หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
M149
https://t.me/pump_upp
Joined: อังคาร ก.พ. 04, 2003 12:55 pm
1477
โพสต์
|
1
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - M149
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
ประกันความเสี่ยง อัตราแลกเปลี่ยน
ดูค่าเงินบาทโดยเปรียบเทียบกับดอลล่าห์อย่างเดียวคงไม่เพียงพอครับ น่าจะลองดูที่ค่าเงินบาทเปรียบเทียบกับเงินในภูมิภาคว่าแข็งขึ้นหรืออ่อนค่าลง เพราะบางทีที่เราเห็นเงินบาทแข็งค่า อาจจะเป็นว่าเงินดอลอ่อนค่ามากกว่า แต่อย่างไรก็ดี สำหรับ 3 ปี มันยาวนานเกินไปครับ เพราะถ้าจะคาดการณ์ค่าเงิน คุณต้องวิเคราะห์สภาพเศรษฐกิจ ดอกเบี้ย อัตราเงินออม การเมือง ฯลฯ ของประเทศนั้นๆ แต่ก็ยังคาดการยากอยู่ดีครับ
โดย
M149
จันทร์ มี.ค. 19, 2007 1:04 am
0
0
เรียนถามที่แม่ทัพหู และ ท่านอื่นๆเรื่องค่าเงินบาท
ค่าเงินที่เหมาะสม(ผมจะไม่ระบุว่าบาทนะครับ) อาจไม่จำเป็นที่จะต้องตามกลไกตลาดก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยของประเทศนั้นๆ ส่วนในเรื่องข้อดีของระบบลอยตัวคุณสุมาอี้อธิบายไปส่วนหนึ่งแล้ว ผมเสริมให้อีกนิดหนึ่งละกันครับ การที่ใช้ระบบค่าเงินลอยตัวทำให้ไม่เกิน Crisis นั้นก็เพราะในระบบลอยตัวค่าเงินที่แสดงจะเป็นค่าเงินที่สะท้อนอุปสงค์/อุปทานของตลาดแท้จริงหรือที่ชอบเรียกกันว่าราคาแท้จริง ซึ่งหัวใจมันอยู่ตรงที่ มันไม่มีต้นทุนในการแทรกแซงค่าเงิน คิดให้ง่ายเหมือนตอนแทรกแซงราคาน้ำมันนั่นแหละครับ การจะแทรกแซงหรือบิดเบือนราคาใดๆย่อมต้องมีต้นทุนเสมอ เหมือนกองทุนน้ำมันที่มาจากภาษี เช่นเดียวกันการแทรกแซงค่าเงินก็ต้องเอาทุนมาจากเงินทุนสำรองคงคลังระหว่างประเทศ ถ้าคุยแบบชาวหุ้นก็เอากำไรสะสมมาใช้จ่ายนั่นแหละครับ :wink:
โดย
M149
อาทิตย์ มี.ค. 11, 2007 5:21 am
0
0
ประเทศไทย จะติดกับดักสภาพคล่องไหมครับ
โพสข้างบนตัดคำว่าสองออกนะครับ พิมพ์เกิน :lol:
โดย
M149
อาทิตย์ มี.ค. 11, 2007 5:08 am
0
0
ประเทศไทย จะติดกับดักสภาพคล่องไหมครับ
ถามคุณเจย์โชว์ ผมมีคำถามใคร่ถามคุณสองว่าทำไมคุณคิดว่าไม่ควรเอาเศรษฐศาสตร์มาดูแลเรื่องเศรษฐกิจ แล้วถ้าไม่ใช้หลักเศรษฐศาสตร์ใช้หลักอะไรครับ รัฐศาสตร์? นิติศาสตร์? ศิลปศาสตร์? หรือควรใช้หลักไหนที่คุณเห็นว่าสมควรกว่าครับ
โดย
M149
อาทิตย์ มี.ค. 11, 2007 5:07 am
0
0
ประเทศไทย จะติดกับดักสภาพคล่องไหมครับ
ทุนนิยม ระบบตลาดเสรี มองผิวเผินก็ดีครับ แต่ จุดอ่อนสำคัญในตัวมันที่ลืมไม่ได้ คือ เงื่อนไขที่สำคัญที่ทำให้ระบบทุนนิยมมีประสิทธิภาพคือตลาดต้องมีประสิทธิภาพ และสมมติฐานข้อที่หนึ่งของตลาดทีมีประสิทธิภาพคือ ทุกคนมีพื้นฐานเท่าเทียมกัน นี่คือปัญหา ทุกคนมีพื้นฐานที่เท่าเทียมกันหรือ? เจ้ตุ๋ยเจ้าของร้านชำปากซอยมีพื้นฐานเท่า7-11หรือ? สหกรณ์โคนมไทยมีพื้นฐานทัดเทียมโคนมออสเตรเลียหรือ? นักลงทุนรายย่อยมีข้อมูลเท่าเทียมนักลงทุนรายใหญ่หรือ? เพราะเหตุที่พื้นฐานไม่เท่า และตลาดไม่มีประสิทะภาพมิใช่หรือ รัฐจึงต้องแทรกแซง การต่อต้าน FTA ไม่ใช่การต่อต้านการแซกแทรงของรัฐหรือ เพราะกำแพงภาษีก็ถูกกำหนดโดยรัฐ การต่อต้าน Superstore ก็ไม่ใช่การต่อต้านระบบตลาดเสรีหรือ นี่คือเหตุที่ว่าทำไมต้องแยกให้ออกว่า ปัญหาอะไรเป็น Sys ปัญหาอะไรเป็น Non-sys ตราบใดที่ไม่เข้าใจถึงพื้นฐานแห่งปัญหา ไม่ได้มีการแยกปัญหา Non-sys ออกจาก Sys มันก็เหมือนปลาว่ายวนในอ่างไม่รู้จบ ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้บอกว่าระบบตลาดเสรีมันไม่ดี แต่มันมีจุดอ่อนถึงได้มีความจำเป็นในการต้องแทรกแซงโดยรัฐต่างหาก ซึ่งทั้งนี้เราไม่ควรบอกว่าการแทรกแซงไม่ดี แต่ควรพิจารณาว่าการแทรกแซงในแต่ละนโยบาย นโยบายใดมีประสิทธิภาพ นโยบายใดด้อยประสิทธิภาพต่างหาก ที่น่าถกน่าวิจารณ์มากกว่า
โดย
M149
อาทิตย์ มี.ค. 11, 2007 12:31 am
0
0
ประเทศไทย จะติดกับดักสภาพคล่องไหมครับ
คือจริงๆแล้ว มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องตำราไหนช่วยได้ช่วยไม่ได้ เพราะปัญหาที่เกิดมันมีส่วนประกอบทั้ง Systematric error (ความผิดพลาดเชิงระบบ) กับ Non-systemetric error (ความผิดพลาดอันไม่ได้มาจากระบบ) ซึ่งตำรามีหน้าที่แก้ไข Systematric error ครับ ไม่ใช่เอาไปแก้ Non-systemetric error แล้วทำไมตำราแก้ Non-sys ไม่ได้ ก็เพราะลักษณะของ Non-sys เป็น event problem คือเป็นปัญหาที่เกิดแบบสุ่ม อย่างเช่นการเปลี่ยนแปลงขั้วการเมือง การก่อปฏิวัติ ฯลฯ ปัญหาแบบนี้ไม่ใช่ปัญหาเชิงระบบ การแก้ไขต้องเป็นเคสบายเคสไป ไม่สามารถกางตำราไหนได้หรอกครับ แต่ทั้งนี้มิใช่ตำราทำอะไรไม่ได้ เพราะหน้าที่ของตำราคือการแก้ปัญหาเชิงระบบ เพราะปัญหาเชิงระบบเป็นปัญหาพื้นฐานและหากเกิดก็จะเกิดอย่างต่อเนื่องและคงอยู่ในลักษณะนั้น เช่น คุณเอาลิฟท์มาแก้ปัญหาการเคลื่อนย้ายคนระหว่างชั้นอาคาร หรือ กระบวนการการลงทุนแนวVIที่นำมาใช้เป็น แนวทาง ในการลงทุน เป็นต้น อย่างที่บอกแหละครับ ตำรามีหน้าที่บอกแนวทาง บอกกระบวนการ แต่อย่าคาดหวังให้มันสามารถแก้ปัญหานอกระบบเลยครับเพราะไม่ใช่หน้าที่มัน :wink:
โดย
M149
ศุกร์ มี.ค. 09, 2007 10:45 am
0
0
ประเทศไทย จะติดกับดักสภาพคล่องไหมครับ
สำหรับปัญหากับดักสภาพคล่องคือ การที่ประชาชนขาดความมั่นใจทางเศรษฐกิจมาก จนมีความต้องการถือเงินไม่จำกัด (ง่ายๆครับถือเงินสดไว้อย่างเดียวเลย ไม่ยอมใช้จ่าย(ยกเว้นเพื่อการดำรงชีพ)แม้จะเก็บเงินลงไหฝังดิน และไม่ได้ดอกเบี้ยก็ทำ) ซึ่งสถานการณ์ ในลักษณะเช่นนี้ ในทฤษฎีของเคนส์รัฐบาลจะไม่สามารถใช้นโยบายทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือการปรับดอกเบี้ยไม่ได้ก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ (เช่นลดดอกเบี้ยลงแล้วแต่ก็ไม่ได้กระตุ้นการลงทุนให้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ด้านบริโภคก็ยังคงไม่กล้าใช้จ่าย) ซึ่งตามทฤษฎีของเคนส์ นโยบายที่ใช้ได้ในกรณีนี้คือนโยบายการคลัง ซึ่งมีสองส่วนคือ ด้านภาษี การการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งทั้งนี้การใช้จ่ายภาครัฐจะมีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรงตามโพสที่แล้วที่ได้โพสไป :wink:
โดย
M149
พฤหัสฯ. มี.ค. 08, 2007 11:43 am
0
0
ประเทศไทย จะติดกับดักสภาพคล่องไหมครับ
อันนี้ผมเห็นไม่เหมือนคุณสุมาอี้นะครับ จริงๆแล้วการใช้จ่ายภาครัฐมันไม่เหมือนการให้เงินชดเชยการว่างงานครับ แต่ทั้งนี้เราต้องพิจารณาด้วยว่าการใช้จ่ายภาครัฐดังกล่าวส่งผลต่อธุรกิจอื่นๆต่อเนื่องหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น การสร้างถนน ส่งผลให้เกิดการจ้างแรงงานในการสร้าง ทำให้ผู้ผลิตยางมะตอยสามารถจำหน่ายสินค้าออกมาได้และเกิดการผลิต(ในกรณีที่ไม่มีสินค้าคงค้าง) เหมืองหิน ซีเมนต์ วิศวกร รถบดถนน ฯลฯ นอกจากนี้ยังส่งผลประโยชน์ทางอ้อมสู่ชุมชน เช่น การเดินทางสะดวกขึ้น ส่งผลให้การขนส่งมากเที่ยวขึ้นหรือใช้เวลาสั้นลง(reduce cost) เมื่อถนนตัดผ่านการคมนาคมดีขึ้น ส่งผลให้วัฏจักรทางเศรษฐกิจต่างๆเรื่อมหมุนต่อไปเรื่อยๆ นี่คือผลลัพธ์จากการที่รัฐใช้จ่ายด้านสาธรณูปโภคครับ :wink:
โดย
M149
พฤหัสฯ. มี.ค. 08, 2007 11:33 am
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
จริงๆส่วนตัว ผมว่าภาษาไทยมันมีศัพท์น้อยไปนะครับ อย่างคำว่าดีนี่ ตีความหมายได้ตั้งแต่ คุณธรรมความดี ยัน ของดีๆ อย่างในภาษาอังกฤษจะมีคำว่า goodness ที่แปลว่าคุณความดี กับ wellness แปลว่าอะไรดีๆ เห็นไหมครับทั้งคำว่า goodness และ wellness มันแปลว่าดีทั้งคู่เลย บางทีเลยกลายเป็นเรื่องที่น่าสับสนไปเลยว่า ดี ที่พูดถึงกันอยู่คือ goodness หรือ wellness กันแน่ :lol: :lol: :lol:
โดย
M149
พฤหัสฯ. มี.ค. 08, 2007 11:17 am
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
ตอบคุณonokung เรื่องแรก ผมใช้คำว่าอำนาจนี่ครับ ไม่ใช่คำว่าอำนาจปกครอง :lol: เป็นจริงในฐานะตัวกลางในการซื้อขายครับ ถ้าว่าด้วย การซื้อขาย หรือ อำนาจการบริโภค อันนี้จริงในทุกกรณีครับ คุณอาจจะบอกได้ว่าอย่างพระบิณฑบาตรไม่เห็นใช้เงิน but someone must pay their have no free launch :wink:
โดย
M149
พุธ มี.ค. 07, 2007 4:42 am
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
ตอบคุณ onokung ครับ คำว่าอำนาจในความหมายที่ผมพูดตลอดมามีความหมายในเชิงวิทยาศาสตร์ครับ กล่าวคือ อำนาจคือกำลังที่จะนำไปสู่การขับเคลื่อนหรือควบคุมสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือ ส่งผลต่ออะไรบางอย่างหรือหลายอย่างก็ได้ ถ้าว่าในเชิงเต๋า อำนาจก็คือ หยาง ครับ ดังนั้นการที่จะขับเคลื่อน ควบคุม หรือผลักดัน ไม่ว่าในมิติใดก็ต้องมีอำนาจครับ ดังนั้นการที่จะหลุดพ้นวัฏสงสารได้ คุณก็ต้องมีอำนาจ มีพลัง ที่จะส่งผลให้สภาพจิตใจอยู่สูงกว่ากิเลส (ถ้าจิตใจคุณมีกำลังหรืออำนาจด้วยกว่ากิเลสที่ยั่วยุคุณ คุณก็จะลอยไปตามกระแส) นี่คือนิยามของอำนาจครับ ซึ่งผมไม่แปลกใจหรอกครับว่าจะสงสัยในคำๆนี้ เพราะโดยมากเรามักจะรู้สึกถึงคำๆนี้ในด้านอำนาจปกครอง เสียมากกว่า สำหรับเงินคืออำนาจชนิดหนึ่ง คือชนิดหนึ่งจริงๆครับ เราอาจมีอำนาจอื่นๆประกอบได้ ในตัวของเงินเองสร้างอำนาจในการ ซื้อ ซึ่งเป็นพื้นฐานของอำนาจในการ บริโภค ซึ่งเป็นบรรทัดแรกของบันไดห้าขั้นของ Maslow ครับ ซึ่งนั่นก็คืออำนาจเหนือ physical need ครับ พอโอเคไหมครับ
โดย
M149
อังคาร มี.ค. 06, 2007 7:56 pm
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
ขอบคุณครับคุณพอใจ ยอมรับครับว่า สิ่งที่ผมโพส อ่านยาก แถมต้องตีความลึกด้วย ซึ่งเป็นจุดอ่อนของวิธีการครับ คือปกติถ้าพูดคุย มันจะสามารถจบได้ เพราะ เราจะเห็นภาษากาย และมันอธิบายได้ต่อเนื่อง แต่กระทู้ก็อย่างงี้แหละครับ ตีความได้เรื่อย แถมเข้าใจกันผิดง่ายด้วย :wink:
โดย
M149
อังคาร มี.ค. 06, 2007 9:52 am
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
คุณหวี ให้ผมทำไงดีละครับ ก็เขาถามมานิ ผมมีแค่สองทางเลือก ตอบ กับ ไม่ตอบ ผมก็กลัวนะว่าจะหลุดทะเล เจ้าของกระทู้ก็ไม่ยอมมาคุม เฮ้อ........กลุ้ม........ ไม่น่าเลยเรา
โดย
M149
จันทร์ มี.ค. 05, 2007 11:11 pm
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
ขอบคุณครับคุณ onokung ตามที่คุณแย้งเรื่องในอดีตกาลที่ไม่มีการใช้เงินนั้น อธิบายได้ครับ ผมบอกว่ามันก็ใช้อยู่ดีครับ คือ เงินไม่ใช่ธนบัตร หรือ เหรียญกษาปต์นะครับ แต่เงินคือ ตัวกลางในการแลกเปลี่ยนครับ ในอดีตการ เราใช้ เปลือกหอย เป็นเงิน ในคุกใช้บุหรี่เป็นเงินครับ ดังนั้นเงินเป็นสื่อกลางของการแลกเปลี่ยน ตราบใดที่มีการแลกเปลี่ยนก็ต้องมีเงินครับ แม้แต่ระบบบาร์เท่อก็ต้องมีการนับคำนวณ credit เป็นตัวกลางเช่นกันครับ ประเด็นหลัง อำนาจไม่ได้มีแค่เรื่องของวัตถุนี้ครับ การที่เจ้าชายละทิ้งทุกอย่างเพื่อธรรมะ ก็ตัวธรรมะเองไม่ใช่หรือครับที่ทำให้เรามีอำนาจเหนือกิเลสตัณหา มีอำนาจที่จะรับรู้ถึงสิ่งเร้าที่เข้ามากระทบจิตใจ ถ้าจิตใจไม่มีอำนาจเหนือกิเลส ก็แพ้กิเลส สุดท้ายก็คืออำนาจครับ คืออย่างงี้ครับอำนาจในที่นี้มันไม่จำเป้นต้องเป็นอำนาจชั่วนะครับ เพราะอำนาจมันก็คือกำลังที่คุณจะสามารถควบคุมสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ผมอาจจะผิดพลาดที่ใช้คำว่า อำนาจ ซึ่งผมน่าจะใช้คำว่า power มากกว่า หรือจริงๆแล้วเราชอบคิดกับคำว่าอำนาจเป็นทางลบรึเปล่าครับ คุณอนงคุง ปล.อย่าเรียกผมท่านเลยนะครับ ขอร้องครับ มันกระดากครับ
โดย
M149
จันทร์ มี.ค. 05, 2007 10:52 pm
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
ขอบคุณจุดที่แย้งของคุณ Onokung ครับ ผมขอแยกประเด็นที่คุณแย้งสองประเด็น คือ 1. ในคำกล่าวที่ว่า "เงินคืออำนาจอย่างหนึ่ง" กับ 2. เรื่องของความต้องการอำนาจ ในประเด็นแรก ประเด็นมันอยู่ในประโยคอยู่แล้วครับ คือคำว่า "อย่างหนึ่ง" ซึ่งผมไม่ได้บอกว่าเป็นอำนาจสุทธิ ครับ พูดง่ายๆมันคืออำนาจลักษณะนึงเท่านั้น ในโลกสงครามที่คุณอ้าง อาวุธ ก้เป็นอำนาจครับ แต่ในโลกของทุนนิยม เงินคืออำนาจ ชนิดหนึ่ง ครับ สำหรับเรื่องความต้องการอำนาจอันนี้ อย่าสับสนระหว่างคำว่า อำนาจ กับ ระดับของอำนาจ นะครับ เพราะที่ผมบอกคืออำนาจเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ คุณมีลูกน้องคุณต้องการให้เขาฟังสิ่งที่คุณพูดที่คุณแนะไหมครับ คุณไปร้านอาหารสั่งอาหารคุณต้องการให้บริกรปฏิบัติดีกับคุณไหมครับ คุณซื้อของคุณต้องการให้คนขายให้ของที่ดีที่สุดกับคุณไหมครับ บอกได้ไหมครับว่าตัวอย่างสามข้อข้างต้นไม่มีนัยของอำนาจแฝงอยู่ และมีใครไหมครับที่ปฏิเสธความต้องการข้างต้น (ไอ้ได้หรือไม่ได้นี่ไม่เกี่ยวนะครับ) หรือง่ายของง่ายที่สุด คุณเคยไหมครับที่สบถว่า ทำไมมัน...ไม่เป็นอย่างงั้นXX... นี่คือคำสบถของผู้สูญเสีย อำนาจ ในการควบคุมอะไรบางอย่าง ตามนี้ครับคุณ onokung พอตอบประเด็นของคุณได้ไหมครับ
โดย
M149
จันทร์ มี.ค. 05, 2007 6:59 pm
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
ถ้าตามที่คุณhotสื่อ อันนี้ความเห็นผมคิดว่าไม่ใช่เด็กมันแยกดีชั่วไม่ออก แต่ ตัวที่ทำให้ทำชั่วมากขึ้นคือ หิริ โอตัปปะ ในใจมันต่ำลงมากกว่าครับ ประเด็นคือ มีความรู้สึกว่าสิ่งที่ทำมัน "ไม่เห็นเป็นไร ใครๆก็ทำ" ไอ้ความรู้สึกตรงนี้ต่างหาก ที่มันหน่วงให้ใจมันต่ำลง ไม่ใช่แยกไม่ออกว่าดี/ชั่วหรอกครับ
โดย
M149
เสาร์ มี.ค. 03, 2007 10:54 pm
0
0
การส่งเสริมการส่งออกตอนนี้ดีจริงหรือ
หลายท่านในที่นี้อาจจะลืมไปนะครับว่า ในเรื่องการส่งออกมันมีองค์ประกอบทั้ง ดุลการค้า และ ดุลบริการ ซึ่งดุลบริการ เช่น การท่องเที่ยว การศึกษา ก็ถูกบันทึกใน net export เช่นเดียวกัน ไหนๆคุณสุมาอี้รื้อข้อมูลก็ลองแยกดูดุลบริการออกจากดุลการค้าดูหน่อยสิครับ
โดย
M149
เสาร์ มี.ค. 03, 2007 2:18 am
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
ถามจริง คำตอบที่แบงค์อ้างกวนตีนจริงๆเหรอ บอกตามตรง ต้องการอธิบายProcessเท่านั้น ไม่ได้คิดไปเรื่องกล่าวร้าย ต่อว่า หรืออะไรเลยนะ เอาเป็นว่าถ้าคุณหวีรู้สึกว่าประโยคตามที่ rocker อ้างมันเป็น negative ต่อคุณจริง ผมขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ
โดย
M149
ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 2:03 pm
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
เห็นตามที่คุณหวีกล่าวครับ เฮ้อ.......หลุดประเด็นจริงๆ กลายเป็นเรื่อง ตรรกะ กับ ข้อคิดเห็น ไปได้ ขอยุติข้อพิพาทเช่นกันครับ
โดย
M149
ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 1:57 pm
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
คุณพอใจตีความและวัตถุประสงค์ผมผิดครับ ผมไม่ได้กล่าวร้าย หรือหมิ่นประมาทคุณหวีนะครับ สิ่งที่ผมพูดมันคือ Process ครับ ผมแปลงตัวอย่างให้ดูใหม่ก็ได้ครับ คุณพอใจโพสมา ผมอ่าน เมื่ออ่านมันกระตุ้นทำให้ผมคิด ผมโพสกลับเป็นการกระทำ โพสของคุณพอใจคือสิ่งเร้า ความคิดผมคือeco ผมตอบกลับคือaction นี่คือสิ่งที่ผมยก มันไม่ใช่เรื่องว่ามาทะเลาะเลยนะครับ มันคือ process เพียวๆ ตรรกะ เพียวๆ ครับ
โดย
M149
ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 1:51 pm
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
คุณหวีครับ ตรงไหนที่ไม่เข้าใจครับ ผมจะได้ชี้แจงให้กระจ่าง บอกตามตรง ถ้าคุณยังคาใจ ผมก็ไม่สบายใจ นี่ไม่ใช่เรื่องทะเลาะนะ แต่ผมยังมองว่า นัยหรือเนื้อหาที่ผมหยิบยกขึ้นมาเป็น ตรรกะ ไม่ใช่ ข้อคิดเห็น ครับ ยอมรับครับว่าประโยคที่ใช้ดูเหมือนความคิดเห็น แต่เนื้อหามันคือตรรกะ ถ้าเห็นต่างโปรดชี้แนะ
โดย
M149
ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 1:45 pm
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
เฮ้อ..... การที่คุณหวีตอบผมก็แสดงให้เห็นแล้วว่าตรรกะข้อแรกเป็นจริง สิ่งที่ผมโพส ไปกระทบจิตใจความรู้สึกคุณ คุณก็ปรุงแต่งความรู้สึกนั้นกับประสบการณ์ฯลฯ ที่สะสมมาในตัวคุณ แล้วคุณก็ตอบผมออกมา นี่ไงครับ สิ่งที่ผมโพสเป็นสิ่งเร้า ไปทำปฏิกิริยากับใจคุณ คุณตอบผมกลับเป็นการกระทำ แล้วอย่างงี้มันไม่ใช่ ตรรกะ ตรงไหนครับ เงินคืออำนาจรูปแบบหนึ่ง ถ้าไม่ใช่ก็คืออะไรครับ ผมไม่ได้ชวนทะเลาะกับคุณ แต่ถ้าคุณเห็นว่าตรรกะนี้ผิด โปรดแย้งครับ และอยากให้แย้งด้วยครับ ผมพูดจากใจจริง เพราะถ้าตรรกะนี้ผิด มันก็ไม่ควรใช้
โดย
M149
ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 1:28 pm
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
ดนดีตามนิยามละครน้ำเน่านี่ มันอุปโลกครับ แต่มันต้องแยกตัวแปรครับ เหมือนสมมุติให้ ความดี = X1 ความโง่ = X2 ซึ่ง X1 ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับ X2 ใดๆทั้งสิ้น และถ้าให้คนดีเป็นตัวแปร Y ถามว่าตัวแปร Y แปรผันตาม X2 รึเปล่าครับ หรือมีความสัมพันธ์กับ X2 หรือ แต่ Y ต้องมี X1 เป็นตัวแปร เพราะถ้าเป็นคนดี แต่ไม่ประพฤติดี จะเรียกว่าคนดีได้อย่างไร หมายเหตุ อันนี้ปลายเปิดครับ เป็นข้อคิดเห็น เห็นต่างเชิญครับ
โดย
M149
ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 1:16 pm
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
เรียนคุณพอใจครับ ผมไม่ได้ฟันธงครับ ตรรกะ คือ ตรรกะ ครับ อย่างที่โพสไป ยอมรับครับ ว่าหลายคนอาจอ่านแล้ว ไอ้นี่แง่งหัวแข็ง แต่อย่างที่โพสครับ ถ้าเป็นความคิดเห็น อันนี้คนละกรณีเลยครับ
โดย
M149
ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 1:08 pm
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
ต้องเรียนคุณหวีอย่างนี้ สิ่งที่ผมยกมาพูดคือ ตรรกะ และ ตรรกะ มีแต่ จริง ไม่ก็ เท็จ ไม่มี น่าจะ ควรจะ ครับ สำหรับความคิดเห็นมันจะอยู่ในรูป ผมคิดว่า.....เรื่องนี้.......เราน่าจะทำ..........หรือถ้าเป็นผมผมจะ........... อะไรประมาณนี้ นี่คือข้อคิดเห็นครับ เปิดกว้างได้ แต่ตรรกะ คือคำตอบปลายปิด มีแต่ ใช่ กับ ไม่ใช่ เหมือนเวลาคุณทำสมการ มีแต่ reject กับ not reject ครับ ปล. ผมไม่ได้มางัดข้อกับคุณหวีนะครับ แต่ถ้าตรรกะที่ผมยกไม่จริง มันคือไม่จริงสถานเดียวครับ ไม่มีน่าจะครับ แต่ถ้าเป็นความเห็นถกกันไปเถอะครับ ผมชอบซะอีก :wink:
โดย
M149
ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 12:59 pm
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
เป็นคนดียากตรงไหนครับ เป็นโจร ต้องคอยระวังตำรวจ ถ้าคุณเป็นคนดีคุณต้องระวังด้วยหรือครับ คือจริงๆแล้ว เราพยายาม สร้างนิยามของคำว่าดีมากเกินไปรึเปล่า เหมือนสว่างกับมืด พอไม่มืดมันก็สว่างเอง พอไม่สว่างมันก็มืดเองเท่านั้น โอเคครับ มันอาจมีสลัวๆ ก็นั่นอีกหน่ะแหละสลัวอิงสว่างหรือสลัวอิงมืด แต่ที่เห็สับสนกันคือ คุณหวังว่าสังคมจะเห็นความดีของคุณ ซึ่งอาจจะเห็น แต่คุณอาจไม่รู้ว่าถูกเห็น เหมือนดูโฆษณาที่ผู้หญิงมองดูผู้ชายจูงคนแก่ข้ามถนน ผู้ชายอยากได้อะไรครับ อยากได้ตังค์เหรอ หรือ อยากได้คำสรรเสริญ และสิ่งที่เขาได้คืออะไร "ขอบคุณ" คุณได้รับคำนี้จากใครคุณไม่เปรมปรีหรือ หรือคุณรู้สึกหดหู่ อ่ะ โฆษณาเดียวกันแต่เป็นลิฟท์ ถ้าคุณเป็นผู้หญิงที่กดปิดลิฟท์ แต่ได้รับคำ "ขอบคุณ" คุณคงจะรู้สึกดีเหลือแสนเลยหยั่งงั้นหรือครับ ทำ"ดี"ได้"ดี" ครับ ไม่ใช่ได้ตังค์ หรือได้สิ่งต่างๆที่อุปโลกขึ้น แต่ได้สิ่งดีๆตอบ ซึ่งอย่างน้อยนั้นก็คือ "ขอบคุณครับ/ค่ะ"
โดย
M149
ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 12:28 pm
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
ขออภัยหากทำให้คุณHIVเข้าใจผิด สิ่งที่ผมพูดทั้งหมด ผมยกประเด็นที่เป็นข้อเท็จจริงมาพูด ไม่ใช่ว่าสิ่งที่ผมคิดเห็นเป็นข้อเท็จจริง อย่างประเด็นเรื่องสิ่งเร้า มันก็เป็นจริงเช่นนั้น stimulus มากระทบกับ eco ส่งผลให้เกิด action และ action มันดีหรือชั่ว ก็ขึ้นกับ eco ที่คุณเป็น เท่านั้น หากการกระทำของมนุษย์ไม่ได้อยู่ใต้กรอบนี้ มันเป็นแบบไหนครับ เงินคืออำนาจ อำนาจนำไปสู่การยอมรับ คุณยอมขายของๆคุณไปให้กับใครซักคนที่มีกระดาษติดมือที่เรียกว่าธนบัตรรึเปล่าครับ นั่นหมายความว่า ธนบัตรนั้นมีอำนาจซื้อไม่ใช่หรือ ผมเป็นคนเปิดครับ แต่อย่างไรก็ดี หากตรรกะที่ผมยก ไม่ใช่ข้อเท็จจริง กรุณาชี้ให้เห็นด้วยครับ ว่าตรงไหนมัน fault เพราะนี่ไม่ใช่ความคิดเห็นครับ แต่มันเป็นตรรกะ รบกวนครับ
โดย
M149
ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 12:16 pm
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
อย่างที่กล่าวครับ อย่าสับสนระหว่างตัวแปรที่แตกต่างกัน ดีไม่สัมพันธ์กับถูกต้อง ชั่วไม่สัมพันธ์กับผิดพลาด ความคาดหวังนี่ยิ่งไม่เกี่ยวข้อง เหมือนคุณดูหุ้น คงไม่บอกว่าบริษัทกำไรดีคือบริษัทที่มีความเข้มแข็งทางการเงินถูกไหมครับ
โดย
M149
ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 11:30 am
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
สวัสดีครับคุณเจย์ โชว์ สบายดีครับ ตอนนี้ก็เรื่อยๆครับ รอจบโทซักที ที่นี่ดูคึกคักดีนะครับ เปลี่ยนไปเยอะ
โดย
M149
ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 11:25 am
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
นิทานคุณ hot สนุกดีครับ แต่นิทานก็คือนิทานครับ ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า เรื่องราวในนิทานดังกล่าวเป็นลักษณะภายใต้กรอบที่เรียกว่า วิถีชาวบ้าน ตามหลักวิชาสังคมศาสตร์ ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับความดี/ชั่วแต่อย่างใด ชื่อ "ดี" และชื่อ "ชั่ว" ในนิทานนั้นจึงเป็นแค่ชื่อครับ สำหรับสิ่งที่โพสไปของผม ไม่ใช่ข้อคิดเห็น (เพราะไม่ได้คิดหรือรู้สึกไปเอง) แต่เป็นข้อเท็จจริงครับ เหมือนการลงทุนแบบเน้นมูลค่า คุณต้องแยกแยะให้ออกว่าข้อมูลใดคือ ข้อเท็จจริง และข้อมูลใดคือ ความเห็น ดังนั้น ข้อเท็จจริงย่อมต้องเป็นตัวตั้งเสมอ
โดย
M149
ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 11:11 am
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
ตอบคุณ hot ความดีไม่สามารถรับรู้ได้ด้วยตนเองจริงหรือ? ถ้าคุณแบกของหนักๆในมือ แล้วอยู่ดีๆมีคนมาช่วยยก คุณไม่รู้สึกว่านั่นคือน้ำใจคือความดีงั้นหรือ ต้องให้คนอื่นมาบอกงั้นหรือ ถ้าคุณมีปัญหา แล้วมีคนมาให้คำปรีกษาคุณ แล้วคุณสบายใจขึ้น ต้องมีใครมาบอกให้คุณรู้ไหมครับว่านี่คือความดี เด็กกำพร้าที่บ้านเลี้ยงเด็ก ถ้าเราเข้าไปด้วยจิตใจโอบอ้อมอารี เด็กเข้ามากอดไหมครับ หรือมันจะวิ่งเข้าไปกอดขี้เหล้า ถ้าคุณคิดให้ช้าลงซักนิด คุณจะได้คำตอบเอง
โดย
M149
ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 7:44 am
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
ตอบคุณ copywriter เหลือเทอมสุดท้ายครับ พอดีไม่มีหุ้นในมือเลย เลยไม่รู้จะเข้ามาทำไมน่ะครับ แต่กระทู้นี้เจ้าแบงค์ (rocker) msn ให้ผมตอบกระทู้นี้ เลยมาตอบน่ะครับ
โดย
M149
ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 7:34 am
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
ประเด็นที่คนส่วนใหญ่มักมองว่าความรวยจะทำให้เป็นสุขนั้น จริงๆแล้ว ความรวยคือรูปแบบหนึ่งของ "อำนาจ" เพราะคนทุกคนล้วนอยากมีอำนาจ (หากไม่เชื่อคุณยอมให้สัตว์เลี้ยงมีอำนาจเหนือคุณไหม) และอำนาจคือพละกำลังที่จะนำมาซึ่งสิ่งที่ปรารถนา ซึ่งมันเป็นคนละเรื่องกับการเป็น คนดี หรือ ไม่ดี ดังนั้นอย่ามาพูดว่าเป็นคนดีแล้วยุ่งยาก เพราะคนชั่วที่มีชีวิตที่ยุ่งยากกว่าเรามีมากนัก (ถ้าไม่เชื่อไปนอนในคุกสิ) อย่าบอกว่ารวยก่อนถึงดีได้ เพราะคนรวยบางคนแม้แผ่นดินเหยียบยังไม่มี ดังนั้นอย่าสับสนระหว่าง ดี/ชั่ว รวย/จน สุข/ทุกข์ แต่ละคู่มันคนละเรื่อง
โดย
M149
ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 7:31 am
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
ถ้าคิดเพียงแค่ว่าเป็นคนไม่ดีแล้วไม่เครียด งั้นไอ้พวกที่นอนอยู่ในเรือนจำนับแสนคนไม่เครียดงั้นหรือ พวกที่ต้องอยู่ในมุมมืดก็ไม่เครียดงั้นสิ ได้เคยดู Infernal Affair ไหม พี่หลิว เราชีวิตไม่เครียดเลยนะครับ
โดย
M149
ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 7:11 am
0
0
ทําไมคนดีถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี
เทาที่อ่านในกระทู้นี้ดูเหมือนว่าคำถามถูกแตกออกเป็นสองประเด็นคือ ทำไมคนดีกลายเป็นคนไม่ดี กับ ทำไมคนถึงทำดี/ไม่ดี ในประเด็นแรกถ้าจะถามว่าอะไรทำให้คนดีกลายเป็นคนไม่ดี คำตอบคือ ไม่สามารถตอบแบบสรุปได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของมนุษย์(ไม่เฉพาะเรื่องดี/ไม่ดี) ขึ้นอยู่กับตัวแปรหลากหลายจนถึงอนันต์ แตตัวแปรหลักคงไม่พ้น ความคาดหวัง และ มุมมองที่มีต่อเหตุการณ์ สถาณการณ์ หรือ สิ่งเร้า นั้นๆ ซึ่งข้อเท็จจริง หากเรารู้ว่าอะไรเนสิ่งที่ทำให้คนดีกลายเป็นไม่ดีได้ ก็คงไม่ต้องมีกฎหมาย เพราะเราสามารถเตรียมการป้องกันได้ แต่ความเป็นจริงเราไม่ทราบได้ สำหรับประเด็นหลัง สั้นๆ ความรู้สึกนึกคิดที่คนๆนั้นมีต่อสิ่งเร้าตรงหน้า กล่าวคือ การที่คนใดคนหนึ่งจะตัดสินใจว่าจะทำดี/ไม่ดี อันดับแรกจะต้องมีสิ่งเร้าเข้ามากระทบเสียก่อน เมื่อสิ่งเร้านั้นเข้ามากระทบจิตใจ เราก็จะมีปฏิกิริยาต่อสิ่งเร้านั้นโดยผลกระทบก็จะขึ้นอยู่กับพื้นเพของคนๆนั้นอันได้แก่ ประสบการณ์ การศึกษา ความรู้ การปลูกฝัง จิตสำนึก ความคาดหวัง ฯลฯ โดยที่ผลลัพธ์ของปฏิกิริยาก็จะส่งต่อไปยังความคิด ซึ่งจะออกมาเป็น ดี/ไม่ดี ก็คือตรงนี้แหละ จบ
โดย
M149
พฤหัสฯ. มี.ค. 01, 2007 11:08 pm
0
0
งบการเงินครับจำเป็นมากมั้ยครับ สำหรับการลงทุนแบบ VI
การมองงบการเงินถ้าจะดูให้ง่ายขึ้นควรจะเข้าใจเหตุผลของบแต่ละแบบด้วยจะวิเศษมาก งบกำไร/ขาดทุน เป็นตัวแสดงถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งการที่เราจะดูว่าบริษัทนี้รายได้ดีแค่ไหน บริหารค่าใช้จ่ายประหยัดหรือไม่ ก็ใช้งบชุดนี้แหละครับ ถ้าเปรียบกับรถก็คือ แรงม้า แรงบิด อัตราการบริโภคน้ำมัน เป็นต้น งบดุล เป็นตัวที่แสดงถึงการใช้ทรัพยากรของบริษัท อันเป็นตัวสะท้อนถึงสภาพคล่องและความเสี่ยงของบริษัท ดังนั้นหากจะพิจารณาว่าบรษัทนี้บริหารเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน โครงสร้างของบริษัทเป็นอย่างไรก็ดูตัวนี้ครับ ซึ่งเป็นเสมือน ตัวถัง เชสซี ระบบช่วงล่าง ระบบส่งกำลัง ระบบเบรค เป็นต้น งบกระแสเงินสด เป็นตัวแสดงถึงการเคลื่อนไหวของเม็ดเงินในบริษัท เป็นตัวบ่งบอกสภาพคล่องที่แท้จริงของบริษัทว่าเป็นอย่างไร มีคอขวดตรงไหน เช่นกันถ้าเปรียบกับรถก็คือ หัวฉีด การจุดระเบิด น้ำมันเครื่อง ระบบหล่อเย็นต่างๆ เป็นต้น ส่วนสิ่งที่ไม่ได้เป็นงบการเงินเช่น ฟอร์ม56-1 เป็นตัวบ่งบอกถึงทิศทาง ค่านิยม และวิธีการปฏิบัติการของบริษัท ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็คือ ล้อ เพลา และ พวงมาลัยดีๆนี่เอง เห็นภาพมากขึ้นไหมครับ :wink:
โดย
M149
พุธ ม.ค. 25, 2006 12:20 am
0
0
เงินต้น และ ดอกเบี้ย
เสริมให้ครับ โดยเงินต้นที่จะต้องคืนที่อยู่ใน cash flow statement นั้นจะระบุเป็นรายการว่า "เงินกู้ครบกำหนดชำระ" ประมาณนี้ครับ :wink:
โดย
M149
พุธ ม.ค. 25, 2006 12:02 am
0
0
"หุ้นสังกะสี" จะซํารอย "หุ้นเรือ" หรือเป
ผมว่าหุ้นสังกะสีน่าจะระวังๆหน่อยดีกว่าครับ ลองดูตารางนี้ดูซิครับ http://www.bot.or.th/bothomepage/databank/EconData/EconFinance/tab67.asp เราจะเห็นว่าดัชนีการผลิตเหล็กชุบสังกะสีลดลงเรื่อยๆ แต่ดัชนีโลหะสังกะสีกับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันส่งนัยแปลกๆนะครับ เหล็กชุบสังกะสีเป็นDemand Sideของสังกะสีมีการผลิตลดลงต่อเนื่อง แต่Supply Sideกลับวิ่งสวนทาง อย่างงี้เดี๋ยวไม่ล้นตลาดหรือ บังเอิญไม่มีข้อมูลเชิงลึกยังไงขอไอเดียด้วยครับ
โดย
M149
ศุกร์ ม.ค. 20, 2006 7:37 pm
0
0
ราคาทองแดง และโลหะต่างๆในตลาดโลก หาจากweb ไหน
http://www.nymex.com/index.aspx
โดย
M149
พุธ ม.ค. 18, 2006 11:03 pm
0
0
บททดสอบ Kaynesian's Economics
มาดูpresentationของสภาพัฒน์ฯดีกว่าว่าดีร้ายยังไงเศรษฐกิจไทยปีที่ผ่านมา http://www.nesdb.go.th/econSocial/macro/nad/1_qgdp/data3_05/ppt.pdf
โดย
M149
พุธ ม.ค. 18, 2006 10:57 pm
0
0
บททดสอบ Kaynesian's Economics
ถ้าดูจากแผนภูมิ ผมว่าเมืองไทยยังไม่ได้เลยร้ายขนาดนั้นนะ 1.อัตราการใช้กำลังการผลิต ซึ่งเป็นตัวสะท้อนภาคการผลิตของเอกชน อยู่ที่ราวๆ 70% ซึ่งขยายตัวจากปีก่อนประมาณ 5% และระดับที่ไม่เกิน 80%และไม่ต่ำกว่า60% ถือได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีคือ ไม่ เกิน หรือ ขาด เกินไป ระดับอัตราการบริโภคก็ยังคงอยู่ใกล้เคียงกับปีก่อน แต่ตัวเลขที่น่ากังวลกลับเป็นอัตราการลงทุนที่ขยายตัวแบบถดถอย ซึ่งอาจเป็นการสะท้อนการชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนของสภาพการณ์และความผันผวนของราคาเชื้อเพลิงในปีนี้ สำหรับเงินเฟ้อปีนี้ถือได้ว่าเพิ่มขึ้นสูงเลยทีเดียว คงต้องรอตัวเลขสรุปทั้งปีว่าอยู่ที่เท่าไหร่ แต่ยังดีที่อัตราการว่างงานยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ(ซึ่งสัมพันธ์กันกับอัตราการใช้กำลังการผลิต) อัตราการฝากเงินที่เพิ่มสูงขึ้น(ซึ่งสัมพันธ์กันกับอัตราการบริโภคที่ทรงตัวเช่นกัน) :wink:
โดย
M149
พุธ ม.ค. 18, 2006 10:49 pm
0
0
บททดสอบ Kaynesian's Economics
http://www.bot.or.th/BOTHomepage/DataBank/Econcond/pressrel/monthly/12-30-2005-Th-i-1/12_pic_Nov05.pdf อันนี้เป็นแผนภูมิประกอบการอธิบายสภาพเศรษฐกิจไทย ณ ปัจจุบัน(2548)
โดย
M149
พุธ ม.ค. 18, 2006 10:24 pm
0
0
บททดสอบ Kaynesian's Economics
เรื่อง แถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินเดือนพฤศจิกายน 2548 เครื่องชี้เศรษฐกิจเดือนพฤศจิกายน 2548 โดยรวมชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะเครื่องชี้อุปสงค์ ในประเทศ อย่างไรก็ตาม ภาคต่างประเทศปรับตัวดีขึ้น โดยการส่งออกขยายตัวสูงกว่าเดือนก่อน และการนำเข้าชะลอตัวลง ด้านอุปทาน รายได้เกษตรกรขยายตัวสูงต่อเนื่อง จากปัจจัยด้านราคาเป็นสำคัญ ส่วนผลผลิตพืชผลหลัก เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย ทั้งนี้ บางส่วนเป็นผลจากปัจจัยชั่วคราว ขณะที่การผลิตเพื่อส่งออกยังขยายตัวในเกณฑ์ดี สำหรับในภาคบริการปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ โดยจำนวนนักท่องเที่ยว ต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนเล็กน้อย เสถียรภาพเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี โดยด้านฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง ฐานะดุลบัญชีเดินสะพัดปรับตัวดีขึ้น ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอย่างมีเสถียรภาพ และแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไปเริ่มอ่อนตัวลง รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนพฤศจิกายน ปี 2548 มีดังนี้ 1. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน 2548 ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.0 ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน การชะลอตัวดังกล่าวเนื่องจากการผลิตในบางหมวดอุตสาหกรรมลดลงจากปัจจัยชั่วคราว ได้แก่ หมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และหมวดผลิตภัณฑ์เคมีที่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงาน ขณะที่บางหมวดอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ในประเทศที่ชะลอตัวลง เช่น หมวดยาสูบได้รับผลกระทบจากมาตรการห้ามแสดงบุหรี่ ณ จุดขาย หมวดวัสดุ ก่อสร้าง หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กชะลอตัวตามภาคการก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม สินค้าหลายหมวดยังขยายตัว ในเกณฑ์ดีตามอุปสงค์จากต่างประเทศ เช่น หมวดอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในวัฏจักรขาขึ้น หมวดอาหารโดยเฉพาะอาหารทะเลกระป๋องเพิ่มขึ้นมากตามความต้องการจากต่างประเทศ หมวดสิ่งทอขยายตัวดีตามการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป หมวด ยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่งโดยเฉพาะรถยนต์พาณิชย์ที่อุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศยังขยายตัวดี สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 70.3 ลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 72.3 ในเดือนก่อน 2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนลดลงร้อยละ 0.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน เป็นผลมาจากการลดลง ของปริมาณการใช้ไฟฟ้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่เป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม _ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งขยายตัว เนื่องจากมีรถยนต์รุ่นใหม่เปิดตัวในตลาด ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 จากระยะเดียวกัน ปีก่อน ขยายตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ตามการลดลงของการลงทุนในหมวดก่อสร้าง สอดคล้องกับภาวะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวลง ตามแนวโน้มพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลและปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ ในประเทศ เช่นเดียวกับการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรชะลอตัวลงตามมูลค่านำเข้าสินค้าทุน ณ ราคาคงที่ และปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ 3. ภาคการคลังเดือนพฤศจิกายน 2548 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บ 111.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 2.3 ชะลอลงตามรายได้ภาษีที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 3.1 แม้ภาษีจัดเก็บจากฐานรายได้ยังขยายตัวดี แต่ภาษี จากฐานการบริโภคและฐานการค้าระหว่างประเทศจัดเก็บได้ลดลง ส่วนหนึ่งเนื่องจากฐานในระยะเดียวกันปีก่อนอยู่ในระดับสูง และการชะลอตัวของการใช้จ่ายในประเทศ ประกอบกับการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันและภาษีศุลกากร ขณะที่รายได้ ที่มิใช่ภาษีลดลงร้อยละ 4.9 สำหรับดุลเงินสดรัฐบาลในเดือนนี้ขาดดุล 27.8 พันล้านบาท 4. ภาคต่างประเทศ ดุลการค้าขาดดุล 201 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงเมื่อเทียบกับการขาดดุล 372 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือนก่อนหน้า โดยการส่งออกขยายตัวร้อยละ 13.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7.7 ในเดือนก่อน คิดเป็นมูลค่าการส่งออกรวม 9,678 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยสินค้าออกสำคัญที่ขยายตัวสูงขึ้น ได้แก่ สินค้าในหมวด อุตสาหกรรม เช่น เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณี คอมพิวเตอร์ และแผงวงจรรวมและชิ้นส่วน รวมทั้งยานพาหนะและชิ้นส่วน สำหรับการนำเข้าขยายตัวร้อยละ 13.7 ชะลอลงจากเดือนก่อนจากฐานที่สูง มูลค่าการนำเข้ารวม 9,879 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยสินค้านำเข้าที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ได้แก่ เชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ และสินค้าวัตถุดิบ เช่น ผลิตภัณฑ์โลหะและพลาสติก ในขณะที่การนำเข้าสินค้าทุน (รวมการนำเข้าเครื่องบิน 1 ลำ) ชะลอลงจากเดือนก่อน ดุลบริการ รายได้ และเงินโอน เกินดุล 643 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่เกินดุล 440 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากรายรับจากการท่องเที่ยวที่ปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อนและการลดลงของเงินส่งกลับกำไรและเงินปันผลของบริษัทข้ามชาติ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 441 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนดุลการชำระเงินเกินดุล 1,315 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2548 อยู่ที่ระดับ 50.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 2.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. 5. อัตรเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนพฤศจิกายน 2548 พิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.9 ชะลอจาก เดือนก่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 โดยเป็นผลจากการลดลงของราคาสินค้าหมวดพลังงานเป็นสำคัญ ซึ่งราคาในหมวดพลังงาน ที่ลดลงได้แก่ ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ โดยราคาน้ำมันเบนซิน 95 และเบนซิน 91 ปรับลดลง 3 ครั้งในเดือนนี้รวม 1.30 บาท และราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลง 3 ครั้งเช่นกันรวม 1.10 บาท ขณะที่ราคาหมวดอาหารสดปรับสูงขึ้นเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะผักและผลไม้ ไข่และผลิตภัณฑ์จากนม เนื่องจากยังได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม นอกจากนี้ ราคาสินค้าสำคัญที่ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าได้แก่ ค่าโดยสารสาธารณะ ราคาในหมวดยานพาหนะ และหมวดแอลกอฮอล์จากการขึ้น ภาษีสรรพสามิตสุราตั้งแต่เดือนกันยายน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เท่ากับเดือนก่อน ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.8 ลดลงจากเดือนก่อนที่ร้อยละ 8.8 ตามราคาหมวดผลิตภัณฑ์จากเหมืองและหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ชะลงลงเนื่องจากต้นทุนที่ลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก 6. ภาวะการเงิน เดือนพฤศจิกายน 2548 เงินฝากธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 7.8 จากระยะเดียวกัน ปีก่อน และเพิ่มขึ้น 85.0 พันล้านบาทจากเดือนตุลาคม อย่างไรก็ดี เมื่อหักผลของการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่และ การโอนสินทรัพย์หนี้สินระหว่างบริษัทเงินทุนและธนาคารพาณิชย์บางแห่งตามนโยบาย One Presence ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2548 เป็นต้นมาแล้ว เงินฝากธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 4.6 เร่งขึ้นจากอัตราการขยายตัวในช่วงต้นปี เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่เพิ่มขึ้นมีส่วนช่วยจูงใจผู้ฝากเงิน สำหรับสินเชื่อภาคเอกชนของธนาคารพาณิชย์ (รวมการถือครองหลักทรัพย์ของภาคเอกชน) ขยายตัวร้อยละ 6.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน แต่เมื่อหักผลของการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2548 เป็นต้นมา สินเชื่อในเดือนนี้ขยายตัวร้อยละ 3.5 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำกว่าในช่วงปลายปี 2547 สอดคล้องกับการชะลอตัวของกิจกรรมในประเทศ ฐานเงิน ขยายตัวร้อยละ 1.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน เป็นอัตราที่ชะลอตัวลงต่อเนื่องจากต้นปี ส่วนหนึ่ง เป็นผลจากฐานสูงในเดือนเดียวกันปีก่อนซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มเปิดศูนย์จัดการธนบัตร ปริมาณเงิน M2 M2a และ M3 ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 7.2 4.8 และ 5.2 ตามลำดับ เร่งตัวขึ้นจากเดือนตุลาคมเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของเงินฝาก ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งเป็นผลของการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ใหม่และนโยบาย One Presence อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ในเดือนพฤศจิกายน 2548 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตร ระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.69 และ 3.68 ต่อปี ตามลำดับ สูงขึ้นจาก เดือนก่อนตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 7. ค่าเงินบาทในเดือนพฤศจิกายนเฉลี่ยอยู่ที่ 41.12 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงจากค่าเฉลี่ย 40.91 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในเดือนตุลาคม เนื่องจากขณะนั้นความเชื่อมั่นในเงินดอลลาร์ สรอ. ดีขึ้นจากการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 3 ของสหรัฐฯ ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด ประกอบกับธนาคารกลางสหรัฐฯปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed funds rate อีกร้อยละ 0.25 ต่อปี เป็นร้อยละ 4.00 ต่อปี ระหว่างวันที่ 1-24 ธันวาคม 2548 ค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ สรอ. เฉลี่ยใกล้เคียงกับเดือนก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ ตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 3 ของไทย ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ สำหรับความเชื่อมั่น ในเงินดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนเพราะตลาดคาดว่าวัฏจักรอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นของสหรัฐฯ ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว
โดย
M149
พุธ ม.ค. 18, 2006 10:20 pm
0
0
อะไรทำให้ กิตติรัตน์ ลาออก ถ้าเอาช้างเข้าไม่ได้
ผมว่าเอาเรื่องช้างมาเข้าตลาดได้ไม่ได้มาเป็นเหตุในการลาออก มันก็คงพูดไม่ได้ทั้งหมดว่าสมควรหรือไม่สมควรเพราะขึ้นกับมุมมอง แต่เรื่องจับคนปั่นหุ้นหรือโกงหุ้นไม่ได้ จำเลยที่1ไม่ใช่คุณโต้ง เพราะหน้าที่หลักเป็นของ กลต. ไม่ใช่ ตลท. เพราะหน้าที่หลักของ ผจก.ตลท.คือทำให้ตลาดมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นหรือมีผู้เข้ามาลงทุนมากขึ้น ดังนั้นการบอกว่าคุณโต้งน่าจะลาออกถ้าจับคนปั่นหุ้นไม่ได้ไม่น่าจะเป็นจุดที่วิจารณ์เพราะถ้าจะวิจารณ์เรื่องนี้ต้องเป็น คุณธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล กรรมการและเลขานุการ กลต.ครับ :wink:
โดย
M149
พุธ ม.ค. 18, 2006 7:46 pm
0
0
ญี่ปุ่น ถ้าไม่แพ้สงคราม ปัจจุบันมีความแตกต่างไหมคับ
ไอ้ต้นทุนเงินฝากต่อให้ติดลบยังไงก็ไม่มีทางที่ดอกเงินกู้เป็น 0 ครับ ไม่งั้นจะเอารายได้อะไรมาจ่ายพนักงานละครับ :wink:
โดย
M149
อังคาร ม.ค. 17, 2006 10:33 pm
0
0
ถ้าพรรคการเมืองหนึ่งหาเสียงเกี่ยวกับหุ้นว่า...
