ลงทุนเเพ้ตลาด
- PGsoulmate
- Verified User
- โพสต์: 79
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนเเพ้ตลาด
โพสต์ที่ 3
สู้ๆครับ เป็นกำลังใจให้ครับ ผมก็แพ้ตลาดเหมือนกัน
รอดูโพลปีนี้อยู่นะครับ
รอดูโพลปีนี้อยู่นะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 400
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนเเพ้ตลาด
โพสต์ที่ 4
ต้องหาสาเหตุครับ เราซื้อเพราะอะไร อารมณ์ไหน แบบเก็งกำไร หรือ ลงทุน (ผ่านการวิเคราะห์ด้วยตนเองมาแล้ว) ...แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้ครับ ....ผมไม่แพ้ตลาดครับ... แต่ก็มีบางตัวที่แพ้... ซึ่งผมวิเคราะห์ ดูแล้วว่า ที่แพ้ เพราะอารมณ์ซื้อของผม ณ ตอนนั้น ซื้อแบบเก็งกำไรครับ แต่ปรากฎว่า ผิด....
-
- Verified User
- โพสต์: 995
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนเเพ้ตลาด
โพสต์ที่ 5
ลองอ่านบทความนี้นะครับ เป็นอีกแนวคิดที่น่าสนใจ
http://monkeyfreetime.blogspot.com/2017 ... -post.html
http://monkeyfreetime.blogspot.com/2017 ... -post.html
-
- Verified User
- โพสต์: 138
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนเเพ้ตลาด
โพสต์ที่ 6
ผมกำลังหาข้อความต้นฉบับนี้มาแปะไว้กับ โต๊ะทำงาน
ส่วนถ้ามองว่าการลงทุนเองไม่ใช่คำตอบที่ดี กองทุนช่วยได้ครับWarren Buffett ได้บรรยายที่ Stanford University ในปี 1978 ไว้ว่า
ความสำเร็จทางการลงทุนไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางตรงกับจำนวนชั่วโมงในการทำงานหรือความเฉลียวฉลาดเลย แต่ถ้าจะมี มันก็อาจจะเป็นความสัมพันธ์ในลักษณะผกผันซะด้วยซ้ำ ( เช่น ทำงาน 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ + IQ 200 = 0 ) อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จทางการลงทุนจะมีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับ แนวทางการลงทุนและภาวะจิตใจของนักลงทุน จากที่ผ่านมา มันชัดเจนว่า นักลงทุนจะสามารถสร้างความมั่งคั่งจากตลาดหุ้นได้ หาก:
1) พวกเขาสามารถยับยั้งชั่งใจที่จะไม่เข้าไปเล่นในทุกๆเกม ทุกๆเวลาได้
2) พวกเขามีภาวะจิตใจที่มั่นคง
3) พวกเขามีความสนใจและความรู้เกี่ยวกับตลาดหุ้นในระดับที่สูงพอ
4) พวกเขามีวินัย
5) พวกเขาอยู่ห่างจากตลาดมากพอจนไม่ถูกภาวะตลาดครอบงำ
- VALUEKUN
- Verified User
- โพสต์: 120
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนเเพ้ตลาด
โพสต์ที่ 7
โดยส่วนตัวมองว่า ในระยะยาว ยังไงการวัดผลก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น เพราะถ้าเราลงทุนแบบ Active แต่ดันทำได้แย่กว่าตลาดที่เป็นการลงทุนแบบ Passive มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้เราต้องลงทุนเอง
