Believe it or not
-
- Verified User
- โพสต์: 176
- ผู้ติดตาม: 0
Believe it or not
โพสต์ที่ 1
บังเอิญผมไปได้ยินโมเดล ธุรกิจ อย่างหนึ่งมาเลยเอามาแชร์และถามว่าพี่ ๆ และเพื่อนๆ ในนี้ดูว่าเชื่อหรือไม่ ว่ามีธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนแบบนี้ (สนุกๆนะครับ) ผมขอสมมติว่าชื่อ บริษัท a. การดำเนินธุรกิจมีสองช่องทาง คือขาย และ ให้เช่า. นะครับ
ธุรกิจนี้ สินค้า ไม่มีเน่า ไม่มีเสีย ไม่มีวันหมดอายุ ไม่มีล้าสมัย ไม่มีตกรุ่น มีอายุได้นานตามการเก็บรักษา อาจถึง100ปี ถ้าเก็บรักษาไว้อย่างดี
ธุรกิจของ บ. a. นั้นในช่องทางขาย จะมีกำไรขั้นต้น 200-250%. และมีกำไรสุทธิ 150-180%. ส่วนช่องทางการให้เช่านั้น หากมีการเช่าค่าเช่าจะคืนทุนของสินค้าใน 6 เดือน
อัตราค่าเช่า ต่อเดือนจะเท่ากับ ราคาขายปลีก หาร 36 คือราคาค่าเช่าของสินค้านั้นๆ สินค้าสามารถให้เช่าได้ตลอด โดยไม่จำเป็นต้องผลิตสินค้าใหม่ก็ได้ แต่ถ้ามีสินค้าใหม่ก็ยิ่งดี
คราวนี้ในภาพรวมของตลาด ธุรกิจของ บ. a ในตลาดยังไม่มีใครเป็นเบอร์หนึ่ง และปัจจุบันยังไม่มีตราสินค้าเฉพาะ ของสินค้าชนิดนี้เลย สินค้าชนิดนี้น่าจะมีอยู่เกือบทุกบ้านแล้วแต่ รสนิยมด้วย
มูลค่าตลาดรวมของสินค้าชนิดนี้ ประมาณ 1000-1500 ล้านบาทต่อปี ( ไม่ทราบว่าตัวเลขนี้มาจากแหล่งไหนนะครับ แต่เค้าว่ามาอย่างนี้ ) และ ณ.ปัจจุบัน บ.a เป็น บ. ที่มีสินค้าชนิดนี้มากที่สุด และคู่แข่งในอนาคตเข้ามาลำบาก เนื่องจาก บ.a. ได้มีสัญญาการจัดจำหน่ายแต่ผู้เดียวในอาเซียน และถึงแม้จะมีคู่แข่งเข้ามาเพิ่มในตลาดก็ไม่สามารถมีสินค้าที่เหมือนกันได้อย่างเด็ดขาด
ลูกค้าส่วนใหญ่เป็น กลุ่มธุรกิจใหญ่ และมีเชน เช่น โรงแรม โรงพยาบาล และพวกกลุ่มอสังหา บ้าง
ข้อมูลคงมีแค่นี้. คราวนี้อยากจะลองถามพี่ๆ และ เพื่อน ๆ ว่า เชื่อหรือไม่ ว่ามี บริษัท a. อยู่จริง ๆ และถ้าเชื่อ คิดว่าสินค้าของ บริษัท a. คืออะไร ทายกันเล่นๆ ครับ แต่สำหรับผม ไม่ว่าผมจะเชื่อหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้จากการที่บังเอิญได้ยินเรื่องนี้คือว่า โอกาสมันยังมีอยู่เสมอในวงการธุรกิจหรือการลงทุน และหากเป็นคนที่ช่างสังเกตและมีความคิดสร้างสรร ผมว่ามันก็ทำให้เกิดโอกาสใหม่ ๆ และโมเดลธุรกิจแบบใหม่ ๆ ได้ เสมอ บางที่สิ่งของบางอย่างที่เราเห็นอยู่จนชิน มันอาจจะมี value ซ่อนอยู่ เพียงแค่เราจะสังเกตและช่างคิดสักหน่อยเราก็อาจจะค้นพบความสำเร็จได้เหมือนกัน. ผมก็ไม่ทราบหรอกนะครับว่า บริษัทa ที่ว่าอยู่ไหนหรือมีจริงมั้ย พอดีมีคนเล่าให้ฟัง แต่ยังไงก็แล้วแต่ผมยอมรับความคิดของเจ้าของไอเดียนี้ครับ. และถ้าเป็นเรื่องจริงต้องถือว่าเจ้าของไอเดียนี้สุดยอดจริงๆครับ
