ชาว VI นิยมถือหุ้นกลุ่ม Blue Chip หรือเปล่าครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ShunLiang
Verified User
โพสต์: 2
ผู้ติดตาม: 0

ชาว VI นิยมถือหุ้นกลุ่ม Blue Chip หรือเปล่าครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

สวัสดีครับ ผมเป็นน้องใหม่มาขอคำแนะนำพี่ๆครับ
พอดีผมเพิ่งเริ่มศึกษาเรื่องการลงทุนน่ะครับ
ตอนนี้กำลังอ่านหนังสือตามคำแนะนำของพี่ๆในห้องนี้เก็บความรู้ไปเรื่อยๆ

ผมอยากทราบว่า ชาว VI นิยมถือหุ้นกลุ่ม Blue Chip หรือเปล่าครับ

เท่าที่เข้าใจคือชาว VI เน้นการพิจารณาธุรกิจ ด้วยงบหลักทั้งสามตัว
ความถูกแพงของหุ้น โอกาสในการแข่งขันและเจริญเติบโตในอนาคต
เรียกได้ว่า เฟ้นหา ของถูกแบกะดินอย่างที่หนังสือของ ดร.นิเวศน์เขียนไว้

หุ้นกลุ่ม Blue Chip นี่เป็นหุ้นที่ผมเข้าใจว่าค่อนข้างดีกว่าหุ้นเกร็งกำไร (เล่นไปตัวเกร็งไป)
และน่าจะเป็นที่ชอบใจของชาว VI มากกว่า แต่การเป็นที่รู้จักในวงกว้างหมดแล้ว
จึงเป็นไปไม่ได้ที่ราคาต้นทุนจะถูกตามหลักเลือกหุ้น VI

หมายถึงมันคงไม่เปิดช่องทางให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนมากมายนัก
เมื่อเทียบกับหุ้นแบกะดินที่ไม่มีใครรู้จักที่ชาว VI ไปสรรหามาได้

ถ้าเป็นอย่างนั้น ชาว VI มีสัดส่วนในการครอบครองหุ้น Blue Chip มากน้อยแค่ไหนกันบ้างครับ ด้วยเหตุผลอะไรครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Packky
Verified User
โพสต์: 856
ผู้ติดตาม: 0

ชาว VI นิยมถือหุ้นกลุ่ม Blue Chip หรือเปล่าครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขออนุญาตนำบทความของอาจารย์มาให้อ่านนะครับ
โลกในมุมมองของ Value Investor                 21 มี.ค. 52

พูดถึงเรื่องของการซื้อขายหุ้นแล้ว   ผมคิดว่ามีเทคนิคหรือมีกฎต่าง ๆ  มากมายที่มีการคิดค้นและนำเสนอ   วิธีการหรือกลยุทธ์ที่ใช้ในแต่ละเรื่องนั้นมีหลากหลายแนวทางขึ้นอยู่กับว่าคนที่เสนอเป็นนักลงทุนแนวไหน   กลยุทธ์เหล่านั้นบ่อยครั้งขัดกันเอง   เช่น  ถ้าเป็นนักเก็งกำไร  พวกเขาอาจจะบอกว่าการเล่นหุ้นต้องเล่น  ตามกระแส  แต่ถ้าเป็นแบบ  Value  Investor  บางพวกเขาจะให้ซื้อขาย   สวนกระแส   วันนี้ผมขอนำเสนอหลักสำคัญบางประการของการซื้อขายหุ้นที่ผมเชื่อและใช้   เรียกให้เท่ว่า  บัญญัติ 10 ประการของการเล่นหุ้น

ข้อ 1  ศึกษาข้อมูลหุ้นให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อหุ้น   อย่าซื้อหุ้นโดยใช้อารมณ์  อย่าโลภ   อย่ารีบด่วนตัดสินใจซื้อหุ้นโดยเฉพาะในกรณีที่หุ้นกำลังวิ่ง  อย่าลืมว่ามีหุ้นที่กำลัง  วิ่ง  ทุกวัน   ถ้าเราซื้อ   เราก็จะเป็นนักเล่นหุ้นรายวันที่มีโอกาสถูกผิด 50-50   ถ้าเราทำแบบนี้ในระยะยาวเราจะขาดทุนเสมอ

ข้อ 2  อย่าสนใจข่าวลือหรือ  หุ้นเด็ด  ที่เราได้ยินมาไม่ว่าจะมาจากเซียน  คนในหรือ  Insider  ของบริษัท  หรือจากคนแปลกหน้าในงานเลี้ยง   เชื่อเถอะว่าถ้าเราได้ยินก็คงมีคนอีกไม่น้อยที่ได้ยิน   ข่าวหรือข้อมูลแบบนี้ไม่มีความหมายอะไรนอกจากจะทำให้เราเสียเงิน

ข้อ 3  ให้ความสำคัญกับตัวกิจการหรือตัวหุ้นมากกว่าสภาพตลาดหรือเศรษฐกิจโดยทั่วไป   เพราะถึงแม้ว่าสภาพทางเศรษฐกิจอาจจะไม่ดีแต่ตัวบริษัทก็อาจจะดีได้   นอกจากนั้น  ถึงกิจการอาจจะไม่ดีนักแต่ราคาหุ้นก็อาจจะต่ำกว่าพื้นฐานมาก   ดังนั้น   อย่าให้ภาพของตลาดหรือเศรษฐกิจมาหันเหการตัดสินใจซื้อหุ้นของเรา

ข้อ 4  หุ้นนั้นมักจะดูแย่กว่าที่คิดในช่วงที่ตลาดตกต่ำถึงพื้นในช่วงตลาดหมี   และดูดีกว่าที่คิดในช่วงที่ตลาดวิ่งถึงจุดสูงสุดในช่วงตลาดกระทิง    มีความกล้าหาญที่จะซื้อเมื่อทุกอย่างดูเลวร้าย   และขายเมื่อทุกอย่างดูดีจนไม่น่าเชื่อ

ข้อ 5  จำไว้ว่า   มันเป็นเรื่องยากที่เราจะสามารถซื้อหุ้นที่พื้นพอดีและขายหุ้นได้ที่จุดสูงสุด   ในยามที่ตลาดเลวร้ายมาก ๆ   นั้น   หุ้นอาจจะตกต่ำลงไปเกินกว่ามูลค่าพื้นฐานจริงได้มาก   เช่นเดียวกัน  ในยามที่ทุกคนกำลังมองโลกในแง่ดีมาก ๆ   หุ้นอาจจะขึ้นไปเกินพื้นฐานได้มากเหมือนกัน   ดังนั้น   อย่าคาดหวังว่าเมื่อซื้อหุ้นแล้วราคาจะต้องขึ้นทันที   หรือขายหุ้นแล้วก็หวังว่ามันจะลงถึงแม้ว่าเราจะเชื่อมั่นกับการวิเคราะห์หามูลค่าของเรา

ข้อ 6  ถ้ามั่นใจว่าบริษัทที่เราลงทุนมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีอนาคตในการเติบโตที่ดีมาก  อย่าขายเพียงเพราะว่าราคาหุ้นอาจจะดูเหมือนว่าสูงเกินไปหรือหุ้นวิ่งขึ้นมาเร็วเกินไปชั่วคราว   เพราะถ้าเราพลาด     เราอาจจะไม่สามารถซื้อมันกลับมาและทำให้เราพลาดที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมในอนาคต

ข้อ 7  อย่า  หลงรักหุ้น  จน  ตาบอด   เพราะมันจะทำให้เราไม่สามารถวิเคราะห์กิจการได้อย่างเป็นกลางไม่มีความลำเอียง    หุ้นนั้นรักได้แต่อย่าหลง   เราจะต้องตรวจสอบและประเมินดูฐานะและความคุ้มค่าอยู่ตลอดเวลา   และเมื่อถึงเวลาเราก็อาจจะต้องมีความ  โหดร้าย  พอที่จะ  ตัดรัก  หรือขายทิ้งได้ถ้าพิจารณาดูแล้วว่ามัน  หมดเสน่ห์  แล้ว

ข้อ 8  อย่าสนใจว่าหุ้นเคยอยู่ที่จุดไหนมาก่อน   จงสนใจว่าหุ้นจะไปที่ไหน    กิจการอาจจะเคยกำไร  100 ล้านบาท   ราคาหุ้นอาจจะเคยอยู่ที่  10  บาทต่อหุ้น  แต่ขณะนี้กำไรเหลือเพียงหลัก  10-20  ล้านบาท  ราคาหุ้นตกลงมาเหลือเพียง  2  บาทต่อหุ้น   อย่าไปคิดว่ากิจการและหุ้นจะต้องกลับไปที่เดิมหรือใกล้ ๆ  กับที่เดิม    อย่าลืมว่าของเดิมอาจจะเป็นปรากฏการณ์ที่ผิดปกติก็ได้   ตัวเลขใหม่คือของจริง    ดังนั้น   ลืมตัวเลขเก่าแล้วมองไปข้างหน้า  หุ้นราคา  2  บาทอาจจะยังแพงเกินไปก็ได้

ข้อ 9  เน้นการลงทุนในหุ้นคุณภาพสูง   หุ้นคุณภาพต่ำนั้นบางครั้งอาจจะให้ผลตอบแทนที่ดีและเร็วมาก   แต่ความสำเร็จในระยะยาวนั้นมีโอกาสสูงกว่าที่จะเกิดกับพอร์ตของหุ้นที่เน้นการลงทุนในหุ้นคุณภาพสูงเป็นหลัก   Value Investor จำนวนมากหลีกเลี่ยงหุ้นดีประเภทซุปเปอร์สต็อกและชอบเล่นหุ้นคุณภาพต่ำที่มีโอกาสทำกำไรหวือหวารวดเร็ว   การทำแบบนี้ถ้าทำเป็นครั้งคราวก็คงไม่เสียหายอะไรนัก    แต่ถ้าเริ่มต้นก็ทำแล้วจนในที่สุดติดเป็นนิสัย   โอกาสที่เขาจะประสบความสำเร็จในระยะยาวก็จะยาก   พอร์ตที่ประกอบไปด้วยหุ้นของกิจการที่มีคุณภาพต่ำนั้นยากที่จะทำให้เรารวย    ตรงกันข้าม  พอร์ตของกิจการที่มีคุณภาพสูงนั้น   สามารถทำให้เรารวยได้และด้วยความเสี่ยงที่ต่ำกว่ามาก

ข้อ  10  ใช้เวลากับการลงทุน   ตรวจสอบกิจการและหุ้นอย่างสม่ำเสมอ   ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไป    เราต้องปรับการลงทุนเพื่อให้สะท้อนกับการเปลี่ยนแปลง   ตัดหุ้นที่อ่อนแอลงออก   ซื้อหุ้นที่ดีกว่าเข้ามา   แต่นี่ไม่ใช่การเทรดหรือซื้อขายหุ้นรายวัน  รายเดือน  หรือแม้แต่รายปี  มันขึ้นกับสถานการณ์และตัวหุ้น   โดยเฉลี่ยแล้วถ้าเราซื้อหุ้นแล้วถือไม่ถึงปี   วิธีการลงทุนของเราคงไม่ใช่การเน้นหุ้นคุณภาพในการลงทุนเป็นหลัก

ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงบางส่วนของกฎในการซื้อขายหุ้นลงทุนที่ผมคิดว่าดีและสอดคล้องกันเป็นชุด    แน่นอน   มีกฎอื่น ๆ  อีกมากมายนับไม่ถ้วนและอาจจะตรงกันข้ามกับที่ผมพูดถึง  นักลงทุนคงต้องเลือกเองว่าจะเชื่อแนวความคิดหรือวิธีไหน   แต่ขอบอกว่านี่คือวิธีการที่นักลงทุนเอกของโลก  อาทิ  วอเร็น บัฟเฟตต์  ใช้อยู่และประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
สำหรับผมแล้วไม่ได้จำเพาะว่าจะต้องมีหุ้น Blue Chip สัดส่วนเท่าไหร่ครับ
ขึ้นอยู่กับว่าหุ้นนั้นเป็นหุ้นที่มีคุณภาพที่เราพอใจจะลงทุนรึเปล่าครับ
:8)  :8)  :8)
เด็กเลี้ยงไม้
Verified User
โพสต์: 983
ผู้ติดตาม: 0

ชาว VI นิยมถือหุ้นกลุ่ม Blue Chip หรือเปล่าครับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

สำหรับผมคิดว่า หุ้นบลู เนี่ยเหมือนถูกส่องด้วยสปอตไลท์ แล้วอะครับ
จากที่อ่านหนังสือมาบ้าง ชาวvi จะหาหุ้นประเภท ที่นักวิเคราะห์ยังไม่มองครับ (แต่ต้องเป็นหุ้นที่ดีด้วยนะครับ ฮ่าๆๆ) แล้วรอครับ
ผมคิดว่าหุ้นพวกนี้จะทำกำไรให้กับ นลท. ได้มากกว่าหนะครับ

ส่วนที่ผมถืออยู่ ไม่รู้ว่ามันเป็น blue รึป่าวนะสิครับ ฮ่าๆ
โพสต์โพสต์