ขอความรู้เรื่อง Economic Value Added ครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mon money
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 3134
ผู้ติดตาม: 0

ขอความรู้เรื่อง Economic Value Added ครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เห็นมีกล่าวถึงมากในต่างประเทศครับ CoCa CoLa ก็ใช้ ผมเองไม่มีความรู้เลย ขอผู้รู้ช่วยบอกกล่าวด้วยครับ
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0

ขอความรู้เรื่อง Economic Value Added ครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอตัดหน้าคุณ ayethebing ไปก่อนนะครับ
Peter Keen เขียน:Economic value-added (EVA) is the after-tax cash flow generated by a business minus the cost of the capital it has deployed to generate that cash flow. Representing real profit versus paper profit, EVA underlies shareholder value, increasingly the main target of leading companies' strategies. Shareholders are the players who provide the firm with its capital; they invest to gain a return on that capital.
แปลแบบดิบๆว่า EVA คือกระแสเงินสดหลังหักภาษีซึ่งเกิดการการดำเนินงานธุรกิจ ลบด้วยต้นทุนเงินทุนเพื่อใช้ในการสร้างกระแสเงินสดนั้นๆ (คือเงินลงทุนนั่นเอง) เป็นตัวแสดงกำไรจริงๆ ไม่ใช่แค่กำไรบนสมุดบัญชี EVA เน้นเพิ่มคุณค่าให้กับผู้ถือหุ้น คือเพิ่มผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นเทียบกับเงินที่ลงไป
Peter Keen เขียน:The concept of EVA is well established in financial. theory, but only recently has the term moved into the mainstream of corporate finance, as more and more firms adopt it as the base for business planning and performance monitoring. There is growing evidence that EVA, not earnings, determines the value of a firm. The chairman of AT&T stated that the firm had found an almost perfect correlation over the past five years between its market value and EVA. Effective use of capital is the key to value; that message applies to business processes, too.
เดี๋ยวนี้บริษัทในต่างประเทศเริ่มใช้ EVA ในการวัดความคุ้มในการลงทุนเพิ่มเติมในแต่ละโครงการ รวมไปถึงนโยบายการบริหารและดำเนินงานในอนาคตด้วยครับ เพราะมีผู้ถือหุ้นหลายรายใช้ EVA เป็นตัววัดศักยภาพบริหาร ไม่ใช่ Earning

ส่วนตัวผมในฐานะ "Manager" ที่เคยต้อง run business โดยใช้ EVA พบว่าเป็นวิธีที่ดีครับ แต่ถ้าใช้ไม่ถูกวิธีจะทำให้มูลค่าบริษัทเล็กลงจนกระทั่งตายในที่สุด เหตุผลหลักๆคือบริษัทจะไปเน้นการตัดโครงการที่ให้ EVA ต่ำกว่า EVA ปกติของบริษัท ซึ่งเป็น cash cow อยู่แล้ว เลยไม่มีโปรเจ็กไหนทำ EVA ได้เกิน 12% ครับ โดนตัดเหี้ยนนอกจาก 2-3 อันที่ Project Manager ใส่ BS ไปซะเยอะจน return เป็น 30% แน่ะ เลยผ่าน แต่ปรากฎว่าเป็นโครงการที่ทำให้ขาดทุนมหาศาลไปในที่สุด

สุดท้าย cash cow ที่เคยให้นมเนยมากมายก็ถูกคู่แข่งสอยไปเรื่อยๆ เพราะบริษัทไปเน้นการขึ้นราคาและลดต้นทุน

คุณ ayethebing เคยพูดไว้ว่าควรจะเอา branding และ R&D มาบุ๊คในฝั่ง asset แทนที่จะเป็น expense ซึ่งผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ แต่ในทางปฏิบัติ ผู้ถือหุ้นอาจจะไม่ชอบใจก็ได้ เพราะดูตัวเลขมันกลวงๆครับ

ขอส่งไม้ต่อให้คุณ aye ครับ ผู้เชี่ยวชาญตัวจริง ผิดถูกประการใดคุณ aye ช่วยแก้ไขด้วยครับ

ที่มา: http://www.peterkeen.com/emgbp007.htm
ภาพประจำตัวสมาชิก
ayethebing
Verified User
โพสต์: 2125
ผู้ติดตาม: 0

