ถ้าหากตลาดหุ้นมีแต่นักลงทุนแนว VI แล้วมันจะเป็นอย่างไร
- Visute
- Verified User
- โพสต์: 55
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าหากตลาดหุ้นมีแต่นักลงทุนแนว VI แล้วมันจะเป็นอย่างไร
โพสต์ที่ 1
พอดีตัวผมเองมีคำถามกับตัวเองว่า ถ้าหากตลาดหุ้นมีแต่นักลงทุนแนว VI แล้วมันจะเป็นอย่างไร ผลตอบแทนมันจะเป็นอย่างไร ส่วนตัวผมคิดว่าผลตอบแทนน่าจะน้อยลงในส่วนต่างราคา เพราะตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลตอบแทนหลักคงจะเป็นในรูปเงินปันผล
เพื่อนๆมีความเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ
เพื่อนๆมีความเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
-
- Verified User
- โพสต์: 32
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าหากตลาดหุ้นมีแต่นักลงทุนแนว VI แล้วมันจะเป็นอย่างไร
โพสต์ที่ 2
เหมือนทฤษฎีตลาดมีประสิทธิภาพล่ะมั้งครับ
อยากได้ผลตอบแทนสูง ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงที่สูงขึ้น ทุกสิ่งสะท้อนอยู่ในราคาหมดแล้ว
อยากได้ผลตอบแทนสูง ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงที่สูงขึ้น ทุกสิ่งสะท้อนอยู่ในราคาหมดแล้ว
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าหากตลาดหุ้นมีแต่นักลงทุนแนว VI แล้วมันจะเป็นอย่างไร
โพสต์ที่ 3
จะมีหุ้นทะยอยเข้าจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เป็นตัวเลือกในการเข้าลงทุน
บริษัทฯที่ทำกำไรมาตลอด อาจจะหยุดเติบโต
ปัญหาผลประกอบการที่ลดลงและเพิ่มขึ้น
ด้วยค่าเงิน วัตถุดิบ สิ่งแวดล้อม
ตลาดโลก การนำเข้า การส่งออก
กฎหมายที่จะมีเพิ่มขึ้น นโยบายรัฐบาล
จนถึงวัฎจักรอุตสาหกรรม น่าจะเลือกหุ้นเป็นรายตัว
ปัจจัยอีกมากมาย ที่มีทางออกทางเลือกลงทุน
เป็นตัวเลือกในการเข้าลงทุน
บริษัทฯที่ทำกำไรมาตลอด อาจจะหยุดเติบโต
ปัญหาผลประกอบการที่ลดลงและเพิ่มขึ้น
ด้วยค่าเงิน วัตถุดิบ สิ่งแวดล้อม
ตลาดโลก การนำเข้า การส่งออก
กฎหมายที่จะมีเพิ่มขึ้น นโยบายรัฐบาล
จนถึงวัฎจักรอุตสาหกรรม น่าจะเลือกหุ้นเป็นรายตัว
ปัจจัยอีกมากมาย ที่มีทางออกทางเลือกลงทุน
- BABY TERMITE
- Verified User
- โพสต์: 368
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าหากตลาดหุ้นมีแต่นักลงทุนแนว VI แล้วมันจะเป็นอย่างไร
โพสต์ที่ 5
เป็นไปไม่ได้ครับ :twisted:Visute เขียน: ถ้าหากตลาดหุ้นมีแต่นักลงทุนแนว VI แล้วมันจะเป็นอย่างไร
ปลวกน้อยคอยวันเติบใหญ่
- Joga Bonito
- Verified User
- โพสต์: 278
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าหากตลาดหุ้นมีแต่นักลงทุนแนว VI แล้วมันจะเป็นอย่างไร
โพสต์ที่ 6
ในเว็บ มีวีไอเหมือนกัน ถือหุ้นเหมือนกัน ยังซื้อขาย ไม่เหมือนกันเลย
บางคนบอก ราคานี้ซื้อได้ บางคนบอกว่า ราคาถึง fair แล้วไรเงี้ยนานาจิตตัง
บางคนบอก ราคานี้ซื้อได้ บางคนบอกว่า ราคาถึง fair แล้วไรเงี้ยนานาจิตตัง
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าหากตลาดหุ้นมีแต่นักลงทุนแนว VI แล้วมันจะเป็นอย่างไร
โพสต์ที่ 12
ก็คงจะไปวัดกันที่ใครวีไอสายพันธุ์ไหน มีความรอบรู้ในเรื่องใดเป็นหลัก(คงไม่มีใครรู้ไปทุกเรื่อง)และที่สำคัญ ถึงความรู้จะเหมือนกัน แต่จิตใจผมว่ายังไงๆก็ไม่เหมือนกันครับ ทำให้ผลตอบแทนไม่เท่ากันอยู่ดี
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าหากตลาดหุ้นมีแต่นักลงทุนแนว VI แล้วมันจะเป็นอย่างไร
โพสต์ที่ 13
หากเป็นแบบเจ้าของกระทู้ว่า
ขอเดาว่าหุ้นเน่าขาดสภาพคล่องอย่างแรง :lol:
คงเหลือแต่การเก็งกำไรในหุ้นแบบวีไอ
ขอเดาว่าหุ้นเน่าขาดสภาพคล่องอย่างแรง :lol:
คงเหลือแต่การเก็งกำไรในหุ้นแบบวีไอ
==หากบริษัทไม่ได้อยู่ในตลาดฯ หุ้นยังน่าซื้อหรือไม่ ==
- KGYF
- Verified User
- โพสต์: 399
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าหากตลาดหุ้นมีแต่นักลงทุนแนว VI แล้วมันจะเป็นอย่างไร
โพสต์ที่ 14
บัฟเฟตต์พูดได้ถูกต้องมากครับในเรื่อง efficient market :lol: :lol:
" สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ = การให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง "
" ทุกข์มี เพราะยึด ทุกข์ยืด เพราะอยาก ทุกข์มาก เพราะพลอย ทุกข์น้อย เพราะหยุด ทุกข์หลุด เพราะปล่อย"
" ทุกข์มี เพราะยึด ทุกข์ยืด เพราะอยาก ทุกข์มาก เพราะพลอย ทุกข์น้อย เพราะหยุด ทุกข์หลุด เพราะปล่อย"
-
- Verified User
- โพสต์: 99
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าหากตลาดหุ้นมีแต่นักลงทุนแนว VI แล้วมันจะเป็นอย่างไร
โพสต์ที่ 15
คำถามนี้ตอบง่ายมากครับว่าเป็นไปไม่ด้ายนะก๊า
- unnop.t
- Verified User
- โพสต์: 924
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าหากตลาดหุ้นมีแต่นักลงทุนแนว VI แล้วมันจะเป็นอย่างไร
โพสต์ที่ 16
ถึงแม้ว่าจะใช้หลักการ VI เหมือนกัน แต่วุฒิทางอารมณ์ต่างกัน ทำให้การตัดสิน
ใจต่างกัน ผมเชื่อว่าก็มีช่องว่างการทำกำไรอยู่
แต่สิ่งที่่น่าจะเกิดขึ้นคือ ความผันผวนราึคาน่าจะลดลง เพราะการเก็งกำไรลดลง
การเกิด panic ลดน้อยลง แต่ในความเป็นจริงผมเชื่อว่า คงยากที่จะเป็น VI ทั้ง
ตลาด และคงไม่เช่นเป็นนักลงทุนส่วนใหญ่เหมือนกัน ตลาดอเมริกาพัฒนาหลัก
การ VI มาแล้วหลายสิบปี ผมก็ไม่เห็นว่าจะเป็น VI กันซะหมด
แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้าเป็น VI ในตลาดมากขึ้่นเรื่อย ๆ การจะทำกำไรจากตลาดก็จะ
ยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะโอกาสที่ราคาจะต่ำกว่ามูลค่าจะน้อยลง
ใจต่างกัน ผมเชื่อว่าก็มีช่องว่างการทำกำไรอยู่
แต่สิ่งที่่น่าจะเกิดขึ้นคือ ความผันผวนราึคาน่าจะลดลง เพราะการเก็งกำไรลดลง
การเกิด panic ลดน้อยลง แต่ในความเป็นจริงผมเชื่อว่า คงยากที่จะเป็น VI ทั้ง
ตลาด และคงไม่เช่นเป็นนักลงทุนส่วนใหญ่เหมือนกัน ตลาดอเมริกาพัฒนาหลัก
การ VI มาแล้วหลายสิบปี ผมก็ไม่เห็นว่าจะเป็น VI กันซะหมด
แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้าเป็น VI ในตลาดมากขึ้่นเรื่อย ๆ การจะทำกำไรจากตลาดก็จะ
ยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะโอกาสที่ราคาจะต่ำกว่ามูลค่าจะน้อยลง
ตลาดหุ้นมักจะหลอกเราด้วย ความโลภ และความกลัว.....
- BalsamiC
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 398
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าหากตลาดหุ้นมีแต่นักลงทุนแนว VI แล้วมันจะเป็นอย่างไร
โพสต์ที่ 18
คงเหลือโบรกไม่กี่รายและมาร์ก็คงตกงานเยอะแยะครับ :lol:
เห็นด้วยกับหลายๆท่านครับ คือ ถึงจะแนวเดียวกัน แต่ความรู้และจิตใจที่แตกต่างกันนั้นน่าจะยังทำให้เกิดช่องว่างอยู่ดี ไม่มากก็น้อยครับ
เห็นด้วยกับหลายๆท่านครับ คือ ถึงจะแนวเดียวกัน แต่ความรู้และจิตใจที่แตกต่างกันนั้นน่าจะยังทำให้เกิดช่องว่างอยู่ดี ไม่มากก็น้อยครับ
- Visute
- Verified User
- โพสต์: 55
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าหากตลาดหุ้นมีแต่นักลงทุนแนว VI แล้วมันจะเป็นอย่างไร
โพสต์ที่ 22
ปัจจุบันผมคิดว่า การลงทุนแนว VI ได้รับการพิสูจน์ว่าประสบความสำเร็จได้ ตอบโจทย์ชีวิตได้ เป็นความสำเร็จที่อาศัยความรู้และเหตุผลของเราเองเป็นหลัก ไม่ได้อาศัยโชค และมีตัวอย่างของผู้ประสบความสำเร็จ รวมถึงความรู้จากแหล่งต่างๆเราทำได้ง่ายขึ้น มีการถ่ายทอดความรู้กัน เผยแพร่กัน ทำให้เรารู้มากขึ้น และมีตัวอย่างมากขึ้น และความสำเร็จของเราค่อยๆเห็นผลเรื่อยๆ ทำให้นักลงทุนแนวนี้มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ... ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีครับ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
-
- Verified User
- โพสต์: 1372
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าหากตลาดหุ้นมีแต่นักลงทุนแนว VI แล้วมันจะเป็นอย่างไร
โพสต์ที่ 24
[quote="Visute"]ปัจจุบันผมคิดว่า การลงทุนแนว VI ได้รับการพิสูจน์ว่าประสบความสำเร็จได้ ตอบโจทย์ชีวิตได้ เป็นความสำเร็จที่อาศัยความรู้และเหตุผลของเราเองเป็นหลัก ไม่ได้อาศัยโชค และมีตัวอย่างของผู้ประสบความสำเร็จ รวมถึงความรู้จากแหล่งต่างๆเราทำได้ง่ายขึ้น มีการถ่ายทอดความรู้กัน เผยแพร่กัน ทำให้เรารู้มากขึ้น และมีตัวอย่างมากขึ้น และความสำเร็จของเราค่อยๆเห็นผลเรื่อยๆ
สติมา ปัญญาเกิด
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าหากตลาดหุ้นมีแต่นักลงทุนแนว VI แล้วมันจะเป็นอย่างไร
โพสต์ที่ 25
ถ้าในตลาดมีแต่นักลงทุนแนวVI
เอาเริ่มเลยนะครับ ราคาของกิจการจะใกล้มูลค่ามาก(ในทางทฤษฏี)
คือกิจการดีราคาสูง กิจการห่วยราคาต่ำ กิจการปานกลางก็ราคาปานกลาง
เวลาต่อมา
กองทุนดัชนีจะมีบทบาทมาก เพราะตลาดมีประสิทธิภาพจริงๆ จะไปคิดทำไมให้เมื่อย เมื่อกองทุนดัชนีเข้ามา ราคาวิ่งขึ้น VIขายออก ราคาเข้าสู่ดุลยภาพ
มันก็ง่ายดีนี่หว่า ใครๆเล่นก็ได้ผลตอบแทนดี ราคายุติธรรม คนธรรมดาก็เลยเข้ามาซื้อๆกันไปเลย พอคนเข้ามามากๆ จนจำนวนVIทั้งตลาดถ่วงไม่อยู่ ราคาก็จะออกจากดุลยภาพ ทำให้ตลาดเสียประสิทธิภาพ
คนก็จะคิดว่า อ่าว มันก็พุ่งสูงลงต่ำแบบไม่มีเหตุมีผลได้นี่หว่า นักเก็งกำไรก็เข้ามา
สุดท้าย ตลาดก็เละตุ้มเป๊ะ เหมือนทุกวันนี้
คือ VIก็มี นักเก็งกำไร กองทุน แมงเม่า มันก็จะมาปนๆกันไปหมด
ตลาดก็จะไม่มีประสิทธิภาพแบบที่เรารู้กัน
เอาเริ่มเลยนะครับ ราคาของกิจการจะใกล้มูลค่ามาก(ในทางทฤษฏี)
คือกิจการดีราคาสูง กิจการห่วยราคาต่ำ กิจการปานกลางก็ราคาปานกลาง
เวลาต่อมา
กองทุนดัชนีจะมีบทบาทมาก เพราะตลาดมีประสิทธิภาพจริงๆ จะไปคิดทำไมให้เมื่อย เมื่อกองทุนดัชนีเข้ามา ราคาวิ่งขึ้น VIขายออก ราคาเข้าสู่ดุลยภาพ
มันก็ง่ายดีนี่หว่า ใครๆเล่นก็ได้ผลตอบแทนดี ราคายุติธรรม คนธรรมดาก็เลยเข้ามาซื้อๆกันไปเลย พอคนเข้ามามากๆ จนจำนวนVIทั้งตลาดถ่วงไม่อยู่ ราคาก็จะออกจากดุลยภาพ ทำให้ตลาดเสียประสิทธิภาพ
คนก็จะคิดว่า อ่าว มันก็พุ่งสูงลงต่ำแบบไม่มีเหตุมีผลได้นี่หว่า นักเก็งกำไรก็เข้ามา
สุดท้าย ตลาดก็เละตุ้มเป๊ะ เหมือนทุกวันนี้
คือ VIก็มี นักเก็งกำไร กองทุน แมงเม่า มันก็จะมาปนๆกันไปหมด
ตลาดก็จะไม่มีประสิทธิภาพแบบที่เรารู้กัน
- Visute
- Verified User
- โพสต์: 55
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าหากตลาดหุ้นมีแต่นักลงทุนแนว VI แล้วมันจะเป็นอย่างไร
โพสต์ที่ 26
โลกในมุมมองของ Value Investor 30 ตุลาคม 53
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ในเรื่องของการลงทุนหรือเล่นหุ้นนั้น มีเทคนิคหรือวิธีการหลายอย่างที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย เช่น ลงทุนแบบ Value หรือเน้นคุณค่า เล่นหุ้นแบบดูกราฟแนวรับแนวต้าน หรือเล่นหุ้นโดยวิธีการ ปั่นหุ้น เป็นต้น คำถามก็คือ เล่นหุ้นด้วยวิธีไหนดีที่สุด?
ก่อนที่จะตอบคำถามนั้น ผมคงต้องเติมข้อความในวงเล็บว่า ดีที่สุด (โดยเฉลี่ย) เพราะในแต่ละเทคนิคหรือวิธีการนั้น คนที่ทำได้ดีอาจจะเก่งมากจนทำได้ดีกว่าคนที่เก่งที่สุดในอีกวิธีหนึ่ง แต่โดยเฉลี่ย ซึ่งรวมถึงคนที่ไม่เก่งทั้งหมดด้วยแล้ว วิธีนั้นอาจจะแพ้การลงทุนอีกวิธีหนึ่งที่คนเก่งมากกับคนที่เก่งน้อยได้ผลตอบแทนไม่ต่างกันมากก็ได้
ประเด็นต่อมาก็คือ ในการที่จะบอกว่าวิธีไหนดีกว่าวิธีอื่นนั้น เราจำเป็นต้องมีข้อมูลเพื่อที่จะพิสูจน์ ดังนั้น วิธีการลงทุนหรือเล่นหุ้นบางอย่างที่หาข้อมูลไม่ได้ เช่น การ ปั่นหุ้น นั้น เราคงไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นวิธีที่ดีแค่ไหนในการทำกำไรแม้ว่าเราจะเชื่อว่าเป็นวิธีที่น่าจะได้ผลตอบแทนสูงสุด อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นวิธีการที่ผิดกฎหมายและผมไม่แนะนำให้ทำ มันก็เหมือนกับถามว่า วิธีทำงานหาเงินที่ได้เงินมากและเร็วที่สุดคืออะไร? ซึ่งคำตอบของเราอาจจะบอกว่า การ คอร์รัปชั่น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนสามารถทำได้ เช่นเดียวกับการ ปั่นหุ้น ที่ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้
ในการศึกษาเรื่องของเทคนิคหรือวิธีการในการลงทุนหรือเล่นหุ้นนั้น ในเชิงวิชาการเราสามารถแบ่งออกได้เป็นกลุ่มหลัก ๆ 4 วิธีด้วยกันคือ วิธีแรก เป็นกลุ่มของนักเล่นหุ้นที่ใช้ข้อมูลเพียง 2 อย่าง นั่นก็คือ ข้อมูลราคาหุ้นกับปริมาณการซื้อขายของหุ้น กลุ่มนี้จะนำข้อมูลทั้งสองอย่างมาเขียนเป็นกราฟหรือทำเป็นจุดอะไรต่าง ๆ จากนั้นก็อาจจะคำนวณหาราคาเฉลี่ยในแต่ละช่วงเวลาหรือลูกเล่นต่าง ๆ แล้วก็กำหนดจุดซื้อขายหุ้น ด้วยวิธีนี้ พวกเขาคิดว่าจะสามารถทำกำไรได้ดีกว่าปกติ เราเรียกพวกเขาว่า นักเล่นหุ้นแบบเท็คนิค การศึกษาจากตลาดที่พัฒนาแล้วอย่างในสหรัฐพบว่า การเล่นหุ้นแบบเท็คนิคไม่สามารถเอาชนะดัชนีตลาดได้ ปัญหาใหญ่ก็คือ พวกเขาต้องเสียค่าคอมมิชชั่นสูงเนื่องจากวิธีนี้มักทำให้ต้องซื้อ ๆ ขาย ๆ หุ้น ตามสัญญาณ ค่อนข้างมาก ในตลาดหุ้นไทยผมไม่แน่ใจว่ามีคนทำการศึกษาหรือไม่ นอกจากนั้น คนที่เป็นนักเท็คนิคเองผมก็คิดว่ายังมีไม่มากนัก
วิธีที่สองก็คือการลงทุนแบบอาศัย ข้อมูลพื้นฐาน ทั้งหลายที่เปิดเผยต่อสาธารณชนแล้ว ข้อมูลเหล่านี้รวมถึงข้อมูลทางเศรษฐกิจ การเงิน และข้อมูลผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นด้วย กลุ่มคนที่ใช้วิธีนี้ในการลงทุนนั้นกว้างขวางมาก ซึ่งรวมไปถึงคนที่บริหารกองทุนรวมจำนวนมหาศาล จากการศึกษาในตลาดหุ้นสหรัฐเช่นเดียวกันก็พบว่า นักลงทุนที่ใช้วิธีการนี้ก็แพ้ดัชนีตลาดแบบ ราบคาบ ประเด็นสำคัญก็คือ การทำแบบนี้ต้องค้นคว้าและศึกษาข้อมูลมากมาย ต้องใช้คนที่จบการศึกษาทางด้านการเงินระดับ MIT มาทำงานทำให้มีต้นทุนในการบริหารพอร์ตสูงไม่คุ้มค่า
วิธีลงทุนโดยอาศัย ข้อมูลพื้นฐาน นี้ มีวิธีการ ย่อย แตกแขนงออกมานั่นก็คือ วิธีการที่เรียกว่า Value Investment หรือการลงทุนแบบเน้นคุณค่า วิธีนี้เน้นที่การลงทุนในหุ้นที่มี ราคาถูกเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับพื้นฐานของกิจการ การศึกษาจากตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นไทยด้วยพบว่า การลงทุนแบบ VI นั้น ให้ผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมกว่าดัชนีตลาดมากในระยะยาว ว่าที่จริงในตลาดหุ้นไทยนั้น การลงทุนแบบ VI ให้ผลตอบแทนโดดเด่นมากเมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหุ้น ในขณะที่ในตลาดหุ้นสหรัฐนั้น ในบางช่วงบางตอน การลงทุนแบบ VI ก็แพ้ตลาดเหมือนกันแม้ว่าในระยะยาวแล้วโดยเฉลี่ยจะเหนือกว่ามาก
วิธีที่สามคือการลงทุนหรือเล่นหุ้นโดยใช้ ข้อมูลภายใน ที่ยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณชน วิธีนี้นั้น แน่นอน คนที่จะรู้ก็มักจะเป็น คนใน ที่เป็นผู้บริหารของบริษัท คนกลุ่มนี้มักจะมีจำนวนไม่มาก การศึกษาในสหรัฐเคยพบว่าพวกเขาสามารถทำกำไรได้ดีกว่าดัชนีหุ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่ลงทุนตาม คนใน ผมก็เชื่อว่าคงไม่สามารถทำกำไรได้ เนื่องจากกว่าเขาจะรู้ ราคาหุ้นก็เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
สุดท้ายคือวิธีการลงทุนแบบ Passive หรือการลงทุนโดยการกระจายการถือครองหุ้นตามดัชนีพูดง่าย ๆ ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนหุ้นตามดัชนี กลุ่มคนที่ใช้วิธีนี้มีความเชื่อว่าตลาดหุ้นนั้น มีประสิทธิภาพ ราคาหุ้นในตลาดสะท้อนคุณค่าของกิจการหมดแล้วจึงมีราคาที่เหมาะสม ดังนั้น จึงไม่มีประโยชน์ที่จะเลือกหุ้น ไม่ว่าจะใช้วิธีการหรือเท็คนิคอะไร วิธีการที่ดีกว่าก็คือ ซื้อหุ้นกระจายกันไปทุกตัวในตลาดและได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีโดยที่ต้นทุนในการบริหารกองทุนนั้นต่ำมาก ซึ่งผลการศึกษาในตลาดหุ้นสหรัฐพบว่า วิธีนี้ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดโดยเฉลี่ยเมื่อเทียบกับวิธีการลงทุนแบบอื่น ๆ ที่กล่าวมา
นั่นอาจจะเป็นผลที่เกิดขึ้นในตลาดสหรัฐที่ซึ่งตลาดหุ้นอาจจะ มีประสิทธิภาพสูง อันเป็นผลจากการที่มีนักลงทุนและนักวิเคราะห์ที่มีความสามารถสูงมากมาย ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวได้รวดเร็วตามพื้นฐานของมันและทำให้หาหุ้นที่ราคาผิดไปจากพื้นฐานได้ยาก แต่ในตลาดหุ้นไทยเองนั้น ก็อาจจะมีข้อสงสัยว่าตลาดหุ้นมีประสิทธิภาพแค่ไหน? คนจำนวนมากโดยเฉพาะที่เป็น VI เชื่อว่ายังมีหุ้นถูกและดีที่เป็นหุ้น VI อีกมากและเรายังสามารถใช้หลักการของ VI ทำผลตอบแทนได้โดดเด่นอยู่
ผมเองเชื่อว่า VI นั้น เป็นวิธีการลงทุนท ... รได้ง่าย ๆ
ก่อนจะจบผมอยากเพิ่มเติมประเด็นที่มักจะมีการถกเถียงกันว่าการใช้วิธีการลงทุนแบบเท็คนิค หรือการลงทุนแบบ VI ใครดีกว่ากัน? หรือ VI ควรนำวิธีการของเท็คนิคมา เสริม ไหม? คำตอบสั้น ๆ ของผมก็คือ ข้อมูลราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นนั้น เป็นข้อมูลสาธารณะที่นักลงทุนในกลุ่มสองสามารถใช้ได้อยู่แล้ว ที่จริง VI ดัง ๆ หลายคนก็ใช้ข้อมูลทางเท็คนิค ประเด็นสำคัญที่จะแบ่งว่าคุณอยู่กลุ่มไหนจึงน่าจะอยู่ที่ดีกรีของข้อมูลที่ใช้มากกว่า อย่างตัวผมเองนั้น ผมใช้ข้อมูลเกี่ยวกับราคาและปริมาณการซื้อขายน้อยมาก ผมพอใจที่จะอยู่กับข้อมูลพื้นฐานเป็นหลัก แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุด คนที่จะพูดแบบนั้นได้ควรจะมีข้อพิสูจน์
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าหากตลาดหุ้นมีแต่นักลงทุนแนว VI แล้วมันจะเป็นอย่างไร
โพสต์ที่ 30
ถ้าหมายถึงเรื่อง server ก็คงจะใช่<< New >> เขียน:ถ้ามีแต่ vi รับรองเวบนี้ล่มแน่ๆ
แต่ถ้ามีแต่ VI ก็คงไม่มีเว็บ thaivi หรอกครับ จะมีแต่เว็บชื่อประมาณ thaiinvestor และทุกคนก็คงจะคุยกันแต่เรื่องธุรกิจ ไม่ใช่มานั่งบ่นเจ็บใจตัวนี้ตัวนั้น เจ้าครับ อย่างนี้อย่างนั้นหรอก
จะว่าไป ถึงจะลงทุนแบบ VI ก็เถอะ หลายๆคนยังมอง valuation ของธุรกิจเดียวกันไม่เหมือนกันเลย ผลตอบแทนที่อยากได้ก็ไม่เท่ากัน
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld