อยากขอสอบถามนักลงทุน full time เรื่องการหาความหมายของการมีชีวิตอยู่หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 2187
- ผู้ติดตาม: 0
อยากขอสอบถามนักลงทุน full time เรื่องการหาความหมายของการมีชีวิตอยู่หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
โพสต์ที่ 1
อยากขอสอบถามนักลงทุน full time ทีมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
นอกจากเรื่องการหาเงิน ทุกท่านหาความหมายของการมีชีวิตอยู่ เพื่อดำเนินชีวิตต่อไป อย่างไรบ้างครับ
ขอบคุณมากครับ
นอกจากเรื่องการหาเงิน ทุกท่านหาความหมายของการมีชีวิตอยู่ เพื่อดำเนินชีวิตต่อไป อย่างไรบ้างครับ
ขอบคุณมากครับ
เราลงรายละเอียดระดับไหน + แผนการ + วินัยในการแบ่งและใช้เวลาในแต่ละวัน
- XO
- Verified User
- โพสต์: 823
- ผู้ติดตาม: 1
Re: อยากขอสอบถามนักลงทุน full time เรื่องการหาความหมายของการมีชีวิตอยู่หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
โพสต์ที่ 2
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า แล้วแต่คนนะครับ
คือส่วนใหญ่นะคับ
มันว่างมากๆ ว่างจนเบื่อหน่าย
บางท่านก้ออกท่องเที่ยว บางท่านเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน
บางท่านก็หางานอดิเรกอย่างอื่นทำ
หรือบางท่านก็ออกมาพูดมาให้สัมภาษณ์บ้างอะไรบ้าง แก้เหงาครับ
บางท่านก็แก่ใจดีสปอรต... อันนี้ล้อเล่นนะคับ 555
คือส่วนใหญ่นะคับ
มันว่างมากๆ ว่างจนเบื่อหน่าย
บางท่านก้ออกท่องเที่ยว บางท่านเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน
บางท่านก็หางานอดิเรกอย่างอื่นทำ
หรือบางท่านก็ออกมาพูดมาให้สัมภาษณ์บ้างอะไรบ้าง แก้เหงาครับ
บางท่านก็แก่ใจดีสปอรต... อันนี้ล้อเล่นนะคับ 555
มาเล่นๆ ไม่ได้มาลงทุน
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: อยากขอสอบถามนักลงทุน full time เรื่องการหาความหมายของการมีชีวิตอยู่หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
โพสต์ที่ 3
โดยส่วนตัวเป็นคนที่ถามตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วว่า เราเกิดมาทำไม เราต้องการอะไรจากชีวิต แล้วก็พยายามเรียนรู้หาคำตอบไปเรื่อยๆ
คำตอบแรกๆ คือ รู้ว่ามนุษย์มีหน้าที่แสวงหาความสุขและหลีกหนีความทุกข์ หลังจากนั้นก็พยายามเรียนรู้ความสุขและความทุกข์ของตัวเองมาเรื่อยๆ เพื่อเรียนรู้ค้นหาว่าความสุขแต่ละอย่างคืออะไร เป็นแบบไหน มีลักษณะอย่างไร แบบไหนซาบซ่านมากกว่า แบบไหนคงทนมากกว่า แบบไหนนำมาซึ่งความความสงบ แบบไหนนำมาซึ่งความวุ่นวาย
ระหว่างการเรียนรู้ ก็พบว่า ในการที่จะมีอิสรภาพในการที่จะไปเรียนรู้สิ่งต่างๆ ทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างอิสระ มันมีอาชีพแบบหนึ่งที่เรียกว่า นักลงทุน เป็นอาชีพที่เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ ไม่ต้องใช้เวลาเยอะๆ ไปกับการหาเงิน เราสามารถที่จะใช้เวลาแค่ 1-2% ของชีวิตในการหาเงิน แล้วเราสามารถเอาเวลา 98-99% ของชีวิตไปทำอะไรอย่างอื่น ซึ่งตอนที่เรียนจบจะออกมาทำงานแรก ก็ตั้งเป้าเอาไว้เลยว่า งานสุดท้ายของเรา คือ การเป็นนักลงทุน
เวลาผ่านไป 10 ปี จากการเก็บเงินจากเงินเดือนที่แบ่งในลงทุน ก็พบกับอิสรภาพทางการเงิน แต่ช่วงก่อนที่จะพบกับอิสรภาพทางการเงิน ในปีที่ 7 ในการลงทุนก็พบกับวิชาที่ว่าด้วยการศึกษา สุข และ ทุกข์ ที่เรียกว่า พุทธศานา โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า สติปัฏฐาน เป็นเครื่องมือในการเข้าไปสำรวจ สุขทุกข์ ในการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ สุขทุกข์ ในรูปแบบต่างๆ
ด้วยเหตุนี้ พอเกษียณ ได้รับอิสรภาพทางการเงินจึงแบ่งเวลาที่ได้มาอิสรภาพทางการเงินในการเข้าไปฝึกวิชานี้ เพื่อที่จะได้เอาไปใช้ในการศึกษา เข้าใจ และเข้าถึง ความสุขที่ละเอียดปราณีตที่ยิ่งขึ้นไป
ผ่านมาจากวันที่เริ่มรู้จักวิชานี้มา 10 ปีแล้ว ทุกวันนี้ผมก็ยังสนุกกับการได้เรียนรู้ และฝึกฝนวิชานี้อยู่ โดยส่วนตัวคิดว่าวิชานี้เป็นสุดยอดวิชา เป็นเครื่องมือในการบรรลุเป้าหมาย อีกทั้งยังเป็นเครื่องอยู่ (วิหารธรรม) ที่เอาไว้ใช้ในการดำรงชีวิต ที่ทำให้อยู่ในโลกใบนี้ได้ด้วยจิตใจที่ร่มเย็น เบาสบาย ทำให้ทุกๆ ขณะที่มีสติ ที่มีความรู้สึกตัว เป็นทุกขณะที่มีคุณค่าความหมาย และสามารถมั่นใจได้ว่า แม้ขณะที่กำลังจะตาย ก็สามารถที่จะตายได้อย่างสงบสุข ปราศจากความกังวล
สรุป ผมเชื่อว่า วิชาที่ชื่อ สติปัฏฐาน เป็นวิชาที่คุณ XO สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการหาความหมายของชีวิต ตลอดจนสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการดำรงชีวิตที่มีประโยชน์ที่น่าลองศึกษาดูครับ
หากศึกษาอยากถูกวิธี พระพุทธเจ้า ท่านรับประกันเอาไว้ว่า ผลของวิชานี้ ดับทุกข์ โศก ทั้งหมดที่มี และทำให้เข้าถึงความสุขที่บริสุทธิ์ เข้าถึงองค์ความรู้อันยิ่งใหญ่ตามพุทธพจน์นี้
หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก
เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์
เพื่อล่วงความโศกและปริเทวะ
เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส
เพื่อบรรลุธรรมที่ถูกต้อง
เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
หนทางนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ ประการ
คำตอบแรกๆ คือ รู้ว่ามนุษย์มีหน้าที่แสวงหาความสุขและหลีกหนีความทุกข์ หลังจากนั้นก็พยายามเรียนรู้ความสุขและความทุกข์ของตัวเองมาเรื่อยๆ เพื่อเรียนรู้ค้นหาว่าความสุขแต่ละอย่างคืออะไร เป็นแบบไหน มีลักษณะอย่างไร แบบไหนซาบซ่านมากกว่า แบบไหนคงทนมากกว่า แบบไหนนำมาซึ่งความความสงบ แบบไหนนำมาซึ่งความวุ่นวาย
ระหว่างการเรียนรู้ ก็พบว่า ในการที่จะมีอิสรภาพในการที่จะไปเรียนรู้สิ่งต่างๆ ทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างอิสระ มันมีอาชีพแบบหนึ่งที่เรียกว่า นักลงทุน เป็นอาชีพที่เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ ไม่ต้องใช้เวลาเยอะๆ ไปกับการหาเงิน เราสามารถที่จะใช้เวลาแค่ 1-2% ของชีวิตในการหาเงิน แล้วเราสามารถเอาเวลา 98-99% ของชีวิตไปทำอะไรอย่างอื่น ซึ่งตอนที่เรียนจบจะออกมาทำงานแรก ก็ตั้งเป้าเอาไว้เลยว่า งานสุดท้ายของเรา คือ การเป็นนักลงทุน
เวลาผ่านไป 10 ปี จากการเก็บเงินจากเงินเดือนที่แบ่งในลงทุน ก็พบกับอิสรภาพทางการเงิน แต่ช่วงก่อนที่จะพบกับอิสรภาพทางการเงิน ในปีที่ 7 ในการลงทุนก็พบกับวิชาที่ว่าด้วยการศึกษา สุข และ ทุกข์ ที่เรียกว่า พุทธศานา โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า สติปัฏฐาน เป็นเครื่องมือในการเข้าไปสำรวจ สุขทุกข์ ในการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ สุขทุกข์ ในรูปแบบต่างๆ
ด้วยเหตุนี้ พอเกษียณ ได้รับอิสรภาพทางการเงินจึงแบ่งเวลาที่ได้มาอิสรภาพทางการเงินในการเข้าไปฝึกวิชานี้ เพื่อที่จะได้เอาไปใช้ในการศึกษา เข้าใจ และเข้าถึง ความสุขที่ละเอียดปราณีตที่ยิ่งขึ้นไป
ผ่านมาจากวันที่เริ่มรู้จักวิชานี้มา 10 ปีแล้ว ทุกวันนี้ผมก็ยังสนุกกับการได้เรียนรู้ และฝึกฝนวิชานี้อยู่ โดยส่วนตัวคิดว่าวิชานี้เป็นสุดยอดวิชา เป็นเครื่องมือในการบรรลุเป้าหมาย อีกทั้งยังเป็นเครื่องอยู่ (วิหารธรรม) ที่เอาไว้ใช้ในการดำรงชีวิต ที่ทำให้อยู่ในโลกใบนี้ได้ด้วยจิตใจที่ร่มเย็น เบาสบาย ทำให้ทุกๆ ขณะที่มีสติ ที่มีความรู้สึกตัว เป็นทุกขณะที่มีคุณค่าความหมาย และสามารถมั่นใจได้ว่า แม้ขณะที่กำลังจะตาย ก็สามารถที่จะตายได้อย่างสงบสุข ปราศจากความกังวล
สรุป ผมเชื่อว่า วิชาที่ชื่อ สติปัฏฐาน เป็นวิชาที่คุณ XO สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการหาความหมายของชีวิต ตลอดจนสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการดำรงชีวิตที่มีประโยชน์ที่น่าลองศึกษาดูครับ
หากศึกษาอยากถูกวิธี พระพุทธเจ้า ท่านรับประกันเอาไว้ว่า ผลของวิชานี้ ดับทุกข์ โศก ทั้งหมดที่มี และทำให้เข้าถึงความสุขที่บริสุทธิ์ เข้าถึงองค์ความรู้อันยิ่งใหญ่ตามพุทธพจน์นี้
หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก
เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์
เพื่อล่วงความโศกและปริเทวะ
เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส
เพื่อบรรลุธรรมที่ถูกต้อง
เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
หนทางนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ ประการ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: อยากขอสอบถามนักลงทุน full time เรื่องการหาความหมายของการมีชีวิตอยู่หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
โพสต์ที่ 4
ขอเขียนอธิบายเพิ่มนิดนึงนะครับ พอดีภาษาในพระไตรปิฎกอาจจะต้องแปลเป็นภาษาชาวบ้านนิดนึง
คำว่า บรรลุธรรมที่ถูกต้อง จริงๆ แปลว่า การค้นพบความจริง และรู้แจ้งในความจริง เรื่องสุขทุกข์ ตลอดจนเหตุแห่งสุขและทุกข์
ทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน แปลว่า การเข้าถึงความสุขที่จริงแท้ถาวร เป็นบรมสุข ที่ไม่เสื่อมไป คลายไป สลายไป แบบสุขในรูปแบบอื่นๆ ในทางโลก หรือ สุขจากความสงบในรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่เพียงชั่วคราว
คำว่า บรรลุธรรมที่ถูกต้อง จริงๆ แปลว่า การค้นพบความจริง และรู้แจ้งในความจริง เรื่องสุขทุกข์ ตลอดจนเหตุแห่งสุขและทุกข์
ทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน แปลว่า การเข้าถึงความสุขที่จริงแท้ถาวร เป็นบรมสุข ที่ไม่เสื่อมไป คลายไป สลายไป แบบสุขในรูปแบบอื่นๆ ในทางโลก หรือ สุขจากความสงบในรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่เพียงชั่วคราว
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 2187
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากขอสอบถามนักลงทุน full time เรื่องการหาความหมายของการมีชีวิตอยู่หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณมากครับ ได้มุมมองที่ดีในการหาความต้องการในชีวิต แต่ขอสอบถามเพิ่มว่า คุณ picatos มีมุมมองยังไง กับ การแบ่งปัน ให้กับ คนที่ด้อยโอกาส หรือยังมองไม่เห็นทาง เพื่อ ทำให้คุณภาพของคนเหล่านี้ ดีขึ้นpicatos เขียน: ↑จันทร์ ธ.ค. 28, 2020 3:04 pmโดยส่วนตัวเป็นคนที่ถามตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วว่า เราเกิดมาทำไม เราต้องการอะไรจากชีวิต แล้วก็พยายามเรียนรู้หาคำตอบไปเรื่อยๆ
คำตอบแรกๆ คือ รู้ว่ามนุษย์มีหน้าที่แสวงหาความสุขและหลีกหนีความทุกข์ หลังจากนั้นก็พยายามเรียนรู้ความสุขและความทุกข์ของตัวเองมาเรื่อยๆ เพื่อเรียนรู้ค้นหาว่าความสุขแต่ละอย่างคืออะไร เป็นแบบไหน มีลักษณะอย่างไร แบบไหนซาบซ่านมากกว่า แบบไหนคงทนมากกว่า แบบไหนนำมาซึ่งความความสงบ แบบไหนนำมาซึ่งความวุ่นวาย
ระหว่างการเรียนรู้ ก็พบว่า ในการที่จะมีอิสรภาพในการที่จะไปเรียนรู้สิ่งต่างๆ ทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างอิสระ มันมีอาชีพแบบหนึ่งที่เรียกว่า นักลงทุน เป็นอาชีพที่เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ ไม่ต้องใช้เวลาเยอะๆ ไปกับการหาเงิน เราสามารถที่จะใช้เวลาแค่ 1-2% ของชีวิตในการหาเงิน แล้วเราสามารถเอาเวลา 98-99% ของชีวิตไปทำอะไรอย่างอื่น ซึ่งตอนที่เรียนจบจะออกมาทำงานแรก ก็ตั้งเป้าเอาไว้เลยว่า งานสุดท้ายของเรา คือ การเป็นนักลงทุน
เวลาผ่านไป 10 ปี จากการเก็บเงินจากเงินเดือนที่แบ่งในลงทุน ก็พบกับอิสรภาพทางการเงิน แต่ช่วงก่อนที่จะพบกับอิสรภาพทางการเงิน ในปีที่ 7 ในการลงทุนก็พบกับวิชาที่ว่าด้วยการศึกษา สุข และ ทุกข์ ที่เรียกว่า พุทธศานา โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า สติปัฏฐาน เป็นเครื่องมือในการเข้าไปสำรวจ สุขทุกข์ ในการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ สุขทุกข์ ในรูปแบบต่างๆ
ด้วยเหตุนี้ พอเกษียณ ได้รับอิสรภาพทางการเงินจึงแบ่งเวลาที่ได้มาอิสรภาพทางการเงินในการเข้าไปฝึกวิชานี้ เพื่อที่จะได้เอาไปใช้ในการศึกษา เข้าใจ และเข้าถึง ความสุขที่ละเอียดปราณีตที่ยิ่งขึ้นไป
ผ่านมาจากวันที่เริ่มรู้จักวิชานี้มา 10 ปีแล้ว ทุกวันนี้ผมก็ยังสนุกกับการได้เรียนรู้ และฝึกฝนวิชานี้อยู่ โดยส่วนตัวคิดว่าวิชานี้เป็นสุดยอดวิชา เป็นเครื่องมือในการบรรลุเป้าหมาย อีกทั้งยังเป็นเครื่องอยู่ (วิหารธรรม) ที่เอาไว้ใช้ในการดำรงชีวิต ที่ทำให้อยู่ในโลกใบนี้ได้ด้วยจิตใจที่ร่มเย็น เบาสบาย ทำให้ทุกๆ ขณะที่มีสติ ที่มีความรู้สึกตัว เป็นทุกขณะที่มีคุณค่าความหมาย และสามารถมั่นใจได้ว่า แม้ขณะที่กำลังจะตาย ก็สามารถที่จะตายได้อย่างสงบสุข ปราศจากความกังวล
สรุป ผมเชื่อว่า วิชาที่ชื่อ สติปัฏฐาน เป็นวิชาที่คุณ XO สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการหาความหมายของชีวิต ตลอดจนสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการดำรงชีวิตที่มีประโยชน์ที่น่าลองศึกษาดูครับ
หากศึกษาอยากถูกวิธี พระพุทธเจ้า ท่านรับประกันเอาไว้ว่า ผลของวิชานี้ ดับทุกข์ โศก ทั้งหมดที่มี และทำให้เข้าถึงความสุขที่บริสุทธิ์ เข้าถึงองค์ความรู้อันยิ่งใหญ่ตามพุทธพจน์นี้
หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก
เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์
เพื่อล่วงความโศกและปริเทวะ
เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส
เพื่อบรรลุธรรมที่ถูกต้อง
เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
หนทางนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ ประการ
พอดีผมเป็นลูกเกษตรกร เจอปัญหาความไม่สามารถเข้าโอกาสมาตั้งแต่เด็ก แต่เปลี่ยนชีวิตได้เพราะมีพ่อแม่ที่ขยันและครูที่ดี ,การศึกษา, โชค, ความพยายาม และการทำตามตามอาจารย์ที่คิดว่าถูกคนอ่ะครับ
เราลงรายละเอียดระดับไหน + แผนการ + วินัยในการแบ่งและใช้เวลาในแต่ละวัน
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: อยากขอสอบถามนักลงทุน full time เรื่องการหาความหมายของการมีชีวิตอยู่หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
โพสต์ที่ 6
จากการศึกษา ทดลอง พยายามเข้าไปช่วยเหลือเปลี่ยนแปลงชีวิตคนหลายๆ คน แบบที่พร้อมที่จะเข้าไปเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวป้อนข้าวเลี้ยงดู พร้อมที่จะบริจาคทุ่มเงินให้เป็นล้านๆ ก็พบความจริงตามพระพุทธพจน์นี้ว่าRnD-VI เขียน: ↑อังคาร ธ.ค. 29, 2020 5:50 amขอบคุณมากครับ ได้มุมมองที่ดีในการหาความต้องการในชีวิต แต่ขอสอบถามเพิ่มว่า คุณ picatos มีมุมมองยังไง กับ การแบ่งปัน ให้กับ คนที่ด้อยโอกาส หรือยังมองไม่เห็นทาง เพื่อ ทำให้คุณภาพของคนเหล่านี้ ดีขึ้น
พอดีผมเป็นลูกเกษตรกร เจอปัญหาความไม่สามารถเข้าโอกาสมาตั้งแต่เด็ก แต่เปลี่ยนชีวิตได้เพราะมีพ่อแม่ที่ขยันและครูที่ดี ,การศึกษา, โชค, ความพยายาม และการทำตามตามอาจารย์ที่คิดว่าถูกคนอ่ะครับ
สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน
เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด
มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้
เป็นเรื่องจริงที่แปลกประหลาดมากๆ ถ้าไม่เข้าใจเรื่องของกรรม ว่าแม้ว่าตัวผมและภรรยาจะพร้อมที่จะยินดีทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ให้ แต่ก็จะมีเหตุบางอย่างที่ทำให้คนเหล่านั้นอยู่ๆ ก็หูตาฝ้าฟาง ปฏิเสธไม่เอา ไม่รับ หรือมีเหตุให้พลัดพรากจากโชคลาภ หรือทรัพย์สมบัติเหล่านั้น
ซึ่งหากได้มีโอกาสศึกษาพุทธประวัติ จะพบว่า พระพุทธองค์ก่อนที่จะไปโปรดใคร ท่านจะพิจารณาถึงกรรม ถึงอดีตเหตุของคนๆ นั้น เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ก่อนว่าคนๆ นั้นมีความเหมาะสมพร้อมที่จะรับ ก่อนที่จะไปโปรด
ดังนั้นในมุมของเราเองที่ไม่มีญาณหยั่งรู้อดีตเหตุ ตลอดจนเข้าไปเห็นผลลัพธ์ ผลกระทบ ของสิ่งที่เราจะไปช่วยเหลือคนอื่น ก็อาจจะต้องหยั่ง ทดลอง และติดตามผลของความช่วยเหลือแต่ละอย่างดู แล้วก็ค่อยๆ เรียนรู้กันไปว่าการให้แบบไหน ระดับไหน เหมาะกับเรา เหมาะกับเค้ากันแน่
โดยส่วนตัว ในเรื่องการยกระดับคุณภาพชีวิต ผมคิดว่าเทคโนโลยีในยุคนี้ ตลอดไปจนถึงอนาคต ทำให้โอกาสของคนมีความแตกต่างน้อยลงไปเรื่อยๆ อย่างตัวเราเองในยุคนี้จะเห็นได้เลยว่า โอกาสในการเรียนรู้ ศึกษา ผ่าน YouTube หรือการเรียนทางออนไลน์มันมากมายมหาศาล การเข้าถึงแหล่งเงินกู้เพื่อเริ่มทำธุรกิจก็มีมากขึ้น ต้นทุนการทำธุรกิจการต่ำลง และแนวโน้มก็ดูเหมือนจะเอื้อประโยชน์ให้คนในโลกมีโอกาสเท่าเทียมกันมากขึ้นเรื่อยๆ (แม้ว่าจะมีความแตกต่างของรายได้ที่มากขึ้น)
สุดท้ายในมุมของคนที่อาจจะเคยด้อยโอกาส ผมเชื่อว่าปัจจุบันมีโอกาสมากขึ้นกว่าเดิมมาก ขึ้นอยู่กับว่าจะมีมุมมองอย่างไร จะกล้าไหมที่จะลงมือทำเพิ่มยกระดับชีวิตตัวเอง
โดยส่วนตัว ผมพยายามลงทุนในกิจการที่ช่วยยกระดับความเท่าเทียมกันของมนุษย์ อย่าง YouTube หรือ Google หรือไม่ก็กิจการ freelance ที่ช่วยให้คนในประเทศกำลังพัฒนาอย่างเราๆ หรืออินเดีย บังกลาเทศ ได้มีโอกาสที่จะทำงานหารายได้ผ่านทางออนไลน์ เป็นต้น ผมอยากลงทุนในกิจการที่เพิ่มโอกาสให้กันคน แล้วก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของกรรม เรื่องของทัศนคติของคนแต่ละคนแล้วล่ะ ว่าอยากจะใช้โอกาสเหล่านั้นหรือไม่
ในแง่ของการบริจาค ผมมักจะบริจาคให้คนที่ถูกภัยสงคราม ภัยธรรมชาติ ไร้ที่อยู่ หรือคนที่ถูกโรคภัยไข้เจ็บแต่ไม่มีเงิน เพราะ ผมคิดว่าการยกระดับคุณภาพชีวิตมันเป็น mindset ที่เราต้องทำทุกวัน ถ้ามี mindset ที่ผิด ให้เป็นไปเท่าไรก็หมด แต่ภัยชั่วคราวที่มีความรุนแรง อาจจะจรมาเจอ มันอาจจะทำให้ทุกอย่างที่พยายามทำมามันพังทลายลง ผมเลยเน้นใช้เงินไปช่วยพวกนั้นมากกว่า ช่วยคนที่เดินสะดุดล้มลง ได้ยืนขึ้น และมีกำลังใจที่จะก้าวเดินต่อ
ส่วนในแง่ความรู้ ผมรู้สึกว่า ถ้าเราจะแชร์อะไรสักอย่างกับสังคม มันต้องเป็นอะไรบางที่เราอินกับมัน อยากจะพัฒนามันให้ยิ่งขึ้น และผู้รับได้ประโยชน์
โดยส่วนตัวความรู้เรื่องการลงทุน ตัวผมเองก็ไม่ได้เก่งอะไร คนอื่นๆ ที่เก่งกว่าผมมีเยอะแยะมากมายอยู่แล้ว แถมผมก็ไม่ได้อินกับการลงทุน ผมลงทุนก็แค่เป็นการหาเงินเอาไว้ใช้ดำรงชีวิต ไม่ได้ชอบอะไรกับการหาเงิน เพราะ สุดท้ายตายไปก็เอาไปไม่ได้สักบาท ไม่รู้จะพยายามหามากๆ ไปทำไม หลังๆ เลยไม่เข้าสังคมนักลงทุน ไม่เขียนอะไรเกี่ยวกับการลงทุน เพราะ มุมของการลงทุนของเราไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อหาเงินให้ได้มากๆ แบบคนอื่นเค้าแล้ว
แต่ผมคิดว่า ความพิเศษ ความอิน ของผมน่าจะเป็นการที่ผมทุ่มเทชีวิตกับการศึกษาธรรมะ และมีพื้นฐานเป็นนักลงทุนอยู่บ้าง ดังนั้นการได้มาตอบกระทู้นี้ ก็เหมือนจะเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่หวังว่าผู้อ่านจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง เผื่อเป็นทางเลือกของแนวคิดอีกแบบหนึ่ง ที่สามารถเอาไปเลือกใช้ได้
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 522
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากขอสอบถามนักลงทุน full time เรื่องการหาความหมายของการมีชีวิตอยู่หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
โพสต์ที่ 8
อิสรภาพทางการเงิน มันแค่คำพูดสวยหรูครับ
เพราะถ้าเราคิดว่า เมื่อเรามีอิสรภาพทางการเงินแล้ว เราจะได้ทำสิ่งที่ชอบ
จะได้หาความหมายของการมีชีวิต หรืออะไรก็แล้วแต่
มันก็เหมือนการทนมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรบางอย่าง
ทำไมเราไม่ควรมีความสุขในสิ่งที่เราชอบ หรือเราทำทุกวันซะตอนนี้
ถ้าเราเอาอิสรภาพทางการเงินเป็นตัวตั้งในชีวิต เราจะละเลยสิ่งรอบตัวไป
หรือถ้าวันนึงเราเกิดมีอิสรทางการเงินขึ้นมาจริงๆ เรามีเงินเยอะมากๆ
ก็ลองทดสอบใจตัวเองดู โดยการทำทาน บริจาคเงิน ว่าเราทำได้มากแค่ไหน
แล้วเรามีความรู้สึกเป็นอย่างไรเมื่อเสียทรัพย์ไป
ก็เป็นตัวกระตุ้นที่ดีให้เราได้ทำความเข้าใจความหมายของการมีชีวิต
สำหรับผมความหมายของการมีชีวิตคือ มีอิสระจากความคิด
เพราะถ้าเราคิดว่า เมื่อเรามีอิสรภาพทางการเงินแล้ว เราจะได้ทำสิ่งที่ชอบ
จะได้หาความหมายของการมีชีวิต หรืออะไรก็แล้วแต่
มันก็เหมือนการทนมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรบางอย่าง
ทำไมเราไม่ควรมีความสุขในสิ่งที่เราชอบ หรือเราทำทุกวันซะตอนนี้
ถ้าเราเอาอิสรภาพทางการเงินเป็นตัวตั้งในชีวิต เราจะละเลยสิ่งรอบตัวไป
หรือถ้าวันนึงเราเกิดมีอิสรทางการเงินขึ้นมาจริงๆ เรามีเงินเยอะมากๆ
ก็ลองทดสอบใจตัวเองดู โดยการทำทาน บริจาคเงิน ว่าเราทำได้มากแค่ไหน
แล้วเรามีความรู้สึกเป็นอย่างไรเมื่อเสียทรัพย์ไป
ก็เป็นตัวกระตุ้นที่ดีให้เราได้ทำความเข้าใจความหมายของการมีชีวิต
สำหรับผมความหมายของการมีชีวิตคือ มีอิสระจากความคิด
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: อยากขอสอบถามนักลงทุน full time เรื่องการหาความหมายของการมีชีวิตอยู่หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
โพสต์ที่ 9
ขออนุญาตสอบถามหน่อยนะครับ ว่า อิสระจากความคิด ของคุณ Tibular มีความหมายว่าอย่างไร แบ่งแยกอย่างไร มีระดับขั้นไหม มีวิธีฝึกอย่างไร รักษาความสามารถและวัดผลอย่างไรได้บ้างครับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 475
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากขอสอบถามนักลงทุน full time เรื่องการหาความหมายของการมีชีวิตอยู่หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
โพสต์ที่ 10
ทำสิ่งที่เรารักต่อไปค่ะ หาบริษัทดีๆเพื่อลงทุนต่อ เรียนรู้กิจการต่างๆเชิงกว้าง เชิงลึก
บางทีการมีอิสรภาพทางการเงินเราก็อาจจะได้รับมาเพราะโชคช่วย จึงคิดว่าตัวเองรู้น้อยไว้ก่อนจะได้มีสิ่งที่เรียนรู้ได้อีกมาก
บางทีการมีอิสรภาพทางการเงินเราก็อาจจะได้รับมาเพราะโชคช่วย จึงคิดว่าตัวเองรู้น้อยไว้ก่อนจะได้มีสิ่งที่เรียนรู้ได้อีกมาก
HOPE FAITH LOVE
- SI Freedom
- Verified User
- โพสต์: 161
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากขอสอบถามนักลงทุน full time เรื่องการหาความหมายของการมีชีวิตอยู่หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
โพสต์ที่ 11
การได้ทำสิ่งที่เราชอบ และมีอิสระในการใช้ชีวิตครับ คือ ความหมายของการมีชีวิตของผม
หลังๆ พอมีเวลาเหลือจากการลงทุน ก็แบ่งเวลาไปสะสมของที่ขอบ และขายไปด้วย แบบไม่ได้หวังกำไร ก็มีความสุขมากๆครับ
รวมถึงได้ลองทำอะไรอีกหลายอย่าง โดยไม่ต้องมานั่งพะวงเรื่องเงิน มันก็คล่องตัวมาก .. เบื่อก็หยุด อยากก็ทำต่อ
อีกอย่างที่ผมรู้สึกว่า เป็นความโชคดี คือ ความสุขของผมมันหาได้ง่าย ได้ดูหนังดีๆ อ่านหนังสือดีๆ นั่งเล่นเกม ได้ใช้เวลากับตัวเอง
ก็แฮปปี้มากๆแล้ว ไม่ได้รู้สึกว่า ต้องมีพอร์ตพันล้าน ต้องมีเฟอร์รารี่ เปลี่ยนโรงแรมนอนทุกวัน ถึงจะมีความสุข
หลังๆพอมีความสุขมากพอแล้วก็ พยายามช่วยเหลือสังคมตามที่โอกาสจะอำนวยครับ
มีหนังเรื่องนึง ให้ข้อคิดที่ดีมาก .. จำไม่ได้เรื่องอะไร The bucket list หรือเปล่าไม่แน่ใจ
.. ให้เราลองถามตัวเอง ว่า ชีวิตเราที่ผ่านมาเรามีความสุขมั้ย .. ถ้าเราบอกว่า มีความสุขดีแล้ว
.. ลองถามต่อว่า .. แล้วคนอื่นหละ ? เค้าได้รับประโยชน์ หรือมีความสุขอย่างไร จากการใช้ชีวิตของเราหรือเปล่า ?
ขอให้ทุกท่านโชคดี และพบเจอความสุขที่ตามหาครับ
หลังๆ พอมีเวลาเหลือจากการลงทุน ก็แบ่งเวลาไปสะสมของที่ขอบ และขายไปด้วย แบบไม่ได้หวังกำไร ก็มีความสุขมากๆครับ
รวมถึงได้ลองทำอะไรอีกหลายอย่าง โดยไม่ต้องมานั่งพะวงเรื่องเงิน มันก็คล่องตัวมาก .. เบื่อก็หยุด อยากก็ทำต่อ
อีกอย่างที่ผมรู้สึกว่า เป็นความโชคดี คือ ความสุขของผมมันหาได้ง่าย ได้ดูหนังดีๆ อ่านหนังสือดีๆ นั่งเล่นเกม ได้ใช้เวลากับตัวเอง
ก็แฮปปี้มากๆแล้ว ไม่ได้รู้สึกว่า ต้องมีพอร์ตพันล้าน ต้องมีเฟอร์รารี่ เปลี่ยนโรงแรมนอนทุกวัน ถึงจะมีความสุข
หลังๆพอมีความสุขมากพอแล้วก็ พยายามช่วยเหลือสังคมตามที่โอกาสจะอำนวยครับ
มีหนังเรื่องนึง ให้ข้อคิดที่ดีมาก .. จำไม่ได้เรื่องอะไร The bucket list หรือเปล่าไม่แน่ใจ
.. ให้เราลองถามตัวเอง ว่า ชีวิตเราที่ผ่านมาเรามีความสุขมั้ย .. ถ้าเราบอกว่า มีความสุขดีแล้ว
.. ลองถามต่อว่า .. แล้วคนอื่นหละ ? เค้าได้รับประโยชน์ หรือมีความสุขอย่างไร จากการใช้ชีวิตของเราหรือเปล่า ?
ขอให้ทุกท่านโชคดี และพบเจอความสุขที่ตามหาครับ
- เล่าเท่าที่รู้
- Thai VI Partner
- โพสต์: 10
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากขอสอบถามนักลงทุน full time เรื่องการหาความหมายของการมีชีวิตอยู่หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
โพสต์ที่ 12
ผมว่า ความหมายของชีวิตของแต่ละคนคงไม่เหมือนกันแน่ๆครับ คงตอบแทนกันไม่ได้
ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของอิสรภาพทางการเงินคือ ผมสามารถเลือกทำหรือดำเนินกิจกรรมต่างๆของชีวิตได้ โดยที่ไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง
อย่างผม เผอิญผมเจอสิ่งที่ชอบ อย่างเช่นการท่องเที่ยว ผมก็สามารถท่องเที่ยวได้อย่างที่ใจอยากจะไป
ภรรยาผมคเป็นหมอ เค้าก็สามารถเลือกที่จะช่วยเหลือคนไข้ได้โดยไม่มีเรื่องการค้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ได้ใช้วิชาการแพทย์เพื่อช่วยเหลือคนอื่นจริงๆ เค้าค้นพบว่าตัวเองชอบการทำขนม ก็มีเวลาที่จะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ
ซึ่งแน่นอนว่า แต่ละคน คงจะไม่เหมือนกันแน่นอนครับ
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมเชื่อว่า ถ้าเราไม่มีปัจจัยเรื่องเงินเข้ามาทำกดดันเรา คนเราจะเลือกทำสิ่งดีๆ หรือ ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ซึ่งจะทำให้สังคมโดยรวมดีขึ้น ไม่ทางใดก็ทางนึงครับ
ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของอิสรภาพทางการเงินคือ ผมสามารถเลือกทำหรือดำเนินกิจกรรมต่างๆของชีวิตได้ โดยที่ไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง
อย่างผม เผอิญผมเจอสิ่งที่ชอบ อย่างเช่นการท่องเที่ยว ผมก็สามารถท่องเที่ยวได้อย่างที่ใจอยากจะไป
ภรรยาผมคเป็นหมอ เค้าก็สามารถเลือกที่จะช่วยเหลือคนไข้ได้โดยไม่มีเรื่องการค้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ได้ใช้วิชาการแพทย์เพื่อช่วยเหลือคนอื่นจริงๆ เค้าค้นพบว่าตัวเองชอบการทำขนม ก็มีเวลาที่จะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ
ซึ่งแน่นอนว่า แต่ละคน คงจะไม่เหมือนกันแน่นอนครับ
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมเชื่อว่า ถ้าเราไม่มีปัจจัยเรื่องเงินเข้ามาทำกดดันเรา คนเราจะเลือกทำสิ่งดีๆ หรือ ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ซึ่งจะทำให้สังคมโดยรวมดีขึ้น ไม่ทางใดก็ทางนึงครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 227
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากขอสอบถามนักลงทุน full time เรื่องการหาความหมายของการมีชีวิตอยู่หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
โพสต์ที่ 13
ลองฟังคลิปนี้ดูสิครับ อาจจะได้คำตอบที่กำลังตามหาอยู่
https://youtu.be/wt7b-Fu5LZg
https://youtu.be/wt7b-Fu5LZg
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 17
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากขอสอบถามนักลงทุน full time เรื่องการหาความหมายของการมีชีวิตอยู่หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
โพสต์ที่ 14
คุณต้องถามตัวเองก่อนครับ ว่า ที่มาลงทุนเพราะแค่อยากหาเงิน หรือ เพราะคุณชอบ ที่จะเป็นนักลงทุน
ถ้าคุณ แค่อยากหาเงิน ถ้าคุณ ได้เงินตามเป้า คุณก้อคงเอาเงินไปต่อยอดความฝันอย่างอื่นต่อ
ส่วนตัวผมแม้จะมีอิสระทางการเงินแล้ว แต่ผมก็ยังยินดีที่จะทำ เหมือนเดิมต่อไปเรื่อยๆ เพราะการเป็นนักลงทุนคือ ธรรมชาติของผม
ถ้าคุณ แค่อยากหาเงิน ถ้าคุณ ได้เงินตามเป้า คุณก้อคงเอาเงินไปต่อยอดความฝันอย่างอื่นต่อ
ส่วนตัวผมแม้จะมีอิสระทางการเงินแล้ว แต่ผมก็ยังยินดีที่จะทำ เหมือนเดิมต่อไปเรื่อยๆ เพราะการเป็นนักลงทุนคือ ธรรมชาติของผม
Re: อยากขอสอบถามนักลงทุน full time เรื่องการหาความหมายของการมีชีวิตอยู่หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
โพสต์ที่ 15
อยากสอบถามพี่ picatos ครับ
พอดีเพิ่งอ่านเรื่อง Sapiens มาที่เค้าพูดประมาณว่า สุดท้ายแล้ว ศาสนาก็คือการหลอมคนหมู่มากให้มาศรัทธาหลักการอะไรบางอย่าง เพื่อจะได้ชักจูงมวลชนได้ง่าย
ด้วยความเคารพ อย่างเช่น มีคนพูดว่า พุทธศาสนาสอนให้เรารู้จักพอ สงบ แต่บางท่านก็มองว่า การรักสงบทำให้ประชาชนกลายเป็นเครื่องมือในการก้มหน้าก้มตาหาเงินไปเรื่อยๆ ไม่ต้องมีสิทธิ์มีเสียงอะไรมาก ไม่ต้องทะเยอทะยาน จนมีคำพูดที่ว่า ถ้าเรารวยพออยู่เมืองไทยจะสบาย แต่ถ้าเราไม่ได้มีเยอะถึงขั้นนึงอยู่เมืองไทยจะเหมือนโดนกดขี่โดยระบบโดยที่เราไม่รู้ตัว
โดยส่วนตัวคิดว่าพุทธศาสนา ไม่เหมือนศาสนาอื่น เพราะเป็นศาสนาที่สอนให้เชื่อแบบมีหลักการครับ
พอดีเพิ่งอ่านเรื่อง Sapiens มาที่เค้าพูดประมาณว่า สุดท้ายแล้ว ศาสนาก็คือการหลอมคนหมู่มากให้มาศรัทธาหลักการอะไรบางอย่าง เพื่อจะได้ชักจูงมวลชนได้ง่าย
ด้วยความเคารพ อย่างเช่น มีคนพูดว่า พุทธศาสนาสอนให้เรารู้จักพอ สงบ แต่บางท่านก็มองว่า การรักสงบทำให้ประชาชนกลายเป็นเครื่องมือในการก้มหน้าก้มตาหาเงินไปเรื่อยๆ ไม่ต้องมีสิทธิ์มีเสียงอะไรมาก ไม่ต้องทะเยอทะยาน จนมีคำพูดที่ว่า ถ้าเรารวยพออยู่เมืองไทยจะสบาย แต่ถ้าเราไม่ได้มีเยอะถึงขั้นนึงอยู่เมืองไทยจะเหมือนโดนกดขี่โดยระบบโดยที่เราไม่รู้ตัว
โดยส่วนตัวคิดว่าพุทธศาสนา ไม่เหมือนศาสนาอื่น เพราะเป็นศาสนาที่สอนให้เชื่อแบบมีหลักการครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 12
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากขอสอบถามนักลงทุน full time เรื่องการหาความหมายของการมีชีวิตอยู่หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
โพสต์ที่ 16
พอดีว่ายังไม่ได้เป็นนักลงทุน full time และก็ยังไม่ได้มีอิสรภาพทางการเงินอย่างที่คุณ RnD-VI ต้องการให้เข้ามาตอบคำถามนี้ครับ ยังไงต้องขออภัยไว้ก่อนครับ อยากแชร์เรื่องราวส่วนตัวและหากได้คอมเม้นต์จากทุกท่านที่มีอิสรภาพทางการเงินแล้วก็จะยินดีมากครับ เมื่อ 8 ปีก่อนที่กำลังเริ่มลงทุน ความหมายของการมีชีวิตอยู่คือการมีความสุขในการมีชีวิตในทุกๆวัน เรียกว่าคิดทางด้านความสุขด้านเดียวแล้วกันครับ ส่วนการลงทุนก็มองเป็นการหาเงินเพื่อให้มีเงินมากขึ้น ตั้งใจเป้นนักลงทุน full time และมีอิสรภาพทางการเงิน(รวมถึงอิสรภาพทางเวลา)ให้สามารถทำสิ่งที่อยากทำจะได้มีความสุขตามความหมายของการมีชีวิตอยู่ที่วางไว้ครับ แต่แล้วก็มีคำถามเกิดขึ้นมาครับว่าหากเรามีอิสรภาพทางการเงินแล้วเราจะส่งต่อไปยังลูกหลานของเราซึ่งอาจกลับจะทำให้เป็นโทษต่อพวกเค้ามากกว่าที่จะมีความสุขซึ่งแย้งกับความหมายของการมีชีวิตอยุ่ของตัวเอง ประมาณว่าตัวเองมีความสุขแต่ลูกหลานต้องมาลำบากจากการลงทุนของเรา ทำให้ในตอนนั้นภาพของการลงทุนเพื่อให้ได้มาซึ่งอิสรภาพทางการเงินกลับกลายเป็นไม่มีความสุขไปเลยครับ การลงทุนก็หยุดชะงักลงไปตั้งแต่ตอนนั้นครับ หลังจากนั้นมีครอบครัวมีลูกแล้วเลยได้คำตอบส่วนตัวว่าความหมายของการมีชีวิตของเราคือเรียนรู้ ฝึกฝนเพื่อทำประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่นครับ ต่อตนเองคือเข้าใจตนเองตามความเป็นจริงที่ว่าการอยู่ของเราเป็นแค่ชั่วคราวและพยายามให้แต่ละวันมีความทุกข์น้อยลงเรื่อยๆครับ ต่อผู้อื่นในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ของเราสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือเป็นกัลยาณมิตรที่ดีเกื้อกูลกันครับ ด้วยความหมายของการมีชีวิตอยู่อันใหม่นี้เลยทำให้ระหว่างที่พยายามจะเป็นนักลงทุน full time ก็ยังสามารถทำชีวิตให้สอดคล้องไปพร้อมๆกัน และหากโชคดีวันนึงสามารถเป็นนักลงทุน full time ได้ด้วยก็จะทำให้มีอิสรภาพทางการเงิน และอิสรภาพทางเวลาเพื่อทำตามความหมายของการมีชีวิตอยู่ได้สะดวกขึ้นครับ สำหรับสิ่งที่ค้างคาใจเรื่องการส่งต่อการลงทุนไปยังรุ่นต่อไปก็กลายเป็นเรื่องรองที่ความสำคัญลดลงไปแล้วครับสำหรับตอนนี้
ขอแค่มีความสุขในทุกๆ ลมหายใจเข้าออก
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: อยากขอสอบถามนักลงทุน full time เรื่องการหาความหมายของการมีชีวิตอยู่หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
โพสต์ที่ 17
ไม่แน่ใจว่าถามอะไร แต่คิดว่าน่าจะถามความคิดเห็นใช่ไหมครับ?A66431 เขียน: ↑พุธ ธ.ค. 30, 2020 7:56 amอยากสอบถามพี่ picatos ครับพอดีเพิ่งอ่านเรื่อง Sapiens มาที่เค้าพูดประมาณว่า สุดท้ายแล้ว ศาสนาก็คือการหลอมคนหมู่มากให้มาศรัทธาหลักการอะไรบางอย่าง เพื่อจะได้ชักจูงมวลชนได้ง่าย ด้วยความเคารพ อย่างเช่น มีคนพูดว่า พุทธศาสนาสอนให้เรารู้จักพอ สงบ แต่บางท่านก็มองว่า การรักสงบทำให้ประชาชนกลายเป็นเครื่องมือในการก้มหน้าก้มตาหาเงินไปเรื่อยๆ ไม่ต้องมีสิทธิ์มีเสียงอะไรมาก ไม่ต้องทะเยอทะยาน จนมีคำพูดที่ว่า ถ้าเรารวยพออยู่เมืองไทยจะสบาย แต่ถ้าเราไม่ได้มีเยอะถึงขั้นนึงอยู่เมืองไทยจะเหมือนโดนกดขี่โดยระบบโดยที่เราไม่รู้ตัว โดยส่วนตัวคิดว่าพุทธศาสนา ไม่เหมือนศาสนาอื่น เพราะเป็นศาสนาที่สอนให้เชื่อแบบมีหลักการครับ
ถ้าเป็นความคิดเห็น ผมคิดว่าคนแต่ละคนพูดสิ่งหนึ่งออกมาด้วยเจตนา วัตถุประสงค์ ที่แตกต่างกัน ในวงการศึกษา เวลามีคนที่ไม่ได้เป็นเจ้าของหลักการ ยกหลักการ หรืองานวิจัยชิ้นใดชิ้นหนึ่งขึ้นมา จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีแหล่งอ้างอิงให้ผู้อ่านย้อนกลับไปอ่านที่มาได้ เพราะ ผู้พูด ผู้เขียน ก็อาจจะเข้าใจสิ่งที่อ้างอิงไม่ถูกต้องก็ได้
ดังนั้นใครกรณีก็เช่นกัน คนที่ยกเรื่องพุทธศาสนา ขึ้นมาใช้ประโยชน์ดังกล่าว อาจจะมองเรื่องผลประโยชน์ในการใช้คำสอนทางพุทธบางประโยคมาเข้าข้างผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งหน้าที่ของผู้ศึกษาที่มีปัญญาก็ควรจะยกสิ่งที่อ้างอิงกลับไปที่ต้นกำเนิด ก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อหรือไม่เชื่อ
ทีนี้ที่คนบอกว่า พุทธสอน ให้พอ ให้มักน้อย ยินดีในของๆ ตน ก็ต้องไปดูบริบทว่าประโยคนั้นท่านกำลังสอนใคร ท่านกำลังสอนพระ หรือสอนฆราวาสกันแน่ เพราะ สอนพระผู้แสวงความสงบก็แบบหนึ่ง สอนฆราวาสที่แสวงหาความสำเร็จก็แบบหนึ่ง สอนโจรให้เป็นโจรที่ดีที่อยู่รอดในระยะยาวได้ก็อีกแบบหนึ่ง
หากไปดูคำสอนที่ท่านสอนฆราวาส ท่านก็สอนให้ทำอะไรทำเต็มกำลัง เต็มความสามารถ สอนให้รู้จักการบริหารเงินที่จะได้ว่าจะจัดสรรอย่างไร สอนให้รู้จักมีความสุขกับทรัพย์ที่หามาได้อย่างไร ทำประโยชน์ให้กับความรอบตัวอย่างไร ท่านถึงกับตำหนิคนที่หาเงินมาได้แล้วรู้จักแต่ทำประโยชน์ให้คนอื่น แต่หาความสุขกับตัวเองไม่ได้ สอนให้รู้จักการหาแบบไม่เบียดเบียนคนอื่น เพราะ จะได้ไม่มีภัยในภายหลัง ตลอดจนสอนไปถึงขั้นว่าชาตินี้อยู่ดีมีสุขแล้ว จะทำอย่างไรชาติหน้าถึงจะมีความสุขยิ่งกว่านี้ ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง รูปร่างหน้าตาสวยงามเลย จะได้ไม่ต้องมีเสียเวลาหาแบบชาตินี้อีก หรือจะได้ไปเกิดถูกที่ถูกทาง ได้ขึ้นไปเล่นในลีคระดับโลกเลย ไม่ต้องเสียเวลาในไทย
ทีนี้ผมเข้าใจว่าประโยคตัวอย่างที่ยกมา เป็นการเอาคำสอนที่ใช้สอนพระที่แสวงหาความสงบ มาใช้ประโยชน์ในการขับเคลื่อนสังคม ที่เป็นฆราวาส คนฟังที่ไม่ไปศึกษาว่าหลักการนั้นๆ จริงๆ แล้ว คือ อะไรกันแน่ ก็เชื่อกันไปง่ายๆ โดยไม่ใช้หลักกาลามสูตรที่ท่านก็มีสอนอีกเหมือนกัน เข้าไปตรวจสอบสิ่งที่ถูกยกมา
เอาจริงๆ คือ โลกยุคนี้ บางทีเราเชื่ออะไรกันง่ายเกินไปหรือเปล่า เราซื้อหุ้นโดยศึกษามากขนาดไหนก่อนซื้อ เราถูกภาพ เสียง และประโยคไม่กี่ประโยคมามีอิทธิพลกับชีวิตมากขนาดไหน
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 522
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากขอสอบถามนักลงทุน full time เรื่องการหาความหมายของการมีชีวิตอยู่หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
โพสต์ที่ 18
มีอิสระจากความคิด - คือ อยากคิดก็คิด ไม่อยากคิดก็ไม่คิด
แบ่งแยกอย่างไร - คือ คิด กับ ไม่คิด
มีระดับขั้นไหม - ไม่มี มีแค่ คิด กับ ไม่คิด
มีวิธีฝึกอย่างไร - กายคตาสติ หรือ อานาปานสติ
โดยในเบื้องต้น ดึง ความรู้สึก นึก คิด ที่อยู่ๆเกิดขึ้น ให้กลับมา รู้ อยู่กับกายหรือลมหายใจ
ในขณะที่ดึงกลับมารู้กายหรือลมหายใจ จะเห็นความดับไปของความรู้สึกนึกคิด
ในขณะที่เพลินหลุดออกจากการรู้กายหรือลมหายใจ จะเห็นความเกิดขึ้นของความรู้สึกนึกคิด
พยายามมีสติอยู่กับกายหรือลมหายใจให้มากขึ้นๆ จนกายสงบ ลมหายใจสม่ำเสมอ
ความรู้สึกนึกคิดสงบ ทำซ้ำๆไปแบบนี้ หรือจะสังเกตความรู้สึกนึกคิดว่ามันเกิดขึ้นและดับไปเอง
แล้วกลับมาอยู่กับกายหรือลมหายใจก็ได้ แต่จะช้าหน่อย จนสงบ ระงับ มีความเป็นสมาธิเกิดขึ้น
รักษาความสามารถ - การฝึก จะฝึกช่วงไหน เวลาไหน นานเท่าไหร่ก็ได้ ตามสะดวก แต่ให้สม่ำเสมอ
และวัดผลอย่างไร - เริ่มสังเกตตัวเองได้เวลาใจลอย เกิดความรู้สึกนึกคิดแล้วไม่คิดต่อ
หรือดับไปได้เร็วขึ้น ความรู้สึกนึกคิดผุดขึ้นมาน้อยลง สบายตัว สบายใจ ปลอดโปร่ง
ความอยากได้ ความโกรธ ความคิดในทางลบน้อยลง ควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น
นอนหลับสนิท อยากคิดเรื่องไหนก็อยู่กับเรื่องนั้นจนจบเป็นเรื่องๆไปได้
มีความเข้าใจต่อสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น แก้ปัญหาได้ดี มีเหตุผลขึ้น มีสติอยู่กับลมหายใจได้ตลอดวัน
ตัวที่ทำให้เรารู้สึกนึกคิดนั่นนี่ คือความเพลิน ความพอใจ เมื่อมีความเพลิน ความพอใจ
ต่อสิ่งใด ท่านเรียกว่ามีอุปทานในขันธ์ห้านั่นเอง ถ้าละความเพลิน ความพอใจได้ใน
รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ(ตัวรู้และเรายึดติดกับตัวนี้ตลอดเวลา)
และไม่กำเริบขึ้นมาอีก จนดับสนิท ก็จบการฝึก ระยะเวลาก็ขึ้นกับแต่ละบุคคล
อาจยาวนานกันไปตลอดชีวิตหรือหลังจากนั้น
ส่วนรายละเอียดต่างๆ ถ้าเป็นชาวพุทธหรือผู้ที่สนใจ
ก็สามารถศึกษาธรรม จากพระสูตรต่างๆของพระโคดม ซึ่งมีความหลากหลาย ละเอียดลุ่มลึกในหลายแง่มุม
สอดคล้องกับบุคคลประเภทต่างๆ ไม่ว่าในการใช้ชีวิตประจำวัน หรือการปฏิบัติที่ยิ่งขึ้นไป ตามแต่สะดวกเลยครับ
สำหรับผมก็จะเลือกสิ่งที่ง่ายต่อการปฏิบัติของตัวเองครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 89
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากขอสอบถามนักลงทุน full time เรื่องการหาความหมายของการมีชีวิตอยู่หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
โพสต์ที่ 19
ถือว่าแชร์ประสบการณ์กันนะครับ ผมเป็นนักลงทุนเต็มตัว ความหมายของการมีชีวิตของผู้ประสบความสำเร็จนั่นแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่ คือการเริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือค้นหาสิ่งที่ตัวเองชอบและลงมือทำ ผมเองไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรนัก แต่ตัดสินใจมาใช้ชีวิตที่จีนเพื่อจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ผมโชคดีที่ได้เรียนรู้เรื่องการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ที่มีความหลากหลายมาก และพบเจอบุคคลที่มีความสามารถสูงมากหลายท่าน การลงทุนมีทั้งผิดและถูก แต่แนวโน้มออกไปทางผิด เพราะออกมาอยู่ในขอบเขตที่ผมมีความเข้าใจน้อยมาก เนื่องจาก ความเข้าใจในธุรกิจที่ไม่คุ้นเคย, ข้อจำกัดทางภาษา, และความรู้ความเข้าใจในวิถีความคิดแบบจีนน้อยมาก ทำให้ผมรู้สึกผิดหวังมากกับเส้นทางที่ผมเลือกเดิน
10 ปีผ่านไป ผมมีความเข้าใจในสิ่งต่างๆมากขึ้น ผมเริ่มรู้สึกว่าผมโชคดีที่ได้อยู่ที่จีน ผมเริ่มที่จะเรียนรู้ว่าการลงทุนในบริษัท startup เป็นเรื่องน่าตื่นเต้น ผมรู้สึกสนุกและตื่นเต้นทุกครั้ง ที่เห็น startup ที่ได้ลงทุนไป หรือเคยถูก reject พัฒนาสินค้าและบริการและได้รับการยอมรับเป็นวงกว้าง ผมรู้สึกทึ่งในความคิดของ startup จีนที่ผมเคยพูดคุยด้วยหรือผ่านมาจากคำบอกเล่าของผู้จัดการกองทุน และผมรู้สึกทึ่งมากที่สุดคือ wealth creation จากบรรดา startup เหล่านี้ และหลายครั้งผมอยากจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่มี (รวมถึงบ้านที่อยู่อาศัยใจกลางศูนย์กลาง silicon valley ในปักกิ่ง) ในบริษัทเหล่านี้ สิ่งที่ผมตั้งตารอในอีก 10 ปีข้างหน้าคือ คือเห็นบริษัทต่างๆ เหล่านี้กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก ครับ
10 ปีผ่านไป ผมมีความเข้าใจในสิ่งต่างๆมากขึ้น ผมเริ่มรู้สึกว่าผมโชคดีที่ได้อยู่ที่จีน ผมเริ่มที่จะเรียนรู้ว่าการลงทุนในบริษัท startup เป็นเรื่องน่าตื่นเต้น ผมรู้สึกสนุกและตื่นเต้นทุกครั้ง ที่เห็น startup ที่ได้ลงทุนไป หรือเคยถูก reject พัฒนาสินค้าและบริการและได้รับการยอมรับเป็นวงกว้าง ผมรู้สึกทึ่งในความคิดของ startup จีนที่ผมเคยพูดคุยด้วยหรือผ่านมาจากคำบอกเล่าของผู้จัดการกองทุน และผมรู้สึกทึ่งมากที่สุดคือ wealth creation จากบรรดา startup เหล่านี้ และหลายครั้งผมอยากจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่มี (รวมถึงบ้านที่อยู่อาศัยใจกลางศูนย์กลาง silicon valley ในปักกิ่ง) ในบริษัทเหล่านี้ สิ่งที่ผมตั้งตารอในอีก 10 ปีข้างหน้าคือ คือเห็นบริษัทต่างๆ เหล่านี้กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก ครับ
Re: อยากขอสอบถามนักลงทุน full time เรื่องการหาความหมายของการมีชีวิตอยู่หลังจากมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
โพสต์ที่ 21
มีหลายท่านเน้นไปเรื่องหลักธรรม ขออนุญาติแสดงความเห็นว่า
การจะภาวนาในขณะที่ตนเองยังมีพร้อม พร้อมทั้งเงิน พร้อมด้วยร่างกาย อะไรก็ดูดีไปหมด จะพูดว่า สิ่งนั้นดี สิ่งนี้ดี ก็ย่อมพูดได้ เพราะเราไปจับต้องสิ่งต่าง ๆ ด้วยจิตใจที่ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร ต้องเจอปัญหาจริง เช่น ในภาวะไม่มีเงิน ในภาวะป่วยหนัก ในภาวะเจอความพลัดพรากอย่างรุนแรง การภาวนาบนพื้นฐานของความพร้อม หรือมีความสุขอยู่ ยากถึงขั้น ไม่มีทางเลย ที่จะขับเคลื่อนมรรคให้ดำเนินไปได้ เพราะมรรคตัวแรกคือ สังมากัปโป คือการดำริออกจากทุกข์นั้น จะไม่เกิดขึ้น ทางโลกว่าความสุขเป็นเรื่องดี แต่ทางธรรมจะบอกว่า ทุกข์ทำให้เราได้พยายามหาทางออกจากมัน สังมาสังกัปโป ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยความสุข แต่สัมมาสังกัปโป ขับเคลื่อนด้วยการเห็นทุกข์ เห็นจนเต็มที่ เห็นจนไม่อยากจะทนในสภาวะนั้นอีกต่อไป เวลาพูดหรือแสดงธรรมแล้วจะเกิดความสุข สุขของการให้ และใจเราก็เสพ เพลินหลงกับสภาวะการให้นั้น คนเห็นทุกข์จริง ๆ จะเร่งปฏิบัติ จะไม่มาเสพการพูดธรรมะแสดงธรรม เว้นไว้ไปถึงฝั่งแล้ว โดยเฉพาะ คนที่ก้าวขึ้นนับแต่การละสังโยชน์เบื้องต้นได้
การจะภาวนาในขณะที่ตนเองยังมีพร้อม พร้อมทั้งเงิน พร้อมด้วยร่างกาย อะไรก็ดูดีไปหมด จะพูดว่า สิ่งนั้นดี สิ่งนี้ดี ก็ย่อมพูดได้ เพราะเราไปจับต้องสิ่งต่าง ๆ ด้วยจิตใจที่ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร ต้องเจอปัญหาจริง เช่น ในภาวะไม่มีเงิน ในภาวะป่วยหนัก ในภาวะเจอความพลัดพรากอย่างรุนแรง การภาวนาบนพื้นฐานของความพร้อม หรือมีความสุขอยู่ ยากถึงขั้น ไม่มีทางเลย ที่จะขับเคลื่อนมรรคให้ดำเนินไปได้ เพราะมรรคตัวแรกคือ สังมากัปโป คือการดำริออกจากทุกข์นั้น จะไม่เกิดขึ้น ทางโลกว่าความสุขเป็นเรื่องดี แต่ทางธรรมจะบอกว่า ทุกข์ทำให้เราได้พยายามหาทางออกจากมัน สังมาสังกัปโป ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยความสุข แต่สัมมาสังกัปโป ขับเคลื่อนด้วยการเห็นทุกข์ เห็นจนเต็มที่ เห็นจนไม่อยากจะทนในสภาวะนั้นอีกต่อไป เวลาพูดหรือแสดงธรรมแล้วจะเกิดความสุข สุขของการให้ และใจเราก็เสพ เพลินหลงกับสภาวะการให้นั้น คนเห็นทุกข์จริง ๆ จะเร่งปฏิบัติ จะไม่มาเสพการพูดธรรมะแสดงธรรม เว้นไว้ไปถึงฝั่งแล้ว โดยเฉพาะ คนที่ก้าวขึ้นนับแต่การละสังโยชน์เบื้องต้นได้