Infrastructure Opportunities โดย นายอาคม รมว คมนาคม

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
amornkowa
Verified User
โพสต์: 2195
ผู้ติดตาม: 0

Infrastructure Opportunities โดย นายอาคม รมว คมนาคม

โพสต์ที่ 1

โพสต์

สัมมนา Thailand Economic Outlook 2018
หัวข้อ Infrastructure Opportunities โดย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม

เผยแผนลงทุน 103 โครงการโครงสร้างพื้นฐานรองรับ EEC มูลค่ารวม 7.45 แสนลบ.

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ( EEC) มูลค่ารวม 7.45 แสนล้านบาท จำนวน 103 โครงการ ใช้ในระยะเวลา 5 ปี โดยโครงการที่เร่งการลงทุนก่อนได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-ระยอง ซึ่งจะรวมกับการเชื่อมสนามบิน 3 แห่ง โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทำการศึกษาอยู่ โดยคาดว่าจะเปิดประมูลปลายปีนี้
รองลงมาคือโครงการลงทุนศูนย์ซ่อมและบำรุงอากาศยาน (MRO) ที่เป็นการร่วมลงทุนระหว่าง บมจ.การบินไทย (THAI) กับ แอร์บัส โดยในปลายปีนี้จะมีการร่วมลงนามครั้งที่ 2 อีกทั้งการลงทุนขยายสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งกองทัพเรือเป็นผู้ดำเนินงาน นอกจากนี้มีโครงการลงทุนท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 รวมทั้งมีการลงทุนทางหลวงทั้งสายหลักและสายย่อย
ขณะที่การลงทุนโครงการรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล ยังเหลือ 3 เส้นทางได้แก่ สายสีชมพู สายสีเหลืองและสายสีส้มตะวันออกที่กำลังจะเสนอให้คณะรัฐมนตรคี (ครม.) พิจารณาทั้งหมดในปี 61
โครงการรรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชันที่ล่าช้าเพราะจะรวมทั้งงานก่อสร้างและการบริหารการเดินรถสายสีส้มรูปแบบ PPP คาดว่าจะเสนอ ครม.ได้ภายในปลายปีนี้หรือต้นปี 61
โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ซึ่ง ครม.อนุมัติแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างออก TOR คาดเปิดประมูลปลายปีนี้ และเริ่มก่อสร้างในปลายปี 61
โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงรังสิต- ธรรมศาสตร์ จะทยอยเสนอครม.ในปี 61

นายอาคม กล่าวว่าในปี 61 จะเป็นการ Transformation ครั้งที่3 ในด้านคมนาคมขนส่ง หลังจากได้ผ่านช่วงที่ 1 ในยุคการลงทุนอีสเทิร์นซีบอร์ด และช่วงที่ 2 ที่ลงทุนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 58-60) ที่เน้นลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนานใหญ่ ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลนี้จะผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตต่อเนื่องไปอีก 10 ปี
การลงทุนภาครัฐจะมีส่วนการวางพื้นฐานให้เศรษฐกิจ ให้ทุกคนได้รับประโยชน์ ทุกภาค จึงมีกรอบ 4 เรื่องในการดำเนินการ ได้แก่
1. ประสิทธิภาพระบบคมนาคมขนส่ง ต้นทุนการขนส่งที่ถูกที่สุด คือ ทางน้ำ รองลงมา คือ ระบบราง ต่อมาคือทางถนน สุดท้าย เครื่องบินแพงสุด แต่ไทยมีสัดส่วนใช้ทางถนนในการขนส่งมากที่สุด ส่วนระบบรางไม่ได้ปรับปรุงมานาน 100 ปีดังนั้น ที่ผ่านมาราว 80% จึงได้ลงทุนในระบบราง โดยรัฐบาลให้ความสำคัญทุกระบบ อาทิ รถไฟความเร็วสูงเชื่อมไทย ลาว และจีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ One Belt One Road ของจีน , ขนส่งมวลชน . รถไฟระหว่างเมือง , รถไฟฟ้าที่รออนุมัติอีก3สาย และในปี 61-62 จะวางแผนลงทุนระบบทางน้ำมากขึ้น
2. การจัดระบบBus Bay ให้มีการเชื่อมต่อการใช้ระบบคมนาคมขนส่งระบบรางเชื่อมกับระบบอื่น โดยมีรถshutterบริการให้ รวมทั้งการใช้บัตรตั๋วร่วมหรือบัตรแมงมุมคาดว่าจะใช้ได้ในเดือน เม.ย.-พ.ค.61 โดยเริ่มต้นให้ใช้กับรถไฟฟ้าสายสีม่วง- สายสีน้ำเงินและแอร์พอร์ตเรลลิ้งก์ก่อน
3. ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยนั้น หัวใจการคมนาคมคือ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย แต่ในไทยต้องเพิ่มเรื่องการเข้าถึง ซึ่งไม่ได้พูดถึงเข้าถึงบริการระบบคมนาคมของทุกคนในสังคมที่ตั้งเป้าให้ทุกคนเข้าถึงระบบคมนาคมขนส่ง ทั้งกลุ่มผู้สูงอายุ เด็ก และคนพิการ โดยมองว่ากลุ่มนี้จะแนวโน้มขยายขึ้นโดยเฉพาะผู้สูงอายุ หรือประมาณ 20% ของประชากรทั้งหมด
4. เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยนำ IT,Innovation มาช่วย

