สอบถามซื้อหุ้นเมกา
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามซื้อหุ้นเมกา
โพสต์ที่ 5
เบริกไชน์คลาสAsssjjjj เขียน:ไม่มีครับ แต่ซื้อ 1 หุ้นมันไม่คุ้มค่าคอม ถ้าหุ้นราคาต่อหุ้นไม่แพง
ซื้อหุ้นเดียวก็คุ้มค่าคอม
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 2166
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามซื้อหุ้นเมกา
โพสต์ที่ 8
ขอไปศึกษาดูก่อนครับ ว่าแต่คุณ kotaro มีมุมมองยังไงกับ 2 บริษัทนี้ครับkotaro เขียน:กำลังติดตามดู herbalife กับ nu skin
ไม่ทราบว่ามีใครสนใจบ้างไหมครับ
Minimize risk through an in-depth knowledge. Buy at bargain price. Wait patiently.
http://valueinvestors.wordpress.com/
http://valueinvestors.wordpress.com/
- kotaro
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1495
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามซื้อหุ้นเมกา
โพสต์ที่ 9
ติดตามดูเพราะมีเหตุการณ์น่าสนใจครับ
HLF และ NUS ทั้งสองตัวนี้ชื่อเสียงก็เป็นที่รู้จัก ในบ้านเราทั้งสองบริษัทฯ ก็เป็นที่รู้จักกันทั่วไป สินค้าและบริการ ทั้งสองตัวก็คล้ายๆกัน พวก cosmetics/personal cares , nutrition supplements และ weight management เพียงแต่ HLF จะเน้นไปที่กลุ่ม weight management มากกว่ามี personal care นิดหน่อย แต่ NUS เน้นไปกลุ่มหลังมากกว่า แต่ก็มีแผนจะขยายธุรกิจเข้าไปในกลุ่ม weight management ครับ ทั้งสองบริษัท มีช่องทางขายเหมือนกันนะครับคือ direct sale
ที่น่าสนใจ ปีทีแล้ว HLF และ NUS นี่ร่วงหนักเลยครับ ดูเหมือนจะเป้นเป้าในการ short ของบรรดาพวก hedge fund ต่างๆ เริ่มตั้งแต่กลางปีที่ 1 พฤษภาคม มี Hedge fund manager ชื่อ David Einhorn ออกมาตั้งคำถามว่าธุรกิจของ HLF และ NUS อาจจะเข้าข่ายเป็น pyramid scheme เท่านั้นเอง บรรดานักวิเคราห์ต่างๆ เลยสงสัยว่าทั้ง HLF และ NUS อาจจะตกเป็นเป้าของ David Einhorn ราคาหุ้นก็ร่วงไม่เป็นท่า ทั้ง HLF และ NUS ตกกว่า 30% พอมาปลายปีก็มี Hedge fund manager อีกท่าน คือ ชื่อ Bill auckman เป็น fund maneger ของ Pershing Square Capital Management
ออกมาแถลงเมื่อวันที่ 25 ธค 12 พร้อมทั้งทำ present กล่าวหาว่า HLF เป็นธรุกิจแบบ pyramid scheme และยังบอกด้วยว่าตนเองได้เริ่ม short HLF ตั้งแต่กลางปี 12 แล้ว (ทำไมพึ่งมาบอกฟะ) ราคาหุ้นของ HLf ตกไปกว่า 35% และ NUS หล่นไป 25% ในวันเดียวกัน
present หาอ่านได้ที่นี่ครับ http://factsaboutherbalife.com/
เรื่องยังไม่จบเท่านี้นะครับ เพราะมี นักลงทุนอีกท่าน ที่ดูเหมือนจะเป้นคู่อริกับ Bill auckman ชื่อว่า Carl Icahn