เดี๋ยวยังไงลองทายกันดูก่อนนะครับ แล้วไว้มาเฉลยครับ ว่าธุรกิจของบริษัทa. เค้าทำอะไรเหรอ
ธุรกิจนี้ สินค้า ไม่มีเน่า ไม่มีเสีย ไม่มีวันหมดอายุ ไม่มีล้าสมัย ไม่มีตกรุ่น มีอายุได้นานตามการเก็บรักษา อาจถึง100ปี ถ้าเก็บรักษาไว้อย่างดี
ธุรกิจของ บ. a. นั้นในช่องทางขาย จะมีกำไรขั้นต้น 200-250%. และมีกำไรสุทธิ 150-180%. ส่วนช่องทางการให้เช่านั้น หากมีการเช่าค่าเช่าจะคืนทุนของสินค้าใน 6 เดือน
อัตราค่าเช่า ต่อเดือนจะเท่ากับ ราคาขายปลีก หาร 36 คือราคาค่าเช่าของสินค้านั้นๆ สินค้าสามารถให้เช่าได้ตลอด โดยไม่จำเป็นต้องผลิตสินค้าใหม่ก็ได้ แต่ถ้ามีสินค้าใหม่ก็ยิ่งดี
คราวนี้ในภาพรวมของตลาด ธุรกิจของ บ. a ในตลาดยังไม่มีใครเป็นเบอร์หนึ่ง และปัจจุบันยังไม่มีตราสินค้าเฉพาะ ของสินค้าชนิดนี้เลย สินค้าชนิดนี้น่าจะมีอยู่เกือบทุกบ้านแล้วแต่ รสนิยมด้วย
มูลค่าตลาดรวมของสินค้าชนิดนี้ ประมาณ 1000-1500 ล้านบาทต่อปี ( ไม่ทราบว่าตัวเลขนี้มาจากแหล่งไหนนะครับ แต่เค้าว่ามาอย่างนี้ ) และ ณ.ปัจจุบัน บ.a เป็น บ. ที่มีสินค้าชนิดนี้มากที่สุด และคู่แข่งในอนาคตเข้ามาลำบาก เนื่องจาก บ.a. ได้มีสัญญาการจัดจำหน่ายแต่ผู้เดียวในอาเซียน และถึงแม้จะมีคู่แข่งเข้ามาเพิ่มในตลาดก็ไม่สามารถมีสินค้าที่เหมือนกันได้อย่างเด็ดขาด
ลูกค้าส่วนใหญ่เป็น กลุ่มธุรกิจใหญ่ และมีเชน เช่น โรงแรม โรงพยาบาล และพวกกลุ่มอสังหา บ้าง
ข้อมูลคงมีแค่นี้. คราวนี้อยากจะลองถามพี่ๆ และ เพื่อน ๆ ว่า เชื่อหรือไม่ ว่ามี บริษัท a. อยู่จริง ๆ และถ้าเชื่อ คิดว่าสินค้าของ บริษัท a. คืออะไร ทายกันเล่นๆ ครับ แต่สำหรับผม ไม่ว่าผมจะเชื่อหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้จากการที่บังเอิญได้ยินเรื่องนี้คือว่า โอกาสมันยังมีอยู่เสมอในวงการธุรกิจหรือการลงทุน และหากเป็นคนที่ช่างสังเกตและมีความคิดสร้างสรร ผมว่ามันก็ทำให้เกิดโอกาสใหม่ ๆ และโมเดลธุรกิจแบบใหม่ ๆ ได้ เสมอ บางที่สิ่งของบางอย่างที่เราเห็นอยู่จนชิน มันอาจจะมี value ซ่อนอยู่ เพียงแค่เราจะสังเกตและช่างคิดสักหน่อยเราก็อาจจะค้นพบความสำเร็จได้เหมือนกัน. ผมก็ไม่ทราบหรอกนะครับว่า บริษัทa ที่ว่าอยู่ไหนหรือมีจริงมั้ย พอดีมีคนเล่าให้ฟัง แต่ยังไงก็แล้วแต่ผมยอมรับความคิดของเจ้าของไอเดียนี้ครับ. และถ้าเป็นเรื่องจริงต้องถือว่าเจ้าของไอเดียนี้สุดยอดจริงๆครับ