ขอความรู้เรื่อง Economic Value Added ครับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

เอาสูตรไปก่อนครับ

EVA = NOPLAT - Capital Charge
= (ROIC - WACC) * Invested Capital

NOPLAT = Net Operating Profit After Taxes (before interest expenses)

ROIC = NOPLAT / Invested Capital
WACC = Weighted Cost of Capital

ว่าง่ายๆ ก้อคือกำไรที่ได้จะต้องมากกว่าต้นทุนทางการเงินของบริษัท

เป็นเครื่องมือวัดทางการเงินที่ hot สุดๆ คับ ก่อนจะเข้าใจ EVA ลองเลือกหุ้นของ 2 บริษัทนี้ก่อนครับ

A Earning = 10 Invested Capital = 100
B Earning = 15 Invested Capital = 100

เลือกบริษัทไหนครับ

ขอโพสต์ก่อนสายหลุดครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ayethebing
Verified User
โพสต์: 2125
ผู้ติดตาม: 0

ขอความรู้เรื่อง Economic Value Added ครับ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณคุณ Ck ครับ เดี๋ยวผมจะขยายความที่คุณ CK อธิบายเกี่ยวกับ cash cow นะครับ

ถ้าเป็นผมผมเลือกบริษัท B ใช่มั้ยครับ แต่ถ้ามีข้อมูลเพิ่มละครับ

A อยู่ในธุรกิจผลิตไฟฟ้า ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมเป็นแค่ 5%
ฺB อยู่ในธุรกิจไฟแนนซ์ ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมเป็น 15%

เปลี่ยนใจรึยังครับเป็นผมผมเลือก A นะคราวนี้

ลองดูอีกมุมนึงนะครับสมมติว่าอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันแต่ลองดูผลประกอบการในอดีตของทั้ง 2 บริษัท

A 10 8 10 8 10 Deviation 1.1
B 15 -3 10 -3 15 Deviation 9.17

เลือกอันไหนครับผมเลือก A อีกแล้ว เพราะสามารถคาดการณ์ earning ในอนาคตได้ง่ายกว่าครับ

จะเห็นได้ว่าเราจะต้องดูต้นทุนทางการเงินของการลงทุนด้วยครับ ถ้าเงินลงทุนทั้ง 2 บริษัทมาจากผู้ถือหุ้นโดยไม่มีหนี้เลย ต้นทุนทางการเงินคือ cost of equity หรือผลตอบแทนต่ำสุดที่ผู้ถือหุ้นต้องการด้วยความเสี่ยงที่เท่ากันครับ ในกรณีนี้ B มีความเสี่ยงเยอะกว่าเพราะไม่สามารถคาดการณ์อนาคตได้ง่ายครับ

ยังมีการได้มาซึ่งเงินลงทุนอีกซึ่งประกอบด้วย Equity และ Debt ซึ่งก้อทำให้ผลประกอบการไม่เหมือนกัน

ขอโพสต์ก่อนครับ เดี๋ยวมีต่อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ayethebing
Verified User
โพสต์: 2125
ผู้ติดตาม: 0

ขอความรู้เรื่อง Economic Value Added ครับ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ดังนั้น EVA จึงเป็นการวัดว่า Earning ที่ได้สูงกว่าต้นทุนทางการเงินหรือเปล่า

ทีนี้มาดูต้นทุนทางการเงินบ้าง ต้นทุนทางการเงินของบริษัทคือความยากง่ายในการคาดการณ์อนาคตการทำกำไรจากกิจการของบริษัท ทีนี้ สิ่งที่มีผลก้อคือกิจการมีความเสี่ยงแค่ไหนใช่มั้ยครับ นี่แหละคือ Weighted Average Cost of Capital หรือ WACC ไง

เอแล้วหนี้ละทำให้ WACC เปลี่ยนรึเปล่า คำตอบคือไม่เปลี่ยนครับถ้าไม่มองเรื่องภาษีจ่าย (เช่นได้ BOI) เอแต่สูตรของ WACC คือ (Cost of Equity * Equity + Cost of Debt * Debt) / Total Asset ไม่ใช่เหรอ แล้วระดับของหนี้ทำไมไม่มีผลละ