การลงทุนของภาครัฐนำไปสู่การปฏิรูป 2 เรื่อง คือ

1.เรื่องการบิน มีการแยกหน่วยงานกำกับ (Regulator) และ เป็นผู้ประกอบการ (Operator)
หลังจากปลดธงแดงภายใน2ปี ซึ่งเร็วกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปี แต่มีเรื่องต้องทำต่อเรื่องไฟล์ดิ้ง
หลายสายการบินเริ่มขยายสายการบิน เช่น Thai vietjet ของการบินไทย คาดว่าปี 61 จะมีความคึกคักเพราะจุดหมายปลายทางเป็นเอเชียแปซิฟิค มียอดสั่งซื้อเครื่องบินในอนาคตจะมาจากเอเชียแปซิฟิค เรามีโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งมีcapacity รองรับได้สูงสุด 60ล้านคน ธุรกิจการบินเติบโต การซ่อมแซมมีความจำเป็น
รัฐบาลเห็นโอกาสซ่อมบำรุงอากาศยาน เกิดโครงการ MRO
อีกไม่กี่สัปดาห์เราก็จะมีการเซ็นสัญญาระหว่างแอร์บัสกับการบินไทย ครั้งที่ 2

2. ปฏิรูปเรื่องรถเมล์ มีการแยกผู้กำกับดูแล และผู้ดำเนินการ องค์การขนส่งมวลชน (ขสมก.) ได้สิทธิเดินรถในกรุงเทพทั้งหมด และให้ใบอนุญาตผู้ประกอบการรายอื่นเข้ามาเดินรถ จึงเปลี่ยนให้กรมการขนส่งทางบกเป็นผู้ดูแล และ ขสมก.เป็นผู้เดินรถในกรุงเทพ พร้อมทั้งให้โอกาส ขสมก เลือกเส้นทางเดินรถที่มีโอกาสทำกำไรได้บ้าง และปฏิรูปเส้นทางเพื่อลดความซ้ำซ้อนและลดระยะทางเดินรถให้สั้นลง เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้า กับท่าเรือ ขณะที่ระบบรางจะแยกกรมราง กับ รฟท.ซึ่งอยู่ขั้นตอนแก้กฎหมายอยู่คณะกรรมการกฤษฎีกา

นายอาคม กล่าวว่า การลงทุนของกระทรวงคมนาคมต่อเนื่องมา 3 ปี (58-60) คิดเป็นเงินลงทุนมูลค่า รวม ประมาณ 2.39 ล้านล้านบาท โดยบางโครงการยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-เชียงใหม่ อยู่ระหว่างการศึกษา บางโครงการอยู่ระหว่างก่อสร้าง ส่วนกรอบลงทุนในปี 61 มีจำนวน 1.03 แสนล้านบาทที่มี 8 โครงการใหม่

Cr: ข้อมูลจาก อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/รัชดา/ศศิธร
โพสต์โพสต์