MoneyTalk@SET8Jun14ข้อคิดบนเส้นทางรวย&วิถีชีวิตวิธีลงทุน
- i-salmon
- Verified User
- โพสต์: 293
- ผู้ติดตาม: 0
MoneyTalk@SET8Jun14ข้อคิดบนเส้นทางรวย&วิถีชีวิตวิธีลงทุน
โพสต์ที่ 1
Money talk@SET8Jun14ข้อคิดบนเส้นทางรวย&วิถีชีวิตวิธีลงทุน
ช่วงที่ 1 สัมมนาหัวข้อ "ข้อคิดบนเส้นทางรวย"
1. ดนัย จันทร์เจ้าฉาย
ประธานกลุ่ม DMG
2. วีรณัฐ โรจนประภา
ประธานมูลนิธิบ้านอารีย์
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ.ถาวร โชติชื่น ดำเนินรายการ
นิยามความรวย?
คุณใหม่
• เคยมีแม่บ้านคนสวนที่ทำงานด้วย สังเกตว่าเริ่มซื้อของ ผ่อนรถ แล้วก็มาขอลาออก ก็ถามเหตุผลเขา
ซึ่งได้คำตอบว่า “หนูรวยแล้ว อยากกลับบ้าน ไปใช้ชีวิตที่บ้าน กับพ่อแม่คุณยาย”
จีงถามต่อว่ามีเท่าไรรวยแล้ว? “แสนกว่าบาท” ดังนั้น คำตอบไม่ใช่ตัวเลข อยู่ที่จิตใจ ถ้ายังรู้สึกพร่องอยู่ ก็ยังไม่รวย
คุณดนัย
• เหมือนอย่างที่คุณใหม่พูด ความรวยอยู่ที่ใจ
• มีคนขับรถที่ เราพาไปกราบหลวงพ่อเกิดความศรัทธามาก และขอบวชตลอดชีวิต จึงส่งเขาไปที่วัดป่าอุดรฯ โดยต้องเริ่มจากเป็นผ้าขาวก่อน ตอนไปเยี่ยมเขาก็มาขอบคุณเราที่ทำให้เขาได้รู้จักตัวเอง การที่ได้รู้สึกตัวคือสิ่งที่มีคุณค่าที่สุด เขารู้สึกว่าไม่มีอะไรเลย พอเราได้ไปพบตอนที่เขาเป็นพระแล้ว ดูมีความผ่องใส ดูแล้วรู้สึกว่าเขามีความสุขมาก มีความร่ำรวยมาก
• ดังนั้นถ้าจะถามตัวเองว่ารวยไหม? เรามีความสุขไหม เรารู้จักตัวเองไหม ได้อยู่กับตัวเองไหม?
อ.ไพบูลย์
• ถ้าตอบเป็นตัวเงิน ตามหลักของต่างประเทศ มีประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ(30 ล้านบาท)
ถ้ารวยสุดๆ 10 ล้านเหรียญ รวยสุดยอด 100 ล้านเหรียญ
• ตามวิชาการ ให้วัดโดยดูว่าเรามีอิสรภาพทางการเงินไหม ให้ทรัพย์สินที่มีสร้างดอกผลเลี้ยงเราได้ทุกวัน ทำสิ่งที่ชอบ ทำงานเพื่อสังคมโดยไม่ต้องห่วง ถือว่ารวยแล้ว ขึ้นกับวันหนึ่งกินเท่าไร บางคนใช้เดือนละ 1 หมื่นบาท มี 200 เท่า คือมี 2 ล้านบาทก็ถือว่ารวยได้
• อยู่ที่การจัดการของเรา ถ้าความต้องการเราน้อย เราจะรวยเร็ว
ชีวิตที่เหลือคนรวย ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างไร?
คุณใหม่
• มีคนที่บอกว่าถ้าเขารวยจะไปทำเพื่อสังคม สอนเด็กชาวเขา จึงถามเขาว่าเท่าไรว่ารวยแล้วจะไปทำตามฝัน
ซึ่งคนส่วนใหญ่จะตอบว่า 20 ล้านบาท ซึ่งถ้ามากกว่านั้นคนจะรู้สึกว่าตัวเองโลภมาก
• บางคนรวยแล้วยังดิ้นรนหา ก็ยังเหมือนคนจน น้ำยังพร่องแก้ว ควรจะพอแล้วก็ละ
• ในทางพุทธก็มีหลักหลักโภควิภาค 4 แบ่งเงินสำรอง 1 ส่วน เลี้ยงคุณพ่อแม่บริวาร 1 ส่วน ลงทุน 2 ส่วน
• โภควิภาค -> http://www.klangluang.com/th/index.phpo ... Itemid=335
คุณดนัย
• มั่งมีแต่ไม่เจือจางก็เป็นคนจน บางคนทรัพย์สินไม่มากแต่รู้จักแบ่งปัน นั่นคือคนรวย
• ความรวยคือความสามารถที่จะแบ่งปันให้คนอื่น ไม่ได้ขึ้นกับมีเงินแค่ไหน
• ถ้าเราเป็นพุทธที่แท้จริงจะเข้าใจว่าต้องมีชีวิตอย่างไร สิ่งที่เป็นห่วงมาก อะไรที่ฟุ้งเฟ้อเสพติด สังคมไทยติดระดับโลก กรุงเทพเป็นเมืองที่ใช้ facebook เบอร์ 1 ในโลก 15 ล้านคน สังคมที่ติดอยู่ที่เปลือกคือสังคมไทย ถ้าดึงกลับมาไม่ได้ ถ้าไม่รู้จักภูมิใจในตัวเอง เราอยู่ในโลก ทุนนิยม วัตถุนิยม บริโภคนิยม ประชานิยม เป็นหนทางสู่ความล่มจม
• พอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้ ก็เป็นชีวิตที่สมฐะแล้ว
• เคยไปที่ภูฐาน ไม่มีสิ่งล่อล่วง ทั้งหลาย เขาอยู่กับธรรมชาติมีความสุข ทั้งประเทศมีไฟแดงแค่ 1 จุด เราต้องมาจำกัดนิยามความสุขใหม่ อย่างที่เขาใช้ตัววัดความสุข GNH(Gross National Happiness) เป็นคุณค่าทางจิตใจ จิตวิญญาณ
• พุทธองค์ไม่เคยห้ามเรื่องความรวย ในสมัยพุทธกาลก็มีเศรษฐีที่พระองค์ทรงยกย่องว่าเป็นตัวอย่างที่ดี 2 ท่นคือ อนาถบิณฑิกเศรษฐี และ นางวิสาขามหาอุบาสิกา
• http://th.wikipedia.org/wiki/อนาถบิณฑิกเศรษฐี
• http://th.wikipedia.org/wiki/นางวิสาขา
• ดร.ไพบูลย์ เสริม บัฟเฟตต์เคยกล่าวตอนที่บริจาคให้มูลนิธิบิล เกตต์ ซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนใหญ่ของเขา แต่เขาบอกว่าสิ่งที่เขาทำยังสู้คนที่บริจาค 100 เหรียญแล้วแบ่งส่วนหนึ่งไปบริจาคไม่ได้ เพราะเขาก็ยังเหลือความมั่งมีกว่ามาก แต่คนที่เสียสละมากกว่าคือคนที่ไม่มีเลย แต่ใช้แรงงาน ใช้ความคิดไปช่วยคนอื่น คือคนที่เยี่ยมจริง ซึ่งก็เป็นแนวคิดแบบทางพุทธเรา
การหาเลี้ยงชีพการกระทำที่เป็นสีเทาผิดไหม
คุณใหม่
• ขึ้นอยู่ที่ความตั้งใจ
• การกระทำสิ่งใด ให้งดงามเบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลาย
• เริ่มต้นด้วยจิตใจที่ดี ไม่ใช่เป็นอกุศล ไม่ใช่ขายมอมเมาก่อนแล้วค่อยมาช่วยคน ต้องมองหาว่าสังคมขาดอะไร
• ท่ามกลาง คือวิธีการ จะทำตรงไปตรงมา หรือมีซ่อน
• เบื้องปลาย คือเราได้มาแล้วแบ่งปันอย่างไร อย่างพระท่านแยกเป็น พอแล้วละ พอละคือพระ ไม่จำเป็นต้องได้ ถ้าใจเรารู้สึกพอ แล้วเห็นว่าการละ ตอนนั้นเราก็เป็นพระ เป็นคนรวย เป็นเศรษฐีแล้ว
• เศรษฐีในพจนานุกรมคือดีเลิศ ประเสริฐ ไม่ใช่มีเงินมาก เศรษฐเป็นรากศัทพ์คือดี
• น้ำที่นิ่งก็จะเน่า ถ้ารวยแล้วไม่รู้จักแบ่งปัน ความรวยก็จะทำให้ท่านเดือดร้อนเอง
• ถ้าเชื่อว่าธรรมชาติจัดสรรทรัพยากรไปอยู่ในที่เหมาะสม ถ้าเราใช้ประโยชน์ได้เป็นประโยชน์แท้จริงก็จะมาหาเราเรื่อยๆ
คุณดนัย
• ต้องถามตัวเองก่อนว่า อะไรเป็นสิทธิสำคัญที่สุดในการเกิดเป็นมนุษย์? นั่นคือสิทธิเสรีภาพในการเลือก freedom of choice มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่มีสิทธิในการเลือก ลองนึกถึงสัตว์ต่างๆต้องกินอะไร ในเมื่อเรามีสิทธิในการเลือกว่าธุรกิจนั้น ดำ เทา ขาว คนที่ถูกครอบงำด้วยอะไรบางอย่าง ทำให้สิทธิในการเลือกหายไป ถ้ามาคิดย้อนกลับก็ไม่น่าทำเลย เพราะขาดสติ ปัญญาไม่มี เลยไม่มีสิทธิในการเลือก คนที่มีสติจะมีทางเลือกมหาศาล มนุษย์จะไม่มีคำว่าต้อง เราเลือกเองได้
• สรุปว่าถ้าเลือกได้ธุรกิจสีเทาก็ไม่ควรไปแตะต้อง ซึ่งต้องมีสติ
คุณใหม่
• พระพุทธเจ้ากล่าวถึงธุรกิจที่สีดำ 5 อย่าง ขายอาวุธ เนื้อสัตว์ น้ำเมา ยาพิษ ชีวิต
o http://dharmahall.blogspot.com/2011/03/5.html
• ส่วนที่สีเทาๆ ก็เป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้
• นอกจากอาชีพขึ้นกับวิธีการด้วยว่ากุศลหรืออกุศล เช่น ทำด้วยวิธีโกหกตลบแตลงให้ได้มาซึ่งทรัพย์ หรืออย่างในหุ้นมีวิธีการใช้ลาภต่อลาภ (ปั่นหุ้น)
การที่จะไม่ยอมรับเรื่องสีเทาทำได้จริงหรือ
คุณดนัย
• เคยเข้าไปประมูลงานกับหน่วยงานรัฐ ซึ่งได้ประมูลชนะงานด้วย แต่มีคนเข้ามาคุยเรื่องเงินทอน ซึ่งเราก็ต้องตัดสินใจถอนตัวออกมา ทั้งๆที่ทีมงานเสียกำลังใจทำงาน รายได้เราก็ไม่เข้าเป้า แต่ก็ถามใจตัวเองแล้ว เป้นสมัยก่อนก็เคยคิดว่าทำเพื่อรายได้เพื่อลูกน้อง แต่พอเราทำซ้ำๆมันจะซึมเป็นสันดาน เราจะไม่เดินทางนี้ต่อ
• อ.ไพบูลย์ ถ้าเขาไม่ต่อรองเลย เราทอนให้เองเลย ? คุณดนัย ผิดปกติ โกง 1 บาท 100 บาท ล้านบาท ตกนรกขุมเดียวกัน ครูบาอาจารย์เตือนว่ามันแน่นมาก อย่าลงไป
• อ.ไพบูลย์ ถ้าเขาช่วยอำนวยความสะดวกให้เรา แล้วเราสมนาคุณเล็กๆน้อยๆที่เขาช่วยงานเรา ? คุณดนัย ถ้าอะไรที่ไม่ได้มากมายเป็นสินบน ก็น่าจะได้ อย่างในองค์กรสื่อถ้าได้รับของที่มูลค่าเกิน 3 พันบาทต้องส่งคืน
• อ.ถาวร เคยทำงานในบริษัทที่เกี่ยวกับค้าสัตว์ ถือว่าได้ไหม? คุณใหม่ เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรมไหม? ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว? ถ้าเชื่อมั่นเราก็จะสิทธิเลือก
• คุณดนัย เคยพิมพ์หนังสือ เหลาในบ้านเรา ขายดีมาก มีบริษัทเข้ามาติดต่อทำเป็นแบรนด์พวกตำราอาหารเพื่อขายใน modern trade แต่เราหยุดเพราะถ้าส่งเสริมตรงนี้มากชีวิตสัตว์จะถูกฆ่าเยอะขึ้น เราก็ไม่ทำ
• คุณดนัย แชร์ประสบการณ์ว่ามีโอกาสได้ไปร่วมอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศจีน เมื่อตัวเจ้าของสถานที่ทำธุรกิจค้าไก่เดินทางมา ท่านพระอาจารย์ที่ทำพิธีอยู่ก็สะดุดแล้วก็หยุดบอกว่าคาวเลือด ถ้าจิตละเอียดจะสัมผัสได้
• นกอยู่บนฟ้า ปลาอยู่ในน้ำ ควายอยู่บนท้องนา คนที่ทำบุญทำกรรมจะมาพบเจอด้วยกัน
• ต้องมีโยมนิโสมนสิการ พิจารณากระทำทั้งทางโลกและทางธรรม และกัลยานมิตร ถ้าไม่มีก็อย่าคิดการณ์ใหญ่ ถ้าขยับไปอีกเส้นทางเราก็จะมีทางเลือก ทั้งหมดเป็นบุญสัมพันธ์กัน
• อ.ไพบูลย์ แปลว่า พวกดีจะอยู่ด้วยกัน พวกชั่วจะอยู่ด้วยกัน
ถ้ามีเงินลงทุนในหุ้นในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเหล่านี้
คุณใหม่
• ถ้าตอบตรงๆก็ไม่ควร ถ้าธุรกิจยอดขายโตขึ้นเป็นเท่า ฆ่าสัตว์เพิ่มขึ้น ใจเรามีความสุขไหม ถ้าไม่รู้สึกอะไรแสดงว่าเรากำลังทำลายความรู้สึกมนุษย์ในตัวแล้ว
• ถ้ายึดมั่นในความดี และความดีจะส่งผลตอบแทนกลับมา
• ในโลกมีกองทุนบาป น้ำเมา อาวุธ ซึ่งกำไรดีมากปีละเท่า เราจะลงทุนไหม? ถ้าได้กำไรมา 8 เท่า แล้วใจเรารับสภาพได้ไหม ที่มีปัญหาซ่อง โสภณี ฆ่าพ่อแม่
คุณดนัย
• ทรัพย์ทางพุทธศาสนาแบ่งง่ายๆ 2 ส่วน โลกิยทรัพย์ ทรัพย์สินเงินทอง และอริยทรัพย์ สำคัญมากเป็นตัวตรวจสอบว่าเราควรลงทุนไหม มี 7 ข้อ ศีล ศรัทธา ปัญญา หิริ โอตัปปะ จาคะ พาหุสัจจะ ถ้าเราทำ 2 ส่วนแล้วไม่ขาดทุน
• หิริ โอตัปปะ อายในการทำความชั่ว กลัวต่อกรรม ถ้าไปลงทุนแล้วพูดกับคนอื่นด้วยความภาคภูมิใจว่าไปลงทุนกองทุนบาป แสดงว่านั่นมีปัญหาแล้ว
• โลกิยทรัพย์ เป็นทรัพย์ชั่วคราว ร่างกาย กับ จิตใจ เป็นอุปกรณ์ทำความดี ท้ายที่สุดทุกอย่างขอคืนไปหมด รวมถึงลมหายใจสุดท้าย ถ้าเราเข้าใจความจริงตรงนี้ เราจะมีสติว่าจะไปทางไหน เพื่อเพิ่มพูนอริยทรัพย์
ถาม/ตอบเพิ่มเติม
• อ.ไพบูลย์ ถ้ามีธุรกิจที่เป็นสายพานเกี่ยวกับโรงฆ่าไก่ ผิดไหม ?
• คุณใหม่ ถ้าลองคิดเป็นตัวเอง ว่าต้องไปช่วยคิดช่วยส่งเสริมเกี่ยวกับธุรกิจนี้ ก็คงไม่เอา
• อ.ถาวร ก็สามารถทำสายพานธุรกิจอื่นก็ได้ เช่น ธุรกิจยา ถ้าแบบนั้นก็น่าจะได้
• อ.ถาวร ถ้ามีคนคิดว่าตายแล้วก็จบ ก็ไม่เห็นต้องกลัวเรื่องทำชั่ว
• คุณใหม่ นักลงทุนสิ่งสำคัญคือป้องกันความเสี่ยง ก็ต้องคิดเอาเอง ว่าจะเสี่ยงไหม
• อ.ไพบูลย์ เคยไปบรรยายมีถือหุ้นบริษัทหลอดไฟรถยนต์ ตรงนี้ไปชนคนอื่นก่อน บาปไหม
• คุณดนัย น่าจะคิดลึกไป ทุกอย่างเป็น 2 มุม social media ก็มีใช้เป็นคุณและเป็นโทษ ขึ้นกับว่าจะไปใช้ตรงไหน ถ้ามากเกินไปชีวิตเราจะไปต่อไม่ได้ อย่างเรา social media จะใช้อย่างไรไม่ให้ขัดแย้ง หลีกเหลี่ยงวาทกรรม จะเป็นธุรกิจสายพาน หลอดไฟเหมือนกัน
• คุณใหม่ ขอเสริมเรื่องดัชนีความสุข ที่ประเทศภูฏานใช้ คนเล่นหุ้นวัดดัชนีความสุข เกิดเป็นมนุษย์มีอิสระจากความโลภ ความโกรธ ความหลง ถ้าเล่นหุ้นยังมีความโลภอยู่ ยังไม่มีความสุข ความโกรธ เช่นไม่น่าขายเลย แค้นเอาคืน หรือตัดสินใจความหลง อ.นิเวศน์ บอกว่าดีแล้วซื้อเลย นี่คือความหลง ไม่พิจารณา ไม่ได้ใช้สติ ถ้าเราตัดสินใจด้วยสติ ด้วยข้อมูล ถ้าผิดเราพิจารณายังกลับทางได้
อยากให้ 2 ท่านช่วยแนะนำเกี่ยวกับการเผยแพร่ธรรมะ
คุณใหม่
• มีออกหนังสือออกทุกวันพระ หนังสือ มั่งมีใช่ว่าจะมีความสุข
• ทุกบ่ายวันพุธ ที่บ้านอารีย์ จะมีสอนเจริญสติแบบเคลื่อนไหว หลวงพ่อเทียน เพื่อให้รู้เท่าทันความคิด จะรู้ว่าความคิดนี้มีความโลภ ความโกรธ ความหลงเจือปน จะได้คิดแบบไม่มีตัวตนของเรา
• คนอยู่บนโลก โลกคือความคิด คนไม่เคยเห็นความคิด มนุษย์มีศักยภาพมากกว่าสัตว์อื่นสามารถเข้าใจกลไกของความคิดได้ ที่นำไปสู่การกระทำ สิ่งสำคัญคือมีสติ รู้เท่าทันความคิดตัวเอง
• มีสอนปฏิบัติเนสัชชิก ปฏิบัติโดยไม่นอน 24 ชั่วโมง หลับได้แต่ห้ามหลังแตะพื้น จะแปลงจากภพมนุษย์เป็นสัตว์เดรรัชฉาน
การหลังแตะพื้นหลังด้วยความขี้เกียจ
คุณดนัย
• ชั้น 22 อาคารอัมรินทร์ พลาซ่า หอประชุมพุทธคยา มีปฏิบัติธรรมทุก อังคาร และพุธ 18.30-20.30 น.
• หรือติดตามชมถ่ายทอดสดออนไลน์ที่ชมรมคนรู้จัก บางครั้งก็เชื่อมโยงกับบ้านอารีย์มีครูบาอาจารย์หลากหลาย
• เราร่วมกันสร้างวัดป่าสุขใจบางบ่อ เป็นวัดป่าที่อยู่ไม่ไกลเลยสนามบินสุวรรณภูมิ 20 นาที อยากให้มีโอกาสได้กราบพระด้วยความสนิทใจ
• สำหรับนักลงทุน ถ้าไร้ความคิด ปัญญาจะขึ้นมาเอง ถ้าไม่มีเราในที่ไหนๆไม่มีใครในความรู้สึก ชีวิตเราจะมีอิสรภาพจริงๆ เหมือนนกที่โบยบินบนท้องฟ้าโดยไร้รอยเท้า
อ.ไพบูลย์ วันนี้เราฟังธรรมแล้วเราก็ได้บุญ อนุโมทนากับขอบคุณวิทยากรที่ให้ธรรมเราด้วย
ช่วงที่2 สัมมนาหัวข้อ “วิถีชีวิตวิธีลงทุน (2014)”
1. อนุรักษ์ บุญแสวง
นายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย)
2. ฉัตรชัย วงศ์แก้วเจริญ
นักลงทุนเน้นคุณค่า
3. ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ ดำเนินรายการ
Intro
• อ.เสน่ห์ วิถี คือ เส้นทาง VI ไม่ใช่ลงทุนอย่างสะเปะสะปะ วันนี้เชิญนักลงทุน VI ต้นแบบ มาพูดถึงเส้นทางของ VI คืออะไรกันแน่
• แนะนำประวัติวิทยากร คุณโจ ประธานสมาคมนักลงทุนคุณค่า คุณฉัตรชัย เคยเป็นอุปนายกสมาคมนักลงทุนคุณค่า อ.นิเวศน์ เป็นผู้เชี่ยวชาญลงทุนและใช้ชีวิตแบบ VI มาเป็นเวลานาน
สมาคม thaivi ทำอะไร?