เพราะความสามารถในการทำกำไรของกิจการก่อนดอกเบี้ยจ่ายไม่ขึ้นอยู่กับระดับของหนี้ครับ ทีนี้ถ้าเรามีหนี้และต้องจ่ายภาษีเพราะไม่ได้ BOI ภาษีจ่ายจะลดลงเนื่องจาก ดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นทำให้กำไรลดลงและเสียภาษีน้อยลง ดังนั้น หนี้มีประโยชน์ในแง่ของการลดภาษีจ่ายเท่านั้น

WACC จะลดลงเนื่องจากภาษีจ่ายที่ลดลงครับ อะไรเกิดขึ้นกับ cost of equity คับ cost of equity จะเพิ่มขึ้นครับเพราะความแน่นอนของ Net Profit จะผันผวนมากขึ้นเพราะมีดอกเบี้ยจ่ายมากั้นเหมือนต้นทุนคงที่ ในสภาวะที่ธุรกิจตกต่ำและมีหนี้เยอะ กิจการก้อจะแย่ครับ

ดังนั้นการใช้หนี้ในกิจการต้องดูปัญญาในการจ่ายหนี้ด้วยครับ Stern Steward คนคิดค้น EVA เชื่อว่ากิจการควรใช้โครงสร้างเงินทุนที่ dynamic ปรับระดับหนี้ไปเรื่อยๆ เพิ่มทุนเมื่อกิจการต้องการทุนมากขึ้นแล้วเอาเงินทุนไปจ่ายหนี้ ไม่รู้ว่าวิธีนี้จะทำได้หรือไม่ แต่ผมแค่เชื่อว่าระดับหนี้ที่ไม่สูงเกินไป จะยังทำให้เกิด value ได้มากกว่า ไม่มีหนี้เลยครับ

Earning ผมจะใช้คำนี้ไปก่อน แต่จริงๆ ไม่ใช่ผลประกอบการของตามบัญชีนะครับเดี๋ยวเล่าให้ฟังต่อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ayethebing
Verified User
โพสต์: 2125
ผู้ติดตาม: 0

ขอความรู้เรื่อง Economic Value Added ครับ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ง่วงนอนแล้วครับ เที่ยงคืนกว่าแล้วที่ชิคาโก ขอไปนอนก่อนแล้วพรุ่งนี้จะมาคุยด้วยใหม่
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mon money
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 3134
ผู้ติดตาม: 0

ขอความรู้เรื่อง Economic Value Added ครับ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขอบคุณมากครับ รอคุณayethebing(ออกเสียงอย่างไรจึงถูกต้องครับ)มาต่อให้อ่าน

ผมขอขยายคำศัพย์บางส่วนเผื่อเพื่อนๆจะได้เข้าใจตามด้วยนะครับ

Economic value added แปลตามแบบผมก็คือมูลค่าเพิ่มเชิงเศรษฐกิจของกิจการ คำว่าเชิงเศรษฐกิจนี้หมายถึงอะไรก็ได้ที่สามารถทำให้อยู่ในรูปเงินๆทองๆ

NOPAT = Net operating profit after taxes หรือกำไรสุทธิหลังจากจ่ายภาษีแล้ว หาได้ดังนี้ครับ

รายได้จากการขาย XX
หัก ต้นทุนขาย XX
กำไรขั้นต้น XX
หัก ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร XX
กำไร (ขาดทุน) จากการขาย XX
รายได้จากการดำเนินงานอื่น XX
หัก ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่น XX
กำไร (ขาดทุน) จากการดำเนินงาน (Operating Income) XX
ดอกเบี้ยรับ XX
เงินปันผลรับ XX
รายได้อื่น XX
กำไร (ขาดทุน) ก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้ (EBIT) XX
บวก ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย XX
กำไร (ขาดทุน) ก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา
และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) XX
หัก ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย XX
ภาษีเงินได้ XX
ภาษีเงินได้ที่ประหยัดได้จากดอกเบี้ยจ่าย XX
กำไรสุทธิจากการดำเนินงานหลังภาษีเงินได้ (NOPAT) XX
บวก ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย XX
หัก รายจ่ายฝ่ายทุน XX
บวก (หัก) การเปลี่ยนแปลงเงินทุนหมุนเวียน XX
กระแสเงินสดจากการดำเนินงานส่วนเกิน (Free Cashflow) XX