เดี๋ยวยังไงลองทายกันดูก่อนนะครับ แล้วไว้มาเฉลยครับ ว่าธุรกิจของบริษัทa. เค้าทำอะไรเหรอ
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Believe it or not
โพสต์ที่ 4
ขอเหตุผลที่ลูกค้าถึงเช่าแล้วไม่ซื้อสินค้าตัวนี้เองได้ไม๊ครับ
ใบ้หน่อยว่าทำไม
ใบ้หน่อยว่าทำไม
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
-
- Verified User
- โพสต์: 176
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Believe it or not
โพสต์ที่ 5
ก็เพราะค่าเช่า เท่ากับราคาขายปลีก หารด้วย36 เพราะฉะนั้น เท่ากับ ว่าถ้าจะเช่าจนถึงราคาขายต้องเช่าตั้ง 3 ปีครับ เพราะฉะนั้นกว่าจะถึงสามปีก็เปลี่ยนเป็นสินค้าตัวอื่นไปไม่รู้กี่ชิ้นแล้วครับmultipleceilings เขียน:ขอเหตุผลที่ลูกค้าถึงเช่าแล้วไม่ซื้อสินค้าตัวนี้เองได้ไม๊ครับ
ใบ้หน่อยว่าทำไม
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Believe it or not
โพสต์ที่ 8
เอ๊ะ ทำไมผมอ่านแล้วหลุดขำ กำไรขั้นต้น 200 เปอร์เซนต์ กำไรสุทธิ150เปอร์เซนต์
หมายความว่า คุณขายของ 100 บาท คุณได้กำไรขั้นต้น200บาท กำไรสุทธิ 150 บาท
นี่เป็นมุกตลกอะไรรึป่าวครับเนี่ย
หมายความว่า คุณขายของ 100 บาท คุณได้กำไรขั้นต้น200บาท กำไรสุทธิ 150 บาท
นี่เป็นมุกตลกอะไรรึป่าวครับเนี่ย
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
-
- Verified User
- โพสต์: 176
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Believe it or not
โพสต์ที่ 9
ผมเอาคำถามที่เค้าถามผมมาเพิ่มให้เพื่อจะมีท่านใด เดาถูก( อยากเฉลยจะแย่แล้วครับ)
ตอนที่คุยกันก่อนเข้าเรื่องเค้าถามผมว่า ถ้ามีบ้านที่เพิ่งสร้างเสร็จและตกแต่งทุกอย่างรวมทั้งสวนคือพร้อมเข้าอยู่เลย หลังหนึ่ง แล้วให้ผมเดินเข้าไปแล้วลองคิดดูว่าผมอยากจะทำธุรกิจอะไรที่เกี่ยวกับบ้านหลังนี้บ้าง เค้าให้ผมเลือกหนึ่งอย่างโดยให้คิดว่าอะไรที่จะทำให้มีกำไรมากสุด อะไรที่ยังมีโอกาสที่จะเป็นเบอร์หนึ่งได้ อะไรที่ไม่มีเจ้าตลาดอย่างชัดเจน และอะไรที่คุณสมบัติของสินค้า ไม่มีตกรุ่น ไม่มีล้าสมัย ไม่มีหมดอายุ และยังมีอายุการใช้งาน เกิน 10 ปีแน่นอน.
คงไม่ต้องสงสัยนะครับว่าผมตอบว่าอะไร ผมตอบว่า มึนครับ เอามาถามเพิ่มเพื่อมีท่านใดจะคิดออก (สนุกๆกันนะครับ).
ส่วนที่บอกว่ากำไรขั้นต้นสูงมากคงเป็นสินค้าที่ขายยาก เมื่อก่อนอาจจะจริงครับ แต่เดียวนี้คงไม่และที่มี กำไรขั้นต้นที่สูงก็เพราะต้นทุนของการผลิตสินค้าชนิดนี้มีต้นทุนต่ำอยู่แล้วบวกกับวิธีคิดของเค้าจึงยิ่งทำให้ต้นทุนถูกลงอีก และราคาที่เค้าขายก็เป็นราคาในตลาดแหละครับและน่าจะถูกกว่าของที่ขายกันทั่วไปอีกด้วยครับ
ตอนที่คุยกันก่อนเข้าเรื่องเค้าถามผมว่า ถ้ามีบ้านที่เพิ่งสร้างเสร็จและตกแต่งทุกอย่างรวมทั้งสวนคือพร้อมเข้าอยู่เลย หลังหนึ่ง แล้วให้ผมเดินเข้าไปแล้วลองคิดดูว่าผมอยากจะทำธุรกิจอะไรที่เกี่ยวกับบ้านหลังนี้บ้าง เค้าให้ผมเลือกหนึ่งอย่างโดยให้คิดว่าอะไรที่จะทำให้มีกำไรมากสุด อะไรที่ยังมีโอกาสที่จะเป็นเบอร์หนึ่งได้ อะไรที่ไม่มีเจ้าตลาดอย่างชัดเจน และอะไรที่คุณสมบัติของสินค้า ไม่มีตกรุ่น ไม่มีล้าสมัย ไม่มีหมดอายุ และยังมีอายุการใช้งาน เกิน 10 ปีแน่นอน.
คงไม่ต้องสงสัยนะครับว่าผมตอบว่าอะไร ผมตอบว่า มึนครับ เอามาถามเพิ่มเพื่อมีท่านใดจะคิดออก (สนุกๆกันนะครับ).
ส่วนที่บอกว่ากำไรขั้นต้นสูงมากคงเป็นสินค้าที่ขายยาก เมื่อก่อนอาจจะจริงครับ แต่เดียวนี้คงไม่และที่มี กำไรขั้นต้นที่สูงก็เพราะต้นทุนของการผลิตสินค้าชนิดนี้มีต้นทุนต่ำอยู่แล้วบวกกับวิธีคิดของเค้าจึงยิ่งทำให้ต้นทุนถูกลงอีก และราคาที่เค้าขายก็เป็นราคาในตลาดแหละครับและน่าจะถูกกว่าของที่ขายกันทั่วไปอีกด้วยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 176
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Believe it or not
โพสต์ที่ 10
ผมไม่กล้ามีมุกหรอกครับ 55555 ตามที่เค้าว่า กำไรขั้นต้น 200-250%. นั้นยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน หักแล้วเค้าก็จะเหลือ npm. ประมาณ 150-180% ครับsakkaphan เขียน:เอ๊ะ ทำไมผมอ่านแล้วหลุดขำ กำไรขั้นต้น 200 เปอร์เซนต์ กำไรสุทธิ150เปอร์เซนต์
หมายความว่า คุณขายของ 100 บาท คุณได้กำไรขั้นต้น200บาท กำไรสุทธิ 150 บาท
นี่เป็นมุกตลกอะไรรึป่าวครับเนี่ย
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Believe it or not
โพสต์ที่ 13
แปลว่า กลุ่มบริโภค มีพฤติกรรมการเปลี่ยนสินค้านี้เป็นสินค้าตัวอื่นด้วย?ohiotour เขียน:เพราะฉะนั้นกว่าจะถึงสามปีก็เปลี่ยนเป็นสินค้าตัวอื่นไปไม่รู้กี่ชิ้นแล้วครับ
มีอายุได้นานตามการเก็บรักษา อาจถึง100ปี ตรงนี้สำคัญมาก คืออะไรหว่า 555+ ติดตรงนี้นี่หละ ขอคิดก่อนนะครับ
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Believe it or not
โพสต์ที่ 14
อืม idea ดีครับ นี่คือตั้งจากอายุการเก็บเหมือนกันใช่ไม๊ครับ 555+ มันมีต้นไม้กี่พันธ์ครับที่อยู่ได้เป็น 100 ปี (คือผมไม่ทราบ)sakkaphan เขียน:อืมมม ต้นไม้ มั้งครับ
แล้วคนจะมีการเปลี่ยนต้นไม้ก่อนครบ 3 ปี น่าคิด
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
-
- Verified User
- โพสต์: 176
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Believe it or not
โพสต์ที่ 15
ติ๊ก ต๊อก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ 55555 มึนเหมือนผมล่ะสิmultipleceilings เขียน:แปลว่า กลุ่มบริโภค มีพฤติกรรมการเปลี่ยนสินค้านี้เป็นสินค้าตัวอื่นด้วย?ohiotour เขียน:เพราะฉะนั้นกว่าจะถึงสามปีก็เปลี่ยนเป็นสินค้าตัวอื่นไปไม่รู้กี่ชิ้นแล้วครับ
มีอายุได้นานตามการเก็บรักษา อาจถึง100ปี ตรงนี้สำคัญมาก คืออะไรหว่า 555+ ติดตรงนี้นี่หละ ขอคิดก่อนนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Believe it or not
โพสต์ที่ 16
คนถามใบ้หลุดมาว่าเป็น "ชิ้น" ด้วยอะครับ งั้นคงไม่ใช่ต้นไม้มั้ง
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Believe it or not
โพสต์ที่ 19
เนื่องจาก บ.a. ได้มีสัญญาการจัดจำหน่ายแต่ผู้เดียวในอาเซียน และถึงแม้จะมีคู่แข่งเข้ามาเพิ่มในตลาดก็ไม่สามารถมีสินค้าที่เหมือนกันได้อย่างเด็ดขาดsakkaphan เขียน:ภาพวาด ปฏิทิน.... เด๋วนึกต่ออีก
ติดตรงนี้ปะครับ
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Believe it or not
โพสต์ที่ 23
ตอนนี้ผมติดตรงนี้ครับ
ในภาพรวมของตลาด ธุรกิจของ บ. a ในตลาดยังไม่มีใครเป็นเบอร์หนึ่ง
แต่
ปัจจุบัน บ.a เป็น บ. ที่มีสินค้าชนิดนี้มากที่สุด และคู่แข่งในอนาคตเข้ามาลำบาก เนื่องจาก บ.a. ได้มีสัญญาการจัดจำหน่ายแต่ผู้เดียวในอาเซียน และถึงแม้จะมีคู่แข่งเข้ามาเพิ่มในตลาดก็ไม่สามารถมีสินค้าที่เหมือนกันได้อย่างเด็ดขาด
^^ มันทำให้ผมงงๆนิดนึง แปลว่า บ. A เริ่มมาได้ไม่นานพอเลยยังไม่มีตัวเลขตลาด?
และขอบเขตของความเหมือนไม่เหมือนอยู่ที่ไหนครับ แต่ถ้าใบ้แล้วรู้เลยไม่ต้องใบ้ก็ได้ครับ
ตอนนี้ hint ที่มีหลักๆคือ มีเรื่องรสนิยมเข้ามาเกี่ยวหากเป็น household consumption..
เรื่อง ค่าเช่า = ราคาขาย / 36 ไม่ทราบตรงนี้ผู้เช่ารู้ไม๊ครับ ถ้ารู้แปลว่าเรื่อง utility life 3 ปีก็เป็นจุดขายอีกอัน เพราะต้องเป็นอะไรที่ถ้าได้รับเงื่อนไขนี้จะ win-win ผู้ให้เช่า กับ ผู้เช่า ที่หินสุดคือถ้าเงื่อนไขมันประมาณ 3 ปีเพราะฉนั้นมันขัดกันสุดๆที่ตัวสินค้ามันอยู่ทนนานเก็บได้ถึง 100 ปี.. ถ้าเห็นแบบนี้มองไม่ออกว่าทำไมต้อง "เช่า" แปลว่า ช่องโหว่คือสินค้ามันมีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยน....โดยธรรมชาติไม่ว่าจะในเชิงทำธุรกิจหรืออะไร?
กำลังคิดว่าถ้าเป็นสินค้าเกี่ยวกับการประดับก็มีความเป็นไปได้สูงเพราะธรรมชาติเป็นอะไรที่เปลี่ยนเรื่อยๆได้ แต่ก็ติดตรง "ไม่มีล้าสมัย ไม่มีตกรุ่น"................... เรื่องเก็บได้นาน ก้อต้องเป็นอะไรที่ทำมาจากวัสดุอะไรที่ทน ไม่เน่า เสีย เสื่อมสภาพ ตรงนี้ผมก็ไม่รู้หมดด้วยดิ 555 แล้วมันคงทนด้วยตัวมันเอง หรือผู้ให้เช่ามี renewal technology คงไม่ใช่เพราะดูแล้ว costing คงไม่ได้..
แถมธุรกิจหลักคือ b2b ต้องมีความ bulk consumption เข้ามาเกี่ยว
hint ที่สำคัญที่สุดคือ "ปัจจุบันยังไม่มีตราสินค้าเฉพาะ ของสินค้าชนิดนี้"
ขออีก 15 นาที แล้วผมจะยอมแล้ว 5555+
ในภาพรวมของตลาด ธุรกิจของ บ. a ในตลาดยังไม่มีใครเป็นเบอร์หนึ่ง
แต่
ปัจจุบัน บ.a เป็น บ. ที่มีสินค้าชนิดนี้มากที่สุด และคู่แข่งในอนาคตเข้ามาลำบาก เนื่องจาก บ.a. ได้มีสัญญาการจัดจำหน่ายแต่ผู้เดียวในอาเซียน และถึงแม้จะมีคู่แข่งเข้ามาเพิ่มในตลาดก็ไม่สามารถมีสินค้าที่เหมือนกันได้อย่างเด็ดขาด
^^ มันทำให้ผมงงๆนิดนึง แปลว่า บ. A เริ่มมาได้ไม่นานพอเลยยังไม่มีตัวเลขตลาด?
และขอบเขตของความเหมือนไม่เหมือนอยู่ที่ไหนครับ แต่ถ้าใบ้แล้วรู้เลยไม่ต้องใบ้ก็ได้ครับ
ตอนนี้ hint ที่มีหลักๆคือ มีเรื่องรสนิยมเข้ามาเกี่ยวหากเป็น household consumption..
เรื่อง ค่าเช่า = ราคาขาย / 36 ไม่ทราบตรงนี้ผู้เช่ารู้ไม๊ครับ ถ้ารู้แปลว่าเรื่อง utility life 3 ปีก็เป็นจุดขายอีกอัน เพราะต้องเป็นอะไรที่ถ้าได้รับเงื่อนไขนี้จะ win-win ผู้ให้เช่า กับ ผู้เช่า ที่หินสุดคือถ้าเงื่อนไขมันประมาณ 3 ปีเพราะฉนั้นมันขัดกันสุดๆที่ตัวสินค้ามันอยู่ทนนานเก็บได้ถึง 100 ปี.. ถ้าเห็นแบบนี้มองไม่ออกว่าทำไมต้อง "เช่า" แปลว่า ช่องโหว่คือสินค้ามันมีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยน....โดยธรรมชาติไม่ว่าจะในเชิงทำธุรกิจหรืออะไร?
กำลังคิดว่าถ้าเป็นสินค้าเกี่ยวกับการประดับก็มีความเป็นไปได้สูงเพราะธรรมชาติเป็นอะไรที่เปลี่ยนเรื่อยๆได้ แต่ก็ติดตรง "ไม่มีล้าสมัย ไม่มีตกรุ่น"................... เรื่องเก็บได้นาน ก้อต้องเป็นอะไรที่ทำมาจากวัสดุอะไรที่ทน ไม่เน่า เสีย เสื่อมสภาพ ตรงนี้ผมก็ไม่รู้หมดด้วยดิ 555 แล้วมันคงทนด้วยตัวมันเอง หรือผู้ให้เช่ามี renewal technology คงไม่ใช่เพราะดูแล้ว costing คงไม่ได้..
แถมธุรกิจหลักคือ b2b ต้องมีความ bulk consumption เข้ามาเกี่ยว
hint ที่สำคัญที่สุดคือ "ปัจจุบันยังไม่มีตราสินค้าเฉพาะ ของสินค้าชนิดนี้"
ขออีก 15 นาที แล้วผมจะยอมแล้ว 5555+
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
- airazoc
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 904
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Believe it or not
โพสต์ที่ 24
ผมเข้าใจว่า ใช้วิธีลงตัวเลขไม่เหมือนกันแหงๆเลยครับohiotour เขียน:ผมไม่กล้ามีมุกหรอกครับ 55555 ตามที่เค้าว่า กำไรขั้นต้น 200-250%. นั้นยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน หักแล้วเค้าก็จะเหลือ npm. ประมาณ 150-180% ครับsakkaphan เขียน:เอ๊ะ ทำไมผมอ่านแล้วหลุดขำ กำไรขั้นต้น 200 เปอร์เซนต์ กำไรสุทธิ150เปอร์เซนต์
หมายความว่า คุณขายของ 100 บาท คุณได้กำไรขั้นต้น200บาท กำไรสุทธิ 150 บาท
นี่เป็นมุกตลกอะไรรึป่าวครับเนี่ย
คือที่บอกว่า กำไรขั้นต้น 200% น่าจะหมายถึง ถ้าต้นทุน 100 จะขายที่ 300 คือ กำไร 200% ของทุน ใช่ไหมครับ
แบบนี้เวลาลงบัญชี จะถือว่า GPM 66.67% ครับ คือ ทุน 33% ของราคาขาย
เพราะ GPM และ NPM ต้องคิดเป็น % จาก revenue ดังนั้นเกิน 100% ไม่ได้นะครับ
ถ้าคิดแบบนี้ ยังมีสินค้าบางอย่างเข้าเกณฑ์พอสมควร
"In life and business, there are two cardinal sins ... The first is to act precipitously without thought, and the second is to not act at all.” – Carl Icahn
-
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Believe it or not
โพสต์ที่ 26
-เก็บรักษาดีๆอยู่ได้ 100 ปีสบายๆ ไม่มีตกรุ่น
-ถึงแม้ว่าราคาค่าเช่าจะแพงขนาด ราคาขายปลีกหาร 36 สำหรับกลุ่มธุรกิจใหญ่ๆ กลุ่มโรงแรม ก็ยังคุ้มที่จะเช่าไปวางโชว์ เพราะสามารถเปลี่ยนได้เรื่อยๆ หรือในกรณีของการซื้อ ผู้ขายจะทำกำไร 1-2 เท่าของราคาทุนก็ไม่แปลก เพราะ Turnover น่าจะต่ำพอสมควร
-ขึ้นอยู่กับรสนิยม
เดาว่าบริษัท a น่าจะได้ลิขสิทธ์ในการจัดจำหน่ายหรือให้เช่างานศิลปะมาจากที่ใดที่นึง
-ถึงแม้ว่าราคาค่าเช่าจะแพงขนาด ราคาขายปลีกหาร 36 สำหรับกลุ่มธุรกิจใหญ่ๆ กลุ่มโรงแรม ก็ยังคุ้มที่จะเช่าไปวางโชว์ เพราะสามารถเปลี่ยนได้เรื่อยๆ หรือในกรณีของการซื้อ ผู้ขายจะทำกำไร 1-2 เท่าของราคาทุนก็ไม่แปลก เพราะ Turnover น่าจะต่ำพอสมควร
-ขึ้นอยู่กับรสนิยม
เดาว่าบริษัท a น่าจะได้ลิขสิทธ์ในการจัดจำหน่ายหรือให้เช่างานศิลปะมาจากที่ใดที่นึง
-
- Verified User
- โพสต์: 176
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Believe it or not
โพสต์ที่ 27
ถูกต้องแล้วครับ เก่งมากมากเลย. ครับแต่พี่ sakkaphan ก็ถือว่าถูกนะครับ เพราะภาพวาดก็ถือเป็นงานศิลปะอย่างนึง แต่ที่น่าสนใจสำหรับผม คือผมคิดว่าเป็นโมเดลธุรกิจของเค้านะครับที่น่าสนใจและการที่ทำให้งานศิลปะมีต้นทุนที่ต่ำแต่ผลงานที่ออกมาสามารถตั้งราคาขายได้ในราคาที่สูงกว่าต้นทุนมากๆ และก็เป็นราคาที่คนทั่วไปรวมทั้งผมก็มองว่าไม่แพงหากเทียบกับที่เคยเห็นในตลาด และยังสามารถมีงานศิลปะเช่นมีภาพวาดมากถึงเกือบหมื่นภาพและมีแบบถึง 3000 แบบจนสามารถให้โรงแรมเช่าเพื่อประดับในแต่ละห้องทั้งหมดของโรงแรม และยังเปลี่ยนให้ใหม่ทุกๆ 3เดือนหรือตามฤดูกาล ได้อีกด้วย และที่แปลกคือเค้าไม่เคยวาดรูปมาก่อนหรือเคยเรียนทางด้านศิลปะมาก่อนเลยฟังแล้ว สนุกดี และได้มุมมองใหม่ๆ เดียวไว้มาเล่าให้ฟังนะครับomega เขียน:-เก็บรักษาดีๆอยู่ได้ 100 ปีสบายๆ ไม่มีตกรุ่น
-ถึงแม้ว่าราคาค่าเช่าจะแพงขนาด ราคาขายปลีกหาร 36 สำหรับกลุ่มธุรกิจใหญ่ๆ กลุ่มโรงแรม ก็ยังคุ้มที่จะเช่าไปวางโชว์ เพราะสามารถเปลี่ยนได้เรื่อยๆ หรือในกรณีของการซื้อ ผู้ขายจะทำกำไร 1-2 เท่าของราคาทุนก็ไม่แปลก เพราะ Turnover น่าจะต่ำพอสมควร
-ขึ้นอยู่กับรสนิยม
เดาว่าบริษัท a น่าจะได้ลิขสิทธ์ในการจัดจำหน่ายหรือให้เช่างานศิลปะมาจากที่ใดที่นึง
- Paul Octopus
- Verified User
- โพสต์: 798
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Believe it or not
โพสต์ที่ 28
ใช่จริงๆ ถ้าคิดเร็วๆมันไม่น่าจะทำเงินได้
แต่ถ้าคิดละเอียดๆ มันมี Opportunity มหาศาล เป็น Hidden Demand ที่ยังไม่ได้ถูก Explore .....หรือ มองดีๆ มันคือ Blue Ocean ไม่ต้องไปแข่งกับใครเลย
แต่ถ้าคิดละเอียดๆ มันมี Opportunity มหาศาล เป็น Hidden Demand ที่ยังไม่ได้ถูก Explore .....หรือ มองดีๆ มันคือ Blue Ocean ไม่ต้องไปแข่งกับใครเลย
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Believe it or not
โพสต์ที่ 29
ภาพวาด เป็นสิ่งที่ผมเคยคิดเล่นๆเหมือนกัน ว่า มันยังไม่มีตลาดอย่างจริงจัง หากทำเป็นอุตสาหกรรม มีทางเดียวคือ ให้ศิลปินวาดภาพ ออกแบบมา แล้วนำไปลงคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็ปริ้นท์ด้วยเลเซอร์ จึงจะพอทำเป็นอุตสาหกรรมได้ เพราะคงยากที่เราจะจ้างศิลปินสัก100คน แล้วให้นั่งวาดภาพไปเรื่อย กว่าจะเสร็จรูปนึงใช้เวลากี่วันกี่เดือน เดือนนึงก็ได้ไม่กี่ภาพ..... แต่ถ้าเน้นแบบpremium อาจใช้วิธีแบบหลังก็ได้มั้ง...
ที่ผมนึกออกแต่ภาพวาด เพราะนึกไม่ออกว่าจะมีงานศิลปะไหนอีก ที่คนในบ้านส่วนใหญ่ก็มี โรงแรมโรงพยาบาล หรือพวกอสังหามี นึกออกแต่ภาพวาดอะครับ
ที่ผมนึกออกแต่ภาพวาด เพราะนึกไม่ออกว่าจะมีงานศิลปะไหนอีก ที่คนในบ้านส่วนใหญ่ก็มี โรงแรมโรงพยาบาล หรือพวกอสังหามี นึกออกแต่ภาพวาดอะครับ
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง