จากพลังผลักดันทั้ง 5 ของ เฮีย พอร์ทเตอ ซึ่งผมได้รู้จักคำนี้จาก Genie
1 การแข่งขันภายในอุตสาหกรรม
2 คู่แข่งใหม่
3 สินค้าทดแทน
4 supplier
5 ลูกค้า
พี่ๆ และเพื่อนๆ คิดว่าสิ่งไหนจะมีอิทธิพลสูงสุดครับ??
และหากบริษัทที่ชาว TVI ถือหุ้นอยู่นี้ เจอเต็มๆจังๆ เข้าสักตัว (จากทั้ง 5 แรง)จะเป็นอย่างไรครับ
5 แรงแข็งขัน...
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
5 แรงแข็งขัน...
โพสต์ที่ 2
เท่าที่เห็นธุรกิจบ้านเรา ไม่ค่อยได้สนใจเรื่องเหล่านี้เท่าไร เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลงหน่อยก็โวยวายให้รัฐบาลช่วยจนนายกฯต้องออกมาว่าบ้าง ว่าให้รู้จักปรับตัวบ้าง ให้รู้จักสร้างความสามารถในการแข่งขันเองบ้าง ไม่ใช่รอให้รัฐบาลช่วยอย่างเดียว
ดูให้ดีๆ ผมว่ามีอีกหลายบริษัทที่พยายามความสามารถในการแข่งขัน โดยอาศัยพลังทั้งห้า
ดูให้ดีๆ ผมว่ามีอีกหลายบริษัทที่พยายามความสามารถในการแข่งขัน โดยอาศัยพลังทั้งห้า
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 5 แรงแข็งขัน...
โพสต์ที่ 3
ผมมองคำถามเป็นแบบนี้tenkafubu เขียน:จากพลังผลักดันทั้ง 5 ของ เฮีย พอร์ทเตอ ซึ่งผมได้รู้จักคำนี้จาก Genie
1 การแข่งขันภายในอุตสาหกรรม
อะไรที่ทำแล้วได้กำไรส่วนต่าง เยอะๆ ก็มีการแข่งขันตัดราคาเพิ่มคุณภาพ
2 คู่แข่งใหม่
ทุกวันนี้เวลาผ่านไปสังคมเปลี่ยนแปรง ลูกน้องก็แยกตัวไปเป็นเฒ่าแก่
เซลรู้ตลาดที่รับซื้อ เขาก็ไปทำธุรกิจที่เขารู้จักคือการแย่งลูกค้า
3 สินค้าทดแทน
สินค้าที่ใกล้เคียง แต่ราคาถูกกว่า ยอมมาแทนที่เจ้าเดิม
4 supplier
...................
5 ลูกค้า
ต้องเพิ่มการตลาด สิทธิพิเศษ ดูแลใกล้ชิด แยกอุตสาหกรรม
แต่ในความเป็นจริงผมไม่ได้มองแต่หุ้นอย่างเดียว
มองธุรกิจ
มองราคา ว่าสมควรซื้อหรือหาหุ้นตัวใหม่
อาจจะดีไม่เท่าเหตุผลข้างบน ถ้าราคาสมควรผมก็ซื้อ
และถ้าจะซื้อ ก็ต้องมั่นใจในข้อมูลตัวเอง
หากรู้ไม่หมดรู้ไม่ครบ คือ เสี่ยง
แล้วถ้าใช้หูวิเคราะห์หุ้น ฟังโบรกเกอร์รับจ้างวิเคราะห์
จ.....กินเจ แน่นอน
เพราะเขาไม่ได้มารับผิดชอบเงินของเรา
มีไหมว่า...ขายซะธุรกิจนี้ไม่รอดแล้ว ยังไม่เคยเห็นเคยมี
ถ้ามีคงไม่เจ็บกันเกลื่อนตลาดหลักทรัพย์มาทุกยุคทุกสมัย
และจะดำรงคงอยู่อย่างนี้ตลอดไป
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
- ch_army
- Verified User
- โพสต์: 1352
- ผู้ติดตาม: 0
5 แรงแข็งขัน...
โพสต์ที่ 4
ผมว่าสิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแค่ไหนขึ้นกับความรุนแรงครับ โดยเฉพาะเรื่องสินค้าทดแทนหากเกิดจากเทคโนโลยีที่เหนือชั้นก็นับว่าน่ากลัวที่สุดครับ เพราะเราคงตายแบบไร้ที่ฝังที่เดียวแต่ผมถือว่าเราเองก้วิจัยได้เหมือนกันครับ อาจเรียกว่าภัยซ่อนเร้นมากกว่า(เพราะมันไม่โผล่มาชัดๆ)
แต่ในยุ๕นี้เรื่องของ ลูกค้า คือ พระเจ้าเนี่ยก็น่ากลัวนะครับ เพราะตอนนี้แนวโน้มไปในทางเฉพาะด้านมากขึ้น
แต่เรื่อง supplier เนี่ยผทว่าการต่อรองอาจไม่ใช่ยากมากเพราะที่ว่าไปแล้วว่า ส่วนใหญ่ลูกค้าเป็น พระเจ้าอยู่แล้วแต่สิ่งที่ยากคือ อุ๖ศาหกรรมที่ใช้เทคนิคซับซ้อน หรือมี supply chain ใหญ่เนี่ยเรื่องภัยจาก suppliers คงไม่น่ากลัวเท่ากับการจัดการ suplly chain ไม่ดีครับเพราะต้นทุนคงบานปลายแบบสุดๆ
ส่วนการแข่งขันภายใต้แบบเดิมๆในแง่ภัยข้อ1 และ 2 ผมว่ามันขึ้นกับฝีมือเด้วยแต่ 3 ข้อหลังเราคงคุมยากนิดนึงโดบเฉพาะสินค้าทดแทน เราต้องคิดทำลายตัวเองก่อนให้คนอื่นมาทำลายครับ
นี่แหละประเทศไทยตาสว่างกันได้แล้วมาทำ r&d กันซะที(แบบจริงๆจังๆ)
แต่ในยุ๕นี้เรื่องของ ลูกค้า คือ พระเจ้าเนี่ยก็น่ากลัวนะครับ เพราะตอนนี้แนวโน้มไปในทางเฉพาะด้านมากขึ้น
แต่เรื่อง supplier เนี่ยผทว่าการต่อรองอาจไม่ใช่ยากมากเพราะที่ว่าไปแล้วว่า ส่วนใหญ่ลูกค้าเป็น พระเจ้าอยู่แล้วแต่สิ่งที่ยากคือ อุ๖ศาหกรรมที่ใช้เทคนิคซับซ้อน หรือมี supply chain ใหญ่เนี่ยเรื่องภัยจาก suppliers คงไม่น่ากลัวเท่ากับการจัดการ suplly chain ไม่ดีครับเพราะต้นทุนคงบานปลายแบบสุดๆ
ส่วนการแข่งขันภายใต้แบบเดิมๆในแง่ภัยข้อ1 และ 2 ผมว่ามันขึ้นกับฝีมือเด้วยแต่ 3 ข้อหลังเราคงคุมยากนิดนึงโดบเฉพาะสินค้าทดแทน เราต้องคิดทำลายตัวเองก่อนให้คนอื่นมาทำลายครับ
นี่แหละประเทศไทยตาสว่างกันได้แล้วมาทำ r&d กันซะที(แบบจริงๆจังๆ)