะยาวในการผลิตคนให้มีคุณภาพมากขึ้น บวกกับการเมืองอย่างที่เห็นอยู่ นี้จึงเป็นตัวฉุดรั้งให้ไทยเราย่ำอยู่กับที่(ดูให้ดีผมว่าถอยหลังด้วยซ้ำ) ด้วยเหตุผลคราวๆ นี้ ผมจึงเห็นว่าภายใน 10 ปีเวียดนามน่าจะตามพี่ไทยทันครับ :twisted: โดย bankniti จันทร์ ก.ค. 07, 2008 10:11 pm

ขอถามผู้มีประสบการณ์ถือหุ้นผ่านวิกฤตจริงๆที่กินเวลานาน(ปี40- วิกฤตเมื่อปี 2540 เพิ่งจะเริ่มเรียนมหาลัยครับ ยังไม่รู้จักหุ้นเลย (โทษทีที่ตอบไม่ได้) :oops: เพียงแต่ว่าผมมีข้อสงสัยและข้อคิดเห็นส่วนตัวนิดหน่อย อยากถามท่านอื่นๆ เหมือนกันครับ 1) วิกฤตคราวที่แล้วเกิดจากประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ แล้วก็ลามไปยังย่านเอเซียก่อน ซึ่งผลกระทบต่อเอเซียบางประเทศนั้นก็ค่อนข้างรุนแรงพอสมควร ผมไม่แน่ใจว่าผลกระทบนี้ไปถึงยุโรปและอเมริกาหรือไม่? แล้วมันรุนแรงกับประเทศเหล่านั้นขนาดไหน? แต่ประเทศไทยนี้ถือว่าโคม่าหรือต้องปั้มหัวใจกันหลายรอบเลยกว่าจะผ่านวิกฤตมาได้ 2) คราวนี้ปัญหาเกิดกับอเมริกาก่อน คือ subprime ซึ่งแน่นอนว่าอเมริกาเป็นประเทศที่มีอิทธิพลต่อประเทศอื่นๆ แทบทุกประเทศทั่วโลก ผมกระทบครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากประเทศเล็กๆ อย่างไทยเรา แต่เกิดจากประเทศมหาอำนาจ ซึ่งปัญหาย่อมจะส่งผลต่อทุกประเทศทั่วโลกมากกว่า ก็อย่างที่รู้ ตอนนี้เวียดนามก็ฟองสบู่(เกือบจะ)แตกแล้ว ไหนจะประเทศอังกฤษอีกที่เกิด subprime ขึ้นมาเหมือนกัน ผมกระทบดูแล้วน่าจะโดนกันทั่วโลก และน่าจะขยายเป็นวงกว้างมากกว่าตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง 3) เมื่อปัญหาเป็นอย่างนี้ นักลงทุนต่างก็ระมัดระวังในการลงทุนต่างๆ มากขึ้นโดยเฉพาะหุ้นที่ถือว่ามีความเสี่ยงสูง นักลงทุนจึงถอนเงินจากหุ้นไปลงทุนอย่างอื่นที่คิดว่าปลอดภัยมากกว่า จึงเกิดการเทขายหุ้นกันทั่วโลก การที่ต่างชาติขนเงินหนีจากตลาดหุ้นไปลงทุนอย่างอื่น อย่างนี้ถือว่าปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนหรือไม่? (โดยส่วนตัว ผมว่าเปลี่ยนนะ) ไม่รู้ว่าท่านอื่นคิดอย่างไร :?: โดย bankniti จันทร์ ก.ค. 07, 2008 9:55 pm

ตลท.เล็งเพิ่มรอบเทรด รับคนทำงาน-ต่างชาติเพิ่มวอลุ่ม แม้หลายคนในเวปนี้บอกเป็น VI แต่มีกี่คนที่สามารถทำตัวให้ไม่ดูหุ้นทุกวันได้ อย่างผมบางวันไม่เปิดคอมดู ก็ต้องชายตาไปที่ทีวีดูว่าวันนี้หุ้นขึ้นหรือลง ตัวไหนเป็นท็อปเทน ที่สำคัญ ถ้าเกิดวันไหนพวกยุโรปต่างประเทศมีรายการ Panic Sell เกิดขึ้น แล้วมีการเทขายหุ้นไทยตอนตลาดเปิด 1 ทุ่ม ผมว่าคงมีหลายคนเลยที่กินข้าวนอกบ้านอยู่แล้วต้องรีบบึ้งรถกลับมาดูหน้าจอ โดย bankniti อังคาร ก.ค. 01, 2008 12:45 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย bankniti จันทร์ มิ.ย. 30, 2008 10:05 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย bankniti จันทร์ มิ.ย. 30, 2008 9:05 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย bankniti จันทร์ มิ.ย. 30, 2008 9:03 pm