"ประสาร ไตรรัตน์วรกุล" เผย 3 ปัจจัยเหนี่ยวรั้งการเติบโตทางศก

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
always24
Verified User
โพสต์: 820
ผู้ติดตาม: 0

"ประสาร ไตรรัตน์วรกุล" เผย 3 ปัจจัยเหนี่ยวรั้งการเติบโตทางศก

โพสต์ที่ 1

โพสต์

อดีตผู้ว่าธปท. "ประสาร ไตรรัตน์วรกุล" เผย 3 ปัจจัยเหนี่ยวรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจและอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “ปฏิวัติธุรกิจ ปฏิรูปการศึกษา Business Transformation through Flagship Education” ว่า ปี 2560 เป็นปีแรกนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกทีเศรษฐกิจโลกมีทิศทาง ฟื้นตัวชัดเจนพร้อมกันในหลายภูมิภาค โดย IMF ประเมินว่าปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกขยายตัวได้ ร้อยละ 3.7 และคาดว่า ในปี 2561-2562 จะขยายตัวได้ถึงร้อยละ 3.9

ทั้งนี้แม้ทิศทางในภาพรวมจะดีขึ้น แต่ความเสี่ยง ก็เพิ่มขึ้นจาก มาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่สร้างความตึงเครียดต่อบรรยากาศการค้าโลก อัตราดอกเบี้ยนโยบายในหลายประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังจากคงอยู่ในระดับต่ำยาวนาน ตลอดจน ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ในหลายพื้นที่ของโลก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้ตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลกในปีที่ผ่านมาเคลื่อนไหวผันผวนมาก
สำหรับเศรษฐกิจไทย ปี 2561 หลายหน่วยงานต่างคาดการณ์ไปในทิศทางเดียวกันว่า เศรษฐกิจน่าจะเติบโตได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะส่งผลดีต่อภาคส่งออก ขณะที่การบริโภคและการลงทุนปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป การใช้จ่ายของภาครัฐถ้าเป็นไปตามแผนก็จะเป็นแรงหนุนที่สำคัญอีกทางหนึ่ง

ทั้งนี้ ดัชนีสำคัญที่สะท้อนความเข้มแข็งของ การฟื้นตัวคือ มูลค่าการนำเข้า 2 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 20 อย่างไรก็ดีคง ต้องติดตามว่าผลดีของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะกระจายตัวไปสู่ภาคเศรษฐกิจต่างๆ อย่างทั่วถึง มากขึ้นหรือไม่

ดร.ประสาร เปิดเผยต่อว่า ปัจจัยเชิงโครงสร้างที่เหนี่ยวรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย 3 ปัจจัย ได้แก่

1.ศักยภาพการเติบโตของประเทศที่ลดลง

2. ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่ผลประโยชน์จากการพัฒนายังไม่กระจายไปสู่ประชาชนอย่างทั่วถึงซึ่งประเทศไทยติดอยู่ในกลุ่มที่มีปัญหาความเหลื่อมล้ำในระดับต้นๆของโลก

3.โครงสร้างสถาบันทางเศรษฐกิจของไทยโดยเฉพาะภาครัฐในปัจจุบันอาจไม่สามารถตอบโจทย์ประเทศและปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก

อย่างไรก็ตามปัญหา 3 เรื่องนี้เป็นหัวใจหลักที่คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจให้ความสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมาปัญหาเชิงโครงสร้างเหล่านี้เป็นปัจจัยการฉุดรั้งการพัฒนาของประเทศ โดยเฉพาะภายใต้ความพยายามขับเคลื่อนประเทศของภาครัฐและเอกชนแต่กลับเดินหน้าได้ช้ากว่าที่คาด จึงอาจคล้ายกับ 'คนแก่ที่สมองสั่งให้เดินหน้าแต่กลับก้าวขาไม่ออก' ซึ่งอาจแสดงถึงจุดเริ่มต้นของการเป็นอัมพาตถ้าไม่เร่งรักษา
ทั้งนี้การปฏิรูปเศรษฐกิจต้องเชื่อมโยงโดยตรงกับการปฏิรูปการศึกษา โดยเสนอแนะแนวทางปฏิรูปการศึกษาใน 4 มิติ อาทิ การทำให้เกิดความเท่าเทียมทางการศึกษา การเพิ่มคุณภาพการศึกษาไทย การเท่าทันการเปลี่ยนแปลงต่างๆของโลก และการใช้นวัตกรรม เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ รวมถึงล่าสุดมีการเสนอให้รัฐบาลแบ่งสรรงบประมาณ 5% ของงบอุดหนุนทางการศึกษา เพื่อช่วยเหลือดูแลเด็กไทยกว่า 2 ล้านคนที่อยู่ในครอบครัวยากจนด้อยโอกาสทางการศึกษา ซึ่งปัจจุบันงบประมาณด้านการศึกษาของไทยอยู่ที่ราว 5 แสนล้านบาทต่อปี คิดเป็น 20% ของงบประมาณแผ่นดินทั้งหมด

อีกทั้งยังมีสถิติพบว่า ปัจจุบันมีเด็กไทยที่อยู่นอกระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานราว 6.7 แสนคน คิดเป็น 5% ของเด็กวัยเดียวกันทั่วประเทศที่เสียโอกาสในชีวิต โดยยูเนสโก ประเมินว่าหากสามารถทำให้เด็กเหล่านี้กลับเข้ามาอยู่ในภาคการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ตามปกติ จะส่งผลต่อการเติบโตของประเทศถึง 1.7% ของจีดีพี

สำหรับแนวทางการปรับการเรียนการสอนไทยมองว่าควรเป็นในลักษณะแซนวิช โดยปรับปรุงหลักสูตรใหม่ให้บูรณาการเข้ากับภาคธุรกิจมากขึ้น สลับการเรียนในห้องกับการทำงานในสถานการณ์จริง เพื่อเรียนรู้การปฏิบัติและการแก้ปัญหา ขณะเดียวกันผู้สอนต้องมีความรู้ในเชิงธุรกิจ ส่งเสริมการคิดค้น พัฒนานวัตกรรม รวมถึงมีระบบซอฟแวร์ที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนในยุคปัจจุบัน


http://www.moneyandbanking.co.th/new/18 ... 1%E0%B8%A2
โพสต์โพสต์