Capital Charge = จำนวนเงินทุนที่ลงทุนไป x ต้นทุนเงินทุนถัวเฉลี่ย --> เป็นต้นท้นของเงินลงทุนทั้งหมดครับ หรืออาจเรียกว่าค่าเสียโอกาสที่จะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อย่างอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าและเสี่ยงต่ำกว่า

WACC = Weighted Cost of Capital หรือต้นทุนเงินทุนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก -- >ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการนำเงินทุนจำนวนนี้ไปทำประโยชน์อย่างอื่น เงินที่บริษัทนำมาลงทุนนั้นปรกติมาจากสองส่วนคือ ส่วนของเจ้าของกับเงินกู้ยืม เราต้องเอาสองส่วนนี้มาเฉลี่ยกันโดยให้น้ำหนักกับแหล่งเงินที่มีสัดส่วนมากน้อย โดยดูจาก DE ratioก็ได้

WACC = (Cost of Equity x %Equity + Cost of Debt x %Debt)
ต้นทุนของหนี้ก็ตรงไปตรงมาครับคือดอกเบี้ย ส่วนที่ยุ่งคือต้นทุนของส่วนเจ้าของนี่ซิ มันขึ้นอยู่กับความผันผวนของกิจการอย่างที่คุณ Ayeกล่าวไว้

เพื่อนๆน่าจะกระจ่างขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย เรารอฟังคุณ Ayeต่อครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ayethebing
Verified User
โพสต์: 2125
ผู้ติดตาม: 0

ขอความรู้เรื่อง Economic Value Added ครับ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ผมขอตอบพี่ CK นะครับ (ขอยกให้เป็นพี่ถ้าไม่วัยวุฒิ ก้อคุณวุฒิก้อแล้วกัน)

พี่ CK บอกว่าการใช้ EVA จะทำให้ผู้บริหารไม่สนใจกิจการที่เป็น cash cow และไปเน้นการเติบโตแทน

ผมว่า EVA ทำให้เกิดสิ่งที่ตรงข้ามเลยครับ EVA ทำให้ผู้บริหารต้องไปบริหารภายในให้ดีเสียก่อนด้วยซ้ำ เพราะถ้าส่วนต่างของ ROIC กับ WACC ยังเป็นลบ การขยายงานเพิ่มซึ่งส่วนใหญ่ต้องใช้เงินลงทุนเพิ่ม จะเป็นการทำให้ EVA ลดลงมากกว่าไม่ลงทุนเสียเอก

ดังนั้นเค้าจึงต้องทำให้ส่วนต่างเป็นบวกก่อนถึงค่อยมองการขยายกิจการโดยการทำให้การดำเนินกิจการมีประสิทธิภาพก่อน เช่น ลดสินค้าคงคลัง ลดเวลาเก็บเงินลูกหนี้ ลดค่าใช้จ่ายทางการผลิต และ ลดค่าใช้จ่ายการขาย เป็นต้น เพื่อทำให้กิจการมี EVA เป็นบวกก่อนครับ

การลงทุนเพิ่มในขณะที่ EVA เป็นลบเป็นทางไปสู่ความล้มเหลวครับ

นี่ทำไมถึงทำให้ EVA เป็นการวัดผลดำเนินการทางการเงินยอดฮิตในปัจจุบันครับ

ยังง่วงนอนอยู่เลยครับ มัน Jet Lag นะไว้เขียนต่อวันหลังนะครับ
thanwa
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 1011
ผู้ติดตาม: 0

ขอความรู้เรื่อง Economic Value Added ครับ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ขอรบกวนคุณ CK หน่อยครับ
เห็นถือ TCB เยอะรบกวนให้ช่วยคำณวน EVA ของ TCB เป็นตัวอย่างหน่อยได้ไหมครับ

ผมเล่นง่าย ๆ อย่างงี้แหละ เพราะความรู้น้อย :wink: :wink:
วันนี้ขึ้นมาเหนือ 15 บาทอีกครั้ง ไม่รู้ว่า EVA ที่ได้จะช่วยให้ผมลงทุนเพิ่มหรือเปล่า
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0

ขอความรู้เรื่อง Economic Value Added ครับ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

