วันที่ 25 กรกฎาคม 2553 01:00
"ดร.สินีนาถ ไพสิฎฐานันท์" กฎเหล็กการลงทุน...ต้องชนะเงินเฟ้อเท่านั้น
โดย : กาญจนา หงษ์ทอง
เวลาลงทุนจะซื้อหุ้นเพื่อซื้ออนาคต ไม่ได้ซื้อเพราะที่ผ่านมาเขาดี ถึงแม้จะค่อนข้างงานยุ่ง แต่ก็เป็นนักลงทุนที่ค่อนข้างดูละเอียด
ทุกวันนี้ ในพอร์ตจะเลือกหุ้นตัวที่เขาทำธุรกิจหลายอย่าง เพราะเท่ากับเขากระจายความเสี่ยงในตัวอยู่แล้ว ก็ช่วยลดความเสี่ยงให้เราไปในตัว
กฎเหล็กการลงทุนของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป บางคนลงทุนอะไรก็ได้แต่ต้องไม่หวือหวาผาดโผนจนเกินไป ขณะที่บางคนบอกขอแค่ได้ผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากแต่ก็ไม่เสี่ยงมากนักเท่านี้ก็พอใจแล้ว แต่ "ดร.สินีนาถ ไพสิฎฐานันท์" รองผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กร ธนาคารธนชาต บอกว่ากฎเหล็กการลงทุนของเธอนั้น ผลตอบแทนต้องชนะเงินเฟ้อเท่านั้น
เธอบอกว่าทุกวันนี้มีช่องทางการลงทุนให้เลือกอย่างหลากหลาย แต่ไม่ใช่ทุกช่องทางที่สามารถให้ผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อได้ เงินฝากยิ่งไม่ต้องพูดถึง แพ้เงินเฟ้ออย่างราบคาบ ทุกวันนี้ดร.สินีนาถจึงกระจายการลงทุนหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นลงทุนในตลาดหุ้น กองทุน และที่ดิน
"เรื่องลงทุนเป็นเรื่องใกล้ตัว เพราะถูกปูพื้นมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเรื่องจัดการเงินทองจึงเป็นเรื่องง่าย ตั้งแต่เด็กๆ จะตามพ่อไปห้องค้า เขาพูดให้เราฟังทุกวันว่าเขาซื้อหุ้นตัวนั้นตัวนี้เพราะอะไร หรือจังหวะนี้ทำไมหุ้นตัวนี้ถึงน่าลงทุน เรื่องลงทุนก็เลยอยู่ในสายเลือด จะลงทุนอะไรก็รู้แล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง เรียกว่า ซึมซับมาตั้งแต่เด็ก พอเรียนจบมาก็เป็นมาร์เก็ตติ้งของบริษัทหลักทรัพย์ งานถัดมาเป็นรีเสิร์ช การลงทุนจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรือเป็นเรื่องยาก ตอนเด็กๆ เราฟังอย่างเดียว แต่พอโตขึ้นเราเข้าใจหมดเลยว่าสิ่งที่เขาพูดคืออะไร ยิ่งมาทำงานตรงนี้ พอคิดเรื่องลงทุนก็เลยสบายๆ"
ดร.สินีนาถบอกว่า การลงทุนครั้งแรกของเธอคือการซื้อหุ้น หุ้นตัวแรกที่ลงทุนคือ หุ้น บงล.ธนชาต ตอนนั้นเงินเดือนยังไม่เยอะ ค่อยๆ มีประสบการณ์การลงทุนขึ้นทีละนิด ต้องบอกว่าการลงทุนแรกๆ กำไรไม่เยอะ ตอนนั้นเล่นหุ้นเชื่อตลาดมากไม่ได้ เพราะตลาดเคลื่อนไหวตามอารมณ์คน ก็เลยเลือกที่จะซื้อหุ้นโดยมองที่ธุรกิจ และวิสัยทัศน์ของผู้บริหารหรือซีอีโอ
"ตอนออกสตาร์ท ยังไม่บาดเจ็บ แต่ก็มีประสบการณ์บาดเจ็บบ้างจากหุ้นตัวอื่น เพราะตอนนั้นไม่ค่อยมีเวลาตามข่าว แต่พอพลาดแล้วกลับมาย้อนดู จากนั้นก็ลงทุนอย่างค่อนข้างระวัง "
ดร.สินีนาถขยายความเรื่องการลงทุนว่า ทุกวันนี้เธอมีเงินสดเก็บไว้น้อยมาก ส่วนใหญ่เมื่อมีรายได้เข้ามาเธอจะลงทุนไว้ในแหล่งที่ปลอดภัยในระยะยาว และมีสภาพคล่อง เช่นพวกกองทุนประหยัดภาษี หรือพวกที่ดิน อีกก้อนลงทุนในแหล่งที่สภาพคล่องสูง และลงทุนระยะปานกลาง นั่นก็คือหุ้น
ซึ่งในส่วนของการเลือกหุ้นนั้น เธอบอกว่าเลือกลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต ก่อนซื้อจะดูการบริหารจัดการ ว่าเขาเป็นยังไง ผู้บริหารมีวิชั่นแค่ไหน เรื่องพวกนี้ต้องตามข่าวพอสมควร
"คือเวลาลงทุนจะซื้อหุ้นเพื่อซื้ออนาคต ไม่ได้ซื้อเพราะที่ผ่านมาเขาดี ถึงแม้จะค่อนข้างงานยุ่งแต่ก็เป็นนักลงทุนที่ค่อนข้างดูละเอียด ทุกวันนี้ในพอร์ตจะเลือกหุ้นตัวที่เขาทำธุรกิจหลายอย่าง เพราะเท่ากับเขากระจายความเสี่ยงอยู่ในตัวอยู่แล้ว ก็ช่วยลดความเสี่ยงให้เราไปในตัว เช่นหุ้นตัวหนึ่งเขาทำธุรกิจหลายอย่าง เช่นทำธุรกิจโรงแรมด้วย อาหารด้วย เผื่อธุรกิจบางอย่างดี บางอย่างอาจจะไม่ดี ตรงนี้ก็ช่วยได้ แต่ถึงแม้หุ้นบางตัวทุกคนบอกดีหมด แต่ถ้าเราดูแล้ว มองไม่ออกว่าดียังไง ก็ไม่ซื้อ ฉะนั้น อะไรที่เราเข้าใจ และเข้าใจในความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ถึงจะลงทุน ตอนนี้ชอบพวกหุ้นตัวเล็ก ที่ผู้บริหารมีวิชั่น พวกนี้บางทีเป็นหุ้นที่ไม่ค่อยมีใครสนใจ แต่ลงทุนแล้วกำไรดี "
ดร.สินีนาถบอกว่าจะเรียกเธอว่า"สาวก VI"คนหนึ่งก็ได้ เพราะความที่ไม่มีเวลา จึงไม่ได้เล่นหุ้นแบบเก็งกำไร หมดสิทธิเล่นแบบนั้น เลยเป็นนักลงทุนประเภทแวลู อินเวสเตอร์ไปโดยปริยาย เธอบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นวอร์เรน บัฟเฟตต์ หรือ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ก็ล้วนแต่มีหลักการลงทุนที่คล้ายกัน แต่ของบัฟเฟตต์อาจจะมีเทคนิคเยอะกว่า เพราะเขาประสบการณ์การลงทุนมากกว่า 40 กว่าปี
"ตอนนี้บัฟเฟตต์อายุ 70 กว่า เขาลงทุนแบบช่ำชองจริงๆ เช่นที่ผ่านมาวิกฤติอเมริกา คนไม่กล้าซื้อแต่เขาซื้อไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่ชอบ คือ ไม่ได้ซื้อตรงราคา แต่ซื้อธุรกิจ เราจะต้องเชื่อในธุรกิจเขา เราต้องมั่นใจในวิชั่นและการบริหารจัดการของเขา ข้อสำคัญเข้าใจเรื่องความเสี่ยงของหุ้นตัวนั้นอย่างทะลุปรุโปร่ง"
นอกจากนี้ ดร.สินีนาถยังลงทุนในกองทุนประหยัดภาษี โดยในส่วนของกองทุนอาร์เอ็มเอฟลงในตราสารหนี้เพราะเป็นการลงทุนระยะยาว ส่วนของการลงทุนในที่ดิน จะเลือกใกล้ๆ กับแหล่งที่ค่อนข้างเจริญ ก่อนซื้อจะดูผังเมืองให้รอบคอบ
"เรื่องของการลงทุนในที่ดิน ไม่ใช่ใครบอกว่าที่ไหนดีเราจะไปซื้อ เราต้องเข้าใจก่อนว่าที่ดินผืนนั้นเป็นยังไง แล้วไปที่ผังเมือง ดูแนวถนน จะได้รู้ว่าสิ่งที่เราซื้อเป็นยังไง มีแนวโน้มจะพัฒนามั้ย เพราะที่ดินเป็นการลงทุนที่สภาพคล่องน้อย ก็ต้องซื้ออย่างรอบคอบ "
สำหรับการลงทุนในทองคำ เธอบอกว่าวันนี้กลายเป็นแหล่งเก็งกำไรของกองทุนต่างๆ อาจเป็นเพราะค่าเงินดอลลาร์ไม่ได้แข็งเหมือนในอดีต ทองคำก็เลยมีดีมานด์มาก พวกกองทุนที่ขาดทุนจากหุ้นก็เข้ามาลงทุนในทองมากขึ้น แต่สำหรับเธอนั้นออกตัวว่าไม่ค่อยถูกจริตกับทองคำเท่าไหร่นัก แต่ก็มีติดพอร์ตบ้าง แต่ไม่มากนัก
"เดี๋ยวนี้ในบ้านเรามีกองทุนทองคำให้เลือกลงทุนมากขึ้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่อยากป้องกันความเสี่ยงในเรื่องเงินเฟ้อ"
ดร.สินีนาถลงทุนค่อนข้างหลากหลาย แต่เธอบอกว่าชอบหุ้นมากที่สุด เพราะอย่างอื่นบางทีก็เป็นการลงทุนที่ยาวเกินไป หรือบางอย่างสภาพคล่องน้อยเกินไป แต่หุ้นเธอบอกว่ารู้สึกใกล้ชิดกว่า ถูกจริต ถูกโฉลก ข้อสำคัญหุ้นมีสภาพคล่องเหมือนเงินสด
เธอบอกว่า ตอนนี้กำลังศึกษาการลงทุนในแหล่งใหม่ๆ เช่นพวกกองทุนที่ไปลงทุนในต่างประเทศ (FIF) กองทุนน้ำมัน และกองทุนทองคำ พวกนี้สนใจอยู่ แต่ยังไม่เคยลงทุน พวกนี้ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ดังนั้นคงต้องอาศัยฟันด์แมเนเจอร์ให้บริหาร เพราะเป็นช่องทางที่มีปัจจัยหลากหลายที่ต้องดู แต่ไม่รีบร้อนลงทุน จนกว่าจะเข้าใจจริงๆ ถึงจะลงทุน
"อีกอย่างที่ไม่เคยลงทุนคือคอนโดมิเนียม ทีแรกสนใจ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว พวกนี้ต้องดูที่จังหวะและเวลา ถ้าเป็น 2 ปีที่แล้ว ถ้าพูดถึงคอนโดฯใครไม่มีก็เสียโอกาส เพราะตอนนั้นยังมีไม่กี่ตึก ถ้าซื้อแล้วปล่อยเช่าหรือขายในระยะนั้นง่ายมาก แต่ตอนนี้คิดว่าไม่น่าสนใจแล้ว ตอนนี้ผู้พัฒนาโครงการขอสินเชื่อเยอะมากไปถึงปี 2011 มีทั้งรายเล็กรายใหญ่ เมื่อล้นมากก็ไม่เหมาะกับการเก็งกำไร หรือถ้าจะปล่อยเช่าต้องดูโลเคชันจริงๆ เช่นถ้าสุขุมวิท 24 แถวเอ็มโพเรี่ยมก็อาจจะยังไปได้ และราคาแพงมาก บางยูนิต 19 ล้าน เอาเงินไปซื้อที่ดินต่างจังหวัดสวยๆ ได้สบายๆ กลางปีที่แล้วคิดจะซื้อ แต่เป็นคนดูละเอียด เดินดูเยอะมาก ดูไปดูมาเลยไม่ซื้อ "
ในแง่มุมของการจับจ่ายใช้สอย เธอออกตัวว่าปกติเป็นคนใช้เงินไม่เก่ง ถ้าจะซื้อก็จะคิดก่อน สิ้นเปลืองในบางเรื่องที่จำเป็น แบรนด์เนมก็ซื้อ แต่ใช้แล้วคุ้ม
"คนส่วนใหญ่ติดว่า เพื่อนมีฉันต้องมี ให้สังคมเป็นตัวกำหนด แต่ถ้าเราใจหนักแน่น ตั้งใจให้มั่น ว่าความสุขเราอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องตามกระแส ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่เป็นหนี้สิน ถ้าเราวิ่งตามกระแส ยังไงเราก็วิ่งตามไม่ทัน กระแสเดี๋ยวนี้เร็ว ถมยังไงก็ถมไม่เต็ม ถ้าวิ่งตามตายกันพอดี ต้องหยุดให้ได้ "
ตอนนี้เธอเป็นอีกคนหนึ่งที่วางแผนการเงินอย่างสาวโสด ตอนนี้เริ่มคำนวณคร่าวๆ ว่า บั้นปลายอาจต้องมีเงินรองรับถึง 50 ล้านบาทถึงจะเพียงพอ เพราะเดี๋ยวนี้คนอายุยืน อาจจะฟังดูเยอะ แต่เธอเชื่อว่าอนาคตไม่เยอะ ซึ่งเธอเชื่อว่าปกติเป็นคนออมเยอะใช้น้อย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ก็น่าจะทำได้ตามเป้าหมายนั้น
http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... านั้น.html
"ดร.สินีนาถ ไพสิฎฐานันท์" กฎเหล็กการลงทุน...ต้องชน
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "ดร.สินีนาถ ไพสิฎฐานันท์" กฎเหล็กการลงทุน...ต้
โพสต์ที่ 2
[quote="vichit"]วันที่ 25 กรกฎาคม 2553 01:00
"ดร.สินีนาถ ไพสิฎฐานันท์" กฎเหล็กการลงทุน...ต้องชนะเงินเฟ้อเท่านั้น [quote]
ผมว่าไม่น่ากำหนดเป้าหมายการลงทุนว่าต้องเป็นอย่างไร
ความลงทุนตามความสามารถ และความสบายใจน่าจะดีที่สุด
นักการเงินชอบสอนให้กระจายความเสี่ยงให้ลงใน เงินฝาก ทองคำ ที่ดิน กองทุนตราสารหนี้ กองทุนหุ้นทุน หุ้น และอื่น ๆ
ผมว่าเป็นการสอนที่ไม่ถูกต้อง สำหรับผู้มีความรู้ในทุก facilities อาจรับได้ แต่ใครล่ะ คนส่วนใหญ่ไม่ได้ศึกษาการลงทุนอย่างแท้จริง มักลงทุนตามที่เขาแนะนำ ขณะที่ความเป็นจริง แต่ละ facility มีรายละเอียดมาก เมื่อเราต้องมีความเข้าใจทุกอย่างที่ลงทุน แต่ไม่เข้าสักอย่าง การกระจายการลงทุนยิ่งมากยิ่งเพิ่มความเสี่ยงมากมิใช่หรือ
สรุป คือ การลงทุนต้องการความเข้าใจและการติดตาม
"ดร.สินีนาถ ไพสิฎฐานันท์" กฎเหล็กการลงทุน...ต้องชนะเงินเฟ้อเท่านั้น [quote]
ผมว่าไม่น่ากำหนดเป้าหมายการลงทุนว่าต้องเป็นอย่างไร
ความลงทุนตามความสามารถ และความสบายใจน่าจะดีที่สุด
นักการเงินชอบสอนให้กระจายความเสี่ยงให้ลงใน เงินฝาก ทองคำ ที่ดิน กองทุนตราสารหนี้ กองทุนหุ้นทุน หุ้น และอื่น ๆ
ผมว่าเป็นการสอนที่ไม่ถูกต้อง สำหรับผู้มีความรู้ในทุก facilities อาจรับได้ แต่ใครล่ะ คนส่วนใหญ่ไม่ได้ศึกษาการลงทุนอย่างแท้จริง มักลงทุนตามที่เขาแนะนำ ขณะที่ความเป็นจริง แต่ละ facility มีรายละเอียดมาก เมื่อเราต้องมีความเข้าใจทุกอย่างที่ลงทุน แต่ไม่เข้าสักอย่าง การกระจายการลงทุนยิ่งมากยิ่งเพิ่มความเสี่ยงมากมิใช่หรือ
สรุป คือ การลงทุนต้องการความเข้าใจและการติดตาม