กองทุนกินลม
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
กองทุนกินลม
โพสต์ที่ 1
ตอนนี้ข่าวในวงการการเงินและการลงทุนคงหนีไม่พ้นการก่อตั้งกองทุนกินลม(วายุภักษ์แปลว่านกกินลม :lol: )ของท่านแม้ว บางกระแสก็บอกว่าดีทำให้ตลาดมีเสถียรภาพ บางกระแสก็บอกว่าเป็นการหาเงินเข้ากระเป๋ามากกว่า ไม่ทราบว่ามีความเห็นกับเรื่องนี้ว่าอย่างไรกันบ้างครับ
แก้ไขล่าสุดโดย M149 เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 30, 2003 3:29 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
กองทุนกินลม
โพสต์ที่ 2
เห็นจะตั้งกองทุนกันมาตั้งหลายปีดีดัก ไม่เห็นสำเร็จสักครั้ง
ผมว่าถ้าสำเร็จก็เตรียมพบกับความปั่นป่วนทางการเงินระลอกใหม่ มันจะสะเทือนไปหมดครับ ทั้งแบงก์ใหญ่ แบงก์เล็ก รายย่อย ต่างชาติ
วายุภักษ์แปลว่านกกินลมครับ (จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน) น่าจะแปลว่าเครื่องบินไอพ่นนะ ถ้างั้น
ผมว่าถ้าสำเร็จก็เตรียมพบกับความปั่นป่วนทางการเงินระลอกใหม่ มันจะสะเทือนไปหมดครับ ทั้งแบงก์ใหญ่ แบงก์เล็ก รายย่อย ต่างชาติ
วายุภักษ์แปลว่านกกินลมครับ (จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน) น่าจะแปลว่าเครื่องบินไอพ่นนะ ถ้างั้น
- tk
- Verified User
- โพสต์: 343
- ผู้ติดตาม: 0
กองทุนกินลม
โพสต์ที่ 3
ส่วนหนึ่งจากไทยรัฐ "หมายเหตุประเทศไทยครับ"
อย่างนี้ค่อยน่าลงทุน
วันพฤหัสบดีที่แล้ว ผมเขียนถึง "กองทุนรวมวายุภักษ์" ที่ผมเรียกว่า "กองทุนรวมนกกินลม" ตามชื่อนกที่เอามาตั้งเป็นชื่อ วงเงิน 100,000 ล้านบาท ของกระทรวงการคลัง ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ตั้งขึ้นมา แก้ปัญหาการลงทุนของภาครัฐแทนกระทรวงการคลัง และให้เป็นทางเลือกการออมของประชาชน
ผมแสดงความเห็นว่า เป็นกองทุนที่มีเป้าหมายการลงทุนแคบและ "เสี่ยง" เกินไป และให้คำแนะนำว่า ไม่เหมาะกับประชาชน ที่ต้องการหาทางเลือกในการออม
วันนี้ ผมคงต้องเปลี่ยนคำแนะนำใหม่แล้ว เพราะหลังจากที่ นายกฯทักษิณ ชินวัตร ได้หารือกับ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รัฐมนตรีคลัง ผู้ว่าการแบงก์ชาติ สำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของกองทุนวายุภักษ์ไปจากเดิม
กล่าวคือ มีการแบ่งกองทุนรวมวายุภักษ์ออกเป็น 2 กองทุน ที่มี "ความเสี่ยง" ในการลงทุนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 วงเงิน 100,000 ล้านบาท จะเป็นกองทุนรวมที่มีเป้าหมายให้ประชาชนทั่วไป มูลนิธิ และสมาคมต่างๆ เข้ามาซื้อหน่วยลงทุนขั้นต่ำตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป โดย รัฐบาลจะค้ำประกันเงินต้น และค้ำประกันผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย ในอัตราตายตัวที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร เพื่อให้เป็นกองทุนที่ "ไม่มีความเสี่ยง" จะได้เป็น "ทางเลือกการออม" ของประชาชนในยุคดอกเบี้ยต่ำ อย่างที่ผมได้ท้วงติงไปในบทความ
กองทุนรวมนี้มีอายุ 10 ปี แต่สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ในตลาดหลักทรัพย์ฯ
เงินที่ได้จากการระดมทุน จะนำไปลงทุนในรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังมีสิทธิในการถือหุ้น โดยจะจ้างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเป็นผู้บริหารกองทุน
เมื่อเป็นอย่างนี้ ผมก็คงต้อง "เปลี่ยนคำแนะนำ" จาก "ไม่น่าลงทุน" เป็น "น่าลงทุน" เพราะวันนี้ กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ได้กลายเป็นกองทุนที่ "ไม่มีความเสี่ยง" โดยสิ้นเชิง เพราะรัฐบาลค้ำประกันทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย
ส่วนกองทุนรวมวายุภักษ์ 2 ไม่มีการกำหนดขนาดวงเงินของกองทุน แต่กระทรวงการคลังจะร่วมถือหุ้นร้อยละ 30 เป็นกองทุนที่ "มีความเสี่ยง" เพราะไม่มีการค้ำประกันผลตอบแทน แต่จะใช้วิธีแบ่งปันผลประโยชน์จากการลงทุนร่วมกับรัฐบาล ซึ่งจะขายหน่วยลงทุนให้กับนักลงทุนที่เป็นสถาบัน วงเงินขั้นต่ำ 5 ล้านบาทขึ้นไป
กองทุนรวมวายุภักษ์ 2 จะทำหน้าที่แทนกระทรวงการคลังในการเข้าไปซื้อหุ้นหรือร่วมทุน ในรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังมีสิทธิ ทั้งในตลาดหลักทรัพย์ฯและนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อช่วยเหลือให้รัฐวิสาหกิจแห่งนั้นๆสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้
แต่ในช่วงนี้น่าจะเรียกว่าเป็น "กองทุนรวมอุ้มบางจากและทหารไทย" ไปพลางๆก่อนก็คงไม่ผิดนัก เพราะเป็น 2 บริษัทแรกที่กระทรวงการคลังจะต้องนำเงินไปเพิ่มทุนรวมหลายหมื่นล้านบาทในเร็วๆนี้
เมื่อดูจาก "สภาพคล่อง" ทางการเงินในระบบธนาคารพาณิชย์ ที่ยังมีล้นระบบอยู่ประมาณ 6 แสนล้านบาท กองทุนแสนกว่าล้านบาทที่ออกมา ผมคิดว่าคงไม่สามารถแก้ปัญหาสภาพคล่องล้นระบบที่เป็นปัญหาได้ เพราะเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ของเงินเท่านั้น แต่ไม่ได้มีการลงทุนที่แท้จริงเกิดขึ้น
แต่อย่างน้อยก็ช่วยทำให้ผู้ฝากเงินมีความรู้สึกที่ดีขึ้น เพราะได้ดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากธนาคาร
ในอนาคตถ้าหากผลประกอบการของกองทุนรวมดี เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง ผลตอบแทนการลงทุนของกองทุนดีขึ้น ผมว่ารัฐบาลน่าจะประกาศทิศทางกองทุนให้ชัดเจนว่า เมื่อกองทุนมีกำไรดีขึ้น จะจ่ายดอกเบี้ยให้สูงขึ้น ผมรับรองว่าประชาชนและ มูลนิธิทั้งหลาย จะแย่งกันซื้อกองทุนนี้หมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็วแน่นอน.
"ลม เปลี่ยนทิศ"
อย่างนี้ค่อยน่าลงทุน
วันพฤหัสบดีที่แล้ว ผมเขียนถึง "กองทุนรวมวายุภักษ์" ที่ผมเรียกว่า "กองทุนรวมนกกินลม" ตามชื่อนกที่เอามาตั้งเป็นชื่อ วงเงิน 100,000 ล้านบาท ของกระทรวงการคลัง ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ตั้งขึ้นมา แก้ปัญหาการลงทุนของภาครัฐแทนกระทรวงการคลัง และให้เป็นทางเลือกการออมของประชาชน
ผมแสดงความเห็นว่า เป็นกองทุนที่มีเป้าหมายการลงทุนแคบและ "เสี่ยง" เกินไป และให้คำแนะนำว่า ไม่เหมาะกับประชาชน ที่ต้องการหาทางเลือกในการออม
วันนี้ ผมคงต้องเปลี่ยนคำแนะนำใหม่แล้ว เพราะหลังจากที่ นายกฯทักษิณ ชินวัตร ได้หารือกับ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รัฐมนตรีคลัง ผู้ว่าการแบงก์ชาติ สำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของกองทุนวายุภักษ์ไปจากเดิม
กล่าวคือ มีการแบ่งกองทุนรวมวายุภักษ์ออกเป็น 2 กองทุน ที่มี "ความเสี่ยง" ในการลงทุนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 วงเงิน 100,000 ล้านบาท จะเป็นกองทุนรวมที่มีเป้าหมายให้ประชาชนทั่วไป มูลนิธิ และสมาคมต่างๆ เข้ามาซื้อหน่วยลงทุนขั้นต่ำตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป โดย รัฐบาลจะค้ำประกันเงินต้น และค้ำประกันผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย ในอัตราตายตัวที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร เพื่อให้เป็นกองทุนที่ "ไม่มีความเสี่ยง" จะได้เป็น "ทางเลือกการออม" ของประชาชนในยุคดอกเบี้ยต่ำ อย่างที่ผมได้ท้วงติงไปในบทความ
กองทุนรวมนี้มีอายุ 10 ปี แต่สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ในตลาดหลักทรัพย์ฯ
เงินที่ได้จากการระดมทุน จะนำไปลงทุนในรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังมีสิทธิในการถือหุ้น โดยจะจ้างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเป็นผู้บริหารกองทุน
เมื่อเป็นอย่างนี้ ผมก็คงต้อง "เปลี่ยนคำแนะนำ" จาก "ไม่น่าลงทุน" เป็น "น่าลงทุน" เพราะวันนี้ กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ได้กลายเป็นกองทุนที่ "ไม่มีความเสี่ยง" โดยสิ้นเชิง เพราะรัฐบาลค้ำประกันทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย
ส่วนกองทุนรวมวายุภักษ์ 2 ไม่มีการกำหนดขนาดวงเงินของกองทุน แต่กระทรวงการคลังจะร่วมถือหุ้นร้อยละ 30 เป็นกองทุนที่ "มีความเสี่ยง" เพราะไม่มีการค้ำประกันผลตอบแทน แต่จะใช้วิธีแบ่งปันผลประโยชน์จากการลงทุนร่วมกับรัฐบาล ซึ่งจะขายหน่วยลงทุนให้กับนักลงทุนที่เป็นสถาบัน วงเงินขั้นต่ำ 5 ล้านบาทขึ้นไป
กองทุนรวมวายุภักษ์ 2 จะทำหน้าที่แทนกระทรวงการคลังในการเข้าไปซื้อหุ้นหรือร่วมทุน ในรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังมีสิทธิ ทั้งในตลาดหลักทรัพย์ฯและนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อช่วยเหลือให้รัฐวิสาหกิจแห่งนั้นๆสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้
แต่ในช่วงนี้น่าจะเรียกว่าเป็น "กองทุนรวมอุ้มบางจากและทหารไทย" ไปพลางๆก่อนก็คงไม่ผิดนัก เพราะเป็น 2 บริษัทแรกที่กระทรวงการคลังจะต้องนำเงินไปเพิ่มทุนรวมหลายหมื่นล้านบาทในเร็วๆนี้
เมื่อดูจาก "สภาพคล่อง" ทางการเงินในระบบธนาคารพาณิชย์ ที่ยังมีล้นระบบอยู่ประมาณ 6 แสนล้านบาท กองทุนแสนกว่าล้านบาทที่ออกมา ผมคิดว่าคงไม่สามารถแก้ปัญหาสภาพคล่องล้นระบบที่เป็นปัญหาได้ เพราะเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ของเงินเท่านั้น แต่ไม่ได้มีการลงทุนที่แท้จริงเกิดขึ้น
แต่อย่างน้อยก็ช่วยทำให้ผู้ฝากเงินมีความรู้สึกที่ดีขึ้น เพราะได้ดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากธนาคาร
ในอนาคตถ้าหากผลประกอบการของกองทุนรวมดี เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง ผลตอบแทนการลงทุนของกองทุนดีขึ้น ผมว่ารัฐบาลน่าจะประกาศทิศทางกองทุนให้ชัดเจนว่า เมื่อกองทุนมีกำไรดีขึ้น จะจ่ายดอกเบี้ยให้สูงขึ้น ผมรับรองว่าประชาชนและ มูลนิธิทั้งหลาย จะแย่งกันซื้อกองทุนนี้หมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็วแน่นอน.
"ลม เปลี่ยนทิศ"
- ปรัชญา1
- Verified User
- โพสต์: 1092
- ผู้ติดตาม: 0
กองทุนกินลม
โพสต์ที่ 4
ว่ากันตามความรู้สึกผมนะ.............
นายกฯกำลังตั้งกองทุน เข้ามารับหุ้น
แบบซุกขยะไว้ใต้พรม
ดูซิ ซื้อหุ้นจากคลัง6หมื่นล้าน ดูแล้วมีแต่หุ้นแบ๊งค์
เพื่อให้คลังดูดีมีกำไร อัดยาย จุก..อกตาเลย ตา..เหลือก
แล้วจะให้หุ้นลงโดยเร็ววันเห็นท่าจะยาก
ที่ออกไปชักชวนให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน
ต่างชาติคงบอกนายกฯ นี่ยูเอาประปา ไฟฟ้า และอื่นๆมาแปรรูปซะ
จะได้มีของให้ไอได้เข้าไปช็อปปิ้ง แบบวันสต๊อบแอนด์เซอร์วิท
(อันนี้ผมคิดคนเดียวนะครับ ไม่มีแหล่งที่มาแต่ประการใด
หากเห็นว่าไม่ดีลบเลยครับ)
นายกฯกำลังตั้งกองทุน เข้ามารับหุ้น
แบบซุกขยะไว้ใต้พรม
ดูซิ ซื้อหุ้นจากคลัง6หมื่นล้าน ดูแล้วมีแต่หุ้นแบ๊งค์
เพื่อให้คลังดูดีมีกำไร อัดยาย จุก..อกตาเลย ตา..เหลือก
แล้วจะให้หุ้นลงโดยเร็ววันเห็นท่าจะยาก
ที่ออกไปชักชวนให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน
ต่างชาติคงบอกนายกฯ นี่ยูเอาประปา ไฟฟ้า และอื่นๆมาแปรรูปซะ
จะได้มีของให้ไอได้เข้าไปช็อปปิ้ง แบบวันสต๊อบแอนด์เซอร์วิท
(อันนี้ผมคิดคนเดียวนะครับ ไม่มีแหล่งที่มาแต่ประการใด
หากเห็นว่าไม่ดีลบเลยครับ)
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
กองทุนกินลม
โพสต์ที่ 5
เห็นด้วยครับปรัชญา เขียน:นายกฯกำลังตั้งกองทุน เข้ามารับหุ้นแบบซุกขยะไว้ใต้พรม
กองทุนวายุภักษ์ก็แค่เครื่องมือทางการเมืองที่จะเอาเงินมาหมุนเท่านั้นเอง กองทุนที่หนึ่งเอาเงินในอนาคตมาใช้ (มีการันตีผลตอบแทน -- ทำได้ไง เกิดลงทุนแล้วมีปัญหารัฐก็ต้องแบกภาระจ่ายคืนอีกในอนาคต) กองทุนที่สองก็ช่วยให้บริษัทเน่าๆไม่เจ๊ง ประทังลมหายใจเผื่อจะรอด ถ้าเศรษฐกิจดีขึ้นจริงๆ
ไม่ว่าจะยังไง กองทุนวายุภักษ์ ถ้าตั้งสำเร็จจะดูดเงินออกจากระบบธนาคารอย่างมหาศาลเลยครับ เพราะคนจะเฮโลไปซื้อ
ผลกระทบลำดับที่หนึ่งคือ bank ขาดสภาพคล่องทันที หลังจากที่สภาพคล่องล้นระบบมานาน ทำให้การปล่อยกู้ยากขึ้นไปอีก
ผลกระทบลำดับที่สองคือดอกเบี้ยจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อรักษาสภาพคล่องของแบงก์
ผลกระทบชิ่งที่สามคือการเพิ่มทุนแบงก์ใหญ่น้อยครับ เพราะพันธบัตรทั้งหลายจะถูก marked to market แปลว่าราคาซื้อขายพันธบัตรจะลดลงทันทีที่ดอกเบี้ยขึ้น
ผลของการลดราคาพันธบัตรก็คือ แบงก์ที่เคยเอาเงินจากสภาพคล่องล้นระบบไปซื้อพันธบัตร (ทั้งรัฐบาลและเอกชน) จะบันทึกผลขาดทุนทันทีครับ เพราะราคาสินทรัพย์ (คือพันธบัตร) จะลดลงอย่างรวดเร็ว
คราวนี้แบงก์ก็ต้องเพิ่มทุนครับ ในเมื่อแบงก์ใหญ่สุด (KTB) ต้องเพิ่ม แบงก์รองๆก็ต้องเพิ่มก่อน (ไม่งั้นไม่มีใครมีเงินให้เพิ่ม) แบงก์เล็กๆยิ่งต้องเพิ่มก่อนใหญ่เลย
คราวนี้ราคาหุ้นของแบงก์ก็จะตกระเนระนาด ฉุดดัชนีร่วงดิ่งอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นก็ตัวใครตัวมันครับ
นี่มองแบบแง่ร้ายสุดๆ อาจจะไม่เกิดก็ได้ครับ ใครถือหุ้นบริษัทใน real sector (คือไม่ใช่แบงก์และไฟแนนซ์) ก็จะได้เฮ VI ที่เคยหงอยๆตอน SET 460+ ก็จะเริ่มคึกคักขึ้น
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
กองทุนกินลม
โพสต์ที่ 6
ผมดูจากการตั้งชื่อแล้ว นกกินลม
แหม ชื่อมันยังกะจะไปอุ้มการบินไทยเลยยยย
ส่วนตั้งกองทุนมาทำไม
ผมคงเดาว่ารัฐบาลกดดันแบงให้ขึ้นดอกเบี้ยอะ
คุณท่านเล่นลดขาเดียวบ้างลดเท่ากันบ้าง ตอนนี้ส่วนต่างดอกเบี้ยเลยมาก
แบงท่านก็ไม่ยอมก่อนตั้งกองทุน ขู่ว่าจะลดดอกให้เหลือ 1%
ถ้ากองทุนตั้งเสร็จ คงเกิดเหตุการประหลาด
คนฝากเงิน เข้าแบงค์
แบงค์ เอาเิงินไปซื้อ นกกินลม
นกกินลมเอาเงินไป ซื้อหุ้นแบงค์
งงดีแท้ๆ
แหม ชื่อมันยังกะจะไปอุ้มการบินไทยเลยยยย
ส่วนตั้งกองทุนมาทำไม
ผมคงเดาว่ารัฐบาลกดดันแบงให้ขึ้นดอกเบี้ยอะ
คุณท่านเล่นลดขาเดียวบ้างลดเท่ากันบ้าง ตอนนี้ส่วนต่างดอกเบี้ยเลยมาก
แบงท่านก็ไม่ยอมก่อนตั้งกองทุน ขู่ว่าจะลดดอกให้เหลือ 1%
ถ้ากองทุนตั้งเสร็จ คงเกิดเหตุการประหลาด
คนฝากเงิน เข้าแบงค์
แบงค์ เอาเิงินไปซื้อ นกกินลม
นกกินลมเอาเงินไป ซื้อหุ้นแบงค์
งงดีแท้ๆ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
กองทุนกินลม
โพสต์ที่ 7
อันนี้ยิ่งจริงใหญ่เลยครับ อย่างคุณอยากเชือกพูด หุ้นบ้านเราทำไมเน้นกลุ่ม finance และแบงก์ ทั้งๆที่พวกนี้ไม่ใช้ real sectorปรัชญา เขียน:แล้วจะให้หุ้นลงโดยเร็ววันเห็นท่าจะยาก
ที่ออกไปชักชวนให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน
ต่างชาติคงบอกนายกฯ นี่ยูเอาประปา ไฟฟ้า และอื่นๆมาแปรรูปซะ
จะได้มีของให้ไอได้เข้าไปช็อปปิ้ง
พวกสาธาณูปโภคน่าจะเข้ามา list เยอะๆ เพราะจะทำให้ตลาดมีความน่าสนใจและมีเสถียรภาพในเวลาเดียวกัน
ส่วนวายุภักษ์ก็แค่เอาเงินไปซื้อหุ้นใน real sector ตัวอื่น ก็ยังเป็นหุ้นหลอกอยู่ดี (ถ้าซื้อขายในตลาดได้) หุ้นพวกนี้ (รวมกับแบงก์ไฟแนนซ์) มีเยอะๆเข้า ตลาดก็ไม่มีเสถียรภาพครับ เพราะถ้า real sector ตก หุ้นพวกนี้ก็ตกด้วยอยู่แล้ว ก็ยิ่งทำให้ตลาดตกหนักไปอีก เวลาขึ้นก็เหมือนกันครับ
- ปรัชญา1
- Verified User
- โพสต์: 1092
- ผู้ติดตาม: 0
กองทุนกินลม
โพสต์ที่ 10
suthepj เขียน:นักลงทุนรายย่อยน่าได้หรือเสียประโยชน์ครับ
นักลงทุนรายย่อย จะต้องจ่ายแพง ในการซื้อหุ้น
ในเมื่อกองทุนมีเงินเยอะ ยันและรับไว้ไม่ให้ลง หุ้นคงจะลงยาก
จนนักลงทุนรายย่อย ยิ่งรอหุ้นก็ยิ่งขึ้น จนหมดความอดทน
ต้องโดนเข้าไปเล่นด้วย
อนาคตคาดการลำบาก แน่ ถ้ากองทุนตั้งขึ้นมา ต่างชาติเข้ามา
ตลาดจะขาดเหตุผล แบบไม่มีคำอธิบาย เราเคยเห็นอดีตมาอย่างไร
ก็อาจจะเป็นบทเรียนบทใหม่ให้เรียนรู้ ว่าตลาดอาจจะขึ้น1-3ปี
และอาจจะตกอีกครั้งอย่างรุนแรง ความผันผวนสุดคาดการตามคลื่นของคำแนะนำของนักวิเคราะห์ ที่พยายามให้มีการซื้อขาย เพื่อกินค่าคอมฯ
นักวิเคราะห์ ที่เชียร์ว่า.....ยิ่งขึ้นยิ่งขาย
วันนี้เริ่มกลับเข้ามาพูดใหม่ แบบลืมน้ำลายตัวเอง
ชี้เป้า700จุดและอื่นๆ สารพัดที่จะพยายามอธิบาย
ดอกเบี้ยถูก กองทุน หุ้นเข้าใหม่ และสรุปไม่ยอมรับว่า....ตัวเองมองผิด
ลืมคำพูดตัวเองทั้งหมด เหตุผลที่พูดไว้ ถ้าใครอัดเทปไว้ไปเปิดให้ฟัง
ก็ยังส่ายหัวว่าจำไม่ได้
นี่ล่ะมนุษย์ อาชีพนักวิเคราะห์ คืออาชีพนักเล่นกลดีๆนี่เอง
- mrj
- Verified User
- โพสต์: 12
- ผู้ติดตาม: 0
กองทุนกินลม
โพสต์ที่ 11
มองอีกมุม เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป ทุก ๆ วัน ผลการวิเคราะหที่เคยคาดการณ์ก็อาจต้องมีการเปลี่ยนแปลง .. โดยเฉพาะช่วงนี้ ที่ผมว่า ตลาดเริ่มจะไร้เหตุผลมากขึ้นเมื่อเทียบกับที่ผ่าน ๆ มา..<snip..> และสรุปไม่ยอมรับว่า....ตัวเองมองผิด
ลืมคำพูดตัวเองทั้งหมด เหตุผลที่พูดไว้ ถ้าใครอัดเทปไว้ไปเปิดให้ฟัง
ก็ยังส่ายหัวว่าจำไม่ได้
โบรกเกอร์ ก็เชียร์ให้ซื้อขาย เพราะค่าคอมมิชชั่น ทำให้เค้าอยู่ได้
เค้าก็ 'ทำตามหน้าที่' ของเค้า (... แสดงการวิเคราะห์รายวัน เพราะมันเป็น 'อาชีพ' ของเค้า)
โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่า ไม่มีใครสามารถวิเคราะห์รู้อนาคตได้ .. ก็แค่ฟังเห็นข้อมูล แต่ผู้ตัดสินใจ ก็คือเราเอง ก็เงินของเราเองนี่นา
แต่ที่พี่พูดก็ถูก .. ไม่เคยเห็นนักวิเคราะห์คนไหนที่ยอมรับว่า ตัวเองวิเคราะห์ผิดเลย