เสียเวลา เสียโอกาส ที่จะไปทำอย่างอื่นเปล่าๆ (หรือถ้ามองว่าการวิเคราะห์บริษัทมันเป็น Activity ที่ท้าทายและลับคมความคิดได้ดี ก็ทำไป แต่แทงลมลงกระดาษเอา แล้วเอาเงินจริงไปซื้อ Index Fund ซะ)
แต่อย่างหนึ่งที่สำคัญคือ ผมมองว่าเราต้องระมัดระวังให้ดีกับการวัดผลในระยะสั้น เวลาลงทุนแล้วแพ้ตลาด เรามักจะได้ยินผู้เชี่ยวชาญ (ซึ่งมักจะเป็นนักวิเคราะห์ หรือคนของ Broker) ให้คำแนะนำประมาณว่า
"ให้เอาประสบการณ์เป็นบทเรียน และถามตัวเองว่า ทำไมถึงผิดพลาด "
ผมมองว่านี่เป็นคำแนะนำที่ต้องระวังให้ดี ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นคำแนะนำที่ผิด แต่ผมคิดว่ามันไม่ได้เหมาะกับทุกคน
คำแนะนำนี้มันจริงสำหรับผู้จัดการกองทุน ที่ถูกบังคับให้ต้องวัดความสำเร็จจากราคาตลาด และมันจริงสำหรับนักเก็งกำไรที่มีหน้าที่ต้องซื้อๆ ขายๆ ซื้อให้ถูกขายให้แพง ล๊อคกำไรและหนีให้ทันอยู่ตลอดเวลา
(สำหรับนักเก็งกำไร ถ้าหุ้นลง 30% แล้วไม่ขายจะถือว่าผิดพลาดที่โง่ไม่ขาย แต่สำหรับนักลงทุนที่หวังกำไรกันหลายๆ เด้ง ความผันผวนแค่นี้เป็นสิ่งที่ยังไงๆ ก็ต้องเจอ และห่างไกลจากคำว่าผิดพลาดมาก)
ผมมองว่าการที่หุ้นมันไม่ Perform ตามตลาด ไม่ได้หมายความว่าเรากำลังทำผิดพลาดเสมอไป เพราะ Value Investor เชื่อว่าราคาตลาดมันขาดความน่าเชื่อถือและมักจะผิดพลาดอยู่บ่อยๆ
ฉะนั้น เค้าจะไม่นำสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือแบบนั้น มาเป็นกรรมการตัดสินว่าเค้าทำถูกหรือผิด แต่จะเลือกไปยึดถือที่มูลค่าที่ตนประเมินได้แทน
และเราต้องไม่ลืมว่า รากฐานแนวคิดแบบ Value Investment คือ ราคาหุ้นเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ยาก เราไม่อาจรู้ได้ว่าหุ้นลงสุดหรือยัง จะขึ้นเมื่อไหร่ หรืออะไรจะพาขึ้น
แต่เรารู้แค่ว่ามูลค่าของมันยังอยู่สูงกว่าราคา และตรงจุดนี้เป็นจุดที่ซื้อได้ ส่วนจะลงต่อหรือขึ้นเลย เราไม่อาจรู้ได้
การรอเป็นต้นทุนอย่างหนึ่งของการลงทุนอยู่แล้ว ซึ่งทุกคนที่จะมาทางนี้ต้องยอมรับให้ได้
การไปนิยามว่า “หุ้นที่ดี” หรือการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ คือหุ้นที่ต้อง Perform ไปกับตลาดอยู่ตลอดเวลา ก็ดูจะแปลกๆ ไปเสียหน่อยสำหรับนักลงทุน
ก่อนจะปรับจะเปลี่ยนกลยุทธ์ (เพียงเพราะแพ้ตลาดมาปีนึง) ก็คงต้องทบทวนให้ดีๆ ก่อนครับ ว่าเราทำพลาดจริงๆ หรือมันเป็นแค่ต้นทุนอย่างหนึ่งของกลยุทธ์ที่เราเลือกใช้อยู่
ถ้าแพ้ตลาดทีก็ปรับที มีสิทธิที่เราจะเป๋และหลงทาง กลายเป็นไม้หลักปักขี้เลนที่ไม่มั่นคงกับอะไรเลย เพราะเราพยายามจะเป็นผู้ชนะในทุกเวลา และทุกสถานการณ์
ทั้งๆ ที่เรารู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่มีมนต์วิเศษหรือกลยุทธ์แบบไหนที่จะชนะได้ในทุกจังหวะ
อย่างผมเอง ที่โดยส่วนตัวแล้วไม่ชอบซื้อหุ้นใหญ่ และเชื่อว่าโอกาสส่วนมากจะอยู่ในหุ้นกลาง-เล็ก ปีที่ผ่านมาตลาดให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี แต่หุ้นในพอร์ตโดยมากก็ทรงกับทรุด
หรือถ้าขึ้นก็ขึ้นแบบ Sideways up แล้วสักพักก็ลงมาใหม่ ไม่ได้ทำ New High ไปตามตลาด
บางตัวที่มันชัดเจนว่าเรามองพื้นฐานพลาดไปเอง อันนี้มันก็ไม่มีประเด็นอะไร ต่อให้ตลาดดีกว่านี้มันก็ไม่ควรขึ้นอยู่แล้ว แต่สำหรับบางตัวที่เราซื้อถือเพื่อลงทุน ทุกอย่างยังโอเค มูลค่ายังดีกว่าราคาในตอนนี้มาก
ก็อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจว่าเราเลือกมาผิด เพียงเพราะหุ้นมันไม่ Perform เพราะพฤติกรรมราคามันยากจะคาดเดา หุ้นบางตัวมีนิสัยไม่อยู่นิ่ง ค่อยๆ ขึ้น (หรือลง) ไปหามูลค่าแบบมีเสถียรภาพ Perform ไปกับตลาด
หุ้นบางตัวบทจะนอนมันก็นอนเป็นปี ชาวบ้านชาวช่องเค้า All time high กันแล้วพี่ก็ยังเฉย แต่บทจะวิ่งก็ไปกินดีหมีมาจากไหนก็ไม่รู้
ยึดถือที่มูลค่าเป็นสำคัญ ส่วนราคาจะไปหามูลค่าด้วยการเดินไป วิ่งไป หรือบินไป ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนอื่นไปครับ
คำเตือน: โปรดใช้จักรยานในการอ่าน คอมเม้นนี้เขียนโดยคนที่เพิ่งแพ้ตลาดมาหมาดๆ เมื่อปีที่แล้ว
เสียงสะท้อน: โถ อ่านตั้งนาน นึกว่ามันจะเก่ง
เสียเวลา เสียโอกาส ที่จะไปทำอย่างอื่นเปล่าๆ (หรือถ้ามองว่าการวิเคราะห์บริษัทมันเป็น Activity ที่ท้าทายและลับคมความคิดได้ดี ก็ทำไป แต่แทงลมลงกระดาษเอา แล้วเอาเงินจริงไปซื้อ Index Fund ซะ)
แต่อย่างหนึ่งที่สำคัญคือ ผมมองว่าเราต้องระมัดระวังให้ดีกับการวัดผลในระยะสั้น เวลาลงทุนแล้วแพ้ตลาด เรามักจะได้ยินผู้เชี่ยวชาญ (ซึ่งมักจะเป็นนักวิเคราะห์ หรือคนของ Broker) ให้คำแนะนำประมาณว่า
"ให้เอาประสบการณ์เป็นบทเรียน และถามตัวเองว่า ทำไมถึงผิดพลาด "
ผมมองว่านี่เป็นคำแนะนำที่ต้องระวังให้ดี ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นคำแนะนำที่ผิด แต่ผมคิดว่ามันไม่ได้เหมาะกับทุกคน
คำแนะนำนี้มันจริงสำหรับผู้จัดการกองทุน ที่ถูกบังคับให้ต้องวัดความสำเร็จจากราคาตลาด และมันจริงสำหรับนักเก็งกำไรที่มีหน้าที่ต้องซื้อๆ ขายๆ ซื้อให้ถูกขายให้แพง ล๊อคกำไรและหนีให้ทันอยู่ตลอดเวลา
(สำหรับนักเก็งกำไร ถ้าหุ้นลง 30% แล้วไม่ขายจะถือว่าผิดพลาดที่โง่ไม่ขาย แต่สำหรับนักลงทุนที่หวังกำไรกันหลายๆ เด้ง ความผันผวนแค่นี้เป็นสิ่งที่ยังไงๆ ก็ต้องเจอ และห่างไกลจากคำว่าผิดพลาดมาก)
ผมมองว่าการที่หุ้นมันไม่ Perform ตามตลาด ไม่ได้หมายความว่าเรากำลังทำผิดพลาดเสมอไป เพราะ Value Investor เชื่อว่าราคาตลาดมันขาดความน่าเชื่อถือและมักจะผิดพลาดอยู่บ่อยๆ
ฉะนั้น เค้าจะไม่นำสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือแบบนั้น มาเป็นกรรมการตัดสินว่าเค้าทำถูกหรือผิด แต่จะเลือกไปยึดถือที่มูลค่าที่ตนประเมินได้แทน
และเราต้องไม่ลืมว่า รากฐานแนวคิดแบบ Value Investment คือ ราคาหุ้นเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ยาก เราไม่อาจรู้ได้ว่าหุ้นลงสุดหรือยัง จะขึ้นเมื่อไหร่ หรืออะไรจะพาขึ้น
แต่เรารู้แค่ว่ามูลค่าของมันยังอยู่สูงกว่าราคา และตรงจุดนี้เป็นจุดที่ซื้อได้ ส่วนจะลงต่อหรือขึ้นเลย เราไม่อาจรู้ได้
การรอเป็นต้นทุนอย่างหนึ่งของการลงทุนอยู่แล้ว ซึ่งทุกคนที่จะมาทางนี้ต้องยอมรับให้ได้
การไปนิยามว่า “หุ้นที่ดี” หรือการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ คือหุ้นที่ต้อง Perform ไปกับตลาดอยู่ตลอดเวลา ก็ดูจะแปลกๆ ไปเสียหน่อยสำหรับนักลงทุน
ก่อนจะปรับจะเปลี่ยนกลยุทธ์ (เพียงเพราะแพ้ตลาดมาปีนึง) ก็คงต้องทบทวนให้ดีๆ ก่อนครับ ว่าเราทำพลาดจริงๆ หรือมันเป็นแค่ต้นทุนอย่างหนึ่งของกลยุทธ์ที่เราเลือกใช้อยู่
ถ้าแพ้ตลาดทีก็ปรับที มีสิทธิที่เราจะเป๋และหลงทาง กลายเป็นไม้หลักปักขี้เลนที่ไม่มั่นคงกับอะไรเลย เพราะเราพยายามจะเป็นผู้ชนะในทุกเวลา และทุกสถานการณ์
ทั้งๆ ที่เรารู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่มีมนต์วิเศษหรือกลยุทธ์แบบไหนที่จะชนะได้ในทุกจังหวะ
อย่างผมเอง ที่โดยส่วนตัวแล้วไม่ชอบซื้อหุ้นใหญ่ และเชื่อว่าโอกาสส่วนมากจะอยู่ในหุ้นกลาง-เล็ก ปีที่ผ่านมาตลาดให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี แต่หุ้นในพอร์ตโดยมากก็ทรงกับทรุด
หรือถ้าขึ้นก็ขึ้นแบบ Sideways up แล้วสักพักก็ลงมาใหม่ ไม่ได้ทำ New High ไปตามตลาด
บางตัวที่มันชัดเจนว่าเรามองพื้นฐานพลาดไปเอง อันนี้มันก็ไม่มีประเด็นอะไร ต่อให้ตลาดดีกว่านี้มันก็ไม่ควรขึ้นอยู่แล้ว แต่สำหรับบางตัวที่เราซื้อถือเพื่อลงทุน ทุกอย่างยังโอเค มูลค่ายังดีกว่าราคาในตอนนี้มาก
ก็อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจว่าเราเลือกมาผิด เพียงเพราะหุ้นมันไม่ Perform เพราะพฤติกรรมราคามันยากจะคาดเดา หุ้นบางตัวมีนิสัยไม่อยู่นิ่ง ค่อยๆ ขึ้น (หรือลง) ไปหามูลค่าแบบมีเสถียรภาพ Perform ไปกับตลาด
หุ้นบางตัวบทจะนอนมันก็นอนเป็นปี ชาวบ้านชาวช่องเค้า All time high กันแล้วพี่ก็ยังเฉย แต่บทจะวิ่งก็ไปกินดีหมีมาจากไหนก็ไม่รู้
ยึดถือที่มูลค่าเป็นสำคัญ ส่วนราคาจะไปหามูลค่าด้วยการเดินไป วิ่งไป หรือบินไป ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนอื่นไปครับ
คำเตือน: โปรดใช้จักรยานในการอ่าน คอมเม้นนี้เขียนโดยคนที่เพิ่งแพ้ตลาดมาหมาดๆ เมื่อปีที่แล้ว
เสียงสะท้อน: โถ อ่านตั้งนาน นึกว่ามันจะเก่ง
-
- Verified User
- โพสต์: 39
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนเเพ้ตลาด
โพสต์ที่ 8
เฉียบคมดีครับVALUEKUN เขียน:โดยส่วนตัวมองว่า ในระยะยาว ยังไงการวัดผลก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น เพราะถ้าเราลงทุนแบบ Active แต่ดันทำได้แย่กว่าตลาดที่เป็นการลงทุนแบบ Passive มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้เราต้องลงทุนเอง
เสียเวลา เสียโอกาส ที่จะไปทำอย่างอื่นเปล่าๆ (หรือถ้ามองว่าการวิเคราะห์บริษัทมันเป็น Activity ที่ท้าทายและลับคมความคิดได้ดี ก็ทำไป แต่แทงลมลงกระดาษเอา แล้วเอาเงินจริงไปซื้อ Index Fund ซะ)
แต่อย่างหนึ่งที่สำคัญคือ ผมมองว่าเราต้องระมัดระวังให้ดีกับการวัดผลในระยะสั้น เวลาลงทุนแล้วแพ้ตลาด เรามักจะได้ยินผู้เชี่ยวชาญ (ซึ่งมักจะเป็นนักวิเคราะห์ หรือคนของ Broker) ให้คำแนะนำประมาณว่า
"ให้เอาประสบการณ์เป็นบทเรียน และถามตัวเองว่า ทำไมถึงผิดพลาด "
ผมมองว่านี่เป็นคำแนะนำที่ต้องระวังให้ดี ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นคำแนะนำที่ผิด แต่ผมคิดว่ามันไม่ได้เหมาะกับทุกคน
คำแนะนำนี้มันจริงสำหรับผู้จัดการกองทุน ที่ถูกบังคับให้ต้องวัดความสำเร็จจากราคาตลาด และมันจริงสำหรับนักเก็งกำไรที่มีหน้าที่ต้องซื้อๆ ขายๆ ซื้อให้ถูกขายให้แพง ล๊อคกำไรและหนีให้ทันอยู่ตลอดเวลา
(สำหรับนักเก็งกำไร ถ้าหุ้นลง 30% แล้วไม่ขายจะถือว่าผิดพลาดที่โง่ไม่ขาย แต่สำหรับนักลงทุนที่หวังกำไรกันหลายๆ เด้ง ความผันผวนแค่นี้เป็นสิ่งที่ยังไงๆ ก็ต้องเจอ และห่างไกลจากคำว่าผิดพลาดมาก)
ผมมองว่าการที่หุ้นมันไม่ Perform ตามตลาด ไม่ได้หมายความว่าเรากำลังทำผิดพลาดเสมอไป เพราะ Value Investor เชื่อว่าราคาตลาดมันขาดความน่าเชื่อถือและมักจะผิดพลาดอยู่บ่อยๆ
ฉะนั้น เค้าจะไม่นำสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือแบบนั้น มาเป็นกรรมการตัดสินว่าเค้าทำถูกหรือผิด แต่จะเลือกไปยึดถือที่มูลค่าที่ตนประเมินได้แทน
และเราต้องไม่ลืมว่า รากฐานแนวคิดแบบ Value Investment คือ ราคาหุ้นเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ยาก เราไม่อาจรู้ได้ว่าหุ้นลงสุดหรือยัง จะขึ้นเมื่อไหร่ หรืออะไรจะพาขึ้น
แต่เรารู้แค่ว่ามูลค่าของมันยังอยู่สูงกว่าราคา และตรงจุดนี้เป็นจุดที่ซื้อได้ ส่วนจะลงต่อหรือขึ้นเลย เราไม่อาจรู้ได้
การรอเป็นต้นทุนอย่างหนึ่งของการลงทุนอยู่แล้ว ซึ่งทุกคนที่จะมาทางนี้ต้องยอมรับให้ได้
การไปนิยามว่า “หุ้นที่ดี” หรือการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ คือหุ้นที่ต้อง Perform ไปกับตลาดอยู่ตลอดเวลา ก็ดูจะแปลกๆ ไปเสียหน่อยสำหรับนักลงทุน
ก่อนจะปรับจะเปลี่ยนกลยุทธ์ (เพียงเพราะแพ้ตลาดมาปีนึง) ก็คงต้องทบทวนให้ดีๆ ก่อนครับ ว่าเราทำพลาดจริงๆ หรือมันเป็นแค่ต้นทุนอย่างหนึ่งของกลยุทธ์ที่เราเลือกใช้อยู่
ถ้าแพ้ตลาดทีก็ปรับที มีสิทธิที่เราจะเป๋และหลงทาง กลายเป็นไม้หลักปักขี้เลนที่ไม่มั่นคงกับอะไรเลย เพราะเราพยายามจะเป็นผู้ชนะในทุกเวลา และทุกสถานการณ์
ทั้งๆ ที่เรารู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่มีมนต์วิเศษหรือกลยุทธ์แบบไหนที่จะชนะได้ในทุกจังหวะ
อย่างผมเอง ที่โดยส่วนตัวแล้วไม่ชอบซื้อหุ้นใหญ่ และเชื่อว่าโอกาสส่วนมากจะอยู่ในหุ้นกลาง-เล็ก ปีที่ผ่านมาตลาดให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี แต่หุ้นในพอร์ตโดยมากก็ทรงกับทรุด
หรือถ้าขึ้นก็ขึ้นแบบ Sideways up แล้วสักพักก็ลงมาใหม่ ไม่ได้ทำ New High ไปตามตลาด
บางตัวที่มันชัดเจนว่าเรามองพื้นฐานพลาดไปเอง อันนี้มันก็ไม่มีประเด็นอะไร ต่อให้ตลาดดีกว่านี้มันก็ไม่ควรขึ้นอยู่แล้ว แต่สำหรับบางตัวที่เราซื้อถือเพื่อลงทุน ทุกอย่างยังโอเค มูลค่ายังดีกว่าราคาในตอนนี้มาก
ก็อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจว่าเราเลือกมาผิด เพียงเพราะหุ้นมันไม่ Perform เพราะพฤติกรรมราคามันยากจะคาดเดา หุ้นบางตัวมีนิสัยไม่อยู่นิ่ง ค่อยๆ ขึ้น (หรือลง) ไปหามูลค่าแบบมีเสถียรภาพ Perform ไปกับตลาด
หุ้นบางตัวบทจะนอนมันก็นอนเป็นปี ชาวบ้านชาวช่องเค้า All time high กันแล้วพี่ก็ยังเฉย แต่บทจะวิ่งก็ไปกินดีหมีมาจากไหนก็ไม่รู้
ยึดถือที่มูลค่าเป็นสำคัญ ส่วนราคาจะไปหามูลค่าด้วยการเดินไป วิ่งไป หรือบินไป ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนอื่นไปครับ
คำเตือน: โปรดใช้จักรยานในการอ่าน คอมเม้นนี้เขียนโดยคนที่เพิ่งแพ้ตลาดมาหมาดๆ เมื่อปีที่แล้ว
เสียงสะท้อน: โถ อ่านตั้งนาน นึกว่ามันจะเก่ง
- shumbrotta
- Verified User
- โพสต์: 289
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนเเพ้ตลาด
โพสต์ที่ 9
ผมก็แพ้ตลาดครับ เปิดปีนี้มาผมเกือบแพ้ใจตัวเอง ขายหุ้นที่ถือซะแล้ว เพราะหันไปดูสนามหญ้าข้างบ้านมันเขียวดีจริงๆ ดีที่ตั้งสติได้ ถือว่าชนะใจตัวเองได้แล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 2195
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนเเพ้ตลาด
โพสต์ที่ 10
การลงทุนในหุ้นแบบวีไอ ต้องใช้เวลากว่าหุ้นจะเติบโตจากกำไรที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
ดังนั้น การเเพ้ตลาดในปีที่แล้ว อาจมาจากหุ้นที่ถืออยู่ยังไม่ถึงจังหวะจะขึ้น อย่าได้หมดกำลังใจ
แต่พอถึงเวลาขึ้น หุ้นจะขึ้นแบบเราคาดไม่ถึงเลย ปีที่แล้วก็หลายบริษัทที่เป็นแบบนี้
ดังนั้นต้องวัดผลตอบแทนอย่างน้อย 5 ปี เทียบกับตลาด จึงจะรู้ว่าเรา ชนะ หรือ แพ้ตลาด
เป็นกำลังใจให้นะครับ
ดังนั้น การเเพ้ตลาดในปีที่แล้ว อาจมาจากหุ้นที่ถืออยู่ยังไม่ถึงจังหวะจะขึ้น อย่าได้หมดกำลังใจ
แต่พอถึงเวลาขึ้น หุ้นจะขึ้นแบบเราคาดไม่ถึงเลย ปีที่แล้วก็หลายบริษัทที่เป็นแบบนี้
ดังนั้นต้องวัดผลตอบแทนอย่างน้อย 5 ปี เทียบกับตลาด จึงจะรู้ว่าเรา ชนะ หรือ แพ้ตลาด
เป็นกำลังใจให้นะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 476
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนเเพ้ตลาด
โพสต์ที่ 11
เห็นด้วยทั้งหมดครับ ขออนุญาตเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยนะครับamornkowa เขียน:การลงทุนในหุ้นแบบวีไอ ต้องใช้เวลากว่าหุ้นจะเติบโตจากกำไรที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
ดังนั้น การเเพ้ตลาดในปีที่แล้ว อาจมาจากหุ้นที่ถืออยู่ยังไม่ถึงจังหวะจะขึ้น อย่าได้หมดกำลังใจ
แต่พอถึงเวลาขึ้น หุ้นจะขึ้นแบบเราคาดไม่ถึงเลย ปีที่แล้วก็หลายบริษัทที่เป็นแบบนี้
ดังนั้นต้องวัดผลตอบแทนอย่างน้อย 5 ปี เทียบกับตลาด จึงจะรู้ว่าเรา ชนะ หรือ แพ้ตลาด
เป็นกำลังใจให้นะครับ
เวลาหุ้นเราขึ้นแล้ว ยิ่งถ้าขึ้นแรงๆแบบคาดไม่ถึง
ขอให้ถือให้ทนๆ แบบที่เราทนมาตอนราคานิ่งๆนะครับ
เวลาโอกาสเข้ามาแล้ว อย่าปล่อยให้ผ่านไปครับ
แต่ก้พิจารณาความถูกแพงด้วยนะครับ
ถ้าแพงมากแล้วก้ปล่อยไป เดี๋ยวจะลงรถเลยป้ายครับ
- Wongratt
- Verified User
- โพสต์: 471
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนเเพ้ตลาด
โพสต์ที่ 13
SET บวก ไม่ได้แปลว่าตลาดดีนะครับ
AOT ขึ้น 1 ตัว แต่หุ้นเล็กลง 100 ตัว ดัชนี SET ก็ยังบวกอยู่
AOT+PTT ขึ้น ถึงหุ้นเล็ก 200 ตัวก็เอาดัชนีลงไม่ได้
ถ้าตลาดเป็น equally weighted ผมมองว่า 2017 เป็นตลาดหุ้นขาลงครับ (อาจจะฟังดูตลกหน่อย)
AOT ขึ้น 1 ตัว แต่หุ้นเล็กลง 100 ตัว ดัชนี SET ก็ยังบวกอยู่
AOT+PTT ขึ้น ถึงหุ้นเล็ก 200 ตัวก็เอาดัชนีลงไม่ได้
ถ้าตลาดเป็น equally weighted ผมมองว่า 2017 เป็นตลาดหุ้นขาลงครับ (อาจจะฟังดูตลกหน่อย)
-
- Verified User
- โพสต์: 819
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนเเพ้ตลาด
โพสต์ที่ 14
ผมก็รู้สึกเหมือนกันครับWongratt เขียน:SET บวก ไม่ได้แปลว่าตลาดดีนะครับ
AOT ขึ้น 1 ตัว แต่หุ้นเล็กลง 100 ตัว ดัชนี SET ก็ยังบวกอยู่
AOT+PTT ขึ้น ถึงหุ้นเล็ก 200 ตัวก็เอาดัชนีลงไม่ได้
ถ้าตลาดเป็น equally weighted ผมมองว่า 2017 เป็นตลาดหุ้นขาลงครับ (อาจจะฟังดูตลกหน่อย)
ดัชนีขึ้นมา 1,800 แล้ว
แต่หุ้นขนาดกลาง หรือเล็กบางตัว
ราคายังต่ำกว่าตอนดัชนี 1,600 อีก
ตัวเล็กบางตัวราคาไม่ขึ้น แต่ลดลงด้วย
เพราะกองทุน หรือผู้เล่นในตลาด เล่นกันแต่ตัวใหญ่ไม่กี่ตัว
จน P/E ตัวใหญ่ ๆ ปาเข้าไป 30-40 กว่าเท่าแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 535
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนเเพ้ตลาด
โพสต์ที่ 15
เมื่อได้ตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางนี้แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่าถอดใจ
แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา
พ่ายศึกได้ แต่อย่าแพ้สงคราม
เราวิ่งมาราธอน ไม่ได้วิ่งแข่ง 100 เมตร
ล้มแล้วก็ลุกขึ้นใหม่ ถ้ามันยังล้มอีกก็ลุกอีกๆๆ
ตื้อไปเรื่อยๆจนกว่าเค้าจะเห็นใจให้เราชนะบ้าง
ไม่รวยไม่เลิก (รวยแล้วผมก็ไม่เลิก 555)
stay calm, stay invest ครับ
แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา
พ่ายศึกได้ แต่อย่าแพ้สงคราม
เราวิ่งมาราธอน ไม่ได้วิ่งแข่ง 100 เมตร
ล้มแล้วก็ลุกขึ้นใหม่ ถ้ามันยังล้มอีกก็ลุกอีกๆๆ
ตื้อไปเรื่อยๆจนกว่าเค้าจะเห็นใจให้เราชนะบ้าง
ไม่รวยไม่เลิก (รวยแล้วผมก็ไม่เลิก 555)
stay calm, stay invest ครับ
เรียนรู้และเข้าใจ คุณค่าที่แท้จริงของสรรพสิ่ง...
-
- Verified User
- โพสต์: 121
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนเเพ้ตลาด
โพสต์ที่ 16
ผมเพิ่งรู้จักดัชนี sset ไม่รู้ตกข่าวหรือเปล่า
ผมสังเกตว่าหุ้นในพอร์ตของผมไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่นัก (เพิ่งมาขึ้นสัปดาห์ที่แล้ว)
พอผมไปดูดัชนี sset เออ มันก็ปกตินี่หว่า เพราะหุ้นเล็กกับกลาง(ส่วนใหญ่พอร์ตผมเป็นหุ้นเล็กกับกลาง)เป็นขาลงมาตั้งกะ เดือน 11
แม้ Set new high แต่หุ้นเล็กกับกลาง ดูดัชนี่นี่หัวทิ่มเลยทีเดียว
ผมสังเกตว่าหุ้นในพอร์ตของผมไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่นัก (เพิ่งมาขึ้นสัปดาห์ที่แล้ว)
พอผมไปดูดัชนี sset เออ มันก็ปกตินี่หว่า เพราะหุ้นเล็กกับกลาง(ส่วนใหญ่พอร์ตผมเป็นหุ้นเล็กกับกลาง)เป็นขาลงมาตั้งกะ เดือน 11
แม้ Set new high แต่หุ้นเล็กกับกลาง ดูดัชนี่นี่หัวทิ่มเลยทีเดียว