TCB ไม่เยอะครับ พอมันเบรค 131 ผมก็ใส่เกียร์ถอยเลยครับ เดาไม่ถูกว่าทำไมถึงขึ้น ผิดคาดมากครับ ผลประกอบการ Q2 ไม่น่าจะดี แถมมีข่าวร้ายเป็นระลอก

อ้า ผมทราบแต่ทฤษฎีครับ ไม่เคยคำนวณ EVA หรือ FCF อะไรทั้งสิ้น ราคาเหมาะสมในใจของผม เกิดจากการดูกราฟย้อนหลังประกอบกับ earning และ ปันผลคร่าวๆครับ ไม่ได้คำนวณออกมาเป็นตัวเลขหรือสูตรตายตัว (เสียเวลาทำมาหากิน)

ผมก็เหมือนพี่ปรัชญาครับ ถ้าพอใจในพื้นฐาน เจ้าของ ธุรกิจ และอุตสาหกรรม ก็ลุยเลย ที่ดอยก็ไม่สน ทะยอยซื้อไปเรื่อยๆจนกว่าจะเข้าเป้าครับ

เผอิญ TCB นี่อยู่นอกความคาดหมาย เพราะราคามันแกว่งแบบแปลกมาก เหมือนมีเจ้ามือกำลังลาก ไม่ชอบถูกปั่นหัวครับ เลยขอถือเท่าที่เก็บได้ก็พอ
thanwa
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 1011
ผู้ติดตาม: 0

ขอความรู้เรื่อง Economic Value Added ครับ

โพสต์ที่ 11

โพสต์

เอ ทำไมคุณ CK ถึงคิดว่าผลประกอบการของ TCB ใน 2Q จะไม่ดี หรือมีข่าวร้ายเป็นระลอก เรื่องโรงงานของ bridgestone เข้าใจว่าไม่น่ากระทบ ไม่ทราบว่าผมตกข่าวอะไรหรือเปล่า

ผมมีโอกาสฟังผู้บริหารพูดเมื่อ 2 เดือนก่อน รู้สึกมั่นใจในธุรกิจมากขึ้น ในแง่ของสถานะทางการเงิน จรรยาบรรณในการบริหาร คุณภาพของโรงงาน ด้าน 5 Force นอกจากนี้น่าจะได้รับผลดีจากอุตสหกรรมยานยนตร์ที่ขยายตัว ตอนนี้ pe ที่ 7+ pv ที่ 1.1x ผมว่าพอไหวนะครับ เอ แต่ไม่รู้ทำไม แรงขายมาเป็นระลอกเหมือนกัน...แต่ข้อดีก็คือ ราคาได้ปรับฐานมาอยู่แถวนี้แล้ว
:) :)
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0

ขอความรู้เรื่อง Economic Value Added ครับ

โพสต์ที่ 12

โพสต์

บริดจ์สโตนไม่กระทบแน่ๆครับปีนี้ เพราะกว่าโรงงานจะเสร็จอย่างเร็วก็ปลายปีครับ และยังไม่แน่ว่าเขาจะเลิกซื้อจาก TCB หรือเปล่า แต่ที่น่าสังเกตคือวอลลุ่มกำลังผลิตของโรงงานใหม่บริดจ์สโตนเท่ากับปริมาณที่สั่งซื้อจาก TCB อยู่พอดีเป๊ะเลย อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น

ที่ผมว่า Q2 ไม่น่าจะดีเป็น yoy ครับ ปิดโรงงานบางส่วนปรับปรุงเพื่อเพิ่มกำลังผลิต กว่าจะเริ่มใช้การได้ก็คงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ตอนนี้ TCB run ที่ full capacity อยู่แล้ว รายได้ก็น่าจะตกเทียบกับปีที่แล้วครับ (คงจะพอๆกับ Q1 ปีนี้ แต่ส่วนส่งออกอาจต่ำลงเพราะบาทแข็ง)

ปีหน้าจะเพิ่มกำลังผลิตได้ประมาณ 10 - 20% มังครับ น่าจะดีขึ้นมาก ยกเว้นบริดจ์สโตนเลิกสั่ง ซึ่งอาจจะใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะหาออเดอร์ทดแทนได้ แต่ไม่น่าเป็นห่วงครับ ควรจะขายได้หมด capacity ไม่ในก็ต่างประเทศ

target ช่วงสั้น (ไม่เกิน 1 ปี) ของผมคงไม่เกิน 10% จากราคาปิดวันศุกร์ครับ จะเห็นว่า upside ไม่มากแล้ว เลยไม่น่าซื้อเท่าไหร่ตอนนี้ ยิ่งมีคนมาเล่น "แรงๆ" ก็เลยขอยืนดูดีกว่า ไม่สันทัดมวยชั้นเชิงสูง ผมถนัดมวยแย็บเก็บคะแนนนิดๆทีละยกมากกว่าลุยดะ

แต่ที่ถืออยู่คงไม่ขายครับ ติดพอร์ตไว้จนกว่าพื้นฐานจะเปลี่ยน
THiNK
Verified User
โพสต์: 107
ผู้ติดตาม: 0

ขอความรู้เรื่อง Economic Value Added ครับ

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ขอยกมือถามซ้อมความเข้าใจครับ ด้วยข้อมูลสองข้อ

A Earning = 10 Invested Capital = 100
B Earning = 15 Invested Capital = 100

A อยู่ในธุรกิจผลิตไฟฟ้า ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมเป็นแค่ 5%
ฺB อยู่ในธุรกิจไฟแนนซ์ ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมเป็น 15%

คุณ ayethebing เลือก บริษัท A เนื่องจากสามารถมีผลประกอบการที่่เหนือกว่าบริษัทในกลุ่ม (เทียบกับเฉลี่ยอุตสาหกรรม)
ถึงแม้ว่า บริษัท B จะสามารถทำกำไรได้มากกว่า บริษัท A (แน่นอนถ้ามีปันผลที่%เท่าๆกัน บริษัท B ย่อมให้ได้มากกว่า)
จุดที่บริษัท A จะเหนือกว่าคือความสามารถในการแข่งขันเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆในกลุ่มดีกว่าของบริษัท B

ผมจะสรุปได้หรือไม่ว่า จากข้อมูลที่มี เราเลือกบริษัท A เนื่องจากมีอนาคตที่สดในมากกว่า ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะให้ผลตอบแทนที่น้อยกว่าบริษัท B

deviation นี่ชัดเจน เดี๋ยวรอดูไ้อ้สูตรยุ่งๆก่อนว่าจะมีคำถามอีกหรือเปล่าครับ
thanwa
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 1011
ผู้ติดตาม: 0

ขอความรู้เรื่อง Economic Value Added ครับ

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ผมไปค้นคว้าจากเอกสารที่ได้ตอน 2 เดือนก่อน

Future Plan
1. Investment in China to produce,sell carbon balack & cogeneration products.
- 10-13,000 MT/Year สำหรับ 2 ปีแรก
- TCB ถือหุ้น 77% 7.77MUSD JV with local partner
เนื่องจากมีโรงงานอยู่แล้ว เข้าใจว่าสามารถ recognize รายได้ได้เลยใน 3q
2. Expansion of Thailand Plan by 25% ( 40,000 MT/Y)
- to meet growth in demand in Thailand & overseas
- To efficeintly utilize the surplus funds
- To add capacity and become market leader in Asia
- Achieve economies of scale
- To serve high end market and produce specialty grades
3. New Product Development
- to produce high value added grades
4. Six Sigma Project after achieving TPM, Deming Prize, PM's productivity award and Thailand Quality Class awards.

ผู้อ่านก็ควรใช้วิจารณญาน ในการตัดสินใจครับ
แต่หุ้นในตลาดที่มี pe ที่ 7+ pv ที่ 1.1x ก็หาได้น้อยเต็มที
:roll: :roll: :roll: :D :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
ch_army
Verified User
โพสต์: 1352
ผู้ติดตาม: 0

ขอความรู้เรื่อง Economic Value Added ครับ

โพสต์ที่ 15

โพสต์

น่าสนใจนะครับว่า EVA กับความน่าสนใจของหุ้นเนี่ยจะไปกันได้ไหม
http://inspirationword.blogspot.com

-กำลังใจ มีอยู่ในตัวคุณ-
-พัฒนาทัศนคติ สู่ชีวิตแห่งชัยชนะ-
ล็อคหัวข้อ