• คุณโจ รวบรวมนักลงทุนที่ใช้เส้นทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ซึ่งดร.นิเวศน์ได้เคยเผยแพร่เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ซึ่ง 2 ปีก่อนก็ได้รวมเป็นสมาคมและทำเป็นทางการมากขึ้น ใน website เรามีข้อมูลย้อนหลังเป็น 10 ปี ในส่วนที่ดูข้อมูลหุ้นรายตัวอาจต้องสมัครสมาชิก http://www.thaivi.org
ประวัติการลงทุนการเป็น VI
คุณโจ
• เป็นมา 10 กว่าปีแล้ว ประมาณ 15 ปี ในตอนนั้นไม่ได้อยากจะเป็น VI แค่อยากรวย ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาตลาดหุ้นก็เหมือนกัน ผมคิดว่าความรวยอยู่ในยีนส์ของมนุษย์ ตอบสนองแรงขับดันทางเพศ ความมั่นคงทางอารมณ์ เราอยากรวยไม่ผิด แต่รวยในวิถีทางที่ถูกต้อง สุจริต
• ตอนม.ปลาย ดูคนรอบข้างทำงานไม่มีใครรวย ก็มาฉุกคิดว่าทำแบบไหนถึงรวย ก็มาเห็นว่านักธุรกิจรวย จึงอยากโตแล้วเป็นนักธุรกิจ อ่านหนังสือพิมพ์ไปเจอเรื่องหุ้น อ่านไปก็พบว่าหุ้นเป็นธุรกิจเหมือนกัน ซึ่งโชคดีที่ไม่ทำธุรกิจเอง โอกาสสำเร็จน้อย และเหนื่อย แต่หุ้นใช้เงินสักก้อนใช้สมองคิดสักหน่อย ซึ่งผลลัพธ์ดีกว่าที่คิดเยอะ
• ตอนแรกก็เริ่มอ่านดร.นิเวศน์บ้าง ตอนทำงานที่อเมริกา อ่านบทความในกรุงเทพธุรกิจ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าตอนนั้นดร.นิเวศน์ยังเป็นนักลงทุนเล็กๆ มีเซียนหุ้นดังๆหลายพันล้าน แต่มาดูวันนี้ว่าผลเป็นอย่างไร ซึ่งผมคิดว่าตรงนี้น่าจะเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง
• ชีวิตส่วนตัวมี ภรรยา 1 คน มีลูก 3 คน เป็นคนใต้ เกิดจังหวัดพังงา
• ฉายา ลูกอีสาน มาจากชื่อหนังสือคุณคำพูน บุญทวี ที่ใช้ชื่อนี้คิดว่าอยากท้าทายดูว่า ชีวิตเด็กต่างจังหวัด จะเล่นหุ้นสำเร็จไหม
คุณฉัตรชัย
• ช่วยเรียนมัธยมสนใจธุรกิจ อ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจทุกเช้า ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ลังเลว่าจะเข้าบริหารธุรกิจหรือวิศวะดี ซึ่งก็เข้าไปตามค่านิยมคือวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งพอเรียนไปก็พยายามเลือกที่ใกล้เคียงธุรกิจคือวิศวอุตสาหการ
• มีคนแปลหนังสือหุ้นปีเตอร์ ลินซ์ ลงในกรุงเทพธุรกิจ ซึ่งอ่านแล้วเหมาะกับเรา จึงตัดสินใจว่าจะลงทุนในหุ้น
• เรียนจบปริญญาตรีปี 33 ก็ทำงานเกี่ยวกับบริษัทคอมพิวเตอร์บริหารโรงงาน เก็บเงินซื้อหุ้นเลย เงินเดือนตอนนั้น 7,000 บาท ซื้อหุ้นยูนิคอท(เจ๊งไปแล้ว)
• ช่วงแรกก็ล้มลุกคลุกคลาน เราก็ลงทุนแบบธุรกิจแต่ยังไม่มีความรู้ธุรกิจ หรือบัญชีเชิงลึก ตอนนั้นเลยตัดสินใจลาออกไปเรียนปริญญา MBA ภาคค่ำที่ธรรมศาสตร์ ซึ่งก็ช่วงกลางวันก็ไปสมัครงานทำงานสินเชื่อกับแบงค์กรุงศรีฯ ซึ่งเลือกงานที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์การเงินไม่ได้เน้นเงิน
• ตอนเรียน MBA ก็เรียนเศรษฐศาสตร์มหภาคช่วงปี 37-38 และทำงานฝ่ายสินเชื่อ ก็เริ่มเห็นปัญหาจึงล้างพอร์ตและกลับมาลงทุนใหม่ปี 41 จากนั้นก็ลงทุน 100% มาตลอดจนปัจจุบัน
• ทำงานแบงค์ถึงปี 44 ก็เกษียณออกมา
• คิดว่าเป็น VI ตั้งแต่ช่วงลาออก บริษัทที่ซื้อก็ไม่ได้มีใครรู้จัก และก็ได้ผลตอบแทนที่ดี
ดร.นิเวศน์
• หลายปีที่ผ่านมาคนก็พูดถึงเรื่องหุ้น เป็นหนทางแห่งความร่ำรวย แม้แต่คนที่รวยอยู่แล้วก็มองที่หุ้น แต่อยากจะเล่าว่าส่วนตัวเริ่มลงทุนหุ้นแบบ VI นานมาก ก่อนปี 40
• ช่วงปี 38-39 เคยเป็น ผู้บริหารพอร์ตบริษัท ส่วนตัวไม่ได้เล่นหุ้น ก็เริ่มใช้วิชาการ หลักการมาบริหาร ซึ่งก็ซื้อแบบ VI มีวิเคราะห์มีทีมงานมานำเสนอ แล้วก็เจ๊ง เพราะตอนนั้นหุ้นทุกตัวแพงหมด ตัวที่ดีสุดแล้วก็ยังแพง พอเกิดวิกฤติก็เจ๊งหมด
• ส่วนตัวเริ่มต้นไม่ได้คิดว่าจะรวยจากหุ้น เคยคิดว่าจะรวยตอนปริญญาตรี แต่พอทำงานก็ไม่ได้คิด เพราะเริ่มเห็นภาพว่าโอกาสร่ำรวยยาก วิชาวิศวกรที่เรียนมาก็ไม่ได้ทำให้ร่ำรวย พอเรียนปริญญาเอกจบก็คิดว่าปิดประตูเลยว่าไม่รวยแน่ เพราะอายุก็เยอะ ไม่อยากเสี่ยง ซึ่งตอนนั้นก็ไม่มีใครบอกว่าหุ้นจะทำให้รวยได้ ไม่มีใครรู้ ตามแผงหนังสือไม่มีรวยได้ด้วยหุ้น ไม่ได้เห็นใครรวยจากหุ้น พวกเสี่ยก็เจ๊งปี 40 กัน น้อยคนจะฝ่ามาได้
• ตลาดหุ้นตอนนั้น market cap. 2-3 ล้านล้านบาท ไม่ได้ใหญ่มาก เป็นแหล่งเก็งกำไร ใครเล่นหุ้นสมัยนั้นเหมือนคนเล่นม้า เล่นการพนัน ไม่มีใครคิดว่าจะลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่ง หรือเพื่อเกษียณ
• ตอนที่ลงทุนจริงจังตอนนั้นเพราะจำเป็น ความรู้สึกว้าเหว่เต็มที่
• จำได้ว่ามานั่งเป็นที่ปรึกษาบริษัทหนึ่ง มีคนเข้ามาปรึกษาหลังจากอ่านหนังสือตีแตกจบ มี 2 คน คนหนึ่งทำงานอยู่ IBM สิงคโปร์ คือคุณธันวา กลับบ้านมาเยี่ยมที่ประเทศไทย และชวนเพื่อนที่ทำงานแบงค์มาคุยด้วย มาชวนทำ website อะไรต่างๆ และหลังจากนั้นก็ค่อยๆเริ่มมีภาพที่ตลาดหุ้นเป็นแหล่งสร้างความมั่งคั่ง
• หลังจากนี้คงไม่ร่ำรวยมากๆเร็วๆเหมือนรุ่นก่อน ตอนนี้เป็น mass มากขึ้น
• วิกฤติเศรษฐกิจเริ่มตั้งแต่ปี 38-39 แล้ว ช่วงนั้นงานก็เริ่มไม่มีทำ แต่ค่าเงินบาทตอนนั้นแข็งมาก ขาดดุลการค้าเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังพอประคองไปได้ สถาบันการเงินโดยเฉพาะเงินทุนหลักทรัพย์ก็เริ่มมีปัญหา
• ที่เริ่มลงทุนตอนนั้น เงินลงทุนก็มีก้อนหนึ่ง ไม่เกิน 10 ล้านบาท เพราะเราประหยัด และใช้จ่ายน้อยมาก ไม่ต้องซื้อบ้านไม่ต้องซื้อรถ คือเป็นเงินที่คิดว่าเป็นก้อนสุดท้ายในชีวิตลงทุน แต่ก็ยังโชคดีที่ยังพอมีงานเป็นที่ปรึกษา และพอเศรษฐกิจเริ่มฟื้นก็ยังมีแบงค์มาจ้างงาน
วิถีชีวิตของ VI มีเงินทองแล้วเปลี่ยนไปไหม
คุณโจ
• มีซื้อที่ดินไว้แต่มีบ้านติดมา เดิมอยู่บ้านพักข้าราชการ (ภรรยาเป็นอ.ที่มหาวิทยาลัยสงขลา)
• พอมีเงินแล้วชีวิตก็สบายขึ้น ถ้าหาเงินมาเพื่อเก็บไว้น่าจะผิด แต่เราหามาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต
• ช่วงแรกเราอาจต้องอดทนใช้ชีวิตต่ำกว่ามาตรฐานนิดหน่อย ซึ่งตอนหลังก็ได้ใช้ชีวิตสูงกว่ามาตรฐาน
• ถ้าเราทำเพื่อเงินอย่างเดียว เงินก็เป็นเจ้านายเรา พอเรามีเงินใช้งานเงินเป็นทาส ใช้เงินไปทำงานสร้างผลตอบแทน อันนี้น่าจะเป็นวิธีการที่ถูกต้อง
• ชีวิตตอนนี้ก็ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็นั่งอ่านข่าว ดูพัฒนาการของบริษัทที่เราลงทุนหรือสนใจ ซึ่งทำบ่อยๆก็รู้จักแทบทุกบริษัทในตลาดหุ้น
• พวกบริษัทที่เราไม่แน่ใจในธรรมาภิบาลก็จะไม่สนใจ หรือหุ้นที่ศึกษายังไงก็ไม่เข้าใจ ผู้บริหารไม่ค่อยให้ข่าวหรือสื่อสารกับนักลงทุน พวกนี้ก็ไม่สนใจ ยิ่งพลิกหินมากก้อนเท่าไร โอกาสที่จะเจอเพชรพลอยใต้หิน หรือเจอกิจการดีๆยิ่งเยอะ
• บางบริษัทดีๆแพงมาตลอด พอเจอปัญหาชั่วคราวก็เป็นโอกาสซื้อ หรือบริษัทแจ้งข่าวที่มีนัยสำคัญเราก็สามารถตัดสินใจได้รวดเร็วไม่เกิน 1 ชั่วโมง
• ตอนนี้ลงทุนอยู่ 20 กว่าบริษัท เคยอ่านคำของประธานธิบดี ลินคอร์น เดินช้าๆแต่ไม่เคยถอยหลัง ผมกระจายความเสี่ยงเยอะ เสียหายน้อย แต่โตไปเรื่อยๆ พอร์ตเราไม่เคยลดเลย แม้จะผิดพลาดบ้าง ส่วนหนึ่งก็รักพี่เสียดายน้อง หุ้นตัวนั้นก็ดี ภรรยามีได้คนเดียว แต่หุ้นมีได้เยอะ
ดร.นิเวศน์(discuss เรื่องการหาคู่ครอง)
• ตามหลักการของยีนส์ ผู้ชายจะชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงจะชอบผู้ชายรวย โอกาสที่ลูกจะ survive ได้ก็จะเยอะ
• คนเลือกคู่กันเพราะมียีนส์ที่แตกต่างกันเยอะ ถ้าใกล้กันมากจะไม่ค่อยเลือกกัน ต้องปกป้องเชื้อโรค มีความครอบคลุม
• ถ้าเป็นผู้ชายที่มีอนาคตไกลแต่ยังไม่รวยอันนี้อาจถือเป็น human capital
คุณฉัตรชัย
• ตอนนี้หลักๆก็รับส่งลูก เรียนอยู่ที่สตรีวิทยา ระหว่างวันก็ดูข่าว ข้อมูลบริษัทดู 56-1 งานจะหนักก็ช่วงประกาศงบการเงินจะไล่ดูข้อมูล ระหว่างวันก็มีออกกำลังกาย อ่านหนังสือบ้าง
• แม้เราลงทุน 2 บริษัทก็ศึกษามากกว่านั้น บางบริษัทอาจมีปัญหาชั่วคราวพอคลี่คลายก็จะสามารถลงทุนได้ทันที
• ส่วนตัวการตัดสินใจบริษัทไหนก็จะซื้อเยอะและลงทุนยาว ซึ่งก็เห็นด้วยกับคุณโจ ว่ากระจายซัก 4-5 บริษัทก็น่าจะเหมาะ ไม่ได้แนะนำให้ใครลงทุนแบบเดียวกัน
• หุ้น ipo ไม่เคยซื้อเลย เพราะยังไม่มีประวัติยาวเพียงพอ
อ.นิเวศน์
• ตอนพอร์ตยังไม่ใหญ่เคยมีจำนวนหุ้นมากกว่านี้ด้วย เพราะตอนนั้นตลาดหุ้นถูกมาก มีหลายตัวที่ถูก ซึ่งก็เลยซื้อไป ทำอยู่หลายปี พอพอร์ตโตขึ้นและหุ้นก็ไม่ค่อยถูก แรกๆ pe ไม่เกิน 10 เท่า pbv ต่ำกว่า 1 ปันผล 10% ซึ่งซื้อหุ้นดีๆได้หลายตัว
• ตอนนี้มีหุ้น 10 กว่าบริษัท
• วันวันหนึ่งก็ไปโรงพยาบาลไปกินอาหารเขียนหนังสือ มีไปสอนหนังสือที่นิด้า ส่วนใหญ่พวกงานบริการหลากหลาย มีไปออกรายการทีวี ช่วงกลางคืนก็ดูทีวี
การใช้ชีวิต ซื้อของใช้ชีวิตเทียบกับคนที่อยู่ในระดับเดียวกันคิดว่าเป็นยังไง
คุณโจ
• ได้คุยกับเพื่อนคนหนึ่ง ว่าไม่เคยรู้เลยว่ารวยอยางนี้ เพราะเราก็ใช้ชีวิตปกติ จนเขามาดูรายการ money talk
• เงินทองที่หามาจุดหนึ่งก็ต้องใช้บ้างตามสมควรเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต แต่ก็ทำให้สมเหตุสมผล
• เจอรุ่นน้องมาเล่าให้ฟังว่ารู้สึกไม่ดีมี VI รายใหญ่หลายคนออกรถสปอร์ต จนสุดท้ายเขาก็ยอมซื้อรถใหม่ เป็นเบนซ์คันละ 3 ล้านกว่าบาท จะเห็นว่าแม้แต่สังคม VI ยังมีแรงกดดันในสังคม
• สิ่งที่คิดว่าคุ้มค่าในการจ่าย อันดับ 1 การศึกษาของลูก ถ้ามีโอกาสก็อาจส่งไปเรียนต่างประเทศ อันดับ 2 รายจ่ายเพื่อพ่อแม่ นับวันท่านยิ่งแก่ลงไม่รู้จะจากไปวันไหน อาจพาไปเที่ยว หรือรักษาพยาบาลให้ดีหน่อย อันดับ 3 ภรรยา ผมถือว่าเราสู้ชีวิตมาด้วยกัน เงินทองที่เรามีครึ่งหนึ่งของเขาครึ่งหนึ่งของเรา
คุณฉัตรชัย
• อันดับ 1 การศึกษาลูก ก็มีเงินฝากให้เขาประจำบ้าง
o อ.ไพบูลย์ สังเกตว่านักลงทุน VI ส่วนใหญ่ก็จะมีภรรยาที่เป็น VI ถึงอยู่กันได้
• อันดับ 2 บุพการี การใช้จ่ายครอบครัว แต่ก็ไม่ถึงกับกินหรูหราแพงๆ
• ทุกวันนี้ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีมากขึ้น เพราะเงินอยู่ในพอร์ตหมด ใช้จ่ายจากเงินปันผล
ดร.นิเวศน์
• อันดับ 1 คือใช้จ่ายให้กับพี่น้อง อันดับ 2 การท่องเที่ยว ส่วนใหญ่นิยมเที่ยวต่างประเทศ สมัยก่อนปีละครั้ง มักไปทัวร์ ช่วงหลังๆก็จะไปเที่ยงเองก็แพงขึ้น อันดับ 3 พวกค่าใช้จ่ายในบ้าน รวมทั้งไปกินอาหารนอกบ้าน
ใช้จ่ายอะไรแล้วรู้สึกว่าตัดสินใจพลาด
คุณโจ
• ตอนกลับจากเมืองนอกจะซื้อรถคันแรก ตอนอายุ 30 ปี คิดว่าเรามีเงินล้านกว่าบาท ซื้อรถมือ 2 ก็ปรึกษากับพ่อตาคิดว่ารถเก่ามันเสียมันมีปัญหา จึงซื้อรถใหม่ city 6 แสนกว่าบาท ซึ่งเป็น 30% ของเงินที่เรามี ซึ่งถ้าถอยกลับมาวันนี้เงินก้อนนี้ก็จะมีค่าเป็นหลักร้อยล้าน ถ้าย้อนกลับไปได้ก็อาจจะเปลี่ยนไปซะหน่อย
คุณฉัตรชัย
• ไม่มี แต่ถ้าคล้ายๆกันก็เคยเอาเงินก้อนใหญ่ไปซื้อบ้านเดี่ยว ซึ่งลูกก็ได้อยู่
ดร.นิเวศน์
• ช่วงปี 40 เคยซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง ละครเรื่องสองฝั่งคลองดังมาก รู้สึกอิน ก็มีลูกค้ามาเสนอโครงการริมคลองบางบัวทอง เราก็ซื้อที่ดินแปลงนั้น 100 กว่าวา คิดเป็นเงินราว 5 ล้านบาท ผ่านมา 20 ปีตอนนี้ถ้ามีใครเงินซื้อ 3 ล้านบาทก็คงขาย
ประชาสัมพันธ์การสัมมนา
- Money talk@SET ครั้งถัดไป 20 ก.ค.57 เปิดจอง เสาร์ 12 ก.ค.
ช่วงที่ 1 ผู้บริหารจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ 4 บริษัท(ดร.ไพบูลย์, หมอเค ดำเนินรายการ)
ช่วงที่ 2 บทเรียนหุ้นจากกูรูโลก (ดร.กุศยา, คุณวิบูลย์, คุณพรชัย, ดร.นิเวศน์) (ดร.ไพบูลย์,อ.เสน่ห์ ดำเนินรายการ)
- 11 มิ.ย. งานสัมมนา บลจ.กรุงศรีฯ โรงแรมเรเนสซองค์ (125 ที่ที่จองไปแล้ว อย่าลืมไปร่วม)
- 1 ก.ค. ดักลงทุนหุ้นครึ่งปีหลัง และเปิดโผหุ้นเด่น mai (นักวิเคราะห์ 4 คน+ดร.นิเวศน์)(ดร.ไพบูลย์,หมอเค ดำเนินรายการ)
จองเสาร์ 21 มิ.ย. Facebook money talk http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=57537
สุดท้ายขอบพระคุณอ.ไพบูลย์,พิธีกรและวิทยากรทุกท่านสำหรับการให้ความรู้และข้อคิดวันนี้มีทั้งในการใช้ชีวิตและศีลธรรม และขอบคุณทีมงาน money talk และผู้สนับสนุนทุกท่านที่ทำให้มีการสัมมนาครับ ถ้าหากมีสิ่งผิดพลาดขาดตกไปขออภัยด้วยครับช่วยกันเสริมได้ครับ ขอบคุณครับ
ช่วงที่ 1 สัมมนาหัวข้อ "ข้อคิดบนเส้นทางรวย"
1. ดนัย จันทร์เจ้าฉาย
ประธานกลุ่ม DMG
2. วีรณัฐ โรจนประภา
ประธานมูลนิธิบ้านอารีย์
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ.ถาวร โชติชื่น ดำเนินรายการ
นิยามความรวย?
คุณใหม่
• เคยมีแม่บ้านคนสวนที่ทำงานด้วย สังเกตว่าเริ่มซื้อของ ผ่อนรถ แล้วก็มาขอลาออก ก็ถามเหตุผลเขา
ซึ่งได้คำตอบว่า “หนูรวยแล้ว อยากกลับบ้าน ไปใช้ชีวิตที่บ้าน กับพ่อแม่คุณยาย”
จีงถามต่อว่ามีเท่าไรรวยแล้ว? “แสนกว่าบาท” ดังนั้น คำตอบไม่ใช่ตัวเลข อยู่ที่จิตใจ ถ้ายังรู้สึกพร่องอยู่ ก็ยังไม่รวย
คุณดนัย
• เหมือนอย่างที่คุณใหม่พูด ความรวยอยู่ที่ใจ
• มีคนขับรถที่ เราพาไปกราบหลวงพ่อเกิดความศรัทธามาก และขอบวชตลอดชีวิต จึงส่งเขาไปที่วัดป่าอุดรฯ โดยต้องเริ่มจากเป็นผ้าขาวก่อน ตอนไปเยี่ยมเขาก็มาขอบคุณเราที่ทำให้เขาได้รู้จักตัวเอง การที่ได้รู้สึกตัวคือสิ่งที่มีคุณค่าที่สุด เขารู้สึกว่าไม่มีอะไรเลย พอเราได้ไปพบตอนที่เขาเป็นพระแล้ว ดูมีความผ่องใส ดูแล้วรู้สึกว่าเขามีความสุขมาก มีความร่ำรวยมาก
• ดังนั้นถ้าจะถามตัวเองว่ารวยไหม? เรามีความสุขไหม เรารู้จักตัวเองไหม ได้อยู่กับตัวเองไหม?
อ.ไพบูลย์
• ถ้าตอบเป็นตัวเงิน ตามหลักของต่างประเทศ มีประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ(30 ล้านบาท)
ถ้ารวยสุดๆ 10 ล้านเหรียญ รวยสุดยอด 100 ล้านเหรียญ
• ตามวิชาการ ให้วัดโดยดูว่าเรามีอิสรภาพทางการเงินไหม ให้ทรัพย์สินที่มีสร้างดอกผลเลี้ยงเราได้ทุกวัน ทำสิ่งที่ชอบ ทำงานเพื่อสังคมโดยไม่ต้องห่วง ถือว่ารวยแล้ว ขึ้นกับวันหนึ่งกินเท่าไร บางคนใช้เดือนละ 1 หมื่นบาท มี 200 เท่า คือมี 2 ล้านบาทก็ถือว่ารวยได้
• อยู่ที่การจัดการของเรา ถ้าความต้องการเราน้อย เราจะรวยเร็ว
ชีวิตที่เหลือคนรวย ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างไร?
คุณใหม่
• มีคนที่บอกว่าถ้าเขารวยจะไปทำเพื่อสังคม สอนเด็กชาวเขา จึงถามเขาว่าเท่าไรว่ารวยแล้วจะไปทำตามฝัน
ซึ่งคนส่วนใหญ่จะตอบว่า 20 ล้านบาท ซึ่งถ้ามากกว่านั้นคนจะรู้สึกว่าตัวเองโลภมาก
• บางคนรวยแล้วยังดิ้นรนหา ก็ยังเหมือนคนจน น้ำยังพร่องแก้ว ควรจะพอแล้วก็ละ
• ในทางพุทธก็มีหลักหลักโภควิภาค 4 แบ่งเงินสำรอง 1 ส่วน เลี้ยงคุณพ่อแม่บริวาร 1 ส่วน ลงทุน 2 ส่วน
• โภควิภาค -> http://www.klangluang.com/th/index.phpo ... Itemid=335
คุณดนัย
• มั่งมีแต่ไม่เจือจางก็เป็นคนจน บางคนทรัพย์สินไม่มากแต่รู้จักแบ่งปัน นั่นคือคนรวย
• ความรวยคือความสามารถที่จะแบ่งปันให้คนอื่น ไม่ได้ขึ้นกับมีเงินแค่ไหน
• ถ้าเราเป็นพุทธที่แท้จริงจะเข้าใจว่าต้องมีชีวิตอย่างไร สิ่งที่เป็นห่วงมาก อะไรที่ฟุ้งเฟ้อเสพติด สังคมไทยติดระดับโลก กรุงเทพเป็นเมืองที่ใช้ facebook เบอร์ 1 ในโลก 15 ล้านคน สังคมที่ติดอยู่ที่เปลือกคือสังคมไทย ถ้าดึงกลับมาไม่ได้ ถ้าไม่รู้จักภูมิใจในตัวเอง เราอยู่ในโลก ทุนนิยม วัตถุนิยม บริโภคนิยม ประชานิยม เป็นหนทางสู่ความล่มจม
• พอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้ ก็เป็นชีวิตที่สมฐะแล้ว
• เคยไปที่ภูฐาน ไม่มีสิ่งล่อล่วง ทั้งหลาย เขาอยู่กับธรรมชาติมีความสุข ทั้งประเทศมีไฟแดงแค่ 1 จุด เราต้องมาจำกัดนิยามความสุขใหม่ อย่างที่เขาใช้ตัววัดความสุข GNH(Gross National Happiness) เป็นคุณค่าทางจิตใจ จิตวิญญาณ
• พุทธองค์ไม่เคยห้ามเรื่องความรวย ในสมัยพุทธกาลก็มีเศรษฐีที่พระองค์ทรงยกย่องว่าเป็นตัวอย่างที่ดี 2 ท่นคือ อนาถบิณฑิกเศรษฐี และ นางวิสาขามหาอุบาสิกา
• http://th.wikipedia.org/wiki/อนาถบิณฑิกเศรษฐี
• http://th.wikipedia.org/wiki/นางวิสาขา
• ดร.ไพบูลย์ เสริม บัฟเฟตต์เคยกล่าวตอนที่บริจาคให้มูลนิธิบิล เกตต์ ซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนใหญ่ของเขา แต่เขาบอกว่าสิ่งที่เขาทำยังสู้คนที่บริจาค 100 เหรียญแล้วแบ่งส่วนหนึ่งไปบริจาคไม่ได้ เพราะเขาก็ยังเหลือความมั่งมีกว่ามาก แต่คนที่เสียสละมากกว่าคือคนที่ไม่มีเลย แต่ใช้แรงงาน ใช้ความคิดไปช่วยคนอื่น คือคนที่เยี่ยมจริง ซึ่งก็เป็นแนวคิดแบบทางพุทธเรา
การหาเลี้ยงชีพการกระทำที่เป็นสีเทาผิดไหม
คุณใหม่
• ขึ้นอยู่ที่ความตั้งใจ
• การกระทำสิ่งใด ให้งดงามเบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลาย
• เริ่มต้นด้วยจิตใจที่ดี ไม่ใช่เป็นอกุศล ไม่ใช่ขายมอมเมาก่อนแล้วค่อยมาช่วยคน ต้องมองหาว่าสังคมขาดอะไร
• ท่ามกลาง คือวิธีการ จะทำตรงไปตรงมา หรือมีซ่อน
• เบื้องปลาย คือเราได้มาแล้วแบ่งปันอย่างไร อย่างพระท่านแยกเป็น พอแล้วละ พอละคือพระ ไม่จำเป็นต้องได้ ถ้าใจเรารู้สึกพอ แล้วเห็นว่าการละ ตอนนั้นเราก็เป็นพระ เป็นคนรวย เป็นเศรษฐีแล้ว
• เศรษฐีในพจนานุกรมคือดีเลิศ ประเสริฐ ไม่ใช่มีเงินมาก เศรษฐเป็นรากศัทพ์คือดี
• น้ำที่นิ่งก็จะเน่า ถ้ารวยแล้วไม่รู้จักแบ่งปัน ความรวยก็จะทำให้ท่านเดือดร้อนเอง
• ถ้าเชื่อว่าธรรมชาติจัดสรรทรัพยากรไปอยู่ในที่เหมาะสม ถ้าเราใช้ประโยชน์ได้เป็นประโยชน์แท้จริงก็จะมาหาเราเรื่อยๆ
คุณดนัย
• ต้องถามตัวเองก่อนว่า อะไรเป็นสิทธิสำคัญที่สุดในการเกิดเป็นมนุษย์? นั่นคือสิทธิเสรีภาพในการเลือก freedom of choice มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่มีสิทธิในการเลือก ลองนึกถึงสัตว์ต่างๆต้องกินอะไร ในเมื่อเรามีสิทธิในการเลือกว่าธุรกิจนั้น ดำ เทา ขาว คนที่ถูกครอบงำด้วยอะไรบางอย่าง ทำให้สิทธิในการเลือกหายไป ถ้ามาคิดย้อนกลับก็ไม่น่าทำเลย เพราะขาดสติ ปัญญาไม่มี เลยไม่มีสิทธิในการเลือก คนที่มีสติจะมีทางเลือกมหาศาล มนุษย์จะไม่มีคำว่าต้อง เราเลือกเองได้
• สรุปว่าถ้าเลือกได้ธุรกิจสีเทาก็ไม่ควรไปแตะต้อง ซึ่งต้องมีสติ
คุณใหม่
• พระพุทธเจ้ากล่าวถึงธุรกิจที่สีดำ 5 อย่าง ขายอาวุธ เนื้อสัตว์ น้ำเมา ยาพิษ ชีวิต
o http://dharmahall.blogspot.com/2011/03/5.html
• ส่วนที่สีเทาๆ ก็เป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้
• นอกจากอาชีพขึ้นกับวิธีการด้วยว่ากุศลหรืออกุศล เช่น ทำด้วยวิธีโกหกตลบแตลงให้ได้มาซึ่งทรัพย์ หรืออย่างในหุ้นมีวิธีการใช้ลาภต่อลาภ (ปั่นหุ้น)
การที่จะไม่ยอมรับเรื่องสีเทาทำได้จริงหรือ
คุณดนัย
• เคยเข้าไปประมูลงานกับหน่วยงานรัฐ ซึ่งได้ประมูลชนะงานด้วย แต่มีคนเข้ามาคุยเรื่องเงินทอน ซึ่งเราก็ต้องตัดสินใจถอนตัวออกมา ทั้งๆที่ทีมงานเสียกำลังใจทำงาน รายได้เราก็ไม่เข้าเป้า แต่ก็ถามใจตัวเองแล้ว เป้นสมัยก่อนก็เคยคิดว่าทำเพื่อรายได้เพื่อลูกน้อง แต่พอเราทำซ้ำๆมันจะซึมเป็นสันดาน เราจะไม่เดินทางนี้ต่อ
• อ.ไพบูลย์ ถ้าเขาไม่ต่อรองเลย เราทอนให้เองเลย ? คุณดนัย ผิดปกติ โกง 1 บาท 100 บาท ล้านบาท ตกนรกขุมเดียวกัน ครูบาอาจารย์เตือนว่ามันแน่นมาก อย่าลงไป
• อ.ไพบูลย์ ถ้าเขาช่วยอำนวยความสะดวกให้เรา แล้วเราสมนาคุณเล็กๆน้อยๆที่เขาช่วยงานเรา ? คุณดนัย ถ้าอะไรที่ไม่ได้มากมายเป็นสินบน ก็น่าจะได้ อย่างในองค์กรสื่อถ้าได้รับของที่มูลค่าเกิน 3 พันบาทต้องส่งคืน
• อ.ถาวร เคยทำงานในบริษัทที่เกี่ยวกับค้าสัตว์ ถือว่าได้ไหม? คุณใหม่ เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรมไหม? ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว? ถ้าเชื่อมั่นเราก็จะสิทธิเลือก
• คุณดนัย เคยพิมพ์หนังสือ เหลาในบ้านเรา ขายดีมาก มีบริษัทเข้ามาติดต่อทำเป็นแบรนด์พวกตำราอาหารเพื่อขายใน modern trade แต่เราหยุดเพราะถ้าส่งเสริมตรงนี้มากชีวิตสัตว์จะถูกฆ่าเยอะขึ้น เราก็ไม่ทำ
• คุณดนัย แชร์ประสบการณ์ว่ามีโอกาสได้ไปร่วมอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศจีน เมื่อตัวเจ้าของสถานที่ทำธุรกิจค้าไก่เดินทางมา ท่านพระอาจารย์ที่ทำพิธีอยู่ก็สะดุดแล้วก็หยุดบอกว่าคาวเลือด ถ้าจิตละเอียดจะสัมผัสได้
• นกอยู่บนฟ้า ปลาอยู่ในน้ำ ควายอยู่บนท้องนา คนที่ทำบุญทำกรรมจะมาพบเจอด้วยกัน
• ต้องมีโยมนิโสมนสิการ พิจารณากระทำทั้งทางโลกและทางธรรม และกัลยานมิตร ถ้าไม่มีก็อย่าคิดการณ์ใหญ่ ถ้าขยับไปอีกเส้นทางเราก็จะมีทางเลือก ทั้งหมดเป็นบุญสัมพันธ์กัน
• อ.ไพบูลย์ แปลว่า พวกดีจะอยู่ด้วยกัน พวกชั่วจะอยู่ด้วยกัน
ถ้ามีเงินลงทุนในหุ้นในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเหล่านี้
คุณใหม่
• ถ้าตอบตรงๆก็ไม่ควร ถ้าธุรกิจยอดขายโตขึ้นเป็นเท่า ฆ่าสัตว์เพิ่มขึ้น ใจเรามีความสุขไหม ถ้าไม่รู้สึกอะไรแสดงว่าเรากำลังทำลายความรู้สึกมนุษย์ในตัวแล้ว
• ถ้ายึดมั่นในความดี และความดีจะส่งผลตอบแทนกลับมา
• ในโลกมีกองทุนบาป น้ำเมา อาวุธ ซึ่งกำไรดีมากปีละเท่า เราจะลงทุนไหม? ถ้าได้กำไรมา 8 เท่า แล้วใจเรารับสภาพได้ไหม ที่มีปัญหาซ่อง โสภณี ฆ่าพ่อแม่
คุณดนัย
• ทรัพย์ทางพุทธศาสนาแบ่งง่ายๆ 2 ส่วน โลกิยทรัพย์ ทรัพย์สินเงินทอง และอริยทรัพย์ สำคัญมากเป็นตัวตรวจสอบว่าเราควรลงทุนไหม มี 7 ข้อ ศีล ศรัทธา ปัญญา หิริ โอตัปปะ จาคะ พาหุสัจจะ ถ้าเราทำ 2 ส่วนแล้วไม่ขาดทุน
• หิริ โอตัปปะ อายในการทำความชั่ว กลัวต่อกรรม ถ้าไปลงทุนแล้วพูดกับคนอื่นด้วยความภาคภูมิใจว่าไปลงทุนกองทุนบาป แสดงว่านั่นมีปัญหาแล้ว
• โลกิยทรัพย์ เป็นทรัพย์ชั่วคราว ร่างกาย กับ จิตใจ เป็นอุปกรณ์ทำความดี ท้ายที่สุดทุกอย่างขอคืนไปหมด รวมถึงลมหายใจสุดท้าย ถ้าเราเข้าใจความจริงตรงนี้ เราจะมีสติว่าจะไปทางไหน เพื่อเพิ่มพูนอริยทรัพย์
ถาม/ตอบเพิ่มเติม
• อ.ไพบูลย์ ถ้ามีธุรกิจที่เป็นสายพานเกี่ยวกับโรงฆ่าไก่ ผิดไหม ?
• คุณใหม่ ถ้าลองคิดเป็นตัวเอง ว่าต้องไปช่วยคิดช่วยส่งเสริมเกี่ยวกับธุรกิจนี้ ก็คงไม่เอา
• อ.ถาวร ก็สามารถทำสายพานธุรกิจอื่นก็ได้ เช่น ธุรกิจยา ถ้าแบบนั้นก็น่าจะได้
• อ.ถาวร ถ้ามีคนคิดว่าตายแล้วก็จบ ก็ไม่เห็นต้องกลัวเรื่องทำชั่ว
• คุณใหม่ นักลงทุนสิ่งสำคัญคือป้องกันความเสี่ยง ก็ต้องคิดเอาเอง ว่าจะเสี่ยงไหม
• อ.ไพบูลย์ เคยไปบรรยายมีถือหุ้นบริษัทหลอดไฟรถยนต์ ตรงนี้ไปชนคนอื่นก่อน บาปไหม
• คุณดนัย น่าจะคิดลึกไป ทุกอย่างเป็น 2 มุม social media ก็มีใช้เป็นคุณและเป็นโทษ ขึ้นกับว่าจะไปใช้ตรงไหน ถ้ามากเกินไปชีวิตเราจะไปต่อไม่ได้ อย่างเรา social media จะใช้อย่างไรไม่ให้ขัดแย้ง หลีกเหลี่ยงวาทกรรม จะเป็นธุรกิจสายพาน หลอดไฟเหมือนกัน
• คุณใหม่ ขอเสริมเรื่องดัชนีความสุข ที่ประเทศภูฏานใช้ คนเล่นหุ้นวัดดัชนีความสุข เกิดเป็นมนุษย์มีอิสระจากความโลภ ความโกรธ ความหลง ถ้าเล่นหุ้นยังมีความโลภอยู่ ยังไม่มีความสุข ความโกรธ เช่นไม่น่าขายเลย แค้นเอาคืน หรือตัดสินใจความหลง อ.นิเวศน์ บอกว่าดีแล้วซื้อเลย นี่คือความหลง ไม่พิจารณา ไม่ได้ใช้สติ ถ้าเราตัดสินใจด้วยสติ ด้วยข้อมูล ถ้าผิดเราพิจารณายังกลับทางได้
อยากให้ 2 ท่านช่วยแนะนำเกี่ยวกับการเผยแพร่ธรรมะ
คุณใหม่
• มีออกหนังสือออกทุกวันพระ หนังสือ มั่งมีใช่ว่าจะมีความสุข
• ทุกบ่ายวันพุธ ที่บ้านอารีย์ จะมีสอนเจริญสติแบบเคลื่อนไหว หลวงพ่อเทียน เพื่อให้รู้เท่าทันความคิด จะรู้ว่าความคิดนี้มีความโลภ ความโกรธ ความหลงเจือปน จะได้คิดแบบไม่มีตัวตนของเรา
• คนอยู่บนโลก โลกคือความคิด คนไม่เคยเห็นความคิด มนุษย์มีศักยภาพมากกว่าสัตว์อื่นสามารถเข้าใจกลไกของความคิดได้ ที่นำไปสู่การกระทำ สิ่งสำคัญคือมีสติ รู้เท่าทันความคิดตัวเอง
• มีสอนปฏิบัติเนสัชชิก ปฏิบัติโดยไม่นอน 24 ชั่วโมง หลับได้แต่ห้ามหลังแตะพื้น จะแปลงจากภพมนุษย์เป็นสัตว์เดรรัชฉาน
การหลังแตะพื้นหลังด้วยความขี้เกียจ
คุณดนัย
• ชั้น 22 อาคารอัมรินทร์ พลาซ่า หอประชุมพุทธคยา มีปฏิบัติธรรมทุก อังคาร และพุธ 18.30-20.30 น.
• หรือติดตามชมถ่ายทอดสดออนไลน์ที่ชมรมคนรู้จัก บางครั้งก็เชื่อมโยงกับบ้านอารีย์มีครูบาอาจารย์หลากหลาย
• เราร่วมกันสร้างวัดป่าสุขใจบางบ่อ เป็นวัดป่าที่อยู่ไม่ไกลเลยสนามบินสุวรรณภูมิ 20 นาที อยากให้มีโอกาสได้กราบพระด้วยความสนิทใจ
• สำหรับนักลงทุน ถ้าไร้ความคิด ปัญญาจะขึ้นมาเอง ถ้าไม่มีเราในที่ไหนๆไม่มีใครในความรู้สึก ชีวิตเราจะมีอิสรภาพจริงๆ เหมือนนกที่โบยบินบนท้องฟ้าโดยไร้รอยเท้า
อ.ไพบูลย์ วันนี้เราฟังธรรมแล้วเราก็ได้บุญ อนุโมทนากับขอบคุณวิทยากรที่ให้ธรรมเราด้วย
ช่วงที่2 สัมมนาหัวข้อ “วิถีชีวิตวิธีลงทุน (2014)”
1. อนุรักษ์ บุญแสวง
นายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย)
2. ฉัตรชัย วงศ์แก้วเจริญ
นักลงทุนเน้นคุณค่า
3. ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ ดำเนินรายการ
Intro
• อ.เสน่ห์ วิถี คือ เส้นทาง VI ไม่ใช่ลงทุนอย่างสะเปะสะปะ วันนี้เชิญนักลงทุน VI ต้นแบบ มาพูดถึงเส้นทางของ VI คืออะไรกันแน่
• แนะนำประวัติวิทยากร คุณโจ ประธานสมาคมนักลงทุนคุณค่า คุณฉัตรชัย เคยเป็นอุปนายกสมาคมนักลงทุนคุณค่า อ.นิเวศน์ เป็นผู้เชี่ยวชาญลงทุนและใช้ชีวิตแบบ VI มาเป็นเวลานาน
สมาคม thaivi ทำอะไร?
• คุณโจ รวบรวมนักลงทุนที่ใช้เส้นทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ซึ่งดร.นิเวศน์ได้เคยเผยแพร่เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ซึ่ง 2 ปีก่อนก็ได้รวมเป็นสมาคมและทำเป็นทางการมากขึ้น ใน website เรามีข้อมูลย้อนหลังเป็น 10 ปี ในส่วนที่ดูข้อมูลหุ้นรายตัวอาจต้องสมัครสมาชิก http://www.thaivi.org
ประวัติการลงทุนการเป็น VI
คุณโจ
• เป็นมา 10 กว่าปีแล้ว ประมาณ 15 ปี ในตอนนั้นไม่ได้อยากจะเป็น VI แค่อยากรวย ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาตลาดหุ้นก็เหมือนกัน ผมคิดว่าความรวยอยู่ในยีนส์ของมนุษย์ ตอบสนองแรงขับดันทางเพศ ความมั่นคงทางอารมณ์ เราอยากรวยไม่ผิด แต่รวยในวิถีทางที่ถูกต้อง สุจริต
• ตอนม.ปลาย ดูคนรอบข้างทำงานไม่มีใครรวย ก็มาฉุกคิดว่าทำแบบไหนถึงรวย ก็มาเห็นว่านักธุรกิจรวย จึงอยากโตแล้วเป็นนักธุรกิจ อ่านหนังสือพิมพ์ไปเจอเรื่องหุ้น อ่านไปก็พบว่าหุ้นเป็นธุรกิจเหมือนกัน ซึ่งโชคดีที่ไม่ทำธุรกิจเอง โอกาสสำเร็จน้อย และเหนื่อย แต่หุ้นใช้เงินสักก้อนใช้สมองคิดสักหน่อย ซึ่งผลลัพธ์ดีกว่าที่คิดเยอะ
• ตอนแรกก็เริ่มอ่านดร.นิเวศน์บ้าง ตอนทำงานที่อเมริกา อ่านบทความในกรุงเทพธุรกิจ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าตอนนั้นดร.นิเวศน์ยังเป็นนักลงทุนเล็กๆ มีเซียนหุ้นดังๆหลายพันล้าน แต่มาดูวันนี้ว่าผลเป็นอย่างไร ซึ่งผมคิดว่าตรงนี้น่าจะเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง
• ชีวิตส่วนตัวมี ภรรยา 1 คน มีลูก 3 คน เป็นคนใต้ เกิดจังหวัดพังงา
• ฉายา ลูกอีสาน มาจากชื่อหนังสือคุณคำพูน บุญทวี ที่ใช้ชื่อนี้คิดว่าอยากท้าทายดูว่า ชีวิตเด็กต่างจังหวัด จะเล่นหุ้นสำเร็จไหม
คุณฉัตรชัย
• ช่วยเรียนมัธยมสนใจธุรกิจ อ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจทุกเช้า ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ลังเลว่าจะเข้าบริหารธุรกิจหรือวิศวะดี ซึ่งก็เข้าไปตามค่านิยมคือวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งพอเรียนไปก็พยายามเลือกที่ใกล้เคียงธุรกิจคือวิศวอุตสาหการ
• มีคนแปลหนังสือหุ้นปีเตอร์ ลินซ์ ลงในกรุงเทพธุรกิจ ซึ่งอ่านแล้วเหมาะกับเรา จึงตัดสินใจว่าจะลงทุนในหุ้น
• เรียนจบปริญญาตรีปี 33 ก็ทำงานเกี่ยวกับบริษัทคอมพิวเตอร์บริหารโรงงาน เก็บเงินซื้อหุ้นเลย เงินเดือนตอนนั้น 7,000 บาท ซื้อหุ้นยูนิคอท(เจ๊งไปแล้ว)
• ช่วงแรกก็ล้มลุกคลุกคลาน เราก็ลงทุนแบบธุรกิจแต่ยังไม่มีความรู้ธุรกิจ หรือบัญชีเชิงลึก ตอนนั้นเลยตัดสินใจลาออกไปเรียนปริญญา MBA ภาคค่ำที่ธรรมศาสตร์ ซึ่งก็ช่วงกลางวันก็ไปสมัครงานทำงานสินเชื่อกับแบงค์กรุงศรีฯ ซึ่งเลือกงานที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์การเงินไม่ได้เน้นเงิน
• ตอนเรียน MBA ก็เรียนเศรษฐศาสตร์มหภาคช่วงปี 37-38 และทำงานฝ่ายสินเชื่อ ก็เริ่มเห็นปัญหาจึงล้างพอร์ตและกลับมาลงทุนใหม่ปี 41 จากนั้นก็ลงทุน 100% มาตลอดจนปัจจุบัน
• ทำงานแบงค์ถึงปี 44 ก็เกษียณออกมา
• คิดว่าเป็น VI ตั้งแต่ช่วงลาออก บริษัทที่ซื้อก็ไม่ได้มีใครรู้จัก และก็ได้ผลตอบแทนที่ดี
ดร.นิเวศน์
• หลายปีที่ผ่านมาคนก็พูดถึงเรื่องหุ้น เป็นหนทางแห่งความร่ำรวย แม้แต่คนที่รวยอยู่แล้วก็มองที่หุ้น แต่อยากจะเล่าว่าส่วนตัวเริ่มลงทุนหุ้นแบบ VI นานมาก ก่อนปี 40
• ช่วงปี 38-39 เคยเป็น ผู้บริหารพอร์ตบริษัท ส่วนตัวไม่ได้เล่นหุ้น ก็เริ่มใช้วิชาการ หลักการมาบริหาร ซึ่งก็ซื้อแบบ VI มีวิเคราะห์มีทีมงานมานำเสนอ แล้วก็เจ๊ง เพราะตอนนั้นหุ้นทุกตัวแพงหมด ตัวที่ดีสุดแล้วก็ยังแพง พอเกิดวิกฤติก็เจ๊งหมด
• ส่วนตัวเริ่มต้นไม่ได้คิดว่าจะรวยจากหุ้น เคยคิดว่าจะรวยตอนปริญญาตรี แต่พอทำงานก็ไม่ได้คิด เพราะเริ่มเห็นภาพว่าโอกาสร่ำรวยยาก วิชาวิศวกรที่เรียนมาก็ไม่ได้ทำให้ร่ำรวย พอเรียนปริญญาเอกจบก็คิดว่าปิดประตูเลยว่าไม่รวยแน่ เพราะอายุก็เยอะ ไม่อยากเสี่ยง ซึ่งตอนนั้นก็ไม่มีใครบอกว่าหุ้นจะทำให้รวยได้ ไม่มีใครรู้ ตามแผงหนังสือไม่มีรวยได้ด้วยหุ้น ไม่ได้เห็นใครรวยจากหุ้น พวกเสี่ยก็เจ๊งปี 40 กัน น้อยคนจะฝ่ามาได้
• ตลาดหุ้นตอนนั้น market cap. 2-3 ล้านล้านบาท ไม่ได้ใหญ่มาก เป็นแหล่งเก็งกำไร ใครเล่นหุ้นสมัยนั้นเหมือนคนเล่นม้า เล่นการพนัน ไม่มีใครคิดว่าจะลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่ง หรือเพื่อเกษียณ
• ตอนที่ลงทุนจริงจังตอนนั้นเพราะจำเป็น ความรู้สึกว้าเหว่เต็มที่
• จำได้ว่ามานั่งเป็นที่ปรึกษาบริษัทหนึ่ง มีคนเข้ามาปรึกษาหลังจากอ่านหนังสือตีแตกจบ มี 2 คน คนหนึ่งทำงานอยู่ IBM สิงคโปร์ คือคุณธันวา กลับบ้านมาเยี่ยมที่ประเทศไทย และชวนเพื่อนที่ทำงานแบงค์มาคุยด้วย มาชวนทำ website อะไรต่างๆ และหลังจากนั้นก็ค่อยๆเริ่มมีภาพที่ตลาดหุ้นเป็นแหล่งสร้างความมั่งคั่ง
• หลังจากนี้คงไม่ร่ำรวยมากๆเร็วๆเหมือนรุ่นก่อน ตอนนี้เป็น mass มากขึ้น
• วิกฤติเศรษฐกิจเริ่มตั้งแต่ปี 38-39 แล้ว ช่วงนั้นงานก็เริ่มไม่มีทำ แต่ค่าเงินบาทตอนนั้นแข็งมาก ขาดดุลการค้าเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังพอประคองไปได้ สถาบันการเงินโดยเฉพาะเงินทุนหลักทรัพย์ก็เริ่มมีปัญหา
• ที่เริ่มลงทุนตอนนั้น เงินลงทุนก็มีก้อนหนึ่ง ไม่เกิน 10 ล้านบาท เพราะเราประหยัด และใช้จ่ายน้อยมาก ไม่ต้องซื้อบ้านไม่ต้องซื้อรถ คือเป็นเงินที่คิดว่าเป็นก้อนสุดท้ายในชีวิตลงทุน แต่ก็ยังโชคดีที่ยังพอมีงานเป็นที่ปรึกษา และพอเศรษฐกิจเริ่มฟื้นก็ยังมีแบงค์มาจ้างงาน
วิถีชีวิตของ VI มีเงินทองแล้วเปลี่ยนไปไหม
คุณโจ
• มีซื้อที่ดินไว้แต่มีบ้านติดมา เดิมอยู่บ้านพักข้าราชการ (ภรรยาเป็นอ.ที่มหาวิทยาลัยสงขลา)
• พอมีเงินแล้วชีวิตก็สบายขึ้น ถ้าหาเงินมาเพื่อเก็บไว้น่าจะผิด แต่เราหามาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต
• ช่วงแรกเราอาจต้องอดทนใช้ชีวิตต่ำกว่ามาตรฐานนิดหน่อย ซึ่งตอนหลังก็ได้ใช้ชีวิตสูงกว่ามาตรฐาน
• ถ้าเราทำเพื่อเงินอย่างเดียว เงินก็เป็นเจ้านายเรา พอเรามีเงินใช้งานเงินเป็นทาส ใช้เงินไปทำงานสร้างผลตอบแทน อันนี้น่าจะเป็นวิธีการที่ถูกต้อง
• ชีวิตตอนนี้ก็ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็นั่งอ่านข่าว ดูพัฒนาการของบริษัทที่เราลงทุนหรือสนใจ ซึ่งทำบ่อยๆก็รู้จักแทบทุกบริษัทในตลาดหุ้น
• พวกบริษัทที่เราไม่แน่ใจในธรรมาภิบาลก็จะไม่สนใจ หรือหุ้นที่ศึกษายังไงก็ไม่เข้าใจ ผู้บริหารไม่ค่อยให้ข่าวหรือสื่อสารกับนักลงทุน พวกนี้ก็ไม่สนใจ ยิ่งพลิกหินมากก้อนเท่าไร โอกาสที่จะเจอเพชรพลอยใต้หิน หรือเจอกิจการดีๆยิ่งเยอะ
• บางบริษัทดีๆแพงมาตลอด พอเจอปัญหาชั่วคราวก็เป็นโอกาสซื้อ หรือบริษัทแจ้งข่าวที่มีนัยสำคัญเราก็สามารถตัดสินใจได้รวดเร็วไม่เกิน 1 ชั่วโมง
• ตอนนี้ลงทุนอยู่ 20 กว่าบริษัท เคยอ่านคำของประธานธิบดี ลินคอร์น เดินช้าๆแต่ไม่เคยถอยหลัง ผมกระจายความเสี่ยงเยอะ เสียหายน้อย แต่โตไปเรื่อยๆ พอร์ตเราไม่เคยลดเลย แม้จะผิดพลาดบ้าง ส่วนหนึ่งก็รักพี่เสียดายน้อง หุ้นตัวนั้นก็ดี ภรรยามีได้คนเดียว แต่หุ้นมีได้เยอะ
ดร.นิเวศน์(discuss เรื่องการหาคู่ครอง)
• ตามหลักการของยีนส์ ผู้ชายจะชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงจะชอบผู้ชายรวย โอกาสที่ลูกจะ survive ได้ก็จะเยอะ
• คนเลือกคู่กันเพราะมียีนส์ที่แตกต่างกันเยอะ ถ้าใกล้กันมากจะไม่ค่อยเลือกกัน ต้องปกป้องเชื้อโรค มีความครอบคลุม
• ถ้าเป็นผู้ชายที่มีอนาคตไกลแต่ยังไม่รวยอันนี้อาจถือเป็น human capital
คุณฉัตรชัย
• ตอนนี้หลักๆก็รับส่งลูก เรียนอยู่ที่สตรีวิทยา ระหว่างวันก็ดูข่าว ข้อมูลบริษัทดู 56-1 งานจะหนักก็ช่วงประกาศงบการเงินจะไล่ดูข้อมูล ระหว่างวันก็มีออกกำลังกาย อ่านหนังสือบ้าง
• แม้เราลงทุน 2 บริษัทก็ศึกษามากกว่านั้น บางบริษัทอาจมีปัญหาชั่วคราวพอคลี่คลายก็จะสามารถลงทุนได้ทันที
• ส่วนตัวการตัดสินใจบริษัทไหนก็จะซื้อเยอะและลงทุนยาว ซึ่งก็เห็นด้วยกับคุณโจ ว่ากระจายซัก 4-5 บริษัทก็น่าจะเหมาะ ไม่ได้แนะนำให้ใครลงทุนแบบเดียวกัน
• หุ้น ipo ไม่เคยซื้อเลย เพราะยังไม่มีประวัติยาวเพียงพอ
อ.นิเวศน์
• ตอนพอร์ตยังไม่ใหญ่เคยมีจำนวนหุ้นมากกว่านี้ด้วย เพราะตอนนั้นตลาดหุ้นถูกมาก มีหลายตัวที่ถูก ซึ่งก็เลยซื้อไป ทำอยู่หลายปี พอพอร์ตโตขึ้นและหุ้นก็ไม่ค่อยถูก แรกๆ pe ไม่เกิน 10 เท่า pbv ต่ำกว่า 1 ปันผล 10% ซึ่งซื้อหุ้นดีๆได้หลายตัว
• ตอนนี้มีหุ้น 10 กว่าบริษัท
• วันวันหนึ่งก็ไปโรงพยาบาลไปกินอาหารเขียนหนังสือ มีไปสอนหนังสือที่นิด้า ส่วนใหญ่พวกงานบริการหลากหลาย มีไปออกรายการทีวี ช่วงกลางคืนก็ดูทีวี
การใช้ชีวิต ซื้อของใช้ชีวิตเทียบกับคนที่อยู่ในระดับเดียวกันคิดว่าเป็นยังไง
คุณโจ
• ได้คุยกับเพื่อนคนหนึ่ง ว่าไม่เคยรู้เลยว่ารวยอยางนี้ เพราะเราก็ใช้ชีวิตปกติ จนเขามาดูรายการ money talk
• เงินทองที่หามาจุดหนึ่งก็ต้องใช้บ้างตามสมควรเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต แต่ก็ทำให้สมเหตุสมผล
• เจอรุ่นน้องมาเล่าให้ฟังว่ารู้สึกไม่ดีมี VI รายใหญ่หลายคนออกรถสปอร์ต จนสุดท้ายเขาก็ยอมซื้อรถใหม่ เป็นเบนซ์คันละ 3 ล้านกว่าบาท จะเห็นว่าแม้แต่สังคม VI ยังมีแรงกดดันในสังคม
• สิ่งที่คิดว่าคุ้มค่าในการจ่าย อันดับ 1 การศึกษาของลูก ถ้ามีโอกาสก็อาจส่งไปเรียนต่างประเทศ อันดับ 2 รายจ่ายเพื่อพ่อแม่ นับวันท่านยิ่งแก่ลงไม่รู้จะจากไปวันไหน อาจพาไปเที่ยว หรือรักษาพยาบาลให้ดีหน่อย อันดับ 3 ภรรยา ผมถือว่าเราสู้ชีวิตมาด้วยกัน เงินทองที่เรามีครึ่งหนึ่งของเขาครึ่งหนึ่งของเรา
คุณฉัตรชัย
• อันดับ 1 การศึกษาลูก ก็มีเงินฝากให้เขาประจำบ้าง
o อ.ไพบูลย์ สังเกตว่านักลงทุน VI ส่วนใหญ่ก็จะมีภรรยาที่เป็น VI ถึงอยู่กันได้
• อันดับ 2 บุพการี การใช้จ่ายครอบครัว แต่ก็ไม่ถึงกับกินหรูหราแพงๆ
• ทุกวันนี้ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีมากขึ้น เพราะเงินอยู่ในพอร์ตหมด ใช้จ่ายจากเงินปันผล
ดร.นิเวศน์
• อันดับ 1 คือใช้จ่ายให้กับพี่น้อง อันดับ 2 การท่องเที่ยว ส่วนใหญ่นิยมเที่ยวต่างประเทศ สมัยก่อนปีละครั้ง มักไปทัวร์ ช่วงหลังๆก็จะไปเที่ยงเองก็แพงขึ้น อันดับ 3 พวกค่าใช้จ่ายในบ้าน รวมทั้งไปกินอาหารนอกบ้าน
ใช้จ่ายอะไรแล้วรู้สึกว่าตัดสินใจพลาด
คุณโจ
• ตอนกลับจากเมืองนอกจะซื้อรถคันแรก ตอนอายุ 30 ปี คิดว่าเรามีเงินล้านกว่าบาท ซื้อรถมือ 2 ก็ปรึกษากับพ่อตาคิดว่ารถเก่ามันเสียมันมีปัญหา จึงซื้อรถใหม่ city 6 แสนกว่าบาท ซึ่งเป็น 30% ของเงินที่เรามี ซึ่งถ้าถอยกลับมาวันนี้เงินก้อนนี้ก็จะมีค่าเป็นหลักร้อยล้าน ถ้าย้อนกลับไปได้ก็อาจจะเปลี่ยนไปซะหน่อย
คุณฉัตรชัย
• ไม่มี แต่ถ้าคล้ายๆกันก็เคยเอาเงินก้อนใหญ่ไปซื้อบ้านเดี่ยว ซึ่งลูกก็ได้อยู่
ดร.นิเวศน์
• ช่วงปี 40 เคยซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง ละครเรื่องสองฝั่งคลองดังมาก รู้สึกอิน ก็มีลูกค้ามาเสนอโครงการริมคลองบางบัวทอง เราก็ซื้อที่ดินแปลงนั้น 100 กว่าวา คิดเป็นเงินราว 5 ล้านบาท ผ่านมา 20 ปีตอนนี้ถ้ามีใครเงินซื้อ 3 ล้านบาทก็คงขาย
ประชาสัมพันธ์การสัมมนา
- Money talk@SET ครั้งถัดไป 20 ก.ค.57 เปิดจอง เสาร์ 12 ก.ค.
ช่วงที่ 1 ผู้บริหารจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ 4 บริษัท(ดร.ไพบูลย์, หมอเค ดำเนินรายการ)
ช่วงที่ 2 บทเรียนหุ้นจากกูรูโลก (ดร.กุศยา, คุณวิบูลย์, คุณพรชัย, ดร.นิเวศน์) (ดร.ไพบูลย์,อ.เสน่ห์ ดำเนินรายการ)
- 11 มิ.ย. งานสัมมนา บลจ.กรุงศรีฯ โรงแรมเรเนสซองค์ (125 ที่ที่จองไปแล้ว อย่าลืมไปร่วม)
- 1 ก.ค. ดักลงทุนหุ้นครึ่งปีหลัง และเปิดโผหุ้นเด่น mai (นักวิเคราะห์ 4 คน+ดร.นิเวศน์)(ดร.ไพบูลย์,หมอเค ดำเนินรายการ)
จองเสาร์ 21 มิ.ย. Facebook money talk http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=57537
สุดท้ายขอบพระคุณอ.ไพบูลย์,พิธีกรและวิทยากรทุกท่านสำหรับการให้ความรู้และข้อคิดวันนี้มีทั้งในการใช้ชีวิตและศีลธรรม และขอบคุณทีมงาน money talk และผู้สนับสนุนทุกท่านที่ทำให้มีการสัมมนาครับ ถ้าหากมีสิ่งผิดพลาดขาดตกไปขออภัยด้วยครับช่วยกันเสริมได้ครับ ขอบคุณครับ
Go against and stay alive.
- JobJakraphan
- Verified User
- โพสต์: 749
- ผู้ติดตาม: 0
Re: MoneyTalk@SET8Jun14ข้อคิดบนเส้นทางรวย&วิถีชีวิตวิธีลงทุน
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 31
- ผู้ติดตาม: 0
Re: MoneyTalk@SET8Jun14ข้อคิดบนเส้นทางรวย&วิถีชีวิตวิธีลงทุน
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณครับอ่านเพลินเลย
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: MoneyTalk@SET8Jun14ข้อคิดบนเส้นทางรวย&วิถีชีวิตวิธีลงทุน
โพสต์ที่ 10
ขอบคุณครับ
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
Re: MoneyTalk@SET8Jun14ข้อคิดบนเส้นทางรวย&วิถีชีวิตวิธีลงทุน
โพสต์ที่ 11
ขอบคุณครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: MoneyTalk@SET8Jun14ข้อคิดบนเส้นทางรวย&วิถีชีวิตวิธีลงทุน
โพสต์ที่ 13
ขอนำกลอนปิดท้ายซึ้งๆ
ที่ "อาจารย์เสนห์ ศรีสุวรรณ"
ท่านได้กล่าวในช่วงสุดท้าย...มาฝากด้วยค่ะ
.........
บนวิถีวีไอไทยได้เรียนรู้
จากวีไอชั้นครูผู้สืบสาน
“ดร.นิเวศน์”ไอดอลคนต้นตำนาน
ร่วมสมาน “อนุรักษ์” และ “ฉัตรชัย”
แต่อย่าลืมวิถีดีที่มีค่า
สืบสานมาทุกยุคทุกสมัย
มีวันนี้เพราะเรามีวิถีไทย
ต้องรักษ์ไว้ให้ยืนยงคงค่าครัน
คือวิถีที่เรารักสมัครสมาน
แม้ใครมารุกรานไม่หวาดหวั่น
มิตรไมตรีมีน้ำใจไม่ทิ้งกัน
เราทั้งนั้นบรรพชนคือคนไทย
เป็นวิถีที่โลกรู้เชิดชูค่า
เอกลักษณ์พึงรักษาเห็นค่าไว้
AEC กำลังมาอย่าเปลี่ยนไป
เหล่าวีไอวิถีไทยก้าวไกลเอย
ที่ "อาจารย์เสนห์ ศรีสุวรรณ"
ท่านได้กล่าวในช่วงสุดท้าย...มาฝากด้วยค่ะ
.........
บนวิถีวีไอไทยได้เรียนรู้
จากวีไอชั้นครูผู้สืบสาน
“ดร.นิเวศน์”ไอดอลคนต้นตำนาน
ร่วมสมาน “อนุรักษ์” และ “ฉัตรชัย”
แต่อย่าลืมวิถีดีที่มีค่า
สืบสานมาทุกยุคทุกสมัย
มีวันนี้เพราะเรามีวิถีไทย
ต้องรักษ์ไว้ให้ยืนยงคงค่าครัน
คือวิถีที่เรารักสมัครสมาน
แม้ใครมารุกรานไม่หวาดหวั่น
มิตรไมตรีมีน้ำใจไม่ทิ้งกัน
เราทั้งนั้นบรรพชนคือคนไทย
เป็นวิถีที่โลกรู้เชิดชูค่า
เอกลักษณ์พึงรักษาเห็นค่าไว้
AEC กำลังมาอย่าเปลี่ยนไป
เหล่าวีไอวิถีไทยก้าวไกลเอย
-
- Verified User
- โพสต์: 5
- ผู้ติดตาม: 0
Re: MoneyTalk@SET8Jun14ข้อคิดบนเส้นทางรวย&วิถีชีวิตวิธีลงทุน
โพสต์ที่ 18
ขอบคุณ สำหรับบทสรุปดีๆๆ ค่ะ เป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนทั้งมือใหม่ และคนที่คิดลงทุนมากค่ะ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 493
- ผู้ติดตาม: 0
Re: MoneyTalk@SET8Jun14ข้อคิดบนเส้นทางรวย&วิถีชีวิตวิธีลงทุน
โพสต์ที่ 23
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 12
- ผู้ติดตาม: 0
Re: MoneyTalk@SET8Jun14ข้อคิดบนเส้นทางรวย&วิถีชีวิตวิธีลงทุน
โพสต์ที่ 26
ขอบคุณครับ