แก้ไขหนี้นอกระบบ ระวังพบหายนะ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
อะไรดีละ
Verified User
โพสต์: 680
ผู้ติดตาม: 0

แก้ไขหนี้นอกระบบ ระวังพบหายนะ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

มันดูเหมือนเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ที่รัฐบาลจะเข้ามาช่วยเหลือผู้ที่ติดหนี้สินนอกระบบ  โดยเปิดให้ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1-31 ธ.ค.นี้   โดยมีเงื่อนไขให้มีหนี้สินไม่เกินคนละ 2 แสนบาท  ธนาคารออมสิน และ ธกส. เป็นผู้รับหน้าที่ปล่อยกู้เพื่อแปลงหนี้เข้าในระบบ
โดยคาดการณ์กันไว้ว่าจะมีผู้เข้าจดทะเบียนถึง 1 ล้านคนซึ่งจะช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาหนี้สินนอกระบบให้ได้รับความเป็นธรรม  สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่รับรีไฟแนนซ์จากเจ้าหนี้นอกระบบนั้น ธนาคารออมสินจะคิดที่ 0.5% ต่อเดือน  ขณะที่ ธกส.จะคิดที่ 6.75% ต่อปี  ซึ่งก็ถือได้ว่าต่ำมาก  เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นอกระบบซึ่งมักจะสูงกว่า 10% ต่อเดือนขึ้นไป
อย่างไรก็ดี  เรื่องนี้มีประเด็นที่น่าจับตาอย่างยิ่งอยู่ 4 ประเด็นของ หนี้ ก็คือ  
1. หนี้ปลอม :  ซึ่งเป็นการวางแผนร่วมระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ปลอมๆ  โดยไม่ได้ติดหนี้สินกันจริงๆ  แต่ทำสัญญาเงินกู้กันขึ้นมา  แล้วให้ลูกหนี้ปลอมนั้นไปกู้ยืมเงินตามโครงการนี้  ได้เงินมา 2 แสนบาท  แบ่งเงินกันคนละครึ่ง  จากนั้นก็เบี้ยวหนี้ธนาคารของรัฐไปเลยตั้งแต่งวดแรก  ดังนั้น 2 คนซึ่งเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ปลอมก็แบ่งเงินไปคนละ 1 แสน  แต่ความเสียหายหรือหนี้เสียนี้จะเกิดกับธนาคารออมสิน และ ธกส. ซึ่งจะตกมาเป็นภาระของงบประมาณรัฐบาลในที่สุด
2. หนี้พนัน : หนี้สินจำนวนไม่น้อยเกิดจากการเล่นพนัน และ นำไปซื้อสินค้าอบายมุขทั้งเหล้า หรือ ยาเสพติดต่างๆ   การนำเงินของภาครัฐซึ่งเป็นเงินของคนทั้งประเทศไปให้กู้ด้วยต้นทุนต่ำๆ เพื่อช่วยบุคคลกลุ่มนี้เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
3. หนี้ฟุ้งเฟ้อ : บางคนก็อาจเห็นว่านี่เป็นช่องทางหนึ่งซึ่งจะได้เงินของรัฐบาลมาง่ายๆ  โดยไม่เกิดผลเสียหายหากจะเบี้ยวหนี้ในอนาคต  โดยหนี้ที่พวกเขาก่อขึ้นเกิดจากการใช้จ่ายซื้อสินค้าที่ฟุ่มเฟือยเกินตัว  สุดท้ายแล้วคนกลุ่มนี้ก็ไม่สามารถผ่อนชำระคืนหนี้สินได้อยู่ดี   น่าคิดเป็นอย่างยิ่งเหมาะสมแล้วหรือไม่ที่จะช่วยคนกลุ่มนี้
4. หนี้บิดเบือน : บางคนติดหนี้ในระบบอยู่  แต่เริ่มผ่อนไม่ค่อยไหว  จึงคิดเปลี่ยนมาเข้าโครงการนี้แทน เพราะ ดอกเบี้ยต่ำลงมาก  จึงให้เพื่อนสนิทเป็นเจ้าหนี้นอกระบบทำสัญญาเงินกู้ขึ้นมา  ได้เงินมาผ่อนกับโครงการนี้แทน   นี่จึงเป็นการบิดเบือนกลไกตลาด เพราะ ปกติสินเชื่อไร้หลักประกันเช่นนี้หากปล่อยให้กับคนรากหญ้าซึ่งไร้แหล่งทำงานชัดเจน  ควรจะมีระดับที่สูงกว่าสินเชื่อในระบบปล่อยให้คนทำงานซึ่งอยู่ระดับ 28 เปอร์เซ็นต์ต่อปี  แต่โครงการนี้คิดแค่ 6.75 % ต่อปีเท่านั้นเอง  อาจมีหนี้ในระบบย้ายมาเข้าโครงการนี้หลายหมื่นล้าน
5. หนี้เสีย :  บทสรุปก็คือ เราจะประเมินความเสียหายจากอัตราการเกิดหนี้เสียของโครงการนี้ได้อย่างไร  หากอัตราการเกิดหนี้เสียไม่ถึง 1% คล้ายกรณี กรุงไทยธนวัฏ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งเพราะน่าจะช่วยเหลือประชาชนในกลุ่มนี้ให้ได้รับความเป็นธรรม  แต่โอกาสที่เกิดหนี้เสียแบบธนาคารประชาชนซึ่งสูงกว่า 20%  น่าจะเป็นไปได้มากกว่า  นั่นก็เป็นเรื่องที่น่าหนักใจเพราะสุดท้ายแล้วหนี้เสียเหล่านี้ไปจะกัดกินส่วนทุนของธนาคารรัฐ  สั่นคลอนความแข็งแกร่งของธนาคารออมสิน และ ธกส.ได้  โดยสุดท้ายแล้วรัฐบาลอาจจำเป็นต้องเพิ่มทุนให้อีกเป็นจำนวนมากหลายหมื่นล้านบาท
การแก้ไขปัญหาหนี้สินนั้นเป็นเรื่องที่ควรกระทำ  แต่ผมคิดว่ารัฐบาลกำลังดำเนินการแบบเสี่ยงมากจนเกินไป   ซึ่งอาจกระทบต่อภาระการคลังได้สูงมากในอนาคต
เหตุใดรัฐบาลจึงไม่คิดจะนำ เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก ซึ่งใช้หลักการยืมพลังมาใช้  ที่จริงแล้วประชากรในกลุ่มประกันสังคมนั้นมีเงินออมในกองทุนประกันสังคมอยู่แล้ว  แค่ยืมพลังนั้นมาใช้ก็เป็นเงินหลายแสนล้านบาทซึ่งใช้แก้ไขปัญหาหนี้สินทั้งในและนอกระบบไปได้มากแล้ว
โดยแนวคิด สินเชื่อ99 ซึ่งเป็น 1 ใน 18 กระบวนท่า เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก นั้นได้เขียนไว้ว่า เป็นสินเชื่อซึ่งให้ผู้ประกันตน และ สมาชิก ของ สำนักงานประกันสังคม (สปส.)  เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และ กบข. สามารถยืมเงินผ่านธนาคารของรัฐ (ออมสิน กรุงไทย ธกส. เป็นต้น)  ในอัตราดอกเบี้ย 9 เปอร์เซ็นต์ต่อปี  โดยแบงก์รัฐได้รับ 6%   สปส.หรือ กบข.ได้รับ 1.5% ต่อปี  และ รัฐบาลได้ค่าธรรมเนียม 1.5% ต่อปีเป็นรายได้เข้าคลัง  จึงได้ประโยชน์กันถ้วนหน้า
ให้ สปส. บลจ. และ กบข. เป็นผู้ค้ำประกันไม่เกินกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของเงินออมแต่ละบุคคล  ด้วยวิธีง่ายๆ เช่นนี้สามารถมีเงินไหลออกมาเป็นสินเชื่อได้ถึง 9 แสนล้าน (จากยอดเงินบำนาญทั้งหมด 1.5 ล้านล้านบาท)  ซึ่งจะช่วยเหลือประชากรได้ถึง 9 ล้านครอบครัว (เมื่อรวมญาติสนิทของผู้ประกันตน และ ข้าราชการรายได้น้อยด้วย)  ได้เงินสินเชื่อภายในเวลาไม่เกิน 9 วันเท่านั้นเอง
วิธีนี้จะสามารถป้องกันหนี้เสียได้  เพราะว่าหากใครเบี้ยวไม่จ่ายดอกเบี้ย 3 เดือนติดกัน  ก็สามารถตัดยอดจากเงินออมของบุคคลนั้นได้เลย  ความเสี่ยงของสินเชื่อโครงการนี้จึงไม่มีเลยแม้แต่น้อย
แนวคิดแบบนี้น่าจะยุติธรรมกว่ามาก  มันเป็นเงินของผู้ประกันตน และ สมาชิกกองทุนบำนาญอยู่แล้ว  ยืมเงินตนเองออกมาก่อนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินดอกเบี้ยโหด   ในระบบปัจจุบันมือข้างหนึ่งถูกบังคับให้ออมเงินได้ผลตอบแทนราว 5% ต่อปี  ส่วนมืออีกข้างต้องไปกู้ยืมเงินยอดเดียวกันนอกระบบด้วยดอกเบี้ยสูงถึง 120% ต่อปี  เวลายิ่งผ่านไปยิ่งทำให้จนลงๆ และ ติดหนี้สินเพิ่มขึ้นตลอด   ด้วยวิธีนี้ไม่ต้องมาลงทะเบียนว่าใครจนบ้าง  ใครติดหนี้เท่าไหร่บ้าง  ไม่ต้องเสียเวลาคุยประนอมหนี้  ปล่อยให้เป็นเรื่องของลูกหนี้จะไปคุยเอาเอง   สปส. และ กบข. มีข้อมูลอยู่แล้วว่าใครมีเงินออมอยู่เท่าใดประกันเงินกู้ให้ไม่เกิน 9 ส่วนของยอดนั้น   เมื่อผู้ประกันตนเดินไปแบงก์รัฐทำเรื่องขอสินเชื่อ  ภายใน 9 วัน  รอรับเงินได้เลย  
แนวคิดนี้น่าจะสามารถช่วยเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้สูงกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ในปีหน้าได้อย่างไม่ยากนัก  เพราะเงินสินเชื่อนี้จะไปหมุนเศรษฐกิจได้อีกหลายรอบ   แรงงานในระบบจะสามารถประหยัดดอกเบี้ยจ่ายไปได้มาก  จึงสามารถนำเงินที่เหลือไปใช้จ่ายได้มากขึ้น   โดยอาจเหลือเงินออมได้อีกด้วย  
ต่อคำถามที่ว่า จะแก้ไขปัญหาความยากจนและหนี้สินของคนครึ่งประเทศภายในครึ่งเดือนได้อย่างไร  ผมคิดว่าแนวคิดข้างต้นอาจเป็นคำตอบนั้น    ผมขอฝากรัฐบาลนำเรื่องนี้ไปคิดพิจารณาเพื่อสร้างระบบยุติธรรมต่อผู้ประกันตนและประชาชนด้วยครับ
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก... กรอบแนวคิดใหม่ใช้หลักยืมพลัง และ รักษาสมดุลเพื่อช่วยฟื้น ศก.ไทย และ ศก.โลก

หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

แก้ไขหนี้นอกระบบ ระวังพบหายนะ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

1. หนี้ปลอม :  ซึ่งเป็นการวางแผนร่วมระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ปลอมๆ  โดยไม่ได้ติดหนี้สินกันจริงๆ  แต่ทำสัญญาเงินกู้กันขึ้นมา  แล้วให้ลูกหนี้ปลอมนั้นไปกู้ยืมเงินตามโครงการนี้  ได้เงินมา 2 แสนบาท  แบ่งเงินกันคนละครึ่ง  จากนั้นก็เบี้ยวหนี้ธนาคารของรัฐไปเลยตั้งแต่งวดแรก  ดังนั้น 2 คนซึ่งเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ปลอมก็แบ่งเงินไปคนละ 1 แสน  แต่ความเสียหายหรือหนี้เสียนี้จะเกิดกับธนาคารออมสิน และ ธกส. ซึ่งจะตกมาเป็นภาระของงบประมาณรัฐบาลในที่สุด

คนค้ำประกัน  คงจะอยู่แบบกินได้นอนหลับ   แบบมีความสุข
ก็ให้มันรู้ไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
gradius173
Verified User
โพสต์: 198
ผู้ติดตาม: 0

แก้ไขหนี้นอกระบบ ระวังพบหายนะ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ผมเห็นด้วยว่าถ้าจะทำแบบนี้ใช้ เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
เงินประกันสังคม หรือเงินบำเหน็จ มาค้ำประกันดีกว่า

แต่ปัญหาจะเป็นกลุ่มอาชีพอิสระที่ไม่มีอไรมาค้ำประกันเลย
พวกหาบเร่แผงลอย รถเข็น Taxi กลุ่มนี้
คนค้ำประกัน  คงจะอยู่แบบกินได้นอนหลับ   แบบมีความสุข
ก็ให้มันรู้ไป
ผมว่าอยู่สุขครับเพราะคนค้ำก็เป็นลูกหนี้คนอื่นอีกทอด ใช้วิธีที่ค้ำไขว้กันเหมือนที่พวกแม่ค้าในตลาดใช้กัน
เธอค้ำฉัน ฉันค้ำเธอ แต่หากจะทำจริงๆคงต้องให้ซับซ้อนกว่านี้
อะไรดีละ
Verified User
โพสต์: 680
ผู้ติดตาม: 0

แก้ไขหนี้นอกระบบ ระวังพบหายนะ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ผมก็คิดว่า  ไขว้กันค้ำประกันจะมีโอกาสเกิดสูง และ ก็เป็น "หนี้เสีย" ทั้งคู่

วิธีแบบนี้เสี่ยงกว่ามากๆ  ที่จะทำให้ระบบการเงินของไทยสั่นคลอนได้เลย
"ออมสิน" "กรุงไทย" "ธกส." หากดำเนินโครงการแบบนี้แล้วเกิด NPL ราว 25% จะถูกกัดกินส่วนทุนหลายหมื่นล้านบาท

ผมคิดว่าคนสนใจเข้าร่วมโครงการจะไม่ใช่แค่ 1 ล้านคน  แต่น่าจะเป็นราว 10 ล้านคนมากกว่า... วงเงินที่ต้องการอาจสูงถึง 5 แสนล้าน  เพราะหนี้ทั้งในระบบ และ นอกระบบ จะมีต้นทุนที่สูงกว่านี้  ผ่อนระยะสั้นกว่านี้ทั้งนั้น  คนติดหนี้บัตรเครดิต  หนี้สินเชื่อบุคคล  หนี้นอกระบบ  ต้องเฮกันขอสิทธิทั้งนั้น    
นี่คือโครงการ "ประชานิยม" ของแท้  ปล่อยหนี้ดบ.ต่ำกว่า ให้กับกลุ่มคนที่เสี่ยงสูงกว่า  บิดเบือนกลไกตลาดสุดๆ  

วิธี "สินเชื่อ99" โดยให้สถาบันการเงินที่บริหารเงินบำนาญ มาค้ำประกันนั้น สิ่งที่ดีกว่า ก็คือ "ไม่เสี่ยง" และ "ยุติธรรม"  ใครออมเท่าใดก็กู้ได้ไม่เกิน 9 ส่วนของเงินนั้น  ใครเบี้ยวเราก็ยึดเงินไป...ไม่กลัวอยู่แล้ว

สำหรับคนประกอบอาชีพอิสระ..แท๊กซี่  แม่ค้า  ก็ไปกู้ยืมต่อจาก คนในประกันสังคมต่ออีกที   ถ้าสนิทมากๆ ก็ได้ อดบ.เดิมๆ นั่นแหละ   ถ้าสนิทน้อยหน่อย ดบ.ก็อาจแพงขึ้นนิด  ซึ่งก็ยุติธรรมดี ได้ดบ.ตามแต่ความสนิท หรือ เครดิตของแต่ละคนนั่นละครับ   อย่างไรก็ดีก็คงถูกกว่า "นอกระบบ" ตอนนี้นั่นแหละ

วิธีของรัฐบาลนั้น  ต้องตรวจสอบหนี้..คุยประนอมหนี้  กว่าเงินจะลงจริงก็ พค.ปีหน้า  ช้าเกินไปหน่อย
ขณะที่วิธี "สินเชื่อ99" นั้นเร็วกว่ามากๆ  ภายใน 9 วันรับเงินได้เลยนะครับ
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก... กรอบแนวคิดใหม่ใช้หลักยืมพลัง และ รักษาสมดุลเพื่อช่วยฟื้น ศก.ไทย และ ศก.โลก

หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
โพสต์โพสต์