คลาย เครียด เขียน:๑. กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
พอขึ้นต้นแบบนี้ปั๊บ ใครๆก็ต้องรู้ว่าเป็นเรื่องนิทานแน่ๆเลย
ก็นิทานนั่นแหละ ใครอ่านแล้วคิดว่าเป็นเรื่องจริง
ก็แสดงว่ามันเป็นเรื่องจริง
เออ พิมพ์เองอ่านเองก็ยังงงเลยแฮะ ฮาๆๆๆ
การกินข้าวแดงนอกบ้าน
ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ
เสี่ยชูวิทย์เขารู้ดี ข้าวแดงบ้าอะไรกันจานละตั้งห้าพันบาท
พอมันเป็นนิทาน และเป็นกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
ตัวเลขข้อมูลอะไรก็ไม่มีให้อ้างอิง
มั่วได้ เอ๊ยฟื้นความจำได้เองตามใจชอบ
ผมลองเจาะเวลาหาอดีตจากกองเอกสารที่มีอยู่ถึงปี ๒๕๓๐
ก็ไม่พบหลักฐานว่าได้ซื้อขายหุ้นตัวนี้แต่อย่างใด
ก็เลยสันนิษฐานว่านิทานเรื่องนี้น่าจะต้องเกิดในปี ๒๕๒๘
เรื่องมันก็เริ่มขึ้นตรงที่ว่า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
ยังมีแมลงเม่าหุ้น เอ๊ยมนุษย์หุ้นสองคน
เป็นเพื่อนนักเรียนที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาเป็นสิบกว่าปี
แต่ดันมีใจตรงกันโดยไม่เจตนาคือ
ตามแห่เข้าไปซื้อหุ้นตัวหนึ่งในหมวดสิ่งทอ
มีชื่อว่า"โทเอไล่" สมน้ำหน้าแล้วที่โดนตลาดไล่ออกไป
ตัวเลขอะไรผมจำไม่ได้แน่นอนแล้ว
แต่มีตัวเลขหนึ่งที่จำมาได้จนทุกวันนี้ไม่มีวันลืมคือ
๓๒ บาทต่อหุ้น
คลาย เครียด เขียน:๒. sun rise industry
ผมไม่รู้ว่ามันมีศัพท์นี้หรือเปล่า
มั่วเอาก็แล้วกัน
ก็พวกกูรู้บอกว่าตอนนี้มันเป็น sun set industry แล้ว
ดังนั้นก่อนที่พระอาทิตย์จะตก มันก็ขึ้นมาก่อนซิ
ในตอนนั้น ตลาดหุ้นไทยถูกพวกตาน้ำข้าวตั้งชื่อซะโก้เก๋ว่า
emerging market ผมแปลแบบสเนกๆฟิชๆได้ว่า
ตลาดที่กำลังจะโผล่
ก็ใช่นะซิ
โผล่ขึ้นมา ให้พวกยูตัดเอาส่วนเกินทุนไปกินซะให้เข็ด
หุ้นกลุ่มสิ่งทอเกือบทุกตัวกลายเป็นหุ้นปัจจัยพื้นฐานชั้นดี
ด้วยวิชามารผนวกวิชาเทพของตาน้ำข้าว
วิชามารก็คือซื้อไว้แล้วเชียร์ขึ้น
ส่วนวิชาเทพก็คือวิเคราะห์อนาคตไว้ซะหรูเลิศประเสริฐศรี
อุตสาหกรรมห้าอะไรก็ไม่รู้ ดีอิ๋บอ๋ายเลยว่ะ
ค่าแรงก็ถูกๆ ก็เลยผลิตสินค้าได้ราคาถูกๆ กำไรมากๆ
ค่าเงินบาทก็อ่อนดีจากฝีมือลดค่าเงินบาทของท่านป๋าเปรม
รัฐบุรุษผู้มีดอกพิกุลเป็นอาวุธ
ชอบพูดที่สุดคือ "ก็แล้วแต่"
สินค้าที่ต้องใช้แรงงานเข้มข้นก็ย่อมไม่พ้น สิ่งทอ
หุ้นสิ่งทอก็เลยการเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในตอนนั้น
อย่างคนเล่นหุ้นจะซวยช่วยไม่ได้
สิ่งทอเจ้าไหนที่ส่งออกได้
ท่านกูรู้ทั้งตาน้ำข้าว กับตาดำๆจะต้องบอกว่าเยี่ยมที่สุด
ประเทศไทยได้เปรียบ ค่าแรงถูก
ข้าพเจ้าฟังทีไรขัดหูทุกที
เพราะมันหมายความว่า
ก็ไอ้พวกเพื่อนร่วมชาติของยูมันค่าตัวถูกดีวะ
เอ พวก"มืงไม่รู้" อย่างข้าพเจ้าและเพื่อน
ฟังแล้วก็เคลิ้มซิครับ
แล้วไปขุดหุ้นกันอีท่าไหนก็ม่ายรู้
ไปเจอ โทเอไล่ เข้าโดยมิได้นัดหมายกันไว้
โอ้โฮ ยอดเยี่ยมจริงๆ
ส่งเสื้อผ้าสำเร็จรูปไปสหรัฐแบบเสือนอนกินในระบบโควต้า
จะมีหุ้นตัวไหนบนโลกใบนี้
ยอดเยี่ยมกว่าหุ้นตัวนี้อีกไหมเนี่ย
สรุปแล้วไม่มีเลย(หวะ)
กูรู้ชี้ทาง stairway to heaven ให้แล้ว
ลุยยยย
คลาย เครียด เขียน:๓. คนเล่นหุ้นคำนวณ หรือจะสู้เจ้าของบริษัทลิขิต
ต่างคนต่างลุย โดยมิได้นัดหมายกันมาก่อน
ผมลุยแค่หลักพันหุ้น เพราะใจไม่ถึงพอจะทุ่มเป็นล้าน
ด้วยมีประสพการณ์มาจากครั้นราชาเงินทุน
ต่อให้ดีแค่ไหน ก็ไม่มีทางทุ่มหุ้นตัวเดียวจนหมด
ตอนนั้นพาร์ร้อย ซื้อแค่พันหุ้นก็ต้องสามแสนบาทขึ้นแล้ว
ส่วนเพื่อนก็ลุยเต็มสูบ ใส่เข้าไปเป็นหมื่นหุ้น
ก็เลยเป็นเงินสามล้านกว่าบาท
ตอนนั้นเขาพึ่งจะ emerging เข้ามาในตลาดหุ้น
เลยเหมือนแมลงเม่า เอ๊ยพยัคฆ์ลำพองติดปีก
มั่นใจตัวไหน โดดใส่แบบไม่มีเบรคเอบีเอส
จากราคาสามร้อยกว่าต่อหุ้น
ด้วยปัจจัยพื้นฐาน อันยอดเยี่ยม หุ้นก็ขึ้นไปเกือบสี่ร้อยอย่างสบายมาก
โอ้ ฝันที่เป็นจริงกำลังจะเกิด
เอ้า ผมขอแค่โตโยต้าโคโรน่าก็แล้วกัน
ส่วนเพื่อนคงฝันให้ไกลไปให้ถึงรถเบนซ์
ยิ่งใกล้วันจะประกาศงบ
ก็ยิ่งใกล้ฝันที่เป็นจริง
สองไตรมาสกำไรมาตั้งสิบกว่าบาท
ไตรมาสที่สามนี้ต้องสุดยอดแน่ ๆ
ใกล้คริสต์มาสออเดอร์ฝรั่งดุเดือดเลือดพล่านที่สุด
ไม่หนีกำไรยี่สิบบาทต่อหุ้นแน่นอน
รวยแล้ว ทั้ง ku และก็มืง ซึ่งผมก็ยังไม่ได้เจอตัวเลยในตอนนั้น
คุณพระช่วยด้วยเถิด
เจ้าของเขาใจป้ำเป็นบ้าเลย
เขาใส่ตัวเลขมาให้เกินกว่าที่คิดไว้มากกก
ตั้ง ๓๒ บาทต่อหุ้นเลย
ก็อย่างที่ท่านผู้อ่านเดาออกแล้วนั่นแหละ
ขาดทุนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
๓๒ บาทต่อหุ้น!!!
คลาย เครียด เขียน:๔. เจ้าของลิขิต ไหนจะสู้ปากกาสื่อ
ใครที่เคยดูภาพ starry night ของแวนโกะ
ก็คงนึกออกว่าผมจะเห็นดาวระยิบระยับกี่ดวง
สมัยนั้นไม่มีสื่อออนไลน์ คนที่อยู่ในห้องค้าหุ้นใหญ่ของตลาด
จะเป็นพวกแรกที่รู้ข่าวทุกข่าวที่บริษัทต่างๆจะแจ้งตลาด
เขาประกาศออกทางลำโพงในห้องค้าใหญ่นั่นแหละ
จากนั้นโบรกเกอร์ต้องไปประกาศต่อกันเอาเอง
ใครต้องการข่าวอย่างเป็นทางการ
ก็ต้องรอรายงานประจำวันหัวม่วงของตลาด
ซึ่งส่งทางไปรษณีย์ในอีกสองสามวันต่อมา
ดังนั้นอินไซด์พวกแรกสุดคือเจ้าของบริษัท
พวกต่อมาคือเจ้าหน้าที่ตลาดที่รับเอกสารแจ้งข่าว
ตามมาด้วยพวกเทรดเดอร์ในห้องค้าใหญ่ที่รับฟังข่าวทางลำโพง
ส่วนพวกสุดท้ายที่จะรู้ข่าวก็คือ
พวกที่เล่นหุ้นอยู่นอกห้องค้า
ไอ้ผมก็ดันจัดอยู่ในพวกสุดท้ายที่รู้ข่าวซะด้วย
ก็เลยหน้ามืดตาลายวิงเวียนศีรษะ เพราะยังไม่รู้สาเหตุว่า
ทำไมหุ้นมันวิ่งอยู่ดีๆ กลับหล่นติดพื้นสามสี่วันติดต่อกัน
ตอนนั้นได้รับข่าวร้ายมาทางไหน จำไม่ได้แล้ว
รู้แต่ว่าพอได้ข่าวที่แท้จริง
ผมช็อคสุดๆ ส่วนเพื่อนก็คงจำบ้านเลขที่บ้านไม่ถูก
กูรู้บอกว่าดีมาตลอด อยู่ๆมันโผล่มาขาดทุนได้ไงตั้ง ๓๒ บาท
ช่วงนั้นบริษัทแจ้งงบรายไตรมาสแค่บรรทัดสองบรรทัด
ก็พอแล้ว ไม่ต้องหมายเหตุ หมายผลอะไรให้เปลืองหมึกพิมพ์
ตลาดก็ไม่ต้องไปจี้เอาเป็นเอาตายว่า
ทำไมขาดทุน ทำไมกำไร
คนเล่นหุ้นคำนวณหรือจะสู้เจ้าของลิขิต ก็ด้วยประการฉนี้
และแล้วต่อมาไม่นานวัน
ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนนักเรียน
ที่ไม่เคยเจอกันมาตั้งแต่จบชั้นมัธยมต้น
เขาชวนคุยเรื่องหุ้น
คุยไปคุยมา พอผมบอกว่าซื้อโทเอไล่ไว้
ก็เป็นเรื่อง(ที่ดีมากๆ)เลยซิครับ
ดีมากๆก็เพราะว่า
ได้ผมเป็นแนวร่วมที่ไม่ย่นระย่อมรสุมอีกหนึ่งคนอย่างแน่นอน
เอาไหนเอาด้วย ช่วยกันพิทักษ์ผลประโยชน์ของku และมืง ฮาๆๆ
มันเป็นเช่นนั้นเองแหละท่านทั้งหลาย
ผลประโยชน์ของใคร ใครก็รัก
คนเจ๊งรอยเนท ก็ต้องตามกระทืบเจ้าของรอยเนท
ส่วนคนที่ไม่เจ๊งก็ได้แต่ออกความเห็นปลอบบ้าง กระทืบซ้ำบ้าง
หลังจากชมรมชาวโทเอไล่บรรลัยจักร
ที่มีเพื่อนผมเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน
ได้ก่อตัวขึ้นด้วยความโหดร้ายและเกรี้ยวกราด
ก็ได้ยกพลบุกลุยร้องเรียนไปทุกที่
ตั้งแต่โทรไปถามเหตุผลที่บริษัท
ร้องเรียนเจ้าหน้าที่ตลาด
อภิปรายในชมรมนักลงทุนรายย่อยที่มีบ้างแล้วในตอนนั้น
คำตอบที่ได้เหมือนกัน ราวกับทำโคลนนิ่ง
เออ คือว่า แบบว่า ก็มันเป็นอย่างนั้นแหละ
ถูกหลักการ(อิ๋บอ๋าย)ทุกประการ ฮาๆๆๆ
ไม่มีใครสนใจหรอก เจ้าแมลงเม่าหน้าโง่ไม่กี่ตัว
สุดท้ายเรื่องก็มาจบแบบแฮบปี้เอนดิ้ง
ด้วยการปรากฏโฉมของอัศวินม้าข่าวที่ชื่อ
ดอนซันท์หนุ
ผู้มีปากกาเป็นอาวุธร้ายที่ แปะเฮียวเซ็งของท่านโกวเล้งลืมจัดอันดับให้
ดอนซันท์หนุเป็นนักข่าวรายสัปดาห์ของหนังสือพิมพ์พระจันทร์
เพื่อนผมไปรู้จักได้อย่างไรก็ไม่รู้
ไม่เคยสอบถามรายละเอียด
วิญญาณของนกน้อยในไร่ส้มมีอยู่ในหัวใจแกเต็มพิกัด
ได้กลิ่นข่าว ก็เหมือนเหาฉลาม เอ๊ยฉลามได้กลิ่นคาวเลือด
สกู๊ปข่าวเด็ดๆ แบบนี้หาไม่ค่อยได้หรอก
บริษัทส่งออกเสื้อผ้าชั้นนำ อยู่ดีก็ขาดทุนเอาดื้อๆ
อย่างนี้มีที่ไหนในโลก นอกจากในประเทศสารขัณฑ์แห่งนี้
แกจี้ติดข่าว ตามพาดหัวข่าวหน้าในให้ตลอด
จากที่ผู้บริหารบริษัท มองไม่เห็นหัวผู้ถือหุ้นรายย่อย
ก็กลายเป็นผู้มีบรรษัทภิบาลขึ้นมาในหัวใจอย่างทันตาเห็น
อธิบายเป็นคุ้งเป็นแควผ่านหนังสือพิมพ์ว่า
บริษัทเจ๊งเละเทะเพราะอะไร และจะแก้ไขอย่างไร
เขาแต่งนิยาย เอ๊ยอธิบายได้ดีมาก
ดอนซันท์หนุ จี้ติดข่าวโทเอไรอยู่ประมาณหนึ่งเดือน?
ในที่สุดแกก็บอกสกู๊ปเด็ดที่ไม่มีการตีพิมพ์ว่า
ผู้บริหารบริษัทส่งซิกให้แล้วว่า
ไตรมาสต่อไปจะกำไรดีกว่าที่ขาดทุนมา
ฟังแล้วหัวใจก็พองโตซิครับ ท่านผู้ชม
แค่หัวใจพองโตเท่านั้นนะ มือไม่ได้คันตามไปด้วย
ใครจะเชื่อคำพูดคนที่เราไม่เคยเห็นหน้าค่าตาได้สนิทก็เชื่อไปเถอะ
แต่ผมชอบดูเรื่อง"ราโชมอน" ก็เลยฟังหูไว้หู
กัดฟันเก็บไว้ แต่ไม่ยอมซื้อเพิ่ม
ในที่สุดฝันก็เป็นจริงโดยคุณไตรภพไม่ต้องแจกรถเข็น
ไตรมาสต่อมา
บริษัทกลับมามีกำไรอย่าง
สุดยอดโคตรอภิมหาพลิกล็อคอมตะนิรันดร์กาล
โอ้โฮ แมลงเม่า เอ๊ยนักลงทุนแห่กันเข้ามาช้อนซื้อกันอุตลุดหลังข่าวออก
แล้วเล่นกันต่อไปจนถึงหลักพันในที่สุด
ส่วนผมก็ตัดช่องน้อยแต่พอเอาแบงค์ร้อยให้กระเป๋าเจมส์บอนด์
ขายทิ้งตอนเจ้ามือปั่นขึ้นมาที่แค่ ห้าร้อยกว่าเท่านั้นเอง
เพื่อนก็คงได้ไปไม่ต่ำกว่าสองล้านบาท
สรุปแล้ว เจ้าของลิขิตก็ยังไม่อาจหาญสู้ปากกาสื่อ
เดี๋ยวขอตัวไปรับลูก จะกลับมาเล่านิทานต่อในตอน
๕. และแล้วทุกคนก็อยู่กันอย่างมีความสุข หลังจากนั้นเป็นต้นมา
คลาย เครียด เขียน: ๕. และแล้วทุกคนก็อยู่กันอย่างมีความสุข หลังจากนั้นเป็นต้นมา
คุณเหาฉลาม ถ้ามันจบแบบในนิทานก็ดีซิครับ
แต่ชีวิตจริงของคนเรา สัตว์โลกย่อมเป็นตามกรรมแห่งความโลภ
เดี๋ยวอีกไม่กี่วันข้างหน้า
เราก็จะได้เห็นกันว่า จะมีบริษัทไหนบ้างที่เข้าข่าย
กูรู้คำนวณ หรือจะสู้เจ้าของลิขิต
เดี๋ยวนี้คนเล่นหุ้นไม่ต้องคำนวณแล้ว กูรู้เขาทำให้เอง
แต่ที่ผมสงสัยมากคือ กูรู้อนาคตจริงหรือเปล่า
ขนาดเมื่อก่อน เวลาบริษัทไหนจะเพิ่มทุน
ตลาดจะสั่งให้บริษัทต้องทำงบประมาณการสามปีข้างหน้า
ผลนะหรือ ผิดจากประมาณกันเป็นคนละเรื่อง
จนต้องให้ยกเลิกในที่สุด
ขนาดเจ้าของยังประมาณการไม่ถูก
แล้วนี่พวกกูรู้เก่งกว่าเจ้าของบริษัท ?
เอ้ากลับมาเข้าเรื่องตัวละครในนิทาน
ทุกคนไม่ได้มีความสุขจากนั้นเป็นต้นมาหรอก
แรงกรรมแห่งความโลภก็พลัดพาให้ไปติดหุ้นตัวโน้น กำไรหุ้นตัวนี้
วนเวียนไปมาไม่มีที่สิ้นสุด
จนกว่าจะตายจากไปหรือเจ๊งหมดกระเป๋า
แต่ผมคงจะโชคดีอยู่หน่อย ที่อย่างไงก็ไม่เจ๊งหมดกระเป๋า
เพราะเงินที่เล่นหุ้นตอนนี้อาจจะแค่ครึ่งเดียวของที่เคยกำไรมา
เรียกว่าควบคุมความโลภระดับมหภาคไว้ได้แล้ว ฮาๆๆๆ
คนที่น่าจะมีความสุขที่สุดในนิทาน
น่าจะเป็นดอนซันท์หนุ เหยี่ยวข่าวผู้อหังการ
แต่แรงกรรมแห่งความโลภก็ไม่เคยปราณีใคร
หลังจากสกู๊ปเด็ด โทเอไร่
ดอนซันท์หนุก็เริ่มรับรู้ถึงอำนาจของสื่อในตลาดหุ้น
แกเริ่มหลงกลิ่นกระดานและปากกาไวท์บอร์ด
ที่พวกเทรดเดอร์ใช้เคาะกระดานหุ้นโป๊กๆซะแล้วซิ
ในที่สุดก็จัดตั้งหนังสือพิมพ์รายวัน "ไทยสต๊อก" ได้สำเร็จ
โดยแกทำหน้าที่ GM (General Bae เจนรัลเบ๊)
แรกๆก็มีเป้าหมายให้ท่านนักเลงโบราณเป็นนายทุนใหญ่
แต่ไปๆมาๆก็ลุยเอง โดยมีคุณที่ขึ้นปกจุดประกายวรรณกรรม
ของกรุงเทพธุรกิจเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วเป็นแบ็คให้
หนังสือพิมพ์ก็ขายดีบ้างไม่ดีบ้างตามราคาหุ้น
แจ็คพอตมาแตกตรงที่ ผู้จัดกวนรายวัน
เข้ามาเทคโอเวอร์ในราคาสิบล้าน
แกน่าจะอยู่อย่างมีความสุขนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
แต่อนิจจา เกิดชอบคิดใหญ่ไม่คิดเล็ก
ได้เงินก้อนสิบล้านมาก็ทุ่มทำหนังสือพิมพ์แนวเศรษฐกิจรายวัน
ซึ่งในที่สุดก็จบลงด้วยหนี้สินล้นพ้นตัว ถูกฟ้องล้มละลาย
ข่าวคราวจะเป็นอย่างไรต่อไม่มีใครรับรู้
นอกจากเจ้าหนี้และเจ้าตัว
เออ แต่ผมยังตามอ่านความคิดดีๆของแกทางกรุงเทพธุรกิจรายวัน
ป่านนี้แกจำหน้าผมไม่ได้แล้วหละ
มนุษย์หุ้นที่เลื่อนขั้นเป็นเซียนหุ้นไม่เคยสำเร็จมายี่สิบกว่าปีแล้ว
ใครอยากจะรู้จักจดจำ
เอาเถอะ เป็นเซียนหุ้นไม่สำเร็จ
รับรองได้ว่า
ข้าพเจ้าก็ไม่ใช่แมลงเม่าหุ้นที่จะให้ใครเชือดง่ายๆหรอก
ซิบอกไห้
http://www.toursong.com/song/0412.htm
คลาย เครียด เขียน: ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมด้วยช่วยอ่าน
ขอย้ำว่าผมเป็นเพียงผู้เล่านิทานและเป็นกองเชียร์เท่านั้น
พระเอกตัวจริงเสียงจริงคือ
เพื่อนนักเรียนสมัยมัธยมต้น
และคุณซันท์หนุ แมวเก้าชีวิตอย่างที่คุณเก้าปลาถามไว้
นี่ผมยังเก็บนสพ."ไทยสต็อก" ฉบับแรกเอาไว้เลยครับ
เพราะผมได้ร่วมด้วยช่วยแปลบทความชื่อ
"หุ้นโพไซดอน บทเรียนจากออสเตรเลีย"
แบบกากีนั่ง เลยได้หนังสือพิมพ์หุ้นมาดูเล่นหนึ่งฉบับ ฮาๆๆ
ไว้ถ้ามีเจ้ามือคนไหนปั่นทุ่งคา และผาแดง
จะลองเอาโพสให้อ่านครับ
คุณวีคเกสท์ และหลายๆท่านในห้องสินธร
ยังหนุ่มยังสาวกว่าผมอย่างน้อยสิบยี่สิบปีขึ้นไป?
ด้วยวินัยส่วนตัวของพวกคุณๆ
คงจะเป็นได้มากกว่ามนุษย์หุ้น
ถ้าเพิ่มความรู้ด้านปัจจัยพื้นฐานของหุ้นเข้าไปให้เข้มข้น
ไว้มีโอกาสผมจะลองโพสเรื่อง
"เซียนหุ้น มนุษย์หุ้น แมลงเม่าหุ้น" ให้อ่านกันเล่นๆ
เพื่อพยายามแก้ตัว เอ๊ยเพื่อบอกเหตุผลว่า
ทำไมผมถึงเป็นได้แค่มนุษย์หุ้น
ไม่ใช่เซียนหุ้น แต่ก็ไม่ใช่แมลงเม่า
ผมยอมรับประโยคอมตะอันนี่ครับ
"to err is human"
ดันเป็นมนุษย์ที่เป็นไม้แก่ดัดยากซ้ำเข้าไปอีก
อย่าว่าแต่วิชาเผ่นพันลี้ของคุณเอี๋ยวเลย
แค่สองเชียะ ก็ยังไม่ค่อยยอมเผ่นแล้ว ฮาๆๆ
แต่ผมไม่รับปากนะครับว่าเมื่อไร
เพราะยังรวบรวมความคิดและข้อมูลได้ไม่มากพอครับ