ไม่เลือกครับ เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาไม่ถูกจุด แถมรัฐจะเอาเงินจากไหนนอกจากเงินภาษีเพื่อซื้อกลับ วิธีที่ง่ายกว่าคือการกำกับควบคุมดูแล ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐสามารถดำเนินการได้ทันที และไม่ต้องใช้การลงทุนอะไรมากมายให้เป็นภาระสาธารณะเปล่าๆ :wink:
โดย
M149
ศุกร์ ธ.ค. 30, 2005 8:33 pm
0
0
อยากให้คุณมนตรี จัดอบรมวิเคราะห์งบการเงินอีก
เฮียรับพี่เลี้ยงช่วยเหลือไหมครับ :lol:
โดย
M149
พุธ ธ.ค. 28, 2005 1:53 am
0
0
เรื่องปตท. เห็นด้วยกับคุณสนธิ แต่ไม่มี.. และกำลังรอฟัง นาย ก
ไม่ได้ตามสักพักกระทู้นี้กระเด็นมานี่เชียว :lol: ประเด็นนักลงทุนไม่ใช่โง่จะไม่หวังผลตอบแทน อันนีจริงครับไม่มีนักลงทุนคนไหนไม่หวังผลตอบแทน แต่ถามเถอะครับผิดหรือเปล่า เหมือนรัฐจ้างเอกชนสร้างถนนสร้างสาธารณูปโภค ผู้รับเหมาไม่บวกกำไรหรือครับ ถ้าคิดว่าการหวังผลเป็นสิ่งเลวร้าย คงไม่ต้องสร้างถนนหนทางหรือสาธารณูปโภคใดๆ แล้วไปอยู่ถ้ำแทน เพราะหลักการที่ถูกต้อง คือ Win-Win นักลงทุนได้ผลตอบแทน รัฐได้ทุนขยายงาน ประชาชนได้การพัฒนากำลังการผลิตเพื่อตอบสนองการเติบโตทางเศรษฐกิจ สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้สมมุติฐานว่ากรณีนี้ไม่มีคอรัปชั่นนะ เพราะถ้าเอาเรื่องคอรัปชั่นมาปะปนจะเป็นคนละเรื่องไป และมันจะไปสู่เรื่องการกำกับดูแลซึ่งได้พูดไปแล้ว ประเด็นเรื่องการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำไมต้องเติบโต คงต้องถามว่านักศึกษาจบใหม่หรือกำลังแรงงานในประเทศมีเพิ่มขึ้นทุกปีใช่หรือไม่ ดังนั้นถ้าเศรษฐกิจไม่โต การขยายงานก็ไม่เกิด แล้วปัญหาการว่างงานใครจะเป็นผู้ดูแล แล้วคิดว่าสวัสดิการทางสังคมของบ้านเราเพียงพอแล้วหรือ ดังนั้นประเด็นนี้เราควรที่จะมองในเชิงมหภาค ไม่ใช่บรรทัดฐานของคนที่มีฐานะ(ภายใต้สมมุติฐานว่าผู้ที่เข้ามาในเว็บนี้ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนซึ่งย่อมต้องมีรายได้ในระดับที่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานเฉลี่ย) ดังนั้นในขณะที่เราๆท่านๆอาจมีฐาะที่เพียง(เหลือ)พอต่อการดำรงชีพ ความรู้สึกรู้ร้อนต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจย่อมต่ำกว่าเป็นธรรมดา ดังนั้นการกล่าวอ้างถึงความพอเพียงต้องระวังมิให้สับสนกับการขาดแคลน ผมว่าประเด็นหลักๆที่จะตอบน่าจะมีเท่านี้นะครับ :wink: :D
โดย
M149
พุธ ธ.ค. 28, 2005 1:50 am
0
0
มือใหม่ขอคำชี้แนะเรื่องแหล่งข้อมูล
นอกจากอ่านงบแล้วอ่าน 56-1 ด้วยนะครับ จะได้รู้ว่าธุรกิจเขาทำอะไร :wink:
โดย
M149
อาทิตย์ ธ.ค. 25, 2005 12:00 am
0
0
ภาษีกีดกั้น การค้า ไทยถูกที่สุดหรือเปล่าคับ
ไม่จริงครับ เพราะหลายๆประเทศมีแนวโน้มที่จะลดภาษีนำเข้าลงเรื่อยๆอย่างแอฟริกาใต้ศูนย์เกือบทุกรายการ(กว่า70%) แต่ถ้าบอกว่าประเทศไทยมีnon tariff barrierต่ำไหม อันนี้บอกว่าต่ำมากครับ ซึ่งประเทศที่พัฒนาแล้วหลายๆประเทศจะใช้นโยบายนี้เป็นหลักในการทำการค้า อย่างสมมุติเรื่องนม แทนที่จะใช้กำแพงภาษี ผมขอกฏหมายข้อเดียวให้ระบุเรื่องฉลากว่า"การระบุว่าเป็นนมสดหรือนมสดแท้ จะต้องมาจากนมที่มิได้มีการแปรสภาพจากรูปสะสารเดิม" หรือพูดง่ายๆคำว่า"นมสด"จะต้องไม่ได้แปรรูปเป็นนมผงแล้วแปรสภาพกลับมาเป็นนมเหลว เป็นต้น แค่นี้นมนำเข้าก็จะกลายเป็นนมดัดแปลงหรือนมชั้นสองทันที(เพราะไม่สามารถขนเข้ามาในรูปของเหลวได้) นี่คือลักษณะตัวอย่างของNTBที่หลายๆประเทศเขาใช้กันครับ :wink: :D
โดย
M149
อังคาร ธ.ค. 20, 2005 11:39 pm
0
0
1271 โพสต์
of 26
ต่อไป
ต่อไป
ชื่อล็อกอิน:
M149
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
อังคาร ก.พ. 04, 2003 12:55 pm
ใช้งานล่าสุด:
-
โพสต์ทั้งหมด:
1477 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.08% จากโพสทั้งหมด / 0.18 ข้อความต่อวัน)
ลายเซ็นต์
https://t.me/pump_upp
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว