"18 โมเดลลงทุน" เลือกให้ถูกจริตและความเสี่ยง

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
dome@perth
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4740
ผู้ติดตาม: 0

"18 โมเดลลงทุน" เลือกให้ถูกจริตและความเสี่ยง

โพสต์ที่ 1

โพสต์

"18 โมเดลลงทุน" เลือกให้ถูกจริตและความเสี่ยง

โดย : กาญจนา หงษ์ทอง
http://www.bangkokbiznews.com/

หากคุณอยากระจายการลงทุน แต่ไม่รู้จะกระจายยังไง ลองดู 18 โมเดลลงทุนที่ Fundamenatals นำเสนอ ลองดูซิว่าแบบไหนที่ถูกจริตและความเสี่ยง

จะมีวิธีการลงทุนอย่างง่ายๆ แบบไหนดีที่ทำให้กินได้นอนหลับ ทั้งที่ไม่ต้องเป็นนักลงทุนระดับเทพ ก็ลงทุนได้อย่างมั่นใจ
Fundamentals ฉบับนี้ ไม่ได้มาฟันธงว่าปีนี้ควรลงทุนในอะไรถึงจะเวิร์คที่สุด แต่เรากำลังจะมาพูดกันถึง วิธีการลงทุนบนความเป็นจริง ซึ่งเป็นแนวคิดการลงทุนที่เปิดสำหรับคนกลางๆ ทั่วไป (Average Investor) ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นคนในวงการเงิน หรือไม่จำเป็นต้องเป็นคนวงใน หรือไม่จำเป็นต้องพึ่งปากกาเซียนที่ไหน
เป็นแนวคิดการลงทุนที่ใกล้เคียง ชีวิตจริง บนพื้นฐานว่าเราไม่ได้ “เป็นคนโชคดีที่สุด” ที่เลือกการลงทุนได้สิ่งที่ดีที่สุดทุกครั้ง เพราะเราไม่ได้พยายามจะเป็นซูเปอร์แมน ที่รู้ล่วงหน้าเสมอว่าตลาดไหน ทรัพย์สินประเภทใด จะให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในปีนี้ ปีหน้า และปีต่อๆ ไป หรือบอกได้ก่อนเสมอว่าตลาดใดจะขึ้น
เพาะสัจจะธรรมในโลกการลงทุนที่ทุกคนสัมผัสได้คือ ไม่มีอะไรแน่นอน หรือไม่มีการลงทุนใดที่เป็นแชมป์ได้ตลอด
***
ปี 2010 กลุ่มการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดจากการลงทุนกลุ่มที่เราเอามาเปรียบ เทียบกัน คือ ตลาดหุ้นไทย 40.60% รองลงมาคือ ทองคำ 29.52% อสังหาริมทรัพย์และหุ้นต่างประเทศ เป็นอันดับถัดๆ มา แต่ถ้าดูปี 2009 หมวดที่ได้อันดับ 1-2-3 ก็จะต่างไปปี 2010 ปีก่อนหน้านั้น ก็ต่างกันออกไปอีก
สรุป ก็คือ การลงทุนแต่ละหมวด แต่ละประเภทผลัดกันดี ไม่ดี ขึ้นลง ในแต่ละช่วงเวลา แต่ถ้าถามทุกคน ก็คงอยากลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนอยู่บนๆ ทุกๆ ปี คงไม่มีใครอยากลงทุนในหมวดล่างๆ แต่เพราะไม่มีใครจะรู้ว่าในอนาคต หมวดไหนจะให้ผลตอบแทนมากที่สุด หมวดไหนน้อยที่สุด
O"กระจายลงทุน" สูงสุดคืนสู่สามัญ
"บุญ ชัย เกียรติธนาวิทย์" กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาตบอกว่าหลักการลงทุนโดยผสมสินทรัพย์ทุกประเภท หรือง่ายๆ ก็คือ ลงทุนหลายๆ ประเภท มากบ้างน้อยบ้าง เราก็จะได้ พอร์ตการลงทุนที่มีความหลากหลาย และผลตอบแทนไม่ต่ำสุดแน่นอน วิธีการนี้ก็คือ “การกระจายการลงทุน” หรือ Asset Allocation
"สูงสุด คืนสู่สามัญ คือ ไม่ต้องเก็ง ว่าลงทุนในอะไรจะดีที่สุดปีนี้ แต่ ผสมหลายๆ ประเภท แต่อย่าเพิ่งเข้าใจว่า การกระจายการลงทุน คือ การแบ่งลงทุนในสินทรัพย์หลายๆ ประเภท เช่น ซื้อหุ้นไทยกลุ่มธนาคาร แล้วไปซื้อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มบริการ กลุ่มโรงแรม ก็ถือว่ากระจายการลงทุนแล้ว หรือซื้อหุ้นไทย แล้วไปซื้อหุ้นนอก ซื้อหุ้น ยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น หรือ BRIC อย่างที่กำลังฮิตกันในปัจจุบัน ถือว่ากระจายการลงทุนแล้ว คงจำกันได้ดี เมื่อปี 2008 วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ หุ้นไทยทั้งกระดาน จะพื้นฐานดีขนาดไหน กลุ่มไหน ก็ลงทุกตัว ถ้าเรากระจายกลุ่มการลงทุนดังข้างต้น เราก็คงไม่รอดพ้นความเสียหายใช่ไหม อย่างนี้หรือที่บอก กระจายการลงทุนแล้วดี หรือในปีนั้นอีกเช่นกัน หุ้นไทยก็ตก หุ้นนอกก็ตก สรุปเวลาหุ้นประเทศหนึ่งได้รับผลกระทบ ก็อาจพาลไปกระทบหุ้นของประเทศอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะในช่วงผิดปกติอย่างรุนแรง เช่น เกิดวิกฤติเศรษฐกิจที่กระทบหลายภูมิภาคในโลกเป็นลูกโซ่ "
ดังนั้น การกระจายการลงทุนที่ดี จึงไม่ควรไปลงทุนกระจุกอยู่ในสินทรัพย์ที่เมื่อดีก็ดีไปพร้อมๆ กัน หรือแย่ก็แย่ไปพร้อมๆ กัน เพราะต่อให้กระจายหลายๆ กลุ่ม หลายๆ ประเทศ เวลาแย่ ก็แย่เหมือนกันๆ
การกระจายการลงทุน ต้องกระจายไปหาสินทรัพย์ที่ไม่มีความสัมพันธ์กัน ตรงกันข้ามกันก็ยิ่งดี เวลาสินทรัพย์หนึ่งไม่ดี เช่น A อีกตัวหนึ่ง ดี เช่น B ถ้าเรามีสองสินทรัพย์นี้ ในพอร์ตการลงทุนของเรา ผลตอบแทนสุทธิจากการหักกลบทั้งสองสินทรัพย์ เราก็จะได้ผลตอบแทนที่ไม่แย่นัก
"การผสมการลงทุนต้องเลือกลงทุนคละกัน เพื่อให้เวลาสินทรัพย์หนึ่งไม่ดี แต่ยังมีสินทรัพย์อีกประเภทหนึ่งดี คอยดึงไว้ไม่ให้ทั้งพอร์ตของคุณเสียหายไปทั้งหมด"
เมื่อเร็วๆ บลจ.ธนชาต ได้เปิดตัว Asset Allocation Model ของ บลจ.ธนชาต อย่างเป็นทางการ เนื้อหาสาระและพอร์ตที่แนะนำ น่าจะเป็นการตอบโจทย์ของทุกท่านได้ว่า ผสมอะไร อย่างไร และผสมแล้วน่าจะดี
บลจ.ธนชาต ได้สรุปไว้ว่า หลักทั่วไป เพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้น การลงทุนอาจแบ่งเป็นหลายประเภทของสินทรัพย์ (asset classes) ถ้าแบ่งแบบกว้าง ก็มี 6 ประเภท เรียงจากทรัพย์สินความเสี่ยงน้อย ไปหากมาก ได้แก่
1.หมวดใกล้เคียงเงิน สด หรือพวกที่ซื้อขายได้ทุกวัน ลงทุนในตราสารหนี้อายุสั้นๆ เช่น กองทุนตลาดเงิน 2.ตราสารหนี้ในประเทศ 3.ตราสารหนี้ต่างประเทศ 4.หุ้นในประเทศ 5.หุ้นต่างประเทศ 6.การลงทุนทางเลือก เช่น ทองคำ หรือสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ
บลจ.ธนชาต ได้ทดสอบจากข้อมูลในช่วงเวลาประมาณ 3 ปี (ธ.ค. 2007 ถึง พ.ค. 2011) และสรุปเป็นข้อเสนอในการผสมการลงทุน 3 ซีรีส์ แต่ละซีรีส์มีการผสมการลงทุนที่ต่างกัน 6 แบบ ไล่ตั้งแต่มีระดับความเสี่ยงต่ำ ไปจนถึงสูงที่สุด โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อกระจายความเสี่ยงโดยรวม และมีหลักการที่ว่า การผสมการลงทุนในทุนในทรัพย์สินหลายๆ ประเภท ที่เคลื่อนไหวขึ้นลงไม่ไปทางเดียวกันพร้อมกันนัก หรือ ไม่ขึ้นแรงลงแรงพร้อมๆ กัน จะช่วยพยุงให้การลงทุนโดยรวมทั้งหมดแกว่งตัวน้อยลง หรือช่วยกระจายและลดความเสี่ยงของการลงทุนทั้งหมดนั่นเอง

Oสำรวจความเสี่ยงก่อนผสม
ทั้งนี้ แผนกลยุทธ์ลงทุน วิธีการผสมการลงทุน 3 ซีรีส์ ที่ว่านี้ คือ ซีรีส์ที่ 1 ลงทุนในประเทศไทยอย่างเดียว ซีรีส์ที่ 2 ลงทุนในประเทศไทย + ทองคำ ซีรีส์ที่ 3 ลงทุนในประเทศไทย + ลงทุนในต่างประเทศ + ทองคำ
เหตุผลที่ ว่า ทำไมต้องแบ่งเป็น 3 ซีรีส์ ก็เนื่องจาก ผู้ลงทุนมีหลายลักษณะ บางท่านบางกลุ่ม ก็ชอบลงทุนเฉพาะในบ้านเราไม่อยากไปไหน ไม่ชอบลงทุนต่างบ้านต่างเมือง ไม่ชอบทองคำ ขณะที่บางท่าน มองทองคำ เป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ น่ามีไว้บ้างในพอร์ตการลงทุน บางท่านกลับมองต่างมุมว่า การลงทุนในประเทศ เสี่ยงกว่าต่างประเทศ ชอบที่จะกระจายการลงทุนไปประเทศอื่นๆ ด้วย เพื่อไม่ให้กระจุกตัวอยู่ในเมืองไทยที่ตลาดยังเล็ก หลากหลายมุมมองของผู้ลงทุน เลยเป็นที่มาของการจัดพอร์ต 3 รูปแบบ ให้เลือกลงทุนได้ตามรสนิยม
อย่างไรก็ตาม พอร์ตที่ บลจ.ธนชาต นำเสนอได้แบ่งผู้ลงทุนออกเป็น 6 กลุ่ม โดยประเมินจากแบบประเมินที่ผู้ลงทุนต้องกรอกตามแบบประเมินความเสี่ยงที่ต้อง ตอบเวลาซื้อกองทุนรวมในปัจจุบัน ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด
ก่อนอื่น ให้ข้อมูลก่อนว่า เมื่อผู้ลงทุนทำแบบสอบถามผู้ลงทุน ซึ่งหาทำได้ตามธนาคารที่จำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนรวม หรือ บลจ. ทุกแห่ง สรุปคะแนนออกมา ผู้ลงทุน จะมีคะแนน ตกอยู่ได้ ใน 5 ประเภท แต่ธนชาตเพิ่ม กลุ่มคะแนนต่ำพิเศษ มา คือ 10-12 ดังนี้
1.ผู้ลงทุนกลุ่มคะแนน 10-12 (ความเสี่ยงต่ำมาก)
2.ผู้ลงทุนกลุ่มคะแนน 13-14 (ความเสี่ยงต่ำ)
3.ผู้ลงทุนกลุ่มคะแนน 15-21 (ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ)
4.ผู้ลงทุนกลุ่มคะแนน 22-29 (ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง)
5.ผู้ลงทุนกลุ่มคะแนน 30-36 (ความเสี่ยงสูง)
6.ผู้ลงทุนกลุ่มคะแนนตั้งแค่ 37 ขึ้นไป (ความเสี่ยงสูงมาก)
หาก จะวิเคราะห์ผู้ลงทุนทั้ง 6 ประเภท ก็ต้องบอกว่ากลุ่มแรก ที่เรียกว่ากลุ่มเสี่ยงต่ำ หรือไม่กล้าเสี่ยงก็ว่าได้ กลุ่มนี้ ถ้าจะเรียกง่ายๆ คือ หนักไม่เอา เบาไม่สู้ ขอแค่นี้แหละ เซฟๆ กลุ่มนี้ก็จะไม่คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนมากนัก เอาแบบลงทุนแล้วไม่ผันผวนมาก ไม่อยากตื่นเต้น โดยทั่วไป เรามักจะเห็นผู้สูงอายุ มักจะอยู่ในกลุ่มนี้กัน
กลุ่มสุดท้าย เป็นกลุ่มที่กล้าลงทุน รับความผันผวนได้ ด้วยเชื่อว่า ในระยะยาวมันจะกลับมาสู่ที่เดิม และดีเหมือนเดิม กลุ่มนี้จึงไม่ค่อยหวั่นไหวกับความผันผวนช่วงสั้นๆ รับขาดทุนในช่วงสั้นๆ ได้ กลุ่มนี้เชื่อว่า หากจะหวังผลตอบแทนเยอะๆ ต้องกล้าลงทุน โดยทั่วไป เรามักจะเห็นผู้ลงทุนอายุน้อยๆ หรือผู้ที่อยู่ในวงการการเงิน วงการตลาดทุนส่วนใหญ่ มักจะอยู่ในกลุ่มนี้กัน
หัวใจสำคัญคือ บลจ.ธนชาต แนะนำให้ผสมการลงทุน โดยยึดหลัก 1.กระจายการลงทุนในทรัพย์สินที่มีการเคลื่อนไหวขึ้นลงไม่ไปทางเดียวกันหรือ พร้อมกันนัก หรือไม่ขึ้นแรง ลงแรงพร้อมกัน และ 2.เมื่อเวลาผ่านไป อย่าลืมการปรับน้ำหนักการลงทุน (Rebalance) กลับมาที่ระดับเดิม เพราะกลุ่มที่กำไรจะปูดเพิ่มสัดส่วนขึ้น กลุ่มที่ขาดทุนสัดส่วนจะลดลง การ Rebalance เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยสร้างวินัยในการซื้อถูก-ขายแพง
สำ หรับพอร์ตที่ บลจ.ธนชาต นำเสนอ บลจ.ธนชาต แบ่งผู้ลงทุนออกเป็น 6 กลุ่ม โดยประเมินจากแบบประเมินที่ผู้ลงทุนต้องกรอกตามแบบประเมินความเสี่ยงที่ต้อง ตอบเวลาซื้อกองทุนรวมในปัจจุบัน ตามที่กฎของธุรกิจกองทุนรวมกำหนด ส่วนการจัดสรรการลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ต่างๆ ของผู้ลงทุนที่มีความเสี่ยง 6 ระดับ บลจ.ธนชาต เสนอการจัดสรรการลงทุนทั้งหมด 18 รูปแบบ โดยกำหนดกรอบความเสี่ยงเป็น 6 ระดับให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงของผู้ลงทุน
ความเสี่ยงจากการลง ทุน หมายถึงความไม่แน่นอนที่จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนตามที่คาดไว้ การวัดค่าความเสี่ยงในที่นี้จึงเป็นการวัด ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Standard Deviation (S.D.) ของอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน อันเป็นค่าที่บ่งถึงระดับของโอกาสที่จะไม่ได้รับอัตราผลตอบแทนตามที่คาดไว้
S.D.จะบอกถึงความไม่แน่นอนของผลตอบแทน ยิ่ง S.D. สูง ก็คือ ความเสี่ยงจะสูงขึ้น

Oลงทุนในไทยเท่านั้น
สำหรับ ผู้ลงทุนทั้ง 6 ระดับความเสี่ยง ตั้งแต่ยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำมาก จนถึงความเสี่ยงสูงมาก บลจ.ธนชาต เสนอการจัดสรรการลงทุนที่ลงทุนในประเทศเท่านั้น 6 รูปแบบ สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงของผู้ลงทุน
1.ความเสี่ยงต่ำมาก ลงทุนในประเทศเท่านั้น
“ความ เสี่ยงต่ำมาก” นี้ การจัดสรรการลงทุน จะคุมในระดับความเสี่ยง ซึ่งเราวัดจากค่า “ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน หรือ Standard Deviation (S.D.)” อยู่ในช่วงประมาณ 1-2% การผสมการลงทุนจะประกอบไปด้วย การลงทุนในกองทุนตลาดเงิน ประมาณ 63% + กองทุนตราสารหนี้ไทย 33% + กองทุนหุ้นไทย 4%
จากการคำนวณย้อนหลังโดยใช้ ข้อมูล ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2007 ถึง 5 มิถุนายน 2011 รูปแบบการจัดสรรการลงทุนแบบ นี้ ที่ผ่านมาจะได้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 2.69% ย้อนหลัง 3 ปี 2.63%
2.ความเสี่ยงต่ำ ลงทุนในประเทศเท่านั้น
“ความ เสี่ยงต่ำ” นี้ การจัดสรรการลงทุน จะคุมในระดับความเสี่ยง ซึ่งเราวัดจากค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน อยู่ในช่วงประมาณ 2-5% การผสมการลงทุนจะเริ่มไม่ลงทุนในกองทุนตลาดเงินแล้ว แต่จะเพิ่ม การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ไทย เป็น 83% + กองทุนหุ้นไทย 17% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 7.21% ย้อนหลัง 3 ปี 5.13%
3.ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ ลงทุนในประเทศเท่านั้น
ระดับ ความเสี่ยง ซึ่งเราวัดจากค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน อยู่ในช่วงประมาณ 5-8% ระดับความเสี่ยงนี้ เพิ่มการลงทุนในกองทุนหุ้นขึ้น โดยลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ไทย 70% + กองทุนหุ้นไทย 30% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 12.39% ย้อนหลัง 3 ปี 6.82%
4.ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง ลงทุนในประเทศเท่านั้น
ระดับ ความเสี่ยง ซึ่งเราวัดจากค่า ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน อยู่ในช่วงประมาณ 8-12% เพิ่มการลงทุนในกองทุนหุ้น ขึ้นเป็น 43% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 17.5% ย้อนหลัง 3 ปี 8.3%
5.ความเสี่ยงสูง ลงทุนในประเทศเท่านั้น
ระดับ ความเสี่ยง ซึ่งเราวัดจากค่า ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน อยู่ในช่วงประมาณ 12-16% เพิ่มการลงทุนในกองทุนหุ้น ขึ้นเป็น 65% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 26.2% ย้อนหลัง 3 ปี 10.5%
6.ความเสี่ยงสูงมาก ลงทุนในประเทศเท่านั้น
ระดับ ความเสี่ยง ซึ่งเราวัดจากค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สูงกว่า 16% ขึ้นไป เพิ่มการลงทุนในกองทุนหุ้น ขึ้นเป็น 78% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 31.5% ย้อนหลัง 3 ปี 11.5%

Oลงทุนในประเทศ&ทองคำ
สำหรับผู้ลงทุนที่ชื่นชอบทองคำ และต้องการผสมการลงทุนในทองคำเข้ามาด้วย แต่การลงทุนส่วนอื่น ยังคงต้องการลงทุนในประเทศไทยเท่านั้น ถ้าเป็นแนวนี้ บลจ.ธนชาต ได้ทำออกมา 6 รูปแบบการจัดสรรการลงทุน ครบ 6 ระดับความเสี่ยง ดังนี้
1.ความเสี่ยงต่ำมาก ลงทุนในประเทศ+ทองคำ
นอก จากการลงทุนในประเทศแล้ว จะเริ่มผสมการลงทุนในทองคำเข้ามา โดยจัดสรรการลงทุนที่เสนอ คือ กองทุนตลาดเงิน 66% + กองทุนตราสารหนี้ไทย 28% + กองทุนหุ้นไทย 3% + กองทุนทองคำ 3% คำนวณผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 3.01% ย้อนหลัง 3 ปี 2.95%
2.ความเสี่ยงต่ำ ลงทุนในประเทศ + ทองคำ
การ จัดสรรการลงทุนที่เสนอ จะเริ่มไม่ลงทุนในกองทุนตลาดเงินซึ่งความเสี่ยงต่ำมาก และผลตอบแทนก็ต่ำเช่นกัน โดยจะไปเพิ่มด้านตราสารหนี้ หุ้น และทองคำ แทน คือ กองทุนตราสารหนี้ไทย 79% + กองทุนหุ้นไทย 16% + กองทุนทองคำ 5% คำนวณผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 8.12% ย้อนหลัง 3 ปี 5.85%
3.ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ ลงทุนในประเทศ + ทองคำ
เริ่ม ลดการลงทุนในตราสารหนี้ไทย และไปเพิ่มการลงทุนในหุ้นและทองคำ จัดสรรเงินลงกองทุนตราสารหนี้ไทย 62% + กองทุนหุ้นไทย 28% + กองทุนทองคำ 10% คำนวณผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 14.13% ย้อนหลัง 3 ปี 8.21%
4.ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง ลงทุนในประเทศ + ทองคำ
เพิ่ม การลงทุนในหุ้นไทยและทองมากกว่าเดิม ลงกองทุนตราสารหนี้ไทย 45% + กองทุนหุ้นไทย 40% + กองทุนทองคำ 15% คำนวณผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 20.1% ย้อนหลัง 3 ปี 10.4%
5.ความเสี่ยงสูง ลงทุนในประเทศ + ทองคำ
ปรับ เพิ่มการลงทุนในหุ้นไทยและทอง ลดตราสารหนี้ไทยลง โดยลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ไทย 19% + กองทุนหุ้นไทย 61% + กองทุนทองคำ 20%คำนวณผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 30% ย้อนหลัง 3 ปี 13.2%
6.ความเสี่ยงสูงมาก ลงทุนในประเทศ + ทองคำ
เน้น ลงทุนในหุ้นเพิ่มขึ้น โดยลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ไทย 6% + กองทุนหุ้นไทย 74% + กองทุนทองคำ 20% คำนวณผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 35.5% ย้อนหลัง 3 ปี 14.3%

Oลงทุนใน&ต่างประเทศ-ทองคำ
สำหรับผู้ลงทุนบางกลุ่ม การลงทุนในต่างประเทศไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่กลัว และอยากลงเพราะเห็นเป็นโอกาสที่แตกต่างจากบ้านเรา บลจ.ธนชาต จึงเสนอการผสมการลงทุนอีกซีรีส์หนึ่ง ผสมการลงทุนในประเทศ + ต่างประเทศ + ทองคำ โดยผสมออกมาเป็น 6 ระดับความเสี่ยงอีกเช่นกัน

1. ความเสี่ยงต่ำมาก ลงทุนใน&ต่างประเทศ+ทองคำ
ซี รีส์นี้จะเริ่มผสมการลงทุนในต่างประเทศเข้าไปด้วย โดยผสมกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศเพิ่มเข้ามา การจัดสรรการลงทุนที่เสนอ คือ กองทุนตลาดเงิน 68% + กองทุนตราสารหนี้ไทย 22%
กองทุนหุ้นไทย 2% + กองทุนทองคำ 3% + กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ 5% คำนวณผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 3.06% ย้อนหลัง 3 ปี 3.10%
2.ความเสี่ยงต่ำ ลงทุนใน&ต่างประเทศ + ทองคำ
การ จัดสรรการลงทุนที่เสนอ คือ กองทุนตลาดเงิน 21% + กองทุนตราสารหนี้ไทย 35%+ กองทุนหุ้นไทย 6% + กองทุนทองคำ 5% + กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ 30% + กองทุนหุ้นต่างประเทศ 3% คำนวณผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 8.16% ย้อนหลัง 3 ปี 6.71%
3.ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ ลงทุนใน&ต่างประเทศ + ทองคำ
เริ่ม ไม่ลงทุนในกองทุนตลาดเงินที่ความเสี่ยงต่ำมากและผลตอบแทนก็ต่ำเช่นกัน โดยนำเงินไปลงทุนด้านอื่นแทน กองทุนตราสารหนี้ไทย 29% กองทุนหุ้นไทย 12% + กองทุนทองคำ 10% + กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ 39% + กองทุนหุ้นต่างประเทศ 10% คำนวณผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 13.85% ย้อนหลัง 3 ปี 9.11%

4.ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง ลงทุนใน&ต่างประเทศ+ทองคำ

การจัดสรรที่เสนอ คือ กองทุนตราสารหนี้ไทย 6% กองทุนหุ้นไทย 15% + กองทุนทองคำ 15% + กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ 45% + กองทุนหุ้นต่างประเทศ (ลงทุนทั่วโลก) 14% +กองทุนหุ้นต่างประเทศ (เน้นเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นหลักของเศรษฐกิจโลกและทรัพยากรธรรมชาติ ) 5% คำนวณผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 19% ย้อนหลัง 3 ปี 10.7%

5.ความเสี่ยงสูง ลงทุนใน&ต่างประเทศ+ทองคำ

ระดับความเสี่ยงสูงนี้ เริ่มไม่ลงทุนในตราสารหนี้ไทย และลดการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ แต่เพิ่มการลงทุนในหุ้นไทย หุ้นเทศ และทองคำแทน การจัดสรรที่เสนอ คือ กองทุนหุ้นไทย 35% + กองทุนทองคำ 20% + กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ 13% + กองทุนหุ้นต่างประเทศ (ลงทุนทั่วโลก) 20% +กองทุนหุ้นต่างประเทศ (เน้นเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นหลักของเศรษฐกิจโลกและทรัพยากรธรรมชาติ ) 7% +กองทุนหุ้นต่างประเทศ (เน้นกลุ่มสินค้า high end) 5% คำนวณผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 29.1% ย้อนหลัง 3 ปี 10.8%

6.ความเสี่ยงสูงมาก ลงทุนใน&ต่างประเทศ + ทองคำ

ไม่มีการลงทุนในตราสารหนี้ทั้งไทยและเทศเลย เน้นหุ้นไทย หุ้นเทศ การจัดสรรที่เสนอ คือ กองทุนหุ้นไทย 45% + กองทุนทองคำ 11% + กองทุนหุ้นต่างประเทศ(ลงทุนทั่วโลก) 25% +กองทุนหุ้นต่างประเทศ (เน้นเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นหลักของเศรษฐกิจโลกและทรัพยากรธรรมชาติ ) 12% +กองทุนหุ้นต่างประเทศ ต่างประเทศ (เน้นกลุ่มสินค้า high end) 7% คำนวณผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 32.6% ย้อนหลัง 3 ปี 8.8%

"แผนกลยุทธ์ลงทุนข้อเสนอการผสมการลงทุน 3 ซีรีส์ 18 รูปแบบ ไม่ใช่สูตรบังคับว่าต้องทำจึงจะสำเร็จ แต่เป็นวิธีการลงทุนที่ บลจ.ธนชาต พยายามทำให้ง่ายขึ้น เข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าเงินเล็ก เงินใหญ่ หลักหมื่น หรือหลักล้าน รวมถึงคนที่ทำการกระจายการลงทุนอยู่แล้ว อาจนำเอาข้อเสนอของ บลจ.ธนชาต ทั้ง 18 รูปแบบนี้ ลองเปรียบเทียบกับการลงทุนในปัจจุบัน ว่าต้องการจะปรับเปลี่ยนหรือคงไว้อย่างเดิม"
หากคุณคือนักลงทุนคนหนึ่งที่ตั้งใจว่าจะ"กระจายการลงทุน" แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ลองพิจารณาโมเดลเหล่านี้ดูไว้เป็นทางเลือก
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง
"
โพสต์โพสต์