ออกมาบอกว่าที่ Bill auckman present ว่า HLF นั้นเป็น pyramid scheme นั้นผิด จนเกิดการโต้วาทีกันขึ้น Auckman บอกว่าถ้า Icahn สนใจก็ให้ซื้อหุ้นไปสิ Icahn ก็ทำจริงๆนะครับ ตั้งแต่ต้นปี Icahn ซื้อไปแล้ว 14 ล้านหุ้น คิดเป็นหุ้นจำนวนทั้งหมด 13% ของ HLF งานนี้ทำให้ผู้ถือกองทุนของ Pershing Square หนาวๆร้อนๆตามๆกันเลยครับ ราคาหุ้น HLF ขยับขึ้นเรื่อยๆ งานนี้บางคนบอกว่าเป้นเหมือนนั่งดูมวย กำลังต่อยกันเลย
ผมไปนั้งดูงบคร่าวๆ ทั้ง 2 ตัว ส่วนตัวให้น้ำหนักไปทาง NUS เพราะ
1. เรื่องการโจมตีเรื่อง pyramid scheme ผมว่า NUS นั้นน่าจะมีโอกาสโดนน้อยกว่า HLF เพราะสินค้าของ HLF นั้นถูกกล่าวหาว่าราคาแพงทั้งๆที่ คุณสมบัติไม่มีอะไรเลย ซึ่งจุดนี้เป็น key อันนึงของธุรกิจแบบ pyramid scheme แต่ NUS นั้นสินค้าในกลุ่มพวก cosmetics/personal cares นั้นยังมีการทำ R&D ค่อนข้างมากมีข้อมูล scienéfitic based research มารองรับ น่าจะพอ back up ว่าทำไมราคาสินค้าถึงแพงได้
2. เรื่อง sale growth การเติบโตแล้ว HLF นี่ 5 ปีที่ผ่านมา ยอดขายโต 2 digits ในขณะที่ NUS โตประมาณ 8% และทั้งสองตัวรายได้สวนใหญ่มาจาก นอก US นะครับ แต่ตัว NUS มีลุ้นในปีนี้ปีหน้าว่าจะโต 10% กว่าจากการได้อานิสงค์จากธุรกิจที่เข้าไปเจาะตลาดในเมืองจีน ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะไปได้ดี ถ้าไม่โดนเล่นเรื่อง pyramid scheme ซะก่อน
3. ราคาหุ้น P/E ของ NUS ประมาณ 10 ต้นๆ (ราคาขณะนี้) ขณะที่ HLF 10 ปลายๆ
ผิดถูกยังไงขออภัยนะครับ พึ่งเริ่มติดตาม ยังไม่ได้ซื้อ ทั้ง 2 ตัวครับ มาลองถามดูเผื่อมีนักลงทุนท่านอื่นสนใจ จะได้ share กันครับ
HLF และ NUS ทั้งสองตัวนี้ชื่อเสียงก็เป็นที่รู้จัก ในบ้านเราทั้งสองบริษัทฯ ก็เป็นที่รู้จักกันทั่วไป สินค้าและบริการ ทั้งสองตัวก็คล้ายๆกัน พวก cosmetics/personal cares , nutrition supplements และ weight management เพียงแต่ HLF จะเน้นไปที่กลุ่ม weight management มากกว่ามี personal care นิดหน่อย แต่ NUS เน้นไปกลุ่มหลังมากกว่า แต่ก็มีแผนจะขยายธุรกิจเข้าไปในกลุ่ม weight management ครับ ทั้งสองบริษัท มีช่องทางขายเหมือนกันนะครับคือ direct sale
ที่น่าสนใจ ปีทีแล้ว HLF และ NUS นี่ร่วงหนักเลยครับ ดูเหมือนจะเป้นเป้าในการ short ของบรรดาพวก hedge fund ต่างๆ เริ่มตั้งแต่กลางปีที่ 1 พฤษภาคม มี Hedge fund manager ชื่อ David Einhorn ออกมาตั้งคำถามว่าธุรกิจของ HLF และ NUS อาจจะเข้าข่ายเป็น pyramid scheme เท่านั้นเอง บรรดานักวิเคราห์ต่างๆ เลยสงสัยว่าทั้ง HLF และ NUS อาจจะตกเป็นเป้าของ David Einhorn ราคาหุ้นก็ร่วงไม่เป็นท่า ทั้ง HLF และ NUS ตกกว่า 30% พอมาปลายปีก็มี Hedge fund manager อีกท่าน คือ ชื่อ Bill auckman เป็น fund maneger ของ Pershing Square Capital Management
ออกมาแถลงเมื่อวันที่ 25 ธค 12 พร้อมทั้งทำ present กล่าวหาว่า HLF เป็นธรุกิจแบบ pyramid scheme และยังบอกด้วยว่าตนเองได้เริ่ม short HLF ตั้งแต่กลางปี 12 แล้ว (ทำไมพึ่งมาบอกฟะ) ราคาหุ้นของ HLf ตกไปกว่า 35% และ NUS หล่นไป 25% ในวันเดียวกัน
present หาอ่านได้ที่นี่ครับ http://factsaboutherbalife.com/
เรื่องยังไม่จบเท่านี้นะครับ เพราะมี นักลงทุนอีกท่าน ที่ดูเหมือนจะเป้นคู่อริกับ Bill auckman ชื่อว่า Carl Icahn
ออกมาบอกว่าที่ Bill auckman present ว่า HLF นั้นเป็น pyramid scheme นั้นผิด จนเกิดการโต้วาทีกันขึ้น Auckman บอกว่าถ้า Icahn สนใจก็ให้ซื้อหุ้นไปสิ Icahn ก็ทำจริงๆนะครับ ตั้งแต่ต้นปี Icahn ซื้อไปแล้ว 14 ล้านหุ้น คิดเป็นหุ้นจำนวนทั้งหมด 13% ของ HLF งานนี้ทำให้ผู้ถือกองทุนของ Pershing Square หนาวๆร้อนๆตามๆกันเลยครับ ราคาหุ้น HLF ขยับขึ้นเรื่อยๆ งานนี้บางคนบอกว่าเป้นเหมือนนั่งดูมวย กำลังต่อยกันเลย
ผมไปนั้งดูงบคร่าวๆ ทั้ง 2 ตัว ส่วนตัวให้น้ำหนักไปทาง NUS เพราะ
1. เรื่องการโจมตีเรื่อง pyramid scheme ผมว่า NUS นั้นน่าจะมีโอกาสโดนน้อยกว่า HLF เพราะสินค้าของ HLF นั้นถูกกล่าวหาว่าราคาแพงทั้งๆที่ คุณสมบัติไม่มีอะไรเลย ซึ่งจุดนี้เป็น key อันนึงของธุรกิจแบบ pyramid scheme แต่ NUS นั้นสินค้าในกลุ่มพวก cosmetics/personal cares นั้นยังมีการทำ R&D ค่อนข้างมากมีข้อมูล scienéfitic based research มารองรับ น่าจะพอ back up ว่าทำไมราคาสินค้าถึงแพงได้
2. เรื่อง sale growth การเติบโตแล้ว HLF นี่ 5 ปีที่ผ่านมา ยอดขายโต 2 digits ในขณะที่ NUS โตประมาณ 8% และทั้งสองตัวรายได้สวนใหญ่มาจาก นอก US นะครับ แต่ตัว NUS มีลุ้นในปีนี้ปีหน้าว่าจะโต 10% กว่าจากการได้อานิสงค์จากธุรกิจที่เข้าไปเจาะตลาดในเมืองจีน ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะไปได้ดี ถ้าไม่โดนเล่นเรื่อง pyramid scheme ซะก่อน
3. ราคาหุ้น P/E ของ NUS ประมาณ 10 ต้นๆ (ราคาขณะนี้) ขณะที่ HLF 10 ปลายๆ
ผิดถูกยังไงขออภัยนะครับ พึ่งเริ่มติดตาม ยังไม่ได้ซื้อ ทั้ง 2 ตัวครับ มาลองถามดูเผื่อมีนักลงทุนท่านอื่นสนใจ จะได้ share กันครับ
“Laughter is timeless. Imagination has no age. And dreams are forever.” ― Walt Disney Company
-
- Verified User
- โพสต์: 454
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามซื้อหุ้นเมกา
โพสต์ที่ 10
Carl Icahn ส่วนนึงที่ซื้อ HLF ซื้อทาง Call Option ด้วยครับ
แต่พวกที่ซื้อก่อนนหน้านี้ คือ Dan Loebs กับ อีกคน มีข่าวว่าขายไปแล้ว
ถ้าจะซื้อ NUS อย่าลืมอ่านบทความ Fortune อันนี้ึครับ
http://management.fortune.cnn.com/2012/ ... t-sellers/
จริงๆอย่างจะบอกให้ระวังการพูดถึง HLF กับ NUS นิดนึงครับ เพราะกฎหมายไทยไม่ได้ Freedom of Speech เหมือนที่ อเมริกา โดนฟ้องได้ง่ายๆ เลยนะครับ
แต่พวกที่ซื้อก่อนนหน้านี้ คือ Dan Loebs กับ อีกคน มีข่าวว่าขายไปแล้ว
ถ้าจะซื้อ NUS อย่าลืมอ่านบทความ Fortune อันนี้ึครับ
http://management.fortune.cnn.com/2012/ ... t-sellers/
จริงๆอย่างจะบอกให้ระวังการพูดถึง HLF กับ NUS นิดนึงครับ เพราะกฎหมายไทยไม่ได้ Freedom of Speech เหมือนที่ อเมริกา โดนฟ้องได้ง่ายๆ เลยนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2166
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามซื้อหุ้นเมกา
โพสต์ที่ 11
ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูล : )
Minimize risk through an in-depth knowledge. Buy at bargain price. Wait patiently.
http://valueinvestors.wordpress.com/
http://valueinvestors.wordpress.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 15
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามซื้อหุ้นเมกา
โพสต์ที่ 12
ผมตาม HLF ตั้งแต่ร่วงกว่า 40% ครับ ข่าวมีทุ๊กวัน วันละหลายข่าว (register รับข่าวฟรีจาก http://seekingalpha.com/)
ซื้อไว้ 30 - 32 เหรียญ peak 40 กว่า แต่มาขายตอน 35 เหรียญเพราะข่าวการสอบสวนของ FTC (ที่สุดเป็นข่าวของบ.อื่น) หลังจากนั้นก็ตามราคามาตลอด
ชอบเรื่อง product ที่เป็น trend คนรุ่นใหม่ (อาหารเสริม) ค่าPE < 10, cash flow สูงทุกปี กับ growth ของ EPS ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาครับ
เนื่องจากมีข่าวลบมากระแทกเรื่อยๆ เลยว่าจะรอให้ลงมาอีกทีค่อยเข้าไปสะสมครับ
ปล คืนพรุ่งนี่เค้ามีประกาศผลประกอบการณ์ช่วงดึกๆครับ
ซื้อไว้ 30 - 32 เหรียญ peak 40 กว่า แต่มาขายตอน 35 เหรียญเพราะข่าวการสอบสวนของ FTC (ที่สุดเป็นข่าวของบ.อื่น) หลังจากนั้นก็ตามราคามาตลอด
ชอบเรื่อง product ที่เป็น trend คนรุ่นใหม่ (อาหารเสริม) ค่าPE < 10, cash flow สูงทุกปี กับ growth ของ EPS ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาครับ
เนื่องจากมีข่าวลบมากระแทกเรื่อยๆ เลยว่าจะรอให้ลงมาอีกทีค่อยเข้าไปสะสมครับ
ปล คืนพรุ่งนี่เค้ามีประกาศผลประกอบการณ์ช่วงดึกๆครับ
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามซื้อหุ้นเมกา
โพสต์ที่ 13
ผมก็กำลังตามอยู่
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 18
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามซื้อหุ้นเมกา
โพสต์ที่ 14
ซื้อNUSที่ 40ค่ะถือมาประมาณ1เดือนแล้ว เชื่อในเรื่องการขยายตลาดที่จีนและเห็นหุ้นมีอัตราการเติบโตของยอดขายและกำไรที่ดี อ่านบทความในfortunesตามในlinkแล้วหวั่นๆเหมือนกันค่ะ แต่เห็นว่าหุ้นเคยอยู่สูงกว่านี้และไม่ได้ถูกattackเหมือนherbal life แต่ได้รับผลกระทบทางอ้อม ปันผลปีนี้ก็ดูดีการคาดการณ์ยอดขายก็ไม่ต่ำกว่าปีที่แล้วเพื่อนๆอาจลองอ่านในwebsite ชื่อ seeking alphaก็ได้นะคะ
-
- Verified User
- โพสต์: 2166
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามซื้อหุ้นเมกา
โพสต์ที่ 15
Visa กับ MasterCard มีใครศึกษาบ้างรึเปล่าครับ เป็นเบอร์ 1 และ 2 ของตลาด ไม่น่าจะล้มหายไปได้ง่ายๆ และเป็นสินค้าที่ผมคิดว่าเกือบทุกคนในนี้น่าจะเป็นลูกค้า
บริษัททั้งสองสร้างและบริหารจัดการระบบที่ใช้ในการชำระเงินผ่านบัตร credit และ debit บริษัทไม่มีความเสี่ยงเรื่องหนี้เสียเพราะไม่ได้เป็นคนออกบัตรและให้วงเงิน (ธนาคารและสถาบันการเงินเป็นผู้ออกบัตรและให้วงเงิน ดังนั้นความเสี่ยงเรื่อง default จะไปอยู่ที่ธนาคารผู้ออกบัตร) รายได้จะมาจากค่าธรรมเนียมเมื่อมีการใช้ payment network ของบริษัท
มองในแง่อุตสาหกรรม น่าจะเติบโตไปได้เรื่อยๆ เพราะการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตหรือเดบิตเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันช่องทางใหม่ๆ อย่าง contactless pay point หรือ ผ่านทางมือถือ น่าจะเพิ่มปริมาณการใช้มากขึ้น ทั้งคู่สร้างกระแสเงินสดได้มากกว่าความต้องการ และมีสภาพงบการเงินที่แข็งแกร่ง (แม้ว่าจะต้องกันสำรองคดีความร้องฟ้องที่บริษัทตกลงจะ settle หลายพันล้านเหรียญ)
ใครดีกว่ากันในแง่การลงทุน ทั้งคู่เทรดกันที่ราวๆ 20-25x PER เงินปันผลน้อยแต่ใช้การซื้อหุ้นคืนแทน Visa ใหญ่กว่า MasterCard เท่าตัว (ในแง่ของ Total payment volume) แต่มีอัตราการเติบโตน้อยกว่า ใจผมจึงเอนเอียงไปทาง MasterCard มากกว่าครับ
ลองไปทำ valuation ของ MasterCard เล่นๆ ได้ประมาณเกือบ $700 ราคาตอนนี้เลยดูว่าน่าสนใจ (ยังไม่ได้ทำของ Visa) ผมสมมติให้กำไรโต 13% ในช่วง 10 ปีแรก หลังจากนั้นโต 2.5% ใช้ WACC ที่ 10%
บริษัททั้งสองสร้างและบริหารจัดการระบบที่ใช้ในการชำระเงินผ่านบัตร credit และ debit บริษัทไม่มีความเสี่ยงเรื่องหนี้เสียเพราะไม่ได้เป็นคนออกบัตรและให้วงเงิน (ธนาคารและสถาบันการเงินเป็นผู้ออกบัตรและให้วงเงิน ดังนั้นความเสี่ยงเรื่อง default จะไปอยู่ที่ธนาคารผู้ออกบัตร) รายได้จะมาจากค่าธรรมเนียมเมื่อมีการใช้ payment network ของบริษัท
มองในแง่อุตสาหกรรม น่าจะเติบโตไปได้เรื่อยๆ เพราะการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตหรือเดบิตเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันช่องทางใหม่ๆ อย่าง contactless pay point หรือ ผ่านทางมือถือ น่าจะเพิ่มปริมาณการใช้มากขึ้น ทั้งคู่สร้างกระแสเงินสดได้มากกว่าความต้องการ และมีสภาพงบการเงินที่แข็งแกร่ง (แม้ว่าจะต้องกันสำรองคดีความร้องฟ้องที่บริษัทตกลงจะ settle หลายพันล้านเหรียญ)
ใครดีกว่ากันในแง่การลงทุน ทั้งคู่เทรดกันที่ราวๆ 20-25x PER เงินปันผลน้อยแต่ใช้การซื้อหุ้นคืนแทน Visa ใหญ่กว่า MasterCard เท่าตัว (ในแง่ของ Total payment volume) แต่มีอัตราการเติบโตน้อยกว่า ใจผมจึงเอนเอียงไปทาง MasterCard มากกว่าครับ
ลองไปทำ valuation ของ MasterCard เล่นๆ ได้ประมาณเกือบ $700 ราคาตอนนี้เลยดูว่าน่าสนใจ (ยังไม่ได้ทำของ Visa) ผมสมมติให้กำไรโต 13% ในช่วง 10 ปีแรก หลังจากนั้นโต 2.5% ใช้ WACC ที่ 10%
Minimize risk through an in-depth knowledge. Buy at bargain price. Wait patiently.
http://valueinvestors.wordpress.com/
http://valueinvestors.wordpress.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 2166
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามซื้อหุ้นเมกา
โพสต์ที่ 17
ช่วงนี้บริษัทจดทะเบียนในอเมริกาทยอยประกาศผลประกอบการ เพื่อนๆติดตามบริษัทไหนกันบ้างครับ เป็นไปตามที่หวังกันมั๊ย
ผมติดตามอยู่ 5 บริษัทครับ
Apple ประกาศผลไตรมาสสองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รายได้และกำไรชะลอตัวลงอย่างมากเมื่อเทียบกับผลงานในอดีต (แต่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแฮะ)
MasterCard ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกเมื่อสักครู่นี่เอง รายได้เติบโตพอใช้ กำไรสุทธิต่อหุ้นเติบโตค่อนข้างดี (แต่ราคาหุ้นปรับตัวลงจากวันก่อน)
พรุ่งนี้จะเป็นคิวของ Stat Oil (บริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของนอร์เวย์ - เปรียบได้กับ PTTEP บ้านเรา) และ CB&I (คล้ายๆกับ STP&I บ้านเรา) ส่วนเย็นวันศุกร์น่าจะได้เห็นผลงานไตรมาสแรกของ Berkshirehathaway
ผมติดตามอยู่ 5 บริษัทครับ
Apple ประกาศผลไตรมาสสองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รายได้และกำไรชะลอตัวลงอย่างมากเมื่อเทียบกับผลงานในอดีต (แต่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแฮะ)
MasterCard ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกเมื่อสักครู่นี่เอง รายได้เติบโตพอใช้ กำไรสุทธิต่อหุ้นเติบโตค่อนข้างดี (แต่ราคาหุ้นปรับตัวลงจากวันก่อน)
พรุ่งนี้จะเป็นคิวของ Stat Oil (บริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของนอร์เวย์ - เปรียบได้กับ PTTEP บ้านเรา) และ CB&I (คล้ายๆกับ STP&I บ้านเรา) ส่วนเย็นวันศุกร์น่าจะได้เห็นผลงานไตรมาสแรกของ Berkshirehathaway
Minimize risk through an in-depth knowledge. Buy at bargain price. Wait patiently.
http://valueinvestors.wordpress.com/
http://valueinvestors.wordpress.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 2166
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามซื้อหุ้นเมกา
โพสต์ที่ 19
ผมใช้บริการการซื้อขายหุ้นต่างประเทศของ Country Group Securities (www.cgsec.co.th) บัญชีที่เปิดเป็นบัญชี cash balance ซื้อขายออนไลน์ การโอนเงินขั้นต่ำอยู่ที่ 500,000 บาทต่อครั้ง ค่าธรรมเนียมการโอนอยู่ที่ 1,500 บาทครับ
Minimize risk through an in-depth knowledge. Buy at bargain price. Wait patiently.
http://valueinvestors.wordpress.com/
http://valueinvestors.wordpress.com/
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามซื้อหุ้นเมกา
โพสต์ที่ 21
ผมสนใจ NUS MA DLTR
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 545
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามซื้อหุ้นเมกา
โพสต์ที่ 22
ได้เจอ Bill Auckman ตัวจริงครับ เป็นคนที่เป็นกันเองแต่ว่าลึกสุดๆเรื่อง Rational behind valuation
-
- Verified User
- โพสต์: 2166
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามซื้อหุ้นเมกา
โพสต์ที่ 24
ยินดีด้วยครับ. ผลประกอบการน่าจะออกมาดี ราคาจึงตอบสนอง
Minimize risk through an in-depth knowledge. Buy at bargain price. Wait patiently.
http://valueinvestors.wordpress.com/
http://valueinvestors.wordpress.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 15
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามซื้อหุ้นเมกา
โพสต์ที่ 25
ตอนนี้สารภาพว่าผมเลือกหุ้นตามปู่ warren buffetครับ คัดมาแล้วเลือกอีกทีด้วยค่า D/E, PE, yield กะอ่านบทวิเคราะห์ทิศทางของธุรกิจ เพราะรู้สึกว่าในเมกาเราไม่สามารถตามสินค้า หรือบริการของบริษัทที่เราลงทุนได้เลย เลยใช้วิธีนี้ ข้อเสียคือปู่แกเล่นแต่ big cap
สนใจเพราะส่วนใหญ่หุ้นในเมกา PE ยังต่ำมากๆเลยครับ (10-14เอง) เทียบกะ growth ย้อนหลัง 5 ปีที่แถวๆ 20%!!!
สนใจเพราะส่วนใหญ่หุ้นในเมกา PE ยังต่ำมากๆเลยครับ (10-14เอง) เทียบกะ growth ย้อนหลัง 5 ปีที่แถวๆ 20%!!!
-
- Verified User
- โพสต์: 6
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามซื้อหุ้นเมกา
โพสต์ที่ 26
Hold Z,TRLA,FMD for now krub.
-
- Verified User
- โพสต์: 2166
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามซื้อหุ้นเมกา
โพสต์ที่ 27
จริงๆแล้ว สินค้าหรือบริการที่เราใช้หลายๆอย่างนั้นก็มาจากบริษัทอเมริกา สิ่งที่ยากในการติดตามคือ ความเป็นไปของธุรกิจนั้นในภูมิภาคอื่นๆ แต่สิ่งเหล่านี้ก็ถูกทดแทนได้ในระดับหนึ่งจากการเปิดเผยข้อมูลที่ครบครัน
Minimize risk through an in-depth knowledge. Buy at bargain price. Wait patiently.
http://valueinvestors.wordpress.com/
http://valueinvestors.wordpress.com/
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามซื้อหุ้นเมกา
โพสต์ที่ 28
ครับ ได้มาเด้งนึงแล้วkotaro เขียน:NUS กับ HLF
วันนี้บวกแรกทั้ง 2 ตัวเลย
โดยเฉพาะ NUS ถ้านับตั้งแต่ต้นปี ตอนนี้ก็ขึ้นมา 1 เด้งแล้ว
ลงทุนเพื่อชีวิต
- kotaro
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1495
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามซื้อหุ้นเมกา
โพสต์ที่ 29
NUS วันนี้ผลประกอบการ Q3 ออกแล้วนะครับ
EPS $1.80
รายได้ในเมืองจีน โตขึ้นเยอะเลยครับ
http://ir.nuskin.com/phoenix.zhtml?c=10 ... highlight=
EPS $1.80
รายได้ในเมืองจีน โตขึ้นเยอะเลยครับ
http://ir.nuskin.com/phoenix.zhtml?c=10 ... highlight=
“Laughter is timeless. Imagination has no age. And dreams are forever.” ― Walt Disney Company